ตอนที่ 17 : SUGAR DADDY : CHAPTER 16
SUGAR DADDY
- CHAPTER 16 -
เวลาล่วงผ่านไปแล้วกว่าสามอาทิตย์ เป็นสามอาทิตย์ที่ไร้ซึ่งเรื่องกังวลใจมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาแล้วสำหรับเด็กตัวเล็กอย่างแบมแบม ทุกอย่างลงตัวเกือบหมดทั้งเรื่องของลี่จิน คดีความ และเหม่ยหลิงที่ได้ข่าวว่าเธอย้ายไปอยู่นิวยอร์คกับพ่อเป็นที่เรียบร้อย
และเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์งานกีฬาสีประจำปีก็จะเริ่มต้นจัดขึ้นนานเป็นระยะเวลาสามวันตามธรรมเนียม โดยวันที่หนึ่งและสองจะเป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างแต่ละคณะสีส่วนในวันสุดท้ายนั้นก็จะเป็นกิจกรรมที่นักเรียนส่วนใหญ่ตั้งตารอ นั่นก็คือการเดินขบวนพาเหรดและประกวดกองเชียร์ทั้งหลายแหล่ ความเหนื่อยและความกดดันทั้งหมดจะถูกตัดสินในวันนั้น
จึงทำให้ทั้งสัปดาห์นี้คาบเรียนทั้งหมดถูกร่นเวลาให้เลิกเร็วขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้นักเรียนลงมาทำกิจกรรมตามคณะสีของตน และแน่นอนว่าแบมแบมก็ถูกแยกให้เข้ามาในส่วนที่เป็นของสีตัวเอง มีทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ที่ช่วยกันทำงานอย่างเต็มกำลังและเพื่อนๆบางส่วนที่ถูกแบ่งไปในส่วนของการเต้นและการแสดง
“เอ้า! เร่งมือกันหน่อยนะเด็กๆ เสร็จก่อนเราจะได้คะแนนความพร้อมเพิ่มจากกรรมการด้วยนะ” เสียงของรุ่นพี่ลีฮโยริซึ่งมีหน้าที่เป็นรองประธานดังขึ้นพร้อมกับฝีเท้าที่เดินตรวจงานของน้องๆในส่วนของป้ายที่จะใช้ถือในการเดินขบวนพาเหรด ได้ข่าวว่าช่วงนี้ประธานสีอย่างพี่จินยองต้องวิ่งวุ่นจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ประสานงานกับฝ่ายต่างๆรวมทั้งจัดหาสปอนเซอร์ให้กับพาเหรดและกองเชียร์อย่างเต็มกำลัง
“โอ๊ะ...แบม กูขอโทษษษษ”
เสียงโอดครวญของเด็กหนุ่มร่างสูงที่เรียนชั้นเดียวกันดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวขยับตัวถอยหลังโดยไม่ทันระมัดระวังจนไปชนเข้ากับแขนของเพื่อนตัวเล็กด้านหลังที่ดูเหมือนว่ากำลังจะยกแปรงขึ้นมาจากถังสี และมันก็ทำให้...
“เลอะหน้าด้วยว่ะ ไปล้างหน้ากันๆ เดี๋ยวฉันพาไป”
“ไม่เป็นไรฮงกิ เดี๋ยวเดินไปเองก็ได้ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง...ฝากทำต่อด้วยนะ” คนตัวเล็กตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเดือดร้อนไปด้วย ลองเอาปลายนิ้วสัมผัสดูก็เห็นว่ามีสีติดอยู่บนใบหน้าของตัวเองนิดหน่อยเท่านั้น
“เฮ้ย เดี๋ยวไปด้วยจะได้ช่วยถูออก..กูเอาโฟมล้างหน้ามาด้วยเนี่ยลองเอาไปล้างดู”
“...” แต่เมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนว่าอยากจะให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจขนาดนั้นแบมแบมก็ทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับ ถ้าหากว่ายูคยอมกับยองแจอยู่ด้วยก็คงจะชวนไปแล้วหากแต่ว่าตอนนี้ทั้งสองคนออกไปซื้อเครื่องดื่มจากร้านนอกโรงเรียน กว่าจะกลับมาก็คงอีกสักพักใหญ่ๆ
“ขอโทษจริงๆนะเว่ย นี่ไม่เห็นจริงๆไม่ได้ตั้งใจจะแกล้ง”
“รู้แล้วน่า รีบไปก่อนมันจะแห้งดีกว่า”
รถยนต์สีดำวาวทรงเรียบหรูเคลื่อนเข้ามาจอดรอในส่วนของลานจอดรถโรงเรียนมัธยมในช่วงเวลาที่เร็วกว่าทุกวัน และที่เปลี่ยนไปอีกอย่างก็คือร่างของสารถีที่จากเดิมนั้นเป็นชายมีอายุที่คอยปฏิบัติหน้าที่นี้มาตั้งแต่วันแรกที่หลานชายคนเดียวของมาร์คต้วนเข้าเรียนที่นี่ หากแต่ในเวลานี้ชายในตำแหน่งคนขับนั้นกลับเปลี่ยนมาเป็นร่างสูงสง่าของชายหนุ่มที่มีศักดิ์เป็นผู้ออกคำสั่ง มาร์คต้วนในชุดทำงานไร้สูทแตะเบรกเมื่อขับเข้ามายังช่องสำหรับจอดรถเป็นที่เรียบร้อย
พักหลังมานี้เขามีเวลาว่างจึงลงมารับหลานชายคนเดียวด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
แต่ยังไม่เคยมีครั้งไหนที่เขามาโดยไม่ได้โทรบอกเด็กน้อยเอาไว้ล่วงหน้าแบบนี้
“แจ็คสัน สอนอยู่หรือเปล่า” เสียงทุ้มหรอกลงไปเมื่อปลายสายกดรับ แววตาคมภายใต้แว่นกันแดดสีดำมองตรงไปยังด้านหน้าที่เป็นลานนั่งเล่นร่มรื่นของโรงเรียน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มนักเรียนที่นั่งจับกลุ่มกันเพื่อพูดคุยและทำการบ้าน
“โอเค ฉันจะเข้าไปหา” มาร์คทำท่าจะวางสายหากแต่ต้องจิ๊ปากเมื่ออีกฝ่ายรีบถามสวนกลับมาเสียงดัง
“มารอรับหลาน เข้าใจหรือยัง?”
พูดประชดไปก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นคุณอาแก่ๆที่ห่วงหลานเกินไปเสียเองซะอย่างนั้น
“ไงครับเจ้านาย เชิญเข้ามานั่งก่อนสิ...แล้วทำไมหน้าบูดอย่างกับไปกินรังแตนมาขนาดนั้น”
“...” มาร์คตวัดสายตามองเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่คนเดียวภายในหมวดห้องพักครูพละอย่างไม่สบอารมณ์ ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วกรอกตาไปมองรอบๆห้องแทนคล้ายกับต้องการสงบจิตใจ
“เป็นอะไร ก่อนหน้านี้น้ำเสียงยังดูดีอยู่เลย” แจ็คสันปิดแฟ้มที่เขียนว่าคะแนนความประพฤติลงก่อนจะเท้าคางถามเพื่อนทีเล่นทีจริง แม้ว่ามาร์คจะไม่ได้ทำหน้าตาบูดเบี้ยวอย่างที่พูดแต่ไอ้อาการนิ่งเกินปกตินี่ล่ะที่เป็นตัวบ่งบอกชั้นดี
“ฉันคิดว่าโรงเรียนนี้จะดูแลนักเรียนได้ดีกว่านี้ซะอีก ตั้งแต่เรื่องไอ้เด็กชั่วลูกนักการเมืองซงสองคนนั่นแล้วนะที่ยอมไม่เอาเรื่องอะไรมาก” น้ำเสียงประชดที่เย็นเยือกทำให้แจ็คสันหลุดขำ ไม่บ่อยนักหรอกที่จะได้เห็นมุมนี้ของคนที่มีความเจ้าเล่ห์แพรวพราวรับมือกับทุกปัญหาด้วยรอยยิ้มแบบมาร์คน่ะ
ถ้าให้แจ็คสันเดาล่ะก็...
“ทำไมล่ะ ไปเจออะไรมาก่อนจะมาถึงห้องฉันหรือเปล่า”
“เหอะ” แจ็คสันอยากจะหัวเราะก๊ากออกมาให้ลั่นแต่ก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะหัวเสียกว่าเดิมจึงทำได้เพียงแค่แสร้งเป็นก้มตัวลงไปเปิดลิ้นชักด้านล่างแล้วแอบขำคิกคัก มาร์คต้วนนักธุรกิจวัยสามสิบห้าปีในวันนี้ไม่ได้ต่างไปจากเด็กชายมาร์คต้วนเมื่อหลายสิบปีก่อนเลยสักนิด...
“อยากจะจับมือมันมาหักให้เป็นสองส่วนนัก เด็กผู้ชายที่ไหนเขาช่วยซับหน้าให้เพื่อนผู้ชายกัน...ประสาท”
“หลานเหรอ?” อาจารย์พละเอนหลังไปกับเก้าอี้นวมแล้วเลิกคิ้วถาม เดาไม่ผิดหรอกอแจ็คสันมั่นใจ
“อืม...นั่นก็ให้ใครต่อใครเขาทำอะไรตามใจชอบไปทั่ว”
“เอาน่าๆ เด็กๆพวกนี้ก็เพื่อนกันทั้งนั้นแหละฉันคอยดูแลให้อยู่นะเชื่อใจสิ...แล้วอีกอย่างแบมแบมก็คงไม่สนใจพวกรุ่นเดียวกันหรอกมั้ง เด็กคนนั้นน่าจะชอบรุ่นใหญ่นะ แบบว่าอ่อนกว่าพ่อไม่กี่ปีอะไรแบบนี้”
“เฮ้...หุบปากไปเลย” เมื่อรู้ตัวว่าถูกค่อนขอดมาร์คก็ยกปากกาด้ามเล็กตรงหน้าชี้ไปตรงหน้าเพื่อนสนิทคล้ายเป็นการหมายหัวก่อนจะเบนหน้าไปทางอื่น ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ ยิ่งเห็นว่าเป็นเวลาอีกกว่ายี่สิบนาทีเด็กตัวเล็กถึงจะเลิกกิจกรรมก็ยิ่งหงุดหงิด
แบมแบมเข้ามามีอิทธิพลกับความคิดของเขามากไม่ต่างกันกับที่เขามีอิทธิพลต่อจิตใจของแบมแบม
เราสองคนต่างก็รู้ทุกอย่างดีแก่ใจทั้งคู่แม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้มากนัก...
.
.
“แบมกลับยังไงอะ” กิจกรรมช่วยทำงานในคณะสีหลังเลิกเรียนสิ้นสุดลงแล้วตามเวลาที่กำหนด เหลือเพียงรุ่นพี่และเพื่อนๆบางส่วนเท่านั้นที่อยู่ทำต่อเพราะว่าไม่ต้องรีบร้อนกลับไปไหน แต่กับแบมแบมที่มีคนคอยเช็คอยู่นั้นคงจะมัวโอ้เอ้เหมือนอย่างคนอื่นๆไม่ได้แน่ มือเล็กหยิบมือถือขึ้นมาดูก็เห็นข้อความจากคนที่เฝ้ารอบอกว่าถ้าเสร็จแล้วให้โทรหา
“วันนี้กลับกับที่บ้านน่ะ บายยูค...กลับดีๆนะยองแจ” โบกมือลาเพื่อนทั้งสองคนที่บอกว่าวันนี้จะกลับทางรถไฟด้วยกัน มันก็น่าสนุกดีนะถ้าหากว่ามีโอกาสคนตัวเล็กก็กะว่าจะลองดูบ้างสักครั้ง
“ฮัลโหล...แบมเลิกแล้วนะครับป๊า เดี๋ยวแบมนั่งรออยู่ที่เดิมนะครับ” กรอกเสียงลงไปเมื่อปลายสายกดรับ แต่คิ้วเล็กมีอันต้องขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายมารออยู่แล้วให้เดินไปเจอกันที่รถได้เลย
“อ่า โอเคครับ”
เด็กตัวเล็กพาตัวเองมายังรถยนต์ที่คุ้นตาหากแต่ว่าด้านในไร้ซึ่งคนขับ ประตูรถล็อคหมดทุกด้าน...แสดงว่าอามาร์คอาจจะลงไปทำธุระที่ไหนอยู่ หากแต่ยืนรออยู่ไม่นานก็ปรากฏร่างของคนที่มองหา อามาร์คในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแลคอย่างที่คุ้นตากำลังเดินมาทางนี้โดยมีสายตาของทั้งคุณครูผู้ปกครองรวมทั้งนักเรียนบางส่วนมองตามอย่างไม่ปิดบัง
ก็อามาร์คดูดีเสียขนาดนี้...เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วล่ะ
“ไปไหนมาเหรอครับ” แบมแบมยิ้มให้อีกฝ่ายแต่ดูเหมือนว่ารอยยิ้มนั้นจะส่งไปไม่ถึงเพราะอามาร์คส่งกลับมาเพียงแค่แววตานิ่งๆก่อนจะปลดล็อคประตูให้ผ่านรีโมทรถยนต์เท่านั้น กระทั่งเข้ามาอยู่ด้านในแล้วแบมแบมก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างได้อยู่ดังเดิม
“ป๊า...”
“อะไร” เมื่อรถเคลื่อนออกมาได้กว่าครึ่งทางแล้วเสียงหวานจึงลองเลียบเคียงเรียกดูอีกครั้ง แล้วก็ได้ผลเมื่อคราวนี้อามาร์คยอมตอบรับแม้ว่าดวงตายังคงจ้องมองอยู่ที่พื้นถนนด้านหน้า
“แบมทำอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ” เด็กน้อยเสียงเจื่อน อาการแบบนี้คงไม่แคล้วว่าจะถูกโกรธเอาเสียแล้ว
“ลองคิดดูเอาสิ ถึงคอนโดเมื่อไหร่ต้องตอบฉันได้นะ...ไม่อย่างนั้นจะเจอดี”
“...” อ่า วันนี้อามาร์คจะพาไปคอนโดเหรอ แล้วแบมแบมจะต้องนึกย้อนไปถึงตอนไหนกันล่ะคราวนี้...
นั่งครุ่นคิดอยู่กับตัวเองมาตลอดทางจนกระทั่งรถยนต์เลี้ยวเข้าสู่ชั้นใต้ดินสำหรับจอดรถของผู้พักอาศัยในคอนโดชื่อดังที่มีระดับเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นเลิศแบมแบมก็ยังคิดไม่ตก กลายเป็นเผลอเหม่อลอยอยู่หลายครั้งตั้งแต่เดินลงมาจากรถจนมาถึงด้านในห้องพัก กระเป๋านักเรียนถูกวางลงบนโต๊ะกาแฟตรงมุมรับแขกตามด้วยร่างสูงใหญ่ของคุณอาที่ทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาวตรงหน้าพลางปลดกระดุมเสื้อลงสองสามเม็ดเพื่อคลายร้อน
“ว่าไง คิดออกหรือยัง” แบมแบมส่ายหน้า ขนาดคนทำความผิดยังไม่รู้ตัวเลยแล้วอามาร์คจะมาโกรธเขาได้ยังไงกัน
“มานั่งนี่สิ...จะบอกให้” ฝ่ามือหนาตบลงไปบนเบาะข้างๆกันและแน่นอนว่าเด็กน้อยที่มีความผิดติดตัวแบบไม่รู้ตัวอยู่นั้นก็ทำตามอย่างว่าง่าย ดวงตาใสแป๋วช้อนมองคนอายุมากกว่าอย่างรอคอย แต่ก็เห็นเพียงแววตาที่เปลี่ยนไปคล้ายเพียงเล็กน้อยของอีกฝ่ายเท่านั้น
“อื้อ...” แบมแบมครางฮือด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆใบหน้าคมก็โน้มลงมาอย่างรวดเร็วแล้วกดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนิ่มด้านซ้าย สูดลมหายใจเข้าเสียเต็มแรงจนแบมแบมชักจะเขินขึ้นมาแปลกๆ
“ไม่หอมเลย” ก่อนริมฝีปากบางจะขยับออกมาพูดถ้อยคำที่บั่นทอนความมั่นใจของหลานชายวัยกระเตาะตรงหน้า แบมแบมหน้าเจื่อนไปนิดหน่อยเบนสายตาหลบไปทางอื่นด้วยความกระดากอาย
“ก็แบมเพิ่งกลับมานี่ครับ...มีแต่คราบเหงื่อ”
“เหรอ แต่ฉันว่ามันเป็นกลิ่นจากมือคนอื่นมากกว่า...คนที่จับหน้านายแล้วเอาผ้าซับให้เสียเกินสมควรนั่นน่ะ” แบมแบมเบิกตากว้าง รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายพูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นานราวกับตาเห็น แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรแววตาพราวระยับของอามาร์คก็เป็นคำตอบชั้นดี
“ไม่ได้ตั้งใจนะครับ เขาทำสีทาผ้าเลอะหน้าแบมก็เลยช่วยเช็ดออกให้เท่านั้น”
“ไม่รู้ล่ะ...เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าคนเดียวที่มีสิทธิ์ก็คือฉันที่เป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียว” มาร์คขยับเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมของเด็กน้อยตรงหน้าเล่นอย่างเพลินมือ ดวงตากลมใสมองตามการกระทำนั้นก่อนจะนิ่งไปคล้ายกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง
“คิดอะไรอยู่” และแน่นอนว่าอามาร์คมองมันออกทั้งหมด แบมแบมไม่เคยเก็บอาการทางสีหน้าได้เลย
“ป๊าครับ...เพื่อนแบมเห็นรอยที่อามาร์คทำเอาไว้ที่ด้านหลังเมื่อสามอาทิตย์ก่อน”
“และแบมก็บอกพวกนั้นไปแล้วเรื่องของเรา แบมเรียกมันว่าเรื่องของเราได้หรือเปล่าครับ”
แววตาสับสนสลับเว้าวอนเป็นสิ่งที่ฉายชัดบนใบหน้าของเด็กตัวน้อยตรงหน้า แบมแบมสับสนไม่น้อย แม้จะบอกเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟังไปเพราะถูกคาดคั้นและเพื่อนทั้งสองคนจะบอกว่าไม่คิดรังเกียจความสัมพันธ์แบบนี้เพราะเชื่อว่าอามาร์คเป็นคนดีและคงมีเหตุผลบางอย่างก็ตาม แต่แบมแบมก็รู้สึกแปลกๆทุกครั้งเวลาพูดถึงอามาร์คกับเพื่อนๆในพักหลัง
“ถ้ามีแค่นายกับฉันก็นั่นล่ะเรื่องของเรา”
“...แบมมีความสุขนะครับ แต่ในความสุขมันก็เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจที่ต่อให้พยายามจะมองข้ามไปเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้เลยสักครั้ง” เด็กน้อยเม้มปาก ท่าทางจริงจังแบบนั้นทำให้มาร์คเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ตั้งใจฟังในสิ่งที่หลานชายต้องการจะบอกอย่างใจเย็น ฝ่ามือยังคงเกลี่ยผมนุ่มอย่างแสนรัก
“ป๊าครับ...ความรู้สึกระหว่างเราตอนนี้ มันใช่ความรู้สึกของคนเป็นอาและหลานกันจริงๆน่ะเหรอครับ?”
ถามออกไปแล้ว...แบมแบมถามออกไปพร้อมกับจิตใจที่วูบโหวง กลัวกับคำตอบที่จะได้รับกลับมา
“ไม่ใช่”
“...”
“นายไม่ใช่หลานของฉัน แต่คือสมบัติที่พี่เจย์ยกให้ฉันดูแลด้วยชีวิตจนกว่านายหรือฉันจะสิ้นใจจากกันไปทางใดทางหนึ่ง”
และนี่ก็คือความรู้สึกเดียวที่เด่นชัดเสมอมาของมาร์คต้วน คนที่ยกหัวใจเกือบทั้งหมดให้กับเด็กน้อยวัยเตาะแตะในอดีตที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกของผู้มีพระคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเจอ
“อากับหลานมันก็แค่คำจำกัดฐานะทางสังคม...เอาจริงแล้วถึงนายจะเรียกฉันด้วยชื่อเฉยๆฉันก็จะปฏิบัติต่อนายไม่ต่างจากเดิม ไม่ต่างจากวันแรกที่นายเข้ามาในบ้านฉันอยู่ดี”
“มานี่สิ”
คนที่เงียบกลับกลายเป็นแบมแบมไม่ใช่มาร์คอย่างที่เคยคิด ประโยคมากมายที่ได้รับฟังกำลังทำให้จิตใจที่หวั่นไหวเพราะความไม่แน่นอนในความสัมพันธ์รู้สึกมั่นคงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แบมแบมพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาขัดทำลายบรรยากาศที่ผ่อนคลายแม้ว่าจะอยู่ในช่วงของการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราแบบนี้ แม้ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรแต่แบมแบมก็มีความสุขแล้วที่อย่างน้อยเขาก็ได้มีโอกาสแบบนี้กับอามาร์ค
“...” เดินตามอีกฝ่ายเข้ามายังส่วนทีเป็นห้องทำงานแล้วก็ถูกอุ้มเอวให้ขึ้นมานั่งห้อยขาอยู่บนโต๊ะไม้สำหรับทำงานตัวใหญ่ อามาร์คก้มลงไปที่ลิ้นชักชั้นล่างแล้วหยิบเอาวัตถุบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นสมุดที่ค่อนข้างเก่าออกมา
“สมุดบันทึกของพี่เจย์...นายอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ถ้าหากว่าไม่เชื่อที่ฉันได้พูดมาทั้งหมดเมื่อครู่ นี่คือหลักฐาน”
“...” สมุดเล่มไม่หนาไม่บางถูกส่งให้เด็กตัวน้อยที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ฝ่ามือน้อยๆรับมาเปิดอ่านด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพียงแค่เห็นลายมือหวัดๆกับสำนวนภาษาที่เพียงแค่เริ่มต้นก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของผู้เขียนนั้นแบมแบมก็แทบจะห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาหยดแรกถูกปาดเช็ดออกให้ด้วยข้อนิ้วเรียวของอามาร์คที่ยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่ตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
“ร...เราเคยเจอกันมาแล้วงั้นเหรอครับ” ภาพถ่ายที่ถูกติดเอาไว้ในหน้ากระดาษเก่าด้วยเทปกาวนั้นทำให้แบมแบมตกใจไม่น้อย เด็กหนุ่มในภาพถ่ายที่น่าจะเป็นอามาร์คในอดีตกำลังอุ้มเด็กชายวัยไม่น่าเกินสามขวบซึ่งก็คือตัวเขาเอาไว้ในอ้อมแขน ฉีกยิ้มกว้างโชว์ให้เห็นฟันเขี้ยวคู่สวยชัดเจน
“นั่นคือตอนที่ฉันได้เจอกับลูกชายของพี่เจย์ครั้งแรก เราเจอกันช้าไปหน่อย...อันที่จริงฉันอยากจะไปเห็นหน้าเด็กคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับข่าวดีด้วยซ้ำ แต่ไม่มีเวลาว่างในช่วงที่ธุรกิจของบ้านกำลังฟื้นตัว”
“ขอโทษที่กว่าจะทำให้แน่ใจก็เสียเวลาไปนาน แต่ฉันก็อยากมั่นใจว่านายจะสามารถรับความรู้สึกของฉันที่มันมากกว่าคนในครอบครัวได้เลยต้องปล่อยให้หลายๆอย่างเป็นตัวทดสอบ” ริมฝีปากบางขยับเข้ามาใกล้ใบหูของคนที่นั่งก้มหน้าทอดสายตามองสมุดบันทึกเล่มเก่าของคุณพ่อด้วยความคิดถึง กระดาษเล็กๆสองใบที่เขียนชื่อของเขาและอามาร์คปลิวออกมาจนเกือบหล่นโชคดีเหลือเกินที่จับเอาไว้ได้ทัน
“อ้อ...ไม่ต้องห่วงว่าพี่เจย์จะไม่พอใจหรอกนะ เพราะเขาเองก็อยากที่จะให้ฉันเป็นคนที่คอยอยู่ข้างๆนาย แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ในรูปแบบนี้แต่มันก็เกินห้ามไปแล้ว พี่เจย์จะต้องเข้าใจแน่...”
“...อืม” ไร้ซึ่งคำพูดใดๆเมื่อจู่ๆเด็กน้อยที่นั่งอยู่ก็ยืดตัวขึ้นตรง วางสมุดบันทึกเอาไว้ข้างตัวแล้วโน้มคอของคนที่ยืนค้ำศีรษะตัวเองให้ลงมารับสัมผัสนุ่มหยุ่นจากตัวเอง แบมแบมกำลังร้องไห้หากแต่มันไม่ใช่เพราะความอึดอัดและสับสนอย่างที่เคย มันเป็นน้ำตาแห่งความปิติ ประทับใจและตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก
“แค่ก...ข ขอบคุณมากนะครับป๊า ขอบคุณในทุกๆเรื่อง”
ผละออกมาสำลักลมหายใจตัวเองเล็กน้อยแต่ก็ไม่ลืมขอบคุณอีกฝ่ายด้วยฝ่ามือที่พนมลงไปบนหน้าอกกว้าง มาร์คกดจมูกลงบนกลุ่มผมนิ่มนั้นเบาๆแทนคำตอบรับ แม้ว่าแบมแบมจะไม่เห็นแต่สีหน้าของมาร์คตอนนี้ก็ดูโล่งกว่าที่เคย เพราะไม่ใช่ว่าเขาเองจะไม่กลัวว่าเด็กคนนี้จะปฏิเสธความรู้สึกให้ช้ำใจเสียเมื่อไหร่
“หึ...เด็กดี ฉันดีใจที่นายยอมอดทนเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าอยากอยู่ข้างฉันจริงๆ”
“ฮึก...”
“ชู่ว เงียบน่า”
ราวกับว่าเมฆหมอกสีครึ้มที่ปกคลุมจิตใจของเด็กตัวเล็กมานานถูกปัดเป่าให้หายไปในพริบตาด้วยเพียงคำพูดที่อยากฟังจากปากของคนที่ก้าวเข้ามามีอิทธิพลในหัวใจ แบมแบมไม่เคยมีความรักด้วยทั้งอายุและการเลี้ยงดูที่ผ่านมาทำให้เป็นคนตามใครไม่ทันนัก และเมื่อเกิดความรักที่ซ้อนทับกับสถานะทางสังคมแบบนั้นก็ยิ่งทำให้กดดันไปกันใหญ่...
เขาคงต้องขอบคุณตัวเองสำหรับความกล้าในวันนี้ที่ถามออกไปแม้จะกลัวในคำตอบอยู่ไม่น้อย
และอีกคนที่อยากจะบอกมากกว่าขอบคุณนั่นก็คืออามาร์ค
การอดทนรอและรักษาคำสัตย์ที่เคยกล่าวไว้กับคุณพ่อผู้ล่วงลับของเขาที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นนั้น มันเป็นสิ่งที่มีค่าต่อแบมแบมเสียยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด...
งานยุ่งมากเลย แต่มาอัพให้แล้วนะ จะโมเมเอาว่าทุกคนคิดถึงคุณป๊ากับน้องแบมก็แล้วกัน
* สำคัญ *
เราขอสอบถามหน่อยค่ะ เพราะว่าหนังสือรอบนี้ปิดรอบส่งยอดให้โรงพิมพ์ไปแล้วและเราก็ไม่ได้สั่งสต็อกเอาไว้ (น่าจะมีเกินมาแค่เล่มเดียว) และเห็นว่ามีคนมาไม่ทันแล้วสอบถามเราเข้ามาจำนวนหนึ่ง เลยคิดอยากจะเปิดรีปริ้นท์อีกรอบให้คนที่มาไม่ทัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูจำนวนก่อน ถ้าหากว่ามีคนสนใจถึง 20 คนเราจะเปิดรีปริ้นท์ให้นะ
ใครสนใจก็รบกวนช่วยเข้าไปกรอกฟอร์มแสดงจำนวนด้านล่างนี้ได้เลย แต่ถ้ายอดไม่ถึงก็ต้องทำใจกันไปเนอะ
> http://goo.gl/q1x4gr <
(นับยอดตั้งแต่วันนี้ - 14 กันยายน 2559 นะคะ ขอเป็นคนที่สนใจจริงๆหรือมีความสนใจเกิน 50% นะ กดกันคนละรอบก็พอจ้า จู้บ!)
* สำคัญอีก *
สำหรับคนที่สั่งจองฟิค SUGAR DADDY มาแล้ว รบกวนตรวจเช็คความถูกต้องของชื่อ-ที่อยู่จากลิ้งค์ด้านล่างนี้ให้เรียบร้อยนะคะ ใครพบว่าที่อยู่ของตัวเองผิดไปหรืออยากแก้ไขติดต่อเรามาที่ทวิตเตอร์ @since9397 ด่วนเลยน้า
> http://goo.gl/tywN5J <
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ เฟบ โหวต แท็กน้า
เจอกันตอนหน้า ♥
#FICSDMB
@SINCE9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ถึงจะมีความลีลาบ้างก็เถอะ -_____-
แล้วแบมก็เป็นคนกล้าพูดกล้าถามด้วย
ความลงตัวนี้ พี่มาร์คมีความหึงอ่อน555555555