ตอนที่ 29 : BOY IN A JAR :: SEASON II :: Together
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
BOY IN A JAR
:: SEASON 2 ::
#FICJARMB
CHAPTER 10
(Together)
เสียงละอองน้ำจากฝักบัวไหลกระทบพื้นกระเบื้องดังเล็ดลอดผ่านมาจากบานประตูทำให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงอย่างมาร์คต้องเหลือบไปมองตามต้นเสียงแม้จะไม่เห็นคนที่อยู่ข้างในก็ตาม เมื่อชั่วโมงที่แล้วเขาและเด็กดื้อของเขาออกไปดินเนอร์กับจินยองแจบอมมา โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการอธิบายอาการต่างๆของแบมแบมให้เจ้าตัวเข้าใจและรู้วิธีรับมือกับมัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับเมื่อเห็นสมควรและระหว่างทางนั้นคนตัวเล็กก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กังวลหรือปิดกั้นอะไรอีกต่อไป
บรรยากาศทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอย่างที่มาร์คปรารถนาแล้ว
“...” เสียงน้ำหายไปเพียงชั่วครู่ทำให้มาร์คตัดสินใจวางหนังสือชีวประวัติที่อ่านลงบนโต๊ะข้างเตียง เสียงถอนหายใจช้าๆดังขึ้นพร้อมกับการขยับตัวนิดหน่อย มือหนาเตรียมขยับหมอนให้เข้าที่เข้าทางรอให้คนตัวเล็กแสนรักของเขาขึ้นมานอนด้วยกัน
แกร๊ก...
ฝ่ามือขาวเปิดประตูห้องน้ำออกมาในชุดคลุมสีครีม ใบหน้าหวานดูซีดกว่าเดิมเมื่อถูกน้ำหากแต่ริมฝีปากอิ่มฉ่ำน้ำกลับวาววับราวกับลูกเชอรี่ที่สุกปลั่ง แถมใบหน้าหวานยังไม่วายหันมายกยิ้มกว้างให้มาร์คอย่างไม่ประสีประสาก่อนจะเดินเบี่ยงไปทางตู้เสื้อผ้าใหญ่ตรงข้ามกับปลายเตียง
“แบมแบม” แม้เสียงทุ้มจากคนบนเตียงเอ่ยเรียกแต่ก็ไม่ได้ทำให้แบมแบมหยุดการกระทำแต่อย่างใด ฝ่ามือขาวเปิดประตูตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ออกเพื่อหาชุดนอน แต่กระนั้นเสียงเล็กก็ยังอือออตอบกลับไป
“หื้อ?”
“ฉันว่าไม่ต้องหาชุดนอนหรอกคืนนี้” มาร์คพูดออกมาช้าๆแต่ทว่าชัดถ้อยชัดคำที่สุด และแน่นอนว่ามันชะงักการกระทำทุกอย่างของคนตัวเล็กได้ ใบหน้าหวานเบนกลับไปมองคนรักอย่างไม่เข้าใจในคำพูด คืออะไรล่ะ...ทำไมมาร์คต้องห้ามไม่ให้เขาใส่ชุดนอน ปกติก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่นา
แบมแบมก็ซักจนหอมกรุ่นแล้วนะ ไม่เหม็นอับเลยซักนิดเดียว...
“ทำไมล่ะมาร์ค ชุดนอนแบมแบมสะอาดนะไม่ต้องกลัว” ใบหน้าใสซื่อตอบกลับมาเสียจนคนที่อยู่ในโหมดเจ้าเล่ห์อย่างมาร์คต้องหลุดขำพรืด เขาส่ายหน้าน้อยๆให้กับท่าทางตามไม่ทันคนของแบมแบม ยิ่งคิ้วน้อยๆนั้นขมวดเข้าหากันเท่าไหร่แบมแบมก็ยิ่งดูน่าขย้ำมากขึ้นเท่านั้นในความคิดของเขา
“เดินมานี่สิเดี๋ยวบอก” มาร์คไม่ตอบแต่กลับพยักหน้าให้อีกฝ่ายเดินเข้าหา แบมแบมเองก็ไม่ได้นึกกลัวอะไรอยู่แล้ว เพราะนี่เป็นมาร์คที่แบมแบมรักนี่นายังไงซะแบมแบมก็ไม่กลัวหรอก...นอกจากว่าจะเป็นมาร์คตอนโกรธน่ะ อันนั้นนี่ต้องขอบ๊ายบายเลยจริงๆ
“...” สองขาเล็กก้าวเข้าไปจนชิดขอบเตียงฝั่งที่มาร์คนั่งเอนกายอยู่ ทว่าคนตัวโตแสนเจ้าเล่ห์ก็ยังคงอมพะนำไม่ยอมพูดยอมจาอะไรให้อีกฝ่ายได้เข้าใจกว่าเดิม คนตัวโตกว่าทำเพียงแค่ขยับหนีก่อนจะตบมือลงกับฟูกเป็นเชิงว่าให้คนตัวเล็กในชุดคลุมอาบน้ำสีอ่อนนั้นนั่งลงเท่านั้น
มาร์คจะเล่นอะไรล่ะเนี่ย...
“มีอะไรเหรอมาร์ค”
“จูบก่อน” มาร์คแกล้งพูดเย้าทีเล่นทีจริง ทำเอาแบมแบมเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นการเบะคล้ายกำลังจะงอแงด้วยความไม่พอใจ
ถึงแม้จะเป็นการจูบนิดเดียวแต่มันก็ต้องใช้พลังงานนะ แถมวันนี้ยังเหนื่อยทั้งวัน
แบมแบมง่วงแล้ว!
“มาร์ค...ไม่เอาซี่ มีอะไรเหรอ”
“...”
“บอกก็ได้ เอาหูมานี่สิ” มาร์คแกล้งส่งสายตาระยิบระยับเสียจนคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกออกไป แก้มใสระเรื่อขึ้นสีเมื่อความคิดบางอย่างผุดพรายขึ้นมาแต่กระนั้นใบหน้าเล็กก็ยังขยับเข้าไปใกล้คนตัวโตกว่าอย่างมาร์คโดยไม่อิดออดด้วยความอยากรู้ที่มีมากกว่า
“...”
“ที่บอกว่าไม่ต้องหาชุดนอน ก็เพราะว่า...คืนนี้คงไม่จำเป็นต้องใส่มันไงล่ะ”
เสียงทุ้มกระซิบด้วยน้ำเสียงมที่ชวนให้คนฟังใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แบมแบมหลับตาแน่นในจังหวะที่มาร์คผละใบหน้าออกแล้วลมหายใจอุ่นร้อนรินรดลงบนข้างแก้มใสอย่างพอดิบพอดี ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้คนตัวเล็กต้องยกฝ่ามือขึ้นมาถูกไปตามแขนของตัวเองเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
หรือเพื่อแก้เขินกันแน่นะ
“...” แบมแบมไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ เวลาเจอสถานการณ์แบบนี้แบมแบมทำตัวไม่ถูกทุกที เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังแพ้ พ่ายแพ้จริงๆนะกับสายตาที่มันทำให้หายใจติดๆขัดๆในอกแบบนี้ของมาร์คน่ะ...บ้าชะมัด
“มานี่มา”
เมื่อเห็นว่าคนรักทำตัวไม่ถูกมาร์คก็ไม่ใจร้ายที่จะปล่อยเอาไว้แบบนั้น สองแขนอ้าให้คนตัวเล็กมุดเข้ามาซบบรรเทาอาการเขินอาย และแน่นอนว่าคนที่สัญญากับตัวเองเอาไว้อย่างแน่วแน่ว่าต่อจากนี้ไปจะเป็นเด็กดีก็ขยับกายเข้าหาอ้อมกอดนั้นอย่างไม่โต้แย้งใดๆ
“ม...มาร์ค เอาจริงเหรอ” เสียงเล็กถามอู้อี้ในอกอย่างน่าชัง เรียกเสียงหัวเราะทุ้มๆจากมาร์คได้อย่างง่ายดาย แบมแบมทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นพวกตาแก่ที่จะหลอกเด็กไปทำมิดีมิร้ายยังไงยังงั้นเลย
“เอาจริงสิ”
แต่ถึงอย่างนั้นมาร์คก็ตอบไปอย่างสัจจริงตามความต้องการ เขาไม่ได้ชิดใกล้คนตัวเล็กของเขามานานแล้ว รวมไปถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนในช่วงที่ผ่านมานั้นมันก็ทำให้เขาไม่มีเวลาได้คิดเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ และมาร์คคิดรวบรัดเอาเองว่าแบมแบมก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
“...ก็ได้”
แล้วเด็กดีของเขาก็เป็นเด็กดีอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้จริงๆเมื่อคนตัวเล็กขานรับก่อนจะผละตัวเองออกมาส่งสายตาหวานๆให้มาร์คต้วนอย่างไม่ปิดบัง และมันก็ทำให้มือใหญ่ของมาร์คอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป เขาเลื่อนมันลงไปปลดเชือกชุดคลุมที่คนรักตัวเล็กสวมใส่ให้คลายออกจากกันอย่างช้าๆ และนั่นมันก็ทำให้มาร์คเกิดตระหนักขึ้นมาอย่างชัดเจนว่าเด็กน้อยของเขาได้เติบโตจนกระทั่งรู้วิธีมัดใจเขาให้อยู่หมัดได้แล้วจริงๆ
“...”
CUT
@TWITTER
ไม่นานนักหลังจากนั้นแบมแบมก็ผล็อยหลับไปทั้งที่เนื้อตัวยังว่างเปล่า มีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำที่รองรับแผ่นหลังขาวเนียนอยู่ ส่วนคนตัวโตเองก็จัดการทำความสะอาดรอยเปรอะเปื้อนตามเนื้อตัวให้คนรักจนหมดจดก่อนจะจัดการห่มผ้าผืนบางให้คนตัวเล็กก่อนจะทับด้วยผ้านวมอีกชั้นเพี่อเพิ่มความอบอุ่นก่อนที่เขาจะเข้าไปชำระร่างกาย แบมแบมเป็นคนขี้หนาวมาร์ครู้ดี
“กู้ดไนท์เด็กดี” เจ้าของเสียงทุ้มที่กระทำการเจ้าเล่ห์ไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนลุกขึ้นยืนมองใบหน้าหวานที่หลับพริ้มด้วยความรู้สึกเต็มตื่น และก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปจุมพิตเบาๆบนริมฝีปากอิ่มอีกครั้งเป็นการส่งเข้านอน
ยิ่งมองมาร์คก็ยิ่งแน่ใจ...
ว่าชีวิตเขาต่อจากนี้ไปมันคงไม่มีเลยสักวินาทีเดียวที่รักคนตรงหน้านี้น้อยลง
ช่วงสายของอีกวันเป็นมาร์คที่ตื่นก่อนเพื่อลงมาเตรียมอาหารเช้าตามปกติ จะแปลกไปจากเดิมนิดหน่อยก็ตรงที่ใบหน้าคมนั้นดูมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นกองพะเนิน ฝ่ามือใหญ่หยิบจับปุปกรณ์ในห้องครัวอย่างคล่องแคล่วเพื่อเตรียมอาหารเช้าอย่างแพนเค้กและผลไม้สดเป็นเครื่องเคียง น้ำผึ้งถูกบรรจงราดลงบนแผ่นแป้งส่งกลิ่นหอมชวนหิวไปทั่วบริเวณ
“...”
ใบหน้าคมยกยิ้มเมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและแบมแบม มาร์คไม่ได้คิดอะไรลามกหรอกนะ ก็แค่คิดถึงความน่ารักของคนรักตัวแสบของตัวเองไปเพลินๆเท่านั้นแหละ เพราะป่านนี้แล้วเจ้าตัวยังนอนอุตุอยู่ข้างบนไม่ยอมตื่นเลย สงสัยจะเหนื่อยจริงๆ ส่วนเรื่องงานนั้นมาร์คก็จัดการโทรไปลาให้เรียบร้อยแล้ว
ทว่าการกระทำทั้งหมดก็มีอันต้องหยุดลงเมื่อเสียงออดจากด้านนอกดังขึ้นสองครั้งติดๆ มาร์คจำต้องวางอุปกรณ์ในมือลงก่อนจะเช็ดมือที่เปื้อนคราบแป้งรวมไปถึงเครื่องปรุงต่างๆลงบนผ้าเช็ดมืออย่างลวกๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัวเพื่อเปิดประตู
“...” ใบหน้าคมขมวดคิ้วหน่อยๆเมื่อเห็นว่าหน้ารั้วบ้านตัวเองมีรถสีดำคุ้นตาจอดอยู่ ข้างๆรถมีร่างของเด็กตัวเล็กแต่ใหญ่กว่าแบมแบมยืนส่งยิ้มแป้นแล้นให้เขาอย่างอารมณ์ดี
ยองแจกับไอ้แจ็คสัน...
“มาทำอะไรกันแต่เช้า” มาร์คบ่นพึมพำพลางพยักหน้าให้ยองแจผ่านกระจกใสเป็นเชิงว่ารับรู้ถึงการมาถึงของคนทั้งคู่แล้ว ไม่นานนักประตูรั้วก็ถูกเปิดออกโดยมาร์คให้แจ็คสันเคลื่อนรถยนต์ของตัวเองเข้ามาจอดขนาบข้างกันกับของมาร์ค
“สวัสดีครับคุณมาร์คต้วน” และทันทีที่บานประตูรถถูกเปิดหวังแจ็คสันในชุดและทรงผมที่ดูเรียบร้อยส่งผลให้คนสวมดูดีกว่าที่เคยก็ส่งเสียงทักทายออกมา มาร์คพยักหน้ารับสองสามทีไม่ได้ตอบกลับอะไรเพราะเขามัวแต่สังเกตเสื้อผ้าหน้าผมของคนตรงหน้า
“อ่าว ไม่เชิญแขกเข้าบ้านหรือไง”
“เข้ามาสิ กำลังทำอาหารเช้าพอดี” มาร์คเลิกคิ้วหน่อยๆก่อนจะเปิดปากชวนให้เพื่อนเข้ามาด้านใน
“แจ็คสัน เรามารบกวนพี่มาร์คหรือเปล่า...บอกแล้วไงว่าให้มาตอนบ่ายๆ”
“ไม่รบกวนหรอก แต่ว่าแบมแบมยังหลับไม่ตื่นเลย” มาร์คเป็นฝ่ายตอบ ไม่ใช่ว่ารำคาญหรอกแต่เพราะว่าเขาเป็นคนพูดน้อย ถ้าหากว่าแบมแบมไม่อยู่ก็แน่นอนว่าถ้าสองคนนี้ไม่ชวนมาร์คคุยบรรยากาศมันก็จะเงียบจนน่าอึดอัด ซึ่งแน่นอนว่าแจ็คสันเองก็เข้าใจความจริงข้อนี้ดีจึงไม่ได้มีท่าทีกังวลอะไรมากนัก
“หือ...แบมแบมยังไม่ตื่นอีกเหรอ นี่ก็สายแล้วนะ” หากแต่พอได้ยินอย่างนั้นยองแจก็เผลอเลิกคิ้วแสดงความสงสัยออกมาอย่างไม่ปิดบัง นี่ก็จะสิบโมงแล้ว ทำไมแบมแบมขี้เซานอนกินบ้านกินเมืองแบบนี้ล่ะ
“อืม แล้ววันนี้ยองแจไม่ไปทำงานรึไง นั่งรอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวฉันทำเพิ่มให้” ประโยคหลังหันไปพูดกับแจ็คสันว่าให้นั่งรอตรงโต๊ะทานอาหารด้านนอกเพราะเขาจะเข้าไปเอาอาหารเช้ามาให้ แต่ดูเหมือนว่าแจ็คสันหวังจะปฏิเสธน้ำใจของคนตัวโตด้วยการส่ายหน้ารัวๆ
“ไม่เอาๆ ฉันกับยองแจกินมาแล้ว”
“วันนี้ไม่ได้ไปทำงานครับพี่มาร์ค พอดีแจ็คแจ็คบอกให้หยุดเพราะจะพาไปเที่ยว” ยองแจบอกเหตุผลด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่การไปเที่ยวเพียงสองคนอย่างละมุนละไมแต่อย่างใด แจ็คสันบอกว่าจะมาที่บ้านมาร์คก่อนเพื่อชวนให้สองคนนั้นไปกับเราด้วย
ยองแจว่ามันก็ดีเหมือนกัน...
50%
“เหรอ จะไปเที่ยวไหนกัน” มาร์คจ้องหน้าทั้งสองคนสลับไปมาด้วยท่าทียิ้มๆ นึกตลกขึ้นมาที่จู่ๆไอ้คนขวางโลกแถมยังติดหวนประสาทอย่างแจ็คสันเกิดความคิดจะพาเด็กไปเที่ยวแบบนี้
“ก็...ไม่รู้ว่ะ ว่าจะมาขอคำแนะนำจากนายเนี่ย”
“เอ้า!แจ็คแจ็ค บ้าปะเนี่ย!” มาร์คก็อยากจะถามแบบนั้นอยู่พอดีเลยยองแจ...
“ไม่ได้บ้า! ก็คนมันคิดไม่ออก” แจ็คสันเองก็หันไปตอบหน้านิ่วคิ้วขมวด นึกเถียงในใจว่าคนมันไม่เคยก็ต้องขอคำแนะนำเป็นธรรมดาไหม ทำไมยองแจต้องทำตัวเม้งแตกตลอดเวลาด้วย น่ารำคาญจริงๆไอ้แสบนี่
“ฮึ่ย! พี่มาร์คยองแจขอไปปลุกแบมแบมบนห้องได้ไหมอ่ะ รำคาญแจ็คแจ็ค” ยองแจเบ้ปากใส่คนข้างกายอีกครั้งก่อนจะหันไปขออนุญาตเจ้าของบ้านตาแป๋ว เขาอยากให้แบมแบมตื่นลงมาคุยกันระหว่างที่มาร์คกับแจ็คสันหารือเรื่องสถานที่และอีกอย่างนี่มันก็สายมากๆแล้วด้วย
“...” มาร์คนิ่งไปชั่วครู่เหมือนกับว่ากำลังใช้ความคิด ก่อนที่ริมฝีปากคมจะโกหกคำโตออกมาเพื่อปกป้องคนตัวเล็กที่น่าจะล้าจากเมื่อคืนจนต้องการการนอนพักแบบเต็มที่
“แบมแบมไม่ค่อยสบายน่ะยองแจ”
“หือ...เหรอ เป็นหนักไหมอ่ะ งั้นยองแจไม่ปลุกก็ได้แต่ขอขึ้นไปดูอาการแบมแบมได้ไหมอะ” คราวนี้ยองแจยิ่งตาลุกกว่าเดิม เพื่อนเขาไม่สบายนะ นอนไม่สบายอยู่บนบ้านยองแจต้องขึ้นไปดูอาการได้สิ!
“ก็...ก็ไม่มากหรอก แค่ตัวร้อนๆ” มาร์คเองก็แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆแม้ว่าน้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นจะแฝงไปด้วยพิรุธบางอย่างก็เถอะ มาร์คไม่เก่งนักหรอกเรื่องพูดโกหก
“ฮั่นแน่ะ! ป่วยเองหรือว่ามีคนทำให้ป่วยวะ” แจ็คสันเองที่พอจะเดาสถานการณ์ได้แกล้งพูดเย้าออกมาจนมาร์คต้องหันไปทำหน้ายักษ์ใส่ ยองแจเองเมื่อได้ยินแบบนั้นก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมา เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นเชิงล้อเลียน
ยองแจบอกแล้วไงว่าสองคนนี้ทะเลาะกันได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็กลับมาหวานหยดย้อยกันอยู่ดี...
“อ้าว ยองแจ!” เสียงหวานจากด้านหลังทำให้ทั้งสามคนตรงโต๊ะอาหารหันขวับไปมองอย่างพร้อมเพรียง แบมแบมในชุดเสื้อยืดลำลองกับกางเกงวอร์มขายาวยืนอยู่คล้ายกับว่าเพิ่งลงมาจากชั้นบน ใบหน้าหวานยกยิ้มให้ทุกคนอย่างสดใสโดยไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานแก้มใสนั้นจะต้องเปลี่ยนเป็นสีแดงปลั่งแน่ๆ
“หือ...แบมแบม ไม่สบายเหรอ ไหนมาให้ยองแจเช็คไข้หน่อย” ยองแจเป็นคนแรกที่ปรี่เข้าไปหาเพื่อนรัก แบมแบมยืนทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนพูด เขาไม่สบายเหรอ? ตอนไหนล่ะ
“เอ...ตัวก็ไม่เห็นร้อนเลยนะ” หลังมือของยองแจวางลงบนหน้าผากของเพื่อนเป็นการวัดไข้แต่ว่าอุณหภูมิร่างกายของแบมแบมก็ปกติ รอยยิ้มเย้าๆบนใบหน้าของยองแจทำให้แบมแบมงงหนักกว่าเดิม
“...” แบมแบมยืนนิ่งมองใบหน้าคนสามคนสลับกันไปมาด้วยคิ้วที่เริ่มขมวด มาร์คก็เอาแต่ยืนส่งยิ้มมุมปากให้เขา ส่วนแจ็คสันเองก็ทำหน้าทำตาเหมือนกับว่าเขาไปทำเรื่องน่าอายมาแล้วถูกจับได้ยังไงยังงั้น...
ด เดี๋ยวนะ...เรื่องน่าอายงั้นเหรอ
อย่าบอกนะว่า...
“เมื่อคืนทดลองปั๊มเด็กกันล่ะสิท่า” เสียงกระซิบจากยองแจที่กระซิบเข้าข้างหูให้พอได้ยินกันสองคนแล่นเข้าโสตประสาทคนฟัง หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบพลางดันให้เพื่อนรักผละใบหน้าออกห่าง แบมแบมหน้าแดงขึ้นมาในทันทียกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างคนทำตัวไม่ถูก
“ยองแจ ไม่แกล้งแบมแบมสิ” มาร์คเองก็อดขำไม่ได้กับท่าทางแบบนั้นของคนรักจนต้องเดินมายืนประกบข้างหลังคนตัวเล็กที่อายหนักจนทำอะไรไม่ถูก
“ยองแจ แบมไม่...คือไม่ได้...แบบว่า งือออ” แบมแบมเรียบเรียงคำพูดไม่ได้เพราะประโยคนั้นของยองแจมันเล่นวนซ้ำอยู่ในหัว ปั๊มเด็กอะไรกันเล่า แบมแบมมีลูกไม่ได้หรอกมาร์คบอกแล้ว...ไม่ได้จะปั๊มลูกนะอะไรเล่า!
“โอเคๆ ยองแจล้อเล่นนะลืมๆมันไปเถอะ อันที่จริงวันนี้จะมาชวนไปเที่ยวด้วยกันต่างหาก”
“...” แบมแบมไม่ตอบแต่ยังจ้องหน้ายองแจแบบคาดโทษไม่หาย
ฮือ แบมแบมอายจนหน้าจะระเบิดอยู่แล้วนะยองแจ จำไว้เลย!
สุดท้ายแล้วยองแจกับแจ็คสันก็พามาร์คและแบมแบมออกมาเที่ยวด้วยกันจนได้ สถานที่ที่ตัดสินใจเลือกกันนั้นก็เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม ผู้ชายสี่คนในชุดลำลองดูดีไปคนละแบบพากันเดินชมสถานที่รวมไปถึงเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวต่างๆอย่างเต็มที่ จนกระทั่งใกล้ช่วงเวลาที่สวนสนุกจะปิดแจ็คสันจึงพาทุกคนมานั่งยังร้านอาหารแบบแยกห้องส่วนตัวที่ไม่ไกลจากสวนสนุกนั้นแทน
ดูเหมือนว่าวันนี้แจ็คสันหวังจะทำตัวเป็นเจ้าบุญทุ่มจนผิดปกติ...
“อยากกินอะไรกันก็สั่งเลยนะ ฉันเลี้ยง” อาหารเรียกน้ำย่อยที่ถูกนำมาเสิร์ฟวางอยู่บนโต๊ะอาหารของคนทั้งสี่ แบมแบมลอบยิ้มกับคำพูดนั้นของแจ็คสันเพราะว่าตอนนี้เขากำลังหิวมากๆหลังจากเสียพลังงานไปเยอะในการเล่นเครื่องเล่น
“แน่ใจนะแจ็คแจ็ค เตรียมค่าน้ำมันขากลับไว้ยัง” ยองแจเองก็ยังไม่วายแอบกัดให้พอแสบๆคันๆจึงได้รับข้อศอกของแจ็คสันที่แกล้งดันเข้าศีรษะคนปากมากเบาๆเป็นการตอบแทน
“เลี้ยงได้ทั้งชีวิตแหละน่า ไม่ต้องห่วง”
“...”
“…”
“...”
สามชีวิตบนโต๊ะหยุดชะงักอย่างพร้อมเพรียงเมื่อแจ็คสันหลุดประโยคที่ได้ยินบ่อยในภาพยนตร์รักน้ำเน่า แบมแบมอ้าปากหวอค้างพลางเลิกคิ้วไม่ต่างกับยองแจสักเท่าไหร่ที่หันไปจ้องหน้าแจ็คสันหวังเป็นเชิงตั้งคำถามว่าที่พูดมาเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง
“เฮ่ย...เป็นไรกัน สั่งอาหารๆ” เสียงดนตรีสากลที่คลออยู่ในห้องอาหารส่วนตัวยังคงดำเนินต่อไป แจ็คสันขยับตัวหน่อยๆคล้ายกับว่าจะลุกออกไปข้างนอก แต่ก็ไม่วายเอ่ยปากขอให้มาร์คออกไปเป็นเพื่อน ซึ่งนั่นก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับแบมแบมและยองแจมากขึ้นไปอีก
แจ็คสันทำตัวประหลาดชะมัด
“แจ็คสันเป็นอะไรอ่ะยองแจ” เป็นแบมแบมที่เริ่มถามก่อนเมื่อสองคนนั้นเดินออกจากห้องไปเป็นที่เรียบร้อย และคำตอบที่ได้รับก็มีเพิ่งปากเบะๆจากยองแจกพร้อมกับใบหน้าแก่นเซี้ยวที่ส่ายไปมาช้าๆอย่างจนปัญญา
ก็เพราะว่าวันนี้แจ็คแจ็คทำตัวผิดปกติไปจริงๆนั่นแหละ ดูกระตือรือร้นมากๆแถมยังชอบพูดจาแปลกๆแทบทั้งวัน อย่างตอนที่ไปเล่นรถไฟเหาะด้วยกันแจ็คสันก็กุมมือเขาไว้พลางก้มหน้ามากระซิบว่าไม่ต้องกลัวเพราะแจ็คสันจะอยู่ข้างๆยองแจเอง
ผลสรุปออกมาก็คือยองแจเฉยมากหลังจากเล่นเสร็จส่วนแจ็คสันน่ะเหรอ...วิ่งไปอ้วกแทบไม่ทัน
“ไม่รู้ดิ เมนส์ไม่มามั้ง”ยองแจก็ตอบได้เท่านี้เพราะว่าตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็ยังไม่เคยเจอโหมดนี้ของแจ็คสันจนกระทั่งวันนี้นี้ล่ะ แถมวันนี้ยังพามาดินเนอร์นอกสถานที่อีก จะทุ่มทุนสร้างไปเพื่อใคร
“บ้า เขาอาจจะอยากเอาใจยองแจก็ได้นะ” แบมแบมแกล้งพูดพลางอมยิ้มล้อเลียน แต่ยองแจก็ส่ายหน้าพลางจิ้มของกินเข้าปาก ไม่มีความจำเป็นเลยที่แจ็คแจ็คจะต้องมาเอาใจเขาเพราะว่ายองแจไม่มีอะไรจะให้หรอกนะ
“เพี้ยนมากกว่า แบมกินเถอะเดี๋ยวมันเย็นแล้วไม่อร่อยนะ”
“อือ” แบมแบมเลิกคิ้วพลางพยักหน้ารับ ในเมื่อยองแตอยากเปลีย่นเรื่องแบมแบมก็จะไม่เซ้าซี้หรอก
เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีหลังจากที่ทั้งสองคนมาร์คและแจ็คสันออกไปนอกห้อง ยองแจคีบอาหารตรงหน้ากินจนเกือบหมดแล้วส่วนแบมแบมเองก็กดเปลี่ยนเพลงบนหน้าจอLCDเป็นการฆ่าเวลา ไม่ใช่ว่าสองคนนั้นวางแผนเอาเขากับยองแจมาปล่อยทิ้งไว้ที่นี่หรอกใช่ไหม
แกร๊ก...
แต่ทันใดนั้นบานประตูก็ถูกเปิดออก หันไปมองก็พบว่าเป็นบริกรชายและหญิงสองคนที่เดินเข้ามาพร้อมอาหารถาดใหญ่ ดอกไม้และเชิงเทียนสีขาวสวยงาม ทั้งสองคนเดินเข้ามาวางอาหารและจัดโต๊ะใหม่อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วโดยที่แม้แต่ยองแจยังไม่มีโอกาสปริปากถาม
กว่าจะรู้ตัวอีกทีทั้งสองคนก็เดินออกไปเสียแล้ว ทิ้งไว้แต่โต๊ะดินเนอร์ที่ถูกตกแต่งอย่างอลังการเท่านั้น
แกร๊ก...
ก่อนที่เสียงเปิดประตูระลอกสองจะตามมา เป็นมาร์คที่เดินเข้ามาก่อนแต่ว่าก็ยังไม่ปิดประตูห้อง แบมแบมลุกขึ้นยืนเมื่อมาร์คกวักมือเรียกให้เดินเข้าไปหา ทิ้งไว้ก็แต่ยองแจที่เอาแต่มองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยท่าทีงุนงง เกิดมาไม่เคยงงอะไรเท่านี้เลย...จะทำอะไรกันอะ
“...” พักเดียวแจ็คสันหวังก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมทั้งช่อดอกไม้สีแดงในมือ ยองแจเริ่มใจเต้นอย่างไม่มีสาเหตุและยิ่งมองไปทางแบมแบมก็ได้รับสายตาล้อเลียนเหมือนที่เขาแกล้งแบมแบมเมื่อเช้าไม่มีผิด
อะไรเนี่ย...นี่เขากำลังโดนแบมแบมแก้แค้นหรือยังไง
“ยองแจ...ตั้งใจฟังนะ เพราะว่าฉันเขินมากแล้วจะพูดแค่รอบเดียว” แจ็คสันเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเก้าอี้ของยองแจ ดึงมือให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน
“อะไรอะแจ็คแจ็ค” ยองแจเอ่ยถามเสียงเบาหวิวแม้ว่าในใจมันจะตื่นเต้นเสียจนแทบควบคุมไม่อยู่ ยองแจไม่เคยรู้สึกเขินและประหม่าจนอยากจะเป็นลมแบบนี้มาก่อนเลยให้ตายเถอะ
“ฉันรู้ว่าเราคลุมเครือกันมานานมาก ไม่ได้คบกันจริงๆจังๆซะทีทั้งที่คู่ไอ้มาร์คกับแบมแบมเขาปั๊มลูกกันมาเป็นสิบหนแล้ว...”
“แจ็คสันหวัง” มาร์คเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเย็นเมื่อถูกพาดพิง ไอ้บ้านี่...
“เออๆ แค่เปรียบเทียบ...เอาล่ะ ต่อนะ ฉันก็เลยคิดว่าถ้าเราสองคนคบกันแบบจริงๆจังๆมันก็น่าจะดี ฉันก็จะสามารถแสดงออกอะไรๆได้มากกว่านี้ ส่วนนายก็น่าจะสบายใจกว่าถ้าเราอยู่กันแบบมีสถานะ” แจ็คสันกลั้นใจพูดพลางสบสายตาของเด็กดื้อตรงหน้าอย่างจริงใจ
“ม หมายความว่าไง” ยองแจไม่ได้แกล้งโง่นะ แต่ว่าในเวลานี้สมองมันเบลอจริงๆ ประมวลผลแต่ละคำได้อย่างเชื่องช้าสุดๆเลย
“ก็หมายความว่า...นายมาเป็นแฟนฉันเถอะนะ”
“อยู่แบบคนรักกัน ทำอะไรแบบที่คนรักกันเขาทำได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร...ฉันรู้นะว่านายก็คิดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตอบมาว่านายยอมรับ” เป็นการขอเป็นแฟนที่เผด็จการในตัวมากๆ ยองแจแอบยิ้มแต่ก็ยังไม่วายทิ้งสายตาเหวี่ยงๆมายังคนตรงหน้าเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขิน
ทั้งหมดที่ทำมาวันนี้ก็เพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมเนี่ย
ก็...ไม่เลวหรอกนะ
“ว่าไง” แจ็คสันถามซ้ำอีกครั้ง ดอกไม้สีแดงถูกยื่นให้อีกฝ่ายรับไปแทนคำตกลง ยองแจเหลือบสายตาไปมองอีกสองคนที่ยืนอยู่ตรงบานประตู ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไฟในห้องถูกหรี่ลงจนเหลือแต่แสงจากเชิงเทียนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ยอมรับก็ได้ว่าตอนนี้บรรยากาศมันโรแมนติกชะมัด
“ก็...”
“หืม”
“เออก็ได้!” ยองแจโวยวายเมื่อความเขินวิ่งทะลุปรอท เขากระชากรับดอกไม้มาด้วยสองแขนของตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ หันหน้าเข้าหาโต๊ะอาหารเป็นการเรียกสติ...เขินจนสั่นไปหมดเลยแจ็คแจ็คคนบ้า!
“ในที่สุด! ดีใจด้วยนะแจ็คสัน ดีใจด้วยนะยองแจ” เสียงหวานของแบมแบมดังขึ้นตามด้วยเสียงปรบมือเปาะแปะ แสงไฟในห้องสว่างขึ้นฉายให้เห็นรอยยิ้มของแจ็คสันที่แสดงออกมาด้วยความดีใจและใบหน้าแดงๆของยองแจที่มันลามไปถึงหู ภาพหายากเลยนะเนี่ย
“ไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว มากินๆ หิวจะตายอยู่แล้ว” ยองแจแกล้งโวยวายเสียงดังพลางโบกไม้โบกมือเป็นการกลบเกลื่อน เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งแจ็คสันและมาร์คกับแบมแบม
“อะๆ โอเค้ มาเร็วมาร์คแบมแบม”
“บู่ว เวรกรรมตามทัน เมื่อเช้ายองแจแกล้งแบมแบม”
“ฮ่าๆ”
ตอนหน้าจบจ่ะ
#FICJARMB
TWITTER : @since9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มันเหมือนคืนส่งตัวเจ้าสาวเลย 555
แต่เช้ามานี่ไม่น่ามีคนมาขัดความสุขของทั้งคู่เลยน้าาาาา
ถึงจะมาชวนไปเที่ยวก็เถอะ แบมจะลุกไหวหรือป่าวแต่มาร์คไม่ได้รุนแรงเนอะเเค่แบมสูญเสียพลัง
มากไปหน่อยเลยหลับยาว ชอบที่มาร์คลุกขึ้นมาทำอารเช้าด้วยอารมณ์ดีสุดๆถ้าไม่ติดตรงมีแขก