ตอนที่ 26 : Unexpected EP.23 - I'll Protect You
“ยินดีด้วยนะคะ”
“=//=”
“ยินดีด้วยครับ”
“ยินดีด้วยนะพี่ท็อป!”
“ยินดีด้วย…”
พ่อจ๋า แม่จ๋า ใครก็ได้พาหนูไปจากสถานการณ์นี้ที่ ฮือT^T
อยากรู้ไหมว่าฉันอยู่ที่ไหน…ตอนนี้ฉันอยู่มหาลัยกำลังเดินเข้าตึกคณะตัวเองอยู่แหละ แต่อยากจะกรีดร้องออกมา ตั้งแต่เมื่อวานเย็นหลังจากกลับจากรีสอร์ทพี่ท็อป ฉันก็พาเขาไปไหว้พ่อกับแม่ แต่สาบานเถอะว่ายัยนิวเยียร์ได้มาเล่าเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฉันฟังหมดแล้ว ไม่รู้ว่าใครเป็นลูกสาวแท้ๆกันแน่
พ่อแม่ฉันค่อนข้างช๊อบชอบพี่ท็อปมากเลย เอาอกเอาใจอย่างกับลูกแท้ๆ มีบอกอีกว่าจะยกฉันให้แบบไม่เอาตังค์แล้วแถมข้าวสารให้อีก10ถึง สุดยอดไปเลยอะ
ไม่เท่านั้นพอเหยียบเข้าหอพัก คนที่อยู่หอพักของเราต่างมากดกริ่งหน้าห้องแล้วแสดงความยินดีจนฉันกับพี่ท็อปแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน บ้างคนก็มีส่งการ์ดใต้ประตู และโทรมาแสดงความยินดี ไหนยังจะมีป้ายประกาศตรงตึกอีก ฉันคิดว่านี้มันบ้าที่สุด
แต่ใช่ว่าจะมีแต่คนยินดีนะ มีคนด่าฉันและพี่ท็อปก็มีบ้างก็ว่ากระแส สาปแช่งให้เลิกกัน ว่าเราไม่เหมาะกัน ยุยงให้ไปตายก็มี แต่ฉันไม่เห็นว่าไอ้คนบ้าที่เดินอยู่ข้างหลังฉันมันจะรู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด
“คิดถูกจังที่เดินมา ได้เจอคนอวยพรเยอะแยะไปหมด”
“ชิ คิดถูกับผีนะสิ อายจนจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว!”
“อย่าทำหน้างอนสิ จะเป็นเจ้าสาวอยู่แล้วทำหน้างอนไม่สวยด้วยรู้เปล่า”พี่ท็อปยังคงความอามรมณ์ดีไม่มีเปลี่ยน มาเดินล้อมหน้าล้อมหลังฉันที่จ้ำๆให้ถึงห้องเรียนเร็วๆจนน่าโดนตีสักทีสองที
“ไปเรียนได้แล้วไป มาส่งปริ้นอยู่ได้เดียวเข้าเรียนสายหรอก”
“ไม่เอา จะไปส่งถึงห้องเรียนเลย^^”ไม่พูดแค่เสียง พี่ท็อปยังมีหน้าดึงแขนฉันไปจับอีก แล้วนี้มันเข้าตัวตึกแล้วคนมองเยอะแยะ ฉันแทบจะสิงเสาคณะแทนจะไปเรียนแล้วให้ตาย
“พี่ท็อป! โอ้ย…พูดอะไรไม่ฟังกันเลยนะ”
“เอาน่าๆ เดี๋ยวก็ชินไปเองแหละ”
เฮ้อ! ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้นะพี่ท็อป
“ถึงห้องเรียนแล้ว ปล่อยสิ”
“วันนี้ต้องกลับหอเอง รีบกลับก่อนมืดละรู้ไหม”
“รู้แล้วน่า สั่งรอบที่ล้านแล้วเนี่ย”
“ก็พี่เป็นห่วงนิ ถ้าไม่ติดว่าอาจารย์ขอให้ไปช่วยพี่ไม่ไปหรอก คิดถึงว่าที่ภรรยา ฮาๆ”
“พี่ท็ออป!”ทำไมเขาชอบทำให้ฉันเขินแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวตลอด
แล้วที่เขาบอกว่าอาจารย์ให้ไปช่วยคือไปช่วยดูสถานที่จัดการประชุมสัมนาที่มาหลัยและมหาลัยในเครือต้องเข้าร่วม ประเด็นคือทางมหาลัยอยากได้ที่ถูกและดีเลยจะใช้โรงแรมของพี่ท็อปในการจัดงาน เลยขอให้พี่ท็อปพาไปดูสถานที่จริงหลังเรียนเสร็จ ฉันก็เลยต้องกลับเองโดยปริยาย
แต่ก็ไม่ซีเรียสหรอกนะ เพราะฉันนัดกับยัยนิวเยียร์ว่าจะไปหาอะไรทานกันก่อนกลับหอพัก
“เรียนเสร็จโทรหาพี่ด้วย แล้วจะไปไหนกับน้องนิวก็ต้องโทรรายงานพี่ก่อน ถึงร้านก็ต้องบอก ออกจากร้านก็ต้องบอก จนกว่าจะถึงห้องก็ต้องรายงานห้ามหายไปเฉยๆเข้าใจไหม”
“ทำไมไม่เอาก้าวเท้าซ้ายหรือเท้าขวาด้วยเลยละคะ ถ้าจะละเอียดขนาดนี้- -!”
“เข้าท่าดีนะ ถ้าทำได้ก็ดีเลย^^”
“พี่ท็อป!”แล้วเขาก็หัวเราะร่วนที่เห็นฉันชักสีหน้าดุใส่
“แหมหวานจังนะคะพี่ท็อปปริ้น ฟีย่ายินดีกับทั้งคู่ด้วยนะ^^”แต่เสียงที่แทรกผ่านหลังฉันมาทำให้ฉันแบะปากใส่และเป็นพี่ท็อปที่ยิ้มทักเธอ
“ขอบคุณนะน้องฟีย่า แล้วไว้จะเอาการ์ดเชิญไปให้^^”
“ถึงไม่ให้ยัยนี่ก็หน้าด้านพอจะไปอยู่ดีแหละค่ะ ถ้าไม่กลัวแสลงใจอะนะ”ฉันกอดอกจ้องฟีย่าอย่างเย้ยหยัน และเธอก็ยังคงยิ้มแย้มเหมือนว่าไม่รู้ว่าฉันกำลังปั่นประสาท
“ปริ้น…”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ท็อป ปริ้นคงโกรธฟีย่าในทุกเรื่องที่ผ่านมา ฟีย่าอยากให้ปริ้นรู้นะว่าฟีย่าคิดได้แล้ว พี่ยุนอาเธอพูดให้ฟีย่าได้คิด ได้รู้สึกขอโทษปริ้นจากใจจริง จากนี้ไปฟีย่าจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับปริ้นแล้วนะ สัญญา”
เธอตีบทนางร้ายกลับใจได้สุดขั้วไปเลย ฉันเห็นน้ำตาซึมๆและเสียงคลอๆของเธอชัดเจน แบบว่ายังไงละ คิดได้เหรอ สำนึกได้เหรอ จากทุกเรื่องที่ผ่านมาฉันรู้ว่าพี่ท็อปเองก็คงจะพอรู้แล้วละว่าใครเป็นตัวกลางที่ทำให้เราสองคนมีเรื่องเข้าใจผิดมาโดยตลอด เพราะช่วงไปทะเลที่ผ่านมาฉันเห็นพี่ลิตเติ้ลโทรหาพี่ท็อปเรื่องคนปล่อยรูปบ้าๆ ของฉันกับฟีนิกซ์ แต่พี่ท็อปเลือกที่จะไม่พูดและฉันเลือกที่จะไม่ถามเราเลยปล่อยผ่านไป แต่เมื่อกี้ที่ยัยฟีย่าทักมาน้ำหนักในการจับมือฉันที่ส่งมาจากพี่ท็อปมันหนักแน่นและแสดงถึงการปกป้องออกมาอย่างที่ฉันรู้สึกได้
“ก็ขอให้จริง เพราะฉันก็ไม่อยากจะยุ่งกับเธอหรือน้องชายเธออีกต่อไป!”
“จ้ะ ฟีนิกซ์เองก็ไม่กล้ามายุ่งกับปริ้นแล้วแหละ งั้นฟีย่าเข้าไปในห้องก่อนนะ”เธอพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรกว่าทุกครั้งก่อนที่จะเดินเข้าไปโดยทิ้งฉันไว้กับพี่ท็อปหน้าห้อง
ถึงจะไม่อยากเชื่อร้อยเปอร์เซน แต่ถ้าเป็นอย่างที่ยัยนี้ว่าฉันก็แฮปปี้นะ เพราะสองคนนี้เป็นตัววุ่นวายในชีวิตของฉันมามากพอแล้ว เรียกได้ว่าตัวเวรตัวกรรมที่มีตัวตนเลยละ
“เข้าเรียนเถอะนะ พี่ไปแล้ว อย่าลืมโทรอย่างที่สั่ง ไม่งั้นจะเจอดีแน่”
“รู้แล้วน่า พี่ท็อปก็เหมือนกัน ถ้าไปไหนนอกเหนือจากที่พูดไว้ละน่าดู!”
“คร๊าบ คุณว่าที่ภรรยา!”แล้วคนบ้านี่ก็ยังกระเซ้าให้ฉันคิ้วกระตุกจนวินาทีสุดท้ายก่อนจะรีบวิ่งลงไปจากตึกฉัน ถ้าช้ากว่านี้แม่จะตีให้ไหล่หลุดเลยคอยดู ตาคนกระล่อน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะแต่ตอนนี้ฉันกับยัยนิวก็อิ่มมื้อเย็นแล้วด้วย ตอนแรกก็คิดว่าจะแค่ทานมื้อกลางวันเท่านั้นแล้วเดินเล่นห้างทั่วไป แต่พอคิดว่าต้องกลับไปกินข้าวคนเดียวที่ห้องฉันก็เลยดึงยัยเพื่อนตัวดีให้อยู่เดินเล่นด้วยกันต่อจนถึงตอนนี้เลย
“พี่ปีย์อยู่ไหนแล้วค่ะ ไหนบอกจะมาภายในครึ่งชั่วโมงไง นี่มันจะชั่วโมงครึ่งแล้วยังไม่มาอีก”ยัยนิวชักสีหน้ากึ่งงอนกึ่งวีนใส่สายเพราะว่าแฟนหนุ่มเลื่อนเวลานัดเธอมานานแล้วอย่างที่บอก
“ไม่ต้องมารับแล้ว นิวกับปริ้นนั่งแท็กซี่กลับเองคงเร็วกว่า พี่ปีย์จะได้ไม่ต้องวนรถมาด้วย เจอกันที่ห้องเคลียร์กันที่ห้องนะคะ บาย”ถึงสีหน้าจะดูบุญไม่รับ แต่เธอก็แค่ผ่อนลมหายใจออกมา
เซ็งๆแล้วกระดกน้ำส้มในแก้วเข้าปากระงับอารมณ์
“กลับเองก็ได้แก แท็กซี่เยอะแยะ”
“ฉันไม่ได้โกรธที่พี่ปีย์มารับไม่ทัน แต่โกรธไม่ยอมโทรมาบอกให้เร็วกว่านี้ ดีนะที่กินข้าวไปอิ่มแล้ว ไม่งั้นจะวีนให้หูหนวกเลย”
“แกติดวีนตั้งแต่เมื่อไรย่ะ ปกติไม่เคยเห็น”
“ก็เออน่า ว่าแต่แกเหอะซื้อของครบแล้วใช่ปะ กลับเลยไหม”
“อืม…ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรแล้วนะ กลับเลยก็ได้มั้ง”
ฉันกับนิวหอบของผลุงผลังเดินลงมาข้างห้างกันสองคน ฝั่งที่ขึ้นแท็กซี่เป็นฝั่งด้านข้างของห้างที่มืดเล็กน้อยแต่ยังดีที่มีไฟติดอยู่ มีอีกประมาณสองคิวก็จะเป็นคิวฉันแล้วฉันกับยัยนิวก็ได้แต่คุยกันไปเพื่อฆ่าเวลา
จนคิวข้างหน้าหมดและเหลือแค่เราที่กำลังรอ
“เออปริ้น แม่ฉันรู้เรื่องแกจะแต่งงานแล้วนะ ท่านเลยซื้อครีมบำรุงผิวสูตรเจ้าสาวเร่งรัดส่งมาให้แกเต็มเลยพรุ่งนี้น่าจะถึงไทย”
“เอาอีกแล้ว เกรงใจคุณป้าอะ แต่ยังไงก็ฝากขอบคุณนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะโทรหาพ่อแม่แกอีกที”
“รถมาแล้ว!”ยัยนิวเรียกรถแท็กซี่ก่อนจะบอกทางที่ไปคอนโดมหาลัย
“แล้วไปดูฤกษ์แต่งเมื่อไรเนี่ย ฉันเองก็ควรจะต้องบำรุงหน้าเหมือนกันนะ เพื่อนเจ้าสาวจะให้หน้าศพไปยืนข้างแกไม่ได้หรอก”
“อย่าเวอร์ไอ้นิว ฉันยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย ฤกษ์ก็ให้แม่พี่ท็อปจัดการแหละ พ่อแม่ฉันโอเคหมด ขอเพียงแค่ฉันโอเค”
“นั้นสิน่ะ ตอนที่ฉันคาบข่าวไปบอกคุณลุงคุณป้ากรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เลย หึๆ”
“ชิ พ่อแม่ใครกันแน่ก็ไม่รู้ ฉันถึงได้โดนพ่อแซวไม่เลิกอยู่นี้ไง- -^”
“ฮาๆ หาววว ว่าแต่ทำไมจู่ๆก็ง่วงขึ้นมาดื้อเลยวะ ปกติไม่ง่วงเร็วแบบนี้นะ”นิวเยียร์ยกมือกุมปากก่อนจะหาวสองสามรอบ และฉันเองก็เริ่มรู้สึกเช่นเดียวกัน
“เออ สงสัยช็อปกันเยอะไปหน่อย หาววว”
“ไม่ใช่ว่าในอาหารมันมีอะไรที่กินแล้วง่วงหรอกใช่ปะวะ”
“ไม่หรอกมั้ง ไม่ใช่ยานอนหลับ…”ฉันพูดแล้วหันไปทางยัยนิวที่เริ่มตาปรือแต่หางตานั้นมันหันไปประจวบเหมาะกับคนขับแท็กซี่
ยานอนหลับ?
“คุณลุง…ใส่ผ้าปิดจมูกทำไม….”ยังไม่ทันที่คำถามของฉันจะถามออกไปจนหมดสติและภาพตรงหน้าก็ดับวูบไปอย่างที่ฉันไม่คาดคิด
Top Say:
‘ขอโทษค่ะ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้…’
ผมยกโทรศัพท์กดโทรออกรอบที่ยี่สิบกว่าหลังจากที่กลับถึงคอนโด สิ่งที่เห็นคือภายในห้องมืดสนิทไม่มีไฟเปิดสักดวง และแน่นอนว่าคนที่ผมอยากเจอก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกัน
แต่ปริ้นโทรบอกผมเมื่อชั่วโมงที่แล้วนะว่ากำลังจะออกจากห้างแล้ว แต่ทำไม…ยังไม่ถึงอีกวะ
ปึก ปึก ปึก
ผมหันมองประตูที่ถูกเคาะอยู่หลายครั้งก่อนที่จะรีบวิ่งไปเปิด
“ทำไมถึงช้า…อ้าวไอ้ปีย์!”
“มึงโทรติดต่อปริ้นได้ไหมไอ้ท้อป กูติดต่อนิวไม่ได้มาเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย”
“เห้ยกูก็ไม่ได้!”
“ฉิบหาย กูก็นึกว่านิวงอนโทรไปปิดเครื่องใส่ นี่มึงก็ติดต่อปริ้นไม่ได้เหรอวะ?”
“ดะเดี๋ยวไอ้ปีย์ มึงหมายความว่าไง”ผมรีบถามกลับอย่างร้อนใจเมื่อมันทำสีหน้าอย่างกับโลกจะแตก
“ก็กูสัญญาว่าจะไปรับนิวกับปริ้นที่ห้าง แต่พอดีกูอยู่ดูเด็กในชมรมซ้อมถึงมืดไปรับไม่ทัน สองคนนั้นเลยจะนั่งแท็กซี่กลับกันเองกูเห็นว่าแค่หกโมงเลยปล่อยให้นั่งแท็กซี่ แต่นี้มันจะสองทุ่มแล้วกูติดต่อนิวไม่ได้ เลยรีบมาถามมึงเนี่ย”
“เห้ย ปริ้นก็ติดต่อไม่ได้มาเป็นชั่วโมงแล้วเหมือนกัน ไม่ใช่ว่า…”
“มึงสองคนประชุมอะไรกันอยู่วะ น่าตาซีเรียสจัง”เสียงทะเล้นของไอ้ธันเดอร์ทำให้ผมสองคนหันไปเจอมันและไอ้มาร์ชที่พ่วงยุนอามาด้วย
“มึงคืองี้นิวกับปริ้นไปเที่ยวห้างใกล้ๆมหาลัย แล้วนั่งแท็กซี่กลับแต่เป็นชั่วโมงแล้วยังไม่ถึงกูกับไอ้ท้อปโทรหาก็ไม่ติดสักคน มึงคิดว่าไงวะ!”
“ระ…รับพาตัวเหรอ?”แล้วยุนอาก็ตาโตก่อนจะพูดคำที่พวกเราคิดอยู่ในใจออกมา
“เวรแล้วไง แล้วทำไงดีวะ”ไอ้มาร์ชที่หน้าเหวอเริ่มดึงสติก่อนที่มันจะคิดอะไรในหัว มันเป็นเด็กเรียนที่สุดในกลุ่ม และคิดแผนเจ๋งๆที่สุดในกลุ่มตอนนี้ทุกสายตาเลยหันไปกดดันมันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“มึงไอ้ธัน พ่อมึงเป็นตำรวจยศสูง ส่งคนไปดูกล้องวงจรปิดที่ห้าง ขอเช็คดูเวลาที่ปริ้นกับนิวขึ้นแท็กซี่กูคิดว่าน่าจะได้ป้ายทะเบียนรถ”
“ส่วนไอ้ปีย์ พ่อมึงทำอยู่ระบบไอทีเอาเบอร์ของปริ้นและนิวให้ท่านตรวจสอบเช็คหาสัญญาณล่าสุดที่ตรวจสอบได้”
“ส่วนไอ้ท็อป มึงตามไปที่ห้างกับกู หวังพึ่งตำรวจอย่างเดียวคงไม่ทัน ถ้าทำอะไรได้คงต้องทำกันก่อน แล้วถ้าติดต่องานของพวกมึงเสร็จ ออกตามหาในที่ที่คิดว่าปริ้นกับนิวน่าจะไปดู เผื่อสองคนนั้นจะแค่แบตหมดหรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่อย่างที่เราคิด”
“เออ โอเค”
เราแยกกันออกมาตามที่ไอ้มาร์ชบอก บางทีมันอาจไม่ใช่อย่างที่คิด แต่บางทีมันอาจจะใช่ ผมเครียดวะ…
“ใจเย็นๆ นะท็อป น้องปริ้นต้องไม่เป็นอะไร”
“ขอบใจนะยุนอา แต่ถ้าปริ้นเป็นอะไรนะ ท็อปจะทำไอ้เวรที่ทำกับปริ้นให้มันไม่ได้ผุดได้เกิดแน่”
“มึงคิดดีๆ ดิ ไอ้ท้อป น้องปริ้นกับน้องนิวมีคู่ปรับปะวะ หรือเป็นไปได้ไหมว่าที่เป็นแบบนี้เพราะว่าแกประกาศแต่งเลยมีใครที่ไม่พอใจ…”ไอ้มาร์ชทำให้ผมนึกคิดในเรื่องนี้ แต่ถ้าให้นึกจริงก็คิดว่าไม่…
“เป็นไปไม่ได้มั้ง?”
“ท็อป เป็นอะไร คิดอะไรออกเหรอ?”แล้วก็เป็นยุนอาที่หันมามองผมที่นั่งเบาะหลังแล้วคิดอะไรขึ้นมาได้
“ยุนอา ฟีย่าอยู่ไหน!”
“ฟีย่า…ตอนยุนอาออกไปกินข้าวกับมาร์ชเห็นเธอนั่งคุยโทรศัพท์อยู่นะ แต่พอยุนอาเดินเข้าไปใกล้เธอก็เดินเข้าห้องไปเลย คงอยู่ในห้อง…ถามทำไมเหรอ?”
“ไม่รู้สิ ท็อปก็ไม่อยากอคติคิดถึงเรื่องเก่าที่ฟีย่าทำกับปริ้นหรอกนะ แต่เท่าที่เราพอจะรู้ทั้งเรื่องตกลงไปในหลุมที่ค่าย เรื่องรูป มันก็เป็นเพราะน้องฟีย่าไม่ใช่เหรอ”
“จริงด้วย!”
“ยุนอาโทรหาฟีย่าสิ”แล้วมาร์ชก็โพล่งขึ้นด้วยเสียงที่เห็นด้วยกับผม
“ยุนอาจะถามว่าอะไรดีอะ เดี๋ยวเธอจะสงสัยเอา”
“ก็บอกไปว่าผ่านร้านเค้กที่เธอเคยฝากยุนอาซื้อครั้งที่แล้ว เธออยากกินไหม เปิดสปีเกอร์โฟนนะเราจะได้รู้ว่าเธออยู่ไหน”
มาร์ชสั่งยุนอาเป็นขั้นเป็นตอนก่อนที่ยุนอาจะเริ่มทำตามเธอกดโทรออกแล้วรอให้ฟีย่ารับสาย
(สวัสดีค่ะ พี่ยุนอา)ฟีย่ารับสายเสียงเงียบโดยที่เจือไปด้วยอาการงัวเงียเล็กน้อย
“ฟีย่า พอดีพี่แวะมากินข้าวแถวร้านเค้กที่ฟีย่าชอบให้พี่ซื้ออะไรไปฝากไหม?”
(อืม…ไม่ดีกว่าค่ะ ฟีย่าลดน้ำหนักอยู่ ขอบคุณนะคะ)
“เอ่อ แล้วอยู่ไหนเหรอจ้ะ?”
(นอนอยู่ในห้องค่ะ พี่ยุนอาถามแปลกนะคะ…โฮ่ง โฮ่ง)เธอตอบกลับมาพร้อมเสียงเห่าของเจ้ากาฟิวหมาน้อยพันธ์ชิสุทอยด์ที่เธอชอบพามาเดินเล่นหน้าคอนโดบ่อยๆ เป็นการยืนยันชั้นดีว่าเธออยู่ที่ห้องไม่ได้ไปไหน จนผมและไอ้มาร์ชพยักหน้าให้ยุนอารีบตัดสายไป เธอคงไม่ใช่แล้วละถ้าอยู่หอ
“อ่อ ปกติฟีย่าไม่นอนเร็วขนาดนี้ไงเห็นชอบดูละครหลังข่าวก่อน ไม่กวนแล้วแค่นี้นะ”
(ค่ะ)
“ไม่น่าใช่แล้ว เราจะทำยังไงกันต่อดีละ…”
หลังจากที่ไอ้มาร์ชพาพวกเราขับรถมาถึงห้าง ทางตำรวจที่เป็นลูกน้องพ่อไอ้ธันเดอร์ก็รีบจัดการเรื่องกล้องวงจรปิดและสั่งตามหารถแท็กซี่ตามป้ายทะเบียนแล้ว ซึ่งกล้องที่ค้นพบอยู่ที่ซอยเรียบทางด่วนที่เป็นสลัมเล็กๆ
“ซอยละแวกนั้นมันทะลุกันได้หลายซอยครับ ทำให้ยากต่อการค้นหา ตอนนี้ทางตำรวจก็เร่งค้นหากันเต็มที่ถ้าได้เรื่องยังไงเราจะรีบแจ้งทันที”
“ขอบคุณมากนครับ”ผมพอเข้าใจซอยที่มันยากต่อการค้นหาเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันจะอยู่ในละแวกนั้นหรือจะเปลี่ยนรถแล้วหลบหนีต่อ แต่ขอให้มันเป็นอย่างแรกทีเถอะ เพราะผมจะรีบลากคอมันมาจัดการให้สาสมเลยคอยดู
“กูว่ามันไม่ใช่แค่จี๋เพื่อเอาเงินแล้ววะ ไม่งั้นมันคงโทรมาแล้วแหละ นี้มันเหมือนตั้งใจหนี…”
ครืด ครืด (ไม่แสดงเบอร์)
ตำรวจที่มองสายเข้าอยู่รีบส่งซิกเพื่อเรียกหน่วยตรวจสอบยกโน้ตบุคมาทางผมทันทีที่เห็นมีเบอร์โชว์ขึ้นจากนั้นเขาก็ทำการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วเข้ากับสัญญาณโทรศัพท์ทันที
“ฮัลโหล”
(ฮัลโหล…)เสียงที่เราได้ยินคือเหมือนถูกดัดแปลงเสียงไม่มีผิด ดูก็รู้ว่ามันไม่ใช่เสียงมันที่พูดออกมา
“แก เอาปริ้นไปไว้ที่ไหน แกต้องการอะไร”
(ใจเย็นๆ แกน่ะเหรอที่เป็นแฟนยัยเด็กนี่ สวยดีนะ แถมหุ่นยังเป๊ะอีกด้วย)มันพูดออกมาทำให้สติผมแทบจะขาดอยู่แล้วจนไอ้มาร์ชจับไหล่ผมให้ใจเย็นแล้วพูดต่อ
“อย่าทำอะไรผู้หญิง พวกแกต้องการอะไรว่ามา ฉันยอมทุกอย่าง!”
(พูดน่าฟังอย่างนี้ค่อยยังชั่ว ตอนนี้ผู้หญิงสองคนนี้กำลังหลับอยู่บนเตียงสบาย มีผู้ชายเฝ้าอยู่เป็นสิบไม่ต้องห่วง ฮาๆ)ให้ตายเถอะวะผมแทบจะกลั้นใจไว้ไม่อยู่แล้ว
(สิบล้านสำหรับการแลกตัวประกัน…)
“ที่ไหน!”ผมไม่คิดจะต่อรองหรือถามอะไรมันอีกนอกจากสถานที่ที่มันจะต้องบอกผม
(เอาไว้ถ้ายัยสองคนนี้ตื่นจะคิดอีกทีว่าจะปล่อยดีหรือไม่ปล่อยดี ฮาๆ แต่ห้ามบอกใครเด็ดขาดถ้าเรื่องนี้ถึงหูตำรวจ ก็อย่าหวังจะได้กลับไปสภาพเดิมเลยไอ้หน้าโง่)
“เดี๋ยว เดี๋ยว…”มันวางไปทั้งที่ไม่รอฟังคำพูดใดๆทั้งสิน
ครืด ครืด (1ข้อความ)
แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเริ่มหายใจติดขัด อาการมันเย็นตั้งแต่เท้าจนจรดหนังหัวผมสิ้นดี ผมได้แต่กัดฟันแล้วบีบโทรศัพท์แน่นด้วยความรู้สึกที่แบบอัดแน่น
รูปปริ้นเซสและนิวเยียร์นอนอยู่บนเตียงที่มันส่งมามีผู้ชายอยู่รอบข้างเต็มไปหมด
“เจอแล้วครับ อยู่ซอยท้ายสุดในละแวกใกล้เคียง พวกนี้มีคดีตามจับที่พวกเราต้องการตัวอยู่พอดี ทำทีเป็นคนขับแท็กซี่แล้ววางยาสลบเพื่อชิงทรัพย์ ถ้าเหยื่อเป็นผู้หญิงมันจะพาไปด้วยถ้าเป็นผู้ชายมันจะทำร้ายแล้วโยนทิ้งไว้ซอยมืด พวกนี้มีคดีค้ายาและคดีอื่นนับสิบคดี ถ้าเราจับได้คงจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย”
“เตรียมคนให้พร้อม คืนนี้เราจะเข้าไปจับพวกมันอย่างเงียบที่สุด”
ผมและพี่ตำรวจเริ่มวางแผนกันที่บนรถที่พลางตัว โดยมีไอ้ธันเดอร์และไอ้ปีย์ที่มาสมทบโดยที่มันเองก็ได้รับสายจากเบอร์แปลกเหมือนกัน
“ตอนนี้ทำได้เพียงแค่รอโทรศัพท์ หากว่ามันตัดสินใจโทรมาภายในครึ่งชั่วโมงเราจะเล่นตามแผน แต่ถ้าไม่เราจะจู่โจมจากทันที”พี่ตำรวจได้บอกแผนตามที่ตกลงกันไว้ โดยที่ตอนนี้ตำรวจนอกเครื่องแบบดูต้นทางไว้ทุกซอยในละแวกนี้ไม่ให้เกิดความผิดพลาด โดยตำแหน่งที่แท้จริงเราก็รู้แล้วด้วยว่าอยู่ตรงไหน แต่สายสืบบอกว่ามันเป็นคนในพื้นที่ถ้าเป็นหน้าแปลกเข้าไปมีหวังพวกมันรู้ตัวแน่ๆ
เลยต้องให้สายตรวจที่อยู่ในพื้นที่นั้นทำทีเป็นดูเป็นช่วงเวลาไปไม่ให้พวกมันสงสัย
ครืด ครืด (ไม่แสดงเบอร์)
“ว่าไง!”
(แกรู้จักถนนเรียบทางด่วนไหม)
“รู้!”
(อีกครึ่งชั่วโมงเจอที่สนามบอลในสลัม ห้ามบอกตำรวจ ถ้าฉันได้กลิ่นไม่ดีนิดเดียวละก็…ฉันจะจับสองคนนี้ไปขาย แต่เด็กแกนี้แรงเยอะเอาเรื่องเลยวะ เล่นคนฉันเจ็บไปสองคนคงต้องเพิ่มเป็น 30ล้านแล้ว)
“โอเค ไม่มีปัญหา ขอแค่อย่าทำอะไรผู้หญิงเป็นพอ”ผมตอบรวดเร็วก่อนที่ทางตำรวจจะพยักหน้ารับ
มันวางไปแบบนั่นแล้วทางตำรวจก็เตรียมเงินให้ผมกับไอ้ปีย์และไอ้มาร์ชกับไอ้ธันเดอร์เพื่อไปตามแผนโดยขับรถไอ้มาร์ชไปเจอพวกมันโดยที่พวกตำรวจจะคอยช่วยอยู่รอบข้าง
“ระวังตัวนะมาร์ช ทุกคนด้วย”ยุนอาจับมือมาร์ชแน่น ผมรู้ว่าไม่ควรเอาพวกมันมาเกี่ยว พวกมันช่วยผมกับไอ้ปีย์เพราะเราคือเพื่อนกัน เหมือนกับที่ถ้าเป็นกับพวกมันผมก็พร้อมจะช่วย
“อย่าไปไหนนะยุนอา อยู่ที่นี้บนนี้ แล้วมาร์ชจะรีบกลับมา”
“อย่าทำอะไรนอกแผนนะครับ ดึงเกมส์ให้มาที่สุด แล้วทางตำรวจจะเข้าชาร์ทมันเอง ผมจะส่งสัญญาณให้พวกคุณรู้”
“ครับ!”
พวกเราขับรถไอ้มาร์ชมายังจุดที่มันนัดโดยที่ลงไปที่สนามบอลเก่า ๆเน่าๆที่เหมือนเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกมัน ตรงหน้ามีแสตนเก่าๆ ที่มีกลุ่มคนหน้าตาโหดเหี้ยมนั่งอยู่หลายสิบคน และตรงกลางนั้นผมเห็นปริ้นและนิวถูกมัดอยู่ปิดปากและมัดติดกันไว้
“เห้ยใจเย็น!”ไอ้ธันเดอร์ดึงผมกับไอ้ปีย์ไว้ก่อนที่ผมจะรีบก้าวไปจนเสียแผน
“ไง…เด็กดีจังนะ ที่ทำตามที่บอก”เหมือนคนที่เป็นหัวโจกมันจะเดินมาพร้อมกับการควงมีดสั้นไปมาที่ทำหน้าพวกผมได้แต่กัดฟันแล้วมองมันเท่านั้น
“ปล่อยผู้หญิงแล้วเอาเงินไปซะ”
“หึ…รถพวกแกสวยดีนิหว่า ถ้าขายคงได้หลายตังค์”
“อยากได้ก็เอาไป แต่หลังจากที่พวกแกปล่อยสองคนนั้น!”ไอ้มาร์ชตะโกนตอบแล้วทำให้มันหันกลับไปที่ปริ้นและนิวที่ดิ้นไปดิ้นมาไม่หยุด
“ปล่อยอะปล่อยแน่…แต่เจ้านายฉันสั่งให้ทำยัยสองคนนั้นเสียโฉมก่อนนะสิ”แล้วสิ่งที่ทำให้พวกผมรู้ว่าปริ้นและนิวเยียร์ดิ้นทำไมก็ตรงที่พวกมันเอาน้ำกรดออกมารดที่แสตนเฉียดใกล้ปริ้นเซสเพียงน้อยนิด เล่นเอาผมใจเต้นรัว
“อย่า อย่านะเว้ย…ฉันยอมทุกอย่าง จะเอาเงินมากกว่านี้ก็ได้ อย่าทำอะไรเธอ”
“อย่าทำอะไรนิว อย่า!!!”
“เอานังสองคนมานี้สิ!”มันเรียกพวกก่อนจะดึงปริ้นและนิวเยียร์ให้เข้าใกล้ โดยมีพวกมันขว้างอยู่เป็นหลายสิบ
ผมเห็นปริ้นเซสใกล้ขึ้นเธออยู่ในสภาวะตัวสั่นและร้องไห้อย่างหนักซึ่งไม่ต่างจากนิวเยียร์เล่นทำเอาผมและไอ้ปีย์สะท้านไปยิ่งกว่าเดิม และได้แต่ส่งสายตาว่าผมจะไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรแน่ๆ ไปให้เธออีกครั้ง
“พวกแกน่ะ จะรักไหมถ้านังนี้เสียโฉม จะรักไหมถ้าไม่สวย ไม่จิ้นอย่างที่พวกแกคิด จะเป็นยังไงนะถ้าเห็นคนที่รักเสียตัวต่อหน้าต่อตา ฮาๆ”
ฮึก ฮึก…เสียงสะอื้นของนิวเยียร์ทำให้ไอ้ปีย์จะเดินไปอัดหน้ามันโดยที่ไอ้มาร์ชจับแขนไว้อยู่
“ลูกพี่ คุณหนูโทรมาครับ”ไอ้ลูกน้องมันเดินมาส่งโทรศัพท์ให้โดยที่พวกผมได้แต่หรี่ตามองและสงสัย
“จะให้มันเสียโฉมเฉยๆ เหรอครับ ได้ครับไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้พวกมันอยู่กันครบ ไม่คิดจะเล่นอะไรให้มันสนุกสักหน่อยเหรอครับคุณหนู”
“ได้ครับคุณหนู”มันพูดจบปุ๊บก็วางสายไป แล้วกระดิกตาให้เอานิวเยียร์มาอยู่ตรงหน้า
“นายฉันใจดี บอกว่ายอมปล่อยนังนี่ไป”มันพูดจบก็ผลักนิวเยียร์มาทางพวกเราอย่างรุนแรกโดยที่มันเดินไปจับปริ้นเซสแทน
“ส่วนนังนี่ คงจะไม่ได้!”มันพูดจบก็โยนโทรศัพท์ให้ลูกน้องก่อนที่ลูกน้องจะเอาไปถ่ายคลิปหรือรูปอะไรสักอย่าง และยิ่งทำให้ผมอยากเดินเข้าไปอัดมันถ้าไม่ติดไอ้พวกหมาหมู่นี้ขว้างเอาไว้
“อย่าทำอะไรนะเว้ย เงินก็อยู่นี้แล้วพวกแกจะเอาอะไรอีกวะ”
“ก็อยากได้อยู่หรอกนะ แต่คุณหนูเปลี่ยนใจแล้ววะ”
“อย่า อย่า”เสียงรอดผ้าที่มัดปริ้นอยู่ทำให้ผมยิ่งร้อนรนไปใหญ่ เมื่อมันเอาน้ำกรดมาหยุดตรงหน้า
“ไม่…”ผมจะเข้าไปช่วยปริ้น แต่แล้วเสียงหนึ่งก็หยุดให้เราทั้งหมดหันไปมอง พร้อมกับเสียงตำรวจที่กำลังเข้าจู่โจม
“สารเลว ใครให้พวกแกทำผู้หญิงคนนี้ของฉัน!”แต่ตำรวจยังไม่ทันเข้าสกัดจับ พวกมันทุกคนก็หยุดนิ่งแล้วดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยกับคนที่มาใหม่
“คุณคนเล็ก…”
“ใครกล้าแตะต้องยัยนี่ ใครใช้ให้พวมึงกล้าทำแบบนี้ บอกมา ตุบ!”เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนทำให้ผมเบิกตากว้าง ไอ้เด็กนี่มันคนที่มีรูปกับปริ้นไม่ผิดแน่
ฟีนิกซ์….หมอนี่เดินฝ่าวงล้อมทุกคนรวมกระทั่งผมไปกระชากคอคนที่กำลังจะทำสิ่งโหดร้ายกับปริ้นเซสแล้วปล่อยมัดไปหลายสิบครั้ง ก่อนที่ผมจะเข้าไปดึงปริ้นมากอดไว้หลังจากที่เรื่องมันกำลังวุ่นวาย
“พี่ท็อป!”หลังจากที่ผมแก้เชือกให้ปริ้นเธอก็รีบกอดผมแนบแน่นและร้องออกมาพักใหญ่
“พอ พอเถอะฟีนิกซ์”
ตอนนี้เรื่องทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าสู่หมวดปกติดียกเว้นฟีนิกซ์ที่กำลังเอาเรื่องกับพวกมัน นอกจากนั้นตำรวจยังจับพวกมันได้หมดแล้วด้วย
“พี่สาวฉัน…ทำให้เธอ…”ฟีนิกซ์ต่อยเข้าที่กำแพงเสียงดังและปริ้นเซสเองก็ยังคงร้องไห้โดยที่มีผมประคองอยู่ไม่ห่าง
“เราคงต้องจับพี่สาวคุณด้วย เพื่อไม่ให้เธอรู้ตัวผมต้องพาคุณไปโรงพักพร้อมกัน”
“ครับ”ฟีนิกซ์ตอบรับพร้อมกับน้ำตาที่ไหลมาสองแก้ม มันเป็นน้ำตาที่ผมเองเห็นแล้งเจ็บปวดแทน
“ฉันขอโทษนะปริ้นที่ดูแลเธอไม่ได้ ทั้งที่เคยสัญญาว่าจะดูแลแต่ก็ทำร้ายเธอ ฉันไม่เคยคิดว่าสิ่งที่พี่ฟีย่าทำจะรุนแรงและร้ายแรงได้ขนาดนี้ ฉันขอโทษแทนพี่ด้วย และสัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก ถ้าชดใช้สิ่งที่เธอทำไว้ฉันจะให้ที่บ้านส่งเธอไปอยู่ต่างประเทศ ฉันเองก็จะไปดูแลเธอใกล้ๆ เอง”
“ขอบใจที่มาช่วยฉันไว้ทัน ฉันจะถือว่าสิ่งที่ฉันเคยทำให้นายเสียใจมันจบลงพร้อมเรื่องบ้าๆนี่”ปริ้นตอบกลับโดยที่จับมือผมแน่น ผมพาเธอเดินออกมาเพื่อขึ้นรถไอ้มาร์ชทันที ดีที่ยุนอาขับรถไอ้ปีย์มาอีกคัน
“พวกแกพาสาวๆไปโรงพยาบาลก่อนเถอะวะ ทางนี้พวกฉันให้ปากคำต่อเอง”ธันเดอร์ยุนอาและมาร์ชค่อยทำหน้าที่อยู่ทางนี้ เลยทำให้ผมและไอ้ปีย์ขึ้นรถพาสองคนนี้ไปโรงพยาบาลทันที
“นิว…ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่นี้แล้ว พี่ขอโทษนะที่พี่ไปรับนิวไม่ได้”
“ฮึก ไม่ ยัยฟีย่า ยัยนั่น ยัยบ้านั่นตั้งหาก เธอบอกว่าจะทำให้ปริ้นเสียโฉมจะทำให้ปริ้นไม่ได้แต่งงานกับพี่ท็อป ปริ้น!”
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะปริ้น พี่ไม่มีทางปล่อยให้ปริ้นเป็นอะไรแน่ แล้วไม่ว่าปริ้นจะเป็นยังไง พี่ไม่มีวันทิ้งปริ้นแน่ ไม่มีทาง!”ผมพร่ำบอกผู้หญิงในอ้อมแขนจนเธอสั่นน้อยลงและเลิกร้องไห้ในที่สุด
“พี่ท็อป…ขอบคุณที่มานะ ขอบคุณที่ช่วยปริ้น”
“ยังไงก็ต้องมา ให้ตายยังไงก็ต้องมา!”
ง่วงมาก เพลียมากและเหนื่อยมากเพิ่งกลับจากมหาลัยสดๆร้อนๆ
เม้นไม่ถึงดูดิน่าน้อยใจอะ ขอไปแค่ 44 ไม่ถึงเอาะT^T
อุส่าแต่ไว้ตั้ง35หน้าให้อ่าน ไม่รักกันชิปะ T^T ดราม่าทำไม 5555
ไงค่ะ เป็นคนที่คุณคิดไว้หรือเปล่า แอบหักมุมฟีนิกซ์มาได้ไง
สุดท้ายแล้วคนทำไม่ดีก็รับสิ่งที่ทำเนอะ ตอนหน้าตอนจบแล้ว
จะรีบให้นะคะ แต่ตอนนี้เหลืองานส่งก่อนสอบชิ้นสุดท้าย
ที่หินมากอะ จะร้องไห้ เขียนบทความวิชาการนิเทศฯ 15 หน้าA4
ลงนิตยสารมหาลัยเป็นโปรเจคก่อนจบที่หินสุด ๆ อาจารย์แกล้งกันชัดๆ งือ
ช่วงนี้ไม่ได้นอนเต็มที่เลยอะ ตี4 ตื่นไปเรียนทุกวันเพราะพรีเซ้นงานที่เพิ่งจบไป
พรุ่งนี้จะได้หยุดอยู่บ้านในรอบหลายวัน จะนอนให้อืดเลย :))
แล้วก็แต่งนิยายให้ทุกคนอ่านกันต่อ ไว้เจอกันกับตอนจบฟินๆๆ นะฮ๊าฟ <3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แอบสงสารฟีนิกซ์อ่ามีพี่สาวโรคจิต
#อินมากไป 55555
ฟีย่านิสัยไม่ดี