ตอนที่ 2 : 【Disorder Love ep.1】- สัญญาใจ
EP. 1
@ชมรมกิจกรรม โรงเรียนนานาชาติแซทเทิล
“ขอบคุณนะครับปริ้นเซสสมาย ที่รับฟังแล้วช่วยเตือนสติผม ผมเอาแต่คิดเรื่องของตัวเองจนลืมคิดไปเลยว่าคุณพ่อคุณแม่ที่ทำแบบนั้นเพราะท่านเป็นห่วง”
“ไม่เป็นไรค่ะ คนเรามักจะมองเหตุผลของตัวเองมาก่อนเสมอ แต่อย่าลืมนะว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านรักเรามากที่สุด ยังไงพี่เอาใจช่วยนะ อย่าลืมยิ้มกว้างๆ แล้วกลับไปขอโทษคุณพ่อคุณแม่ที่พูดจาไม่ดีกับท่านล่ะ ไม่มีใครหวังดีกับเราเท่าท่านอีกแล้ว ขอให้โชคดีนะ ไฟติ้งจ้า”
“สมาย เสร็จยังหิวจนไส้จะขาดแล้วแก”ทันทีที่น้องม.5เดินออกจากห้องส่วนตัวของประธานนักเรียนของฉันไปยัยเพื่อนสาวสุดที่รักของฉันก็โวยวายขึ้นทันที จริงๆเลยยัยชะพลู
อ่อ เกือบลืมแนะนำตัวไปเลยค่ะ ฉันมีชื่อว่า สมาย เป็นประธานนักเรียนฝ่ายกิจกรรมค่ะ ฝ่ายกิจกรรมก็มีหน้าที่ประสานงานกิจกรรมต่าง ๆ เหมือนทุกโรงเรียน แต่ที่โรงเรียนนานาชาติแซทเทิลแล้วหน้าที่มีเพิ่มเติมมาอีกคือ ฉันมีหน้าทีรับฟังและช่วยแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับปัญหาให้กับนักเรียนทุกคนที่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เพราะรอยยิ้มของฉันที่เค้าว่ากันว่าช่วยทำให้ทุกคนมีความสุขขึ้นได้ ฉันก็เลยไม่อยากจะขัดศรัทธา ถ้ารอยยิ้มของฉันทำให้ทุกคนรู้สึกดีได้ฉันก็ช่วยเต็มที่ละคะ
“แม่นางเธอจะยิ้มสวยกับกระจกอีกนานไหม ท้องฉันร้องดังไปถึงดาวอังคารแล้วเนี่ย”ชะพลูยังเดินมากดดันฉันที่หน้าประตูห้อง
“รู้แล้วน๊า แกบ่นฉันแบบนี้ทุกวันไม่เบื่อหรือไง บ่นมากๆหน้าเหี่ยวนะแก”ฉันรีบเดินออกจากห้องพร้อมกับก้าวเท้าตามยัยชะพลูไปโรงอาหาร ท่าทางยัยนี่จะหิวจริงๆ
“ไม่รู้ละ วันนี้แกต้องเลี้ยงอาหารกลางวันฉันเป็นการขอโทษที่ให้รอนานด้วย"
"คือ..."
"ขอบคุณนะสมายฉันคิดไว้แล้วว่าแกต้องเลี้ยงฉัน ป้าคะเอาสุกกี้ทะเลสองเลยค่ะ ขอพิเศษสุดๆเลยนะคะป้า”ไม่เปลี่ยนเลย ยังไม่ทันตอบ ยัยนี่เล่นมุกเดิมทุกวัน เนียนให้ฉันจ่ายตลอด
เห็นยัยชะพลูชอบของฟรีและขี้บ่นแบบนี้แล้ว จริงๆแล้วเป็นถึงดาวเด่นของโรงเรียนเลยนะคะ เราเพิ่งขึ้นม.6 ได้สามอาทิตย์หลังจากฉันได้ตำแหน่งประธานนักเรียนฝ่ายกิจกรรมแล้ว ยัยชะพลูก็ได้ขึ้นเป็นดามไม้หนึ่งของโรงเรียน ทำให้เรา2คนเป็นที่หมั่นไส้กับผู้หญิงในโรงเรียนและโรงเรียนรอบข้าง แต่ยกเว้นอยู่โรงเรียนหนึ่งนะที่พวกเราไม่มีแอนตี้ นั้นคืออาชีวะแสตมป์เตอร์นั้นเอง อาชีวะชายล้วนที่ใครๆก็รู้จักดีในเรื่องของการมีคดีตีกันบ่อยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ
“แก สมาย ไอ้สมาย...จ่ายตังค์โว้ย!”
“อ่อ เออ ๆ รู้แล้วน๊า ไม่ต้องเติมยศให้ฉันก็ได้”
“เออชะพลู วันนี้เลิกเรียนแกไปประชุมกับประธานฝ่ายอื่นแทนฉันทีนะ เย็นนี้ครอบครัวฉันนึกอะไรไม่รู้นัดกินข้าวที่โรงแรมข้างๆโรงเรียนเนี้ย”
“ฟรีปะแก ไปด้วยดิ ฉันคิดถึงคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่แล้วก็..”
“หยุดเลย ที่แกพูดมายืดยาวคืออยากกินของฟรีในโรงแรมใช่ไหม”รู้สึกที่แกกำลังตักเข้าปากอยู่นั้นฉันก็เลี้ยงแกนะ งกจริง ๆ ยัยชะพลู ถ้าผู้ชายทุกคนมารู้เรื่องนี้ละก็ ฉันว่าเค้าคงสละสิทธิ์ในการต่อแถวจีบยัยนี่แน่เลย กินจุชะมัด ท้องยัยนี่เหมือนกินหมีได้สองตัว
“รู้ทันตลอดอะ เค้าเรียกว่าบริหารเงินให้เป็นเว้ย เศรษฐกิจบ้านเรายิ่งแย่ๆ อยู่ แฮะๆ…ส่วนเรื่องประชุมไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันไปประชุมให้แกเองแต่พรุ่งนี้ขอเป็นข้าวหมูแดงผสมหมูกรอบฟรีนะ”
นี่ฉันคบเพื่อนหรือแก๊งรีดไถกันแน่เนี่ย
“ว่าแต่แปลกนะ ปกติคุณปู่แกไม่เห็นจะอยากออกจากบ้านเลย วันนี้มีอะไรดีๆเหรอ”
“นั้นสิ ฉันก็ว่ามันแปลกๆ แต่พ่อกับแม่ก็บอกว่าอยากทานข้าวนอกบ้านอะ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ”อันที่จริงก็แอบสงสัยเหมือนเพื่อนสนิทฉันไม่ได้ เพราะคุณปู่ของฉันท่านไม่ค่อยชอบออกมาพบปะใครง่ายๆ แถมยังเป็นคนที่เนี้ยบสุดๆเลย แต่กับหลานสาวอย่างฉันแล้วท่านจะให้ท้ายทุกที ทำให้ฉันสนิทกับคุณปู่มากกว่าพ่อกับแม่ซะอีก อาจเป็นเพราะว่าพ่อกับแม่ต้องบินไปต่างประเทศอยู่บ่อยๆเพราะธุรกิจด้วยละนะ แต่ถ้าบทคุณปู่จะดุนี้ถึงจะเป็นหลานรักอย่างฉันก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลยละ ฉันจึงรู้ว่าควรทำอะไรไม่ทำอะไรเพื่อไม่ให้คุณปู่ดุไงละ ^^
(<หมดคาบ>)
“ไปก่อนนะชะพลู อย่าลืมไปประชุมนะเว้ยแก ห้องรวมประธานตอนสี่โมงครึ่ง ขอบคุณนะ เจอกันอาทิตย์หน้าจุ๊บ”ฉันล่ำลาเพื่อนสนิทปุ๊บก็รีบตรงไปโรงแรมทันที เพราะคุณพ่อฉันโทรมาตามสองรอบแล้วตั้งแต่ฉันนั่งเรียนอยู่ ฉันว่าวันนี้บ้านฉันดูแปลกๆนะ จะเร่งรีบอะไรกันขนาดนี้ กินข้าวเย็นตอนห้าโมงครึ่งนี่เพิ่งจะสี่โมงตรงเชื่อเค้าเลย
“ฮัลโหล คุณพ่ออยู่ตรงไหนคะ หนูอยู่หน้าโรงแรมแล้ว อ่อค่ะ เดี๋ยวหนูเดินไป”
(ห้องvip6)
“ห้องนี้ละนะ แต่มาห้องวีไอพีเลยเหรอเนี่ย”ฉันมองป้ายที่ห้อง ตรงกับที่คุณพ่อบอก ห้องนี้ไม่ผิดแน่
“ยัยเตี้ยหลบ”ฉันหันกับหันไปมองต้นเสียง เค้าเป็นผู้ชายหน้าตาทะเล้นจัดว่าหล่อเลยละ ตัวสูงผิวขาวสวมสูทนักเรียนอาชีวะแสตป์เตอร์แต่ใส่เชิ้ตไปรเวทไว้ข้างในผมก็ยาวกว่านักเรียนปกติ มองฉันแบบไร้มารยาท จิกตาเก่งที่สุดในสามโลกเลย ดูแล้วไม่เห็นเหมือนนักเรียนเลยแฮะเด็กนักเรียนโรงเรียนนี้ เหมือนพร้อมจะต่อยคนได้ทุกเวลา!
“...”
“หูตึงหรือไง บอกให้หลบ”ไม่พูดเปล่าเค้าเดินชนฉันแล้วดันมือเปิดประตูทันที แต่ขอโทษนะนี่มันห้องฉัน…..
“มาพร้อมกันเลยเหรอทั้งคู่ นี่ไงละฉันบอกแล้วว่าเค้าเป็นคู่กัน”ฉันถึงกับพูดไม่ออกในเมื่อมองเข้าไป ฉันเห็นครอบครัวฉันนั่งอยู่กับคนแปลกหน้าที่ดูคุ้นตาอยู่สามคน ส่วนผู้ชายคนเมื่อกี้ก็เดินไปนั่งไม่สนโลกอยู่ริมสุดฝั่ง และฉันก็เดินเข้ามานั่งงงตรงข้ามกับเค้า
“นี่มันอะไรกันคะแม่”ฉันสะกิดแม่ที่นั่งข้างๆทันที เหมือนสัญญาณความปลอดภัยในชีวิตฉันมันเตือนมาว่าฉันกำลังจะซวยยังไงก็ไม่รู้สินะ
“อะไรกันสมายจำไม่ได้เหรอลูก”คำพูดของแม่ทำเอาผู้ชายที่นั่งตรงข้ามฉันหันมามองหน้าฉันแบบเอาจริงเอาจัง จนฉันต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเค้า ก็มันทั้งดุดันน่ากลัว รู้สึกอันตราย เหมือนสัตว์ป่าบ้าพลังยังเลยนะสิ คนอะไรน่ากลัวชะมัดT^T
“จำไม่ได้? หมายความว่าไงคะ?”ฉันว่าคุ้นๆนะ แต่มันก็คิดไม่ออกสักที
“อะไรกัน หนูสมายจำปู่ไม่ได้เหรอลูก”ฉันถึงกับอึนไปรอบที่2ของวัน จะว่าไปฉันว่าฉันเคยเจอคุณปู่คนนี้คุณลุงและคุณป้าที่ไหนกันนะ
“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนตอม่ออย่างเธอก็ยังมีความจำเป็นปลาทองตลอดสินะ”เค้าที่นั่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ฉันอยู่สักพักก็พูดขึ้น ฉันละไม่เข้าใจทำไมเด็กอาชีวะต้องพูดจาแบบนี้กันนะ คิดว่าเท่ตายหรือไงยะ!
“มันจะมากไปแล้วนะนายมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน เห้ยหรือว่านายคือ...”หรือว่าจะเป็นคนที่ชอบพูดประโยคนี้เมื่อก่อน!
“สกาย ทำไมเสียมารยาทแบบนี้ละลูก ชอโทษทีนะจ๊ะหนูสมาย ไม่เจอกันนานเลยนะลูก”เมื่อกี้ที่คุณป้าเรียกชื่อ
“...”ไม่ผิดแล้ว ใช่เค้าจริงๆ ผู้ชายที่ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าที่สุดใน3โลก เด็กชายที่เกิดวันเดียวกับฉัน เกิดโรงพยาบาลเดียวกัน มีชื่อคล้ายกัน และเมื่อก่อนฉันและเค้าก็โตมาด้วยกัน ที่สำคัญเราเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาตลอด ไม่ผิดแล้วนายนี้คือสกาย ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉันเค้าคือ ไอ้ปีศาจร้ายสกาย
“สมาย”
“...”
“สมาย”
“คะพ่อ”
“ถึงกับอึ้งไปเลยเหรอลูกตั้งแต่ครอบครัวสกายย้ายไปสิบสามปีก่อน สมายก็ไม่มีเพื่อนเล่นข้างบ้านเลย วันนี้วันดีจริงๆนะ เด็กๆ ได้มาเจอกันอีกตื่นเต้นใช่ไหมลูก”คุณพ่ออย่าเรียกว่าเพื่อนเล่นเลยค่ะ เรียกว่าศัตรูจะฟังเพราะเสนาะหูกว่าเยอะเลย แล้ววันนี้ก็เลวร้ายสุดในชีวิตก็ว่าได้
“ก็ไม่แปลกหรอกฮะอย่างยัยนี่ใครจะอยากเล่นด้วย ฟันก็หลอยังชอบยิ้มอีก เตี้ยก็เตี้ยก็ขโมยส้นสูงคุณน้ามาใส่”
“ปากนายนี้คงเพาะพันธุ์มาหลายคอกละสินะ”ฉันยกยิ้มให้เค้ากลับไปอย่างกวนๆ ตอนนี้ฉันเข้าใจคำว่าตาต่อตา ฟันต่อฟันแล้วละ ฉันที่เป็นนางมารร้ายเริ่มกลับมาแล้วสินะ
“สมายทำไมพูดจาแบบนี้ละลูก ปู่ว่าเรามาคุยเรื่องสำคัญกันเลยดีกว่านะ”ตอนนี้บรรยากาศในห้องสุดแสนจะวังเวง ทำไมรอยยิ้มแต่ละคนมันดูเป็นอันตรายกับชีวิตฉันละ ฉันคิดมากไปเองใช่ไหม โดยเฉพาะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าฉันที่เอาแต่ยิ้มจนฉันไม่อยากจะมองหน้าเค้าเลย ใครก็ได้เอาไอ้บ้านี้ไปเก็บสักทีได้ไหม
“สมาย สกาย มาข้างๆปู่สิ”เสียงเรียกของคุณปู่ฉันที่ดูจริงจังผิดปกติ ทำเอาฉันและเค้าเดินไปนั่งข้างปู่ของฉันและเค้า
“สมาย ปู่มีความจริงที่จะบอกหนูอยู่อย่างหนึ่ง แล้วก็อยากให้หนูจำตามเจตนารมณ์ของปู่สักข้อนึง ในชีวิตนี้ปู่ไม่เคยขอร้องอะไรแต่ว่า…”
“คุณปู่จะพูดอะไรก็พูดเลยค่ะ หนูจะหัวใจวายแล้วนะ”ฉันไม่ได้ตั้งใจจะขัดคุณปู่หรอกนะ แต่ฟังแล้วมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าความซวยกำลังจ่อหน้าพร้อมกับกำลังจะพุ่งชนฉันแล้ว
“หนูต้องแต่งงานกับสกาย”
“คะ”
“หนูต้องแต่งงานกับสกาย”
“...”เหมือนตอนนี้ความคิดทั้งหมดประมวลคำพูดที่คุณปู่ มันคืออะไรกันแต่งงาน?
“คะคุณปู่แกล้งมายใช่ไหมคะเนี่ย เล่นมุกซะหนูตกใจเลยนะ ฮาๆ”ตอนนี้ในห้องvip6เหมือนจะเป็นเสียงหัวเราะเจื่อนๆของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน แต่งงาน แต่งงาน แต่งงาน !!
“สมายปู่พูดจริงนะลูก”
“...”
“ไม่มีทางค่ะ หนูไม่มีทางจะ…”
“แต่หนูต้องแต่ง และไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น”คำพูดของคุณปู่ที่เด็ดขาดและแนวแน่ทำเอาฉันถึงกับหมดประโยคคำถามในทันที และเมื่อมองหน้าผู้ชายตรงหน้าแล้วเค้าดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรเลย นอกจากหน้าตาที่ทำให้สมายผู้ใจเย็นคนนี้เดือดขึ้นเรื่อยๆ
“หนูขอถามได้ไหมคะว่า ทำไมหนูต้องแต่งงานกับเค้า นี่หนูแค่เด็กมปลายนะ"
“บริษัทของเรากำลังจะล้มละลาย ถ้าเราไม่ได้ทุนจากคุณปู่สกาย เราไม่รอดแน่ และที่สำคัญปู่กับปู่ของสกายเราก็เคยพูดกันตั้งแต่หลานเกิดแล้วว่าไม่ว่ายังไงแล้วหลานทั้งคู่ก็ต้องแต่งงานกัน เพราะฉะนั้นหลานเป็นเพียงคนเดียวที่จะช่วยบริษัทเรานะ ถือว่าเป็นคำขอสุดท้ายของปู่นะสมาย”ฉันถึงกับไปไม่เป็น เพราะคำพูดแต่ละคำที่ออกมาจากปากคุณปู่ทั้งทิ่มแทงใจฉัน ทั้งทำให้ฉันปวดร้าวในคราวเดียวกัน ฉันไม่เคยรู้ถึงภาวะทางธุรกิจของที่บ้านเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ละ ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้มาก่อน
“ทางฝ่ายปู่ของสกาย ก็เห็นด้วยและพร้อมจะให้ทุนเป็นค่าสินสอดทันทีที่หลานตกลงนะลูก”
“แล้วนายละสกาย ฉันรู้ว่านายไม่มีทางแต่งงานกับฉันหรอกใช่ไหม”ฉันมองไปยังตัวช่วยสุดท้ายที่ฉันไม่ต้องการสักเท่าไร แต่อย่างน้อยฉันก็ว่าเค้าไม่ยอมที่จะแต่งงานกับฉันหรอก อีกอย่างเราเพิ่งจะม.6เองนะ จะให้มาแต่งงานเค้าไม่มีทางยอมแน่ๆ
“ไม่ ฉันเห็นด้วยกับปู่เธอและปู่ฉัน”คำพูดเค้าทำเอาน้ำตาฉันไหลลงมาน้อยๆด้วยความแค้นใจ นายมันปีศาจชัดๆ แค่จะเอาชนะฉันนายทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ฉันลืมคิดไป นายสกาย
“เอาเป็นว่าตกลงกันเลยนะลูก”ฉันถึงกับเข่าอ้อนลงไปนั่งกับพื้นทันทีที่ข้อตกลงเป็นจบลง เรียกว่าตกลกันเองน่าจะถุกไม่มีใครฟังฉันสักคน
“สั่งอาหารมากินกันเลยเป็นการฉลองกันดีกว่าค่ะคุณพ่อ แล้วคุยกันเรื่องวันสถานที่ของงานแต่งกันไปพร้อมๆกับรับประทานเลย”คุณแม่ฉันจัดแจงเลือกรายการอาหารมากมาย
“หนูขอตัวนะคะ ถึงอยู่ก็คงจะทานไม่ลง ส่วนเรื่องอื่นแม่ก็จัดการไปเลยค่ะ หนูไม่อยู่ก็คงตัดสินใจกันได้อยู่แล้ว”ฉันเดินสะพายเป้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปไม่สนเสียงเรียกของใคร นาทีนี้ฉันขอทำตัวไม่มีมารยาทบ้างเถอะนะ มันทำใจยากนะอยู่นะ ที่อยู่ๆ ฉันต้องแต่งงาน แถมแต่งกับปีศาจที่ฉันเกลียดมากๆด้วย จะพูดยังไงก็เลวร้ายอยู่ดี
“สมาย!”
“สมายระวัง”ฉันถึงกับสะดุ้งกับเสียงของคนที่เรียก เมื่อข้างหน้าเป็นประตูกระจกใส โอ๊ยเกือบไปแล้ว บอกแล้วว่าวันซวยแท้ๆ
“พี่ท็อป”ฉันตกใจจริงๆนะที่มาเจอพี่ท็อปที่นี้อะ เจ้าชายแห่งรอยยิ้มที่สาวๆโรงเรียนฉันต่างพากันคลั่งไคล้ พี่เค้าเคยเป็นประธานชมรมดนตรีเมื่อปีที่แล้ว พอออกไปต่อมหาลัยสาวๆที่โรงเรียนต่างพากันเศร้าซึมไปเลยละ ที่ฉันสนิทกับเค้าได้ก็เพราะยัยชะพลู ยัยนี่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ท็อปนั่นเอง
“มาทำอะไรที่นี้อะเรา แถมยังดูไม่ค่อยมีสติอีกพี่เรียกตั้งหลายรอบ”พี่ท็อปนี้ยังยิ้มเก่งเหมือนเดิมเลยแฮะ แต่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องแบบนี้นะสมาย
“มาคุยธุระนิดหน่อยค่ะ ว่าแต่พี่ท็อปมาทำอะไรทีนี้คะ”
“แม่พี่เป็นเจ้าของที่นี้ไงลืมแล้วเหรอ ท่าทางแปลกจริงๆนะเราวันนี้”เออจริงด้วยสิ แม่พี่ท็อปเปิดธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตและสปาทั่วประเทศ แล้วอีกอย่างวันเปิดตัวที่นี้ฉันก็มา ฉันท่าจะบ้าไปแล้วละ
“จริงด้วย สมายถามบ้าอะไรก็ไม่รู้นะคะ”
“ที่รักจ๋า คุณปู่กับพ่อแม่ได้วันแต่งของเราแล้วนะ เราไปหาที่คุยกันต่อดีกว่านะว่าจะจัดธีมงานอะไรดี”ยังไม่ทันที่ฉันจะตั้งตัวไอ้บ้าสกายก็เดินมากอดคอฉันทันทีจนฉันหลบไม่ทัน หมอนี่ไม่สนเลยว่าพี่ท็อปยืนอยู่ทำเหมือนว่ามีแค่เราสองคน นายนี่มันไม่มีมารยาทเกินไปแล้วนะแล้วมาพูดที่รักบ้าบออะไรของนายกันเนี่ย!!
“สมายจะแต่งงานเหรอ จริงเหรอเนี่ยพี่ไม่เห็นยัยชะพลูจะพูดให้ฟังเลย”ยัยชะพลูจะพูดได้ไงล่ะ ฉันยังเพิ่งรู้ตัวเลย
“เรื่องมันยาวน่ะค่ะพี่ท็อป วันนี้มายขอตัวไปเคลียร์ เอ๊ยไปคุยธุระก่อนนะคะ”
“ส่วนนายมานี้”ฉันพลิกตัวออกจากอ้อมกอดของไอ้ปีศาจร้ายก่อนจะลากแขนเค้าออกมาข้างโรงแรมทันที และสะบัดมือออกหลังจากห่างออกมาจากสายตาพี่ท็อป
“เดี๋ยวนะ ฉันไม่รู้ว่าควรจะเริ่มที่ตรงไหนก่อนดี แต่ว่านายบ้าไปแล้วเหรอจะมาแต่งงานกับฉันทำไม ทำไมไม่ประท้วงตามนิสัย หน้าอย่างนายมันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”ฉันใส่อารมณ์ที่อึกอักเจอกับเรื่องราวสุดช็อก
“ถ้าฉันทำแบบนั้น เธอก็ไม่ต้องมาทุกข์ร้อนน่ะสิ ถ้าปล่อยให้ครอบครัวเธอได้เงินไปง่ายๆ แล้วมันจะสนุกอะไรล่ะ จริงไหม”เค้าพูดพร้อมกับเดินมาใกล้ตัวฉันเรื่อยๆจนฉันติดกับผนังโรงแรม ก่อนจะยกมือป้องสองข้างไม่ให้ฉันหนีอีก
Rrrrrr
เค้ายกไอโฟนขึ้นมารับทันทีที่มีสายเรียกเข้า จะรีบร้อนรับก็ปล่อยฉันก่อนได้ไหมเนี้ยใครมาเห็นเข้าฉันซวยนะตาบ้าเอ๊ย
“ว่าไงไอ้ซัน ฉันทำธุระไร้สาระเสร็จละ กำลังจะรีบไป ถ้าพวกมันอยากเจอฉันขนาดนั้นฉันจะขัดมันได้ยังไงวะ เออ”สีหน้าเค้าดูร้ายกาจผิดปกติแฮะ เหมือนจะไปมีเรื่องกับใครเลย นายมันน่ากลัวทั้งโรงเรียนจริงๆ ให้ตายเถอะ ได้ข่าวมาว่าโรงเรียนนั้นมีหัวหน้าแก็งใหญ่อะไรสักอย่างที่สาวๆโรงเรียนฉันพูดว่าเค้าน่าตาดีทะเล้นขี้เล่นแต่ถ้ามีเรื่องแล้วละก็จะกลายเป็นคนละคนเลย คนบ้าอะไรจะเป็นแบบนั้นนะ จะพูดยังไงก็ดูพิลึกน่ากลัวอยู่ดี
“จะว่าไปไม่เจอกันนาน เธอดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะเลยนะ ไว้เจอกันใหม่ละคุณภรรยาวันนี้สามีมีนัด”เค้าขยับมาใกล้จนเหมือนจะหอมแต่ฉันรีบมุดลงใต้แขนออกจากแขนที่ขนาบไว้ข้างลำตัวของฉันไว้ทันที
“ไปตายที่ไหนก็ไปเถอะ ขนลุกชะมัดเลย สามีกับผีนะสิ นายมันไอ้ปีศาจชัดๆ”
EP 1 มาแล้วค๊า :)
มาถึงก็ยุ่งวุ่นวายกันเลยทีเดียว ฮา ๆ
เรื่องนี้แบบจะมาแนวปั่นป่วนกันสักนิด ร้ายใส่กันสักหน่อย! เรียกได้ว่า ดุเด็ดเผ็ดมัน ^ ^
ยังไงก็ฝากด้วยนะค๊า ติชมกันได้เลยน๊ารออ่านคอมเม้นอยู่นะคะ
รักรีดเดอร์ทุกคนค๊าาาาา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สมายสู้เข้าน้าาาา อิอิ
ติดตามนะคะ^^
อยากกรี๊ดจริงๆ
น่ารักมากๆเลยค่ะ