ตอนที่ 19 : BOY IN A JAR :: SEASON II :: Angry Bam
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
BOY IN A JAR
:: SEASON 2 ::
#FICJARMB
CHAPTER 2
( Angry Bam )
“แบมแบมมม หยิบกระเป๋าให้เบ็ธตี้หน่อยซี่...”
“อ่า ใบนี้เหรอ”
“YEP!”
เสียงใสของเด็กน้อยที่เริ่มโตรู้เรื่องขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวอย่างเบ็ธตี้ที่แทมมี่พี่สาวของมาร์คเอามาฝากให้แบมแบมกับมาร์คช่วยดูแลระหว่างที่เธอต้องออกไปคุยงานนั้นดังเจื้อยแจ้วอยู่แทบตลอดเวลา ตั้งแต่มาถึงที่นี่เบ็ธตี้ก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องกับแบมแบมไม่ยอมออกไปยุ่งกับน้ามาร์คของเธอที่กำลังยุ่งอยู่กับงานที่ชั้นล่างด้วยความเข้าใจ
“เอ...อยู่ไหนน้า” เหมือนว่าเด็กหญิงกำลังมองหาอะไรสักอย่างจากกระเป๋าเป้สีชมพูใบโตของเธอที่ดูเหมือนว่าจะสามารถจุทุกอย่างที่ต้องการไว้ในนั้นได้อย่างสบายๆ มือเล็กควานเข้าไปอยู่นานสองนานจนหัวคิ้วเล็กๆนั้นเริ่มขมวดเข้าหากันนั่นล่ะแบมแบมถึงต้องขยับตัวเข้าไปยื่นความช่วยเหลือ
“ให้แบมแบมช่วยหาไหม เบ็ธตี้หาอะไรอยู่เหรอ”
“อ่า เบ็ธตี้หาคุณไลลาอยู่...อ๊ะ นี่ไง!” แบมแบมถึงกับคิ้วกระตุกเมื่อมีความรู้สึกว่าชื่อของสิ่งที่เบ็ธตี้กำลังหาอยู่น่ะมันดู...คุ้นหูอย่างน่าประหลาด
“...” คนตัวเล็กยังคงเงียบรอดูว่าคุณไลลาที่เบ็ธตี้ว่านั้นจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ถ้าหากว่าจำไม่ผิดนั้นเสื้อตัวแรกที่เขาได้มาจากมาร์ค มาร์คก็บอกเขาเองนี่แหละว่าเสื้อตัวนั้นเป็นของคนที่ชื่อไลลา...ใช่ไหมนะ
“ทาด้า ~”
“น..นี่น่ะเหรอ คุณไลลาของเบ็ธตี้น่ะ” และเมื่อดวงตากลมเห็นว่าสิ่งที่เด็กหญิงหยิบออกมาจากกระเป๋าคืออะไรใบหน้าหวานก็เหยเกหน่อยๆก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่ปักใจเชื่อ แบมแบมคิดว่าคุณไลลาตรงหน้าแบมแบมนี่ต้องเป็นคนละคนกันกับคุณไลลาที่อุตส่าห์ใจดีสละเสื้อตัวแรกมาให้เขา
“ใช่แล้ว เบ็ธตี้รักคุณไลลาม๊ากมากนะ มัมซื้อให้ตั้งนานแล้วแต่เบ็ธตี้ก็ยังชอบเธอที่สุดในบรรดาสาวๆที่มีเลย” เด็กน้อยตอบอย่างเจื้อยแจ้วโดยไม่ได้หันมองคู่สนทนาอย่างแบมแบมว่าสีหน้าตกใจบนใบหน้าหวานนั้นมันชวนให้เกิดความรู้สึกตลกมากแค่ไหน
เดี๋ยวนะ...คุณไลลา เป็นตุ๊กตาสำหรับเด็กผู้หญิง
งั้นเหรอ!
“...” คนตัวเล็กเงียบไปชั่วครู่โดยที่เด็กน้อยเองก็ไม่ได้สนใจอาการผิดสังเกตของคุณน้าตัวเล็ก เธอเริ่มลงมือจัดการพื้นที่ให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับคุณไลลาอย่างมีความสุขโดยที่แบมแบมเองก็ได้แต่นั่งจมอยู่ในความคิดที่จู่ๆก็ทำให้เกิดความรู้สึกทั้งโกรธทั้งเขินไปพร้อมๆกันขึ้นมาเสียอย่างนั้น
มาร์คนะมาร์ค!
เวลาผ่านไปช้าๆโดยที่มาร์คเองก็แอบแวบขึ้นมาดูหลานและคนรักทั้งสองที่ชั้นบนอยู่บ่อยๆเผื่อว่าเกิดปัญหาหรือว่าแบมแบมกับเบ็ธตี้ต้องการอะไรเพิ่มเติม ซึ่งมาร์คก็เห็นว่าแบมแบมเองก็ดูเข้ากับเบ็ธตี้ได้ดีไม่มีการทะเลาะกันแต่อย่างใด กระทั่งในครั้งนี้ที่มาร์คเดินขึ้นมาเพื่อกะว่าจะมาพูดคุยหยอกล้อกับหลานสาวคนสวยเสียหน่อยแต่กลายเป็นว่าเบ็ธตี้นั้นหลับอยู่บนเตียงกว้างโดยมีแบมแบมกำลังไล่เก็บของเล่นที่ยัยตัวดีรื้อออกมาใส่กระเป๋าให้อยู่ตามพื้นห้อง
“ทำอะไรน่ะ” แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่แต่เสียงทุ้มก็แกล้งทักทายขึ้นมาท่ามกลางความเงียบเสียจนแบมแบมที่ไม่ทันระวังตัวถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“มาร์ค!” และพอหันไปเห็นว่าเจ้าของเสียงเมื่อครู่เป็นใครเสียงเล็กก็กระเง้ากระงอดขึ้นมาทันที คดีเก่ายังไม่เคลียร์มาร์คก็มาเล่นสร้างคดีใหม่ในข้อหาแกล้งให้แบมแบมตกใจแบบนี้ถ้าโดนโทษหนักจะมาหาว่าเขาใจร้ายทีหลังไม่ได้หรอกนะบอกไว้เลย
“ฮ่ะๆ เหนื่อยมั้ย” ก่อนจะเป็นมาร์คที่เดินเข้ามาย่อตัวลงใกล้ๆช่วยเก็บของเล่นใส่กระเป๋าใบใหญ่อีกแรง
“...”
“แล้วทำไมจู่ๆเบ็ธถึงหลับไปได้ล่ะ”
“...”
“แบมแบม”
“...”
เอาล่ะสิ คราวนี้มาร์คถึงกับเม้มปากพลางขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดว่าเขาพลาดอะไรตรงไหนไปหรือเปล่า ทำไมแบมแบมถึงมีทีท่าเฉยเมยใส่เขาแบบนี้กัน เด็กคนนี้นี่นับวันมาร์คยิ่งเดาทางไม่ค่อยถูก...แถมยิ่งมาช่วงนี้ดูเหมือนว่าแบมแบมจะหงุดหงิดง่ายแถมอารมณ์ยังค่อนข้างแปรปรวนกว่าเมื่อก่อนอีกเสียด้วย
มาร์คน่ะไม่รำคาญหรอก แต่เป็นห่วงเสียมากกว่า
“นี่...”
“มาร์คนิสัยไม่ดี! ออกไปห่างๆเลย!” ริมฝีปากของมาร์คที่กำลังอ้าถึงกับชะงักกลางอากาศเมื่อจู่ๆเสียงเล็กของคนข้างๆก็แหวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มาร์คผงะไปชั่วครู่ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงไม่เข้าใจในสิ่งที่แบมแบมพูด...นี่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเนี่ย
“ยังไง”
“ก็...ก็มาร์คน่ะ” คราวนี้กลายเป็นแบมแบมบ้างที่เม้มปากพลางหลุบตาลงต่ำ พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นกว่านี้ เขาไม่ได้อยากทะเลาะกับมาร์คนะก็แค่อยากจะงอแงใส่เท่านั้นแต่ไม่รู้ทำเหมือนกันช่วงนี้อารมณ์ของเขามันแสดงออกแบบรุนแรงกว่าที่คิดเสมอเลย
“...” ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเงียบไปพลางนั่งลงกับพื้นห้องมองมาที่ตัวเองอย่างจริงจังแบมแบมก็เริ่มชั่งใจว่าควรพูดออกไปหรือไม่ควรกันแน่ เขาไม่อยากทะเลาะกับมาร์คซะหน่อยนี่...อ่า งั้นเอาอย่างนี้ แบมแบมจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่หงุดหงิดมากก็แล้วกัน
“ก็มาร์ค...เอาชุดตุ๊กตาของเบ็ธตี้มาให้แบมแบมใส่ใช่ไหม” เสียงเล็กเบาลงจนเกือบแผ่วแต่แววตาคู่นั้นกลับดูน่าหมั่นเขี้ยวจนมาร์คไม่อาจกลั้นยิ้มอยู่ ที่แท้ก็โมโหเขาเรื่องนี้เองเหรอ...ความรู้สึกช้าไปไปไหมนะ เรื่องมันผ่านมาตั้งหลายปีแล้วไม่ใช่หรือไง
“ก็ใช่ มันดูพอดีกับตัวนายในตอนนั้นนี่” เสียงทุ้มเอ่ยตอบก่อนจะยื่นมือไปวางลงบนกลุ่มผมนุ่มของเด็กตรงหน้าที่มีท่าทีอ่อนลง
“หรือว่า...อยากจะอยู่แบบโป๊ๆ เริ่มใหม่ตอนนี้ก็ได้นะ”
“ทะลึ่งแล้ว!” ฝ่ามือเล็กตะปบเข้าบนริมฝีปากของคนเจ้าเล่ห์ที่พูดจาชวนเขินออกมาแทบจะในทันที ใบหน้าหวานขึ้นริ้วจางๆอย่างน่าเอ็นดูก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงสายตาสองคู่ที่สอดประสานกันผ่านความเงียบเท่านั้น
“มาร์ค...”
ก่อนจะเป็นแบมแบมเองที่อ่อนลงเพียงเพราะประสานสายตาเข้ากับดวงตาคมทรงเสน่ห์ที่ทำให้ตกหลุมรักแบบไม่รู้ตัวนั่นนานเข้า ฝ่ามือคู่เล็กค่อยๆเลื่อนลงปล่อยให้ริมฝีปากของมาร์คเป็นอิสระเหมือนเก่าพลางหลุบสายตาหนีอย่างคนจนมุม
“หืม”
“ห้ามเบื่อแบมแบมนะ”
“คิดมากน่า” ก่อนที่สุดท้ายสถานการณ์จะกลับตาลปัตรกลายเป็นว่าตอนนี้คนที่นั่งก้มหน้าคอตกนั้นไม่ใช่มาร์คแต่กลับเป็นคนตัวเล็กอย่างแบมแบมเสียเอง ซึ่งเอาจริงมาร์คก็ค่อนข้างชินกับแบมแบมในโหมดนี้นะเพราะช่วงนี้แบมแบมก็ดูแปลกๆไปนิดหน่อย
แต่มันก็แค่นิดเดียวจริงๆนั่นแหละ...
“มานี่มา” ก่อนที่ท่อนแขนแกร่งจะดึงรั้งร่างเล็กๆของคนที่นั่งยองอยู่ตรงหน้าให้ถลาเข้ามาพิงอกอุ่นของตัวเอง ฝ่ามือหนาที่เปื้อนคราบสีจนแห้งกรังยกขึ้นแตะแก้มใสแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะแตกหัก ไล้ขึ้นสูงจนกระทั่งสุดท้ายมาหยุดอยู่ที่กลุ่มผมสีเข้มตรงหน้า
“...”
“หายใจเข้าลึกๆโอเคไหม” มาร์คก้มลงกระซิบเสียงแผ่วพร้อมกับกลุ่มผมตรงหน้าที่ผงกขึ้นลงรับคำที่เขาบอก
“ส่วนของเล่นนี่เดี๋ยวฉันจะเก็บให้เอง ไปนอนเล่นข้างเบ็ธตี้เถอะ”
“ล...แล้วงานมาร์คเสร็จแล้วเหรอ” แบมแบมยันตัวเองออกจากแผงอกแกร่งเล็กน้อยก่อนจะเอี้ยวตัวหันกลับไปถามคนด้านหลังด้วยแววตาสงสัยแต่ทว่าลึกๆด้านในนั้นมันเต็มไปด้วยความหวัง ก็รู้ว่ามาร์คงานยุ่ง แต่ว่าแบมแบมอยากให้มาร์คมีเวลาว่างมาอยู่คุยเล่นกันบ้างนี่นา...
“ยังหรอก แต่วันนี้คิดว่าคงพอแค่นี้ก่อน” และแม้ว่าคำตอบที่ได้จะยังไม่ถูกใจแบบร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มันก็ยังดีกว่าคำตอบที่ผ่านๆมา ใบหน้าหวานยกยิ้มกว้างขึ้นมาก่อนจะโถมแรงทั้งหมดใส่จนมาร์คหงายหลังลงไปนอนราบอยู่บนพื้นห้องโดยมีร่างของแบมแบมทับอยู่ด้านบนอย่างตั้งใจ
“หอมหน่อยนะ”
“ฮ่ะๆ มากกว่านั้นก็ได้นะ” ไม่บ่อยนักหรอกที่แบมแบมจะออกปากขอทำอะไรแบบนี้ก่อนด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อจังหวะมาถึงคนตัวโตเองก็ไม่พลาดที่จะหยอดคำพูดใส่ให้คนด้านบนได้เกิดอาการเขินนิดๆกับคำพูดกำกวม
“นี่แบมแบม ช่วงนี้หงุดหงิดบ่อยนะรู้ตัวไหม” แต่ก่อนที่ปลายจมูกรั้นจะได้กดลงมาบนแก้มของชายหนุ่มมาร์คก็ชิงบูดบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน
“นั่นสิ...” เจ้าตัวเองก็เคยคุยกับเขาแล้วเรื่องอารมณ์ที่มันขึ้นๆลงๆแต่มาร์คเองก็ไม่ถือสาหรอก ต่อให้ร้ายกว่านี้ถ้าเป็นแบมแบมแล้วยังไงมาร์คก็รับได้อยู่ดี
“เอาไว้ว่างๆจะพาไปเที่ยว โอเคมั้ย”
“อือ...” ไร้ซึ่งคำตอบรับ มีเพียงแค่ริมฝีปากจากเด็กน้อยด้านบนที่ก้มลงประกบฝีปากตัวเองเข้ากับริมฝีปากบางของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบานุ่มนวล บรรจงแตะริมฝีปากให้เกิดความรู้สึกวาบหวามในใจของคนทั้งคู่ขึ้นมานิดหน่อย
อาจจะเพราะแบมแบมเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแบบเต็มตัวสุดๆแล้วล่ะมั้ง อารมณ์ก็เลยแปรปรวนแบบนี้
ตอนมาร์คอายุเท่านี้เค้าก็เคยมีท่าทางแบบนี้เหมือนกัน...ล่ะมั้ง
ช่วงเช้าของอีกวันเวียนมาถึงอย่างรวดเร็ว เบ็ธตี้กลับไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานตอนช่วงเย็นๆ เพราะหลังจากที่แทมมี่เลิกงานเธอก็มารับลูกสาวคนสวยกลับไปในทันที ทั้งบ้านจึงกลับมาเหลือแค่มาร์คและแบมแบมตามปกติอย่างเคย เขาสองคนก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ คุยเล่นกัน ทานอาหารค่ำพร้อมกัน ดูทีวีก่อนที่สุดท้ายจะเข้านอน
มาร์คโอเคกับชีวิตแบบนี้เลยล่ะ
“...”
แต่ในตอนนี้จะเรียกว่าปกติก็คงไม่ถูก เพราะมาร์คที่เพิ่งเดินแกว่งกุญแจรถกลับเข้ามาด้านในตัวบ้านเพียงคนเดียวนั้นเป็นสัญญาณว่าในช่วงกลางวันนี้คนที่จะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้มีเพียงคนเดียวก็คือมาร์คต้วน เพราะว่าแบมแบมน่ะขออนุญาตเขาเมื่อคืนเพื่อที่จะออกไปหายองแจที่ตึกของไอ้แจ็คสัน ซึ่งมาร์คเองก็ไม่อยากจะให้แบมแบมไกลหูไกลตาสักเท่าไหร่หรอก แต่ว่าถ้าจะให้อยู่บ้านตลอดแถมเขายังไม่ค่อยมีเวลาไปคุยเล่นด้วยก็ดูน่าเบื่อเกินไปจริงๆ
มาร์คเดินเข้าไปในส่วนของห้องครัวเพื่อเปิดตู้เย็นหยิบเอาขวดน้ำด้านในมาดื่มอึกๆดับความกระหายจากการเดินทาง เขาฝากแบมแบมเอาไว้กับไอ้แจ็คสันนั่นแหละเพราะว่ามีงานที่ยังต้องจัดการแต่ก็ไม่มากเท่าเดิมแล้ว คิดไว้ว่าตอนเย็นจะไปรับคนตัวเล็กแล้วก็พาไปทานอาหารนอกบ้านทีเดียวเลยก็น่าจะดีเหมือนกัน
“...”
อา...แต่อันดับแรกเลย มาร์คคงต้องรีบไปทำงานที่คั่งค้างอยู่ให้เสร็จเสียก่อนล่ะนะ
ห้องทำงานด้านล่างที่มาร์คต่อเติมขึ้นมาเพื่อให้ของส่วนตัวไม่กระจัดกระจายเกินอาณาเขตที่วางไว้ถูกเปิดออกโดยเจ้าของก่อนที่จะเดินเข้าไป งานวาดบางส่วนเสร็จสมบูรณ์เกือบครบแล้วเหลือเพียงเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ใบหน้าคมยกยิ้มให้กับตัวเองหน่อยๆเมื่อเห็นว่าความเหนื่อยที่สะสมมากำลังจะสิ้นสุดลง
“อยู่ไหนวะ...”
ใบหน้าคมหันรีหันขวางมองกระบอกพู่กันของตัวเองที่ไม่รู้ว่าเผลอเอาไปวางทิ้งเอาไว้ตรงส่วนไหนของห้อง ถึงแม้จะบอกว่าเขาลงทุนกั้นห้องทำงานเอาไว้เพื่อที่จะไม่ให้ของออกไปรกด้านนอกก็เถอะ แต่ภายในห้องนี้เขาก็ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่ามันจะเรียบร้อยเหมือนกับข้างนอก
ช่างเถอะ...ก็ยังพออยู่ได้
คุ้ยหาอยู่สักพักจนในที่สุดก็เจอเข้าจนได้กับเจ้ากระบอกพู่กันที่ไปหลบอยู่ใต้แผ่นกระดาษที่ใช้ร่างโครง มาร์คหยิบมันขึ้นมาวางบนโต๊ะเล็กข้างเก้าอี้ก่อนที่คนตัวโตทำท่าคล้ายกับว่ากำลังจะทิ้งตัวนั่งลงไปบนเก้าอี้นั่นเป็นลำดับต่อไป
ออด...
“...” แต่ก็ได้แค่ทำท่าเพราะว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้นั่งลงอย่างที่ตั้งใจเสียงออดจากด้านนอกก็เรียกให้มาร์คต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเขาเองก็ไม่ได้มีแขกที่ไหนมากมาย สำหรับลูกค้ายิ่งไปกันใหญ่ มาร์คแทบจะไม่บอกที่อยู่ให้กับใครเพราะห่วงเรื่อความเป็นส่วนตัว
โดยเฉพาะกับแบมแบม
และยิ่งเป็นในช่วงเช้าของวันแบบนี้แล้ว เขาเชื่อว่างคงไม่ใช่ไอ้เจบีกับจินยองที่กำลังยุ่งเรื่องการเตรียมตัวบินไปทำงานวิจัยที่ต่างประเทศ และยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ว่าคงไม่ใช่ไอ้แจ็คสันกับยองแจที่มักจะมาเป็นแขกประจำแบบล้านเปอร์เซ็นต์
ช่วงขายาวตัดสินใจก้าวออกมาจากห้องทำงาน เช็ดมือที่เลอะฝุ่นเลอะสีเข้ากับเสื้อสีเทาหม่นของตัวเองแบบลวกๆในขณะที่เดินออกไปเตรียมเปิดประตูหน้าตัวบ้าน จนกระทั่งเมื่อเปิดออก ดวงตาคมก็มีอันต้องหรี่มองร่างของใครบางคนที่ถ้าหากมองผ่านๆเขาคงคิดว่าเป็นแบมแบมแน่
“มาหาใครครับ” เสียงทุ้มถามอย่างสุภาพขณะสวมรองเท้าแตะเดินออกมายังรั้วด้านนอก ในตอนนี้นั้นมาร์คเห็นภาพตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้นแล้ว เป็นร่างของเด็กชายที่ดูแล้วน่าจะอายุพอๆกันกับแบมแบมของเขา อยู่ในชุดลำลองสบายๆใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแถมยังขึ้นริ้วจางๆอาจจะเพราะแสงแดดที่ส่องกระทบ
“อ่า สวัสดีครับ ผมชื่อริน อาร์ไอเอ็นอ่ะครับ...เอ่อ คืออย่างนี้ครับ”
“...” มาร์คขมวดคิ้วหน่อยๆขณะที่พยายามจับใจความที่อีกคนพูดออกมา เด็กตรงหน้าบอกว่าตัวเองชื่อริน ริมฝีปากเล็กขยับเจื้อยแจ้วอย่างไม่เกรงกลัวนั้นกำลังทำให้เขานึกถึงแบมแบมอย่างเสียไม่ได้
“คือผมเพิ่งย้ายมาใหม่เมื่อคืน อยู่บ้านข้างๆนี้เลยครับก็เลยอยากมาทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน อ่า ครั้งนี้ผมยังไม่มีของฝากอะไรมาให้เพราะว่ายังไม่ได้ออกไปดูรอบๆหมู่บ้านเลย แต่ไว้คราวหน้าผมจะ...”
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อมาร์ค” มาร์คมีความรู้สึกว่าเด็กตรงหน้าจะมีความสุขเหลือเกินกับการพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบนั้น เขาไม่ได้ต้องการของฝากจากเพื่อนบ้านหรอก เขาก็แค่อยากรู้ว่าเด็กตรงหน้านี้เป็นใครกันแน่ และตอนนี้ก็ได้รู้แล้ว
“อ๋อครับ พี่มาร์ค ผมอายุ 19 ปีคิดว่าคงเด็กกว่าพี่แน่ๆ ใช่ไหมครับ” มาร์คพยักหน้ารับสองสามทีด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์อะไรมาก
“ที่ผมย้ายมาที่นี่ก็เพราะว่าจะมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยASEน่ะครับ มันอยู่ไกลบ้านผมมากผมก็เลยต้องงย้ายมา แถมยังไม่ค่อยรู้จักเส้นทางเท่าไหร่ด้วย ฮ่าๆ”
“...”
“เอ่อ...ผมรบกวนพี่มาร์คหรือเปล่าเนี่ย พี่มาร์คทำอะไรอยู่หรือเปล่าครับ”
มาร์คขมวดคิ้วเข้าหาตัวเองมากกว่าเดิมเมื่อเด็กตรงหน้าเขาเปลี่ยนอารมณ์ขึ้นมาแบบกะทันหัน จากตอนแรกที่ยิ้มแย้มเล่าเรื่องราวของตัวเองทั้งที่เขาไม่ได้ถามแต่พอเห็นว่าเขาเงียบไม่ตอบอะไรไปเจ้าเด็กตรงหน้านี่ก็หุบรอยยิ้มอย่างรวดเร็วแล้วเอียงคอมองมาร์คด้วยแววตาสงสัยแทน
“ก็นิดหน่อย ฉันทำงานอยู่น่ะ” มาร์คว่าไปตามความจริง ก็เขาเกือบจะได้ลงมือทำงานอยู่แล้วถ้าเกิดว่าไม่ได้ยินเสียงกดออดจากหน้าบ้านเสียก่อนน่ะ
“อ๋า...ขอโทษนะครับพี่มาร์ค แต่...ว่าแต่ว่าพี่มาร์คทำงานเกี่ยวกับอะไรเหรอ”
เฮ้อ ให้ตายเถอะ...
จะให้เขาทำยังไงดีล่ะ มาร์คไม่ใช่คนชอบสนทนากับคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่หรอกนะ
“วาดรูป”
“โว้วว ฟังดูน่าสนใจจัง ผมขอเข้าไปดูข้างในด้วยคนได้ไหมครับ”
“...”
“นี่แบมแบม...อยู่บ้านทั้งวันไม่เบื่อบ้างเหรอ” เสียงเปิดหนังสือหน้าถัดไปดังขึ้นก่อนที่คนถูกถามจะตอบออกมาเสียงดังฟังชัดว่า ‘ไม่’ ทำเอาคนถามอย่างยองแจอดไม่ได้ที่จะเบ้ปากใส่น้อยๆด้วยความหมั่นไส้
ยองแจล่ะเบื่อคนมีแฟน!
“อยู่กับมาร์คทั้งวัน ยองแจว่าน่าเบื่อออก...”
“ก็ไม่น่าเบื่อหรอก แต่ช่วงนี้มาร์คไม่ค่อยว่างเลย แบมแบมเหงาก็เลยขอมาอยู่กับยองแจบ้าง” แบมแบมวางหนังสือในมือลงก่อนจะตอบด้วยความสัจจริง เขาน่ะเคยเบื่อมาร์คซะที่ไหนกัน ก็มีแค่ช่วงนี้นี่แหละที่มาร์คงานยุ่งเลยไม่ค่อยมีเวลาแบมแบมก็เลยเหงาบ้าง แค่นั้นเอง
“ใช่ซี้ มีค่าเวลาเธอเหงา!”
“ปากร้าย!”
“แล้วคนที่ว่าคนอื่นว่าปากร้ายนี่ยังไงกันนะ”
“อ๊ะ...ฮ่าๆ” สิ้นเสียงยองแจร่างหนักๆก็ทับลงมาเสียจนคนถูกโถมแรงใส่อย่างแบมแบมนั้นหงายหลังลงไปนอนกับเตียงโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เขาอยู่ในห้องของยองแจและแจ็คสัน แต่ว่าแจ็คสันน่ะลงไปเฝ้าตึกอยู่ข้างล่างเขาก็เลยได้ขึ้นมาเล่นอยู่กับยองแจแค่สองคนบนนี้
“ปล่อยเลยนะยองแจ แบมแบมจั๊กจี้อ่ะ” เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อยองแจแกล้งใช้ขาของตัวเองกดอีกคนไว้ก่อนจะลงมือขยำรวมไปถึงจิ้มเข้าที่เอวให้แบมแบมดิ้นเร่าอย่างสะใจ แบมแบมตัวเล็กกว่ายองแจมากอยู่พอสมควรเลยล่ะ ไหนบอกว่ามาร์คเลี้ยงดีไง ไม่จริงเลยยองแจฟันธง!
ปึง!
“ชิบหาย! ฟ้าผ่า!”
เอ๊ะ...
เสียงหัวเราะต่อกระซิกหยุดลงอย่างพร้อมเพรียงเมื่อจู่ๆประตูบานใหญ่ตรงหน้าก็ถูกเปิดออกโดยไม่ได้ตั้งตัว เสียงที่ตวาดตามมาดังลั่นเสียจนร่างของเด็กชายที่สองที่ทาบทับกันอยู่บนเตียงนั้นจำต้องชะงักไม่ไหวติงเพื่อเรียกสติ ก่อนจะเป็นยองแจที่เอี้ยวตัวกลับไปมองต้นเสียงอย่างช้าๆ
“แจ็คแจ็ค จะตะโกนเสียงดังทำบ้าอะไรเนี่ย!” และเมื่อรู้ว่าไม่ใช่ใครแต่เป็นเจ้าของห้องรวมไปถึงเจ้าของตึกอย่างแจ็คสันยองแจเองก็ไม่รอช้าที่จะตะโกนสวนกลับเสียงดังฟังชัด ทำเอาแบมแบมต้องค่อยๆยันตัวเองขึ้นมานั่งในท่าที่ไม่ล่อแหลมอย่างเมื่อครู่
“ก็สองคนทำอะไรกันอยู่ล่ะ เล่นเลสเบี้ยนเหรอ ตกใจนะเว้ย!”
เดี๋ยวนะ...อะไรคือเลสเบี้ยน?
“...” แบมแบมขมวดคิ้วเข้าหากันขณะที่หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตนยืนแผดเสียงใส่กันราวกับว่ากลัวจะไม่เจ็บคอ ขนาดแบมแบมนั่งฟังอยู่เฉยๆยังต้องแอบหรี่ตาอยู่บ่อยๆด้วยความตกใจ นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าคู่นี้ก็ดูเหมือนจะไปกันได้ดีนะ แต่ทำไมพอคุยกันแล้ว...น่ากลัวแบบนี้ทุกทีเลย
“แจ็คแจ็คเลิกคิดเลยนะ วิตถาร” นั่นไง ยองแจเองก็ใช่เล่น คำพูดที่แบมแบมไม่เข้าใจความหมายถูกตะโกนออกมาอีกครั้งและก็ดูเหมือนแจ็คสันจะไม่พอใจจนต้องยกมือขึ้นเขกหัวยองแจไปเสียหนึ่งทีจนได้ยินเสียงร้องโอดโอย
อา...โชคดีจริงๆเชียวที่เขากับมาร์คไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้ต่อกันน่ะนะ
หลังจากที่ศึกสงครามในห้องสงบลงแล้วแจ็คสันก็รับหน้าที่ทำอาหารให้เขากับยองแจกินก่อนจะหาหนังคอเมดี้เปิดดูด้วยกันอีกเรื่องหนึ่งจนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเย็นนั่นล่ะ แจ็คสันก็เลยอาสาว่าจะเป็ฯคนพาเขาไปส่งที่บ้านเองโดยที่มาร์คจะได้ไม่ต้องเดินทางหลายๆรอบ
“แล้วมีคนเฝ้าตึกเหรอแจ็คสัน” นั่นสิ อันที่จริงแบมแบมก็สงสัยตั้งแต่แจ็คสันกลับขึ้นมาบนห้องแล้วล่ะว่าข้างล่างใครเป็นคนดูแล แต่พอถามไปคำตอบที่ได้ก็ทำให้แบมแบมเผลอคิดว่าบางทีแจ็คสันก็สมควรที่จะถูกยองแจเล่นงานในความกวนแล้วล่ะ กับคำตอบที่ว่า ‘คริสตัล’ นั่นน่ะ
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนแบมแบมก็คงจะเชื่ออยู่หรอกเพราะเคยทดลองวิ่งหนีคริสตัลมาแล้ว
แล้วนั่นก็เป็นเหตุผลให้แบมแบมไม่ชอบแมวมาจนถึงทุกวันนี้เลย
“อ๋อ ป๊าฉันมาแล้ว ผลัดกันคนละครึ่งวัน”
“อ๋อ”
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน”
เขายองแจและแจ็คสันลงลิฟท์มาด้านล่างเพื่อไปขึ้นรถของแจ็คสันที่จอดอยู่ชั้นใต้ดิน และนับว่าเป็ฯโชคดีที่วันนี้ตรงกับวันหยุดอย่างวันอาทิตย์ รถราในยามเย็นจึงไม่แออัดมากนัก คนตัวเล็กนั่งเล่นนั่งคุยอยู่ในรถไม่นานยานพาหนะที่โดยสารมาก็เลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้านก่อนที่จะหยุดตรงหน้ารั้วบ้านของเขาแบบพอดิบพอดี
“ยองแจกับแจ็คสันจะเข้าบ้านด้วยกันก่อนไหม”
“ก็ดีเหมือนกัน เช็คสภาพไอ้มาร์คสักหน่อยก็ดี”
แจ็คสันพูดติดตลกก่อนที่แบมแบมจะลงไปทำหน้าที่เป็นคนเปิดประตูรั้วให้รถยนต์ของแจ็คสันเข้ามาจอดด้านในได้สะดวก จนกระทั่งทั้งสามคนพากันเดินเข้ามาด้านในตัวบ้านที่ว่างเปล่ามีเพียงไฟเพดานที่เปิดให้ความสว่างอยู่
“มาร์คคค แบมแบมกลับมาแล้วนะ” เสียงหวานตะโกนขึ้นพลางก้าวขาไปในทิศทางที่คิดว่ามาร์คน่าจะอยู่ในนั้น ห้องทำงานส่วนตัวที่เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้าไปยุ่มย่ามสักเท่าไหร่เพราะมาร์คกลัวว่าแบมแบมจะเกิดแพ้ฝุ่นละอองในห้องที่ไม่ค่อยถ่ายเทเข้า
“มาร์...” เสียงใสขาดห้วงไปอาจจะเพราะด้วยความตกใจที่จู่ๆบานประตูตรงหน้าก็ถูกเปิดออกจากด้านในก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดออกมาเป็นมาร์คที่ผมเผ้าดูยุ่งเหยิงกว่าเมื่อตอนเช้ามากเพราะมัวแต่หมกตัวทำงาน
“พี่มาร์ค! นี่เหรอแฟนพี่...สวัสดีครับ”
!!!
“...” แต่ยิ้มหวานได้ไม่นานคนตัวเล็กก็มีอันต้องผงะ ใช้คำว่าผงะนั่นแหละถูกแล้ว เพราะจากตอนแรกที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มนั้นน่ะกลายเป็นว่ารอยยิ้มเหือดหายกลายเป็นใบหน้าประหลาดใจแทน ดวงตากลมจ้องผ่านไปทางด้านหลังของมาร์คที่มีร่างของใครบางคนยืนยิ้มให้อยู่อย่างไม่เข้าใจ
ใครกัน...
“ไอ้มาร์ค...อ้าว ใครวะ” และเมื่อแจ็คสันกับยองแจที่เดินตามมาก็พบเข้ากับภาพเดียวกันนั้นความสงสัยมากมายจึงเกิดขึ้น มาร์คเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะเป็นคนพูดเฉลยให้ความกระจ่างแก่ทุกคนด้วยตัวเอง
“เพื่อนบ้าน เพิ่งย้ายมาเมื่อคืน...เขาแค่เข้ามาดูรูป” ประโยคหลังเหมือนว่ามาร์คจะปรายตาไปทางแบมแบมที่มองดูแล้วไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ในตอนนี้ออกมาได้
“ผมชื่อรินนะครับ”
“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่เป็นเพื่อนไอ้มาร์คนะชื่อแจ็คสัน ส่วนนี่ยองแจ”
“ผมแบมแบมครับ” และสุดท้ายก็เป็นเจ้าของเสียงใสที่แนะนำตัวพร้อมรอยยิ้มกว้างมาร์คก็เลยโล่งใจอยู่หน่อยๆที่แบมแบมไม่เกิดอาการนอยด์หรือหงุดหงิดใดๆ อันที่จริงมาร์คเองก็มีส่วนผิดที่ปล่อยให้เด็กนี่เข้ามานั่งอยู่จนเย็นย่ำในห้องทำงาน แต่เขาเองก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับเด็กคนนั้นมากนัก ถามอะไรมาก็ตอบเท่านั้น
ซึ่งรินก็ดูเหมือนว่าจะสนใจแทบทุกอย่างในห้องเลยทีเดียว
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะครับพี่ๆ แบมแบมด้วย ไว้เดี๋ยวคราวหน้าจะเอาขนมมาฝากนะ”
“...” มาร์คเงียบไม่ตอบอะไรแต่เป็นแบมแบมที่ยิ้มรับให้กับน้ำใจของเพื่อนบ้านคนใหม่
“บายยย” พร้อมกับยองแจที่ส่งรอยยิ้มให้พร้อมกับฝ่ามือที่ยกขึ้นมาทำท่าบ้ายบายจนกระทั่งเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าที่ชื่อรินนั้นเดินหายออกไปจากประตู
“ไงไอ้มาร์ค กูพาแบมแบมมาส่ง”
“เออ ขอบใจมาก” แล้วบทสนทนาระหว่างเพื่อนก็เริ่มขึ้น ทั้งหมดพากันเดินไปตรงส่วนที่เป็นโซฟารับแขก แจ็คสันเหวี่ยงตัวเองลงไปนอนด้วยท่าทางสบายๆ (แต่น่าเกลียดในสายตาของยองแจ) ตามด้วยมาร์คที่ทิ้งตัวลงนั่งพลางหลับตาพรูลมหายใจออกมาเมื่อได้พักสายตาจากการทำงาน
“อ่า คุยกันไปก่อนนะเดี๋ยวแบมแบมขึ้นไปอาบน้ำก่อน” ก่อนที่เจ้าของเสียงใสจะปลุกให้เปลือกตาของมาร์คเปิดขึ้นมาอีกครั้ง แบมแบมส่งยิ้มให้มาร์คก่อนจะหันหลังเดินไปตามด้วยยองแจที่วิ่งตามหลังไปติดๆ ได้ยินเสียงแว่วๆว่าจะขึ้นไปนอนรอแบมแบมบนห้อง ซึ่งมาร์คเองที่มองตามอยู่นั้นคิดว่า
แบมแบมก็...ไม่ได้มีท่าทางโกรธเคืองอะไรนี่
“นี่แบมแบม”
“เฮ้...”
“หื้อ อะไรเหรอยองแจ” แบมแบมหันกลับไปก่อนที่ยองแจจะได้เรียกชื่อเขาซ้ำอีกรอบก่อนจะเห็นว่าเพื่อนตัวดีของเขากำลังส่งสายตาแปลกๆมาให้เสียจนคนตัวเล็กต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
“อย่างเพิ่งไปอาบๆ นั่งลงก่อน ยองแจมีเรื่องจะคุยด้วย” ปมคิ้วบนใบหน้าหวานขมวดหนักขึ้นเมื่อยองแจเริ่มทำท่าทางกระซิบกระซาบ ฝ่ามือของอีกฝ่ายกดไหล่ของเขาให้นั่งลงบนเตียงกว้างด้านหลังโดยที่แบมแบมเองก็ไม่ได้ขืนแรงยองแจหรอกนะ ก็แค่สงสัย...
“มีอะไรล่ะ พูดมาเลยแบมแบมร้อนแล้ว”
“ก็แบมแบมน่ะ! สังเกตหน่อยได้ไหมเล่าว่าวันนี้มาร์คพาคนอื่นเข้าบ้านน่ะ” ยองแจที่กอดอกตัวเองยืนค้ำหัวคนตัวเล็กอย่างแบมแบมโพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออดด้วยใบหน้าที่มองแล้วชวนให้แบมแบมคิดตามไปกับคำพูดเหล่านั้น
“ก็...เพื่อนบ้านไง” ทำเอาคนตัวเล็กเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว
“แต่ยองแจคิดว่าคนที่ชื่อรินเรินอะไรนั่นอาจจะชอบมาร์คก็ได้นะ ดูสิ เจอกันครั้งแรกก็ขอเข้าไปถึงห้องทำงาน มีอย่างซะที่ไหนกัน” ดวงตากลมหลุบลงต่ำคล้ายกับคนกำลังประหม่า ไม่หรอก แบมแบมจะไม่คิดแบบนั้นเพราะว่าแบมแบมน่ะเชื่อใจมาร์คที่สุด
ก็มาร์คเคยบอกเอาไว้เองว่าการที่คนสองคนจะอยู่ด้วยกันได้นานๆก็ต้องมีความเชื่อใจซึ่งกันและกันนี่นา
“ไม่หร...”
“แบมแบม!” ทว่ายังไม่ทันที่เสียงเล็กจะได้ค้านออกไปเต็มคำยองแจก็เล่นตะโกนเสียจนไหล่เล็กสะดุ้งเฮือก แบมแบมเม้มปากเข้าหากันแน่นพลางกำฝ่ามือเข้าหากันภายในสถานการณ์น่าอึดอัดทางความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้น
โอเค แบมแบมต้องใจเย็น
“ระวังเอาไว้เถอะ ยองแจบอกไว้เลยว่าวันนี้มาร์คน่ะได้เปิดประตูต้อนรับตัวปัญหาเข้าบ้านตัวเองแบบไม่รู้ตัวแล้ว!”
กึก...
“...” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบหลังจากประโยคที่ยองแจพูดออกมายาวเหยียดได้จบลง แบมแบมก้มหน้านิ่งแถมยังสีหน้าไม่ค่อยดีอีกต่างหาก ทำเอาคนที่เผลอตัวใส่อารมณ์อย่างยองแจต้องรีบก้าวเข้าหาเพื่อนตัวเล็กเพื่อถามไถ่อาการในทันที
“เอ่อ...แบมแบม”
“ยองแจ...ก กลับบ้านไปก่อนนะ แบมแบมอยากพักผ่อน”
“...”
“ไม่เอาอ่ะ แจไม่กลับ”
“นะ...แบมแบมขอร้อง” เสียงเล็กแผ่วเบาลงอย่างน่าสงสาร นี่แบมแบมคงจะไม่ร้องไห้หรอกใช่มั้ย? อย่าเชียวนะ ห้ามเลยนะ! ไม่งั้นยองแจคงจะต้องรู้สึกผิดจนนอนไม่หลับ ไปทำงานไม่รู้เรื่องแน่ๆ ไม่น่าเลย...ยองแจ ไม่น่าเลยจริงๆ
“อ...โอเค วันนี้แจกลับก่อนก็ได้ แต่แบมแบมห้ามโกรธนะ” แม้จะยอมถอยห่างออกจากอีกฝ่ายแต่ก็ยังไม่วายยื่นข้อเสนอด้วยน้ำเสียงสั่นๆกับใบหน้าที่หมองลงเมื่อนึกได้ว่าคำพูดที่ตัวเองกล่าวออกไปโดยไม่ได้ไตรตรองให้ดีเมื่อก่อนหน้านั้นมันอาจจะบั่นทอนความรู้สึกของแบมแบมได้มากกว่าที่คิด
“อื้อ...ไม่โกรธยองแจหรอก กลับบ้านดีๆนะ”
“อือ...โอเค งั้นแจไปก่อนนะ บาย”
“...” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากแบมแบมที่นั่งเงียบอยู่ปลายเตียง มีเพียงร่างของยองแจที่เดินห่างออกไปก่อนที่เสียงปิดประตูจะดังตามมาเป็นสัญญาณว่าในห้องนอนแห่งนี้เหลือเพียงแค่คนตัวเล็กเพียงลำพังโดยสมบูรณ์ เปลือกตาคู่สวยปิดเข้าหากันเพียงเสี้ยววิก่อนที่ร่างทั้งร่างจะหงายเอนลงไปบนเตียงกว้างคล้ายคนหมดแรง ฝ่ามือบางยกขึ้นลูบความชื้นบริเวณหน้าผากออกอย่างลวกๆก่อนที่เปลือกตาบางจะเปิดขึ้นอีกครั้งและกรอกสายตาไปยังซ้ายมือของตัวเองซึ่งเป็นโต๊ะตัวเล็กที่ใช้วางของเล็กๆน้อยๆร่วมกันกับมาร์ค
ก่อนที่จะพบว่า
หยดน้ำเล็กๆได้เกิดกระจายออกจากปากแก้วพลาสติกใสที่ถูกวางตั้งทิ้งไว้บนนั้นจนทั่วบริเวณ...
ไม่มีใครอ่านก็จะอัพ สตรองมากบอกเลย
เดี๋ยวอีก 20 เปอร์เร็วๆนี้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ครบร้อยแล้วนะ
รินก็แค่อัธยาศัยดี ทำไมต้องว่ากันด้วยเล่า...
แท็กฟิค : #FICJARMB
ติดต่อไรท์เตอร์ TWITTER : @since9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่ร้องนะลูก
อย่ามาเป็นมือที่สามนะริน
แจฉลาดคิดแต่แบมนี่คิดมากไปแล้วนะ
อ่านเรื่องนี้ทีไรอมยิ้มไปกับแบมๆทุกทีเลยทั้งชีวิตของแบมไม่เคยเบื่อมาร์คเลยกลัวแต่มาร์คไม่รักอ่านไปอมยิ้มไปแบบไม่รู้ตัวเลยขอบคุณไรท์ที่มาต่อภาคสองให้นะคะอ่านเรื่องนี้ทีไรไม่เคยเบื่อเลย
อันแรก รินเป็นภูติเหมือนแบมที่อาศัยอยู่กับยูค (นี่อ่านมาตั้งแต่ซีซั่นแรกยังไม่มียูคเลย555หรือไม่มีหรือเราอ่านข้าม) ทางสอง ยังไงรินต้องทำให้มาร์คมีปัญหาแน่อาจจะเกี่ยวกับงานวาดรูปที่มาร์คทำหรือก้เรื่องหัวใจนี่ล่ะ
คิ้วขมวดเป็นปม ไม่เดาแล้ว55555 มาต่อไวๆนะไรท์