ตอนที่ 14 : BOY IN A JAR :: Maybe this is the turning spot
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
BOY IN A JAR
MARK x BAMBAM
#FICJARMB
CHAPTER
- 13 -
( Maybe this is the turning point )
หลังจากสถานการณ์น่าอึดอัดซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กลืนกินความสุขและรอยยิ้มของทั้งคู่นั้นได้ผ่านไปเป็นเวลาเกือบอาทิตย์ แบมแบมกลับมาอยู่กับมาร์คที่ห้องเหมือนเดิม และประจวบเหมาะกับการที่มาร์คเร่งมือเคลียร์งานวาดทั้งหมดของตัวเองได้ทันภายในช่วงเวลา ดังนั้นช่วงเวลาพักผ่อนที่มาร์คเองไม่เคยนึกถึงมาก่อนก็ถูกทำให้เกิดขึ้นโดยตัวของเขาเองที่คิดอยากพาคนตัวเล็กไปเปลี่ยนบรรยากาศเสียบ้าง
“เอาขนมอีกไหม” มินิออสตินสีเขียวน้ำทะเลเคลื่อนตัวออกมาจออกมานอกเมืองใหญ่เป็นที่เรียบร้อย สองข้างทางเปลี่ยนจากตึกรามบ้านช่องเป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าดูผ่อนคลาย คนตัวเล็กบนเบาะนั่งข้างคนขับพยายามชะเง้อชะแง้ถึงแม้จะมองไม่ค่อยเห็นแต่ก็รู้สึกได้ถึงความเงียบสงบของท้องถนน
“ไม่เอาแล้ว” เสียงเล็กตอบกลับงุ้งงิ้ง พยายามเอามือทั้งสองข้างปัดกันไปมาเพื่อให้เศษน้ำตาลที่ติดอยู่ตามปลายนิ้วร่วงหล่นออกไป แค่เยลลี่ที่มาร์ควางไว้ให้กินตั้งแต่ออกมาจากห้องแบมแบมก็อิ่มสุดๆแล้ว
“ง่วงก็นอนไปเลยนะ” ไม่พูดเปล่า เพราะมาร์คกำลังเอี้ยวตัวไปเบาะด้านหลังเพื่อหยิบกระเป๋าสัมภาระที่แยกเอาไว้เป็นของแบมแบมโดยเฉพาะขึ้นมาเปิดซิปออกแล้วควานหาผ้าห่มผืนนุ่มที่เอาติดมาจากบ้านจินยองด้วยตั้งแต่วันนั้นนั่นล่ะโยนคลุมอีกคนที่ไม่ทันตั้งตัวจนได้ยินเสียงโวยวายเล็กๆดังออกมา
“มาร์ค!”
“เรียกทำไม” คนตัวโตหันกลับไปสนใจถนนโล่งๆตรงหน้าต่อก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในส่วนที่มีป้ายติดเอาไว้ตัวใหญ่ว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
“แกล้งแบมแบมอีกแล้ว!” ก้อนกลมๆในผ้าห่มขยับยุกยิกเพื่อให้ผ้าห่มหลุดออกจากตัว มาร์คเองก็ได้แต่หัวเราะในลำคอเมื่อเห็นภาพนั้นแถมยังไม่คิดที่จะช่วยดึงผ้าออกให้อีกต่างหาก รู้เลยว่าถ้าอีกฝ่ายโผล่ขึ้นมาได้คงบ่นมาร์คจนหูชาอีกแน่นอนเลยที่ไปแกล้งเจ้าตัวน่ะ
“...”
มินิออสตินจอดนิ่งสนิทก่อนที่ความเย็นภายในตัวรถจะค่อยๆจางลงเมื่อมาร์คดับเครื่อง หันไปมองอีกฝ่ายก็เห็นว่ายังพยายามกับการเอาผ้าห่มออกจากตัวไม่สำเร็จ มาร์คส่ายหัวน้อยๆให้กับท่าทางตลกแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปช่วยดึงออกให้ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“นิสัยไม่ดีเลยนะ” โผล่หน้าออกมาได้คนตัวเล็กไม่โวยวายอย่างที่มาร์คคิดแต่กลับเบะปากแล้วพูดเบาๆแทน เดี๋ยวนี้แบมแบมน่ะชักจะมีท่าทางแปลกๆมาให้ได้แปลกใจอยู่เรื่อยๆ เมื่อก่อนนี้ถ้าหากไม่พอใจอะไรเจ้าตัวก็จะโวยวายออกมาตรงๆอย่างเดียวแต่เดี๋ยวนี้สิบางทีก็เงียบบางทีทำเมินไปเลย มาร์คชักจะเอาใจไม่ถูกเข้าทุกวันๆ
“ไม่งอนน่า อุตส่าห์พามาเที่ยวนะ”
“ก็ได้” คนตัวเล็กลากเสียงสูง แต่ยังไม่เลิกทำท่ากอดอกแล้วมองค้อนมาร์คจนคอแทบหักแบบนั้นเสียที
ฟอดด!
แล้วมันก็ทำให้คนที่มองอยู่ด้วยความหมั่นเขี้ยวอย่างมาร์คต้วนสวมวิญญาณคนฉวยโอกาสอีกครั้ง ชายหนุ่มโน้มใบหน้าของตัวเองลงหาอีกฝ่ายโดยที่ไม่ปล่อยให้ตั้งตัวปลายจมูกโด่งก็กดลงไปเสียจนแก้มนุ่มๆนั้นบุ๋มเข้าไปตามแรงกดทับ
“อื้อ!” มือน้อยสองข้างตะปบหมับเข้าที่สันจมูกของอีกฝ่ายแล้วออกแรงผลักสุดแรงน้อยๆที่มี แบมแบมไม่ยอมให้มาร์คหอมง่ายๆหรอกนะ เมื่อกี้เพิ่งจะแกล้งเขาอยู่แท้ๆ
“ลงกันเถอะ..ถึงแล้ว”
เมื่อหยอกให้คนตัวเล็กหัวเสียได้เป็นที่เรียบร้อยมาร์คก็เอี้ยวตัวไปทางเบาะหลังเพื่อหยิบเอากระเป๋าทั้งของตัวเองและของแบมแบมมาสะพายไว้ด้วยไหล่ข้างเดียว จัดการเช็คทุกอย่างบนรถให้เรียบร้อยเพราะว่านานๆทีมาร์คจะได้เข้าไปหยิบเอาเจ้ารถคันนี้มาใช้ ตั้งแต่แทมมี่ซื้อให้เป็นของขวัญจบมหาลัยมาร์คก็แทบจะไม่ได้ใช้ จอดทิ้งไว้ที่บ้านของพี่สาวเสียจนเกือบลืมไปแล้ว
“...” มาร์คลงจากรถไป ทิ้งแบมแบมให้นั่งหันซ้ายหันขวาอยู่ลำพัง แต่ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้อ้าปากเรียกชื่ออีกฝ่ายตามที่ใจคิดประตูฝั่งข้างคนขับก็ถูกเปิดออกจนใบหน้าเล็กนั่นหันขวับไปมองตามเสียงอย่างเร็วเสียจนมาร์คอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าคอแบมแบมจะเจ็บคอบ้างหรือเปล่าน่ะ
“จะนั่งบนไหล่หรือจะยื่นบนมือ” ออฟชั่นเสริมที่มาร์คมีมาให้เลือกทำให้แบมแบมตาโต ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัดว่าตัวเองต้องการที่จะนั่งบนไหล่มาร์ค
“จับเสื้อไว้ล่ะ ระวังตก” มาร์คจัดการย่อตัวลงให้ต่ำว่าอีกฝ่ายแล้วค่อยๆใช้ฝ่ามือตัวเองประคองร่างเล็กๆของอีกคนในชุดฮู้ดสีเหลืองสดใสให้ขึ้นมานั่งบนไหล่กว้างของตัวเอง เพราะที่นี่เป็นสถานที่ส่วนบุคคลนั่นก็หมายความว่าบริเวณทั้งหมดนี้จะไม่มีใครอื่นเข้ามาเพ่นพ่านและทำอันตรายแก่แบมแบมได้
บ้านไม้สองชั้นริมทะเลสาบยามเช้าปรากฏแก่สายตาของคนตัวเล็กจนได้ยินเสียงอุทานออกมาเบาๆ แบมแบมตาโตเมื่อเห็นว่าแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ดูนิ่งสงบกับต้นไม้และดอกไม้สวยๆมากมายอยู่ตรงหน้า มือคู่น้อยตบเข้าหากันดังแปะๆแสดงถึงความชอบอกชอบใจจนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของมาร์คที่จับจ้องอาการของอีกฝ่าย
“ชอบไหม” เสียงทุ้มถามเบาๆและแน่นอนว่าคนถูกถามนั้นพยักหน้ารับเสียจนคอแทบหัก
“ชอบมากเลยมาร์ค! เห็นแล้วนึกถึงในป่าเลย” เสียงใสเจื้อยแจ้วตอบกลับมา ยืนนิ่งให้แบมแบมชมบรรยากาศรอบตัวอยู่สักพักก็เริ่มสาวท้าวเดินต่อเพื่อที่จะเข้าไปยังตัวบ้านที่อยู่ห่างออกไปอีกเล็กน้อย บ้านหลังนี้เป็นของแทมมี่และมาร์คที่ออกเงินกันคนละครึ่งเพื่อที่จะเก็บสถานที่แห่งนี้เอาไว้สำหรับพักผ่อน แต่ช่วงหลังมานี้ทั้งเขาและแทมมี่ก็ไม่ค่อยได้มาบ่อยนักเพราะต่างคนก็ต่างงานยุ่ง
มาร์คยุ่งเรื่องงานอย่างเดียว แต่แทมมี่น่ะทั้งบวกลูกซนๆเข้าไปด้วย วันทั้งวันเลยไม่ต้องคิดไปไหนกันหรอก
แต่พอมาอีกทีทุกอย่างก็ยังสวยและทำให้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนเดิม...
“...” ระหว่างเดินไปเงียบๆก็อดคิดไม่ได้ว่าธรรมชาติที่สวยงามก็มักจะแฝงความลึกลับและประหลาดหลายอย่างที่คนอย่างเราคาดคิดไม่ถึงเอาไว้ ยกตัวอย่างง่ายๆก็อย่างคนนี่นั่งอยู่บนไหล่ของเขานี่ไง...ความงดงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมาแต่กลับเก็บเงียบเอาไว้กับตัวเองเสียแทบไม่มีใครเคยพบเจอ
จะเรียกว่าโชคชะตาได้หรือเปล่า...ที่ทำให้ความงดงามนั้นได้มาอยู่ในมือมาร์คอย่างไม่เคยคาดคิดในตอนนี้
“มาร์ค ทำไมไม่มีคนเลย” เหมือนแบมแบมเองจะพอสังเกตได้ว่าที่นี่มันเงียบกว่าปกติ เพราะนอกจากเสียงสัตว์เล็กๆจำพวกแมลงและนกกับเสียงลมพัดแล้วนั้นก็แทบจะไม่มีอะไรเลย นิ้วชี้เล็กๆจิ้มจึกเข้าที่ข้างแก้มสากของคนตัวโตสองสามที
“จะมีคนอื่นได้ยังไง ก็ที่นี่มันบ้านฉันนี่” มาร์คย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อคว้าเอาลูกกุญแจมาไขบานประตูให้เรียบร้อยก่อนจะผลักเข้าไปด้านใน รู้สึกโล่งใจที่ไม่มีกลิ่นอับมารบกวนใจ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนตัดสินใจที่จะมาเขาได้โทรบอกแทมมี่ไว้ก่อนแล้ว และพี่สาวก็คงจะให้คนเข้ามาทำความสะอาดล่วงหน้าแล้วล่ะมั้ง
“จริงเหรอ!” แบมแบมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่นี่เป็นบ้านของมาร์คจริงๆน่ะ...ก็ไม่เคยเห็นมาร์คพูดถึงมาก่อนเลยสักครั้งเดียว ถ้าเกิดเขาได้รู้ก่อนหน้านี้ว่ามาร์คมีบ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับในป่าของแบมแบมแบบนี้แน่นอนว่าคงขอให้มาร์คพามานานแล้วล่ะ!
“โกหกมั้ง” มาร์คแกล้งตอบกวนขณะก้าวเข้ามาในตัวบ้านแล้วเลี้ยวไปทางซ้ายมือเพื่อสับคัตเอาท์ขึ้นให้ระบบไฟภายในบ้านทำงาน แสงสว่างสีเหลืองนวลจากบนเพดานตกกระทบกับพื้นไม้ขัดมันทั้งหลังให้ความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่น แบมแบมมองไปรอบๆอย่างชอบใจ
มาร์คทำให้แบมแบมมีความสุขอีกแล้ว...
จุ๊บ..
“...” ช่วงขายาวที่ทำท่าจะก้าวต่อในคราแรกชะงักราวกับถูกสาปเมื่อข้างแก้มของตัวเองถูกอะไรนิ่มๆกดเข้ามาจู่โจมเพียงชั่วครู่ก่อนจะผละออกไปอย่างเร็ว ใบหน้าหล่อคมหันไปมองคนที่นั่งทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้อยู่บนไหล่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาให้กับท่าทางน่าเอ็นดูนั่น
“เดี๋ยวนี้หัดเป็นขโมย ขโมยจูบแก้มคนอื่นหรือไง” มาร์คแกล้งพูดแล้วก็ได้รับปฏิกิริยาตอบรับจากอีกฝ่ายเป็นเสียงครางฮือพร้อมกับแรงตีจากฝ่ามือเล็กๆบนไหล่กว้างของตัวเองทั้งที่ใบหน้าเล็กนั้นเสมองไปทางอื่น...ตัวแค่นี้แต่เขินรุนแรงชะมัด
ถ้าหากถามถึงความสัมพันธ์ของมาร์คและแบมแบมหลังจากวันที่ปรับความเข้าใจกันแล้วก็บอกได้เลยว่าทุกอย่างเริ่มไปในทิศทางที่ดีขึ้น มาร์คกล้าแสดงออกมากกว่าเดิมหลังจากที่รู้ว่าแบมแบมน่ะอยากให้เขาชอบเจ้าตัวมากที่สุดเพียงคนเดียวอย่างที่มาร์คก็ตั้งใจจะทำอยู่แล้ว ส่วนแบมแบมน่ะเหรอ...รายนั้นก็เอาแต่ทำตัวน่ารักทั้งวันทั้งคืนจนมาร์คหลงหนักหน้ามืดตาลายไปหมดอย่างที่เห็นนี่ล่ะ
“เดี๋ยวนั่งเล่นตรงนี้ก่อนนะ ฉันไปเช็ครอบๆบ้านแป๊บนึง” มาร์คค่อยๆวางอีกฝ่ายลงบนโซฟาตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระสองใบที่สะพายไหล่มา คนตัวเล็กพอก้นแตะเบาะนุ่มก็ทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หลาทันทีจนคนมองอดไม่ได้ที่จะแกล้งแหย่เอานิ้วจิ้มลงไปบนแก้มยุ้ยๆนั่นจนเจ้าตัวต้องสะบัดหน้าหนี
“งือ...เจ็บนะมาร์ค”
“มีอะไรตะโกนเรียกได้เลยนะ” ก่อนไปก็ยังไม่วายย้ำอีกฝ่ายด้วยประโยคที่พักหลังมานี้แบมแบมมักจะได้ยินมันออกมาจากปากของมาร์คต้วนบ่อยเป็นพิเศษ แบมแบมนอนตะแคงหันหลังให้อีกฝ่ายสักพักก็ได้ยินเสียงทีวีถูกเปิดก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเดินหายเข้าไปด้านใน
“เฮ้อ...” ช่างเป็นการถอนหายใจที่ขัดกับรอยยิ้มบนใบหน้าเป็นที่สุด มือเล็กๆชูขึ้นฟ้าทั้งสองข้างเหมือนกับต้องการจะไล่จับแสงไฟสีนวลบนเพดาน แบมแบมค่อยๆหลับตาพริ้มเมื่อรู้สึกเหมือนกับว่าความสุขในร่างกายมันทำท่าเหมือนว่ากำลังจะทะลักออกมายังไงยังงั้นเลย
อยากจะบอกว่าถ้ามาร์คทำแบบนี้บ่อยๆน่ะ แบมแบมจะแย่เอานะ...
“มาร์ค...” เสียงเล็กดังขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ไม่เหงา ลมพัดเรื่อยๆจนเห็นคลื่นน้ำอยู่เป็นระลอกผสานกับเสียงหรีดหริ่งแมลงเล็กน้อยที่แฝงอยู่ตามต้นไม้ใหญ่รอบๆกลับยิ่งทำให้ความรู้สึกผ่อนคลายยิ่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
“ว่าไง เมื่อยแล้วเหรอ” คนถูกเรียกเบนใบหน้าออกจากกระดานวาดภาพไปถามคนตัวเล็กที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินที่ไม่สูงมากเยื้องไปทางซ้ายมือของมาร์ค ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าเจ้าตัวน่ะได้รับเกียรติให้มาเป็นโมเดลในการวาดภาพครั้งนี้ของคุณศิลปินมาร์คต้วนไงล่ะ
“เปล่านะ...ไม่ได้เมื่อยหรอก แบมแบมแค่คิดว่าถ้าเนียร์มาด้วยก็คงสนุกดี” เจ้าตัวเล็กพึมพำออกมาตามที่คิด ก็ตอนที่เขาเสียใจเนียร์เป็นคนคอยดูแลแบมแบมมาตลอดเลยนี่นา พอตัวเองมีความสุขแล้วจะลืมกันไปได้ยังไง...อยากชวนมาด้วยกัน เนียร์จะต้องชอบที่นี่เหมือนกับที่แบมแบมชอบแน่ๆ
“ไม่อยากอยู่กับฉันแค่สองคนเหรอ” มาร์คฟังความต้องการของคนตัวเล็กแล้วก็เลิกคิ้วหน่อยๆก่อนจะเอนตัวกลับไปลงสีภาพวาดที่ใกล้เสร็จให้สมบูรณ์เสียที แต่ก็ยังไม่วายแกล้งพูดด้วยซุ่มเสียงเหมือนกับว่าน้อยเนื้อต่ำใจเสียเต็มประดาจนคนฟังเริ่มใจร้อนรุ่มขึ้นมาแล้ว
“ไม่ใช่นะมาร์ค!” เสียงเล็กรีบแย้ง อยากจะลุกเดินไปหาด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่ามาร์คจะบ่นเขาเหมือนตอนแรกที่เขาขยับตัวไปมาไม่หยุดนั่นอีก
“...”
“มาร์ค...” ยิ่งอีกฝ่ายที่ซ่อนใบหน้าอยู่หลังกระดานวาดภาพไม่ส่งเสียงตอบกลับมาคนตัวเล็กก็ยิ่งใจไม่ดี เขาไม่อยากผิดใจกับมาร์คอีกแล้ว...จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมามันทำให้รู้ว่าการที่ต้องทะเลาะกันแบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องดีเลย จิตใจมันปั่นป่วนไปหมดจนน่ารำคาญ
“แบมแบมอยากอยู่กับมาร์คนะ” ตัดสินใจพูดออกไปเสียงเบาหวิว แถมยังก้มหน้าเหมือนกับว่าเป็นความผิดของตัวเองเสียอย่างนั้นเล่นเอาคนขี้แกล้งถึงกับชะงักปลายพู่กันเมื่อรู้สึกว่าน้ำเสียงหงอยๆนั่นมันทำให้อัตราการเต้นของก้อนเนื้อในอกมันกระตุกเสียจนแปลบปลาบไปหมด
แบมแบมไม่ชอบการทะเลาะกับมาร์ค มาร์คเองก็ไม่ชอบเวลาแบมแบมเป็นแบบนี้เหมือนกัน...
“คิดอะไรอยู่ ไม่ได้โกรธหรอกน่า” มาร์คตัดสินใจวางพู่กันลงกับพื้น ละสายตาออกจากผลงานตรงหน้าที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์เพื่อเบนความสนใจไปให้กับคนในภาพตัวจริงที่ตอนนี้นั่งหน้าบูดก้มหน้าตัวเองชิดอกไปเสียแล้ว มาร์คน่ะไม่ชอบท่าทางแบบนี้ของแบมแบมเลยให้ตายเถอะ
“...”
“อันที่จริงฉันชวนจินยองกับแจบอมไว้แล้ว พรุ่งนี้สายๆพวกมันก็คงมาถึง” คนที่ก้มหน้างุดพอได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแทบไม่ทัน ดวงตาเบิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความตกใจจนได้ยินเสียงทุ้มๆของมาร์คดังออกมาจากการหัวเราะ
“จริงเหรอ ดีจัง!” แล้วคนตัวเล็กก็ยิ้มหวานออกมาเสียอย่างนั้น มาร์คที่ยืนขึ้นเต็มความสูงก็เอาแต่จ้องใบหน้าเปื้อนยิ้มเต็มแก้มของอีกฝ่ายแบบไม่ละสายตา ส่วนคนถูกมองน่ะเหรอ...ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหรอกเอาแต่ส่งยิ้มหวานให้อีกคนอยู่อย่างนั้น
“...”
มาร์คไล่มองใบหน้าเล็กๆนั่นอย่างพิจารณา แม้จะจากระยะที่ห่างก็ยังเห็นได้ชัดถึงแววตาใสซื่อปนซุกซนคู่นั้นที่มองกลับมายังเขา ประกายน้อยๆในดวงตายิ่งทำให้ความรู้สึกของมาร์คต้วนยิ่งเด่นชัดมากกว่าเดิม...นี่แหละ คงเป็นเหตุผลว่าทำไมมาร์คถึงเลือกที่จะปฏิเสธจีอาไปในคืนนั้นอย่างไม่นึกเสียดาย
“โอ๊ะ!” สายตาสองคู่ผละออกจากการสอดประสานเมื่อเจ้าของร่างเล็กๆบนก้อนหินส่งเสียงร้องคล้ายกับตกใจออกมาเมื่อเจ้าตัวรู้สึกเจ็บจี๊ดเข้าที่แก้มซ้ายของตัวเอง มือน้อยๆเลื่อนขึ้นมาจับๆคลำๆก่อนจะออกแรงเกาเสียจนแก้มขึ้นรอยแดง ร้อนถึงคนที่ยืนมองอยู่อย่างมาร์คที่ถลาเข้าไปดึงมือคู่นั้นออกจากแก้มยุ้ยแทบไม่ทัน
“ทำอะไรน่ะ” มาร์คแกล้งกระซิบถามเสียงดุ มือก็เชยปลายคางให้อีกฝ่ายเงยขึ้นมาเพื่อที่เขาจะได้ดูให้ชัดๆว่าอาการคันที่แก้มของเจ้าตัวเล็กมันเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่
“ก็มันเจ็บเหมือนโดนคุณยุงตัวใหญ่กินเลือดนี่” พูดเฉยๆก็ได้ไหมทำไมต้องทำปากจู๋แบบนั้นด้วยล่ะ...
“ไม่ต้องไปเกามัน เดี๋ยวเข้าบ้านแล้วจะเอายาทาให้” มาร์คว่าก่อนจะใช้ปลายนิ้วถูๆตามรอยแดงให้อีกฝ่ายคลายอาการคันแล้วรีบหันกลับไปเก็บอุปกรณ์วาดรูปทั้งหมดให้เรียบร้อยเพื่อที่จะได้พาคนตัวเล็กกลับเข้าไปในบ้านเสียที เขาออกมาวาดรูปตรงนี้ตั้งแต่ตอนบ่ายแก่ๆ พอมองรอบๆตัวตอนนี้แล้วก็เห็นว่าแสงสว่างในยามบ่ายมันกลายเป็นแสงสีส้มของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินแทนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
หรือมาร์คอาจจะเผลอละเลยเวลาไปตั้งแต่ตอนที่ได้ยืนสบตาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน...
พระอาทิตย์ตกดินไปนานแล้ว และตุ่มแดงที่แก้มของแบมแบมก็ถูกยาเนื้อสีเขียวเหนียวๆแถมกลิ่นเหม็นที่มาร์คพกมาด้วยป้ายเข้าให้จนเจ้าตัวหงุดหงิดอยู่นานสองนานกว่าจะกลับมาร่าเริงตามปกติได้ เขาและแบมแบมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วหลังจากออกไปนั่งเล่นข้างนอกมาและตอนนี้กิจกรรมที่ทำร่วมกันในช่วงเวลาเกือบสามทุ่มก็คือการนอนดูทีวี...
ปกติแล้วมาร์คเองก็ไม่สนใจพวกรายการทีวีนักหรอก
แต่แบมแบมน่ะชอบดู ติดใจตั้งแต่ตอนไปอยู่บ้านจินยองล่ะมั้ง...พอกลับมาที่ห้องก็รบเร้าให้มาร์คซื้อทีวีอยู่ทุกวี่ทุกวัน
“ไม่เอาหนังผีแล้วนะมาร์ค” เสียงใสเอื้อนเอ่ยดักทางคนที่สละตัวเองเป็นที่นอนอบอุ่นให้แบมแบมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนอกอย่างสบายใจ คนตัวเล็กได้ยินเสียงมาร์คหัวเราะในลำคอก่อนที่ภาพมืดๆในจอทีวีจะถูกกดให้ผ่านไปเป็นอย่างอื่นแทน
“นึกว่าชอบ” มาร์คแกล้งเย้าคนบนอกจนแบมแบมต้องพลิกตัวเองจากท่าทางนอนหงายในคราแรกเป็นคว่ำตัวมาเท้าคางมองหน้ามาร์คอย่างเอาเรื่อง ดูเขาทำหน้าตาเข้าสิ...น่ากลัวตายเลย
“มาร์คคิดว่าตัวโตกว่าเลยจะแกล้งอะไรแบมแบมก็ได้งั้นเหรอ” คำพูดคำจาอย่างนั้นยิ่งทำให้มาร์คต้วนยิ้มเสียจนตาหยี ชอบใจที่คนตัวเล็กทำท่าเหมือนกับว่าจะฟาดเขาให้ตายคามือน้อยๆของเจ้าตัวถ้าหากว่ามาร์คยังไม่เลิกแกล้ง แต่ประทานโทษเถอะ...แบมแบมนี่ชอบพูดจาหรือคิดอะไรเกินตัวอยู่เรื่อย
“ทำไม จะทำโทษมาร์คหรือไง” ชายหนุ่มแกล้งตอบกลับพลางเลิกคิ้ว หวังว่าจะได้ยินน้ำเสียงไม่พอใจขึ้นจมูกของอีกฝ่าย แต่ทว่ามันกลับผิดคาดเมื่อคนตัวเล็กบนอกของเขานิ่งไปแถมปากอิ่มน้อยๆที่อ้าค้างนั่นก็ทำให้คนตัวโตที่มองอยู่ชักจะใจคอไม่ดีเท่าที่ควร
“ทำโทษมาร์คเหรอ...” เป็นประโยคที่เหมือนกับว่าแบมแบมพึมพำอยู่กับตัวเองเสียมากกว่าพูดกับมาร์คต้วน เพราะว่าพอคนตัวโตฟังจบแถมยังไม่ทันพูดอะไรต่อสักคำแก้มใสตรงหน้าก็ดันขึ้นริ้วจางๆเสียอย่างนั้น
“มาร์ค! เรียกแทนตัวเองว่ามาร์คแล้วน่ารักจัง!”
“...” คนถูกชมถึงกับเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะลอบยิ้มออกมาเมื่อคิดได้ว่าไอ้อาการหน้าแดงเมื่อกี้ก็คงจะเป็นเพราะว่าเจ้าตัวเล็กน่ะเขินกับสรรพนามที่เขาเรียกแทนตัวเองแน่ๆ
“อยากให้เรียกแบบนี้บ่อยๆรึไง” ไม่ต้องรอคำตอบมาร์คก็น่าจะเดาออกอยู่แล้วนะในเมื่อคนตัวเล็กเล่นออกปากชมเสียขนาดนั้น ใบหน้าใสเองก็ผงกขึ้นลงเสียจนกลุ่มผมกระเซิงไปหมด รีบตอบรับคำถามอีกฝ่ายอย่างแน่วแน่ ใช่...แบมแบมชอบ! แล้วก็อยากให้มาร์คเรียกแทนตัวเองแบบนี้ตลอดไปด้วย
“งั้นทำตรงนี้ก่อน” ปลายนิ้วชี้ยาวของมาร์คแตะลงบนแก้มของตัวเองขณะส่งสายตากวนๆไปยังคนตัวเล็กบนอกที่เหมือนว่ากำลังพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนอกของเขาอยู่ แถมเจ้าตัวยังกระจายกลิ่นหอมฟุ้งออกมาโดยไม่รู้ตัวเหมือนเคย
“มาร์ค!” เอาอีกแล้ว! มาร์คเล่นแบบนี้อีกแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากบ้านจินยองคราวนั้นมาร์คชอบแกล้งให้แบมแบมใจเต้นมากกว่าเดิมเสียอีก สอนให้ทำแต่อะไรที่ส่งผลต่ออัตราการเต้นของก้อนเนื้อในอกแบบนี้มันก็จะทำให้เขาแย่เอานะ...ไม่รู้หรือไงกัน
“ก็แล้วแต่...” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กทำท่าจะต่อรองมาร์คต้วนก็รีบตัดบทก่อนจะเบนสายตาออกจากใบหน้าหวานไปมองหน้าจอทีวีแทน มือใหญ่เอื้อมคว้ารีโมทบนเบาะมาทำท่าเหมือนจะเปลี่ยนช่องไม่สนใจคนที่นั่งยันตัวเองอยู่บนอกอีกต่อไป
ฟอด!
“...”
“ดีมาก” เปลี่ยนจากใบหน้าเฉยเมยมาเป็นยิ้มกว้างทันทีที่จมูกเล็กๆแตะลงบนแก้มของตัวเอง บางทีแบมแบมเองก็แอบสงสัยนะ ว่ามาร์คต้วนคนเฉยเมยในตอนแรกน่ะเปลี่ยนมาเป็นคนขี้แกล้งแถมยังเจ้าเล่ห์ลูกเล่นแพรวพราวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...
หรือบางทีมาร์คอาจจะไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก
แต่เพราะเป็นแบมแบมไง...เลยได้เห็นมุมที่ต่างออกไปของผู้ชายคนนี้
“ไม่คุยด้วยแล้ว” พอคนตัวเล็กละใบหน้าออกมาก็ดันปะทะเข้ากับสายตาหวานเยิ้มของคนตัวโต จ้องกันนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเป็นแบมแบมเองที่ทนไม่ไหวเหมือนทุกครั้งจนต้องยอมแพ้ในเกมจ้องตาครั้งนี้แล้วเปลี่ยนท่าทางเป็นนอนหงายบนอกมาร์ค เพ่งสายตาไปยังหน้าจอทีวีที่กำลังฉายภาพยนต์เรื่องหนึ่งอยู่แทน
“ฮ่ะๆ”
ยังไม่วายหัวเราะแกล้งให้อีกฝ่ายทวีความเขินอายในใจ ฝ่ามือน้อยๆฟาดลงบนอกหนาไม่แรงนักก่อนที่ความเงียบจะเข้าครอบคลุมเมื่อทั้งสองคนต่างฝ่ายก็ต่างจดจ่อสมาธิอยู่กับเรื่องราวในจอแก้วที่กำลังดำเนินเรื่องไปอย่างเข้มข้น
มาร์คเองเคยเห็นโปสเตอร์ของหนังเรื่องนี้ผ่านๆตาอยู่ตอนที่ออกไปห้างใหญ่ๆเพื่อซื้อของหรือส่งงานให้กับลูกค้า มันเป็นหนังที่เพิ่งเข้าโรงเมื่อปลายปีนี้เองเนื้อเรื่องก็เป็นหนังรักโรแมนติกทั่วไปที่เขาเองไม่ค่อยสนใจเพราะรู้สึกว่ามันเป็นแนวที่ล้นตลาดเสียเหลือเกินในความคิดของมาร์ค
แต่กับคนที่ไม่ค่อยพบเจออะไรแบบนี้มาก่อนอย่างแบมแบมน่ะ แน่นอนว่ามันทำให้ความสนใจของคนตัวเล็กถูกทุ่มไปที่เรื่องราวเข้มข้นของหนังเรื่องนี้หมดเสียจนไม่เหลือให้มาร์คต้วนอย่างในตอนแรกสักนิดกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเป็นชั่วโมงคนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมปริปากพูดกับมาร์คสักคำเดียวด้วยซ้ำนอกจากว่าเจ้าตัวจะสงสัยในบทพูดของตัวละครถึงจะหันมาถามบ้างเล็กน้อย
อะไรจะตั้งใจดูขนาดนั้น...
“...”
มาร์คที่ตั้งท่าจะก่อกวนคนตัวเล็กบนอกด้วยปลายนิ้วก็มีอันต้องชะงัก เมื่อเสียงจากในจอทีวีกลับไม่ใช่บทพูดเหมือนอย่างเคย หนังเงียบไปแต่ทว่าภาพยังคงเคลื่อนไหว
“เฮ้ย!”
มาร์คอุทานเสียงดังอย่างไม่ตั้งใจในตอนที่เบนสายตาไปมองภาพในจอแล้วเห็นว่ามันกำลังฉายถึงฉากที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง (สำหรับแบมแบม) หญิงและชายสองคนซึ่งเป็นพระนางกำลังแลกจูบกันอย่างจาบจ้วงแถมมุมกล้องยังซูมเข้าซูมออกเสียจนเห็นชัดแทบทุกอณู...
คนตัวโตรีบหันรีหันขวางหารีโมทที่พอต้องการจะหยิบขึ้นมามันกลับหายไปไหนก็ไม่รู้ด้วยความรีบร้อน เขาพอจะเดาได้ว่าฉากต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป...หนังฝรั่งแบบนี้แน่นอนว่าคงไม่หยุดอยู่ที่จูบเพียงอย่างเดียวแน่เมื่อตัวละครชายหญิงทั้งสองเริ่มผลักดันพากันเดินไปจนถึงเตียงกว้าง พระเอกเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองขณะผลักให้ฝ่ายหญิงลงไปนอนบนเตียง
แถมแบมแบมก็นอนจ้องภาพนั้นตาแป๋วเลย พระเจ้า!
50%
พรึ่บ!
ขอให้มันไม่สายเกินไปด้วยเถอะ... ภาพในจอทีวีกลายเป็นสีดำสนิทเมื่อมาร์คหารีโมทเจ้าปัญหาเจอแล้วรีบกดปุ่มสีแดงด้านบนสุดอย่างรวดเร็ว เล่นเอาคนตัวเล็กที่ตั้งใจดูเสียจนกำมือเข้าหากันแน่นสะดุ้งหน่อยๆก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆพลิกตัวกลับมามองหน้ามาร์คด้วยแววตางุนงง
“ปิดทำไมล่ะมาร์คกำลังสนุกเลย” น้ำเสียงซื่อๆยังไม่เท่าแววตาใสๆนั่น มาร์คหลับตาลงก่อนจะพรูลมหายใจยาวออกมา คราวหลังเขาคงต้องเช็คให้ดีก่อนแล้วล่ะเวลาจะเปิดหนังหรืออะไรให้คนตัวเล็กดู
“ฉันไม่ชอบ...ไม่เห็นสนุก” เขาเลือกตอบปัดไปอย่างนั้นเมื่อเห็นว่าแบมแบมหันกลับมาจ้องหน้าเขาอย่างเต็มตัว ข้อศอกเล็กยันไว้กับอกหนาเพื่อใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าของตัวเองจ้องตรงมายังดวงตาคมเข้มของคนตัวโตตรงหน้า
“เหรอ...อื้อ ก็จริงแหละ” แบมแบมขมวดคิ้วพลางนึกย้อนกลับไปถึงบางฉากของหนังที่เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่แต่ก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้เพราะกลัวว่าถ้าหากถามมาร์คบ่อยเข้าแล้วมาร์คเกิดรำคาญขึ้นมาแบมแบมต้องอดดูแน่ๆ
อันที่จริงเขาน่ะไม่ได้อยากดูหนังหรอก...แต่อยากอยู่แบบนี้นานๆมากกว่า
“ไปนอนกันเถอะ”
“ไม่เอา เดี๋ยวก่อนสิ!” คนตัวเล็กร้องท้วงเสียงดังเมื่อเห็นว่าพอมาร์คพูดจบก็ทำท่าเหมือนจะขยับตัวลุกขึ้น
“ทำไม” เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่คนตัวโตก็ยอมตามที่แบมแบมต้องการ มาร์คทิ้งตัวลงนอนนิ่งเหมือนก่อนหน้า ปล่อยให้แบมแบมทำท่าทางประหลาดๆอยู่บนตัวจนกว่าเจ้าตัวจะพอใจนั่นล่ะ
“อือ...มาร์ค แบมแบมสงสัย”
“เมื่อกี้นี้แดเนียลกับเบลล่าเขาทำอะไรกันเหรอ”
“...”
นั่นไง...ถามจนได้!
เหมือนคนเป็นใบ้กะทันหัน มาร์คพยายามนึกหาคำตอบดีๆออกมาให้เร็วที่สุด...เขาเดาได้ว่าแบมแบมน่าจะไม่เข้าใจเรื่องภาษากายอะไรพวกนี้หรอก ก็แหงล่ะ...แต่ถ้าจะให้มาร์คมาบอกมันก็ดูประหลาดไปหน่อยไหมล่ะ แถมไม่รู้ว่าถ้าบอกไปแล้วแบมแบมจะเข้าใจหรือว่าจะงงกว่าเดิมกันแน่
“ก็...เมคเลิฟ”
“หื้อ” เป็นไปตามคาด...เพราะนอกจากจะทำหน้างงแล้วยังเอียงคอใส่มาร์คอีกต่างหาก ท่าทางแบบนั้นทำให้คนมองต้องพรูลมหายใจออกมายาวๆเพื่อระงับอาการแปลกๆในอก นับวันแบมแบมก็ยิ่งทำตัวน่ารักขึ้นเรื่อยๆแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหอมแก้ม...ลำบากใช่เล่นนะ
“ก็คนสองคนถ้าเขารักหรือชอบกัน เขาก็จะทำแบบนั้นด้วยกัน...เป็นการแสดงความรัก”
“อ๋อ...” คนตัวเล็กเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะลากเสียงยาวออกมาแล้วพยักหน้าหงึกหงัก ทำท่าเหมือนกับว่าเข้าใจในสิ่งที่มาร์คพูดแล้ว
“เข้าใจแล้วก็ไปนอนกันดีกว่า ฉันง่วงแล้ว”
แต่ความพยายามของมาร์คที่จะชวนเข้านอนก็ไม่เป็นผลอีกครั้ง เมื่อคนตัวเล็กยังคงสะบัดหน้าไปมาเป็นการปฏิเสธ สองแขนเล็กเหยียดยันอกมาร์คเอาไว้พลางโน้มใบหน้าตัวเองลงมาใกล้ๆด้วยรอยยิ้มเต็มแก้มเหมือนกับว่าเจ้าตัวน่ะกำลังคิดเรื่องซนๆอะไรขึ้นมาได้
มาร์ครู้สึกไม่ไว้ใจเอาเสียเลย...
“งั้น...แบมแบมขอทำกับมาร์คบ้างสิ!”
!!!!!
“นะ...นะนะ” มาร์คต้วนถึงกับนิ่งไปเพราะว่าช็อกในสิ่งที่ได้ยิน แต่คนตัวเล็กกลับคิดว่ามาร์คกำลังแกล้งทำเมินเฉยไม่สนใจในคำขอของตน สองมือเล็กขยำเสื้อกล้ามของอีกฝ่ายพลางดึงกระตุกซ้ำๆให้มาร์คตอบรับคำขอของตัวเองด้วยความอยากรู้อยากลอง
ก็มาร์คบอกว่าคนสองคนที่รักหรือชอบกันเขาทำกันนี่...แบมแบมกับมาร์คก็น่าจะทำได้ไม่ใช่รึไงกัน
“ไม่ได้”
“มาร์คคคคคค” มาร์คเล่นตอบเสียงแข็งแบบนั้นแบมแบมก็ยิ่งไม่ยอมเข้าไปใหญ่ คนตัวเล็กกว่าพยายามดื้อด้านเอาหน้าเล็กๆแก้มย้วยๆถูไปตามแผ่นอกของอีกฝ่ายอย่างเอาอกเอาใจ อะไรที่มาร์คเคยสอนให้แบมแบมทำตอนที่อยู่ด้วยกันถูกคนตัวเล็กขุดมาใช้แทบทั้งหมดเพื่อให้มาร์คใจอ่อน
“แบมแบม หยุด”
“งือ...เถอะนะ นิดเดียวก็ได้น้า” แต่เหมือนกับว่ามาร์คประเมินความดื้อด้านของแบมแบมต่ำไปหน่อยเพราะนอกจากจะไม่ยอมหยุดแล้วคนตัวเล็กยังเอาแต่ปลุกปั่นความรู้สึกของมาร์คโดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก
“...” มาร์คจ้องมองภาพตรงหน้านิ่งๆ ใบหน้าน่ารักของคนดื้อรั้นกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาอ้อนวอนกระพริบตาปริบๆให้มาร์คยอมตามใจตนในเรื่องที่มาร์ครู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่สมควร...แบมแบมอาจจะไม่รู้ คนตัวเล็กกำลังขอร้องเขาเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
แต่กับตัวมาร์คเองนั้นรู้ดีทุกอย่างว่าอะไรเป็นอะไร และที่แย่ก็คือ...มาร์ครู้สึกเหมือนว่าตัวเองน่ะ กำลังจะใจอ่อนยอมตามใจแบมแบมในเรื่องที่ใครรู้ก็คงหาว่ามาร์คต้วนเป็นพวกเห็นแก่ตัว กอบโกยประโยชน์จากคนไม่รู้ประสีประสาเข้าแน่ๆ
“แบมแบม”
“หื้อ...” เสียงอ่อนเสียงหวานเพื่อให้มาร์คยอมตามใจ แถมยังส่งยิ้มหวานไปให้อีกระลอกแบบนั้นใครจะไปใจแข็งไหวกัน
“แน่ใจนะว่าอยากลองทำน่ะ” มาร์คถามเสียงแผ่ว ท่าทีที่แสดงถึงความตกใจเมื่อครู่ของชายหนุ่มเริ่มอ่อนลงจนเหมือนกับว่ากลับมาเป็นปกติ ซึ่งก็ได้แค่เหมือนเพราะ ความจริงแล้วในแววตาคมทรงเสน่ห์คู่นั้นมันแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่คนตัวเล็กคงมองไม่ออกอยู่ด้านใน
“แน่ใจ!”
“...”
คำตอบรับแน่วแน่ยิ่งทำให้มาร์คเผลอเม้มปาก ใบหน้าคมผงกรับช้าๆคล้ายกับว่ากำลังใช้ความคิด มาร์คพยายามคิดหาเหตุผลมาย้อนแย้งตัวเองอย่างหนักแต่ดูเหมือนว่าเหตุผลอะไรมันก็ดูไม่หนักแน่นพอไปเสียหมดในตอนนี้...ในตอนที่มาร์คจ้องริมฝีปากอิ่มน้อยๆตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระรัวราวกับตัวเองเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งหัดริรักไปได้
มาร์คเองก็ไม่ได้อยากเอารัดเอาเปรียบคนตัวเล็กหรอก...แต่มันเป็นเพราะว่าเขาเองก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
บางอย่าง...ที่มาร์คเองก็อยากที่จะลองพิสูจน์อยู่ลึกๆเหมือนกันถ้าหากมีโอกาส
และเขากำลังจะทดลองแล้ว ขอให้มันได้ผลแล้วกันนะ
“งั้นก็ลงมาจากตัวฉันก่อนสิ...”
------------------ CUT ------------------
ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ NC เลือดท่วมอะไร
เล็กน้อยพอกรุบกริบ แต่ก็ค่อนข้างจะเป็นจุดพลิกผัน
ตามไปที่ @since9397 นะคะ
“มาร์ค...”
“เมื่อกี้นี้เรียกว่าจูบเหรอ”
มาร์คล่ะอยากจะหัวเราะออกมาให้กับความใสซื่อนั้น แต่ก็รู้ว่าแบมแบมที่ไม่เคยพานพบอะไรแบบนี้มาก่อนก็คงจะต้องสับสนเป็นธรรมดา ก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจูบไม่ได้น่ะ...ถ้าหากเขาจูบแบมแบมนี่คงจะต้องงับเข้าไปทั้งหัวน้อยๆนั่นแน่
“หึ เมื่อกี้เขาเรียกเมคเลิฟ” มาร์คเลือกที่จะตอบเลี่ยงๆ แบมแบมไม่ต้องเข้าใจทั้งหมดนั่นล่ะดีแล้ว
“อ๋อ...แบมแบมเหนื่อยจัง” แม้จะตาปรือแต่ก็ยังพยักหน้ารับด้วยท่าทางน่ารักจนอดไม่ได้ที่มาร์คจะต้องก้มไปให้รางวัลคนเก่งเสียงดังฟอด
“คราวนี้ยอมไปนอนได้แล้วใช่ไหม” เสียงทุ้มแกล้งเย้า แบมแบมเองก็พยักหน้ารัวๆคล้ายกับว่าเห็นด้วยในคำพูดนั้นเสียเต็มประดา แถมแขนเล็กยังชูขึ้นมาเป็นเชิงว่าให้มาร์คอุ้มตัวเองไปเดี๋ยวนี้อีกต่างหาก…เล่นเหนื่อยแล้ว แบมแบมอยากเข้านอนซะที...
“ไปนอนกัน” เสียงเล็กงัวเงียเอ่ยอ้อน แน่นอนว่าคนถูกอ้อนก็ไม่ทนใจแข็งอยู่นาน มาร์คหยิบเสื้อผ้าที่หล่นอยู่ข้างเจ้าของร่างขึ้นมาสวมใส่ติดกระดุมให้จนเรียบร้อยแล้วถึงจะค่อยๆช้อนร่างของคนตัวเล็กบนโซฟาขึ้นมาไว้ในฝ่ามืออย่างระมัดระวังเพื่อเตรียมพาขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบนอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ
กลิ่นหอมของแบมแบมจางลงกว่าเดิมแล้ว แต่ยังคงไม่หายไปเสียทีเดียว
และเขาก็ได้ลองทำตามวิธีที่ ‘แจ็คสัน’ บอกไปแล้ว...ถึงแม้เคยคิดว่ามันเป็นอะไรที่บ้ามากและมาร์คไม่มีทางทำแน่นอนก็ตาม
เพราะฉะนั้น...ก็ภาวนาขอให้มันได้ผลด้วยเถอะ
เห้ย....ไม่น่าเชื่อว่าฟิคเรื่องนี้จะมีการตัดลงบล็อคด้วย คือไรอะ ใสๆวัยเรียนโนะ
แล้วก็ มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างเขินอายเวลาเขียนอะ /ฮือ
เพราะฉะนั้นขอฟีดแบ็คหน่อยได้มะ ถ้าไม่เวิร์คคราวหน้าจะไม่ทำอีก ถถถถถ
แล้วก็ถือว่าเฉลยแล้วนะว่าที่แจ็คสันกระซิบมาร์คคราวนั้นคืออะไร
จะว่าไปฟิคก็ใกล้จะจบแล้วใจหายจังเลยยย
ใครคิดถึงน้องแบมในขวดโหลก็จองหนังสือกันได้นะแสตนบายพร้อมขายตลอดเว มาเร็วมา ~
แท็กฟิค : #FICJARMB
ติดต่อไรท์เตอร์ TWITTER : @since9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านแล้วก็ฟิน ขอให้น้องโตด้วยเถอะสงสารอีพี่
นี่มันพรากภูติเยาว์แล้ว
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
เป็นอะไรที่น่ารักตะมุตะมิ
ขอให้แบมแบมตัวโตซะทีน้าา
ดีงามค่ะ ขอให้ได้ผลน้า><
ncละมุนจังกับความตั้งใจของมาร์คที่มีต่อแบมน้อย
ตื่นมาอยากให้แบมตัวโตจังเลย แล้วมาร์คจะเเอบเข้าห้องน้ำตอนแบมหลับหรือป่าวน้าาาาา