ตอนที่ 18 : SUGAR DADDY : CHAPTER 17
SUGAR DADDY
- CHAPTER 17 -
หลังจากวันที่สมุดบันทึกเล่มนั้นถูกเปิดความสัมพันธ์ระหว่างสองบุคคลที่ต่างวัยกันพอสมควรก็ดูเหมือนว่าจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่าความกังวลในข้อจำกัดต่างๆได้ทำลายลงไป มีความเข้าใจกันและกันที่เพิ่มมากขึ้น แบมแบมสามารถยิ้มได้เต็มแก้มโดยไม่ต้องมีเรื่องอะไรให้ต้องเก็บเอาไว้ในจิตใจอีกเหมือนที่เคย ส่วนมาร์คเองก็ดูเหมือนจะผ่อนปรนลงไปบ้างเมื่อได้บอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดผ่านทั้งการกระทำและคำพูดไปแล้ว
“ขอบคุณที่มาร่วมงานนะมาร์ค พาน้องแบมกลับไปพักผ่อนเถอะ...ดีใจนะที่ได้เจอนายวันนี้”
“ขอให้ชีวิตคู่ประสบความสำเร็จนะครับคุณน้าลี่จิน ขอให้น้องที่อยู่ในท้องเกิดมาสมบูรณ์พร้อมสมคำอวยพรของแบมและทุกๆคน” คำอวยพรส่งท้ายจากปากของเด็กหนุ่มตัวเล็กที่อยู่ในชุดสูทสีขาวประดับดอกไม้ตรงอกทำให้ดูเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ลี่จินในชุดเจ้าสาวฟูฟ่องยิ้มรับเต็มใบหน้าแม้ว่าวันนี้เธอจะต้องเหนื่อยมาตั้งแต่เช้ามืด
แต่มันก็เป็นความเหนื่อยที่สนุกและมีความสุข...
“ขอบใจมากจ้ะ ต่อจากนี้น้าก็คงไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมที่นู่นแล้ว...ฝากดูแลมาร์คด้วยนะจ๊ะ รายนี้น่ะชอบดื้อหน้าตาย จัดการเผื่อน้าด้วยนะถ้าหากว่าวันไหนมีโอกาส” แบมแบมหัวเราะคิกคักกับประโยคล้อเลียนคนแก่ที่ยืนกอดอกยิ้มๆอยู่ข้างกัน สามีของคุณน้าลี่จินที่ยืนอยู่ด้านข้างในชุดเจ้าบ่าวเต็มยศก็ยิ้มกว้างให้กับแขกทั้งสองอย่างเป็นมิตรแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วก็ตาม
“น้องแบมอยากอยู่อาฟเตอร์ปาร์ตี้หรือเปล่าคุณ ยังหนุ่มยังแน่นน่าจะลองเปิดโลกดูสักหน่อยนะ” ลี่จินกระทุ้งศอกใส่สามีอย่างไม่จริงจังนัก แบมแบมยิ้มกว้างก่อนจะปฏิเสธออกไปเป็นคำพูดชัดเจน
“ไม่ดีกว่าครับเพราะแบมเจ็ทแล็ค ยังไม่หายดีเท่าไหร่”
“ฮ่าๆ งั้นก็พักผ่อนเยอะๆนะ มาร์คด้วย...ฉันให้พี่แจ็คสันคอยดูแลช่วงอาฟเตอร์แล้วล่ะไม่ต้องห่วง”
หลังจากบอกลาคู่บ่าวสาวและผู้ใหญ่ในงานเรียบร้อยมาร์คกับแบมแบมก็พากันเดินลงมาจากชั้นสามสิบที่ใช้เป็นสถานที่ในการจัดพิธีมงคล เด็กหนุ่มในชุดสูทแปลกตาเดินเคียงคู่มากับคุณอาที่วันนี้ก็ดูหล่อเข้มสมอายุดึงดูดสายตาจากผู้คนรอบข้างได้ดีไม่ต่างจากปกติ
“หิวหรือเปล่า” จนกระทั่งเข้ามาในรถยนต์มาร์คก็เปิดปากถาม เห็นอยู่ว่าในงานแบมแบมกินน้อยอาจจะเป็นเพราะอาการเจ็ทแล็คของเจ้าตัวเพราะปรับตัวให้เข้ากับเวลาและอากาศที่ปักกิ่งไม่ทัน แต่สำหรับมาร์คที่เดินทางไปไหนมาไหนบ่อยนั้นก็ชินชาเสียแล้ว
“นิดหน่อยครับ แต่อยากนอนมากกว่า” เด็กน้อยตอบพลางเอื้อมมือไปปรับเบาะให้เอนลงกว่าเดิมเล็กน้อย สูทสีขาวพอดีตัวถูกถอดอกมาใช้แทนผ้าห่ม เด็กน้อยที่วันนี้ใช้พลังงานเกินขีดจำกัดปิดเปลือกตาลงแทบจะทันทีที่รถเคลื่อนตัว
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกลับไปสั่งอะไรกินที่โรงแรมก็แล้วกัน”
รถยนต์สีขาวป้ายทะเบียนแปลกตาที่มาร์คได้รับมาจากลี่จินเพื่อใช้ในการเดินทางตลอดสามวันในปักกิ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วที่พอสมควร การจราจรในเมืองหลวงของประเทศจีนที่แม้จะดึกแล้วแต่ก็ยังคงคราคร่ำทำให้มาร์คอดเป็นห่วงเด็กน้อยที่ผล็อยหลับไปแล้วไม่ได้ มือใหญ่คอยเบาหรี่แอร์และกระชับเสื้อสูทให้กับคนที่นั่งอยู่ฝั่งข้างๆกันอยู่ตลอด
“อือ...”
“จะนอนต่อหรือว่าจะสั่งอาหาร” เปลือกตาบางมาเปิดเอาอีกทีก็เห็นว่าบรรยากาศรอบตัวนั้นเปลี่ยนจากในรถยนต์มาเป็นเตียงขนาดคิงไซส์ของโรงแรมเรียบร้อยแล้ว เด็กน้อยกระพริบตาปริบเมื่อถูกยิงคำถามให้เลือกเสียตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา
“ทานอะไรหน่อยก็ดีเหมือนกันครับ” แบมแบมหันไปมองเจ้าของเสียงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างกันก็พบว่าอามาร์คนั้นน่าจะอาบน้ำเรียบร้อยแล้วหากแต่ว่ายังไม่เปลี่ยนเป็นชุดนอนเพราะอีกฝ่ายมีเพียงเสื้อคลุมสีเทาเนื้อหนาที่ทางโรงแรมแจกให้กับแขกที่เข้าพักเท่านั้น แผงอกขาวยังมีหยดน้ำปรากฏให้เห็นประปราย
“อยากอะไรเป็นพิเศษไหม” มาร์คเลิกคิ้วถาม วางปลายนิ้วลงบนแก้มนิ้มลากไล้เบาๆอย่างหลงใหล ส่วนคนถูกกระทำก็ไม่คิดปัดป้อง นอนมองหน้าเจ้าของปลายนิ้วนั่นด้วยดวงตาดุจลูกกวางแสนซื่อ
“อยากกินของหวานๆครับอะไรก็ได้”
“อืม...ไปอาบน้ำก่อนจะได้ไม่งัวเงีย” อามาร์คใจดีกว่าที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด หรืออันที่จริงแล้วก็อาจจะเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าแสดงออกผ่านคำพูดเพิ่มขึ้น หากแต่มันก็เป็นอะไรที่ทำให้แบมแบมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ย่ำอยู่กับที่แต่กำลังก้าวไปข้างหน้าช้าๆอย่างมั่นคง
“ได้ครับ”
แบมแบมหายเข้าไปในห้องน้ำอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะกลับออกมาพร้อมชุดนอนที่หยิบติดเข้าไปด้วย โรงแรมของที่นี่แม้จะเป็นราคาแพงและเป็นห้องพักแบบพิเศษแต่ก็ยังไม่กว้างได้ครึ่งหนึ่งของคอนโดอามาร์คด้วยซ้ำ แต่จะว่าไปอามาร์คก็ไม่ได้เป็นคนเลือกโรงแรมเองเสียทีเดียวเพราะว่าน้าลี่จินจัดการตระเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้จนพร้อมสรรพ เขากับอามาร์คมีหน้าที่มาเป็นแขกในงานแต่งก็เท่านั้น
“ป๊าครับ...” กลับเข้ามาในห้องนอนไม่เห็นวี่แววของคนอายุมากกว่าเด็กน้อยจึงเปลี่ยนทิศทางไปยังด้านนอกที่เป็นส่วนของโต๊ะอาหาร เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่บนเก้าอี้รับประทานอาหารพร้อมกับมือถือในมือคล้ายกับกำลังหาอะไรดูฆ่าเวลา
“แบบนี้ใช้ได้ไหม” แบมแบมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกัน อาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าเหมือนว่าจะเยอะเกินไปด้วยซ้ำ แต่ที่เด็กชายประทับใจมากที่สุดก็คงไม่พ้นเค้กปอนด์เล็กที่ถูกตกแต่งหน้าเรียบๆแต่ชวนให้ลิ้มลองตรงกลางโต๊ะ
“แบมแค่อยากของหวาน ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเค้กก้อนใหญ่ขนาดนี้นะครับ”
เด็กชายแกล้งพูดเย้า รอยยิ้มมุมปากของคนถูกแซวปรากฏขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ อาหารบนโต๊ะยังไม่ถูกแตะเพราะว่าสายตาร้อนแรงของคนอายุมากกว่าที่จงใจมองจ้องไปยังคนฝั่งตรงข้ามนั้นทำเอาคนถูกมองคล้ายกับต้องมนต์ แบมแบมสบสายตาแสนร้อนแรงนั่นพร้อมกับริมฝีปากอิ่มที่เม้มเข้าหากันเบาๆตามสัญชาติญาณเมื่อรู้สึกประหม่า
“มองฉันแบบนี้อยากเอาเค้กไปกินบนเตียงหรือไง”
แบมแบมไม่เข้าใจหรอกว่าประโยคนี้ของอามาร์คมันหมายความว่ายังไง
จนกระทั่ง...
“อ...อือ”
อาหารรสเยี่ยมที่ดูน่ารับประทานในสายตาเมื่อครู่กลับกลายเป็นจืดชืดไปในบัดดลเมื่อจู่ๆรสจูบร้อนแรงก็เริ่มขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มาร์คลุกเดินมาประชิดตัวเด็กน้อยอย่างรวดเร็วก่อนจะมอบรสจูบที่มอมเมาให้สติของคนตัวเล็กกระเจิดกระเจิง มือเล็กขยำเสื้อคลุมตัวหนาแน่นคล้ายต้องการจะฉีกมันออกจากกัน ฝ่ามือใหญ่แสนซุกซนเกลี่ยตุ่มไตเล็กผ่านผ้าเนื้อบางอย่างเย้าอารมณ์
“ป...ป๊า อย่าครับ”
“...” แบมแบมร้องห้ามเมื่อจู่ๆคนอายุมากกว่าก็ทรุดตัวลงเปลี่ยนจากการยืนคร่อมเขาไว้เป็นคุกเข่าอยู่ตรงหน้า คนตัวเล็กพอจะเดาได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปและแบมแบมไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องทำแบบนี้ มันน่าอายแล้วก็ดูเอาเปรียบอีกฝ่ายแบบแปลกๆ อย่างน้อยอามาร์คก็อายุมากกว่า...ถึงมันจะรู้สึกดีเกินห้ามแต่แบบนี้ก็คงจะไม่เหมาะนัก
“ทำไม” มาร์คเงยขึ้นมองพร้อมถามเสียงพร่า ฝ่ามือหนาจับเข้าที่ปลายคางของเด็กตัวเล็กแล้วลูบไล้เบาๆรอคำตอบจากเด็กที่เป็นดั่งดวงใจ
“ย...อย่าใช้ปากเลยครับ เอ่อ แบม แบมเกรงใจ”
“ฮะๆ เด็กน้อย” มาร์คหลุดขำเมื่อได้ยินคำขอและเหตุผลตรงๆที่อีกฝ่ายกลั้นใจพูดออกมา แบมแบมหลุบตาต่ำพยายามหนีบขาเข้าหากัน มันยิ่งกลับดูน่ารักและยั่วแบบไร้เดียงสาไปในเวลาเดียวกัน
“...”
“ถ้าอย่างนั้นไปที่เตียงดีไหม ฉันชักจะอยากของหวานขึ้นมาบ้างแล้ว” แบมแบมเม้มปาก จิตใจข้างในมันอ่อนระทวยไปหมดตั้งแต่ที่รับจูบร้อนแรงเมื่อครู่ ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ตอบรับจนถูกรั้งให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะลอยหวือเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งนั่นแหละหัวใจดวงน้อยถึงกลับมาเต้นโครมครามอีกครั้ง
“ป๊า...”
และคนอายุมากกว่าก็ทำให้เขาได้รู้ความหมายของประโยคกำกวมเมื่อครู่อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
CUT
@SINCE9397
พายุอารมณ์สงบลงไปได้เพราะร่างกายเล็กๆนั้นอ่อนเพลียจนผล็อยหลับไปทั้งที่ยังคงพูดคุยกันอยู่ด้วยซ้ำ มาร์คจูบไหล่เล็กๆนั่นเป็นการส่งเข้านอนก่อนจะคลุมผ้านวมให้พร้อมกับปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสมกับคนที่คิดว่าอาจจะมีอาการจับไข้ในอีกไม่นาน ส่วนคนอายุมากกว่าที่กลับมาใส่เสื้อคลุมตัวเดิมหลังจากที่ปลดทิ้งไปเมื่อชั่วโมงก่อนก็ลุกออกจากเตียงไปจัดการกับอาหารที่ถูกทิ้งค้างไม่มีใครสนใจเข้าตู้แช่เอาไว้เพื่ออุ่นในตอนเช้า
“...” หลุดขำออกมานิดหน่อยเมื่อเห็นเค้กปอนด์ใหญ่ที่ยังไม่ถูกแตะต้องโดยคนที่บอกว่าอยากกินสักนิด เมื่อจัดการกับอาหารเรียบร้อยสองขายาวก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอนขนาดใหญ่ที่เปิดเป็นไฟสีส้มสลัวเอาไว้เพื่อค้นยาที่แม่บ้านซุนน่าจะจัดเตรียมมาให้เผื่อเหตุฉุกเฉิน
เพราะเขาคิดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเมื่อลืมตาตื่นหลานชายคนดีจะต้องพึ่งเจ้าสิ่งนี้อย่างแน่นอน..
.
.
เวลาสามวันกับอีกสองคืน ณ เมืองหลวงของประเทศจีนผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันที่ต้องเดินทางกลับแบมแบมมีอาการอ่อนเพลียและครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่มีไข้หนักจนต้องนอนซม เด็กน้อยถูกจับให้ใส่เสื้อผ้าที่หนากว่าปกติและทานยากันอาการไข้เอาไว้ตั้งแต่ตอนเช้าก่อนขึ้นเครื่อง ตลอดเวลาบนเครื่องบินแบมแบมจะนอนเสียเป็นส่วนใหญ่จึงทำให้ไม่ได้พูดคุยอะไรกับคนอายุมากกว่านัก และอีกอย่างก็เป็นเพราะความอายที่เกาะกินจิตใจเมื่อคิดได้ว่าเรื่องราวเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องจริงหาใช่ความฝันเพ้อเจ้อใดๆอย่างที่ควร
“ยินดีต้อนรับค่ะคุณมาร์ค คุณหนู...”
“สวัสดีครับทุกคน” จนกระทั่งรถยนต์ของตระกูลต้วนที่มารอรับ ณ สนามบินเคลื่อนเข้าสู่ตัวบ้านแบมแบมถึงได้มีสีหน้าดีกว่าเดิมนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าบรรดาแม่บ้านพากันออกมารอรับด้านหน้าประตูเหมือนกับคราวก่อนที่มารอรับประมุขของบ้านอย่างอามาร์ค ทุกคนดีกับเขาเหลือเกิน และมันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าครอบครัวที่ถูกพรากไปได้กลับคืนมาอีกครั้ง แม้จะไม่เหมือนเดิมแต่ก็ยังดีกว่าตอนที่เขาต้องกอดตัวเองอยู่คนเดียวในบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำ
“คุณมากันเหนื่อยๆเชิญเข้าไปพักด้านในดีกว่าค่ะ หนูทำน้ำสมุนไพรหวานๆเย็นๆเอาไว้รอต้อนรับด้วยนะคะ” เด็กสาวอายุน้อยลูกหลานแม่บ้านเก่าแก่เอ่ยปากอย่างฉะฉานก่อนจะค้อมตัวเดินนำเข้าไปด้านในเพื่อตระเตรียมเครื่องดื่มที่แช่เอาไว้ในห้องครัว แบมแบมเองก็ทำท่าจะก้าวตามเข้าไปแต่ก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อท่อนแขนของคนอายุมากกว่าคว้าหมับเข้าที่เอวอย่างไม่สนใจสายตาคนอื่นตรงนั้น
“ป๊า...” แบมแบมท้วงเสียงแผ่วเพราะถึงแม้จะเข้าใจกันแล้วหากแต่คนอื่นไม่ได้มารับรู้ด้วย ไม่ใช่กลัวว่าตัวเองจะถูกติฉินนินทาอะไร หากแต่ห่วงว่าคนที่มียศมีหน้าตาทางสังคมอย่างอามาร์คต่างหากที่จะเสื่อมเสียถ้าหากมีใครล่วงรู้เข้า
“อย่าลดเกียรติตัวเองเพราะคนอื่น ฉันคิดดีแล้วทุกอย่างก่อนทำอะไร...ไม่ต้องกังวล”
“...” หากแต่ประโยคตอบกลับที่รู้ทันก็ทำให้เด็กน้อยยอมสงบคำ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวราวกับบ้าคลั่ง
อามาร์คก็ยังคงเป็นคนที่ทำให้แบมแบมเกรงขามและใจสั่นไปในเวลาเดียวกันเหมือนเดิม...
.
.
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กิจกรรมกีฬาสีผ่านพ้นไปด้วยความสนุกสนานและประทับใจ...แบมแบมได้เห็นมุมในการเป็นผู้นำทั้งของรุ่นพี่จินยองและเพื่อนๆคนอื่นที่มุ่งมั่นและจริงจังกับหน้าที่ของตัวเอง ยูคยอมและยองแจเองก็ไม่ได้ประพฤติตัวให้แบมแบมรู้สึกอึดอัดอย่างที่เคยกังวลเมื่อได้รู้ว่าแบมแบมนั้นมีความสัมพันธ์ที่จริงจังกับอามาร์ค แถมยังมีการแซวตบท้ายว่ายูคยอมเดาไม่ผิดจริงๆว่าแบมแบมแอบไปมีแฟน
หากแต่ทั้งสองคนก็เห็นด้วยที่จะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้เพราะแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจอาจจะสร้างปัญหาให้ได้ และตัวแบมแบมเองก็ไม่ได้ต้องการจะบอกให้ใครอื่นรู้มาตั้งแต่แรก...
“แหม...รู้สึกว่าช่วงนี้คุณอานายจะทำตัววัยรุ่นกว่าปกตินะ ยอมพาไปกินคาเฟ่ต์หมาแมวด้วยอะ”
“อย่าแซวเพื่อน” ชเวยองแจที่นอนหงายอ่านหนังสืออยู่บนพื้นออกปากปรามแบบไม่จริงจังนัก แม้ว่าสายตายังไล่อ่านเนื้อหานิยายเล่มโปรดอย่างเอาจริงจัง
“เออว่ะ ลืมไปว่านั่งอยู่ในบ้านเขาด้วย...ปากมันบังคับยากจริงๆ โทษที” เมื่อรู้สึกตัวก็ทำท่าทีกระซิบกระซาบจนถูกแบมแบมยกหนังสือเรียนที่กองค้างเอาไว้ฟาดลงไปบนไหล่หนาๆนั่นหนึ่งที ก็จริงที่เพื่อนทั้งสองไม่ได้รังเกียจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอามาร์คแต่กลับแซวเสียทุกครั้งที่มีโอกาส...
โดยเฉพาะยูคยอมเนี่ย...จ้องจับผิดไปซะทุกอย่างจนแบมแบมอ่อนใจ
“ที่ห้ามก็เพราะว่าเย็นนี้จะได้ไปกินของฟรีหรอก กลัวว่าอามาร์คมาได้ยินแล้วจะเฉดหัวพวกเรากลับบ้านไปซะก่อน อยู่ให้เป็นหน่อยดิวะ”
“ก็นึกว่ารักกันจริงซะอีก” แบมแบมตัดพ้อแบบขำๆก่อนจะปิดหนังสือเรียนเล่มหนาลงเมื่อรู้สึกว่าเนื้อหาที่อ่านเข้าไปเพียงพอแล้วสำหรับการสอบกลางภาควันที่สอง
“ยองแจ ลืมบอกว่าอาจารย์แจ็คสันไปด้วยนะ”
“เฮ้ย ได้ไง!” ยองแจผุดลุกขึ้นนั่งอ้าปากค้าง แทบจะทิ้งนิยายในมือเมื่อได้ยินว่าอาจารย์ประจำชั้นของตนเองจะไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกันเย็นนี้
“ก็อาจารย์เขาเป็นเพื่อนอามาร์คนี่ ปกติก็ไม่เห็นกลัวอาจารย์เขาไม่ใช่เหรอ” แบมแบมอธิบาย
“...” ยองแจก็ไม่ได้กลัวเป็นทุนเดิมหรอก ออกจะสนิทด้วยซ้ำเพราะเป็นอาจารย์ประจำชั้น...เพียงแต่ว่า
“ไม่กลัวได้ไงล่ะ ก็อันที่จริงวันนี้อาจารย์นัดฉันไปกินอาหารจีนแต่ฉันบอกปัดไปว่าไม่ว่างอะดิ โอ้ย! อะไรเนี่ย” ชเวยองแจสบถออกมายาวเหยียด ดวงตาเรียวเล็กกรอกซ้ายกรอกขวาอย่างสุดเซ็ง
“เฮ้...เดี๋ยวนะ สนิทกันขนาดไหนถึงนัดกันไปกินนอกรอบ” ยูคยอมชี้หน้าเพื่อนแล้วเริ่มโวยวายเสียงดัง
“อ๋อ ลืมบอก ก็..ก็ฉันเป็นหัวหน้าห้องไง อาจารย์เขาจะนัดคุยกับหัวหน้าห้องเดือนละครั้ง ครั้งนี้กะจะเบี้ยวก็ดันโป๊ะแตกอีก เยี่ยมไปเลย”
“...”
“อืม...ถ้าอย่างนั้นฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะว่ะ เตรียมคำโกหกเนียนๆไว้แล้วกัน”
“โว้ย เซ็ง!”
ปักกิ่งกันไปแล้วจ่ะ ป๊าขา น้องเพิ่งจะสิบห้า...
ตอนหน้าจบแล้วนะคะ ตอนที่แล้วยอดวิวยอดเม้นแท็กเถิกอะไรงี้ลดลงฮวบเลยอะ คือมันไม่สนุกหรอ อย่าเพิ่งเทกันนะเพราะจะจบแล้วจริงๆ 555555555555555
ปล.ฟิคเปิด RE-PRINT อยู่นะจ๊ะ 350 รวมส่งเท่านั้น ก็จะสามารถไปปักกิ่งกันต่อได้ในเล่ม (อ่ะไม่ช่าย) คนที่กรอกฟอร์มไว้ว่าสนใจก็อย่าลืมโอนกันมาน้า โปรดอย่าเท อย่าทิ้งกันไว้กลางฟิค หัวใจเราอ่อนแอ ฮื้อ
เจอกันตอนหน้าค่ะ มาส่งท้ายฟิคเรื่องนี้ด้วยกันเนอะ
#FICSDMB
TWITTER : @SINCE9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุก คุก คุก แค่กๆ (ความหวานติดคอ)