ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ลงแบบ E-BOOK ที่ MEB] FIC WIDOWER : { MARKBAM }

    ลำดับตอนที่ #15 : widower :: chapter fourteen

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.02K
      113
      31 มี.ค. 59

    ? themy butter
    +


       WIDOWER

    #MARKBAM

    CHAPTER FOURTEEN

     
     

                    มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่าเวลาน่ะติดปีกบิน...เพราะว่าเมื่อเรารู้ตัวอีกครั้งสิ่งแรกที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วแบบไม่มีทางย้อนกลับมาได้นั้นก็คือเวลา แหงล่ะ...ใครจะเอาเวลาที่ผ่านไปแล้วกลับมาได้ มีแค่ในหนังในละครเท่านั้น แบมแบมเห็นด้วยกับประโยคนั้นนะ

     
     

    เพราะว่าหลังจากคืนนั้นเวลาก็ผ่านมาจนเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เป็นหนึ่งเดือนที่แบมแบมย้ายกลับมาอยู่ที่ห้องตัวเองเหมือนก่อนหน้า ส่วนคนข้างห้องอย่างมาร์คต้วนก็เช่นกัน...ชายหนุ่มยังพักอยู่ในห้องถัดไปต่อจากเขา ต่างออกไปหน่อยก็ตรงที่พักหลังมานี้ห้องของมาร์คมันค่อนข้างเงียบเหงากว่าที่เคย

     
     

    ซึ่งสาเหตุแรกก็น่าจะมาจากการที่คุณแม่และน้องสาวของมาร์คอย่างคุณมิลาได้พายัยหนูน้อยลิลลี่ไปพักผ่อนแบบยาวๆก่อนที่คุณมิลาจะกลับไปทำงานดังเดิม...ไม่ใช่ไปพักผ่อนต่างจังหวัด แต่เป็นการไปพักผ่อนไกลถึงเวนิส อิตาลีนู่นแน่ะ กว่าจะกลับมาก็อีกสองสามวันโดยประมาณ

     
     

    แบมแบมยอมรับก็ได้ว่าแอบอิจฉายัยหนูอยู่ไม่น้อยเลยตอนที่ได้รู้เรื่องนี้น่ะ


     

    ส่วนสาเหตุที่สองน่ะ...ก็เป็นเพราะว่าเจ้าของห้องตัวจริงอย่างมาร์คนั้นไม่ค่อยได้กลับเข้าห้องสักเท่าไหร่  ไม่ใช่เพราะว่ากลับไปทำงานที่บริษัทหรือมีเหตุให้ต้องไปไหนไกลๆอย่างลิลลี่หรอกนะ แต่ที่เป็นอย่างนั้นน่ะก็เพราะว่า...

     
     

    “แบมไม่ต้องหรอก ไอ้จานขนมพวกนี้เดี๋ยวผมเก็บไปล้างเองทีเดียว”

     
     

    “ตามใจครับ”

     
     

    ใช่แล้ว...ก็เพราะว่าคุณพ่อลูกอ่อนน่ะสิ ขยันหาข้ออ้างร้อยแปดตอนที่ลิลลี่ไม่อยู่เข้ามาขลุกอยู่ในห้องของเขาจนแบมแบมต้องยอมยกนิ้วให้กับความดื้อหน้ามึน ยอมรับว่าตอนแรกแบมแบมเองก็เกร็งๆอยู่เหมือนกันนะ แต่พอนานไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็เริ่มกลายเป็นความเคยชิน ถึงแม้จะแปลกๆไปบ้างเพราะเคยอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด หากแต่ว่าข้อดีของมันก็ทำให้แบมแบมไม่ต้องเหงาปากได้ และก็มีบ้างในบางเรื่องที่เขาต้องปรับตัวอย่างเช่นฐานะตัวเองกับลิลลี่ ที่เคยเรียกตัวเองว่าน้าแบมจนชินปากก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นอาแบมแทน

     
     

    “...” และตอนนี้แบมแบมก็กำลังเดินวนกลับเข้ามาในห้องครัวเพื่อต้มน้ำสำหรับชงกาแฟ แก้วมัคสองใบถูกหยิบมาตั้งข้างกัน ฝ่ามือเล็กหยิบกระปุกที่ด้านในบรรจุผงกาแฟรสชาติเยี่ยมยอดเอาไว้ออกมาเทใส่แก้วให้เท่าๆกัน

     
     

    ไม่นานนักกลิ่นกาแฟก็โชยไปทั่วห้อง แบมแบมเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดให้เข้าที่จากนั้นก็ยกแก้วใบหนาสองใบออกมาจากห้องครัว เดินไปตรงโซนนั่งเล่นที่ตอนนี้ถูกจับจองโดยฝีมือของคุณพ่อลูกอ่อนที่หอบเอาเอกสารและแฟ้มงานต่างๆมากองไว้จนแทบไม่มีที่นั่ง แบมแบมเพิ่งจะได้รู้เมื่อไม่นานมานี้เองว่าตำแหน่งของมาร์คน่ะคือรองประธานบริษัท

     
     

    อยากถามว่าจะมีใครให้มากกว่านี้อีกไหม? มาร์คสมบูรณ์แบบไปแทบทุกอย่างจริงๆ


     

    ในขณะที่แบมแบม...อา ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน


     

    “ขอบคุณครับ” มาร์คเงยหน้าจากกองแฟ้มขึ้นมาส่งยิ้มบางๆให้เจ้าของฝ่ามือเรียวที่ยื่นแก้วกาแฟหอมกรุ่นมาตรงหน้า แบมแบมเม้มปากพยักหน้ารับก่อนจะมองหาที่ว่างเหมาะๆบนโซฟาเพื่อหย่อนตัวนั่ง ตอนนี้มาร์คนั่งอยู่บนพื้นพรม ใช้โซฟาของเขาเป็นโต๊ะทำงานชั่วคราว

     
     

    “เหนื่อยก็พักบ้างนะ ผมเห็นคุณทำไอ้พวกนี้มาตั้งแต่เมื่อคืน” แบมแบมพูดไปตามจริง มาร์คดูเหนื่อยล้ากว่าแต่ก่อนมาก อาจจะเพราะว่าอีกเดือนเดียวมาร์คก็จะต้องกลับไปทำงานที่บริษัทงาน ดังนั้นพวกเอกสารที่คั่งค้างไว้จึงต้องเร่งสะสาง อีกทั้งรายงานการประชุมต่างๆที่มาร์คต้องอ่านทำความเข้าใจอีก

     
     

    ถ้าแบมแบมช่วยได้ก็อยากจะช่วยอยู่หรอกนะ แต่มันไม่เหมือนกับการช่วยเพื่อนทำการบ้านสมัยเรียนนี่สิ...ตัวเลขลายตาเยอะแยะไปหมด ไหนจะภาษาอังกฤษยากๆนั่นอีก ขอเป็นฝ่ายสนับสนุนเสบียงให้มาร์คอย่างนี้ก็แล้วกัน

     
     

    “แบม...ผมเมื่อยจัง” อ้อ ลืมบอกไป...ว่ามาช่วงหลังนี้ตั้งแต่ที่ลิลลี่ไม่อยู่มาร์คก็ดูเหมือนว่าจะมีช่วงเวลาส่วนตัวมากขึ้น คนตัวเล็กเองก็รู้สึกนะว่ามาร์คน่ะพยายามทำคะแนนแบบออกหน้าออกตาเชียว

     
     

    “ตรงไหนล่ะ เดี๋ยวบีบให้” แต่ก็ไม่รู้ทำไม ทั้งที่รู้ว่าเขาอ่อยแต่แบมแบมก็ยังยอมให้ความร่วมมือไปกับมาร์คด้วยแทบทุกครั้งทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ซึ่งมันก็ทั้งขำและก็รู้สึกดีไปพร้อมๆกันอย่างบอกไม่ถูก

     
     

    “ไหล่ครับ”

     
     

    “...”

     

    “อื้อ...แรงดีมากเลย ฮ่าๆ” ทันทีที่ฝ่ามือเรียวออกแรงบีบให้บนไหล่กว้างมาร์คก็ชมออกมาไม่ขาดปากเล่นเอาแบมแบมฉีกยิ้มกว้างจนเต็มใบหน้า ก็ไม่ได้ได้ใจที่ถูกชมหรอกนะ...บางทีก็รู้ว่ามาร์คแกล้งพูดให้เขาขำเท่านั้น แต่มันก็แค่...รู้สึกดี แบบแปลกๆ

     
     

    “เดี๋ยวจะบีบให้เละคามือเลย”

     


    มาร์คต้วนนี่น่าหมั่นไส้ชะมัด...






     

                    ตอนนี้สภาพห้องของแบมแบมกลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง ห้องทั้งห้องเงียบสนิทไร้ซึ่งขยะและกองเอกสารบนโซฟามากมายอย่างเมื่อสองสามวันก่อนหน้ามากวนใจให้ขัดหูขัดตา หากแต่คนตัวเล็กคนเดียวในห้องนั้นกลับดูเหมือนว่ากำลังวุ่นวายอย่างหนักอยู่หน้าชั้นเสื้อผ้าของตัวเอง มือเล็กดึงชั้นนู้นเปิดชั้นนี้อย่างรีบร้อน เสื้อผ้าที่ถูกพับเก็บไว้อย่างดีกระจายลงมากองบนพื้นมั่วไปหมด

     
     

    “...” ใบหน้าหวานงอง้ำ คิ้วเส้นสวยขมวดเข้าหากันขณะที่สายตาจ้องมองเสื้อตัวบางในมือ เพราะว่าแบมแบมกำลังคิดหนัก...เพราะจู่ๆมาร์คก็มาชวนเขาไปออกทริปเล็กๆด้วยกันในช่วงบ่ายโมงวันนี้ ซึ่งในตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงนิดๆแล้ว กะทันหันแบบนี้ใครเขาจะไปเตรียมตัวทันกันล่ะ!

     
     

    ติ๊ง ~

     
     

    ยิ่งเสียงออดจากหน้าห้องดังแบมแบมก็ยิ่งร้อนรน เสื้อตัวบางในมือถูกแกะกระดุมออกแล้วสวมใส่อย่างคล่องแคล่ว สำรวจความเรียบร้อยของตัวเองนิดหน่อยก่อนจะก้มลงไปรวบเอากระเป๋าสตางค์ที่หล่นรวมอยู่กับกองเสื้อผ้านั้นยัดใส่กระเป๋าเป้สีครีมของตัวเอง

     
     

    “มาแล้วๆ” จากนั้นก็ลากเป้มากองไว้ที่โซฟา สองขาเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหน้าประตูห้อง ไม่ได้ส่องดูก่อนหรอกว่าเป็นใครที่มากดเพราะแบมแบมเองก็พอจะเดาได้

     
     

    แกร๊ก...

     
     

    “แอ๊ะ!” ทันทีที่เปิดประตูออกเสียงร้องทักทายจากเด็กน้อยในอ้อมกอดของมาร์คต้วนก็เป็นสิ่งแรกที่แบมแบมได้ยิน คนตัวเล็กแกล้งเลิกคิ้วสูง ก้มตัวลงไปจนใบหน้าเกือบชิดกันกับเด็กน้อยจนได้ยินเสียงลิลลี่หัวเราะชอบใจออกมายกใหญ่

     
     

    “เตรียมตัวเสร็จหรือยัง ให้ผมเข้าไปช่วยไหม” แบมแบมเงยหน้าขึ้นมาจากหนูน้อยในชุดสีฟ้าสดใส มองสำรวจคุณพ่อยังหนุ่มปราดเดียวก็เห็นว่ามาร์คน่ะเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว ทั้งกระเป๋าเป้ใบใหญ่และเสื้อยืดโปโลกับกางเกงสามส่วนสบายๆแต่ก็ดูทะมัดทะแมงอยู่ในตัว ต่างกับแบมแบมที่ใส่เชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนเข้ารูป

     
     

    “เสร็จแล้วๆ เดี๋ยวขอเช็คห้องแป๊บนึงนะ...”

     


     

                    มาร์คไม่ยอมบอกว่าจะพาเขาไปไหนแต่แบมแบมก็ยังยอมขึ้นรถมาด้วยอย่างไม่กลัวเกรง ลิลลี่นอนหลับอยู่บนเบาะสำหรับเด็กด้านหลังได้เกือบชั่วโมงแล้ว ตอนแรกที่ออกรถมาก็ร่าเริงดีอยู่หรอกนะ แต่พอขับมานานเข้าจนสองข้างทางเริ่มเปลี่ยนจากตึกรามไปเป็นป่าเขานั่นล่ะยัยหนูก็เริ่มออกฤทธิ์งอแงขึ้นมาทันที สุดท้ายพอเอานมเข้าปากก็หลับไปอย่างที่เห็น

     
     

    “นี่ เมื่อยหรือเปล่า ให้ผมขับแทนก็ได้นะ” ในรถเงียบสนิทมาเกือบสิบนาทีหลังจากบทสนทนาเรื่องภูเขาระหว่างเขากับมาร์คจบไป และแบมแบมก็เป็นฝ่ายหันไปเปิดปากพูดกับมาร์คก่อนอีกครั้งเพราะนึกขึ้นมาได้ว่ามาร์คขับรถมาโดยไม่หยุดพักได้สามชั่วโมงกว่าๆแล้ว

     
     

    “ไม่เป็นไร แบมคอยดูลูกเถอะ” มาร์คแกล้งตอบทีเล่นทีจริง ใบหน้าคมหันมาส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้แบมแบมนิดหน่อยก่อนจะเบนสายตากลับไปด้านหน้าดังเดิม ส่วนคนถูกกระทำอย่างแบมแบมน่ะเหรอ...

     
     

    “ตลกแล้วมาร์ค!

     
     

    “ฮ่าๆ”

     
     

                    เราขับรถต่อมาอีกเกือบสองชั่วโมงก็ถึงสถานที่ที่มาร์คต้องการ รถของเราจอดสนิทอยู่บนเชิงเขาขนาดใหญ่ที่มีหลังคาเป็นท้องฟ้าสีดำสนิทด้านบนปกคลุม มันดูเหมือนว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ มีรถหลายคันที่จอดกระจายกันไป แต่ถึงอย่างนั้นแบมแบมก็ยังเดาไม่ออกว่ามาร์คต้องการจะทำอะไรกันแน่...บนเชิงเขาอย่างนี้ตอนกลางคืนจะมีอะไรให้ท่องเที่ยวกัน

     
     

    “มาร์ค เอาเสื้อแขนยาวขายาวมาให้ลิลลี่หรือเปล่า เดี๋ยวยุงกัด” แบมแบมท้วงขึ้นเมื่อมาร์คทำท่าจะดับเครื่องยนต์ แบมแบมเห็นนะว่ามีหลายคนที่เหมือนกับว่ามาถึงก่อนพวกเขา บางส่วนก็เปิดส่วนท้ายของรถแล้วปูเบาะนั่งอยู่ด้านใน บ้างก็ลงมานั่งบนเก้าอี้ไม้แถวๆนั้น

     
     

    อะไรกันล่ะเนี่ย


     

    “ไม่ได้ลงไปหรอก ผมแค่จะเปิดประจก” มาร์คว่าแค่นั้นแบมแบมเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ นึกแปลกใจไม่น้อยว่ามาร์คจะพาเขากับลิลลี่ดั้นด้นขับรถมาตั้งหลายชั่วโมงเพื่อมานั่งนิ่งๆอยู่บนเชิงเขาแบบนี้ทำไมกัน...

     
     

    “ตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้วแบม”

     
     

    “ก็...สองทุ่มจะครึ่งแล้ว” แบมแบมล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาดูอย่างไม่ได้เร่งรีบอะไร เด็กน้อยยังคงหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราวพร้อมกับผ้าขนหนูผืนหนาที่คลุมทับเอาไว้เพื่อกันยุง จะมีก็แต่แบมแบมที่ขยันขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจจนมาร์คแอบขำให้กับท่าทางอย่างนั้นอยู่เป็นช่วงๆ

     
     

    “มาทันพอดีเลย” มาร์คว่าก่อนจะเอี้ยวตัวมาปรับเบาะนั่งฝั่งแบมแบมให้เอนลงไปกว่าเดิม คนตัวเล็กเม้มปากแน่นรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะตอนที่มาร์คเอนตัวเข้ามาใกล้เสียจนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย

     
     

    “...” เป็นการปรับเบาะที่เชื่องช้าอะไรเช่นนี้...แบมแบมคลายอาการเกร็งลงทีละหน่อยเมื่อเห็นว่ามาร์คค่อยๆละออกมาจากตัวเอง ไม่วายแวะส่งยิ้มบางๆให้เขาใจสั่นเล่นอีกต่างหาก

     
     

    “มาร์ค...แล้วที่นี่มีอะไรเหรอ” แบมแบมถามออกไปขณะที่มาร์คกำลังปรับเบาะของตัวเองให้ลงมาอยู่ในระนาบเดียวกัน มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังนอนอยู่บนเชิงเขาที่มีสายลมเย็นๆพัดโชยผ่าน เบื้องหน้าของเขาทั้งสองคนคือผืนฟ้าสีดำสนิทแสนกว้างใหญ่ไพศาล...แบมแบมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นมดตัวเล็กจิ๋วไปเลยเมื่อได้อยู่ในที่โล่งๆที่มีธรรมชาติคอยโอบล้อมเช่นนี้

     

    “ดูเอาเองสิ...อีกเดี๋ยวก็น่าจะมาแล้ว”

     
     

    “...” มาร์คตอบพลางพยักพเยิดใบหน้าให้แบมแบมจ้องมองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้า เสียงลมหายใจกลายเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นภายในรถยนต์ แบมแบมเองก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อเขายอมนอนนิ่งๆทิ้งสายตาไปเบื้องหน้าอย่างที่อีกฝ่ายบอก...ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มือคู่เล็กของแบมแบมถูกมาร์คดึงไปกอบกุมไว้ แต่ถึงรู้แล้วแบมแบมก็ไม่คิดจะปัดป้องหรือโมโหอะไร

     
     

    เพราะแบมแบมไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆแบบนี้ไงล่ะ...

     
     

    “มาร์ค!

     

    เดี๋ยวนะแสงสว่างวาบที่พุ่งผ่านท้องฟ้าไปอย่างรวดเร็วเมื่อครู่นั่นถ้าแบมแบมมองไม่ผิดมันน่าจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าดาวตก อ่า อย่าบอกนะว่าที่มาร์คพาเขามาถึงบนนี้ก็เพราะจะพามาดูเจ้าพวกนี้น่ะ

     
     

    “อืม...ฝนดาวตก ผมอยากเห็นด้วยตามาตั้งแต่เด็กแล้ว เขาบอกกันว่าโอกาสหาดูไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าอยู่ในเมืองเราคงไม่มีทางได้เห็นแน่ๆ คุณเคยเห็นมาก่อนหรือเปล่าแบม” มาร์คไม่มองหน้าเขา ดวงตาคู่คมจ้องมองไปยังดาวตกที่พุ่งลงมาส่องแสงสว่างวาบอีกหนด้วยใบหน้าที่อิ่มเอม ในตอนนี้มีเพียงแบมแบมเท่านั้นที่ไม่ได้สนใจฝนดาวตกตรงหน้า...เพราะดวงตากลมกำลังจดจ้องใบหน้าคมของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

     
     

    แสดงว่าที่คนเหล่านี้มาปักหลักรอ...ก็เพราะเจ้าฝนดาวตกนี่สินะ


     

    “...”

     
     

    “ผม...ไม่เคย” แบมแบมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังต้องมนต์ ยิ่งกว่านั้นเมื่อฝ่ามือข้างที่ถูกมาร์คกอบกุมนั้นโดนยกขึ้นไปประทับริมฝีปากจากอีกฝ่ายเบาๆทำเอาคนตัวเล็กเผลอกระตุกกายหนี แต่แรงน้อยนิดก็สู้แรงของมาร์คที่ยื้อเอาไว้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย...ให้ตายเถอะ มาร์คทำเขาอ่อนระทวยเสียจนน่ากลัว

     
     

    “อธิฐานสิ เขาบอกว่าถ้าเราขอพรกับดาวตกคำขอจะเป็นจริงนะ”

     
     

    “...” แบมแบมไม่ตอบรับทว่าเปลือกตาบางกลับบรรจงปิดลงอย่างว่าง่าย ฝ่ามือข้างที่กอบกุมกันเอาไว้เป็นเสมือนตัวส่งผ่านไออุ่นให้ทั้งคู่ได้รับรู้ว่าภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทนั้น เขาก็ยังมีคนที่อยู่ข้างๆไม่ได้เลือนหายไปเหมือนกับภาพดาวตกตรงหน้าแต่อย่างใด

     
     

    “มาร์ค...อธิฐานเสร็จแล้วเหรอ” แบมแบมเป็นฝ่ายเปิดเปลือกตาขึ้นมาทีหลัง เขาเห็นว่ามาร์คจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วก็เลยถามออกไปแก้เก้อ ได้รับเพียงรอยยิ้มบางๆกลับมาก่อนที่ริมฝีปากสีอ่อนจะตอบกลับมา

     
     

    “เสร็จนานแล้ว”

     
     

    “มาร์คอธิฐานว่าอะไรอะ” อันที่จริงก็ไม่ได้อยากรู้มากมายนักหรอก แบมแบมก็แค่ถามออกไปแก้เขินเท่านั้นเพราะว่าตอนนี้มาร์คยังไม่ยอมปล่อยมือเขาเลยน่ะสิ...ลิลลี่ที่เบาะด้านหลังเองก็เริ่มดิ้นดุกดิกเหมือนอยากจะตื่นเต็มทีแล้ว

     
     

    “ก็...”

     
     

    “ขอให้คนที่ชอบ ตอบรับความรักของผมไวๆ...แค่นั้นล่ะ”

     
     

    “ฮ่ะๆ...” ให้ตายเถอะ...บทจะหยอดขึ้นมามาร์คก็เล่นเอาแบมแบมลิ้นแข็งไปไหนไม่เป็นอยู่เกือบนาทีเลย

     
     

    “...”

     
     

    แบมแบมเงียบ มาร์คเงียบไม่มีคำพูดใดๆต่อจากนั้น หากแต่ว่าสายตาทั้งสองคู่ที่กำลังเชื่อมประสานส่งผ่านความรู้สึกพิเศษบางอย่างเปรียบเสมือนเป็นคำพูดนับร้อยพันที่กล่าวออกมาให้เข้าใจโดยไร้ซึ่งเสียง ใบหน้าคมยกยิ้มหน่อยๆในจังหวะที่แบมแบมขยับกายเข้ามาใกล้เขาทีละนิด...ก็ไม่แน่ใจหรอกว่าแบมแบมจะกล้าขนาดไหน แต่มาร์คเองก็ไม่อ่อนหัดพอถึงขนาดที่จะทิ้งโอกาสงามตรงหน้า

     
     

    สัมผัสแรกช่างอ่อนหวานและบางเบาๆ ลมหายใจผะแผ่วบนแก้มของมาร์คเป็นตัวบ่งบอกว่าบัดนี้แบมแบมได้ทำการรุกรานเขาด้วยการช่วงชิงลมหายใจ ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มยกขึ้นประคองท้ายทอยของคนตัวเล็กที่ทำใจกล้ายื่นใบหน้าเข้ามาหาเขาก่อนอย่างอ่อนโยน เปลือกตาคมหลับลงรับสัมผัสเหล่านั้นอย่างเต็มใจ

     
     

    “...” แผ่วเบาทว่าเนิ่นนาน มาร์คไม่รู้ว่าตอนนี้ฝนดาวตกจะหมดไปแล้วหรือยัง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้แบมแบมกำลังตอบรับคำขอนั้นของเขาอยู่หรือไม่ เขารู้เพียงแต่ว่าสัมผัสนี้ที่แบมแบมมอบให้เขามันช่างบริสุทธิ์ เย้ายวนและถูกใจเสียยิ่งกว่าหญิงสาวไหนๆที่เคยพบเจอ

     
     

    “มาร์ค...” ริมฝีปากอิ่มฉ่ำน้ำละออกมาเชื่องช้า ยอมรับว่าแบมแบมทั้งเขินและอาย เดาได้ว่าใบหน้าของตัวเองตอนนี้มันคงแดงก่ำไปหมดเหมือนกับคนเมา หากแต่ว่าครั้งนี้เขามีสติครบถ้วน...อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศพาไปนิดหน่อย แต่ก็นั่นแหละ แบมแบมรู้สึกดีจริงๆ...

     
     

    “ว่าไงครับ”

     
     

    “คำขอของคุณน่ะ...ผมอนุญาตให้มันกลายเป็นความจริงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

     
     

    “ผม...จะคบกับคุณ”

     
     

    ช่างเป็นคำขอพรจากดาวตกที่ส่งผลรวดเร็วทันใจเสียจริง...

     

     




     

                           ผ่านมาแล้วสามวันหลังจากคืนออกทริปที่จะตราตรึงในความทรงจำของคนทั้งคู่ไปอีกนานแสนนาน หากแต่บรรยากาศโรแมนติกสีชมพูยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวแบมแบมทั้งที่ต้องเข้ามาทำงานในบริษัทตลอดสามวัน คนตัวเล็กเดินส่งยิ้มให้ตั้งแต่ป้าพนักงานทำความสะอาดยันเพื่อนร่วมแผนกที่ไม่เคยคุยด้วย ไม่คิดเลยนะว่าจะได้มีอารมณ์แบบนี้กับเขาด้วย...

     
     

    “ยิ้มหวานเชียวนะคะพี่แบม แสดงว่าว่างงานอยู่ใช่ไหมเนี่ย” มินะสาวน้อยผู้ร่วมทีมโปรเจ็คใหม่เป็นคนแรกที่เข้ามาทักทายแบบตรงๆ ในมือขาวซีดถือเอกสารกองใหญ่เอาไว้เสียจนเส้นเลือดเด่นชัดขึ้นมา แบมแบมเป็นคนเอื้อมมือไปรับมันมาถือไว้เองด้วยความเห็นใจ เธอยิ้มให้แบมแบมนิดหน่อยก่อนจะชวนพูดคุยเกี่ยวกับความคืบหน้าของโปรเจ็คงานไปเรื่อย

     
     

    “เมื่อวานพี่ก็ลองไปคิดๆมาแล้วล่ะ พี่ซอกแจว่าไงบ้าง”

     
     

    “ตอนนี้พี่ซอกแจก็ร่างบทของทีมอยู่ค่ะ เกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ...พี่แบมมีข้อเสนอแนะอะไรก็ไปบอกแกได้เลยนะ เห็นบ่นๆว่าวันนี้หัวไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่” แบมแบมเดินตามหลังพนักงานรุ่นน้องช่างพูดเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของทีมโปรเจ็ค เห็นว่ามีสมาชิกที่นั่งทำงานกันอยู่แล้วเกือบสามคนไม่รวมเขาและมินะ

     
     

    “ไงแบม”

     
     

    “หวัดดีครับพี่” แบมแบมพยักหน้ารับเสียงทักทายเหล่านั้นก่อนจะทิ้งตัวลงนั่ง หากแต่ว่ายังไม่ทันได้พูดจาอะไรประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเข้ามาจนเกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

     
     

    “...”

     

    “พี่แบม...บก.โฮมินเรียกพบที่ห้องทำงานค่ะ”


     

                           และตอนนี้นักเขียนตัวเล็กๆอย่างแบมแบมก็เข้ามาอยู่ในห้องทำงานของบก.หนุ่มเป็นที่เรียบร้อย ใบหน้าหวานฉายแวววิตกกังวลอยู่หน่อยๆถึงแม้จะมั่นใจว่างานของตัวเองไม่น่าจะมีปัญหาอะไรก็เถอะ เพราะมันน้อยครั้งมากจริงๆที่พี่โฮมินจะเรียกเขาเข้ามาคุยในห้องส่วนตัวแบบนี้ มีแค่ช่วงแรกๆที่แบมแบมทำงานพลาดบ่อยๆจนโดนเรียกเข้ามาตักเตือนและสอนงานเท่านั้น

                          

    “แบม...พี่จะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ แบมเองก็พูดมาตามตรงได้เลย” แบมแบมยังไม่กล้าทิ้งตัวลงนั่งเพราะพี่โฮมินยังไม่ได้ออกปากเชิญ ชายหนุ่มทำเพียงแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยใบหน้านิ่งๆอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นเท่านั้น

     
     

    “พี่โฮมินมีอะไรเหรอครับ” แต่กระนั้นแบมแบมก็ยังลอบส่งยิ้มบางๆให้อีกฝ่ายเพื่อคลายบรรยากาศตึงเครียด

     
     

    “แบมรู้ใช่ไหมว่าพี่ชอบแบม”

     
     

    “พี่อยากให้แบมมาเป็นคนของพี่...แต่พี่เดาไม่ออกจริงๆว่าแบมคิดยังไงหรือคิดอะไร ช่วงหลังมานี้แบมก็ดูแปลกไป เพราะฉะนั้นพี่เลยอยากรู้คำตอบ บอกหน่อยสิว่าพี่มีโอกาสบ้างหรือเปล่า...” แบมแบมชะงักไปนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ อันที่จริงเขารู้มาตั้งแต่แรกๆแล้วล่ะเรื่องที่พี่โฮมินชอบเขาเกินน้องชายร่วมงาน ไม่ใช่ว่าหลงตัวเองหรอกนะ แต่พี่โฮมินเล่นแสดงออกชัดเจนอย่างนั้นใครมันจะแกล้งปิดหูปิดตาได้กัน

     
     

    “พี่โฮมินครับ ผม...ซึ้งใจที่พี่เอ็นดูและช่วยเหลือผมมาตลอดนะครับ แต่ว่าผมคงรับความต้องการนี้ของพี่ไว้ไม่ได้ คือ...ผมมีแฟนแล้ว

     

    “ใคร” พี่โฮมินถามเสียงเรียบ ทำเอาแบมแบมต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะกลั้นใจตอบออกไปตามตรง

     
     

    “ก็...พ่อลูกอ่อนข้างห้องคนนั้นน่ะครับ”

     
     

    “นี่ล้อพี่เล่นอยู่หรือเปล่า” เสียงพี่โฮมินแสดงออกถึงความตกใจ แต่กระนั้นแบมแบมก็ไม่คิดจะกลับคำพูดแต่อย่างใด เขาตกลงคบกับมาร์คแล้ว มันไม่ใช่เรื่องผิดเสียหน่อยที่เขาจะมีแฟนน่ะ...

     
     

    “อ่า...ไม่ครับ เรื่องจริงทั้งหมด”

     
     

    “...”

     
     

    ก็หวังว่าหลังจากที่ตอบไปแบบนี้แล้วแบมแบมจะไม่โดนเด้งออกจากโปรเจ็คใหม่นี้กลางคันหรอกนะ...เฮ้อ!

     

     



    TALK!

    คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเองนะคะพี่โฮมิน ตอนนี้พ่อลูกอ่อนกับคุณนักเขียนเขาสาดความหวานใส่แรงมาก
    หวังว่าจะชอบกันนะคะ แล้ววันนี้ก็ฤกษ์งามยามดีจริงๆสำหรับการอัพฟิค
    ประการแรก ตั้งใจจะอัพเพราะว่าวันนี้เป็นวันเกิด (ฉลอง) แล้วประการที่สองคือ GOT7 ชนะรางวัลได้ที่1อีก (ฉลองอีก)

    ตอนหน้าฟิคก็จะจบแล้วนะคะ ใจหายวูบวาบอะ ใกล้ความจริงละ
    เรารักฟิคเรื่องนี้นะ ถึงแม้ว่าพล็อตจะไม่มีอะไรมากและคนอ่านไม่ได้เยอะมากมาย
    ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันเม้นต์ติชม เฟบ หรือโหวต อะไรก็ได้ เราดีใจมาก

    และสำหรับคนที่สนใจรูปเล่ม ยังเปิดขายอยู่น้า ปิดวันที่ 3 เมษายนนี้แล้ว ไปดูรายละเอียดได้ที่ตอน 11 จ้ะ

    แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ



    #ficwdwmb


    twitter : @since9397

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×