ตอนที่ 14 : SUGAR DADDY : CHAPTER 13
SUGAR DADDY
- CHAPTER 13 -
บรรยากาศของคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลต้วนที่เงียบเหงาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งดูกว้างขวางและวังเวงขึ้นไปอีกในความรู้สึกของเด็กชายตัวเล็กที่มีศักดิ์เป็นหลานชาย แบมแบมยืนอยู่ในห้องครัวด้วยท่าทางเบื่อหน่ายกว่าปกติ มือเล็กเทนมจืดใส่ชามซีเรียลใช้ช้อนคนให้ขนมและนมคลุกเคล้ากันแบบไม่ตั้งใจนัก ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้วแต่แบมแบมยังคงนอนไม่หลับ...
“คุณหนูนี่เอง...พอดีเห็นไฟด้านล่างเปิดจากเรือนพักป้าเลยเดินมาดูน่ะค่ะ เผื่อว่าเป็นคนอื่น” แบมแบมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าจู่ๆคุณแม่บ้านซุนลีก็โผล่มาจากด้านหลังในชุดนอนสีครีม ริมฝีปากอิ่มส่งยิ้มให้คุณแม่บ้านที่คอยช่วยเหลือดูแลอย่างนอบน้อม แบมแบมไม่เคยแบ่งระดับชนชั้นคนจากหน้าที่...คุณพ่อสอนให้เขาแสดงความเคารพกับทุกคนที่ควรได้รับมัน
“พอดีแบมนอนไม่หลับน่ะครับเลยลงมาหาอะไรกินเสียหน่อย”
“ให้ป้าทำอาหารให้ไหมคะ?” เธอมองเห็นถ้วยอาหารแบบง่ายๆในมือของเด็กหนุ่มแล้วก็ถอนใจ จริงๆเธออยากจะนอนที่เรือนใหญ่ด้วยซ้ำเพราะเป็นห่วงคุณต้วนคนเล็กที่ต้องอยู่ในบ้านหลังใหญ่เพียงลำพัง แต่ก็เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว ที่นี่ไม่มีห้องหับสำหรับแม่บ้านและลูกจ้างให้พักผ่อนเพราะคุณมาร์คได้จัดการสร้างเรือนพักสำหรับแม่บ้านและลูกจ้างเอาไว้ให้ด้านหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อกันปัญหาและความวุ่นวายที่จะเกิดถ้าหากให้พักอยู่ในตัวบ้านเดียวกัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณซุนไปพักผ่อนเถอะ...เดี๋ยวหมดถ้วยนี้แบมก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน”
“ถ้ามีอะไรโทรเรียกป้าได้ตลอดเวลานะคะคุณหนู” แต่เมื่อเด็กหนุ่มยืนกรานอย่างนั้นเธอก็ต้องยอมตามใจคนที่มีฐานะเป็นเจ้านายตัวน้อยๆอีกหนึ่งคน ยอมหันหลังเดินกลับไปยังเรือนพักผ่อนที่อยู่เยื้องกันกับตัวบ้านไปทางด้านหลังดังเดิม
ร่างเล็กๆเลื่อนเก้าอี้โต๊ะอาหารออกมาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งยังตำแหน่งหัวโต๊ะ ชามซีเรียลถูกวางลงตรงหน้าแต่เจ้าของร่างกลับไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเท่าที่ควร เพราะหลังจากนั้นฝ่ามือขาวกลับหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวของโลกภายนอก เห็นว่าเพื่อนๆต่างพากันอัพเดททั้งสถานะและรูปภาพกันมากมายก็พอจะยิ้มขำออกมาได้
“...” แต่เมื่อเลื่อนลงไปเรื่อยๆจนไร้สิ่งน่าสนใจใบหน้าหวานก็กลับมานิ่งสนิทอีกครั้ง ซีเรียลคำแรกถูกส่งเข้าปากพร้อมกับแสงไฟจากหน้าจอมือถือที่ดับลง...เมื่อความเงียบกลับเข้ามาพร้อมกับสิ่งน่าสนใจที่หมดไปก็ทำให้แบมแบมรู้ตัวขึ้นมาว่าตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่คนเดียวกลางคฤหาสน์ขนาดใหญ่โตโอ่อ่า โต๊ะอาหารขนาดสิบสองคนถูกใช้เพื่อนั่งกินซีเรียลถ้วยๆเล็กๆแบบนี้ มันดูน่าตลกชะมัด
ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตอนนี้แบมแบมกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหงาเอาเสียมากๆเลยทีเดียว...
ทั้งๆที่เขาแทบจะหลงลืมความรู้สึกพวกนี้ไปเกือบสามเดือนเห็นจะได้ นับตั้งแต่วันที่ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของอามาร์ค
ไม่ชอบเลย...ไม่ชอบเลยจริงๆ
.
.
เช้าอีกวันที่บรรยากาศแสนขมุกขมัว ท้องฟ้ายามเช้าไม่สดใสเอาเสียเลยเพราะว่าฝนที่ลงเม็ดมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืดจนทำให้เมฆครึ้มฟ้าบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์อยู่ตลอด สอดรับกันกับอารมณ์ของเด็กหนุ่มตัวเล็กที่หม่นหมองอยู่แล้วนั้นให้ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปอีก แบมแบมเป็นคนพูดน้อยในสายตาของพ่อบ้านแม่บ้าน แต่นับจากสองวันที่ผ่านมาหลังจากที่นายใหญ่ตระกูลต้วนไม่อยู่นั้นเด็กหนุ่มยิ่งดูเหมือนดอกไม้กลีบน้อยที่ค่อยๆเฉาลงไปทุกวัน
แบมแบมน่ะทำตัวเหมือนต้นไม้ขาดน้ำตั้งแต่วันแรกที่มาร์คต้วนเดินทางไปดูงานที่ลอสแองเจอลิส
“วันนี้แวะร้านน้ำเต้าหู้ไหมครับคุณหนู” แม้กระทั่งคุณลุงคนขับรถที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้สนทนาอะไรกันมากมายนักเพราะส่วนใหญ่จะเจอกันก็แค่ยามที่โดยสารไปและกลับจากโรงเรียนยังมองเห็นถึงความผิดปกติจากใบหน้าหวานที่หม่นลง
“ไม่เป็นไรครับคุณลุง วันนี้ฝนตกจอดรถก็ลำบาก...ไปเรียนเลยดีกว่าครับ” รอยยิ้มบางๆถูกส่งมาให้ผ่านกระจกมองหลังแต่มันกลับเป็นรอยยิ้มที่ไม่เต็มใบหน้าเหมือนอย่างเคย เด็กน้อยเอนศีรษะซบกับกระจกมองวิวทิวทัศน์ที่คุ้นตาด้านนอกผ่านม่านน้ำฝนด้วยอารมณ์ที่ขมุกขมัวไม่ต่างจากอากาศของวันนี้
ถ้าหากให้เปรียบอารมณ์ของแบมแบมเหมือนกับสีก็คงไม่ต่างไปจากสีเทา...
บรรยากาศการเรียนวันนี้ก็เป็นไปอย่างเซื่องซึม ไม่ใช่แค่แบมแบมแต่เป็นกับนักเรียนทุกคนในห้องเรียน...อากาศชื้นแฉะด้านนอกเป็นตัวการชั้นดีที่ทำให้ความง่วงเข้าครอบงำเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ ไม่ต้องถามถึงยูคยอมเพราะรายนั้นทนไม่ไหวไปตั้งแต่สิบนาทีแรกที่อาจารย์มินโฮเข้าสอนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานสำหรับนักเรียนสายศิลป์เสียแล้วล่ะ
“ง่วงโว้ย...” จนกระทั่งหมดคาบเรียนเสียงจ้อกแจ้กจอแจจึงดังขึ้นตามปกติ เสียงโหวกเหวกโวยวายของเพื่อนๆในห้องทำให้แบมแบมหลุดรอยยิ้มออกมาได้แต่มันก็แค่นิดหน่อยถ้าเทียบกับปกติที่คนตัวเล็กเป็น ไม่ใช่แค่คนอื่นจะดูมันออกแต่เจ้าตัวก็ยังรู้สึกคล้ายกับว่าสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปอยู่ไม่น้อย
เฝ้าถามตัวเองตลอดว่ามันเกิดอะไรขึ้น และคำตอบที่ดังสวนขึ้นมาก็ทำให้แบมแบมใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
ความซึมเซาดำเนินต่อเนื่องมาจนกระทั่งเลิกเรียนตอนเย็น ยูคยอมและยองแจชักชวนให้เขาไปเดินเล่นที่ตลาดสไตล์สตรีทแบบกลางคืนด้วยกันเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่นานๆทีเพื่อนจะได้ไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องขออนุญาตคุณอาสุดเฮี้ยบ ตอนแรกเด็กตัวเล็กก็ตั้งท่าปฏิเสธแต่เมื่อถูกชักชวนหนักเข้าจึงตกปากรับคำเพราะถึงกลับบ้านไปก็คงไม่มีอะไรให้ทำอยู่ดี
ท้องฟ้าช่วงเย็นแปรเปลี่ยนจากฟ้าเป็นสีม่วงเข้มดูแปลกตา ท้องฟ้าในเมืองไร้ซึ่งดวงดาวเหมือนอย่างที่บ้านของเขาเพราะตึกใหญ่และฝุ่นควันมลภาวะที่ขึ้นไปบดบังชั้นบรรยากาศเอาไว้ ตลาดเดินเล่นยามค่ำคืนดูคึกครื้นไม่ต่างจากทุกวัน นี่เป็นครั้งแรกของแบมแบมที่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาในสถานที่แบบนี้จึงยกหน้าที่ไกด์นำทางให้กับคิมยูคยอมที่ดูเหมือนจะเชี่ยวชาญในการเดินเที่ยวมากกว่า
“แบมร้านนี้ขนมอร่อยมาก ซื้อกลับไปกินที่บ้านมั้ย” เดินมาได้สักพักชเวยองแจที่เดินประกบด้านหลังก็สะกิดข้อศอกเล็กของเพื่อนให้หันกลับมามอง นิ้วเรียวชี้ไปยังร้านอาหารแบบ food truck ที่จอดเรียงรายอยู่ฝั่งขวามือ ใกล้ๆกันก็มีพื้นที่เล็กๆของแต่ละร้านเอาไว้ให้นั่งรับประทานด้วย
“แบมไม่อยากกินอะ แต่ถ้ายองแจอยากซื้อเดี๋ยวไปเป็นเพื่อน” ขนมหวานๆแบบนี้ไม่ค่อยใช่แนวที่แบมแบมชอบสักเท่าไหร่นัก แต่ดูเหมือนว่าคนที่ออกปากไถ่ถามนั่นล่ะที่เป็นคนอยากเสียเอง
“ไม่เป็นไร รออยู่ตรงนี้แหละ”
“แหม ทำเป็นให้ไอ้แบมซื้อ..อยากกินก็บอกเหอะไอ้อ้วน” ยูคยอมเองก็หันมากอดอกมองปลงๆ หากแต่ยองแจไม่ได้ให้ความสนใจกับยูคยอมแม้แต่น้อย ดวงตาคู่เรียวจ้องไปยังป้ายเมนูที่ติดเอาไว้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจก่อนที่สองเท้าจะเดินดุ่มๆเข้าไปหลังจากที่ตัดสินใจกับตัวเองได้
“นี่กี่โมงแล้วยูค” เมื่อคล้อยหลังยองแจแบมแบมก็หันมาถามเพื่อนสนิทตัวสูงที่หอบถุงเสื้อผ้าพะรุงพะรัง แบมแบมไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณหัวหน้าห้องคนนี้จะชอบและสนใจในการเลือกซื้อเสื้อผ้า ถ้าหากว่าเป็นยูคยอมมากับแฟนสาวเขาพนันได้เลยว่าเสื้อผ้าของเธอที่เลือกซื้อได้ไม่มีทางเท่าของยูคยอมเป็นแน่
“อ่า...จะสองทุ่มละ เดี๋ยวยองแจซื้อของเสร็จแล้วกลับเลยมั้ยล่ะ” เมื่อเห็นสีหน้ากังวลหน่อยๆของเพื่อนยูคยอมก็เสนอทางเลือกให้อีกฝ่ายสบายใจ รู้ดีว่าแบมแบมไม่ชอบกลับบ้านดึกเพราะว่าเกรงใจคนขับรถและอีกเหตุผลที่สำคัญมากก็คือคุณอาไม่อนุญาต แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่คุณอาของอีกฝ่ายไม่อยู่จึงมีโอกาสออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนด้วยกันได้
“...”
“แบม” คนตัวเล็กที่เบนหน้าไปด้านหลังหันกลับมาเมื่อถูกเรียก
“หือ?”
“เป็นอะไรเปล่า หันซ้ายหันขวาอยู่นั่นแหละ” ยูคยอมขมวดคิ้วนิดหน่อย ไม่ได้ตั้งใจจะจับผิดแต่ว่าตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็ดูเหมือนคนตัวเล็กจะพะวงหน้าพะวงหลังอยู่เกือบตลอดเวลา หลุกหลิกจนผิดปกตินิสัย
“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกเหมือนเห็นคนรู้จักน่ะ” แบมแบมตอบเพื่อนเสียงเบาก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้รับแรงดันจากทางด้านหลัง
“ปะ! เสร็จแล้ว ซื้อมาสามกล่องเลยวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้จะกินให้ตายไปข้าง”
เสียงบทสนทนายังคงดังขึ้นต่อเนื่องโดยที่ส่วนใหญ่จะเป็นยองแจและยูคยอมที่ผลัดกันพูดโต้ตอบโดยมีแบมแบมคอยแทรกบ้างนิดหน่อย จนกระทั่งถึงช่วงที่ต้องพากันแยกย้ายแบมแบมขึ้นมาบนรถพร้อมกล่าวทักทายคุณลุงคนขับตามด้วยขอโทษที่ทำให้ต้องออกมารับในช่วงมืดๆค่ำๆซึ่งไม่ปลอดภัยนักในการใช้ท้องถนนแต่คุณลุงก็ช่วยพูดแก้ต่างเพื่อให้เด็กน้อยคลายกังวล
“...”
ตลอดทางบนรถยนต์คันหรูมีแต่ความเงียบ เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีเอาแต่เหม่อมองไปยังด้านนอกด้วยคิ้วเล็กที่ขมวดเข้าหากันแทบไม่คลายจนกระทั่งรถเคลื่อนเข้ามายังในส่วนของคฤหาสน์เด็กน้อยจึงกล่าวขอบคุณและลงจากรถมาเพื่อพาตัวเองขึ้นไปจัดการชำระร่างกายบนห้องนอน
“เฮ้อ...” เด็กหนุ่มในชุดนอนเรียบง่ายขยับร่างกายมาทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง ตั้งใจว่าก่อนนอนจะโทรกลับไปหาคุณป้าเพ่ยหลีเพื่อไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบบ้างแต่ก็ทำได้แค่คิด เพราะยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้ขยับกายโทรศัพท์มือถือจากหัวเตียงก็ชิงสั่นครืดพร้อมกับมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมาเสียก่อน
ใครกัน...
แบมแบมขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ส่งข้อความมาในช่วงเวลาเกือบห้าทุ่มนี้ นิ้วเรียวแตะลงไปบนรูปภาพโปรไฟล์ของคนที่คุ้นตาก่อนพิมพ์ข้อความตอบกลับไปสั้นๆ และหลังจากนั้นเสียงริงโทนที่เกิดจากการโทรเข้าผ่านโปรแกรมแชทจะดังขึ้นมาให้เด็กน้อยต้องเม้มปากตัวเองแน่นเพื่อตัดสินใจ
“ฮัลโหลครับรุ่นพี่จินยอง...”
“...” แบมแบมตอบกลับไปแค่นั้นก่อนจะเงียบฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดตอบมา ไม่แปลกใจที่เห็นว่าเป็นอีกฝ่ายก็เพราะจำได้ว่าเคยแลกไอดีกันเอาไว้ในช่วงวันที่ไปติววิชาเลข ดวงตากลมโตค่อยๆเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งจบประโยคร่างเล็กก็ดีดผึงขึ้นจากเตียง พาตัวเองไปตรงหน้าต่างบานเล็กที่หัวนอนแล้วมองลงไปด้านล่างด้วยความประหลาดใจ
“รุ่นพี่มีธุระอะไรครับ คือแบมกำลังจะนอนแล้ว” เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบนิดหน่อยในจังหวะที่คนปลายสายซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่ปรากฏให้เห็นลางๆอยู่ด้านหน้ารั้วบ้านพยายามมองขึ้นมา เสียงของรุ่นพี่จินยองดูไม่ปกตินักเอาแต่พูดซ้ำไปซ้ำมาว่ามีเรื่องบางอย่างที่อยากจะบอกให้แบมแบมได้รู้
“แค่ห้านาทีนะครับ เดี๋ยวคุณอาแบมดุ” แบมแบมพูดปดคำโต แม้จิตใจส่วนลึกไม่อยากที่จะลงไปพบรุ่นพี่ที่รออยู่ด้านล่างแต่เพื่อตัดปัญหาเขาก็ต้องทำ เด็กตัวเล็กกำโทรศัพท์มือถือไว้ในมือขณะที่พาตัวเองเดินลงมาจากชั้นบนและตรงไปยังประตูรั้ว ร่างสูงโปร่งของรุ่นพี่จินยองเด่นชัดขึ้นมาในสายตาขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในชุดนักเรียนแต่เป็นเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงยีนสีเรียบ
“รุ่นพี่จินยอง...มีอะไรครับ” แบมแบมไม่เปิดประตูให้แต่พูดผ่านรั้วเพราะเห็นว่าดึกแล้ว อีกอย่างเขาเองก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับรุ่นพี่คนนี้มากนักรู้แค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของยูคยอมและเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงทั้งในและนอกโรงเรียน แม้ว่าจะเคยติวหนังสือด้วยกันแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกสนิทใจจนสามารถเปิดประตูให้เข้าบ้านได้ในยามวิกาล
“แบม...น้องแบมครับ” พี่จินยองเรียกชื่อของเขาด้วยรอยยิ้มจางๆก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ แบมแบมไม่เข้าใจนักแต่ก็ขยับตัวเข้าไปใกล้รั้วมากกว่าเดิม...
“เปิดประตูให้พี่หน่อย เรื่องนี้สำคัญมากนะ...พี่ไม่เข้าไปในบ้านหรอก แต่แค่อยากคุยด้วยโดยไม่มีรั้วกั้นแบบนี้” แววตาของรุ่นพี่จินยองในความมืดอ่านยากเหลือเกินในความรู้สึกของแบมแบม เด็กตัวน้อยชั่งใจกับตัวเองอยู่เพียงชั่วครู่ แต่เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรเสียหายเพราะอีกฝ่ายยืนยันแล้วว่าจะไม่เข้าไปด้านในจึงยอมหมุนลูกบิดที่ประตูเล็กข้างรั้วให้อีกฝ่ายก้าวเข้ามา
“พี่จินยองมีอะไรเหรอครับ” แบมแบมถามก่อนจะต้องสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆท่อนแขนเรียวของรุ่นพี่ก็เอื้อมมาจับข้อมือทั้งสองข้างของตนเอาไว้แน่น เด็กน้อยเม้มปากเล็กน้อยข่มอาการใจเต้นที่เกิดจากการระแวง เหลียวมองด้านหลังโดยอัตโนมัติเพื่อหาทางหนีทีไล่
กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆที่ลอยออกมาจากลมหายใจของรุ่นพี่ตรงหน้ายิ่งทำให้แบมแบมตื่นกลัว
“ฮะๆ...กลัวพี่เหรอ? ไม่ต้องกลัวหรอกครับ พี่แค่มีเรื่องจะบอก”
“บอกมาเลยสิครับ” แบมแบมเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะพยายามรวบรวมสติจ้องลึกเข้าไปในแววตาของคนตรงหน้าพยายามค้นหาความรู้สึกที่แท้จริงของอีกฝ่ายแต่ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ในดวงตาคู่นั้นปะปนไปทั้งแววเจ้าเล่ห์และสับสนในเวลาเดียวกัน
“พี่ชอบน้องแบม”
“...”
ทุกอย่างหยุดชะงักภายในเสี้ยววินาทีที่ปาร์คจินยองพูดประโยคไม่คาดคิดออกมา แบมแบมนิ่งไปก่อนที่คิ้วคู่สวยจะขมวดเข้าหากันอีกครั้ง เปลี่ยนจากความหวาดกลัวมาเป็นความกระอักกระอ่วนที่ตีตื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมที่สบนิ่งเริ่มสั่นไหวมองซ้ายขวาอย่างต้องการตัวช่วย
นี่มันอะไรกัน...
“แบมว่าพี่จินยอง...คือ แบมมีคนที่ช...”
“อื้อ!”
หากแต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากอวบอิ่มจะทันพูดจบประโยคร่างที่สูงกว่าไม่มากนักของปาร์คจินยองก็ออกแรงกระชากให้คนที่ไม่ทันได้ระวังตัวนั้นเข้ามาชิดกับอกตนเองแล้วกดริมฝีปากบางสีอ่อนลงไปบนอวัยวะอย่างเดียวกันของคนอายุน้อยกว่าตรงหน้า แน่นอนว่าแบมแบมเองก็ดิ้นขัดขืนเต็มที่ ด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่ต่างกันมากนักจึงทำให้ปาร์คจินยองไม่สามารถล่วงล้ำไปได้มากกว่าการทาบทับริมฝีปาก
“พี่จินยองกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะครับ!” สองขาเล็กพาตัวเองก้าวถอยหลังพลางยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากตัวเองลวกๆ ดวงตากลมมีน้ำใสคลอเอ่ออยู่ด้วยความหวาดกลัวและสับสน ถ้าหากว่ารุ่นพี่คนนี้ยังดื้อดึงแบมแบมตัดสินใจแล้วว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากคนงานในเรือนพักด้านหลัง...แต่ที่ยังไม่อยากทำตอนนี้ก็เพราะแบมแบมรู้ว่าเรื่องมันคงต้องใหญ่โตกว่าเดิมแน่ๆถ้าหากถึงหูอามาร์คเข้า
“ทำไมล่ะ...ทำไมทุกคนถึงทำท่าทางเหมือนต้องการปิดโอกาสพี่ล่ะ” ตอนนี้รุ่นพี่ร่างบางตรงหน้าคล้ายกับคนที่สติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์นัก ใบหน้าดูดีก้มต่ำลงพึมพำคล้ายกับกำลังกล่าวโทษอะไรบางอย่างกับตัวเองโดยมีคนตัวเล็กที่ยังขวัญเสียยืนมองอยู่ห่างๆอย่างระมัดระวังแม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ดีก็ตาม
เอี๊ยด...
หากแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นเสียงล้อยางบดกับถนนด้านนอกพร้อมกับแสงไฟสว่างที่สาดส่องเข้ามาก็ทำให้คนตัวเล็กหันขวับไปมอง เห็นว่าเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังก้าวลงมาจากมอเตอร์ไซต์ราคาแพง ทำเอาเด็กที่ขวัญเสียเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแทบจะวิ่งหนีถ้าหากว่าเจ้าของเสียงนั้นไม่ดังขึ้นมาขัดเสียก่อน
“ไอ้แบม! จะไปไหน ละนั่นไอ้พี่จินยองใช่มั้ย!”
“ย...ยูค!”
นับว่าเป็นโชคดีอยู่ไม่น้อยที่ใบหน้าภายใต้หมวกกันน็อคใบโตนั้นคือคิมยูคยอมเพื่อนสนิทของตัวเองที่โผล่มาได้ทันท่วงที เพื่อนตัวสูงที่อยู่ในสภาพชุดนักเรียนหลุดลุ่ยทำการขอโทษขอโพยแทนพี่ของตัวเองที่เมามายไม่ได้สติจากงานปาร์ตี้เล็กๆเฉพาะในกลุ่มเพื่อนและญาติสนิทแล้วมาก่อเรื่องวุ่นวายแบบนี้ แบมแบมเองก็รับคำขอโทษและบอกให้อีกฝ่ายพารุ่นพี่คนนี้กลับไปพักผ่อนโดยไม่ได้เล่าว่าปาร์คจินยองได้กระทำการล่วงล้ำอะไรตัวเองไปบ้าง บอกเพียงแค่ว่าอีกฝ่ายขอเข้ามาคุยด้านในเท่านั้น
ช่างเป็นวันและคืนที่แสนยาวนานสำหรับแบมแบมเสียจริง
.
.
คนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ขวัญเสียมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดีกำลังนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาในยามที่นาฬิกาข้างเตียงบอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง เปลือกตาไม่สามารถข่มให้ปิดลงได้...ความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามาให้สมองตื่นตัวอยู่แทบตลอดเวลา แม้จะยังไม่เข้าใจว่าทำไมรุ่นพี่ที่ตนให้ความเคารพถึงได้ทำกิริยาแบบนี้ออกมา หากแต่คำสารภาพตรงๆกับสัมผัสร้อนที่จาบจ้วงคล้ายต้องการเอาชนะของรุ่นพี่จินยองมันก็ทำให้แบมแบมรู้ว่ามันไม่ได้ชวนให้ใจเต้นและเคลิบเคลิ้มเหมือนอย่างที่ใครบางคนเคยทำ...
แบมแบมไม่ได้เกิดความรู้สึกแบบนั้นกับทุกคนอย่างที่เคยสงสัย
“...”
เด็กน้อยกลืนน้ำลายลงคอเมื่อจิตใจเผลอวูบโหวงยามใบหน้าของคนที่คงต้องยอมรับกับตัวเองเสียทีว่ากำลัง ‘คิดถึง’ นั้นลอยเด่นชัดขึ้นมา ถึงแม้จะทราบจากแม่บ้านว่าพรุ่งนี้ก็เป็นกำหนดกลับแล้วแต่มันก็ช่วยให้เด็กน้อยที่ต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังใจชื้นขึ้นมาได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น
และยิ่งเมื่อเพิ่งผ่านเหตุการณ์ชวนให้เสียขวัญมาเมื่อครู่นั้นอีก
น้ำตาเม็ดเล็กรื้นอยู่ที่ขอบตาสวยก่อนที่แบมแบมจะไม่สามารถแกล้งทำเป็นนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“ฮ...ฮัลโหล ป๊าครับ” จนในที่สุดแล้วมือเล็กๆก็ทนไม่ไหวที่จะหยิบมือถือมาโทรออกไปยังเบอร์ที่บันทึกเอาไว้เป็นอันดับสำคัญที่สุดในรายชื่อทั้งหมด...
“ว่ายังไงเด็กดี”
“ฮ...ฮึก ป๊า”
โอ๊ะ ไม่มีพระเอกในฟิคเรื่องนี้
ทีมคุณจินแตะเบรกกันไหมคะหรือว่าฟิน 5555555555555
ว่าแต่น้องฟ้องป๊าแล้วค่ะพี่จิน...งานจะเข้าแล้วไหมน้อ
คือต้องขอออกตัวแรงปกป้องคุณพี่จินยอง (ของเรา) ก่อนว่าเรื่องนี้นางไม่ใช่ตัวร้ายหรอกนะคะอย่าเพิ่งเข้าใจผิด แต่คือนางเมาเรื้อน เป็นความผาดโผนส่วนบุคคล ก็มาช่วยกันภาวนาขอให้พี่จินรอดจากเงื้อมมมือปีศาจแล้วกันโนะ หิหิ .
ปล. ฟิคยังเปิดจองอยู่นะคะ อย่าปล่อยให้เรารอเก้ออออออออออออออ
#FICSDMB
@SINCE9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่น้องจะกล้าฟ้องว่าโดนจูบหราาาา ไม่น่าน้าาาาาา
ตอนแรกก็แอบเชียร์นะ
แต่พี่จินยองทำแบบนี้กับน้องได้ไงงง
น้องร้องไห้เลยยย