ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ลงแบบ E-BOOK ที่ MEB] FIC WIDOWER : { MARKBAM }

    ลำดับตอนที่ #10 : widower :: chapter ten

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.3K
      125
      1 มี.ค. 59

    ? themy butter
    +


    WIDOWER

    #MARKBAM

    CHAPTER TEN

     

     

                    สามอาทิตย์ให้หลังนับจากวันที่มาร์คพาเขาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาที่ฟาร์มบรรยากาศดีแถบชานเมืองแบมแบมก็เริ่มมีความรู้สึกว่าบางอย่างระหว่างเขากับมาร์คนั้นมันได้เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่วันนั้น...อาจจะเป็นมุมมองที่มีต่อกัน หรืออาจจะเป็นความรู้สึกบางอย่างที่ชัดเจนมากขึ้นหลังจากวันที่มาร์คได้กระทำการ ข้ามเส้น โดยที่แบมแบมเองไม่ได้ตั้งตัวให้มันเกิดขึ้น

     
     

    เขายังจำความรู้สึกตอนนั้นได้อย่างแจ่มชัด ความรู้สึกตอนที่เราสองคนเดินพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเขา ไม่ทันที่แบมแบมจะได้พูดอะไรริมฝีปากสีอ่อนของอีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาใกล้เสียจนกลายเป็นสิ่งเดียวที่สายตาของแบมแบมโฟกัส ลิลลี่ที่หลับปุ๋ยเอาแก้มยุ้ยๆพาดอยู่บนไหล่ของเขานั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับมาร์คเลยสักนิด ยอมรับเลยว่าตอนนั้นน่ะทั้งขาและแขนมันสั่นไปหมด

     
     

    หรืออาจจะเป็นเพราะว่าสายตาของมาร์คที่ส่งมาให้นั้นมันเหมือนกับมีมนต์สะกด กระทั่งเขายอมปิดเปลือกตาให้มาร์คช่วงชิงลมหายใจอยู่นานสองนานตรงหน้าประตูห้อง โชคดีที่ไม่มีใครผ่านมาเห็น ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงต้องเขินและอายมากกว่านี้เป็นร้อยเท่าล้านเท่าแน่ๆ

     
     

    มันเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวและไม่คาดคิด...แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่แบมแบมปฏิเสธไม่ได้ ว่าเขากับมาร์คน่ะได้กระทำการเกินเลยกันกว่าที่เพื่อนข้างห้องเขาควรจะเป็นกันเสียแล้ว

     

    “...” หากแต่พอมันเกิดขึ้นมาแล้ว แบมแบมก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แย่อะไรนักหนาหรอก

     
     

    มันออกจะดีด้วยซ้ำ...แต่เหนื่อยหน่อยก็ตอนที่ความรู้สึกมันชัดเจนมากๆเวลาอยู่ด้วยกันเท่านั้นแหละ


     

    แบบว่าใจสั่นจนเหนื่อยอะไรประมาณนั้น


     

    แม้ว่าจะมีความรู้สึกที่ดีให้ต่อกันแต่ความสัมพันธ์ของเราก็ไม่ได้มีชื่อเรียกใดๆมาจำกัดความให้วุ่นวาย มาร์คก็ยังคงเป็นมาร์ค ส่วนแบมแบมก็ยังเป็นแบมแบมที่เคยเป็นมา...มีบ้างบางส่วนที่เปลี่ยนไปเพราะมีความเป็นมาร์คเข้ามาปนเปอยู่ในห้วงความรู้สึก ก็แปลกใหม่ดีเหมือนกัน

     
     

    ” ส่วนตอนนี้แบมแบมก็กำลังเร่งรีบพิมพ์นิยายตอนใหม่ที่ดำเนินเรื่องราวมาเกือบครึ่งทางแล้ว เหลืออีกไม่กี่บทเขาก็ส่งมันให้สำนักพิมพ์จากนั้นก็รอรับเงินอย่างที่เป็นมา ทว่าถ้าหากสังเกตดีๆจะเห็นว่าใบหน้าหวานของคุณนักเขียนภายใต้กรอบแว่นนั้นมันไม่สดใสเหมือนอย่างเคยเอาเสียเลย

     
     

    “โอ้ย จะพิมพ์ผิดอะไรนักหนาวะ” แถมยังดูหงุดหงิดเสียจนน่ากลัวอีกต่างหาก...

     
     

    “...” แบมแบมหยุดการพิมพ์ให้ค้างเติ่งอยู่กลางหน้ากระดาษก่อนจะหมุนเก้าอี้กลับหลังมาเพื่อผ่อนคลายความเครียด เขารู้ดีว่าเวลาที่เกิดความกดดันนั้นงานของเขาจะออกมาไม่ดี...และตอนนี้แบมแบมกำลังสติหลุด หลุดทั้งที่ไม่มีปัจจัยภายนอกใดๆมารบกวนทั้งสิ้น

     
     

    ฝ่ามือบางคว้าเอาโทรศัพท์มือถือมากดปลดล็อคหน้าจออย่างรวดเร็วเมื่อความอดทนหมดลง เขาฝืนตัวเองให้นั่งทำงานเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเขาโดยตรงแต่ว่ามันกลับส่งผลต่อความรู้สึกไม่น้อยเลย

     
     

    “ฮัลโหล...มาร์ค คุยได้ไหม” แบมแบมเป็นฝ่ายพูดก่อนเมื่อปลายสายกดรับ มาร์คมีน้ำเสียงที่อบอุ่นเหมือนเดิมแต่แบมแบมรู้ดีว่าตอนนี้คนที่กังวลและว้าวุ่นยิ่งกว่าเขาก็คือมาร์คนั่นแหละ

     
     

    “หลับอยู่เหรอตอนนี้” แบมแบมขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับ เขาเผลอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองจนมันเจ็บไปหมด

     
     

    “เหรอ...ก็ดีแล้ว มาร์คเองก็พักผ่อนบ้างนะ” แบมแบมครางรับเสียงแผ่ว เบาใจไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินประโยคที่ทำให้เบาใจลงได้ ที่เป็นเช่นนี้นั้นก็เพราะว่ายัยหนูลิลลี่น่ะสิ จู่ๆก็เกิดไม่สบายตัวร้อนเป็นไฟตั้งแต่เมื่อคืน แบมแบมกับมาร์คช่วยกันพาไปส่งที่โรงพยาบาลก่อนที่ยัยหนูจะโดนสั่งให้นอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการทันทีเพราะว่าช่วงนี้โรคระบาดสำหรับเด็กอ่อนยิ่งมีมากอยู่ด้วย

     
     

    แบมแบมอยู่กับมาร์คจนกระทั่งแม่ของมาร์คมาถึงนั่นแหละเลยโดนคนตัวโตสั่งให้กลับมาพักผ่อนและรีบปั่นงานที่คั่งค้างอยู่ ตั้งแต่กลับมาในใจเขาก็คอยภาวนาว่าขอให้ยัยหนูไม่เป็นอะไรมาก คอยโทรถามอาการอยู่เป็นระยะๆจากมาร์คที่คอยเฝ้าอยู่ตลอดเวลา

     
     

    “ผมกินแล้วล่ะ...ทำงานใกล้เสร็จแล้ว”

     
     

    .

    .

     
     

    “ดีแล้ว พักผ่อนเยอะๆ...อย่าหนีออกไปเมาล่ะ” มาร์คกรอกน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นลงไปให้ปลายสายได้หลุดขำออกมา ใบหน้าหล่อคมยกยิ้มน้อยๆเมื่อจินตนาการภาพใบหน้าหวานๆที่กำลังยิ้มเต็มแก้มอย่างน่ารักน่าชัง สองเท้าใหญ่ใต้สลิปเปอร์สีเทาพาตัวเองเดินมาหยุดอยู่หน้ากระจกบานเลื่อนใสขนาดใหญ่ของโรงพยาบาลที่ฉายให้เห็นวิวด้านนอกอย่างกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา

     
     

    แค่ได้ยินเสียงแบมแบมเขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็น...มันเป็นแบบนี้แทบทุกครั้งไป

     
     

    “อืม...เมื่อเช้านี้คุณหมอเข้ามาตรวจอีกนะ บอกว่าดีขึ้นแล้ว เป็นไข้หวัดธรรมดาทั่วไป...ไม่แน่อีกวันสองวันก็น่าจะได้กลับแล้วล่ะ” มาร์คเอี้ยวตัวกลับไปมองยัยหนูน้อยแก้วตาดวงใจของเขาที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงคนไข้ แอบดีใจแทนลูกสาวอยู่ไม่น้อยเลยที่ได้รับความเป็นห่วงเป็นใยจากคุณพ่อทูนหัวขนาดนี้

     
     

    “...”

     
     

    “แล้วคิดถึงหรือเปล่า” และมาร์คก็รู้ดีว่าคำถามกำกวมแบบนี้แหละที่ทำให้แบมแบมน็อคเป็นปลาทองขาดน้ำได้ไม่ยาก ริมฝีปากบางกลั้นยิ้มขำเมื่อได้ยินเสียงปลายสายอึกๆอักๆอยู่ในลำคอ...น่ารักชะมัด


     

    มาร์คคิดไม่ผิดที่ได้ตัดสินใจก้าวข้ามเส้นแบ่งความเป็นเพื่อนกับแบมแบมไปเมื่อคืนนั้น...


     

    จูบแรกระหว่างเขากับแบมแบม ทั้งหวานละมุนและตื่นเต้นราวกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งได้ลองลิ้มรสรัก


     

    “ไม่ได้หมายถึงลิลลี่...หมายถึงผมน่ะ” และมาร์คก็เดาไม่ผิด แบมแบมเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาทำทีเหมือนกับว่าเบื่อหน่ายในความเจ้าเล่ห์ของเขา แต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้น่ะเจ้าตัวคงจะกำลังกลั้นยิ้มอยู่อย่างสุดความสามารถแน่ๆ มันเป็นท่าทางที่มาร์คเห็นจากคนตัวเล็กอยู่บ่อยๆในช่วงหลังมานี้

     
     

    “ครับ...ไว้แกตื่นแล้วผมจะวิดีโอคอลไปหานะ” อาจจะเป็นเพราะว่าตั้งแต่คืนนั้นเขาก็แสดงออกชัดเจนกว่าเดิมมาโดยตลอด และตัวแบมแบมเองก็ดูไม่ได้มีทีท่ารังเกียจหรือผลักไสเขาอย่างที่กังวล เลยทำให้ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนจึงขยับเดินหน้าไปเรื่อยๆ ซึ่งมันเป็นอะไรที่...ดีมากๆเลยล่ะ


     

    โชคดีเหลือเกินที่แบมแบมกับเขามีความรู้สึกที่ใกล้เคียงกัน...และกำลังรอวันที่จะกลายมาเป็นความรู้สึกเดียวกันอยู่ คงจะอีกไม่นานเกินรอ

     
     

    “โอเค ไว้คุยกันครับคุณพ่อทูนหัว ฮ่ะๆ”

     
     

    “...”

     









     

     

                    เวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งท้องฟ้าผืนใหญ่เปลี่ยนเป็นจากสีส้มเป็นมืดสนิท พระจันทร์ดวงน้อยที่ลอยขึ้นสูงเป็นแสงสว่างเดียวของเมืองหลวงแห่งนี้ และมันก็เป็นช่วงเวลาที่แบมแบมกำลังนั่งคิดครวญกับตัวเองอย่างหนักถึงสิ่งที่จิตใจตัวเองนั้นต้องการ เขากำลังขบคิดมันจนใกล้ประสาทเสียเต็มที...

     
     

    “บ้าชิบ..” ใช่ แบมแบมน่ะบ้ามาก บ้าจริงๆที่เอาแต่นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนโซฟาแบบนี้นานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วโดยไม่เลือกทำอะไรสักอย่าง

     

    เขากำลังถกเถียงกับตัวเองอย่างหนักว่าถ้าหากเขาไปเยี่ยมลิลลี่ที่โรงพยาบาลตอนนี้ ครอบครัวของมาร์คและมาร์คเองจะมองว่าเขาทำตัวจุ้นจ้านเกินจำเป็นไปหรือเปล่า...แต่ว่าแบมแบมเองก็เป็นห่วงลิลลี่จริงๆนี่นา เพราะตั้งแต่ที่พาไปส่งโรงพยาบาลด้วยกันกับมาร์คแล้วแบมแบมก็ยังไม่ได้ไปเยี่ยมแกอีกเลย

     
     

    “กูบอกแล้วไง ให้ทำตามที่อยาก” เสียงของใครบางคนเล็ดลอดมาจากเครื่องมือสื่อสารที่ถูกเปิดลำโพงวางทิ้งไว้บนโต๊ะกาแฟเล็ก แบมแบมปรายตามองมันนิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจเฮือกยาวออกมา

     
     

    “กูกลัวพ่อแม่เขา ญาติๆเขาหรือแม้กระทั่งตัวเขาเองจะหาว่ากูเสือกไง ลูกหลานตัวเองก็ไม่ใช่ซะหน่อย”

     
     

    เพราะว่าตอนนี้ที่พึ่งหนึ่งเดียวของเขาก็คือชเวยองแจ เพื่อนที่เอาแต่บ่นว่าเขาโทรไปรบกวนเวลาส่วนตัว ซึ่งแบมแบมก็ลอบเบะปากอยู่ในใจให้กับความเยอะของมัน เพิ่งจะสี่ทุ่มเองไม่เข้าใจว่าจะรีบส่วนตัวกันไปไหน กับพี่แจ็คสันน่ะเพลาๆกันหน่อยเถอะ

     
     

    “เขาจะว่าสะใภ้บ้านตัวเองได้ไงวะ อย่าคิดมากดิแบม มึงจะแก่ตายอยู่แล้วนะรีบๆหาแฟนเหอะ” ถึงแม้ว่าคำตอบแต่ละอย่างจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่อย่างน้อยแบมแบมก็ไม่ต้องทนเหงาและปวดหัวอยู่กับตัวเองเพียงลำพังล่ะนะ

     
     

    “กูว่ากูควรปล่อยให้มึงไปนอนกับพี่แจ็คสันได้แล้ว”

     
     

    “ดูพูดจาเข้าสิ...แบมกูพูดจริงนะ จะทำอะไรก็รีบทำเหอะนี่มันไม่ให้ป๊อปปี้เลิฟหรือรักใสๆวัยมัธยมแล้วนะเว่ย อีกไม่กี่ปีมึงก็สามสิบแล้ว เท่าที่มึงเคยเล่าๆมามาร์คเขาก็เป็นคนดีแถมยังมีลูกพ่วงมาให้มึงพร้อมอีก เหมาะเจาะจะตาย” แบมแบมคิดตามแล้วก็อดขำออกมาทั้งที่คิ้วยังขมวดเข้าหากันอยู่ไม่ได้ ยองแจนี่มันสรรหาคำพูดมาให้เขาตลกชีวิตตัวเองได้ดีจริงๆ

     
     

     เสียงยองแจเรียกชื่อคนตัวเล็กดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแบมแบมเงียบไป ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าตอนนี้แบมแบมได้ลุกขึ้นเดินออกจากโซนนั่งเล่นแล้วเดินหายเข้าไปยังห้องนอนของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย ปล่อยให้ยองแจถือสายรอด้วยความไม่เข้าใจอยู่เกือบห้านาที

     
     

    “ยองแจ...”

     
     

    ก่อนที่คนตัวเล็กจะรีบร้อนเปิดประตูห้องออกมาในสภาพที่เสื้อผ้าหน้าผมดูดีกว่าตอนแรก ฝ่ามือบางเอื้อมไปหยิบเครื่องมือสื่อสารของตัวเองขึ้นมากดปิดลำโพงยกขึ้นแนบหู กรอกเสียงเรียกชื่อเพื่อนขณะกำลังยัดเท้าลงรองเท้าผ้าใบคู่โปรดอย่างเร่งรีบ ไม่ได้ฟังเลยว่ายองแจบ่นอะไรบ้างเรื่องที่เขาหายไปไม่บอกไม่กล่าว

     
     

    “กูว่ากูต้องบ้าแน่ๆตอนนี้กูแต่งตัวเสร็จแล้ว และกู...กูกำลังจะไปโรงพยาบาล”

     
     

    “...”

     
     

    “ฮ่าๆ...แบมเอ๊ย มึงนี่มันจริงๆเลยว่ะ”

     
     

    สุดท้ายแล้ว แบมแบมก็แพ้ให้กับความกระวนกระวายของตัวเองเข้าให้จนได้

     










     

     

                    แบมแบมกระชับเสื้อคลุมตัวบางของตัวเองขณะที่สองเท้ากำลังย่ำไปตามทางเดินสีขาวสะอาดของโรงพยาบาลในช่วงดึกของคืน โชคดีที่เขาอยู่ด้วยเมื่อคืนจึงรู้ว่าลิลลี่พักอยู่ที่ชั้นไหนห้องที่เท่าไหร่ แบมแบมจึงไม่ต้องลำบากไปติดต่อฝ่ายทะเบียนให้เสียเวลา

     


    ชั้น 4 ห้อง 106


     

    “...” แบมแบมแวะซื้อขนมกับชาพร้อมดื่มสองสามขวดจากร้านค้าใกล้ๆกับโรงพยาบาลติดไม้ติดมือมาด้วย เผื่อว่ามาร์คหรือญาติๆมาร์คที่มาเฝ้าลิลลี่อยู่นั้นยังไม่ได้กินอะไรเจ้านี่ก็น่าจะช่วยรองท้องได้บ้าง แต่ก็นั่นแหละ...ยังไงซะแบมแบมก็ยังประหม่าครอบครัวของมาร์คอยู่ดี

     
     

    เดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าบานประตูสีขาวที่มีตัวเลขติดบอกไว้ เล็งดูแล้วไม่น่าจะผิดพลาด เขาจึงสูดหายใจยาวๆ จากนั้นก็ผลักประตูบานใหญ่เข้าไปด้านในอย่างไม่รีรอ ความรู้สึกแรกที่ปะทะเข้ากับใบหน้าและฝ่ามือของเขานั่นก็คือความเงียบและอุณหภูมิที่ต่ำกว่าด้านนอกนิดหน่อย

     
     

    มาถึงตอนนี้จะถามตัวเองว่าไอ้ที่ทำอยู่น่ะ มันเป็นอะไรที่เกินหน้าที่คนข้างห้องไปหน่อยหรือเปล่าก็เหมือนว่าจะไม่ทันเอาเสียแล้ว...แบมแบมตกหลุมพลางของคุณพ่อลูกอ่อนข้างห้องและลูกน้อยของเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้ยินเสียงร้องไห้แสนรบกวนสมาธินั่น

     
     

                                                    เป็นความจริงที่แบมแบมเองไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่  

     
     

    คนตัวเล็กหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อมองหาใครสักคนด้านใน ห้องนี้เป็นห้องพักฟื้นพิเศษ ลูกสาวของมาร์คไม่ต้องไปนอนรวมกับเด็กอื่นแต่ว่าจะมีพยาบาลเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ต่างกันกับห้องรวม ซึ่งแบมแบมเดาเอาเองนะว่าทั้งหมดนี้น่าจะมาจากเม็ดเงินจำนวนมากของครอบครัวมาร์คนั่นแหละ...ทว่าภายในมันกลับเงียบเชียบไม่ได้คราคร่ำไปด้วยผู้คนหรือบรรดาญาติๆของมาร์คตามที่เขาได้จินตนาการล่วงหน้าเอาไว้ สองเท้าเล็กจึงค่อยๆเดินเข้าไปใกล้โซฟาตัวใหญ่ข้างเตียงที่ตั้งหันหลังให้กับประตู

     
     

    กระทั่งศีรษะและบ่ากว้างของใครบางคนที่ซบพิงอยู่บนพนักโซฟาค่อยๆปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ


     

    “มาร์ค” ไม่ผิดแน่ บุคคลตรงหน้าแบมแบมต้องเป็นมาร์คล้านเปอร์เซ็นต์แม้จะเห็นแค่ด้านหลัง แบมแบมเอ่ยเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่วเพราะกลัวว่าเสียงของตัวเองจะไปรบกวนเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียงเล็กๆนั่นเข้า...

     
     

    ทว่ามาร์คกลับไม่ตอบเขา ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน แบมแบมเม้มปากนิดหน่อยเมื่อคิดว่ามาร์คคงจะเผลอหลับสนิทเข้าเสียแล้ว คนตัวเล็กจึงเลือกที่จะพาตัวเองเดินอ้อมโซฟาไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อที่เขาจะได้สามารถมองเห็นทั้งลิลลี่และคุณพ่อลูกอ่อนที่หลับสนิทอยู่นั้นได้ชัดๆ

     
     

    “ม...มาร์ค”

     

    แต่ดูเหมือนว่าแบมแบมจะเข้าใจอะไรผิดไปนิดหน่อย เพราะทันทีที่เขาตัดสินใจเดินอ้อมไปอีกฝั่งหนึ่งภาพความจริงบางอย่างก็ได้ประจักษ์ต่อสายตาว่ามาร์คนั้นไม่ได้อยู่ในห้องนี้กับลูกสาวของเขาเพียงลำพังอย่างที่แบมแบมคิดกับตัวเองในตอนแรก

     
     

    มีใครบางคนกำลังใช้ศีรษะหนุนนอนอยู่บนตักของมาร์ค คล้ายกับว่ากำลังหลับสนิทไม่ต่างกัน...


     

    “...”

     
     

    คนตัวเล็กมองภาพนั้นนิ่งๆอยู่เกือบนาทีก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะเม้มเข้าหากันพร้อมเปลือกตาที่กระพริบถี่ มือเล็กวางถุงจากร้านสะดวกซื้อไว้บนโต๊ะวางของใกล้ๆกับเตียงหนูน้อยด้วยความรู้สึกบางอย่าง ลมหายใจที่เคยเป็นปกติมันเริ่มติดขัดเอาเสียดื้อๆเมื่อความคิดบางประการริ้วแล่นขึ้นมาในห้วงความคิด หัวใจของแบมแบมกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง...แต่ไม่ใช่ในรูปแบบของการเขินอายอย่างที่เคย

     
     

    ผมยาวสีดำกับเสี้ยวหน้าได้รูปที่แสนดูดีและโดดเด่น...แบมแบมรู้สึกเหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน


     

    “...” คนตัวเล็กยังคงนิ่งเงียบ เขาตัดสินใจละสายตาจากคนทั้งคู่ตรงหน้ามาเป็นยัยหนูตัวเล็กที่นอนซมด้วยพิษไข้อยู่บนเตียงผู้ป่วยขนาดย่อมแทน ทำให้เห็นว่าแก้มยุ้ยๆของแกขึ้นสีแดงระเรื่อเพราะอาการไข้ที่เล่นงาน ริมฝีปากเล็กๆนั่นก็เห่อแดงเสียจนน่าสงสาร

     
     

    “อ้าว...แบม มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

     
     

    “...” ใบหน้าหวานที่ก้มต่ำลงไปเพื่อสำรวจอาการของเด็กน้อยชะงักกึกเมื่อถูกเรียกชื่อโดยคนที่ดูเหมือนว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างพอดิบพอดี แบมแบมพยายามสั่งให้ตัวเองทำหน้าให้ดูปกติที่สุดในจังหวะที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้น

     
     

    “ก็...เมื่อกี้เอง เห็นมาร์คหลับอยู่เลยไม่ได้ปลุก” แบมแบมตอบพร้อมรอยยิ้มที่คิดว่ามันปกติที่สุด นึกอยากตีมือตัวเองที่อยู่ๆก็สั่นขึ้นมาในจังหวะที่ร่างของคนบนตักมาร์คนั้นเริ่มขยับเขยื้อนคล้ายกับว่ากำลังจะลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเสียงพูดคุยของเขาและมาร์ค

     
     

    “ยัยหนูเพิ่งกินยาไป นอนหลับทั้งวันเลย...ไม่ค่อยงอแงเท่าไหร่ ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ” คนตัวโตอธิบายอาการของยัยหนูให้คุณพ่อทูนหัวที่ดูท่าทางแปลกๆไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาคมกริบไล่จับจ้องอากัปกริยาของคนตัวเล็กอย่างลอบสังเกต

     
     

    “งั้นเหรอ”

     

    “อือ...เพื่อนมาร์คเหรอ” ไม่ใช่เสียงของแบมแบมที่เอ่ยถามประโยคนั้น แต่มันเป็นของคนบนตักมาร์คที่ดูเหมือนจะตื่นแล้วต่างหาก ดวงตากลมโตแบบไม่ได้แต่งเติมอะไรของเธอที่เหลือบมามองแบมแบมแวบหนึ่งนั้นทำให้คนถูกมองใจวูบโหวงในทันใด เขาอยากจะหลอกตัวเองแต่ทุกอย่างมันก็ช่างชัดเจนเกินไป...

     
     

    ดวงตากลมโตคู่นั้นของเธอน่ะ...มันช่างเหมือนกันกับของลิลลี่ไม่มีผิดเพี้ยน


     

    “เขาชื่อแบมแบม เป็นคนที่ช่วยดูแลลิลลี่มาตั้งแต่ฉันย้ายไป”

     
     

    “อย่างนั้นเหรอ”

     
     

    “นี่ ตื่นแล้วก็ลุกสิ...เมื่อย” มาร์คก้มลงไปคุยกับคนที่นอนลืมตาอยู่บนตักตัวเองด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกันกับที่แบมแบมมองว่ามันช่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสน่ห์ และตอนนี้...แบมแบมก็เริ่มจะเข้าใจสถานการณ์แล้วล่ะ

     
     

    “แค่นี้บ่นเหรอ เดี๋ยวนวดให้น่า” หญิงสาวเถียงกลับด้วยท่าทางน่ารักขณะที่ยันตัวลุกขึ้นนั่ง เธอหันมาส่งยิ้มให้แบมแบมที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้กำลังทำสีหน้าแบบไหนออกไปกันแน่ เขาคิดว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่นะ...แต่ว่าทำไมทั้งหน้าและตัวเขามันกลับชาดิกราวกับคนถูกบังคับให้ยิ้มจนตึงหน้าไปหมด

     
     

    “อ่า คือ ผมแวะมาดูเท่านี้แหละ...ลิลลี่แกดีขึ้นแล้วผมก็โล่งใจ”

     
     

    “ยังไงก็...ขอตัวก่อนนะครับ พอดีว่าผมมีนัดกับเพื่อนๆต่อน่ะ” กว่าจะควานหาคำพูดของตัวเองเจอก็กินเวลาไปเกือบนาที ตอนนี้แบมแบมกำลังคิดว่าเขาควรพาตัวเองกลับไปอยู่ในที่ที่เป็นของเขาให้เร็วที่สุดจะดีกว่า

     
     

    ไม่น่าเลยแบมแบม...ไม่น่าพาตัวเองเข้ามาพัวพันจนถลำลึกขนาดนี้เลย


     

    “เดี๋ยวสิแบม ผมไปส่ง” มาร์ครีบดีดตัวลุกขึ้นจะเดินตามคนที่ทำท่าจะเดินออกไปทันทีที่ตัวเองพูดจบ สีหน้าท่าทางแบมแบมดูไม่ปกติเอาเสียเลย และแน่นอนว่ามาร์คที่คอยสังเกตแบมแบมมาตลอดนั้นดูมันออกได้อย่างไม่ยากไม่เย็น

     
     

    “เดี๋ยวค่ะ” ไม่ต่างจากหญิงสาวอีกคนที่รีบลุกขึ้นยืนใช้ฝ่ามือตัวเองรั้งต้นแขนของแบมแบมเอาไว้อย่างถือวิสาสะ ทำให้คนตัวเล็กจำต้องหยุดฝีเท้าตัวเองลง ใบหน้าหวานของชายหนุ่มหันไปมองคู่สนทนาสาวสวยตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ยิ่งมองใกล้ๆแบบนี้แบมแบมก็ยิ่งได้รู้ว่าเธอเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมากแค่ไหน

     
     

    “มิลา...ปล่อยเถอะ แบมแบมจะกลับแล้ว”

     
     

    “ฉันขอคุยแป๊บเดียวมาร์ค”

     
     

    “อ่า...คืออย่างนี้ค่ะ ฉันได้ยินจากมาร์คมาว่าคุณช่วยดูแลลิลลี่อยู่บ่อยๆแม้ว่าบางทีจะเป็นการรบกวน ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณคุณแบมแบมมากๆเลยนะคะที่เอ็นดูลูกสาวของฉันขนาดนี้...ลิลลี่โชคดีมากจริงๆที่ได้เจอคนที่รักและเอ็นดูแกอย่างคุณ...”

     
     

    แบมแบมเผลอตัวเม้มปากเข้าหากันแน่น รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าก้อนเนื้อในอกมันกระตุกวูบตอนที่ประโยคสุดท้ายของหญิงสาวได้ทำการยืนยันสถานะทั้งหมดให้แบมแบมได้เข้าใจ แม้ว่าจะมีลางสังหรณ์ตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว หากแต่พอได้ฟังจากปากของเธอเองแบบนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหน่วงขึ้นมากับความจริง

     
     

    ว่าเธอคือ แม่ของลิลลี่ เป็นผู้ให้กำเนิดทางสายเลือดที่แท้จริง...


     

    ซึ่งหมายความว่าเธอ...คือคนที่เป็นภรรยาทางพฤตินัยของมาร์คนั่นเอง

     
     

    “ฮ่ะๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ...”

     
     

    “...”

     
     

    “เพราะผม...ไม่ค่อยเก็บเอาเรื่องแบบนี้มาคิดเล็กคิดน้อยอะไรอยู่แล้ว”







     



    TALK!

    ตอนที่แล้วฟินกันตัวแทบแตก รีเควสอะไรมานี่ก็พยายามจัดให้แบบตามสั่ง
    (ขอสารภาพว่าตามที่วางบทไว้จะไม่มีการย้อนกลับไปบรรยายฉากจูบเลย กะให้พึ่งงานมโนส่วนตัวล้วนๆ ฮ่า)
    เสร็จแล้วก็จับหักคอกันให้หมดในตอนท้าย นี่แน่ะ! 555555
    แต่เรื่องนี้เราคอนเซ็ปต์ง่ายๆสบายๆจ่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องดราม่า ~

    แล้วก็ขออนุญาตแจ้งข่าวหน่อย คือเราเริ่มเปิดจองฟิค widower แล้วนะคะ
    รายละเอียดอยู่ที่ตอนถัดไป ใครสนใจลองคลิกเข้าไปดูกันได้ค่ะ

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ โหวต แล้วก็แท็กนะคะ ดีใจมากจริงๆ



    #ficwdwmb

    twitter : @since9397

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×