คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : widower :: chapter six
WIDOWER
#MARKBAM
CHAPTER SIX
บรรยากาศภายในรั้วบ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งบรรยากาศให้ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ อีกทั้งบ่อน้ำที่ถูกขุดเอาไว้เพื่อเลี้ยงปลาคาร์ฟขนาดใหญ่นั้นทำให้เกิดความรู้สึกเย็นและผ่อนคลายแม้ว่าตอนนี้จะเป็นช่วงบ่ายของวันซึ่งแดดกำลังส่องแสงทำงานอย่างเต็มที่ก็ตาม ร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงสามส่วนของมาร์คต้วนนั่งยองอยู่ใกล้บ่อปลาพร้อมกับลูกสาวตัวน้อยในอ้อมอก เธอแสดงออกถึงท่าทางตื่นเต้นและประหลาดใจเอาเสียมากๆกับการนั่งจ้องปลาคาร์ฟว่ายวนไปมานั้น
“ลงไปไม่ได้นะครับ” มาร์คดุพลางลุกขึ้นยืนเมื่อสาวน้อยพยายามบิดตัวออกจากอ้อมอกของเขา คล้ายกับว่าเธออยากจะลองลงไปสัมผัสกับน้ำและปลาในนั้นดูด้วยตัวเองบ้าง ถ้าพลัดตกลงไปล่ะก็เป็นเรื่องแน่ๆ
“ออกมานานแล้ว เข้าบ้านกันดีกว่า” และเมื่อสังเกตว่าแก้มใสๆเริ่มแต้มไปด้วยริ้วแดงอย่างน่าเอ็นดูแต่ว่ามันกลับไม่ดีสำหรับเด็กอ่อนนักมาร์คจึงตัดสินใจพาลิลลี่เดินกลับเข้าไปยังตัวบ้านผ่านแผ่นหินที่ปูเป็นแท่นทางเดินเข้าไปยังประตูเลื่อนฝั่งด้านข้างตัวบ้าน
“...”
“มาร์ค แม่ทำขนมเอาไว้มาลองชิมหน่อยสิ” แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงราวบันไดอย่างที่ตั้งใจเสียงของมารดาที่คล้ายกับว่ามองหาเขาอยู่แล้วก็ดังออกมาจากห้องครัวที่อยู่ห่างจากบันไดออกไปไม่เท่าไหร่ ใบหน้าคมเจือไปด้วยรอยยิ้มบางๆพาเด็กน้อยในอ้อมแขนเปลี่ยนเป้าหมายการเดินไปเป็นห้องครัวแทน ลิลลี่ส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนกับรู้เมื่อได้ยินเสียงแม่ของเขาดังออกมาจนมาร์คต้องแกล้งกดจมูกลงไปบนแก้มนิ่มเบาๆ
“ไหน ขนมอะไรครับ”
“นู่นไง บนเตาน่ะเพิ่งเสร็จร้อนๆเลยเราเอาทัพพีตักใส่ชามลองชิมดูสิ...มา ส่งยัยหนูมาให้แม่” ประโยคหลังคนเป็นแม่หันมายิ้มกับลิลลี่ที่ดูเหมือนว่าอยากจะเข้าหาแม่ของเขาเต็มที่เหมือนกัน เห็นแบบนี้แล้วก็หมั่นไส้ยัยตัวเล็กชะมัด...ทีอยู่กับเขาล่ะดื้อเอาดื้อเอา
“...”
“เป็นไง” แม่อุ้มยัยหนูมายืนใกล้เขาที่กำลังละเลียดชิมของหวานที่ถูกปรุงจนหอมกรุ่นตรงหน้าด้วยท่าทางลุ้นๆ อันที่จริงมาร์คคิดว่าแม่ของเขาไม่จำเป็นต้องลุ้นหรอกนะเพราะว่าคำตอบของมาร์คที่มีให้เวลาแม่ถามมันก็มักจะมีอยู่คำตอบเดียวที่เป็นไปตามความจริง
“อร่อยมากครับ”
“ฮ่ะๆ พูดดีนี่...เดี๋ยวแม่เลี้ยงลิลลี่ให้เอง มาร์คไปพักเถอะไป” ฝ่ามือหยาบอย่างคนทำงานวางลงบนไหล่กว้างของลูกชาย รอยยิ้มและแววตาที่บ่งบอกถึงความภาคภูมิใจตัวของลูกชายคนนี้ทำให้มาร์คอดไม่ได้ที่จะก้มตัวลงไปกดจมูกลงบนใบหน้าที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลาของมารดาอย่างรักใคร่
มาร์คน่ะรู้สึกว่าโชคดีจริงๆที่ได้เจอกับคนรอบตัวที่ดีแบบนี้...
ตอนนี้ลิลลี่อยู่กับแม่ของเขา ไม่แน่ใจว่ากำลังเล่นหรือกล่อมนอนกันอยู่เพราะว่าตัวเขาขึ้นมานั่งเปิดเอกสารเคลียร์งานบางส่วนที่พอทำได้โดยไม่ต้องติดต่อใครอยู่บนห้องของตัวเองเงียบๆ มาร์คพาลิลลี่กลับมาที่บ้านใหญ่ของเขาเป็นครั้งแรกหลังจากย้ายที่อยู่ใหม่เป็นคอนโดใจกลางเมืองที่มีเพื่อนข้างห้องเป็นหนุ่มตัวเล็กหน้าหวานแถมยังใจดีช่วยเขาดูแลลิลลี่มาโดยตลอด
“...” มาถึงตอนนี้มาร์คเองก็รู้สึกว่าการทำงานของเขามันเริ่มช้าลงแบบบอกไม่ถูก อาจจะเพราะว่าในห้วงความคิดนั้นมันไม่ได้มีเพียงเรื่องงานอย่างที่เคยเป็นและอย่างที่ควรจะเป็น แต่มันกลับมีความรู้สึกประหลาดที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดตัวเองอยู่หลายครั้ง
อาจจะเป็นเพราะว่าสองสามวันมานี้เขาไม่ได้กลับไปที่คอนโด เพราะว่าแม่เขาอยากให้พาลิลลี่กลับมาบ้านบ้าง ระยะเวลาในการพามาครั้งนี้มาร์คตั้งใจเอาไว้ว่าคงไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ เพราะว่าที่บ้านเขานั้นถึงจะใหญ่โตและสะดวกสบายแต่ว่าแม่กับพ่อเขาก็ไม่ได้อยู่บ้านตลอดเวลา แม่ของมาร์คเดินทางบ่อยพอๆกันกับพ่อในแง่ของธุรกิจ และมันก็ค่อนข้างเหงานะถ้าหากต้องเลี้ยงลูกอยู่คนเดียวในบ้านที่ใหญ่โตแบบนี้
“เฮ้อ” ปากกาด้ามสีดำตัดกับสีทองถูกวางลงบนแฟ้มเนื้อหนาพร้อมกับใบหน้าหล่อคมที่ฟุบทับลงมาอย่างไม่กลัวว่าใบหน้าของตัวเองจะเลอะคราบปากกาแต่อย่างใด มาร์คพรูลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่อยากยอมรับเลยว่าตอนนี้เขากำลังทำงานไม่ได้
เพราะเหตุผลบางอย่าง...ซึ่งมาร์คเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก
และเมื่อความสงสัยมันเกิด สมองส่วนหนึ่งก็สั่งว่าให้มาร์คหาคำตอบเสียเดี๋ยวนี้ด้วยการลงมือทำอย่างที่ต้องการ แต่อีกด้านของความรู้สึกกลับบอกเขาว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกแบบวัยรุ่นซึ่งมันควรจะหมดไปตั้งนานแล้ว อย่ามาทำตัวงี่เง่าแบบนี้แล้วรีบเดินหน้าทำงานที่คั่งค้างให้เสร็จๆไปเถอะ
แต่มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่ามาร์คต้วนเป็นพวกถือคติว่าถ้าสงสัยก็ต้องลงมือหาคำตอบ เพราะหากปล่อยให้ค้างคาไว้ความสงสัยมันก็จะคงอยู่ตลอดไปโดยไม่ได้รับคำตอบให้กระจ่างแจ้ง ดังนั้นฝ่ามือใหญ่จึงเอื้อมไปหยิบเอาโทรศัพท์มือถือตัวเองมาพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ...เป็นไงก็เป็นกัน
“...” กล้องหน้าที่ถูกเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อกดปุ่มฟรีคอลแบบเห็นหน้าฉายชัดถึงใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดที่มีแววตาประหม่าแบบปิดไม่มิด มาร์คทำมันแล้ว...เขากำลังกดวิดีโอคอลไปหาคนที่ทำให้เขางุ่นง่านจนไม่เป็นอันทำงานด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
เขาก็แค่...อยากได้คำตอบให้ตัวเองเท่านั้น
“ม..มาร์ค ได้ยินไหม”
“...” มาร์คเผลอเหม่อไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงของอีกฝ่ายถูกส่งผ่านมาทางลำโพงมือถือนั้นดังขึ้น ชายหนุ่มยกหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นให้พอดีกับตำแหน่งใบหน้าก่อนจะส่งรอยยิ้มบางๆให้คนตัวเล็กในกรอบจอที่ดูเหมือนกับว่าเพิ่งตื่นนอน...
“ได้ยินครับ แบมเพิ่งตื่นเหรอ” มาร์คสูดลมหายใจเข้าลึก ชวนอีกฝ่ายพูดคุยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ปกติที่สุด เขาจะไม่แสดงอาการอะไรออกไปให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าตอนนี้ความรู้สึกตื่นเต้นจนงี่เง่านั้นมันกำลังพลุ่งพล่านแค่ไหน
ทำอย่างกับไม่เคยไปได้...
“อ๋อ...ผมตื่นนานแล้วแหละ นี่ตื่นรอบสอง...เผลอหลับไปตอนเที่ยง” มาร์คขำน้อยๆให้กับท่าทางแบบนั้นของคนตัวเล็ก หัวฟูๆหน้ายุ่งๆแบบนั้นของแบมแบมน่ะมาร์คไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นสักเท่าไหร่หรอก
“นอนทั้งวันเลยสิ นึกว่าคุณจะออกไปเที่ยวข้างนอกซะอีก” มุมกล้องฝั่งของแบมแบมเปลี่ยนไปเหมือนกับว่าอีกฝ่ายกำลังพาตัวเองลงจากเตียง มาร์คมองบรรยากาศภายในห้องอีกคนผ่านหน้าจอนั้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งใบหน้าแบมแบมกลับเข้ามาในกรอบจออีกครั้ง
“ตอนแรกก็กะว่าจะไปแหละครับ แต่พอเห็นแดดแล้วเพลียเลยอะ” ตู้เย็นสีดำถูกเปิดออกก่อนที่คนตัวเล็กจะยกขวดน้ำด้านในขึ้นกระดกอึกๆลงคอ มาร์คเผลอยิ้มตามเมื่อเห็นว่าจังหวะที่ยกขวดออกน้ำบางส่วนมันก็ระเด็กออกมาจนเปื้อนข้างแก้มใสๆเต็มไปหมด
“โอ๊ะ! แป๊บนะครับ” แบมแบมคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงหลังจากนั้น คล้ายกับว่าเป็นช่วงพักเบรกให้มาร์คได้หายใจหายคอเช่นกัน ชายหนุ่มลดโทรศัพท์มือถือในมือลงก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงานตัวหนา พรูลมหายใจออกมาเพื่อปรับให้ร่างกายเข้าสู่โหมดปกติ
“ลิลลี่หลับแล้วเหรอครับ”
“แม่ผมเอาไปเลี้ยงน่ะ ตอนนี้ผมว่าง” มาร์คโกหกคำโตออกไป...ถ้าหากว่าแบมแบมได้เห็นเบื้องหลังมือถือที่เต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารมาร์คคงโดนหาว่าเป็นพวกโกหกหลอกลวงแน่ๆ
“นานๆทีจะว่างนะครับ นอนพักซะสิ” แบมแบมแนะนำให้มาร์คพักผ่อน มาร์คเม้มปากนิดหน่อยคล้ายกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่แต่ยังไม่แน่ใจนักว่าควรพูดออกไปหรือเปล่า
“ไม่ล่ะ...”
“นี่ แบมแบม” ไม่บ่อยนักที่มาร์คจะเรียกชื่อเล่นเต็มๆของเพื่อนข้างห้องคนนี้ คนถูกเรียกที่ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงสงสัย แบมแบมดูเป็นธรรมชาติและไม่เกร็งเหมือนมาร์คในตอนนี้สักนิดเดียว แต่ก็นั่นแหละ...ใครจะไปรู้ล่ะ ตอนนี้แบมแบมเองอาจะเกร็งเสียยิ่งกว่ามาร์คอีกก็ได้ ก็ปกติเคยวิดีโอคอลกันซะที่ไหนล่ะ...
“ครับ”
“อีกสองวันผมถึงจะกลับห้อง...คุณคงสบายหูขึ้นเยอะเลย ฮ่าๆ” นี่ไม่ใช่เรื่องที่มาร์คอยากพูดหรอก แต่เขาก็ดันพูดมันออกไปเสียอย่างนั้น
“อ่า ไม่หรอกครับ...อันที่จริงพอไม่มีลิลลี่มาให้เล่นด้วยแล้วผมก็เหงาๆเหมือนกัน...แถมช่วงนี้กำลังเริ่มวางพล็อตคิดบทสำหรับตอนต่อไปอยู่ด้วยครับ ไม่ค่อยได้คุยกับใครเลยอะ ก็เซ็งเหมือนกันนะ...ฮ่าๆ”
“งั้นเหรอครับ...ถ้าอย่างนั้น”
“พรุ่งนี้เราออกไปหาอะไรทำด้วยกันไหม ผมเองก็ว่าง”
โอเค...นี่แหละจุดประสงค์ของมาร์คแบบจริงแท้แน่นอน
“...” คนตัวเล็กที่กำลังยกมือขึ้นขยี้ผมถึงกับชะงักลงเมื่อได้ยินประโยคชวนเที่ยวจากปากคุณพ่อลูกอ่อนข้างห้อง ดวงตากลมนิ่งไปพักหนึ่งคล้ายกับว่ากำลังใช้ความคิด แต่สำหรับคนออกปากชวนอย่างมาร์คน่ะกำลังยิ้มหน้าระรื่นเหมือนว่าพูดเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป
“แต่ถ้าแบมไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะผม...” แบมแบมมาได้สติก็ตอนที่มาร์คตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมา คนตัวเล็กลอบกลืนน้ำลายลงคอ...ก็แค่ชวนไปเที่ยว มาร์คอาจจะอยากแฮงค์เอาท์บ้างเพราะว่าที่ผ่านมาต้องหมกตัวเลี้ยงลูก แบมแบมก็แค่ไปเป็นเพื่อนแค่นั้นไง...
“ผมว่างมาร์ค”
“...” แบมแบมตอบไปแล้ว กลายเป็นมาร์คเสียเองที่เงียบก่อนที่ใบหน้าหล่อคมนั้นจะค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาให้แบมแบมหลุดยิ้มตามไปด้วย
“โอเค เราจะเจอกันที่ไหนดี” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินคำถามของมาร์ค
คิดว่ามาร์คมีสถานที่ที่อยากไปแล้วนะถึงได้ออกปากชวนเขาน่ะ...
“อ่า...เจอกันที่แอลบาร์ใกล้ๆคอนโดก็ได้นะ ที่นั่นนั่งได้ชิวๆดี” ก็กลางวันมันร้อนนี่...เจอกันกลางคืนแบมแบมไม่ถือสาอะไรหรอกน่า…
“มึงไปเดท”
“กูไม่ได้เดท!”
แบมแบมตวาดเสียงดังใส่คนปลายสายผ่านโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้เขาเดินทางมาถึงสถานที่ที่ได้นัดหมายกับคุณพ่อลูกอ่อนข้างห้องอย่างมาร์คต้วนผ่านการวิดีโอคอลเมื่อวานนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กในชุดเสื้อยืดและกางเกงสีดำเข้าชุดกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนสนิทเป็นการฆ่าเวลาไปเรื่อยๆในบาร์บรรยากาศชิวๆยามหัวค่ำ
“เขาจีบมึง”
“เขาไม่ได้จีบ” แต่ดูเหมือนว่ายิ่งคุยแบมแบมก็จะยิ่งอารมณ์บูดขึ้นเรื่อยๆ เพราะพอชเวยองแจรู้ว่าเขาออกมาที่บาร์เพื่อดื่มกับมาร์คไอ้เพื่อนตัวดีมันก็เอาแต่พูดอะไรทำนองนี้กรอกหูเขาวนไปมาจนอยากจะกดวางให้รู้แล้วรู้รอด
“ถ้าเขาไม่ได้จีบมึงกูยอมให้มึงถีบเลย...” คนตัวเล็กเบะปากใส่คำพูดไร้สาระ ทว่าสายตาบังเอิญปะทะเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนสีดำคนหนึ่งเข้าเสียก่อนเลยทำให้ไม่ได้ยินประโยคหลังที่ยองแจกำลังพูด แบมแบมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังตาพร่าจนต้องกระพริบตาถี่ๆเพื่อความแน่ใจว่าสายตาของตัวเองยังปกติและภาพตรงหน้าไม่ใช่ภาพหลอนแต่อย่างใด
“แค่นี้ก่อนนะยองแจ เขามาแล้วว่ะ”
แถมยังมาแบบหล่อจนแบมแบมแทบจำไม่ได้เลยอะ...
“ขอโทษที่ให้รอนะ รถติดมากเลยจากบ้านผมมานี่” มาร์คทักทายแบมแบมก่อนทิ้งตัวนั่งลง คนตัวเล็กหันหน้าไปรอบๆเลยได้เห็นว่าทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ที่เห็นมาร์คนั้นต่างพากันหันหน้ามามองส่งสายตาให้แบบเปิดเผยเลยล่ะ...
“ไม่เป็นไรครับ ผมออกมาเร็วเอง” แบมแบมส่งยิ้มให้อีกฝ่าย เขาอยากจะชมว่ามาร์คดูหล่อมากๆในคืนนี้ ดูเป็นชายหนุ่มเคร่งขรึมที่แฝงไปด้วยความเซ็กซี่แบบร้ายกาจ ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของมาร์คนั้นเป็นสิ่งที่ยืนยันให้รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าก็คือมาร์คที่สุภาพและอบอุ่นคนเดิม
เครื่องดื่มและอาหารถูกสั่งมาเรื่อยๆจนกระทั่งแบมแบมต้องออกปากว่าแค่นี้ก็กินแทบไม่หมดแล้ว จึงกลายเป็นว่าตอนนี้เขาทั้งสองกำลังช่วยกันจัดการอาหารบนโต๊ะพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบที่คนตัวเล็กโปรดปราน มาร์คชวนเขาพูดคุยอยู่เกือบตลอดเวลาในหลายๆเรื่อง มีสาระบ้างไร้สาระบ้าง เลยทำให้อาการประหม่าในตอนแรกๆนั้นหายไปอย่างง่ายดาย
“ผมว่าแล้วว่าคุณต้องมีน้อง” มาร์คถือแก้วเครื่องดื่มเอาไว้ในมือพลางเอนหลังพิงเบาะโซฟา เขายิ้มน้อยๆตอนที่มองแบมแบมส่งปลายลิ้นมาเลียซอสของอาหารที่ติดอยู่ปลายนิ้วมือ
“ทำไมล่ะครับ” แบมแบมถามกลับ เมื่อกี้เขาเพิ่งจะเล่าเรื่องครอบครัวของตัวเองออกไปให้มาร์คฟังเลยทำให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าเขามีน้องสาวถึงสองคน บรรยากาศผ่อนคลายกว่าเดิมจนแบมแบมกล้าที่จะพูดหยอกล้ออีกฝ่ายได้อย่างสนิทใจ
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณมาหาผมที่ห้องนั่นแหละ ตอนคุณอุ้มลิลลี่ผมรู้สึกเลยนะว่าโชคดีเหลือเกินที่คุณรู้วิธีรับมือกับเด็ก...จากนั้นก็เลยคิดว่าคุณน่าจะมีน้องหรือประสบการณ์เลี้ยงเด็กมาก่อน” มาร์คพูดไปตามจริง ตอนนั้นน่ะเขาก็สังเกตแบมแบมนะไม่ใช่ว่ามัวแต่ตกใจที่ลิลลี่ร้องไห้จนไม่ได้สนใจอะไร
“ช่างสังเกตจังครับ ทำไมถึงคิดว่าผมมีน้องล่ะ...ผมอาจจะมีลูกก็ได้นะ” แบมแบมพูดประโยคสุดท้ายพลางอมยิ้ม พอเหล้าเข้าคอแล้วอะไรๆมันก็พูดคล่องขึ้น แบมแบมมองหน้ามาร์คด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่แทบไม่จางหายไปตลอดการสนทนา
“คุณหน้าเด็กจะตาย ตอนนั้นผมคิดว่าคุณยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบด้วยซ้ำนะ ฮ่าๆ”
ซึ่งก็ไม่ต่างกันกับมาร์คนักหรอก...
คืนนี้ถือว่าทั้งสองคนได้รู้จักในตัวตนของแต่ละฝ่ายมากขึ้นกว่าเดิมก็ว่าได้ มาร์คเล่าเรื่องครอบครัวของตัวเองให้แบมแบมฟังบางส่วนหลังจากจากนั้นว่าเขาเป็นลูกคนโต มีน้องที่อายุห่างกันไม่มากอีกสองคน สลับกันกับแบมแบมโดยสิ้นเชิง ซึ่งดูเหมือนว่าคนตัวเล็กเองก็ตั้งใจฟังและสนใจในเรื่องของเขาอยู่ไม่น้อย
“อือ...มาร์ค จะออกแล้วอะ”
และอีกอย่างหนึ่งที่มาร์คได้เรียนรู้จากแบมแบมนั่นก็คือ...เขาได้รู้ว่าแบมแบมน่ะเป็นคนที่รักการดื่มมากพอๆกับการเขียนหนังสือ และดื่มทีหนึ่งก็จะเล่นดื่มจนสุดตัวเหมือนว่าชีวิตไม่มีวันพรุ่งนี้โดยที่เจ้าตัวก็ให้เหตุผลง่ายๆมาว่า ‘ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้อะ’
“รออยู่นี่ เดี๋ยวเอาถุงมารองให้”
ตอนนี้มาร์คจึงต้องทำหน้าที่ปรนนิบัติให้คนเมาอย่างแบมแบมไปโดยปริยาย เริ่มจากการที่แบมแบมเมาในบาร์จนลิ้นอ่อนพูดจาไม่รู้เรื่องเขาก็ช่วยพยุงหิ้วเอาปีกเล็กๆนั่นขึ้นรถ พาขับมาคอนโดแล้วล้วงหาคีย์การ์ดของอีกฝ่ายมาเปิดเพื่อพาเข้าห้อง
“ทำไมโลกหมุนเร็วจังเลยมาร์ค...งงอะ” ก็เพราะว่าเมาน่ะสิ... มาร์คอยากจะตอบออกไปแต่รู้ว่าพูดอะไรไปตอนนี้แบมแบมก็คงไม่รู้เรื่อง ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำเพียงแค่ยิ้มบางๆให้กับภาพที่หาดูได้ยากและไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นจากคนตัวเล็กก่อนจะเดินไปหาหยิบเอาถุงพลาสติกมาให้คนที่บ่นว่าอยากจะอาเจียนนั่นน่ะ...
“...”
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง แบมแบมหลับไปแล้วในชุดเดิมที่ไม่ได้เปลี่ยนเพราะว่ามาร์คเองไม่กล้าที่จะถือวิสาสะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย เขาไม่รู้ว่าแบมแบมจะถือเรื่องแบบนี้หรือเปล่าจึงขอละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ แล้วก็แบมแบมไม่ได้อ้วกออกมาอย่างที่บอกหรอกเพราะพอหาถุงได้กลับมาอีกทีคนตัวเล็กก็นอนหลับตะแคงข้างเอาหน้าซุกหมอนหนุนใบใหญ่ไปเรียบร้อยเสียแล้ว
“ตัวแค่นี้ดื่มเยอะใช่เล่น” มาร์คถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นสูงกว่าเดิมเมื่อยกกะละมังที่รองน้ำมาเช็ดหน้าและลำคอให้อีกฝ่ายไปเททิ้งในห้องน้ำก่อนจะเดินกลับออกมา แบมแบมนอนหลับตาพริ้ม แก้มใสๆขึ้นสีแดงระเรื่อพาลให้เขานึกถึงเด็กน้อยที่บ้านอย่างลิลลี่จนหลุดยิ้มออกมา
“ฝันดีนะแบมแบม”
มาร์คจะถือว่าการมาเที่ยวด้วยกันครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดใจให้รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้นก็แล้วกัน ยอมรับว่าตอนแรกที่ชวนเขาไม่คิดเลยว่าแบมแบมจะนัดสถานที่พบเป็นบาร์ยามค่ำคืนเช่นนี้ ก็รู้ว่าแบมแบมน่ะชอบดื่มเพราะเจ้าตัวเคยบอกอยู่แต่ไม่คิดว่าจะชอบจนยอมหลับคาขวดได้ขนาดนี้นี่นา
“...” ทว่าจู่ๆมาร์คกลับรู้สึกเหมือนว่ายั้งมือตัวเองไม่อยู่ทั้งที่พยายามอย่างยิ่งยวดแล้ว เขาเผลอแตะปลายนิ้วลงไปบนสันกรามของอีกฝ่ายก่อนจะลากมันเบาๆลงมาจนถึงริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยออ้าออกน้อยๆ น่าแปลกที่เขาไม่ได้รู้สึกว่าแบมแบมเป็นภาระเลยสักนิด...ทว่ามันกลับให้ความรู้สึกแปลกใหม่จนความรู้สึกบางอย่างมันพลุ่งพล่านจนทั่วไปหมด
คนข้างห้องชักจะมีอิทธิพลกับเขามากเกินปกติเสียแล้วสิ...
“ชิบหาย! ชิบหายแน่ๆยิ่งกว่าแน่ๆ”
เสียงสบถลอยมาตามลมจนคนที่เดินสวนกันกับคนตัวเล็กที่มีท่าทางเร่งรีบนั้นอดไม่ได้ที่จะหยุดมองและหลีกทางให้ สำนักพิมพ์ขนาดกลางในช่วงสายคราคร่ำไปด้วยพนักงานที่รีบเร่งประสานงานกันและลูกค้าที่เข้ามาติดต่องาน แบมแบมในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คเองก็เช่นกัน เขาเป็นหนึ่งในพนักงานที่ต้องวิ่งวุ่นเพื่อปากท้อง
“ชั้นหกครับ” ประตูลิฟท์เปิดออก แบมแบมแทรกกายเข้าไปอย่างรวดเร็วแม้ว่าคนจะเยอะแต่เขาก็ไม่สน ตัวเลขบนลิฟท์บ่งบอกตำแหน่งชั้นที่สูงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับจำนวนคนที่บางตาลงไปจากเดิม คนตัวเล็กยกนาฬิกาขึ้นมาดูด้วยความรีบร้อน อีกห้านาทีการประชุมจะเริ่มขึ้น...
Rrr~
“ครับ กำลังไปครับพี่โฮมิน” แบมแบมกดรับสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากบก.ยังหนุ่ม เสียงแหบกรอกลงไปตามสายก่อนจะขานรับสองสามครั้งแล้วกดวาง เขาลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้มีประชุมนักเขียนในโปรเจ็คใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีรายชื่อของเขาติดโผอยู่ด้วย เมื่อคืนก็เลยดื่มซะเมาลาก
ลิฟท์เปิดที่ชั้นหกอย่างหวุดหวิด สองขาเล็กรีบสาวเท้าพาตัวเองวิ่งไปยังห้องประชุมกลางที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลพอมองเห็นให้ใจชื้น ในใจนึกขอบคุณมาร์คแบบมากถึงมากที่สุดที่อุตส่าห์ลากเขากลับมาห้องแล้วยังซื้อเครื่องดื่มแก้แฮงค์ทิ้งไว้ให้ในตู้เย็น เช้านี้แบมแบมก็เลยรอดชีวิตไปได้อีกหนึ่งหน
แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ไลน์หรือโทรไปขอบคุณและขอโทษมาร์คเลยที่ช่วยดูแลเขาในคืนที่เขาเมาเละที่สุดคืนหนึ่งเลยก็ว่าได้...
ก็...หวังว่ายังจะไม่รังเกียจกันไปซะก่อนนะ
TALK!
วันนี้อัพ 2 เรื่องเลย อันที่จริงเรื่องนี้ว่าจะยังไม่อัพนะแต่ไหนๆก็พิมพ์แล้ว
ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้างคะ? ความสัมพันธ์ค่อยๆไต่ระดับนะ เขาออกมาเที่ยวกันแบบไม่มีลิลลี่ด้วย
เป็นยังไงก็ติชมกันได้นะ
แล้วก็...ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์และโหวตนะคะ คนที่รักและรอเรื่องนี้จริงๆก็อย่าเพิ่งทิ้งกันนะ
เราอ่านความคิดเห็นของแต่ละคนแล้วก็มีความสุขจนยิ้มไม่หุบเหมือนกันนั่นแหละ
เจอกันค่ะ
#ficwdwmb
twitter : @since9397
ความคิดเห็น