คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Microscope
->Light Microscope --> Stereomicroscope
--> Compound Light Microscope
o Dark feild
o Phase Contrast
o Fluorescense
->Electron Microscope -->Transmitted Electron Microscope
-->Scanning Electron Microscope
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท นะคะ
1 Light microscopes/Optical microscopes >ใช้แสง
- แสงกระทบวัตถุเข้าสู่ตา ตาสามารถรับภาพได้(ตามี photoreceptor ที่เป็นตัวรับแสง ทำให้คนมองเห็นภาพที่เกิดจากแสงตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าตาได้)
2 Electron microscopes >ใช้ electron
- ตาไม่สามารถรับภาพได้ (ตาไม่มีตัวรับอิเล็กตรอน)
- ต้องใช้จอรับอิเล็กตรอนต่อกับตัวกล้อง เพื่อดูภาพจากกล้องอีกที
Light microscopes
แบ่งเป็น 2 ชนิดอีก
Stereomicroscope Compound light microscope
1 Stereomicroscope 2 Compound light microscope
แสงส่อง ด้านบนวัตถุ ด้านล่างวัตถุ
วัตถุ โปร่ง/ทึบแสง โปร่งแสง only
เลนส์ใกล้วัตถุ น้อยกว่าหรือเท่ากับ4x 4x 10x 40x 100x
ไม่สามารถเปลี่ยนกำลัง สามารถเปลี่ยนกำลังขยาย
ขยายได้
ภาพที่เกิด ภาพเสมือน 3 มิติ ภาพเสมือน 2 มิติ
+ วิธีจำ
Stereomicroscope ตัว s นำ ให้คิดถึง scan สแกนภาพภายนอก ภาพเลยเป็น 3D
Compound light microscope ตัว c นำ ให้คิดถึง cut ตัดแล้วเอามาส่อง เลยใช้ส่องได้แค่วัตถุบางๆ โปร่งแสง เกิดภาพ 2D
ในหนังสือเน้นไปที่ Compound light microscope แบ่งออกเป็นย่อยๆได้อีกนะ
-Dark field แปลเป็นไทยว่า จอดำ คือจอหลังมืด ใช้ศึกษาวัตถุใสไม่ต้องย้อมสี เช่นพวก โปรติสท์ในน้ำ ,Spirochete (เป็นแบคทีเรียรูปเกลียว ก่อเกิดโรคฉี่หนูนะ)
ภาพ Spirochete
-Phase contrast ใช้ตัวกลางหักเหแสงหลายตัว ใช้ศึกษาโครโมโซมระหว่างการแบ่งเซลล์
-Fluorescense ใช้ย้อมสีพิเศษ และใช้รังสี UV จะติดสีเฉพาะตัวที่ศึกษา ใช้ศึกษาโครงร่างของเซลล์
ข้อควรรู้ Compound light microscope
= กำลังขยายสูงสุด 1000 เท่า
= ขนาดที่เล็กสุดที่เห็นได้ .2 ไมโครเมตร หรือ 200 นาโนเมตร
เกี่ยวกับเลนส์กล้อง
= มีเลนส์นูนทำให้เกิดภาพ 2 ตัว
เลนส์ใกล้วัตถุ ระยะวัตถุอยู่ระหว่าง f ถึง 2f =>ให้ภาพหัวกลับ
เลนส์ใกล้ตา ระยะวัตถุอยู่ที่ <f =>ขยายภาพหัวกลับอีกที
= ภาพที่เกิด จะเป็น ภาพเสมือน หัวกลับ กลับซ้ายไปขวา
ลูกศรสีฟ้า = วัตถุ ลูกศรสีเหลือง = ภาพ
เทคนิคหาภาพจากเลนส์ จากภาพเดิม หมุนภาพไป 180 องศา จะได้ภาพที่ผ่านกล้องจุลทรรศน์
สมมติภาพเป็น ( หมุนไป 180 องศา จะได้ภาพจากกล้องจุลทรรศน์เป็น )
สมมติภาพเป็น P หมุนไป 180 องศา จะได้ภาพจากกล้องจุลทรรศน์เป็น d
Electron microscope
-ใช้ลำอิเล็กตรอนในการเกิดภาพ ต้องใช้ฉากรับ ใช้เลนส์แม่เหล็กไฟฟ้า ศึกษาได้เฉพาะวัตถุไม่มีชีวิต
แบ่งเป็น 2 ชนิดนะจ้ะ
Transmitted EM ส่องผ่าน >> ต้องหั่นวัตถุให้บางมาก ภาพเป็น 2D
Scanning EM ส่องกราด >> นึกถึง scan ภายนอก ภาพเป็น 3D *วัตถุต้องเคลือบด้วยทองคำ เพื่อให้ ลำอิเล็กตรอนตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนได้*
ตารางเปรียบเทียบกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง กับ กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน
ลักษณะที่เปรียบเทียบ |
กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง |
กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน |
1. แหล่งกำเนิดแสง |
กระจกหรือหลอดไฟ |
ปืนยิงอิเล็กตรอน |
2. แสงที่ใช้ |
แสงสว่างในช่วงที่ตามองเห็นได้ (ม่วง-แดง) ความยาวคลื่น 4,000-7,000 อังสตรอม |
ลำแสงอิเล็กตรอนความยาวคลื่นประมาณ 0.05 อังสตรอม |
3. ชนิดของเลนส์ |
เลนส์แก้ว |
เลนส์แม่เหล็กไฟฟ้า |
4. กำลังขยาย |
1,000-1,500 เท่า |
200,000-500,000 เท่า หรือมากกว่า |
5. ขนาดของวัตุที่เล็กที่สุดที่มองเห็น |
0.2 ไมโครเมตร |
0.0004 ไมโครเมตร |
6. อากาศในตัวกล้อง |
มีอากาศ |
สุญญากาศ |
7. ภาพที่ได้ |
ภาพเสมือนหัวกลับดูได้จากเลนส์ตา |
ภาพปรากฎบนจอรับภาพเรืองแสง |
8. ระบบหล่อเย็น |
ไม่มี |
มีเนื่องจากเกิดความร้อนมาก |
9. วัตถุที่ส่องดู |
มีหรือไม่มีชีวิต |
ไม่มีชีวิตเท่านั้น |
สุดท้ายแล้ววๆๆๆๆ
สูตรคำนวณกล้อง มี 2 สูตร
กำลังขยาย= ขนาดภาพ / ขนาดวัตถุ
ความคิดเห็น