ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ลงแบบ E-BOOK ที่ MEB] FIC WIDOWER : { MARKBAM }

    ลำดับตอนที่ #5 : widower :: chapter five

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.14K
      165
      30 ม.ค. 59

    ? themy butter
    +



    WIDOWER

    #MARKBAM

    CHAPTER FIVE

     

     

                    วันนี้เป็นวันที่แบมแบมตื่นเช้าเป็นพิเศษแม้ว่าจะไม่มีงานให้ปั่นจนหัวฟู แต่ที่เป็นเช่นนี้นั้นก็เพราะว่าเมื่อวันก่อนคุณพ่อลูกอ่อนข้างห้องอย่างมาร์คน่ะสิได้มาขอร้องให้เขาช่วยดูแลลิลลี่แทนเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆเพราะว่าเจ้าตัวต้องเข้าไปหอบเอกสารที่บริษัทกลับมาทำที่ห้อง

     
     

    ทำให้แบมแบมได้รู้ว่าอันที่จริงแล้วมาร์คน่ะพักงานที่บริษัทเอาไว้จนกว่าลูกสาวของเขาจะครบหนึ่งขวบ ซึ่งนับดูคร่าวๆแล้วก็อีกประมาณสามเดือน พอหลังจากนั้นแล้วลิลลี่จะถูกส่งไปให้แม่บ้านที่บ้านของมาร์คเลี้ยงแทน

     
     

    ฟังดูอลังการเนอะ...แบมแบมเลยคิดว่ามาร์คเองก็น่าจะมีฐานะอยู่ในระดับที่ดีเลยล่ะ


     

    “ชู่ว...”

     

    “อ๊ะ...แอะ” เหมือนยัยหนูเองก็จะเริ่มดื้อกับเขาขึ้นมาบ้างอยู่เหมือนกัน เพราะว่าเด็กน้อยบนเตียงเล่นอมตุ๊กตาของเขาเข้าไปเกือบทั้งหัวจนน้ำลายยืดเต็มแก้มไปหมด พอแบมแบมจะเช็ดออกให้แกก็ทำหน้าบูดเบี้ยวใส่แถมยังตะคอกเขาอีกแน่ะ

     
     

    วรรณกรรมแปลเล่มหนาถูกกางคว่ำไว้บนหัวเตียงหลังจากที่ยัยหนูตัวเล็กตื่นขึ้นมา แบมแบมป้อนนมและอาหารสำหรับเด็กให้ลิลลี่ไปแล้วตามที่มาร์คบอก ทำให้รู้เลยว่าอันที่จริงแล้วผู้ชายที่แบมแบมมองว่าเลี้ยงลูกไม่เป็นในตอนแรกนั้นได้พัฒนาขึ้นมามากๆเลย

     

    “ลิลลี่อยากคุยกับคุณยายไหมคะ” ยอมรับว่าพอได้เลี้ยงเองแบบนี้แบมแบมก็ค่อนข้างประหม่า เขาเลี้ยงได้ก็จริงแต่ว่าก็ไม่ใช่ตลอดเวลาอย่างที่มาร์คทำแบบนี้ เขาอาจจะดูมีความรู้เยอะแต่นั่นมันก็มาจากประสบการณ์เมื่อนานมาแล้ว แถมนี่ไม่ใช่ลูกตัวเองที่จะทำอะไรก็ได้อีกดังนั้นแบมแบมเลยค่อนข้างเป็นห่วงลิลลี่แทบตลอดเวลา

     
     

    “...”

     
     

    เด็กน้อยไม่โต้ตอบอะไร เธอทำเพียงแค่จ้องเขาตาแป๋วก่อนจะส่งยิ้มจนเหงือกบานมาให้ คนตัวเล็กเองก็อดไม่ได้กับท่าทางน่ารักแบบนั้นจนต้องก้มไปหอมฟัดเอาแก้มยุ้ยๆของยัยหนูในชุดสีชมพูทั้งตัวตรงหน้า

     
     

    “เดี๋ยวเราคุยกับคุณยายกันดีกว่า” แบมแบมพูดเองเออเอง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือมากดเข้าแอพลิเคชั่นสำหรับติดต่อสื่อสารทางไกลแบบเห็นหน้า โชคดีที่แม่ของเขาเข้าถึงเทคโนโลยีได้ดีไม่ต่างจากวัยรุ่นสมัยใหม่แบมแบมจึงสามารถวิดีโอคอลกับแม่ได้โดยตรงแม้ว่าจะอยู่ห่างกันคนละประเทศก็ตาม

     
     

    “...” รอไม่นานนักปลายสายก็กดรับ หน้าจอมืดไปชั่วครู่ในจังหวะที่ปลายนิ้วเรียวเลื่อนไปกดปุ่มเปิดลำโพงพร้อมเพิ่มเสียงให้ดังกว่าเดิมเป็นการเตรียมพร้อมก่อนที่ภาพจากปลายสายจะปรากฏขึ้นเป็นใบหน้าของมารดาผู้ให้กำเนิดคนตัวเล็กอย่างแบมแบม

     
     

    “ม๊าแบมมีไรให้ดู”  เห็นว่าแม่ของเขาขมวดคิ้วก่อนที่คนตัวเล็กจะแพลนกล้องไปยังก้อนกลมๆที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กพยายามฟัดตุ๊กตาตัวน้อยของเขาจนเปียกแฉะด้วยน้ำลายไปทั้งตัว...สนุกเขาเลยล่ะ

     
     

    “หืม ลูกใครน่ะแบม” ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถามออกมาเสียงสูง แม่ดูตกใจเมื่อเห็นว่าก้อนกลมๆนั้นไม่ใช่ตุ๊กตาหรือสัตว์เลี้ยงอย่างที่มองเห็นในตอนแรก แต่กลับเป็นเด็กทารกในชุดสีชมพูสดใสที่นอนตีขาเหวี่ยงแขนเล่นอย่างไม่รู้ประสีประสาอะไรต่างหาก

     
     

    “คือ...”

     
     

    “ลูกแบมเองม๊า ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะ” แบมแบมแกล้งส่งยิ้มบางๆให้กล้องเหมือนคนสำนึกผิด ดวงตากลมหลุบต่ำลงพร้อมกับปลายสายที่เงียบหายไปคล้ายกับว่ากำลังประมวลผลคำพูดของลูกชายอย่างหนักหน่วง

     
     

    “ไอ้แบม...”

     
     

    “ฮ่ะๆ ม๊าแบมล้อเล่นน่า” ปลายสายทำท่าหลับตาพลางถอนหายใจออกมาคล้ายกับโล่งอก ไม่คิดว่าม๊าจะเชื่อนะเนี่ย ก็รู้ทั้งรู้ว่าแฟนสักคนแบมแบมยังไม่มีเลยจะไปนับประสาอะไรกับการมีลูกกันล่ะ...

     
     

    “เดี๋ยวตีตายเลย ม๊าเกือบจะช็อคอยู่แล้ว”

     
     

    “ฮ่าๆ โอ๋ๆขวัญเอ้ยขวัญมาน้า” แบมแบมยิ้มกว้างแข่งกับลิลลี่ส่งให้กล้อง ดูเหมือนว่าตอนนี้ม๊าของเขากำลังเบนสายตาไปมองเด็กตัวเล็กที่นอนถีบขาตัวเองอยู่ข้างๆกันกับเขาแทน ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนเปื้อนยิ้มน้อยๆด้วยความเอ็นดูจนแบมแบมที่มองอยู่อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม

     
     

    ม๊าเขาน่ะรักเด็กจะตายไป...หากลิลลี่เป็นลูกของเขาจริงๆไม่เกินพรุ่งนี้ม๊าเขาต้องบินมาหอบแกไปเลี้ยงแน่ๆ


     

    “น้องชื่อลิลลี่ครับม๊า ลูกเพื่อนแบมเอง”

     
     

    “งั้นเหรอลูก...น่ารักน่าชังเชียว” ไม่พูดเปล่า ม๊าส่งยิ้มแถมยังเล่นหูเล่นตาใส่ลิลลี่เสียจนเด็กน้อยตาลุกวาว ทิ้งของเล่นจากตุ๊กตาแฉะน้ำลายในมือมาเป็นการคว้าตะกายจะแย่งโทรศัพท์มือถือของเขาแทน

     
     

    “เพื่อนแบมคนไหนล่ะ ยองแจน่ะเหรอ” แบมแบมส่ายหัว ถ้าบอกชื่อไปแม่จะต้องถามต่อยาวแน่ๆเขาก็เลยเลือกที่จะเงียบแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย แบมแบมใช้เวลาเกือบสามสิบนาทีในการคุยกับม๊าและหลอกล่อลิลลี่ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดได้โดยใช้เพียงมือเดียว ทั้งป้อนนมและอุ้มเดินจนม๊าเขาอิจฉาหนักมาก บอกว่าถ้าว่างจากการทำงานเมื่อไหร่จะบินมาดูด้วยตาตัวเองสักครั้ง

     
     

    เห็นไหมล่ะ แบมแบมเดาไม่ผิดเลยสักนิดเดียว...





     

    “หนูง่วงหรือยังเอ่ย” หลังจากวางสายไปแล้วไม่นานแบมแบมสังเกตว่าหนูน้อยเริ่มจะงอแงกว่าปกติ สองมือเล็กๆกำเข้าหากันพลางยกขึ้นขยี้ตาไปมาจนแบมแบมต้องคอยจับอยู่บ่อยครั้ง ไหนจะใบหน้าเล็กๆที่เบะเป็นตูดแบบนี้อีก...

     
     

    “เดี๋ยวเราไปนอนกันดีกว่า กินนมนอนกันเนอะ!

     
     

    “...”



    คนตัวเล็กอุ้มลิลลี่ออกมาหาขวดนมที่วางไว้ก่อนจะพากลับเข้าห้องนอน มันอาจจะน่าเบื่อสำหรับแกไปบ้างที่ไม่มีพื้นที่สำหรับเล่นซนเหมือนตอนอยู่ที่ห้องตัวเอง ซึ่งมาร์คก็บอกเขาไว้ก่อนที่จะออกไปทำงานว่าให้เข้าไปอยู่ในห้องของมาร์คได้เพราะอุปกรณ์ในการดูแลยัยหนูนั้นครบครันมากกว่าแต่แบมแบมก็เลือกปฏิเสธออกไปเพราะเขาชินกับการอยู่ห้องมากกว่า หยิบจับอะไรก็ค่อนข้างสะดวกและคล่องตัว

     
     

    “ได้แล้ว มากินนมกันเดี๋ยวน้าแบมตบก้นกล่อมให้ดีไหม” พูดอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้าแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แบมแบมรู้สึกเบื่อ กลับกัน...มันทำให้เขารู้สึกว่าเป็นการใช้เวลาว่างที่เกิดประโยชน์และไม่น่าเบื่ออย่างที่ผ่านๆมาด้วยซ้ำไป

     
     

    “...” ลิลลี่น่ะเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายนะหากเทียบกับน้องสาวเขาทั้งสองคนที่เคยช่วยม๊าเลี้ยงมา เพราะหลังจากที่แบมแบมคอยสังเกตก็พบว่าลิลลี่จะร้องไห้ก็แค่ตอนที่ตัวเองไม่สบายตัวหรือว่าหิวนมและง่วงเท่านั้น โดยพื้นฐานแล้วยัยหนูเป็นเด็กอารมณ์ดีมากๆเสียด้วยซ้ำไป  

     
     

    ครืด...

     
     

    “หืม...” ลิลลี่หลับง่ายและตอนนี้ก็หลับตาพริ้มไปแล้วหลังจากที่เขาเอานมเข้าปากเล็กๆนั่นไม่ถึงสิบนาที แบมแบมค่อยๆดึงขวดนมออกจากกลีบปากนุ่มนิ่มที่พอจุกนมหลุดออกจากปากแกก็เคี้ยวเหงือกตัวเองหงุบหงับแทนจนดูน่าหมั่นเขี้ยว ก่อนที่ฝ่ามือเรียวจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ถูกวางทิ้งไว้มาเลื่อนดู

     

    แบม

     
     

    ลิลลี่ดื้อหรือเปล่า โอเคไหม?’ - Mark 15.25 น.

     
     

    “เลี้ยงง่ายหายห่วงเลย...” แบมแบมพึมพำก่อนจะขยับปลายนิ้วพิมพ์ตอบไปให้อีกฝ่ายรับรู้ความเป็นไปของลูกสาว แถมยังเพิ่มเติมด้วยการยกโทรศัพท์มือถือถ่ายเสี้ยวหน้าของตัวเองพร้อมกับร่างเล็กๆของเด็กน้อยที่หลับพริ้มอยู่บนที่นอนของเขาส่งกลับไปให้อีกฝ่าย...

     



     

     

    สบายมากเลย กินกับนอน

     

    ‘BamBam1a sent you a photo.’ - BamBam1a 15.29 น.  

     
     

    “ฮ่ะๆ” เสียงทุ้มหลุดขำเมื่อเห็นภาพที่อีกฝ่ายส่งมา เห็นหน้าของแบมแบมเพียงเสี้ยวหนึ่งส่วนที่เหลือเป็นก้อนกลมๆของยัยหนูลิลลี่ที่นอนหลับกางแขนกางขาคล้ายกับว่าสบายเต็มที่ เห็นแล้วรู้สึกอิจฉายัยหนูไม่ใช่เล่นเลยเหมือนกันที่มีคนกล่อมนอนจนหลับสบายแบบนั้น

     
     

    “คุณมาร์คคะ เอกสารที่เหลือดิฉันเรียงเอาไว้ให้ในกระเป๋าแล้วนะคะ”

     
     

    “อ๋อ ครับ” มาร์คเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์เมื่อประตูถูกเปิดออกหลังจากสัญญาณเคาะประตูก่อนหน้า เลขาสาวในชุดยูนิฟอร์มเดินเข้ามาแจ้งเรื่องที่เขาสั่งให้ทำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มาร์คเองก็ยิ้มรับก่อนจะก้มหน้าพิมพ์อะไรบางอย่างตอบกลับไป

     
     

    เขาอยากกลับบ้านซะแล้วสิ

     
     

    มาร์ครวบแฟ้มเอกสารทั้งหมดบนโต๊ะใส่กระเป๋าถืออีกใบโดยใช้เวลาไม่นาน แน่นอนว่างานที่เขาต้องทำหลังจากคั่งค้างเอาไว้เกือบสองเดือนนั้นมีมีมากมายเสียจนแทบกองท่วมหัวได้ แต่กระนั้นเขาก็จิตใจไม่นิ่งพอที่จะทำมันให้เสร็จภายในห้องทำงาน หลังจากที่เห็นภาพแบมแบมเด็กหนุ่มข้างห้องกับลูกสาวของเขามาร์คก็เกิดความรู้สึกคล้ายกับว่าถูกตามให้รีบกลับอย่างไงอย่างงั้น

     
     

    “...”

     

    “คุณเยริน ผมกลับแล้วนะถ้าใครมาขอพบให้เลื่อนนัดเขาไปเลย” มาร์ครู้ตัวว่าเขากำลังทำในสิ่งที่เป็นตัวอย่างไม่ดีอย่างมาก เขาทำธุรกิจ การปฏิเสธหรือเลื่อนนัดนั้นหมายถึงว่าโอกาสของเขาในการลงทุนหรือได้กำไรนั้นมีสิทธิ์เท่ากับศูนย์ แต่ก็นั่นล่ะ...บางอย่างมันก็มีค่าทางจิตใจมากกว่านั้น

     
     

    “แล้วถ้าท่านประธานถามหาจะให้ฉันตอบว่าอย่างไรคะคุณมาร์ค” หญิงสาวลุกขึ้นยืนส่งกระเป๋าที่จัดเรียงเอกสารไว้แล้วให้กับเจ้านายที่ดูมีท่าทีเร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด คิ้วสวยขมวดเข้าหากันหน่อยๆ

     
     

    “บอกว่าลูกผมร้อง กลับไปป้อนนมลูก”

     
     

    “ค...ค่ะ”

     
     

    มาร์คยิ้มบางๆให้เลขาคนสวยอีกครั้งก่อนจะรีบเดินออกไป เขารู้ดีว่าถ้าพ่อเขาได้ฟังเหตุผลแล้วคำบ่นหรือด่าที่เขาควรได้รับนั้นจะต้องอันตธานหายไปอย่างไม่ยากเย็น เพราะทั้งตอนนี้เขายังอยู่ในช่วงลาพักงานด้วย มีเวลาอีกสามเดือนกว่าจะถึงกำหนดกลับมาทำแบบจริงจัง หากแต่ว่าวันนี้เขาเข้ามาเพื่อเคลียร์งานบางส่วนและทยอยเอาเอกสารกลับไปทำต่อที่ห้องพักเท่านั้น

     

     


     

     

                    ใช้เวลากว่าสามชั่วโมงครึ่งในการเดินทางกลับด้วยการจราจรที่ติดขัด มาร์คกลับมาถึงคอนโดของตัวเองในช่วงเวลาตะวันเกือบตกดินพอดี เคลื่อนรถเข้ามาจอดในชั้นใต้ดินแล้วจึงขึ้นลิฟต์ต่อมายังชั้นที่พักของตัวเอง สูทตัวหนาถูกถอดออกมาพาดไว้กับแขนเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆเท่านั้น

     
     

    “...” มาร์คยกยิ้มบางๆบนใบหน้าเมื่อหยุดฝีเท้าลง ณ หน้าบานประตูห้องของคนตัวเล็กที่ชื่อแบมแบม ปลายนิ้วกดลงไปบนปุ่มเล็กหน้าห้องพลางยืนรอให้อีกฝ่ายออกมาเปิดประตู

     
     

    ไม่รู้ว่าป่านนี้แบมแบมจะทำอะไรอยู่แล้วลิลลี่จะเป็นอย่างไรบ้าง หวังว่ายัยตัวเล็กจะไม่ดื้อจนแบมแบมเข็ดหลาบไม่ยอมช่วยเขาเลี้ยงอีกก็แล้วกันนะ...

     
     

    “...” ผ่านไปกว่าสามนาทีบานประตูยังปิดสนิท มาร์คตัดสินใจวางฝ่ามือลงบนที่ผลักประตูทรงสี่เหลี่ยมแล้วออกแรงเขยื้อน ทำให้รู้ว่าแบมแบมไม่ได้ล็อคประตูเอาไว้ทั้งที่ปกติแล้วคนตัวเล็กมักจะล็อคห้องเสมอ คราวนี้อาจจะเป็นเพราะว่าลืมล่ะมั้ง...

     

    มาร์คเลยถือวิสาสะผลักบานประตูเข้าไป ความรู้สึกแรกคือความเย็นของเครื่องปรับอากาศแบบพอเหมาะที่กระทบกับผิวกาย คนตัวโตย่อตัวลงนิดหน่อยเพื่อถอดเอารองเท้าหนังของตัวเองวางไว้บนชั้นไม้สีขาวของแบมแบมที่บนนั้นมีรองเท้าเพียงไม่กี่คู่วางอยู่ซึ่งเป็นของเจ้าตัวนั่นล่ะ

     
     

    “แบมแบม” มาร์คลองเรียกเมื่อเดินเข้ามาแล้วเห็นห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า แบมแบมเปิดแอร์ทิ้งไว้แต่ตัวเองไม่ได้อยู่ตรงนี้ ดวงตาคมกวาดมองประตูห้องนอนสองห้องที่ถูกปิดสนิท ส่วนของห้องน้ำก็ไม่มีแสงไฟลอดออกมาทำให้มาร์ครู้ว่าเจ้าตัวคงไม่ได้อยู่ในนั้น เหลือบานประตูสองบานให้เขาเลือกเปิดเข้าไป

     
     

    แกร๊ก...

     

    สุดท้ายมาร์คก็ต้องยอมเสียมารยาทด้วยการเลือกเปิดบานประตูเข้าไป โชคดีที่มาร์คเลือกถูก...อุณหภูมิในห้องอุ่นกว่าข้างนอกนิดหน่อย และภาพต่อมาที่ปรากฏต่อสายตาก็คือเตียงกว้างสีขาวสะอาดของแบมแบมนั้นมีร่างเล็กๆของลูกสาวเขานอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาอีกที ส่วนข้างๆเป็นร่างของคนที่เขาตามหาตั้งแต่เปิดประตูเข้ามากำลังนอนขดตัวหลับตาพริ้มอยู่ข้างกัน

     

     

    “...” ตอนแรกเขาตั้งใจจะเดินเข้าไปปลุกเจ้าของห้องให้ตื่น แต่แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน ฝ่ามือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของตัวเอง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนที่เสียงถ่ายภาพจะดังขึ้นหลายครั้งจนมาร์คพอใจ

     
     

    แบมแบมกับลิลลี่นอนหลับแล้วแก้มย้อยเหมือนกันเลย...


     

    “แบมแบม”

     

    “ห...หือ อ้าว คุณมาร์ค” แบมแบมสะลึมสะลือขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตัวเอง พอมองไปก็ตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคนๆนั้นคือมาร์คในชุดเสื้อเชิ้ตแปลกตา อันที่จริงเขาก็เห็นมาแล้วเมื่อเช้าตอนที่มาร์คจะออกไปทำงาน แต่ก็นั่นแหละ...มันไม่คุ้นตานี่นา

     
     

    “เผลอหลับเหรอครับ” มาร์คที่นั่งย่อตัวอยู่ข้างเตียงถามพร้อมรอยยิ้ม แบมแบมเสยผมไปข้างหลังลวกๆพลางดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง

     
     

    “ครับ...ไม่รู้หลับไปตอนไหน ดีที่ลิลลี่ไม่ตื่นมาตอนผมหลับนะเนี่ย” แบมแบมหน้าเสียหน่อยๆเมื่อคิดได้ว่าตัวเองไม่ควรเผลอหลับไปทั้งที่ยังเลี้ยงเด็กอยู่แบบนี้ มาร์คส่ายหัวพลางยื่นถุงกระดาษในมือให้อีกคนแทน

     
     

    “ไม่เป็นไรครับ ลิลลี่ไม่เป็นอะไรหรอก” มาร์คพูดปลอบ แต่แบมแบมกลับขมวดคิ้วเมื่อเห็นถุงกระดาษถูกยื่นมาตรงหน้าตัวเอง แถมตอนนี้เขาก็เริ่มเกิดอาการหน้าตึงแปลกๆ เพราะว่ามาร์คถือเป็นคนที่สองรองจากยองแจเพื่อนสนิทเขาเลยนะที่ได้ย่างกรายเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวแบบนี้

     
     

    “มันคืออะไรครับ...” แบมแบมยังไม่กล้ารับมา ได้แต่ส่งสายตาสงสัยไปให้มาร์คที่เอาแต่ส่งยิ้มบางๆให้เขาในลุคแปลกตาแบบนั้น ก็ไม่อยากจะจินตนาการหรอกนะ...แต่พอมาร์คแต่งตัวแบบนี้แล้วแบมแบมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกเด็กเสี่ยหรืออะไรทำนองนั้นเลยแฮะ

     
     

    “ขนมครับ ซื้อมาฝากแทนคำขอบคุณ” แบมแบมเม้มปากก่อนจะรับมันมาถือเอาไว้ สองมือเล็กแกะสติ๊กเกอร์ที่ปิดปากถุงออกเพื่อดูของที่อยู่ด้านใน ไม่สนใจว่ามาร์คจะยังมองมาที่เขาหรือว่าเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นลูกสาวตัวน้อยแล้ว

     
     

    “...”

     
     

    “คุกกี้เหรอ ขอบคุณมากนะมาร์ค” พอเห็นว่าข้างในเป็นกล่องแสตนเลสทรงคุ้นตาแบมแบมก็เดาได้ทันที แม้ว่าจะไม่ใช่คุกกี้ร้านใต้คอนโดเจ้าประจำก็เถอะ...

     
     

    “ไม่เป็นไรครับ อ่า...แล้วก็ผมขอโทษนะที่เดินเข้ามาในห้องนอนคุณ คือ..ผมเรียกแล้วแต่คุณไม่ขานรับ”

     
     

    “ไม่เป็นไร ก็ลูกคุณอยู่ในนี้นี่นา” แบมแบมวางถุงลงข้างตัวก่อนจะขยับกายลุกออกจากเตียง เขาดูเหมือนไม่ให้เกียรติมาร์คยังไงก็ไม่รู้ที่นั่งอยู่บนเตียงโดยปล่อยให้แขกนั่งยองๆอยู่ที่พื้นด้านล่างนั่นน่ะ

     
     

    “ลิลลี่...ตื่นเถอะครับ” มาร์คเองเมื่อเห็นว่าแบมแบมเดินหายเข้าไปในห้องน้ำก็ขยับเข้าไปปลุกลูกสาวที่นอนหลับตาพริ้มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ปลายนิ้วหนาเกลี่ยลงบนผิวแก้มนุ่มนิ่มอย่างทะนุถนอมจนกระทั่งลิลลี่ขยับตัวพลางส่งเสียงคล้ายหงุดหงิดอยู่ในลำคอ

     


    “กลับห้องเรากันเถอะเด็กดี”

     
     

    “...” แบมแบมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยหยาดน้ำที่เกาะพราวเต็มใบหน้า เขาเข้าไปล้างหน้าล้างตาให้คลายจากความงัวเงียเพื่อเตรียมช่วยมาร์ครับมือกับลิลลี่ที่อาจงอแงจากการถูกปลุก แต่วันนี้ลิลลี่ก็นอนยาวนานเกินไปจริงๆนั่นแหละ ตื่นมาให้ตาสว่างบ้างก็น่าจะดี

     
     

    “ง...แงงง”

     
     

    “ชู่ว ไม่ร้องสิ” แบมแบมเดินแทรกมาร์คเข้าไปอุ้มเด็กน้อยที่พอลืมตามาก็ร้องไห้จ้าขึ้นแนบอก มือเรียวลูบหลังลูบไหล่ให้เด็กน้อยคลายจากอารมณ์หงุดหงิดและง่วงงุน พาเดินออกมานอกห้องนอนพร้อมกับมาร์คที่เดินตามมาไม่ห่าง

     


    จนกระทั่งลิลลี่หยุดร้องได้แบมแบมก็ส่งคืนให้มาร์คที่ช่วยหลอกล่อดึงความสนใจลูกสาวที่เอาแต่ซบหน้าบนไหล่เล็กของแบมแบมในที่สุด ชายหนุ่มกดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนุ่มของลูกสาวตัวน้อยอย่างรักใคร่ก่อนจะหันมามองคนตัวเล็กที่เดินตามออกมาส่งเขาถึงหน้าประตู

     
     

    “ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้ ถ้าไม่มีมีแบมแบมผมกับลิลลี่ต้องลำบากแน่ๆ” แบมแบมพยักหน้าเบาๆยิ้มรับคำขอบคุณของคุณพ่อข้างห้อง อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมายเพราะว่าลิลลี่เองก็ไม่ได้ดื้อจนทำให้เขาปวดหัวหรือหนักใจอะไร

     
     

    “แล้วก็...ถ้าลองกินขนมแล้วบอกผมด้วยนะครับว่ารสชาติมันสู้ร้านโปรดของคุณได้หรือเปล่า” คนตัวเล็กเม้มปากแน่นตอนที่มาร์คพูดประโยคสุดท้ายออกมา เผลอกลั้นหายใจหน่อยๆตอนที่เหลือบตาขึ้นมองสบเข้ากับดวงตาคมกริบของอีกฝ่ายเข้าอย่างพอดิบพอดี

     
     

    “ค...ครับ ยังไงเดี๋ยวจะบอก”

     
     

    “ฮ่ะๆ ครับผม”

     


     

     

     

                    ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มตรง แต่แบมแบมกลับไม่รู้สึกง่วงแต่อย่างใด เสียงจากโทรทัศน์ที่ฉายรายการโชว์จากต่างประเทศดังอยู่เนืองๆเพื่อช่วยไม่ให้ห้องเงียบเหงาจนเกินไปสำหรับการอยู่คนเดียวแม้ว่าคนที่นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนโซฟาด้วยมือข้างเดียวนั้นจะให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือตรงหน้ามากกว่าก็ตาม

     
     

    “...” นิ้วเรียวจิ้มแป้นพิมพ์จนกระทั่งมันเรียงเป็นประโยคยาวๆ ก่อนที่คิ้วเล็กจะขมวดเข้าหากันแล้วพาลกดลบมันทิ้งทั้งหมดด้วยความหงุดหงิด

     
     

    ก็แค่จะส่งไลน์ไปบอกมาร์คเรื่องรสชาติขนม ทำไมเขาจะต้องคิดเยอะด้วยล่ะ!


     

    “พอๆๆๆๆ” ในที่สุดเขาก็กดส่งประโยคที่พิมพ์ไปในที่สุด และแบมแบมก็มีความกล้าไม่มากพอที่จะรอข้อความตอบกลับของอีกฝ่าย คนตัวเล็กตัดสินใจกดปุ่มปิดโทรศัพท์มือถือทันทีเมื่อข้อความที่เขาพยายามละเมียดละไมพิมพ์มันอยู่นานถูกส่งออกไปเป็นที่เรียบร้อย

     
     

    ก็แค่ประโยคที่บอกว่า...

     
     

    ผมลองชิมคุกกี้แล้ว ยังชอบรสชาติของร้านเดิมมากกว่า

     
     

    แต่ว่าร้านใหม่ก็ทำให้รสชาติแบบเดิมๆเปลี่ยนไปเหมือนกัน…’

     
     

    มันก็...ดีไปอีกแบบนะ’ - BamBam1a 22.20 น.

     

     

     

     

    TALK!

    ฝากลูกไว้ที่ใครก็ฝากใจไว้ที่คนนั้นแหละ หิหิ
    เป็นยังไงกันบ้าง ตอนนี้เขาก็พัฒนาความไว้ใจกันมาขั้นฝากลูกให้เลี้ยงแล้วนะ
    5555555555555555
    แล้วก็สำหรับคนที่กลัวว่าจะดราม่าจากตอนที่แล้วก็จะแอบบอกไว้ก่อนว่ายังหรอก...ยังไม่ใช่ช่วงนี้
    (ถึงจะม่าแต่ก็ไม่หน่วงหรอก เรื่องนี้เน้นอ่านสบายนี่เนอะ) เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวค่ะ ฮ่าๆ
    เอ้อ แล้วเรื่องหาอิมเมจเราคิดดูแล้วนะคะ ขอไม่ยืมอิมเมจน้องลิลลี่แล้วกันค่ะ
    เรารู้ว่านักอ่านของเรามีความสามารถในการจินตนาการสูงเนอะ ทุกคนต้องจิ้นหน้าหนูลิลลี่ออกมาได้สิ ปฏิบัติ!

    ปล. วันนี้ทอร์คยาวอะคล้ายๆว่าจะเหงาหรือเก็บกด ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์และโหวตนะคะ มันเป็นแหล่งพลังงานของเราเลยแหละ


    #ficwdwmb


    twitter : @since9397

     

     

     

     

                                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×