ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ลงแบบ E-BOOK ที่ MEB] FIC WIDOWER : { MARKBAM }

    ลำดับตอนที่ #12 : widower :: chapter eleven

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.59K
      125
      9 มี.ค. 59

    ? themy butter
    +


    WIDOWER

    #MARKBAM

    CHAPTER ELEVEN

     
     

                    เสียงตึงตังเอะอะโวยวายในช่วงเช้าของบ้านสไตล์โมเดิร์นที่ปลูกสร้างอยู่บนทำเลทองใจกลางเมืองนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกใหม่ เพราะปกติแล้วต่อให้มีคนอยู่หรือไม่มีคนอยู่เจ้าของบ้านหลังนี้อย่างชเวยองแจและแจ็คสันหวังก็ไม่ค่อยส่งเสียงดังให้ข้างบ้านรำคาญใจอยู่แล้ว จนกระทั่งวันนี้นี่แหละ...นับว่าเป็นวันที่บ้านหลังนี้ของพวกเขาวุ่นวายที่สุดแล้ว

     

    “กูอยู่ไม่ได้แล้วยองแจ กูอยู่ไม่ได้...” เสียงหวานพึมพำคล้ายกับคนบ้าขณะที่สองขาพาตัวเองเดินเลี้ยวไปทางห้องนอนเล็กชั้นล่าง ยองแจที่เดินยกกล่องใบใหญ่ตามหลังมาถึงกับส่ายหัวให้กับเพื่อนตัวดีของตัวเองที่จู่ๆก็โผล่มาแต่เช้าตรู่

     
     

    “แบม! กล่องนี้ให้กูยกไปเลยไหมเนี่ย” พี่แจ็คสันก็อีกคน! แม่ง พอได้พวกแล้วก็ส่งเสียงเอะอะโวยวายใหญ่โต กล่องคอมพิวเตอร์ของแบมแบมอยู่ในมือของแจ็คสันซึ่งกำลังช่วยรื้อของลงจากรถแบมแบมตรงหน้าบ้าน ป่านนี้คุณป้าคุณลุงข้างบ้านเขาคงคิดว่าบ้านเขาเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นแล้วล่ะมั้ง

     
     

    “ยกมาเลยพี่!” ส่วนแบมแบมเองเดินเข้าไปในห้องแล้วแท้ๆก็ยังจะอุตส่าห์แหกปากตะโกนกลับ เอากับพวกมันสองคนสิ...ยองแจล่ะปวดหัวจริงๆเลย

     
     

    “...”

     
     

    “เฮ้อ!” พอเอากล่องวางเสร็จแบมแบมก็เล่นทิ้งตัวนอนลงบนเตียงคล้ายคนหมดแรง ลมหายใจร้อนๆถูกพ่นออกมาพร้อมกับเปลือกตาที่ปิดลง ยองแจที่ยืนกอดอกมองภาพนั้นอยู่ปลายเตียงก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่ายหัวดิก

     
     

    “แบม...มึงจะหนีเขามาทำไม คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกละครหลังข่าวเหรอหรือยังไง” ไม่มีการปลอบใจใดๆทั้งสิ้น ยองแจไม่เข้าใจ...ก็แค่เมียเขามาเยี่ยมลูกสาวมันจะดราม่าอะไรขนาดนั้น ก็บอกเองไม่ใช่หรือไงว่าเขาเลิกแล้วต่อกันไปแล้วน่ะ

     
     

    “ไม่รู้...กูแค่ไม่อยากเจอ กูยังไม่อยากคุยกับเขา” เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้แบมแบมหัวหมุนไปหมด มาร์คลงมาส่งเขาที่ลานจอดรถแต่เราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เหมือนมาร์คเองก็จะรู้นั่นแหละว่าเพราะอะไร

     
     

    “แต่เมียเขาก็เลิกกันไปแล้วป่ะวะ ใจๆหน่อยเหอะมึงอ่ะ” ยองแจพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งตรงปลายเตียงบ้าง อันที่จริงก็สงสารมันอยู่หรอกนะเพราะว่าตั้งแต่สมัยเรียนแบมแบมมันก็ไม่ยอมมีแฟน เลือกมากจนไม่เอาใครสักคน พอจะมามีความรักก็เสือกได้พ่อลูกอ่อนแถมนี่ยังไปเจอภาพครอบครัวสุขสันต์ของเขามาอีก...ดีจริงๆ

     
     

    “ยองแจ! แต่คนเขาเคยเป็นผัวเมียกันนะ เขาเคยมีเวลาดีๆด้วยกัน...แถมยังมีลูกด้วยกันอีก ยังไงมันก็ต้องลึกซึ้งกว่าผู้ชาย­ข้างห้องที่ไม่มีห่าอะไรเลยนอกจากช่วยเลี้ยงเด็กได้อย่างกูปะวะ...” ท้ายประโยคเสียงแบมแบมแผ่วลงนิดหน่อย เป็นจังหวะพอดีกับที่แจ็คสันยกกล่องใบสุดท้ายเข้ามาวางในห้องพอดี แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบไปโดยบัดดล

     
     

    “ห่าเอ๊ย! มานี่มา” ยองแจสบถออกมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ตัดสินใจดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้นมานั่งแล้วใช้สองแขนของตัวเองรัดคออีกฝ่ายเอาไว้หลวมๆพลางโยกตัวไปมาเหมือนกำลังปลอบเด็กๆ

     
     

    “แม่ง...”

     
     

    “ทำไมกูมันอับโชคในเรื่องความรักขนาดนี้วะ”

     
     

    เพราะเขารู้ดีว่าเวลาแบมแบมเศร้าน่ะ...มันน่าสงสารแบบโคตรๆเลยไงล่ะ





     

                    เข็มนาฬิกาเคลื่อนไปเรื่อยๆจากช่วงเช้าเข้าสู่ช่วงบ่าย พี่แจ็คสันออกไปทำงานตั้งแต่เก้าโมงแล้วทำให้ตอนนี้ทั้งบ้านเหลือแค่เขากับยองแจที่วันนี้มันไม่มีสอนพิเศษที่ไหนคนตัวเล็กที่ระหกระเหินตัวเองมาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ชั่วคราวนั้นจึงไม่ต้องอยู่คนเดียวให้เหงาปาก

     
     

    “มึงนี่ก็เก่งเนอะ ไม่คิดว่าจะมาเอาดีทางเรื่องมโนจินตนาการอะไรแบบนี้” นิยายเก่าๆซึ่งตีพิมพ์เมื่อนานมาแล้วสองสามเล่มที่เขาพกติดมาด้วยถูกยองแจรื้อออกมาจากกล่องแล้วเปิดอ่านผ่านๆ แบมแบมเบะปากน้อยๆเพราะเขาเองก็ไม่คิดเหมือนกันนั่นแหละว่าจะทำงานนี้ได้นานที่สุด

     
     

    “งั้นก็รู้ไว้ซะว่าเพื่อนมึงมโนเก่ง”

     
     

    “แต่บางเรื่องอาจจะไม่ใช่มโนก็ได้นะ” แม้จะไม่พูดหัวเรื่องแต่ทั้งสองคนก็เข้าใจมันได้ตรงกันว่ากำลังหมายความถึงอะไรแบมแบมถอนหายใจออกมาพลางเหลือบตามองหน้าจอมือถือที่ขึ้นแจ้งเตือนข้อความใหม่มาตั้งแต่เช้า

     
     

    “เงียบปากไปเลยไป”

     
     

    แบมแบมเลือกที่จะเบนสายตากลับมายังหน้าจอคอมพิวเตอร์ตามเดิม เขาเห็นแล้วล่ะว่าข้อความที่ถูกส่งเข้ามานั้นก็ไม่ใช่ใครนอกเสียจากคุณพ่อลูกอ่อนข้างห้องซึ่งตอนนี้น่าจะอยู่โรงพยาบาลเพื่อเตรียมทำเรื่องพาลิลลี่กลับบ้านตามที่คุณหมออนุญาต

     
     

    ที่รู้ก็เพราะว่าเมื่อคืนมาร์คส่งข้อความมาบอกกลางดึกนั่นล่ะ...

     
     

    “ตอบเขาหน่อยไม่ดีเหรอ ทรมานใจตายแล้วมั้ง”

     
     

    “...” บางทีแบมแบมก็เกลียดยองแจที่ขยันรอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง และเพื่อตัดรำคาญคนตัวเล็กจึงเลือกที่จะคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองมากดปิดเครื่องแล้วโยนใส่กล่องที่ว่างข้างตัวไปให้รู้แล้วรู้รอด...ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่อยากคุยด้วยตอนนี้

     
     

    “ยองแจ...ตอนนี้กูอาจจะถลำเข้าไปประมาณครึ่งตัว แต่กูคิดแล้วนะว่านับจากวันนี้กูจะรีบถอยออกมา”

     
     

    “เหรอ...” แบมแบมหมุนเก้าอี้กลับมามองหน้าเพื่อนตัวดีของตัวเองที่นั่งรื้อของออกจากกล่องอยู่บนพื้นห้อง ใบหน้าสวยขมวดคิ้วมุ่นอย่างคนคิดไม่ตกมองสบตากับชเวยองแจที่จ้องมายังเขาด้วยสายตาคล้ายกับว่ากำลังอ่านใจแบมแบมผ่านสายตาอยู่ และนั่นมันก็ทำให้คนตัวเล็กเริ่มรู้สึกสับสนเข้าไปทุกที...

     
     

    “แต่ถ้ามึงเกิดถอยเร็วเกินแล้วสะดุดตีนตัวเองหน้าทิ่มลงไปลึกกว่าเดิมนี่กูก็ช่วยอะไรไม่ได้นะ...บอกไว้ก่อน”    

           

     ก็นั่นแหละ...ที่แบมแบมกลัว

     




     

     

                                   ไม่น่าเชื่อว่าแบมแบมจะเป็นคนใจแข็งได้ขนาดนี้ ตลอดระยะเวลาสามวันที่เขากบดานอยู่ในบ้านของยองแจด้วยเหตุผลว่าต้องการหลบมาทบทวนความคิดตัวเองและพยายามทำให้ตัวเองกลับไปเป็นแบมแบมคนเดิม ย้อนกลับไปเป็นแบมแบมที่ไม่ได้เอาความสุขหรือความหวังของตัวเองไปผูกไว้กับคนอื่นแบบนี้เขาก็ไม่ได้ติดต่อมาร์คกลับไปเลยสักครั้ง

     
     

    “กูไปนะแบม ออกจากบ้านอย่าลืมล็อคประตูบ้านกับประตูรั้วด้วย”

     
     

    “เออ” แบมแบมที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ข้างเตียงเพื่อเก็บข้าวของที่ถูกค้นรื้อจนกระจายไปทั่วให้เข้าที่เข้าทางขานรับเมื่อได้ยินเสียงแง้มประตูห้องตามมาด้วยเสียงของยองแจที่ย้ำว่าอย่าลืมปิดล็อคบ้านถ้าหากออกไปแล้วเพราะว่าวันนี้มันมีสอนแต่เช้าส่วนพี่แจ็คสันก็ออกไปทำงาน

     
     

    แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าแบมแบมพร้อมที่จะกลับไปอยู่ที่ห้องและยิ้มแย้มให้มาร์คแบบสะดวกใจหรอกนะ แบมแบมยังไม่มีความแข็งแกร่งขนาดนั้น หากแต่ว่าเพราะเหตุจำเป็นบางอย่างทำให้เขาต้องพาตัวเองกลับไปอย่างไม่มีทางเลือก ก็เพราะว่าความสะเพร่ามันทำให้เขาเผลอลืมบทร่างของฉากจบในนิยายไว้ที่ห้อง ซึ่งมันสำคัญมากเพราะเต็มไปด้วยรายละเอียดต่างๆมากมาย

     
     

    ดังนั้น...แบมแบมเลยต้องกลับไปเอามาไงล่ะ


     

    “อ่า...โอเค” กล่องสามใบถูกเลื่อนเข้าไปเก็บไว้ใต้เตียงตามเดิมในที่สุด แบมแบมเช็คดูแล้วก็พบว่าไม่มีอะไรที่ขาดเหลืออีกนอกจากบทร่างนั้น เพราะฉะนั้นแล้วเขาจะรีบเข้าไปและกลับออกมาให้เร็วและเงียบเชียบที่สุด

     
     

    แบมแบมได้ยินเสียงรถของยองแจเคลื่อนออกไปได้สักพักแล้ว ต่อจากนี้ก็เป็นตาของเขาบ้างที่จะไปเผชิญความจริง...ซึ่งอันที่จริงแล้วมันก็ดูไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร มาร์คไม่ได้หลอกลวงอะไรเขา มาร์คไม่มีโอกาสได้พูดอะไรด้วยซ้ำเพราะว่าเขาไม่อยากฟัง...ไม่อยากฟังจริงๆนะไม่ใช่พูดให้ดูเข้ากันเฉยๆ

     
     

    เพราะว่าแบมแบมไม่อยากรู้แล้วว่าภรรยาของมาร์คนั้นสวยสมบูรณ์แบบและเหมาะสมกันมากแค่ไหน ไม่อยากรู้ว่าทั้งคู่จะกลับมาปรับความเข้าใจกันหรือไม่ ไม่อยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วแบมแบมจะเป็นแค่คนข้างห้องที่คิดเองเออเองทุกอย่างจากการกระทำของมาร์คไปเพียงฝ่ายเดียว...ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้นแหละ

     
     

    “...”

     
     

    ไม่นานนักแบมแบมก็เคลื่อนรถตัวเองเข้ามาจอดชั้นใต้ดินของคอนโดได้สำเร็จ เขาไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่แค่สามวันแต่ในความรู้สึกนั้นมันช่างยาวนานราวกับเป็นปีเป็นชาติ โทรศัพท์มือถือของเขาตั้งแต่ที่ปิดไปวันนั้นก็ไม่ได้เปิดขึ้นมาดูอีกเลยเพราะยองแจบอกเขาว่าถ้าหากอยากตัดก็ต้องเริ่มจากการเมินเฉยทุกอย่างเกี่ยวกับเขาให้ได้ก่อน

     
     

    ก็...ทรมานความรู้สึกตัวเองดีเหมือนกัน

     
     

    แกร๊ก...

     
     

    ประตูห้องถูกเปิดออกหลังจากที่เขาแวะเข้าไปจ่ายค่าเช่าห้องล่วงหน้าให้เจ้าของตึกอย่างพี่แจบอมเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าก่อนที่สองขาเล็กจะเดินเข้าไปด้านในเจ้าตัวกลับอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองประตูอีกบานของห้องที่อยู่ข้างกันพลางลอบกลืนน้ำลาย เขาไม่รู้หรอกว่ามาร์คจะอยู่ข้างในหรือเปล่า...แต่ถึงจะอยู่หรือไม่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่แล้ว

     
     

    “อยู่ไหนวะ...” เขาจำได้ว่าตัวเองวางกระดาษบทร่างทิ้งเอาไว้ตรงโต๊ะคอมพิวเตอร์ แต่เอาเข้าจริงบริเวณนั้นมันกลับว่างเปล่า ทำให้คนตัวเล็กเริ่มจะหงุดหงิดและกดดันไปพร้อมๆกัน

     
     

    “ไอ้แบมนึกสินึก” สองขาเล็กเดินวนไปหมาเหมือนหนูติดจั่น มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุขด้วยความกังวล พยายามยกหมอนอิงหรือเลื่อนโต๊ะเก้าอี้ดูจนเกิดเสียงดังครืดคราดบาดหูก็ยังไม่เห็นว่าไอ้กระดาษเจ้าปัญหานั่นมันไปตกอยู่ตรงไหน

     
     

    “...”

     
     

    “แม่งเอ้ยนึกว่าหายไปแล้ว!” แบมแบมเผลอสบถออกมาด้วยความดีใจในจังหวะที่จะเลื่อนเก้าอี้กลับเข้าที่แล้วทำให้เห็นว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งหล่นอยู่ใต้พรมรองเก้าอี้ ฝ่ามือเล็กเอื้อมไปหยิบมันมาคลี่ออกเพื่อความแน่ใจก่อนจะพับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อยืดของตัวเอง

     
     

    เขาหากระดาษที่ต้องการเจอแล้ว ต่อจากนั้นแบมแบมก็แค่พาตัวเองกลับไปชั้นใต้ดินเพื่อเอารถออก...ทว่าขณะที่สองขาเล็กก้าวเดินอยู่ในห้องนั้นใบหูเล็กกลับอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้กับกำแพงสีขาวที่ถูกประดับประดาด้วยกรอบรูป ปิดเปลือกตาลงนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงกับเสียงหัวเราะเล็กๆแว่วผ่านออกมา

     
     

    โครม!

     
     

    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแบมแบมจะต้องรีบร้อนและรนขนาดนี้ ทั้งๆที่ห้องก็เป็นของตัวเองแถมยังเป็นผู้อยู่อาศัยเก่า อยู่ที่นี่มาเกือบจะห้าปีแล้วไม่ใช่ว่าแอบลักลอบเข้าห้องคนอื่นหรือกำลังหนีหนี้ที่ค้างจ่ายค่าห้องเสียเมื่อไหร่ แต่ด้วยความรีบทำให้ฝ่ามือเล็กปิดประตูแรงเกินไปจนเกิดเสียงดังลั่นขึ้น แบมแบมเม้มปากแน่นรีบก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของบานประตูอีกครั้งว่าตัวล็อคทำงานหรือไม่เพื่อความปลอดภัย

     
     

    “...”

     
     

    “แบม”

     

    แต่ดูเหมือนว่าแบมแบมจะช้าเกินกว่าเจ้าของห้องข้างๆไปหนึ่งจังหวะแล้วล่ะ

     
     

    “อ อ้าว...ว่าไงมาร์ค” แต่กระนั้นแบมแบมก็เตรียมใจมาแล้วว่าถ้าหากมีเหตุบังเอิญบางอย่างเกิดขึ้นทำให้เขาได้เจอมาร์คเข้าแบมแบมก็จะต้องทำตัวให้ดูเป็นปกติที่สุด จะให้มาร์ครู้ไม่ได้ว่าเขาเก็บเอาเรื่องของมาร์คมาคิดมากจนทำให้ตัวเองไม่เป็นตัวเองแบบนี้...มันน่าอายจะตายชัก

     
     

    “ผมได้ยินเสียงตึงตังน่ะก็เลยออกมาดู...เห็นว่าแบมไม่ได้กลับห้องหลายวันแล้ว กลัวว่าใครจะแอบงัดเข้ามา”

     
     

    “อ๋อ...ผมกลับมาเอาของน่ะครับ” แบมแบมตอบพร้อมหยิบกระดาษที่พับใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองเอาไว้ออกมาให้มาร์คได้เห็น ต่อจากนั้นก็เป็นความเงียบ...มาร์คเงียบเสียจนแบมแบมเริ่มอึดอัด คนตัวเล็กสูดหายใจเข้าก่อนจะเบนหน้าไปอีกทางเมื่อคนตัวโตตรงหน้าทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง

     
     

    “...”

     
     

    “คุณ...หายไปไหนมาตั้งหลายวัน ไม่ตอบข้อความผมเลยแถมยังปิดเครื่อง” และคนที่หมดความอดทนก่อนก็เป็นมาร์ค เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าความรู้สึกของเราสองคนมันไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนร่วมห้องอีกต่อไป เมื่อหลายวันก่อนเขาจูบแบมแบมโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธ และนั่นก็คือคำตอบว่าเขาทั้งคู่มีความรู้สึกที่ใกล้เคียงกัน

     
     

    “ผม...ผมแค่งานยุ่งมาก” งี่เง่า เป็นคำตอบที่งี่เง่าสุดๆไปเลยแบมแบม

     
     

    “เจ้าของตึกบอกว่ามีผู้ชายมารับคุณไปเมื่อสามวันก่อน แบมพักอยู่กับพี่โฮมินเหรอ” แบมแบมลอบกลืนน้ำลาย เขาไม่เคยเห็นมาร์คในมุมนี้มาก่อน...มุมที่คำพูดและแววตาแสดงออกชัดเจนถึงความรู้สึก มันทำให้แบมแบมใจสั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่คนตัวเล็กคิดว่ามันไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกต่อไป

     
     

    “เปล่าครับ” คนตัวเล็กตอบแค่นั้น ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมมาร์คถึงคิดว่าเขาไปกับพี่โฮมินก่อนที่มาร์คจะก้าวเข้าหาเขามากกว่าเดิมแต่แบมแบมก็ยังทำใจแข็งไม่สนระยะห่างที่เกิดขึ้นจนทำให้อัตราการเต้นของหัวใจนั้นถี่กระชั้น

     
     

    “ผมต้องรีบไปแล้ว...ขอตัวนะครับ” และเมื่อทุกอย่างเงียบก็ดูเหมือนว่าจะเป็นจังหวะดีในการเลี่ยงบทสนทนา ใบหน้าหล่อคมของมาร์คมันดูหม่นแสงลงไปนิดหน่อยซึ่งแบมแบมก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันเป็นเพราะเขา

     
     

    “เดี๋ยวสิ...” มาร์ครั้งต้นแขนเล็กของอีกฝ่ายไว้ทันท่วงที ระยะห่างระหว่างเราแทบไม่เหลือ...ลมหายใจของมาร์ครินรดอยู่ไม่ไกลจากปลายจมูกของคนตัวเล็กชวนให้หวนนึกถึงคืนที่ได้รับจูบหวาน ดวงตาคู่คมจ้องมายังใบหน้าของแบมแบมอย่างไม่ปิดบัง แต่กับคนขี้ขลาดอย่างแบมแบมทำได้เพียงแค่จ้องหน้าอกกว้างของอีกฝ่ายเท่านั้น

     
     

    “ผมคิดถึงคุณ”

     
     

    “...” ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นยื่นมาชกเข้ากลางหน้าของแบมแบม รู้สึกว่าใบหน้ามันชาไปหมด เกลียดตัวเองที่หัวใจกระตุกวูบก่อนที่มันจะกลับมาเต้นอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทั้งที่มันไม่ควรจะเป็น...เขากำลังดีใจที่มาร์คบอกว่าคิดถึง

     
     

    เป็นบ้าไปแล้วหรือไงแบมแบม...


     

    “มาร์ค...”

     
     

     เสียงหวานครางเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาหวิวเมื่อร่างทั้งร่างถูกดึงให้จมเข้าไปในอ้อมกอดอุ่น แบมแบมเม้มปากแน่น เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้...เขาได้ยินเสียงผู้หญิงที่เป็นภรรยาของมาร์คกำลังเล่นกับลิลลี่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า และเขาก็ไม่อยากยอมรับเลยว่าเสียงเหล่านั้นมันบีบหัวใจเขาเสียจนปวดหนึบไปหมด

     
     

    “มาร์ค...คุณควรปล่อยผม” เพราะว่ายังถูกกอดเอาไว้และคนตัวเล็กเลือกที่จะไม่ขืนแรงนั้นจึงทำให้ริมฝีปากของเขาอยู่ใกล้กับใบหูของอีกฝ่าย คนตัวเล็กจึงเลือกที่จะสั่งตัวเองให้เย็นลงและกระซิบประโยคที่เขาคิดไตร่ตรองมาตลอดสามวันออกไป

     
     

    “ผมรู้ว่าความรู้สึกของเราสองคนมันมาไกลกว่าตอนแรกมากแค่ไหน...แต่ผมตัดสินใจแล้ว คุณเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวสมบูรณ์แบบมากๆ ลิลลี่น่ารัก แม่ของลูกคุณก็เป็นคนที่ดูดี” แบมแบมหยุดพูดพลางปิดเปลือกตาลง นับว่าเป็นโชคดีของการที่มาร์คกอดเขาไว้ เพราะมันช่วยให้อีกฝ่ายไม่ต้องมาเห็นสีหน้าที่แย่สุดๆของแบมแบมในตอนนี้

     
     

    “แบม...คุณพูดอะไร”

     
     

    “ผมแค่จะบอกว่า ต่อจากนี้ไป...คุณควรเลิกสนใจผม ผมอยากให้คุณกลับไปดูแลคนที่ควรดูแล อา...เธอชื่อมิลาใช่ไหมถ้าผมจำไม่ผิด แล้วก็อย่าปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีกนะครับ ลิลลี่เป็นเด็กน่ารัก ผมอยากเห็นแกโตขึ้นในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ”

     
     

    “...” และสิ่งที่แบมแบมพูดได้ก็มีเท่านี้ น้ำตาหยดแรกซึมลงบนเสื้อยืดแขนยาวเนื้อดีของอีกฝ่ายเมื่อมันสุดจะกลั้น เขาไม่เคยมีแฟน เขาไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร...ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าแบบนี้น่ะเรียกว่ารักหรือเปล่า แต่ทุกคำพูดที่แบมแบมได้กล่าวออกไปนั้นมันเป็นอะไรที่ฝืนความรู้สึกและให้ความรู้สึกปวดหน่วงอยู่ตลอดเวลาจริงๆ

     
     

    “ขอเวลา...ฮึก ผมหน่อย แล้วผมจะกลับมาเป็นเพื่อนข้างห้องคุณเหมือนวันแรกที่เราเจอกัน ขอตัวนะครับ” น่าอายชะมัด เขาเผลอสะอื้นออกมาเสียจนมาร์คสังเกตได้ แบมแบมผละตัวเองออกมาจากอ้อมกอดนั้นแล้วหันหลังให้อีกฝ่ายโดยที่เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามาร์คกำลังรู้สึกอย่างไร

     
     

    “...”

     
     

    ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตแบมแบมจะได้มีโมเมนต์นี้กับเขาด้วย...ก็ดี เจ็บดี



     

    .

    .

     
     

    “เฮ้อ...มึงนี่มันจริงๆเลยว่ะ”



    หลังจากนั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากแบมแบมแล้วชเวยองแจก็ถอนหายใจพรืดออกมาทันที จะว่างี่เง่ามันก็งี่เง่าอยู่นะแบมแบมน่ะ แต่นั่นก็เป็นเพราะประสบการณ์ทางความรักของมันด้วยที่อ่อนด๋อยไม่แข็งแกร่งมากพอพอมาเห็นแบบนี้แล้วมันก็อดสงสารไม่ได้จริงๆ

     
     

    “กูเป็นคนดีนะ...แต่ทำไมกูเจ็บหนักมาก”

     
     

    “กูคิดถึงลิลลี่ บ้าชิบหายเลย...” แบมแบมโผเข้ากอดเขาเหมือนเด็กน้อย ไม่ได้ร้องไห้หรอกนะแต่พร่ำพูดออกมาอย่างกับคนเมา ไม่ใช่เมาเหล้าเหมือนที่ผ่านๆมาด้วย เพราะครั้งนี้เพื่อนของเขามันกำลังมึนเมาในพิษรักของคุณพ่อลูกอ่อนสุดแซ่บข้างห้องนั่นต่างหาก...

     
     

    “มึงคิดถึงพ่อเขาด้วยแบมแบมกูขอเติมให้” ฝ่ามือบางวางลงบนกลุ่มผมของเพื่อนพลางลูบไปมาเบาๆ แต่ก็นั่นแหละ...ยองแจอดไม่ได้ที่จะจิกกัดไปตามประสา

     
     

    “เงียบน่ายองแจ!

     
     

    เพื่อนแท้เขาก็แบบนี้แหละน่าแบมแบม...







    TALK!
    ยังคงแจกมาม่าอย่างต่อเนื่อง อย่าเรียกว่าดราม่าเลยให้เรียกว่าการเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆก็พอ
    (อุ๊ย เผลอสปอย!)
    ไม่รู้ทำไมเหมือนกันไม่ว่าเรื่องไหนที่แต่ง พอมีฉากผิดใจกันทีไรนายเอกของเราจะต้องหนีทุกที สงสัยมันจะเป็นสไตล์

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมมนต์ โหวตแล้วก็แท็กนะคะ มันคือแหล่งพลังงานของเรา ฮ่า.
    แล้วก็ตอนนี้ฟิคเปิดจองอยู่นะรู้ยัง? ใครสนใจอยากดูรายละเอียดไปตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยย

    http://my.dek-d.com/since9397/writer/viewlongc.php?id=1427732&chapter=11

    แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ♥


    #ficwdwmb

    twitter : @since9397





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×