ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ลงแบบ E-BOOK ที่ MEB] FIC WIDOWER : { MARKBAM }

    ลำดับตอนที่ #7 : widower :: chapter seven

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.53K
      143
      12 ก.พ. 59

    ? themy butter
    +


    WIDOWER

    #MARKBAM

    CHAPTER SEVEN

     

     

                    วันนี้เป็นวันเสาร์แล้วก็เป็นวันที่แบมแบมไม่ต้องเข้าบริษัทแต่เช้าเพื่อประชุมโปรเจ็คงานใหม่แต่อย่างใด คนตัวเล็กมีหน้าที่เพียงแค่พิมพ์นิยายสยองขวัญตอนใหม่ของตัวเองไปเรื่อยๆก่อนที่จะมารีบสุดชีวิตในช่วงที่เดธไลน์เข้ามาใกล้เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าวันนี้แบมแบมจะต้องผิดแผนไปเล็กน้อยเมื่อได้รับข่าวจากบุคคลข้างห้องที่เพิ่งกลับมาจากการพาลูกสาวไปเยี่ยมบ้านได้เพียงหนึ่งวัน


     

    “เดี๋ยวเลี้ยวตรงแยกข้างหน้าก็ขับตรงไปตลอดเลย”

     
     

    เสียงทุ้มของมาร์คดังขึ้นหลังจากบทสนทนาเรื่องไร้สาระจบลงได้ไม่นาน แบมแบมซึ่งตอนนี้นั่งอยู่บนเบาะตำแหน่งคนขับพยักหน้ารับสองสามครั้งโดยไม่พูดอะไร ตามมาด้วยเสียงหาวของสาวน้อยวัยแปดเดือนหมาดๆที่นั่งตักคุณพ่ออยู่เบาะข้างกัน

     
     

    “ยังเช้าอยู่เลยลิลลี่ง่วงแล้วเหรอ” ทำเอาคนตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปแซวแล้วละฝ่ามือข้างหนึ่งไปจับแขนน้อยๆนั่นเขย่าเบาๆ

     
     

    “เมื่อคืนยัยหนูไม่ยอมนอนน่ะแบม ดื้อมาก เหมือนรู้เลยว่าวันนี้จะโดนจับฉีดยา” มาร์คพูดขำๆก่อนจะกดจมูกลงไปบนกระหม่อมน้อยๆตรงหน้า

     
     

    “แกเลยดลบันดาลให้รถคุณเสียซะเลยไง” แบมแบมแกล้งพูดแซวต่อจากนั้น เรียกเสียงหัวเราะจากมาร์คได้ไม่ยาก จินตนาการสูงเหมาะกับการเป็นนักเขียนจริงๆซะด้วยสิแบมแบมเนี่ย...

     
     

    “หนูทำจริงหรือเปล่าหื้มลิลลี่” ชายหนุ่มรับมุขด้วยการก้มลงไปถามเด็กสาวที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลยสักนิด เสียงหอมแก้มดังฟอดทำให้แบมแบมต้องหันหน้าไปมองด้วยรอยยิ้ม...ลิลลี่โชคดีจริงๆนะที่ได้เจอคุณพ่อแบบนี้น่ะ

     
     

    ในวันนี้แบมแบมรับหน้าที่เป็นสารถีขับรถพาคุณพ่อลูกอ่อนข้างห้องและลูกอ่อนวัยแปดเดือนของเขาไปรับวัคซีนที่โรงพยาบาลสำหรับเด็ก ซึ่งมันก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากคอนโดเท่าไหร่นัก ที่เป็นแบบนี้นั้นเพราะว่ารถยนต์ของมาร์คเกิดอาการน็อคกะทันหันทั้งที่ตอนขับกลับมาจากบ้านใหญ่เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันยังเป็นปกติดีทุกอย่าง

     
     

    พอรู้อย่างนั้นเขาก็เลยอาสาขับรถพามาเองด้วยความสงสารว่ามาร์คและลิลลี่จะต้องลำบากทุลักทุเลมากแน่ๆถ้าหากต้องเดินทางไปด้วยรถร่วมบริการไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม ถือเสียว่ายอมสละเวลาตัวเองเป็นการตอบแทนที่มาร์คช่วยชีวิตเขาเอาไว้จากการเมาค้างไว้สองครั้งสองคราวก็แล้วกัน

     
     

    “...” ส่วนเรื่องเมื่อคืนก่อนที่แบมแบมเมาเละเทะจนหมดสภาพนั้นก็ได้โทรไปขอโทษและขอบคุณมาร์คไปตั้งแต่เมื่อวานตอนหลังจากเลิกงานแล้ว ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ทำแบมแบมสบายใจว่าอย่างน้อยมาร์คที่เห็นเขาในสภาพทุเรศขนาดนั้นไม่ได้รู้สึกรังเกียจกันแต่อย่างใด

     
     

    แถมดันบอกว่าน่ารักไปอีกแบบอีก...มันหมายความว่ายังไงล่ะ


     

    “จะถึงแล้วแบม เลี้ยวเข้าไปตามป้ายนี้เลย”

     
     

    เงียบมาได้สักพักมาร์คก็ชี้บอกให้แบมแบมเลี้ยวซ้ายเข้าไปตามป้ายบอกทางขนาดใหญ่ที่มีชื่อโรงพยาบาลประดับหราเด่นชัด นานมากๆแล้วที่แบมแบมไม่ได้มาโรงพยาบาลแห่งนี้เพราะว่าครอบครัวไม่มีเด็กที่ไหน ลูกหลานของเพื่อนเขาก็ไม่เคยช่วยดูแลใกล้ชิดขนาดนี้ด้วยสิ

     
     

    “จะถึงแล้วบอกล่วงหน้าด้วยนะมาร์ค แบมไม่ค่อยสังเกตทางอะเดี๋ยวขับเลย” คนตัวเล็กย่นคิ้วพลางใช้มือว่างขยับขาแว่นให้เข้าที่ มาร์คขานรับในลำคอก่อนจะเบนหน้าไปทางกระจกด้วยรอยยิ้มบางๆ...แบมแบมเผลอเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามาร์คเป็นผู้ชนะในรายการแข่งขันอะไรสักอย่างเลย

     
     

    ไม่นานนักรถคันสวยก็เคลื่อนเข้ามาถึงหน้าโรงพยาบาล มาร์คเป็นคนอุ้มลิลลี่เข้าไปลงทะเบียนประวัติก่อนโดยที่แบมแบมบอกว่าตัวเองจะตามมาหลังจากเอารถขึ้นไปจอดบนอาคารจอดรถใกล้ๆนี่เสร็จแล้ว การกระทำแบบนี้มันเริ่มทำให้แบมแบมรู้สึกถึงความเป็นพ่อแม่คนขึ้นมายังไงก็ไม่รู้สิ...

     
     

    “...”

     
     

    ไม่นานนักแบมแบมที่เอารถไปจอดก็เดินเข้ามาตรงส่วนเก้าอี้นั่งรอเข้าพบแพทย์ซึ่งปรากฏร่างของคุณพ่อยังหนุ่มและลูกสาวตัวน้อยที่นั่งตักกันอยู่อย่างน่ารัก แก้วกาแฟร้อนเล็กๆในมือถูกยื่นไปตรงหน้ามาร์คจากด้านหลังอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง เล่นเอาคุณพ่อที่เผลอเหม่อลอยสะดุ้งเฮือกขึ้นมา

     


    “ฮ่ะๆ ขอโทษที่ทำให้ตกใจครับ” แบมแบมหัวเราะจนตาหยีเมื่อเห็นหน้าตาตื่นๆของมาร์ค แก้วกาแฟถูกรับไปพร้อมคำขอบคุณ แบมแบมยิ้มรับก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกันกับคุณพ่อลูกอ่อนที่หอบข้าวของพะรุงพะรัง

     
     

    “เป็นไงครับ พอดื่มได้ไหม” แบมแบมไม่รู้หรอกว่ามาร์คเป็นคนชอบดื่มกาแฟสไตล์ไหน แบมแบมชอบดื่มแบบไหนก็ซื้อมาแบบเดียวกันทั้งสองแก้ว คนตัวเล็กเอียงคอมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีสบายๆรอคำตอบจากคนที่เพิ่งยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ

     
     

    “ได้ครับ ผมไม่ค่อยอะไรมากกับพวกเครื่องดื่มนะ...ได้หมด” มาร์คตอบอีกฝ่ายด้วยกลิ่นกาแฟเจือจาง แบมแบมเผลอเม้มปากเมื่อระหว่างเขาทั้งสองคนมันคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นกาแฟและบรรยากาศแปลกๆที่ชวนให้ร้อนวูบวาบจนแบมแบมทำเพียงพยักหน้ารับแกนๆแล้วก้มลงมองยัยหนูตัวเล็กบนตักอีกฝ่ายแทน

     
     

    “ไงคะคนเก่ง อย่าร้องนะลิลลี่” แบมแบมก้มลงกระซิบเด็กน้อยที่ยังคงหันซ้ายหันขวามองสิ่งต่างๆรอบตัวอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แบมแบมไม่อยากให้ลิลลี่ร้องไห้เพราะว่าเด็กที่ถูกทำให้เจ็บหรือกลัวจนร้องไห้น่ะมันเป็นอะไรที่น่าสงสารเอาเสียมากๆ

     
     

    “แกไม่ร้องหรอกครับ เก่งเหมือนพ่อ” แบมแบมแกล้งย่นจมูกใส่คนที่หาช่องชมตัวเองแบบไม่แนบเนียนเอาเสียเลย โชคดีที่วันนี้โรงพยาบาลค่อนข้างโล่งจึงทำให้อีกไม่กี่คิวก็เป็นคิวของลิลลี่แล้วทั้งคู่จึงไม่ต้องเสียเวลานานในการนั่งรอ

     
     

    “แบมแบม เย็นนี้ผมว่าจะทำอาหารเอง”

     
     

    “หืม เอาสิครับ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองคุณพ่อลูกอ่อนพลางขานรับ ไม่ยักรู้ว่ามาร์คทำอาหารเป็นด้วย

     
     

    “ถ้าแบมว่างก็มาทานมื้อเย็นที่ห้องผมด้วยกันสิ” มาร์คออกปากชวนเพื่อนข้างห้องให้เข้ามาทานมื้อเย็นด้วยกันอย่างที่อยากชวนไปเรียบร้อยแล้ว เหลือก็แค่คำตอบจากปากคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะชะงักไปชั่วครู่เท่านั้น

     
     

    “อ่า ได้สิครับ...แต่น่าจะค่ำๆหน่อยนะ เพราะช่วงบ่ายนี้บก.ผมนัดคุยงานนิดหน่อยไม่รู้ว่าจะมีอะไรเลทหรือเปล่า” และนี่ก็คือสิ่งที่แบมแบมกังวล ไม่ใช่ว่าอยากปฏิเสธน้ำใจมาร์คหรอกแต่ช่วงบ่ายนี้เขาต้องเข้าไปหาทีมงานและพี่โฮมินที่บริษัท ไม่รู้ว่าจะกินเวลานานแค่ไหนเสียด้วย

     
     

    “ผมรอได้” มาร์คตอบแค่นั้นก่อนที่บทสนทนาจะเงียบไป นั่งรอต่อไม่ถึงห้านาทีเสียงประกาศเรียกชื่อลิลลี่ก็ดังขึ้นทำให้คุณพ่อลูกอ่อนตัวจริงและคุณพ่อทูนหัวจำเป็นอย่างแบมแบมต้องช่วยกันหอบหิ้วอุ้มลูกสาวตัวน้อยเข้าไปยังห้องตรวจเพื่อรับวัคซีน

     
     

    ซึ่งแบมแบมเองก็อดที่จะแอบสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ว่าเขาน่ะกำลังถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆหรือเปล่านะ...




     

     

     

                    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงห้าโมงเย็นเป็นที่เรียบร้อย บรรยากาศรอบกายเปลี่ยนจากการเคร่งเครียดในเรื่องงานมาเป็นการผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อหัวข้อในการประชุมแบบย่อยๆมีข้อยุติ โปรเจ็คงานใหม่มาจ่อรอให้คนตัวเล็กต้องสปีดตัวเองเร็วกว่าเดิม แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องดีที่จะทำให้เขาได้เงินเพิ่มหลายเท่าตัว

     
     

    “พี่โฮมิน ไอ้แจซอกมันอยากไปกินเนื้อย่าง” แต่ช่วงที่กำลังจะแยกย้ายสลายตัวนั้นเสียงของเพื่อนร่วมงานอย่างแดเนียลก็ดังขึ้น เรียกให้บก.รุ่นพี่อย่างโฮมินที่กำลังก้มหน้าก้มตารวบรวมเอกสารที่ใช้ในการจดสรุปงานและโครงการต้องเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วมอง

     
     

    “ที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มเปิดปากถามสั้นๆ ทำเอาแบมแบมที่กำลังรวบแฟ้มสองสามอันมาถือไว้เตรียมพร้อมกลับบ้านต้องหยุดการกระทำแล้วหันมองหน้าทีมงานเกือบๆหกคนไม่รวมตัวเขาคล้ายต้องการข้อสรุป

     


    “ซอยข้างบริษัทเราก็ได้นะคะ ฉันเห็นมีอยู่ร้านนึงคนเยอะทุกคืนเลย ท่าทางจะอร่อย” มินะหญิงสาวรุ่นน้องเป็นผู้เสนอออกมาอีกปากทำเอาแบมแบมต้องลอบถอนหายใจกับตัวเอง งานยังไม่ทันเริ่มเดินเลยก็จะฉลองกันเสียแล้วหรือไงกันไอ้พวกนี้

     
     

    “เอายังไงล่ะ ไปก็ไปนะแต่ต้องไปให้ครบทุกคนถ้าไปกันน้อยๆแล้วมันไม่สนุก” โฮมินปรายตามามองแบมแบมที่เตรียมพร้อมเก็บของนิดหน่อยโดยที่คนตัวเล็กก็ดันไปประสานสายตาเข้ากับบก.รุ่นพี่อย่างพอดิบพอดี ทำให้คนตัวเล็กเริ่มมีลางสังหรณ์ว่างานนี้ตัวเองคงจะเบี้ยวไม่ได้แล้วล่ะ

     
     

    “ไปดิพี่ แบมไปใช่ไหม” แดเนียลผู้เป็นตัวตั้งตัวตีหันมาถามแบมแบมที่ยืนนิ่ง หากลองกวาดสายตามองแล้วตอนนี้ทุกคนเหมือนว่ากำลังฝากความหวังเอาไว้ที่เขา ถ้าหากตอบว่าไม่ไปแน่นอนว่าเสียงโอดครวญจะต้องดังระงมจนแบมแบมสำนึกผิดแทบไม่ทันแน่ๆ

     

    “เออ...ไปก็ไป”




     

     

                    และตอนนี้ทั้งเจ็ดคนก็มาถึงร้านเนื้อย่างที่มินะเป็นคนแนะนำ ร้านเนื้อย่างแบบเปิดโล่ง มีเสียงดนตรีสากลถูกเปิดคลอเบาๆทำให้บรรยากาศในการกินเป็นไปอย่างสบายๆ เสียงพูดคุยของเพื่อนๆในทีมเริ่มโหวกเหวกโวยวายมากขึ้นตามจำนวนเวลาที่ล่วงเลย แบมแบมเองก็มีบ้างที่พูดคุยโต้ตอบกลับไปแต่ส่วนใหญ่แล้วเขามักจะลอบมองนาฬิกาเพื่อหาจังหวะเหมาะอยู่มากกว่า

     
     

    “แบมไม่ค่อยกินเลยว่ะ พี่โฮมินอุตส่าห์เลี้ยงนะเว่ยเต็มที่ดิ” ข้อศอกของชายหนุ่มสัญชาติเกาหลีอย่างยูแจซอกกระแทกเข้าที่สีข้างเขาเบาๆ และคนที่ถูกอ้างอิงถึงอย่างพี่โฮมินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเองก็ส่งยิ้มมาให้บางๆ

     
     

    “เออ กูก็กินอยู่เนี่ย...อืดแล้ว” ประโยคหลังพูดออกมาเบาๆแต่เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆได้ไม่ยากเพราะใบหน้าเหยเกที่แสนน่ารัก อันที่จริงนั้นแบมแบมยังกินไปไม่มากหรอกเพราะมีเหตุผลบางอย่าง แต่กระนั้นคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาก็คอยคะยั้นคะยอให้ลองชิมนั่นนี่อยู่เรื่อยๆ

     
     

    “แบมไม่ต้องเครียดเรื่องงานนะ พี่เข้าใจว่าช่วงนี้งานมันเข้ามาเยอะ...ไม่เข้าใจตรงไหนก็ปรึกษาพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะรู้ไหม” ในขณะที่อีกห้าคนกำลังรวมหัวกันนินทาป้าแม่บ้านจอมเฮี้ยบประจำแผนกอย่างสนุกปากแต่พี่โฮมินกลับเลี่ยงการสนทนาออกมาพูดกับเขาสองคน แบมแบมเองก็ยิ้มรับพลางพยักหน้ารัวๆ

     
     

    “ครับ ผมจะเครียดช่วงใกล้ๆส่งเท่านั้นแหละ แต่ยังไงผมก็คิดว่างผมทำมันออกมาใช้ได้ทุกครั้งนะไม่ต้องห่วงหรอกครับ” มือเล็กคีบชิ้นเนื้อเข้าปากพร้อมกับยกแก้วเบียร์ดื่มตาม ฟ้าด้านบนกลายเป็นสีดำยิ่งทำให้ใจของเขาเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

     
     

    มาร์คกำลังรอเขาอยู่...


     

    “ครับ พี่ใจร้ายกับแบมไม่ลงหรอก ฮ่าๆ” ฝ่ามือใหญ่ของบก.ขยับมาใกล้กับมือข้างที่จับแก้วเบียร์แล้วถือวิสาสะแตะลงไปเบาๆจนเพื่อนร่วมงานที่เหลือพากันส่งสายตาล้อเลียนมาให้อย่างไม่ปิดบัง

     
     

    “ฮ่ะๆ..เหรอครับ”



    แบมแบมยิ้มเจื่อน ตอนนี้ในใจเขากำลังพะวงถึงพ่อลูกอ่อนข้างห้องที่รู้สึกว่าจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึกเขามากขึ้นทุกที ฝ่ามือเล็กข้างที่ว่างยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลาที่บอกว่าอีกไม่กี่นาทีจะสองทุ่มครึ่งแล้วก็ได้แต่เม้มปากแน่น จะไลน์ไปบอกว่าให้มาร์คไม่ต้องรอก็กลัวว่ามาร์คเสียความรู้สึก แต่ถ้าจะให้ไลน์ไปบอกว่ารอหน่อยนะก็กลัวว่ามันจะดูแปลกๆ

     
     

    เมื่อไหร่จะอิ่มๆแล้วเลิกกินกันสักทีวะไอ้พวกนี้นี่...



     

     

     

                    สองขาเรียวใต้กางเกงเนื้อยีนสีซีดกำลังรีบเร่งซอยเท้าเมื่อประตูลิฟท์เปิดออก กว่าเขาจะปลีกตัวกลับมาได้นั้นก็ต้องสรรหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง แถมตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มแล้วด้วย อย่าว่าแต่มาร์คจะรอเขาเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้มาร์คจะหลับไปแล้วหรือยังด้วยซ้ำ

     
     

    “...” ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาซับเหงื่อที่ชื้นออกมาจากไรผมน้อยๆ แบมแบมเดินผ่านประตูห้องตัวเองไปไม่แม้แต่จะเหลียวมอง ปลายนิ้วกดลงไปบนปุ่มสีเงินเล็กๆหน้าห้องของใครบางคนที่อยู่ติดกันกับห้องของเขา สองแขนเล็กยกขึ้นไขว้กันเป็นท่ายืนกอดอกด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่

     
     

    รู้สึกผิดชะมัดเลยอะ...


     

    อันที่จริงเขาควรจะบอกให้มาร์คไม่ต้องรอเขาเพราะว่าเขาต้องกลับดึกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงแม้จะเลี่ยงได้แล้วมันก็กินเวลาไปเกือบค่อนคืน แบมแบมไม่ทำแบบนั้นเพราะยังหวังอะไรอยู่ลึกๆ หวังว่ามาร์คอาจจะยังรอเขาอยู่ซึ่งถ้ามองในทางด้านของความเป็นจริงแล้ว ก็คงไม่มีใครที่จะบ้านั่งรอคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันเป็นเวลานานขนาดนั้นหรอก

     
     

    แกร๊ก..

     
     

    “อ้าว แบม...เพิ่งกลับเหรอ” บานประตูเปิดออกด้วยฝีมือของเจ้าของห้องอย่างมาร์ค แบมแบมเม้มปากแน่นไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปก่อน เขารู้สึกผิดมากๆ มากเสียยิ่งกว่าตอนเบี้ยวส่งงานแล้วโดนพี่โฮมินดุเมื่อตอนเข้าทำงานแรกๆเสียอีก

     
     

    “ขอโทษนะมาร์ค ไม่คิดว่าจะช้าขนาดนี้อะ” และสิ่งที่คิดได้ก็คือเขาต้องขอโทษมาร์คก่อนที่ไม่ยอมบอกกล่าวอะไรล่วงหน้าว่าจะมาทันหรือมาไม่ทัน บางคนอาจจะมองว่ามันไม่สำคัญแต่กับคนที่ซีเรียสเรื่องพวกนี้อาจจะเกลียดเขาไปเลยก็ได้

     
     

    “ไม่เป็นไรหรอก ก็แบมบอกแล้วนี่ว่าเวลากลับไม่แน่นอน” มาร์คยิ้มบางๆให้อีกฝ่ายได้คลายความกังวล เห็นใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแบบชัดเจนอย่างนั้นใครเล่าจะกล้าใจดำทำมึนตึงใส่ได้ลงคอ

     
     

    “เข้ามาก่อนไหม”

     
     

    “...” อาจจะดูแปลกและไร้เหตุผลมากๆที่แบมแบมยอมรับคำเชิญนั้นแล้วพาตัวเองเดินเข้าไปด้านในห้องของมาร์คทั้งที่รู้ดีว่ามันคงไม่มีมื้อเย็นรออยู่ ไม่มีธุระจำเป็นอะไรที่เขาต้องทำในห้องนี้ มันไม่มีความจำเป็นเลยที่เขาจะต้องเข้ามาในห้องของมาร์คในเวลาแบบนี้น่ะ...

     
     

    “ลิลลี่หลับไปแล้วล่ะ นั่งก่อนสิ” มาร์คเดินนำมายังมุมที่มีโต๊ะทานอาหารเล็กๆสำหรับคนสองคนตั้งอยู่ คนตัวเล็กพยักหน้ารับก่อนจะถอดเสื้อโค้ทตัวหนาและวางกระเป๋าสะพายไว้ข้างเก้าอี้ แบมแบมกำลังรู้สึกเหมือนว่าตัวเองสมองว่างเปล่าเอาเสียมากๆ

     
     

    เขากำลังมานั่งรออะไรอยู่ตรงนี้กัน...


     

    “มื้อเย็นที่ทำผมทิ้งไปหมดแล้วล่ะ...โชคดีนะที่คุณมาไม่ทันน่ะเพราะว่ารสชาติมันห่วยจนผมคิดว่าถ้าหากคุณได้กินมันผมต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ” มาร์คปิดตู้เย็นก่อนจะเดินเอาขวดน้ำและแก้วเปล่ามาวางไว้ตรงหน้าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ ส่งยิ้มบางๆให้อีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าจะหลุดขำออกมากับประโยคบอกเล่าเมื่อครู่

     
     

    “ผมนึกว่าคุณทำเป็น”

     
     

    “เปล่า แค่นึกอยากลองดู” มาร์คตอบก่อนจะหันหลังไปเปิดไฟและจุดเตาแก๊ส แบมแบมพยายามชะเง้อคอมองก็เห็นแวบๆว่ามาร์คหยิบไข่ไก่สองสามใบจากตะกร้าไม้บนเคาน์เตอร์ไปตอกใส่ถ้วยกลาง จากนั้นก็หยิบเอาเครื่องปรุงกับผักมาหั่นโรยใส่ลงไปอย่างคล่องมือ

     

    “แล้วนี่คุณ...ทำอะไร” แบมแบมขมวดคิ้วเมื่อเสียงน้ำมันดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นหอมที่คุ้นเคย

     
     

    “ทำมื้อดึกไง รับรองว่าอันนี้กินได้” แบมแบมคลายความสงสัยลงเมื่อได้คำตอบ มาร์คคงรู้ว่าเขารีบมาที่นี่โดยไม่ได้แวะเข้าห้องตัวเองก่อนคนตัวโตถึงได้ลงมือทำอาหารใหม่อีกครั้งด้วยเมนูง่ายๆอย่างไข่เจียวใส่ผักที่พอมีในตู้ตอนนี้

     
     

    “ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ผมเต็มใจ”

     


    “...”

     

    ให้ตายเถอะ...มาร์คนี่มีความสามารถพิเศษอ่านใจคนออกด้วยหรือยังไงกัน


     

    มื้อดึกที่เงียบสงบแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆดำเนินมาเรื่อยๆจนกระทั่งข้าวสวยกับไข่เจียวเหลือน้อยเต็มที แบมแบมเป็นฝ่ายที่วางช้อนกับส้อมในมือลงแล้วยกน้ำขึ้นดื่มก่อน อาหารธรรมดาที่ให้ความรู้สึกไม่ธรรมดาในคืนนี้ทำให้เขารู้สึกอิ่มไวกว่าปกติ

     

    “ตอนแรกทำอะไรไว้เหรอมาร์ค” แบมแบมเปิดปากคุยกับชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามก่อนด้วยความอยากรู้และเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป

     
     

    “อ๋อ ผมลองอบลาซานญ่ากับซุปข้นๆ จำชื่อไม่ได้แล้ว” แบมแบมตาโตเมื่อได้ยินคำว่าลาซานญ่า อันที่จริงเขาก็ไม่ได้โปรดปรานอะไรมันนักหรอก แต่มันดูเหมือนเป็นความบังเอิญหรืออาถรรพ์อะไรบางอย่างหรือเปล่าที่ทำให้ใครก็ตามที่อาศัยอยู่ในห้องนี้ต้องได้ลองอบลาซานญ่าอะไรทำนองนั้น...

     
     

    “คุณนายโคดี้ตอนเธออยู่ห้องนี้เธอก็ขยันอบมาแบ่งให้ผมกินประจำเลย บังเอิญดีแฮะ”

     
     

    “ฮ่ะๆ อาจจะไม่ใช่ความบังเอิญก็ได้นะ” มาร์คยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหลังจากนั้น ปล่อยให้แบมแบมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

     
     

    “หมายความว่ายังไงครับ”

     
     

    “ก็...” ชายหนุ่มวางแก้วน้ำลงอย่างใจเย็น ส่งสายตาที่อ่านไม่ออกไปยังคนตัวเล็กตรงหน้าที่แววตาสะท้อนชัดถึงความสงสัยใคร่รู้ แบมแบมก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก...แววตาที่แสดงออกถึงความรู้สึกอย่างชัดเจนไม่มีอะไรแอบแฝง ดูเหมือนเป็นคนเข้าถึงยากแต่อ่านออกง่ายนิดเดียวถ้าหากตั้งใจมากพอ

     
     

    “คุณนายโคดี้เธอบอกผมตอนก่อนย้ายเข้ามาเหมือนกัน...บอกว่าเด็กหนุ่มข้างห้องของเธอน่ะติดใจลาซานญ่าฝีมือของเธอมากๆ”

     
     

    มาร์คเว้นวรรคไปช่วงหนึ่งเมื่อเห็นว่าแบมแบมเริ่มมีสีหน้าท่าทางเปลี่ยนแปลงไป เขาค่อยๆเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้คนที่ใช้ศอกยันไว้กับโต๊ะวางปลายคางบนฝ่ามือตัวเองด้วยท่าทางตั้งใจ ก่อนที่ริมฝีปากบางขยับพูดประโยคต่อมาอย่างแผ่วเบาทว่าตราตรึงไปยังโสตประสาทของคนฟัง...

     
     

    “ผมก็เลยอยากลองทำให้เด็กหนุ่มคนนั้น เผื่อว่าเขา...จะติดใจฝีมือของผมบ้าง ก็เท่านั้นเอง”

     
     

    “...”

     

     

     

    TALK!

    จะเล่นง่ายๆอย่างนี้แหละ จีบกันซึ่งๆหน้าไปเลย 555555555555
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์ โหวตแล้วก็แท็กนะคะ เราอ่านวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นแหละ ชอบ
    เอ้อ แล้วก็เห็นมีคนบอกว่าอยากให้เขาไปเที่ยวกันเป็นครอบครัว โหย มีแน่จ่ะไม่ต้องห่วงนะ มันมาแน่!

    เจอกันตอนหน้าค่ะ ♥




    #ficwdwmb


    twitter : @since9397


     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×