ตอนที่ 12 : BOY IN A JAR :: You're always there, You're everywhere
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
BOY IN A JAR
MARK x BAMBAM
#FICJARMB
CHAPTER
- 11 -
( You’re always there, You’re everywhere )
ความห่างเหินก่อตัวมาเกินหนึ่งอาทิตย์ ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสักนิดเดียว...แบมแบมเงียบลงไปทุกวันๆจนน่าสงสาร ส่วนมาร์คเองก็ใจแข็งเหลือเกินที่ไม่ยอมโผล่มาที่นี่เลยนับตั้งแต่วันนั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าโทรศัพท์จากมาร์คที่อิมแจบอมได้รับทุกคืนนั้นมันก็เป็นหลักฐานที่แสดงถึงความใส่ใจของมาร์คอยู่เช่นกัน
แต่เมื่อคืนนี้ที่คุยกันมันต่างออกไป เพราะจากประโยคที่มาร์คพูดออกมาน่ะ ทำให้คนฟังอย่างอิมแจบอมที่ก่อนหน้านี้เป็นคนเสนอทางเลือกนี้ไปเองยังต้องอึ้งหน่อยๆ ไม่คิดว่ามาร์คจะเอาจริง...กับประโยคที่ว่า
‘กูยกให้มึงจัดการเรื่องแบมแบมได้เลย...อะไรที่มึงเห็นว่าสมควรก็ทำเถอะ’
แล้วหลังจากนั้นบทสนทนาระหว่างเขากับมาร์คก็เงียบเสียงลงเรื่อยๆจนกระทั่งสายถูกตัดไป ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่ามาร์คต้องกลั้นใจและทำใจมากแค่ไหนกับการตัดสินใจพูดแบบนี้ออกมาทั้งๆที่ในตอนแรกตัวเองเป็นคนทำทุกทางเพื่อหลีกเลี่ยงวิธีนี้แท้ๆ
“มาร์คแน่ใจแล้วจริงๆเหรอ” แล้วก็เป็นจินยองที่ถามออกมาเสียงค่อยเมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากของคนรักตัวเอง ดวงตาเรียวเหลือบไปมองด้านในห้องรับแขกที่มีคนตัวเล็กนอนอยู่บนเบาะนุ่มนิ่งๆ หายใจเข้าออกสม่ำเสมอแต่ทำไมมันดูเหมือนกับว่าแบมแบมน่ะมีแต่ร่างทว่าไร้ซึ่งจิตวิญญาณเข้าไปทุกที
“มันก็คงแน่ใจแล้วถึงได้โทรมา” อิมแจบอมถอนหายใจพลางเอนหลังพิงกรอบประตูห้องจินยองเองก็ก้มหน้านิ่ง คิดไม่ตกพอๆกัน
“ไม่สิ...” แต่จู่ๆคนร่างบางก็พูดประโยคห้วนๆที่ฟังไม่เข้าใจออกมาเล่นเอาคนฟังขมวดคิ้วมุ่น
“หืม...เนียร์ว่าไงนะ”
“นี่เราตัดสินใจกันมาเองตลอดเลยนะเดฟ...”
“เนียร์หมายความว่าไง” แจบอมยันตัวขึ้นยืนตรงกอดอกจ้องคนร่างบางตรงหน้าด้วยแววตาฉงน เขาไม่รู้ว่าจินยองคิดอะไรบรรเจิดขึ้นมาได้อีกหรือไม่ แต่ขอให้สิ่งที่จินยองคิดน่ะเป็นอะไรที่เป็นไปได้ด้วยเถอะเพราะพอเอาเข้าจริงๆแล้ว ถ้าหากต้องแยกมาร์คกับเจ้าตัวเล็กนี่เขาก็ดันเกิดสงสารเพื่อนขึ้นมาจับใจ
“เนียร์จะบอกว่า...เราควรเลิกตัดสินใจกันเองได้แล้ว เราไปคุยกับตัวเล็กกันเถอะ...บอกเรื่องทั้งหมด” จินยองพูดออกมาทีละคำอย่างช้าๆและชัดๆ แอบเห็นแววตาไม่เห็นด้วยในดวงตาทรงเสน่ห์ของคนรักแต่เขาก็ขอเลือกที่จะมองผ่านมันไป
“แต่เนียร์ก็รู้...ไอ้มาร์คมันบอกว่าแบมแบมบอกมันหลายครั้งแล้วนะ”
“ฟังสิเดฟ!” จินยองอ้าปากกำลังจะพูดแต่กลับถูกคนรักขัดเสียจนต้องยกมือฟาดเข้าไปที่ไหล่หนานั่นเต็มแรง
“อ๋า! เจ็บนะเนียร์”
“ไม่รู้ล่ะ...ต้องถามตัวเล็กก่อน ถ้าเกิดว่าตัวเล็กยืนยันคำตอบเดียวกันเนียร์ก็จะไม่ขวาง” ไม่รอให้คนรักพูดจาขัดใจอีกปาร์คจินยองก็ผลักอกคนที่ยืนขวางประตูให้หลบทางแล้วก้าวฉับๆเข้าไปด้านในปั้นหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้กับคนตัวเล็กบนโซฟาที่หันมามองเขาตามเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้น
“ไงตัวเล็ก หิวยัง” เขาถามไปด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าสดใสที่สุดเพื่อช่วยให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาบ้าง ซักนิดก็ยังดี แต่คำตอบที่ได้ก็มีเพียงเสียงแผ่วๆที่ตอบว่า ‘ยังไม่หิว’ แค่นั้นเอง
“...”
“ตัวเล็ก...อย่าเป็นแบบนี้สิ เนียร์ใจคอไม่ดีเลย” สุดท้ายแล้วจินยองก็ต้องพรูลมหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยปากขอกันโต้งๆ ส่วนแบมแบมที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มแสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมาให้เห็น...เป็นแบบนี้มันคือแบบไหนล่ะ แบมแบมก็ปกตินะ
“แบมแบมไม่ได้เป็นอะไรนะ” เสียงเล็กตอบกลับเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ เขาไม่ได้เป็นอะไรหรอกนะ...ก็แค่กำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่บังเอิญว่าเรื่องที่คิดอยู่ในตอนนี้มันดันเป็นเรื่องเดียวกันกับที่เผลอคิดอยู่ทุกวันเสียด้วยสิ
“ตัวเล็กคิดถึงมาร์คใช่ไหม” ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่นพลางหลุบสายตาลงต่ำแทบจะในทันทีที่คำถามแทงใจจากจินยองถูกส่งมา มือเล็กๆสอดประสานกันแน่นเหมือนคนกำลังคิดไม่ตกอยู่นานสองนานแต่ทว่าคนรอฟังคำตอบก็เลือกที่จะไม่เร่งเร้า
ถ้าหากว่าเอาตามความรู้สึกของแบมแบมแล้วล่ะก็...อันที่จริงเขาก็ยังโกรธและไม่เข้าใจมาร์คอยู่เหมือนเดิม แต่ว่าในตอนนี้น่ะ ความรู้สึกเหล่านั้นมันเทียบกับ ‘ความคิดถึง’ ที่ก่อตัวสูงขึ้นทุกวันๆในใจของคนตัวเล็กไม่ได้เลย
“...” ริมฝีปากเล็กขยับนิดหน่อยเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็เงียบไปอีกหน
แบมแบมชอบมาร์คนะ ชอบเพราะมาร์คเหมือนจะใจร้ายแต่ก็ใจดี ชอบทุกครั้งที่มาร์คทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าก้อนเนื้อในอกจะหลุดออกมาเพราะเต้นเร็วเกินไป...แต่มาร์คชอบผู้หญิงคนนั้นที่ตัวโตเท่าๆกัน ก็แหงล่ะ...ถึงเขาจะเหมือนกับมนุษย์ทุกอย่าง แต่มันก็ได้แค่เหมือน ไม่ใช่ของจริงสักหน่อย
ไม่มีทางหรอกที่มาร์คจะมาคิดอะไรแบบนั้นกับเขา
มาร์คไม่ชอบแบมแบมนั่นแหละ ถูกต้องที่สุดแล้ว...
“ป เปล่า...”
“แบมแบมไม่ได้คิดถึง...มาร์ค”
มื้ออาหารยามเช้าถูกรังสรรค์โดยเชฟฝีมือดีอย่างอิมแจบอม เมนูง่ายๆสำหรับสามชีวิตส่งกลิ่นหอมโชยออกมาจนทั่วบ้านไปหมด ตอนนี้จินยองและแบมแบมก็ย้ายตัวเองมานั่งอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารเป็นที่เรียบร้อย จินยองนั่งบนเก้าอี้ส่วนคนตัวเล็กอย่างแบมแบมก็นั่งอยู่บนโต๊ะแทน
“แบมแบมอยากได้เสื้อผ้าใหม่อีกไหม เนียร์มีเยอะเลยนะ” เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มจะเหม่อลอยอีกครั้งก็เป็นปาร์คจินยองที่ทำหน้าที่ดึงสติคนตัวเล็กให้กลับมา
“หืม...ทำไมเนียร์มีเยอะล่ะ” แววตาสงสัยใคร่รู้ทำให้คนมองรู้สึกใจชื้นขึ้นมาแปลกๆ อย่างน้อยแบมแบมก็ไม่เงียบเฉยแล้วก็มีกระจิตกระใจถามเขาต่อล่ะนะ
“ก็เมื่อก่อนตอนเนียร์เรียนมหาลัยน่ะสิ...เดฟ เอ่อ แจบอมน่ะเขาชอบซื้อเท็ดดี้แบร์คอลเล็คชั่นแฟมิลี่ให้เพราะเนียร์ชอบ แล้วเท็ดดี้แบร์พวกนี้มันก็ต้องแต่งตัวไง...” เหมือนคนตัวเล็กจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง คิ้วเล็กขมวดมุ่นแต่ก็ยังพยักหน้ารับหงึกหงัก น่ารักแบบไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย...
“อ๋อ...” เสียงเล็กลากยาวก่อนที่เจ้าตัวจะหลุบสายตาลงมองเสื้อฮู้ดยาวสีชมพูเข้มแถมตรงหมวกยังมีหูกระต่ายโผล่ขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ตอนที่เนียร์เอามาเปลี่ยนให้แรกๆนั้นน่ะแบมแบมไม่ค่อยได้สนใจสังเกตสักเท่าไหร่
คงจะเป็นของคุณเท็ดดี้แบร์ที่เนียร์บอกสินะ...
“เดี๋ยวกินมื้อเช้าเสร็จเนียร์จะพาไปเลือก มีเยอะแยะเลย” คำพูดชวนฝันนั้นทำให้ริมฝีปากอิ่มน้อยๆนั่นหลุดยิ้มกว้างออกมาตามด้วยกลุ่มผมดำที่ผงกขึ้นลงเสียจนกระเซอะกระเซิง
เนียร์ใจดีจัง...
“มื้อเช้ามาแล้วครับหนุ่มๆ” เพียงครู่เดียวเจ้าของเสียงก็เดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะ จานสามใบที่มีอาหารเช้าอยู่ด้านในถูกวางเสิร์ฟลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง แบมแบมเองก็ก้าวถอยหลังมาสองสามก้าวเพื่อให้ที่ว่างบนโต๊ะสำหรับวางจานใบใหญ่มีมากขึ้น
“กินเยอะๆนะตัวเล็ก”
“...” เขายิ้มรับน้อยๆก่อนจะก้มลงสำรวจจานของตัวเอง
ใบหน้าหวานที่ดูสดชื่นขึ้นมานิดหน่อยหลังจากที่คุยกับจินยองเริ่มฉายแววหม่นลงอีกครั้ง เมื่อดวงตากลมเห็นว่าอาหารในจานตรงหน้าคืออะไร
ขนมปังปิ้ง...
ขาเล็กขยับก้าวเข้าไปยืนบนพื้นที่ว่างในจานก่อนที่มือน้อยๆคู่นั้นจะเอื้อมออกไปบิฉีกขนมปังที่เนื้อของมันแข็งกว่าปกติออกมาเพื่อพิจารณา ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อมันทำให้แบมแบมนึกไปถึงใครคนนั้น คนที่เคยเอาแต่ขนมปังให้เขากินเสียจนต้องเอ่ยปากบอกอย่างเอาแต่ใจว่าต่อจากนี้ห้ามเอาอาหารจำพวกนี้มาให้เขาอีก
ดวงตากลมจ้องไปยังเนื้อขนมปังในมือ ไม่ยอมลิ้มรสมันเสียทีจนจินยองที่ยกแก้วกาแฟขึ้นซดแล้วเหลือบไปเห็นพอดีต้องแอบสังเกตกริยาที่แปลกไปนั้นอย่างเงียบๆ
“...”
เนียร์น่ะใจดีก็จริง...แต่ว่าเนียร์ก็ไม่เหมือนมาร์คอยู่ดี
เนียร์...ไม่ใช่มาร์ค
“เอ้า...แยมก็มีอยู่ในจานนะ กินกับน้ำตามันอร่อยกว่าหรือไง”
ไม่ใช่แค่จินยองที่เห็นถึงความแปลกไป เพราะอิมแจบอมที่นั่งมองอยู่เงียบๆยังต้องชิงพูดออกมาเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังยืนก้มหน้าปล่อยน้ำตาหยดแหมะลงไปกระทบกับพื้นจานนั้น เขารู้สึกว่ามันช่างเป็นภาพที่บั่นทอนความรู้สึกของเขาอยู่ไม่น้อย
“เฮ้อ...”
“ตัวเล็ก...เนียร์ถามจริงนะ” พอกันที...เนียร์ไม่อยากเห็นแบมแบมเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว
“อ...อือ” หัวเล็กๆผงกรับส่วนมือทั้งสองก็ยกขึ้นมาปาดน้ำตาทิ้งลวกๆเสียจนแก้มเนียนนั้นขึ้นคราบจนดูเลอะเทอะไปหมด
“ที่เป็นแบบนี้…”
“เพราะว่าตัวเล็กน่ะ...รักมาร์คใช่ไหม”
แพขนตาบางๆกระทบเข้าห้ากันเพื่อปรับสภาพสายตาให้คุ้นชินกับแสงสว่างที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องนอน มาร์คขยับกายนิดหน่อยเพื่อผ่อนคลายความปวดเมื่อย รู้ดีว่าตอนนี้มันอาจจะล่วงเลยเวลาเช้ามานานพอสมควรแล้วเพราะถ้าหากให้เดาจากแสงแดดจ้าด้านนอกนั่น
ตอนนี้อาจจะเป็นเวลาเที่ยงค่อนไปทางบ่าย...
ความรู้สึกมึนงงค่อยๆหายไปทีละเล็กละน้อย ดวงตาคมปิดลงอีกครั้งแม้รู้ดีว่าไม่สามารถบังคับตัวเองให้หลับต่อได้แล้วก็ตาม
“เฮ้อ..” เมื่อฝืนตัวเองไม่ได้เสียงลมหายใจยาวๆก็พรั่งพรูออกมาด้วยความเบื่อหน่าย คนตัวโตขยับตัวพลิกไปทางโต๊ะโคมไฟหัวเตียงเพื่อหยิบเอาเครื่องมือสื่อสารที่ถูกวางแอ้งแม้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมาเปิดเช็คดูอะไรต่างๆนานา...ที่ปกติแล้วมาร์คไม่เคยจะสนใจมันเลยด้วยซ้ำ
นิ้วยาวเลื่อนหน้าจอไปมาแต่จู่ๆก็ชะงักปลายนิ้วเอาเสียดื้อๆ ดวงตาคู่นั้นปรากฏแววอะไรบางอย่างก่อนที่จะตัดสินใจดีดตัวเองให้ขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงเพื่อจะได้สะดวกต่อการจิ้มปลายนิ้วลงไปบนหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆตรงหน้า
รายชื่อ...
ปลายนิ้วยาวกดเข้าไปในเมนูที่บันทึกเบอร์โทรไว้สำหรับติดต่อผู้คน มาร์คจำเบอร์โทรศัพท์ของใครไม่ได้หรอกแม้แต่เบอร์ของไอ้แจบอม... เขาเลื่อนลิสต์รายชื่อลงอย่างใจเย็นเหมือนกับว่าไม่ต้องการจะให้ผิดพลาด จนกระทั่งปลายนิ้วไปแตะเข้ากับชื่อของใครบางคนที่ปรากฏอยู่ในลิสต์
‘คิม จีอา’
เมื่อมองจนแน่ใจแล้วว่าเป็นชื่อของบุคคลนี้จริงๆมาร์คก็กดเข้าไปจนมันปรากฏหน้าเมนูตัวเลือกขึ้นมาอีกสองสามอย่าง ในแววตาของชายหนุ่มไม่มีความลังเลปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อยในจังหวะที่เขาเลื่อนปลายนิ้วลงไปบนปุ่มด้านล่างสุดฝั่งซ้ายมือ
ที่เป็นรูป...ถังขยะ
เมนูแจ้งเตือนเล็กๆเด้งขึ้นมาว่าแน่ใจแล้วหรือที่จะลบรายชื่อผู้ติดต่อนี้ และคำตอบก็คือใช่...มาร์คแน่ใจ
เบอร์โทรติดต่อของคิมจีอาถูกมาร์คลบทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆเอื้อมเอามือถือไปวางไว้ที่เดิมก่อนจะไถลตัวลงนอนดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมโปงจนมิดหัวอีกครั้ง
สาเหตุมันมาจากเมื่อคืนนี้...มันดูเหมือนว่าเขาและคิมจีอาจะรู้จักกันมากขึ้นหลังจากที่แบมแบมไม่อยู่ ยอมรับเลยว่ามาร์ครู้สึกเคว้งคว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นและยังไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์ชวนหัวที่มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาแบบนี้ และในตอนนั้นมาร์คต้องการที่พึ่ง
หากถามว่าทำไมไม่เลือกพึ่งยองแจหรือแจบอม ก็อาจจะเป็นเพราะมาร์คน่ะคิดว่าสองคนนั้นเป็นที่พึ่งให้แบมแบมเพียงคนเดียวก็พอแล้ว เขาไม่อยากจะให้เพื่อนหนักใจมากไปกว่านี้...หรืออีกอย่างก็คือ เขาอายเกินกว่าจะยอมรับกับเพื่อนไปตรงๆว่าเพียงเพราะคนตัวเล็กที่ดูไร้พิษสงนั่นจะทำให้มาร์คเสียศูนย์ได้ขนาดนี้
คิมจีอาเข้ามาเป็นเพื่อนคุยในยามที่มาร์คต้องการ ซึ่งแน่นอนว่ามาร์คไม่เคยแพร่งพรายเรื่องของคนตัวเล็กออกไปสักครั้งเดียว...หวังว่าถ้าหากความรู้สึกของเขามันลดลงไปบ้าง บางทีเขาอาจจะทำใจยอมปล่อยให้แบมแบมกลับไปสู่ธรรมชาติได้อย่างไม่ต้องเจ็บปวด
ความรู้สึกเห็นแก่ตัวที่อยากจะเก็บแบมแบมเอาไว้อาจจะลดลงไปบ้าง...
และคำตอบที่ได้มันก็ช่างชัดเจนว่าไม่เลย คิมจีอาไม่สามารถทำให้เขาพะวงถึงใครอีกคนน้อยลงได้...มาร์คไม่ค่อยรู้วิธีผู้มิตรมากนัก แต่ก็พอดูออกว่าถ้าหากเขายังคงเปิดโอกาสให้ตัวเองและคิมจีอามากไปกว่านี้ สุดท้ายแล้วเรื่องมันอาจจะยุ่งยากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้
“...”
เหตุการณ์เมื่อคืนฉายวนเข้ามาในหัวอีกครั้ง เมื่อคืนนี้เขาและหญิงสาวออกไปดื่มที่คลับใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง บรรยากาศยามราตรีที่มาร์คสัมผัสไม่บ่อยครั้งทำให้รู้สึกลืมเรื่องหนักใจไปได้ชั่วครู่จากแสงสีเสียงตื่นตา แต่หลังจากนั้นเมื่อได้ลองเคล้านารีความรู้สึกอย่างผู้ชายคนหนึ่งก็เริ่มเข้าครอบงำจิตใจ
มาร์คก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง ทุกคนรู้อยู่แล้ว...มีความต้องการ มีความดิบที่ซ่อนอยู่ในตัว
และแน่นอนว่าผู้หญิงอย่างคิมจีอามองมันออก เธอเสนอว่าให้เรามีความสัมพันธ์แบบเซ็กเฟรนด์ เธอไม่อยากผูกมัดและรู้ดีว่ามาร์คก็คงจะคิดเช่นเดียวกันกับเธอ
เกือบจะหลงไปในคราแรก แต่สิ่งที่ดึงเขากลับมากลับกลายเป็นสิ่งที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมันมาตลอดสัปดาห์กว่าๆนี้เอง มันคือภาพใบหน้าของใครบางคนที่ยิ้มหัวเราะให้กับเขาอย่างสดใส...ก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองเพราะเขา
สุดท้ายมาร์คก็ตัดสินใจพูดกับจีอาอย่างสุภาพที่สุดว่าขอให้เราจบความสัมพันธ์กันเพียงเท่านี้ และมาร์คก็ขอโทษไปที่ทำให้เธอเสียเวลา... หญิงสาวทำท่าจะไม่ยอมในคราแรกบอกมาร์คมาตามตรงเลยว่าเสียดายในความหล่อ เธอยังอยากควงมาร์คไปไหนมาไหนด้วยกัน...ก็ถือว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้มาร์คอึ้งอยู่ไม่น้อย
แต่มันก็เท่านั้นในเมื่อมาร์คยืนกรานว่าให้พอตรงนี้ สุดท้ายแล้วเราก็แยกกันด้วยดี
ในความคิดของมาร์คน่ะนะ…
50%
เมื่อจัดการกับความคิดอันยุ่งเหยิงของตัวเองเสร็จเรียบร้อยมาร์คต้วนก็พาตัวเองพร้อมสภาพหัวฟูในชุดนอนเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสามส่วนเดินออกมาจากห้องเพื่อลงไปหาบางอย่างด้านล่างเป็นมื้อเช้าปะทังชีวิต พอไม่มีแบมแบมตู้เย็นของมาร์คก็เหลือแค่น้ำเปล่าไม่กี่ขวด วนลูปกลับไปตอนก่อนหน้าที่จะได้เจอกันอย่างนั้นเลย
“เฮ้...มาร์ค”
คนถูกเรียกยังมึนงงไม่หาย ขณะเดินผ่านเคาน์เตอร์ด้านหน้าสุดของอพาร์ทเมนต์โดยไม่ได้สังเกตจู่ๆก็มีเสียงแหบห้าวตะโกนเรียกชื่อเขาออกมาเล่นเอามาร์คสะดุ้งหันไปมองด้วยความตกใจ
“หืม” เป็นแจ็คสันกับแมวสีส้มที่ถูกเลี้ยงเอาไว้เฝ้าตึกด้านล่างนั่นเอง ไอ้อ้วนคริสตัลจ้องมาที่มาร์คตาเขม็งไม่ต่างจากเจ้าของของมันที่เหมือนอยากจะยิ้มให้เขาแต่กลับดูเจื่อนๆแปลกๆยังไงพิกล
“นาย...โอเคนะ” มาร์คเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ
“...”
“เรื่องแบมแบม ตั้งแต่คืนนั้นพวกนายก็เล่นเงียบกันไปเป็นอาทิตย์เลย...” มาร์คนึกย้อนกลับไปยังครั้งสุดท้ายที่เจอแจ็คสัน (ไม่นับตอนที่เขาเดินผ่านมันไปมาตอนเข้าออกตึกนะ) เป็นวันที่คนตัวเล็กโกรธเขาจัดจนหนีไปอยู่กับจินยองนั่นไง
“เขาไปแล้ว” มาร์คตอบไปนิ่งๆแต่ดูเหมือนว่าประโยคสั้นๆนั้นจะทำให้แจ็คสันหวังถึงกับลุกขึ้นยืนถลึงตาโตใส่มาร์คอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เล่นเอาไอ้อ้วนคริสตัลที่นอนหมอบอยู่ใกล้ๆหันขวับไปจ้องเจ้าของมันด้วยความงุนงง
“หมายความว่าไง! เอาไปปล่อยที่ป่าแล้วหรอ”
“ยัง...” มาร์คกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอเมื่อถูกถามจี้จุด เขาเบนสายตาออกจากใบหน้าของอีกฝ่ายไปมองกรอบรูปบานใหญ่ด้านหลังของแจ็คสันแทน
“ไปอยู่บ้านแจบอม”
“อ๋อ...” แจ็คสันเสียงอ่อนลงเมื่อรู้ว่ามาร์คยังคงไม่ได้ตัดสินใจปล่อยคนตัวเล็กไปจริงๆ
“แล้วนายกับยองแจ..”
“จะเอายังไง” ไม่บ่อยครั้งนักที่มาร์คจะถามแจ็คสันกลับแบบเป็นเรื่องเป็นราวโดยไม่ค่อนขอด นับว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นมากว่าแต่ก่อนหลายล้านเท่าเลยทีเดียว ซึ่งแจ็คสันเองก็สัมผัสได้และอยากที่จะให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
“ฉันกับยองแจคุยกันแล้วว่ะ...” พอมาถึงตรงนี้แจ็คสันก็เอ่ยเสียงแผ่ว มองซ้ายขวาเหมือนกลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้า
“ตกลงกันว่าถ้ายองแจไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ แล้วเขาก็เลือกอยู่ที่นี่...ส่วนเรื่องความสูง อืม ฉันว่าฉันรับได้ว่ะ” มาร์ครับฟังอยู่นิ่งๆแต่ในหัวกำลังคิดอะไรมากมายหลายอย่าง
“ยองแจไม่สูงขึ้นกว่านี้ก็ไม่เป็นไร...มันดีกว่าที่ฉันจะปล่อยให้เขากลับไปว่ะ” พูดจบแจ็คสันก็ผละใบหน้าออกไปทำท่ากระแอมไอน้อยๆจนได้ยินเสียงครางหงิงด้วยความเป็นห่วงจากเจ้าก้อนสีส้มบนเคาน์เตอร์
“...”
“ก็ดีแล้ว”
แจ็คสันคลี่คลายเรื่องของตัวเองได้แล้ว ตอนนี้ก็คงเหลือเพียงแต่เขาคนเดียวที่ยังคงแบกเอาความรู้สึกหนักอึ้งนี้ไว้...เขารู้ดีว่าวิธีเปิดอกคุยกันตรงๆอย่างที่แจ็คสันเลือกทำมันก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้เรื่องคาราคาซังอยู่แบบนี้ เพียงแต่ว่า...
ความรู้สึกกลัว กลัวในคำตอบของอีกฝ่ายมันทำให้มาร์คเลือกที่จะเมินเฉยวิธีนี้ไปโดยเลือกใช้ความคิดของตัวเองตัดสินทุกอย่างแทน
จนสุดท้าย ทุกอย่างก็พังลงแบบนี้
“นายเองก็รีบไปเคลียร์ซะนะมาร์ค” ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนแจ็คสันคงโดนมาร์คตอกกลับไปด้วยคำพูดประมาณว่า ‘ไม่ต้องมายุ่ง’ ให้หน้าหงายเล่นไปแล้ว...แต่ในตอนนี้คนตัวสูงก็ได้แต่ยืนนิ่งๆรับฟังเท่านั้น
“จะพยายาม” แถมยังยอมรับคำไปแม้ว่าภายในหัวจะยังคิดอะไรไม่ออกก็ตาม ช่วงขายาวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยท่าทางปกติขัดกับความว้าวุ่นภายในที่แทบจะทะลักอกออกมา ส่วนแจ็คสันเองก็เอาแต่มองตามหลังอีกคนไปเหมือนว่ามีอะไรที่พูดออกไปไม่หมด
คริสตัลที่มองอยู่ เห็นแล้วก็รู้สึกว่ามันน่ารำคาญชะมัด
“เมี๊ยววววว~”
เสียงเจ้าอ้วนปีศาจดังลั่นชั้นล็อบบี้ทำเอามาร์คที่กำลังจะก้าวขาออกจากตัวอาคารไปยังต้องชะงักหันกลับมามอง คิดว่าแจ็คสันอาจจะโดนอุ้งเล็บนั่นตบเสียจนหน้าแหกแต่ก็ผิดคาดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังเอาแต่มองมาที่เขาด้วยท่าทางแปลกๆ...
“...”
“มีอะไรหรือเปล่า” คนถูกถามเม้มปากแน่นก่อนจะเอี้ยวตัวออกมาจากกองแฟ้มตรงหน้าแล้วเดินอาดๆเข้ามาหามาร์คแต่ทว่าสีหน้ากลับดูกังวลจนเห็นได้ชัด ฝ่ามือหนาเอื้อมมากระชากไหล่มากให้ใบหน้าทั้งคู่เข้าใกล้กันกว่าเดิม ดวงตาของเขากวาดมองซ้ายขวาอีกหนด้วยความไม่ไว้ใจ
หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง แม้แต่คริสตัลแจ็คสันยังไม่อยากไว้ใจ...
“มาร์ค...อันที่จริงฉันมีอีกวิธีนึง คิดว่าได้ผลแน่ แต่มันค่อนข้างที่จะพิลึกไปหน่อย...” มาร์คขมวดคิ้วเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ออกมาจากปากของแจ็คสันหวัง แต่ก็ยอมที่จะฟังต่อ
“ยังไง...”
เมื่อเห็นว่ามาร์คสนใจอยากที่จะรู้แน่นอนว่าแจ็คสันก็ไม่รอช้า ขยับเข้าไปใกล้ใบหูของอีกฝ่ายแล้วค่อยๆพูดอธิบายหลักทฤษฏีที่ค้นคว้าและขบคิดอย่างถี่ถ้วนโดยตัวของเขาเอง ถึงปากจะบอกว่ายองแจไม่สูงไปกว่านี้ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าถ้าปล่อยผ่านไปโดยไม่ลองทำอะไรนอกตำราเลยมันก็ดูจะเสียโอกาสไปเปล่าๆ
“...”
แจ็คสันพูดไปเรื่อยๆก็สังเกตได้ว่าจากใบหน้ายุ่งๆของมาร์คต้วนในคราแรกนั้นมันก็เริ่มคลายออกทีละนิดทีละหน่อย จนกระทั่งมันเปลี่ยนไปเป็นนิ่งอึ้งดวงตาเบิกค้างเมื่อเข้าใจจุดประสงค์สำคัญของเรื่องที่เขากำลังฟังอยู่แบบชัดเจนแล้ว
“...”
“ก็ประมาณนี้ล่ะ...มาร์ค”
แบมแบมแย่แล้ว...
แบมแบมต้องแย่แน่ๆ
“อื้ออออ! มาร์คออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เสียงเล็กๆแผดดังออกมาจากเจ้าตัวที่นั่งจุมปุ๊กหน้างอง้ำทำท่าตีอกชกลมเอามือน้อยๆคู่นั้นทึ้งเส้นผมอ่อนนุ่มของตัวเองอยู่บนเบาะที่วางซ้อนอยู่บนโซฟาอีกทีด้วยความหงุดหงิด จินยองกับแจบอมที่นั่งดูทีวีอยู่โซฟาตรงข้ามเหลือบไปมองหน่อยๆก่อนจะเบนสายตากลับมาจ้องหน้าจอทีวีตามเดิม
ถ้าถามว่าจินยองกับอิมแจบอมไม่ตกใจเหรอที่เห็นอาการแบบนี้ของแบมแบมก็ต้องบอกเลยว่าตกใจสิ...แต่ความตกใจมันเปลี่ยนเป็นความชินเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กทำท่าทางแบบนี้ทั้งวันมาไม่น่าต่ำกว่าสิบรอบ นับตั้งแต่จินยองยิงคำถามแทงใจดำเจ้าตัวไปตอนกินอาหารเช้านั่นล่ะ
จนกระทั่งตอนนี้จะสองทุ่มอยู่แล้วเจ้าตัวเล็กก็ยังไม่เลิกขับไล่มาร์ค (ในความคิด) เสียที
“แบมแบมเงียบหน่อย จะดูทีวี” เหมือนว่าเสียงเข้มๆของอิมแจบอมจะทำให้คนตัวเล็กที่ทิ้งตัวเอาหน้ากดลงไปกับเบาะได้สติขึ้นมาหน่อยๆ กำปั้นเล็กๆทุบลงไปบนเบาะนุ่มไม่ยั้งจินตนาการว่ามันเป็นใบหน้าหล่อๆของคนที่มาทำให้แบมแบมบ้าคลั่งอย่างมาร์คต้วนก็แล้วกัน
“แจบอมน่ะเงียบไปเลย!” จินยองตาโตเมื่อได้ยินเสียงอู้อี้ตอบกลับมาอย่างเอาเรื่อง เสียงหัวเราะของคนร่างบางดังขึ้นนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองคนรักที่ทำหน้าเซ็งอยู่ข้างๆ
“เนียร์...”
แต่เสียงแง้วๆที่ดังขึ้นเรียกให้จินยองต้องละสายตาจากอิมแจบอมไปมองยังคนตัวน้อยที่สภาพตอนนี้ดูไม่จืดสักเท่าไหร่ แก้มยุ้ยๆนั่นขึ้นสีด้วยความรู้สึกอะไรของเจ้าตัวก็ไม่รู้เหมือนกัน...เขาเดาอารมณ์แบมแบมไม่ออกแล้วล่ะในตอนนี้ ส่วนผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงเสียจนดูตลก
“ว่าไงตัวเล็ก” อิมแจบอมแอบกรอกตาขึ้นบนเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพอเจ้าตัวจิ๋วนั่นเรียกปาร์คจินยองก็แปลงร่างเป็นทาสแมวกุลีกุจอคลานเข่าเข้าไปหาอย่างนอบน้อม เหอะ...ยอมรับก็ได้ว่าเขาอิจฉาเจ้าตัวเล็กนี่อยู่เต็มๆ
“แบมแบมไม่อยากนึกถึงมาร์คแล้ว...” จินยองลอบยิ้มให้กับท่าทางของคนตัวเล็กที่ตีหน้ายุ่งขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงชื่อใครบางคน
“ก็ลืมไปซะสิ...อยู่กับเนียร์ตลอดไปเลยก็ได้นะ” ปาร์คจินยองส่งยิ้มเสียจนตาหยีไปให้คนตัวเล็กในชุดเสื้อกล้ามแขนกุดสีฟ้าอ่อนเข้ากันกับกางเกงสีน้ำเงินเข้มของน้องพูมี่ เท็ดดี้แบร์ตัวลูกในคอลเลคชั่นของเขาที่ในตอนนี้กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่มีความสำคัญน้อยกว่าแบมแบมไปเสียแล้ว
คนซื้อให้ก็ได้แต่น้อยใจไปเถอะ!
“เนียร์...”
“แบมอยากกลับไปที่ป่า”
รอยยิ้มที่เคยเต็มใบหน้าของจินยองหายวูบไปแทบจะในทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นออกมาจากริมฝีปากอิ่มเล็กๆตรงหน้านั่น ดวงตาใสซื่อมองมาที่เขาคล้ายจะบอกว่าสิ่งที่เจ้าตัวพูดออกมานั้นผ่านการคิดไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วโดยที่เขาไม่ต้องไปถามซ้ำให้เสียเวลา
“ต...ตัวเล็ก รู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้สิ” ฝ่ามือคู่น้อยขยับเข้ามาบีบกันแน่นก่อนจะก้มหน้างุดลงไปแทบชิดอก แหมือนว่าเจ้าตัวเล็กกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างตรงหน้าจินยองและอิมแจบอมที่เดินเข้ามานั่งซ้อนด้านหลังคนรักหลังจากได้ยินประโยคนั้นจากปากของคนตัวน้อย
“ถ้าแบมแบมกลับไป...ก็จะไม่ต้องเจอมาร์คอีก”
“คิดถึงได้ แต่ก็ไม่ต้องรอว่ามาร์คจะมาหาหรือเปล่า” แบมแบมพูดออกมาทีละคำอย่างตั้งใจ ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายในประโยคสุดท้ายที่เหมือนกับว่ามันบั่นทอนความรู้สึกของคนพูดเองพอสมควร
“อยู่กับ...คุณนกฮูก ฮึก” จินยองแทบจะใจสลายเมื่อเสียงใสนั่นแกว่งไปเสียจนน่าสงสาร น้ำตาหยดน้อยไหลจากดวงตาไล้ไปตามแก้มกลมจนกระทั่งหยดลงพื้นเบาะนุ่มๆ
“ก็...ก็ดีอยู่แล้วนี่นา”
ไม่...พอกันที
คราวนี้จินยองขอบอกเลยว่าพอกันทีแบบจริงๆจังๆ ไม่มีการประนีประนอมกันอีกต่อไปแล้ว!
“แบมแบม ฟังเนียร์” สรรพนามที่เปลี่ยนไปจากคนตัวโตกว่าตรงหน้ายิ่งทำให้แบมแบมใจเสีย เนียร์โกรธเขาอีกคนแล้วใช่ไหมทำไมถึงได้จ้องมาที่แบมแบมด้วยสายตาแบบนั้นกันล่ะ...
“เนียร์จะขอถามนะ...แบมแบมโกรธมาร์คเรื่องอะไร” ตอนนี้จินยองเองก็เหมือนจะเริ่มมีน้ำโหขึ้นมานิดหน่อย แต่แน่นอนว่าไม่ใช่กับแบมแบมหรอกแต่เป็นกับทุกคนที่รู้เรื่องราวแล้วเอาแต่พากันอมพะนำจนเรื่องมันเลยเถิดมาขนาดนี้ต่างหาก
“มาร์ค...มาร์คโกหก” เสียงเล็กตอบก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาของจินยองและแจบอมที่มองมา
“เฮ้อ...ไม่ชอบดราม่าเลยให้ตายเถอะ” เมื่อสถานการณ์เริ่มตรึงเครียดเกินไปก็เป็นอิมแจบอมเสียเองที่เริ่มหายใจหายคอไม่ออก คนขี้เล่นที่เล่นไม่ออกในสถานการแบบนี้เลือกที่จะหันหน้าหนีภาพคนตัวเล็กตรงหน้าที่ดูน่าสงสารมองไปทางอื่นแทน
“แบมแบมคิดว่ามาร์คมีเหตุผลหรือเปล่าที่ทำแบบนั้นน่ะ” จินยองพยายามควบคุมให้น้ำเสียงอยู่ในโทนที่ใช้คุยกับคนตัวเล็กในยามปกติเพื่อลดความกดดัน ปลายนิ้วเล็กๆของจินยองยื่นเข้าไปแตะกับฝ่ามือเล็กๆของอีกฝ่ายให้สนใจคำถาม
“ไม่...ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย” แต่คนตัวเล็กเริ่มที่จะดื้อแพ่ง สะบัดมือออกจากอีกฝ่ายที่พยายามเอื้อมมาแตะ ใบหน้าหวานก้มงุดหลบสายตาเสียจนแทบชิดอกเบี่ยงตัวหนีเหมือนกับว่าไม่อยากคุยกับจินยองต่อไปแล้ว
แต่วันนี้ทุกอย่างจะต้องกระจ่าง...
“หันมานี่ตัวเล็ก...” เมื่อเห็นว่าพยายามต่อไปก็ฝืนใจกันเปล่าๆ คนร่างบางจึงตัดสินใจแล้วว่าจะทำในสิ่งที่มาร์คต้วนพยายามหลีกเลี่ยงมันมาโดยตลอด
“แล้วเนียร์จะเล่าความจริงทุกอย่างให้ฟัง”
ยังงงกันอยู่ใช่ไหม ขอโทษที่ทำให้สงสัยแรงถถถถ
แต่บอกเลยว่าตอนหน้ารู้เรื่อง คลี่คลายแน่นอน แล้วจะพยายามมาแบบเต็มร้อยทีเดียว รอกันนิสสส
ปล. ตอนนี้ก็เปิดจองอยู่นะคะ ใครสนใจก็อย่าลืมนะ สเปเด็ดๆเลยบอกแค่นี้
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกโหวต ทุกเฟบนะคะ เป็นกลจ.อย่างดีเลย
แท็กฟิค : #FICJARMB
ติดต่อไรท์เตอร์ TWITTER : @since9397
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เหอะกับจีอานี่แบบ
T_____T
ถ้าไม่กลับป่าตัวจะไม่โตขึ้นหรอ?
ทำไมมาร์คไม่ถามแบมบ้างก่อนจะทำอะไร
ทำไมไม่บอก
ใจนึงก็อยากให้แบมกลับป่า
หมั่นไส้มาร์คที่ทำแบมเสียใจจ
อยากรู้อ่าาาาาา
เนียร์จะเล่าให้แบมฟังแล้ว
มาร์คไม่แนไม่ลูกผู้ชายสู้เเจ็คก็ไม่ได้ ยืดอกยอมรับด้วยใจตัวเอง
แบบนี้เป็นใครก็อึดอัด แต่เราดีใจที่มาร์คหยุดความสัมพันธ์กับจีอาสักที