ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Engineer Romance ศิลปกรรมขอเกียร์ เอนจิเนียร์ขอใจ END

    ลำดับตอนที่ #7 : Episode - 5 - ต้นรักแผนร้าย [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.97K
      397
      8 พ.ค. 66

     “หมาตัดหน้ารถ”

    “สรุปหมาเหรอ ก็วันนั้นมึงบอกว่า...”

    “กูบอกว่าหมาก็หมาดิ” พี่รามขึ้นเสียงใส่พี่ภณอย่างมีพิรุธ

    “กูพูดดี ๆ ต้องใส่อารมณ์ด้วย” พี่ภณพูดจบก็ขว้างกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วในมือใส่พี่รามแบบงอน ๆ

    “ก็มึงถามเซ้าซี้” คนโดนแกล้งมีหรือจะยอม เขาใช้ทิชชูปาคืนใส่พี่ภณทำเป็นเด็กเอาแต่ใจไปได้

    “พวกมึงจะทะเลาะกันทำไมเนี่ย เดี๋ยวมันลงอาหาร”

    “เล่นกันเป็นเด็ก อยากจะถ่ายคลิปไปลงเพจให้แฟนคลับเห็นจริง ๆ” พี่พราวว่า

    หลังจากที่ทานอาหารกันจนอิ่ม ฉันก็หาทุกวิถีทางในการที่จะเข้าไปในห้องนอนพี่ราม แต่อย่าว่าห้องนอนเลยแค่เข้าด้านในยังไม่มีใครเข้า พี่เขานั่งเล่นกันต่ออยู่ตรงระเบียงกันชิลชิล ดื่มด่ำบรรยากาศหลังจากจบงานคอนเสิร์ตกันซะงั้น

    “อิ่มกันแล้วใช่ปะพราวเก็บของเลยดีกว่า นี่ก็จะห้าทุ่มแล้วจะได้แยกย้ายกลับไปพัก”

    ไม่ได้นะ จะกลับกันแล้วเหรอ คิดสิยัยเอิงเอย ทำไงดี จะพลาดโอกาสแบบนี้ไม่ได้นะ

    “เอยช่วยค่ะพี่พราว” ฉันแกล้งหันเร็วไปชนมือพี่พราวที่กำลังถือถ้วยต้มยำจนราดใส่เสื้อตัวเอง

    “เฮ้ย...”

    “น้องเอยพี่ขอโทษ”

    “เอยซุ่มซ่ามเองไม่ใช่ความผิดพี่พราวหรอกค่ะ” ฉันบอกขณะรีบดึงเสื้อนักศึกษาที่เปรอะออกนอกตัว แสดงอาการว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่ได้มีใครอยากให้เกิด

    “ไปล้างตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเอง” ฉันพยักหน้ารับ แล้วก็เหมือนโชคช่วยเพราะห้องน้ำในห้องรับแขกก็ถูกพี่มิวนิคชิงเข้าอยู่พอดิบพอดี

    เริ่มแสบตัวเข้าแล้ว น้ำต้มยำมันพริกเยอะ เมื่อกี้ใจร้อนอยากโดนราดเร็วไปหน่อย เลยไม่ทันดูว่ามันคือถ้วยต้มยำที่อยู่ในมือพี่พราว

    ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัวของจริง

    “โอ๊ย แสบจัง”

    “มานี่” รู้ตัวอีกทีก็ถูกเจ้าของห้องจับลากแขนขึ้นมาด้านบนชั้นลอยที่เป็นส่วนห้องนอน เขาพาเดินทะลุมายังส่วนของห้องน้ำอย่างรวดเร็ว “ล้างตัวสิ”

    “พี่ก็ออกไปก่อนสิ”

    “...” เหมือนพี่รามลืมไปว่าฉันเป็นผู้หญิง

    “พี่ราม…ขอยืมชุดด้วยได้ไหมคะ” ฉันตะโกนบอกเจ้าของห้องที่กำลังเดินออกจากห้องน้ำ ดูแล้วใส่กลับไปแบบนี้ไม่ได้แน่

    ไม่นานพี่รามก็เคาะประตูหน้าห้องน้ำ พอฉันเปิดออกไปก็ไม่เจอเขาแล้ว เลยรีบเอาชุดเข้ามาเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

    “พี่ราม...”

    พอหันไปรอบ ๆ ห้องนอนใหญ่ไม่พบเจ้าของห้อง และแอบมองจากกระจกจากในห้องนอนก็เห็นพี่รามช่วยเพื่อนเก็บของอยู่ด้านล่าง ฉันเลยรีบรื้อห้องนอนพี่รามแต่รื้อแบบเนียนกว่าเดิม คือหยิบของจากที่ไหนมาก็วางกลับที่เดิมแบบนั้นซึ่งเริ่มจากตู้เสื้อผ้าไปยังโซนโต๊ะทำงาน

    แต่ว่าเขาจะไปซ่อนเกียร์ไว้ที่ไหนนะ หาไม่เจอสักทีแล้วห้องนี้ก็ดูไม่มีที่ซ่อนเลยด้วย หรือว่าจะตรงที่นอน

    ทันทีที่นึกออกก็รีบทำเวลาก้าวเท้าไปถึงที่นอนแล้วพอเปิดผ้าห่มก็ได้ยินเสียงประตูถูกเปิดตาม ฉันก็เลยแกล้งทิ้งตัวลงบนที่นอนพี่รามแล้วส่งยิ้มให้เขาเหมือนว่าไม่ได้ทำอะไรผิดปกติ

    ซึ่งมันผิดปกติตั้งแต่เปิดเตียงเขาแล้วยัยเอิงเอย

    “ทำอะไรของเธอ”

    “ที่นอนพี่รามนี่นอนสบายจังเลยนะคะ ยี่ห้ออะไรเหรอคะ” เจ้าของห้องกอดอกมองฉันอยู่ปลายเตียง “ที่นอนเอยมันแข็งน่ะค่ะ เลยว่าจะหาซื้อใหม่”

    “ลุก”

    “โอเคค่ะ” ฉันขยับตัวขึ้นจากที่นอนของเขา แกล้งหาเรื่องไปดูนั่นดูนี่ต่อ “แล้วพี่รามสะสมแบร์บริกด้วยเหรอคะ สะสมนานหรือยัง”

    ปากของฉันทำเป็นชมแต่สายตาของฉันมองหาอย่างอื่นอยู่ไม่หยุด จะเสียโอกาสสำคัญไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมาที่นี่อีกเมื่อไร

    “โห เพิ่งสังเกตวิวห้องพี่รามมองออกไปนอกกระจกสวยจังเลย แสงไฟ แม่น้ำ พระจันทร์ ดวงดาว โรแมนติกสุด”

    “ฉันรู้ว่าเธอกำลังหาอะไรอยู่”

    “เอยไม่ได้หาอะไรสักหน่อย แต่พี่รามนั่นแหละหาเรื่องเอยอยู่” ฉันเปลี่ยนท่าทีมาสนใจเจ้าของห้องแต่พี่รามก็ทำให้ฉันเซอร์ไพรส์เพราะเขาก้มลงพับขากางเกงให้กันแทน

    “หาไม่เจอหรอก”

    “ก็บอกว่าไม่ได้หา...”

    “แน่ใจ?”

    “แน่สิ”

    “เกียร์อยู่บนชั้นโชว์” พอเขาบอกแบบนั้นฉันเลยหันกลับไปดูบนนั้น ซึ่งมันไม่มีไง มีแต่เลโก้วันพีซการ์ตูนแอนิเมชันญี่ปุ่นเรียงกันอยู่เป็นสิบตัวกับเรือหนึ่งลำ

    โดนหลอกไง แล้วเมื่อกี้หันเร็วแบบลืมตัวด้วย ทั้งที่บอกว่าไม่สนใจแท้ ๆ

    “แล้วพี่รามจะมาบอกเอยทำไม” ฉันแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

    “รีบหันคอแทบหัก” พี่รามก้าวขามาตรงหน้า ทำให้ฉันก้าวถอยจนถึงปลายเตียง เขาไล่ต้อนให้ฉันนั่งลงแล้วร่างสูงก็โน้มตัวลงมาใช้สองมือทาบกับเตียง แล้วยื่นหน้ามาจ้องตากัน “คิดว่าแผนตื้น ๆ แค่นี้ดูไม่ออกเหรอ”

    “แผนอะไร” ฉันทำเป็นเก่งสู้สายตาของพี่รามกลับไป “ไม่มีสักแผน”

    “ทำไมเธอถึงหมกมุ่นกับเกียร์ฉันนัก มันมีอะไรกันแน่”

    “ไม่มี เอยเลิกสนใจไปตั้งแต่ที่โดนพี่รามจับได้รอบก่อนแล้วไง ใครจะโง่ทำแบบนั้นอีกเล่า”

    “แน่ใจ” พี่รามหรี่ตามองกันเหมือนจับสังเกตส่วนฉันก็เอนหลังถอยเพราะมันใกล้กันเกินไปแล้ว

    “แน่สิ ว่าแต่กลับกันเลยไหมคะ”

    “ถ้าแน่ก็ดี ตอนแรกคิดว่าจะให้เธอเห็นเกียร์เป็นบุญตา ถ้าไม่อยากเห็นกลับเลยก็ได้”

    พี่รามพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วทำทีจะหันไปที่ประตู พอสมองฉันประมวลผลได้ก็รีบคว้าแขนของร่างสูงมาอย่างเร็ว

    “เดี๋ยวสิพี่...!” พี่รามเซมาตามแรงดึงที่ฉันคว้าแขนไว้ คนร่างสูงไม่คิดว่าจะถูกรั้งกลับมาเลยไม่ทันตั้งรับแล้วล้มใส่ร่างฉันลงไปจมกับที่นอน

    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หน้าเราชิดกันแบบไม่มีอะไรมากั้น สายตาของเราจ้องประสานแล้วเบิกขึ้นพร้อมกันแบบตกใจทั้งคู่ จมูกเอย และริมฝีปากเอย

    “เฮ้ย!” พี่รามรีบลุกขึ้นเมื่อตั้งสติได้ก่อน ส่วนฉันก็นอนนิ่งเป็นผักต้มลุกไม่ขึ้นจากเตียงอยู่หลายนาที

    เมื่อกี้ถูกจูบเหรอ จูบแรกของฉันเลยนะ

    พอตั้งสติได้ฉันก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นไปยืนคนละฝั่งกับพี่ราม เราต่างคนต่างหันหน้าหนีกันในบรรยากาศกระอักกระอ่วนจนหัวใจเต้นแรงหนักขึ้นไม่มีทีท่าจะเบาลง

    “โทษที ไม่ได้ตั้งใจ”

    “เอยเอง”

    “ฮะ” พี่รามตกใจ “เธอ…ตั้งใจ?”

    “เอยหมายถึง เอยผิดเองที่ดึงพี่รามกลับมา มันเป็นอุบัติเหตุ”

    “อืม” พี่รามเสยผมลวก ๆ เหมือนว่าทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

    “เราออกไปกันดีกว่า คนอื่นคงรออยู่”

    ฉันนำเจ้าของห้องออกมาโดยไม่รอคำตอบ แล้วก็พบว่าไม่มีใครอยู่สักคน...

    “พวกมันกลับไปแล้ว”

    “อ๋อ...งั้นเอยกลับเลยดีกว่า”

    “เดี๋ยวไปส่ง” ฉันพยักหน้ารับ แล้วก็ตามพี่รามออกมาเงียบ ๆ จนถึงนั่งในรถ

    “พี่รามดื่มมาให้เอยขับให้ไหมคะ เอยขับรถเป็น”

    “ไม่ต้อง ขับเองปลอดภัยกว่า”

    “รู้ได้ไงคะ”

    “ก็นี่มันรถฉัน ฉันรู้จักมันดีกว่าเธอ”

    “อ้อ”

    หัวใจยังเต้นแรงไม่หยุด ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายนาที การเปลี่ยนเรื่องและหาเรื่องอื่นพูด น่าจะเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้น ไม่งั้นได้นั่งเกร็งไปตลอดทางแน่

    “เรื่องเมื่อกี้...”

    “เรื่องที่ฉันจูบเธอ?”

    “เอยหมายถึง เรื่องที่พี่รามบอกว่าจะเอาเกียร์มาให้ดูพี่รามพูดจริงหรือเปล่า”

    โอ๊ยจะพูดเรื่องจูบมาอีกรอบทำไมเนี่ย คนกำลังเปลี่ยนเรื่องอยู่คนบ้า

    “ทำไม ไหนว่าไม่สน”

    “ใจจริงก็สนอยู่นิดหนึ่ง พี่ยังเก็บเกียร์อีกอันเอาไว้ใช่ไหม ทำไมเอยไม่เห็นใส่ติดตัวแบบรุ่นพี่วิศวะคนอื่น”

    “ก็มีเกียร์สโมสรแล้วไง”

    “ถ้างั้นเกียร์อีกอันอยู่ไหนล่ะ”

    “ก็เก็บไว้”

    “เอยอยากเห็น”

    “อยู่ในห้องนั่นแหละ”

    “ตรงไหน ไม่เห็นมีเลย”

    “ยอมรับแล้วว่าแอบรื้อห้องนอนฉัน?”

    “เปล่านะ ตอนแรกเอยไม่ได้คิดถึงเรื่องเกียร์เลย แต่พอพี่รามพูดขึ้นมาก็เลยอยากเห็น”

    “แถเก่ง” เขายกมือมาจิ้มที่หน้าผากของฉันให้ออกห่างจากเขา “ถึงคอนโดเธอแล้ว”

    “เอาจริง ๆ เลยนะพี่ราม”

    “ว่ามา”

    “เอยขอเช่าเกียร์พี่วันหนึ่ง พี่คิดเงินมาเลยเดี๋ยวเอยโอนให้ เอยไม่ขโมยหรอกพี่ก็รู้จักคอนโดเอยแล้วนี่”

    “ฮะ?” พี่รามหันมามองหน้าฉันแบบรำคาญใจ

    “พันนึง”

    “สองพัน”

    “สามพัน”

    “เต็มที่เลยนะ...ห้าพันขาดตัว”

    “เห็นฉันร้อนเงินเหรอ”

    “แล้วพี่ต้องการอะไรล่ะ ยืมแค่วันเดียวงกจัง”

    “ไปห้องเธอ”

    “ฮะ?”

    “ล้อเล่น ตอบมาตามตรง เธอจะเอาเกียร์ฉันไปทำอะไร ทำไมถึงอยากได้นักหนา”

    “เอาตรง ๆ เลยนะ เอยเดิมพันกับเพื่อนในสาขาไว้น่ะ”

    “เดิมพันอะไร”

    “คืออย่างที่รู้ว่าเพื่อนในสาขาเอยชอบพวกพี่มากเลย แล้วมันก็พูดกันว่าใครได้เกียร์ของพี่ไปเนี่ยคงจะฟินมาก เอยก็เลยพูดไปแบบไม่คิดว่าไม่เห็นจะยาก มันเลยท้าให้เอยมาเอาเกียร์จากพี่ไปโชว์พวกมันภายในหนึ่งเดือน”

    เผื่อบางทีเขาอาจจะเข้าใจเหตุผลของฉันมากขึ้นแล้วอาจจะเห็นใจก็ได้ ฉันเลยบอกความจริงไปครึ่งเดียว

    “ไร้สาระ”

    “เห็นไหม พอบอกความจริงก็ถูกว่าไร้สาระ เอยเลยไม่กล้าบอกไปแต่แรก”

    “กับการเรียนพวกเธอตั้งใจกันขนาดนี้ไหม”

    “ตั้งใจสิ ตั้งใจมากด้วย”

    “แล้วถ้าไม่ได้ไป จะเป็นยังไง”

    “เฮ้อออออ เลวร้ายพอตัว แต่บอกไม่ได้อะสัญญากับพวกนั้นไว้แล้ว” ฉันถอนหายใจเมื่อคิดถึงผลที่ตามมาหากทำไม่สำเร็จ ตกรับน้องทั้งสาขาแล้วปีหน้าต้องซ่อมรับน้องใหม่ได้ขายหน้ารุ่นน้องทั้งคณะแน่

    “ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจ ฉันให้เธอยืมเกียร์วันหนึ่งก็ได้”

    “จริงนะ แล้วเอยต้องทำยังไงบ้าง”

    “เธอบอกว่าจะเป็นจินนี่ให้ฉัน ถ้างั้นก็ต้องทำทุกอย่างที่ฉันสั่ง ห้ามขัดใจหรือห้ามปฏิเสธเด็ดขาด”

    “ไม่มีปัญหา” ฉันพยักหน้ารับปาก “ตามที่นายท่านบัญชามาได้เลย”

    “แล้วห้ามหาทางขโมยเกียร์ฉันอีกเข้าใจไหม”

    “เข้าใจค่ะ สัญญาแล้วนะ ห้ามคืนคำ” ฉันยกนิ้วก้อยไปให้คนคูล พอเขาไม่ยอมเกี่ยวก้อยกลับฉันก็เป็นฝ่ายที่ยกมือเขามาเกี่ยวก้อยเอง “ขอบคุณนะคะท่านประธานที่มาส่ง ขับรถกลับดี ๆ ฝันดีค่า”

    ฉันพูดจบก็ลงจากรถด้วยความตื่นเต้น แค่ทำตามคำสั่งไม่น่ายาก

    “เดี๋ยวก่อน”

    “คะ”

    “ฉันอยากขึ้นไปข้างบน” เขาชี้ไปทางคอนโด

    “ฮะ หะห้องเอยเหรอ” เอาจริงดิ ไหนว่าล้อเล่น

    “ไม่ได้เหรอ งั้นก็ลืมสัญญาเมื่อกี้ไปแล้วกัน”

    ได้เหรอ เกี่ยวเหรอ คิดไปคิดมาก็ไม่เข้าท่าซะเลย

    “ไปก่อนนะ”

    พี่รามปิดกระจกรถเหมือนจะไม่แคร์ แต่ฉันก็เคาะเรียกไว้ก่อน

    “พี่จะขึ้นไปทำอะไร”

    “ก็อยากรู้ว่าห้องเธออยู่ห้องไหน ถ้าหากวันที่เธอเอาเกียร์ฉันมาแล้วไม่ยอมคืน จะได้มาตามถูกที่”

    “เห็นเอยขี้ขโมยขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “ใช่ ไม่น่าถาม”

    “โอเค แป๊บเดียวนะคะ” เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงเหตุผลที่เขาว่ามาก็เป็นไปได้ ก็ฉันคิดแผนขโมยเกียร์เขามาสองรอบแล้วไง

    เจ้าของรถสปอร์ตจอดรถแถวคอนโดก่อนจะตามกันมาเงียบ ๆ โชคดีที่พี่เขาใส่ชุดไพรเวตกับหมวกเลยไม่น่ามีคนจำได้ ถึงจะมืดแต่แถวนี้นักศึกษาคึกคักตลอดเวลาเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย

    “ไม่หรูเหมือนคอนโดพี่รามหรอกนะคะ”

    “มัวแต่พูดมากเปิดสักทีสิ เดี๋ยวก็มีคนมาเห็น” ร่างสูงดุตามสไตล์ ฉันเลยเปิดประตูเข้ามาด้านในให้กับแขกผู้มาเยือน ห้องฉันเป็นโทนสีขาวตัดน้ำตาลและเขียวเอิร์ธโทนมินิมอลสุด ๆ ต่างจากของพี่รามอย่างสิ้นเชิง

    “เชิญค่ะ” พี่รามเข้ามานั่งที่โซฟาแล้วหันมองรอบ ๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ห้องเอยไม่ค่อยมีอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวเอยเอาของไปเก็บก่อนนะ ถ้าหิวน้ำก็เปิดตู้เย็นได้เลย ตามสบาย”

    ฉันเอาของไปเก็บในห้องนอนเสร็จก็ออกมาเห็นพี่รามดูโซนโรงเลี้ยงแคคตัส มุมโปรดของฉันที่อยู่ใกล้ระเบียง เป็นโรงเลี้ยงเล็ก ๆ ที่ฉันภูมิใจนำเสนอ

    “ชอบปลูกต้นไม้เหรอ”

    “ค่ะ คุณพ่อชอบต้นไม้เอยเลยชอบปลูกด้วย”

    “เธอเลยดูเป็นคนมองโลกในแง่ดี อารมณ์ดี ไม่คิดมากสินะ”

    “ก็ไม่ขนาดนั้น ใครด่ามาก็โกรธอยู่นะ เผลอ ๆ ด่ากลับแรงกว่าด้วย” ฉันตอบความจริง

    “แต่ตอนอยู่กับพวกฉันเธอดูอารมณ์ดีตลอดเวลา”

    “เวลาอยู่กับพี่เอยมีสิทธิ์เกรี้ยวกราดได้ด้วยเหรอ” พี่รามหันมาค้อนใส่กัน ฉันเลยหยิบน้ำเปล่ามาให้แขกที่ชมสวนแคคตัสอยู่อย่างสนอกสนใจ “พี่รามอยากปลูกบ้างไหมล่ะ จะได้อารมณ์ดีบ้างเอยอยากเห็น”

    “กวนประสาท” คนที่รู้ตัวว่าโดนแขวะกลับเข้าไปนั่งเล่นที่โซฟาแล้วหยิบกีตาร์ที่ตั้งไว้มานั่งเล่น ขณะที่ฉันยืนทักทายเจ้าแคคตัสเหมือนทุกวันเวลากลับมาถึงห้อง

    “เด็ก ๆ พี่เอยกลับมาแล้วนะ วันนี้เป็นยังไงกันบ้าง”

    “แข็งแรงรับแดดดีกันทุกคนเชียวนะ ออกดอกให้พี่เอยเห็นบ้างสิ”

    “เป็นบ้าเหรอพูดคนเดียว” ต้นเสียงจากพี่รามทำให้ฉันเป็นฝ่ายค้อนใส่เขาบ้าง

    “เขาเรียกว่าธรรมชาติบำบัดค่ะ”

    “รู้แล้วว่าอยู่ห้องไหน กลับดีกว่า”

    “เอยไปส่ง” แต่พอถึงหน้าห้องพี่รามก็จิ้มหน้าผากฉันแล้วดันกลับเข้าไปในห้อง

    “ไม่หลงหรอกน่ากลับเองถูก”

    “ก็เดี๋ยวโดนหาว่าดูแลไม่ดีไง”

    “ไม่ได้งี่เง่าขนาดนั้น”

    “เอ่อพี่ราม เอยขอไลน์หน่อยสิ” คนที่อยู่หน้าห้องมองกันด้วยสายตาที่มีเสียงออกมาว่าจะเอาไปทำไม “เอาไว้ติดต่อไง เผื่อพี่มีอะไรจะได้ไลน์หาเอยได้สะดวก ไม่ต้องโทรให้เปลือง ไม่ไลน์ไปจีบหรอกน่า”

    “ขอเบอร์ ขอไลน์ รอบหน้าจะขออะไรอีก” ถึงปากจะบ่นแต่ก็ยอมพิมพ์ไอดีของไลน์ให้กันจนได้

    “เอยเคยขอเบอร์พี่รามด้วยเหรอ ไม่เคยนี่”

    “ช่างเถอะ ไปก่อนนะ”

    “ขับรถดี ๆ นะคะท่านประธาน”

     

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป

    ห้องสโมสรนักศึกษา

    ทุกวันนี้ฉันเจอพี่รามวันละสองเวลาคือตอนเช้ากับตอนเย็น…

    ตอนเช้าฉันเสนอหน้าไปรอเขาที่ร้านกาแฟ แต่เขากวนประสาทหลังจากวันที่สามที่เจอฉันอยู่ที่ร้านหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ไปร้านกาแฟอีกเลย แต่ใช่ว่าฉันจะยอมแพ้ง่าย ๆ ฉันก็ซื้อกาแฟจากร้านโปรดไปให้เขาถึงคณะทุกวันตามประสาลูกน้องที่ดี

    ซึ่งพอพี่รามเห็นว่าฉันทำตัวเป็นลูกน้องที่ดีแบบนั้นเขาก็ใช้งานฉันสารพัด หาเรื่องแกล้งฉันไม่หยุดทั้งฝากซื้อข้าว พิมพ์รายงาน ถ่ายเอกสาร ทำความสะอาดห้องสโมสร ส่งการบ้าน หยิบอุปกรณ์ช่างตอนทำโปรเจกต์

    นี่ฉันถึงขั้นต้องไปท่องจำชื่ออุปกรณ์การช่างมาให้ถูกอีกเพราะกลัวถูกหักคะแนนความประพฤติ ตอนนี้เหมือนเรียนนาฏศิลป์ควบวิศวะไปพร้อม ๆ กันจนโดนเพื่อนแซวทุกวันแล้วเนี่ย

    “น้องเอย พวกนั้นยังไม่มาเหรอ” พี่พราวทักขึ้นหลังจากที่ฉันเรียงเอกสารงานมหา’ ลัยของพี่รามเสร็จพอดี ตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าแล้วฉันเพิ่งเจอพี่พราวในรอบวัน เนื่องจากว่าพี่พราวติดประชุมเลยไม่เจอกันตอนรับน้อง “แต่ยังไม่มาก็ดี...พี่มีธุระสำคัญจะคุยกับน้องเอย”

    “คุยกับเอย มีอะไรเหรอคะ”

    “ก็ที่พวกพี่ไปประชุมคณะมา เขาให้แต่ละสาขาส่งรายชื่อผู้ที่เข้าประกวดดาวเดือนเพื่อคัดตัวเป็นดาวเดือนคณะปีนี้ พวกสตาฟและรุ่นพี่สาขาเราทุกคนคิดเห็นตรงกันว่าจะส่งชื่อน้องเอยไปประกวดดาวสาขา น้องเอยจะโอเคไหม”

    “เอยเนี่ยนะ จะเป็นตัวแทนของสาขาไปคัดตัวเพื่อเลือกดาวคณะ”

    “ใช่ พวกรุ่นพี่คิดว่าน้องเอยเหมาะสมที่สุดในปีนี้ ตั้งแต่งานระดมทุนคนก็รู้จักน้องเอยเยอะมาก แถมน้องเอยก็มีความสามารถรอบด้านเลยด้วย”

    “เอยว่าคนอื่นดีกว่าค่ะ”

    “ทำไมล่ะ ติดอะไรหรือเปล่า”

    “คืออย่างที่พี่พราวก็รู้ว่าเอยมีปัญหากับรุ่นพี่ในคณะ ยิ่งกับพี่ไลลาเอยว่าเอาคนอื่นเถอะค่ะ พี่เขาไม่ยอมให้เอยได้เป็นดาวคณะแน่ ๆ อีกอย่างแค่ต้องทำทุกทางให้ได้เกียร์จากพี่รามก็งานหินแล้วนะคะ”

    “ก็จริง แต่ลองไปตัดสินใจอีกทีนะน้องเอย อาทิตย์หน้าค่อยมาตอบพี่ก็ได้ พี่อยากได้น้องเอยเป็นตัวแทนของสาขาเรานะ ๆ”

    “พี่น้องคู่นี้มีอะไรกันเหรอ” พี่ภณเปิดประตูเข้ามาเห็นจังหวะที่พี่พราวอ้อนฉันอยู่พอดี

    “พราวอยากได้น้องเอยไปคัดดาวคณะน่ะ”

    “ยัยนี่เนี่ยนะ” พี่รามส่ายหัวแล้วแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย “อยากแพ้วิศวะเหรอพราว หาคนอื่นเถอะ”

    “แต่กูว่าน่ากลัวเลยนะถ้าน้องเอยตกลง” พี่ศรันย์ตามเข้ามากับพี่ศิลาและพี่มิวนิค

    “ใช่ไหมศรันย์ พราวก็อยากให้น้องลงคัด แต่น้องไม่อยากลงลองไปตัดสินใจดูอีกทีนะ แล้วค่อยมาบอกพี่”

    “ก็ได้ค่ะ”

    “เย่! น้องเอยน่ารักที่สุด”

    “เมื่อเช้าฉันไม่ได้บอกเหรอว่าวันนี้จะไปซื้ออะไหล่มาทำโปรเจกต์ เธอไม่ต้องมา”

    “ไม่ได้บอกค่ะ” ฉันส่ายหัวไปมา ในที่สุดวันนี้ก็ได้กลับคอนโดไปนอนสบาย ๆ เหมือนคนอื่นสักที

    “เออกูลืมไปเลย วันนี้กูไม่ไปนะ คุณย่าโทรมาตามกูกับยัยพราวไปที่บ้านไม่รู้มีเรื่องอะไร”

    “เออ”

    “พี่ไปก่อนนะน้องเอย อย่าลืมเปลี่ยนใจนะพี่รอโทรศัพท์อยู่” พี่พราวมากระซิบก่อนจะกลับไปพร้อมพี่ภณ

    “วันนี้กูก็มีนัดกับน้องจ๊ะจ๋าคณะบริหารว่ะ ไปก่อนนะเว้ย” เป็นพี่ศรันย์ที่แยกตัวออกไปอีกคน

    “เชี่ย เมื่อกี้อาจารย์นิติเรียกกูกับไอ้มิวไปหา สงสัยจะไปไม่ได้แล้วว่ะไอ้ราม” พี่ศิลาแกล้งตีหน้าเศร้าแล้วมีเสียงเรียกเข้าดังพอดี “ดูดิ โทรตามอีกแล้วเนี่ย”

    “มึงก็ชวนน้องเอยไปเป็นเพื่อนดีกว่าไปคนเดียว พวกกูเป็นห่วงไปก่อนนะ” พี่มิวนิคก็เอากับเขาด้วย พูดจบสองคนนี้ก็รีบออกจากห้องไปแถมยังทิ้งระเบิดให้ฉันอีก ดับฝันกันสุด ๆ

    “ไปกันเลยไหมคะ” ฉันยิ้มให้คนที่โดนเพื่อนทิ้งอย่างรู้ชะตากรรม

    จะบอกว่าตลอดทั้งอาทิตย์ ถึงพี่รามจะใช้งานหนักแค่ไหนแต่พี่รามก็ไปส่งฉันทุกวัน แล้วเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นด้วยถ้าฉันไม่คิดไปเองว่าสนิทกับเขาฝ่ายเดียวอย่างที่เขาชอบพูด

    พี่รามขับรถพาฉันมาที่ตลาดไนต์มาร์เก็ต ที่นี่ใหญ่มากแบ่งออกเป็นหลายโซนมีทั้งของกิน เสื้อผ้า ต้นไม้ สัตว์เลี้ยง แล้วก็พวกอะไหล่ของช่างต่าง ๆ ทั้งมือหนึ่งและมือสอง เป็นตลาดที่ฉันอยากมาตั้งนานแล้วเห็นวัยรุ่นในกรุงเทพฯ ชอบมากันในช่วงสุดสัปดาห์

    โซนอะไหล่เป็นโซนที่ฉันไม่เคยคิดจะเดินเข้ามาเลย แต่วันนี้ก็ต้องตามพี่รามมา มองเขาเลือกดูของด้วยความสนใจ เข้าใจหัวอกผู้ชายที่มารอแฟนเลือกเครื่องสำอางเลย เหมือนในตอนนี้ไม่มีผิด

    พี่รามเปิดดูรูปในมือถือเปรียบเทียบแล้วก็คุยศัพท์ทางด้านวิศวะกับเจ้าของร้านที่ฉันไม่เข้าใจอยู่นานสองนาน เข้าร้านโน้น ออกร้านนี้ กว่าจะได้ของที่ถูกใจก็ปาไปเป็นชั่วโมง

    “หิวยัง”

    “...” ฉันพยักหน้าหงึก ๆ

    “อยากกินอะไร”

    “อืม” ฉันมองซ้ายมองขวาก่อนจะชี้ไปยังร้านอาหารญี่ปุ่น “กินไหม”

    “ไปสิ”

    “พี่เลี้ยงนะ น้องอุตส่าห์มาเป็นเพื่อน” ฉันดักคอก่อนเปิดดูเมนูที่พนักงานส่งให้ “เอาข้าวหน้าปลาไหลค่ะ”

    “ข้าวหน้าเนื้อวากิวครับ”

    “เอาเซตแซลมอนซาซิมิ แซลมอนย่างซีอิ๊ว ทาโกยากิ อ้อ เอาน้ำพันช์แก้วหนึ่ง แล้วก็ชาเขียวแก้วหนึ่งค่ะ” ฉันสั่งจบก็ยื่นเมนูคืนพนักงาน

    “ไม่เคยกินหรือไง สั่งอะไรขนาดนั้น”

    “หิวจนตาลายไปหมดแล้วเนี่ย คลาสกลางวันก็สอบรำพื้นฐาน ตอนเย็นก็เข้าฐานรับน้อง เหมือนพี่เขาใช้แรงงานของเอยที่มีไปยันอาทิตย์หน้าแล้วเนี่ย หมดแรง”

    “ก็เห็นบ่นเหนื่อยทุกวัน ไม่มีวันไหนที่ไม่บ่น”

    “แล้วพี่รามเหนื่อยไหม ต้องไปคุมรับน้อง ทั้งยุ่งโปรเจกต์ ทั้งงานมหา’ ลัย”

    “เหนื่อย แต่ไม่บ่น”

    “แล้วนี่ซื้อของครบยัง”

    “ยังหรอก บางอย่างมันไม่มีของ ต้องสั่งไว้ก่อนแล้วค่อยมาเอาทีหลัง”

    “อ้อ”

    “แล้วเธอ สรุปจะลงคัดดาวคณะไหม”

    “ว่าจะไม่ค่ะ”

    “ดีแล้ว อย่าไปลงเลย ลงไปก็ไม่ชนะ”

    “ย้ำจัง เดี๋ยวก็ลองลงดูให้รู้แล้วรู้รอด”

    “ก็ลองลงดิ”

    “แล้วทำไมจะลงไม่ได้ ดาววิศวะมันสวยขนาดนั้นเชียว”

    “อืม สวยมาก”

    “งั้นพรุ่งนี้จะโทรไปบอกพี่พริบพราวว่าเอยจะลงคัดตัว”

    “ถ้าเธอลง คนก็ยิ่ง...” พี่รามหยุดพูดเหมือนคิดอะไรได้ แล้วหยิบชาเขียวที่ฉันสั่งให้ขึ้นมาดื่ม

    “ยิ่งอะไร จะว่าอะไรเอยอีก”

    “แค่เรียนกับรับน้องยังบ่นเหนื่อยเลย ไปคัดดาวคณะทำกิจกรรมตั้งเยอะเดี๋ยวเธอก็งอแงอีก”

    “ไม่ได้งอแงสักหน่อย”

    “อีกอย่างเธอบอกว่าเป็นจินนี่ของฉัน ถ้าเธอเอาเวลาไปคัดดาวคณะฉันก็จะใช้เธอไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้เกียร์ก็ห้ามลง เข้าใจไหม”

    “ก็ไม่คิดจะลงอยู่แล้ว”

    “อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ”

    โชคดีที่มีกรรมการมาห้ามศึกของเราได้ทันเวลา พอเห็นอาหารอารมณ์ที่ขุ่นมัวก็ดีขึ้นมาอย่างกับเสกได้

    “อารมณ์ดีเชียวนะ”

    “กินแล้วนะคะ” ฉันบอกเจ้าภาพก่อนจะตักข้าวหน้าปลาไหลเข้าปากแล้วรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์เพราะมันเป็นรสชาติที่ทำให้พลังงานชีวิตของฉันกลับมาอีกครั้ง ฉันจะตายได้ยังไงในเมื่อยังมีความสุขขนาดนี้

    “หิวก็กินเยอะ ๆ”

    “เอยอยากชิมวากิวด้วย”

    “ตะกละ” ถึงจะทำน้ำเสียงดุแต่เจ้าของก็เลื่อนเซตข้าวมาให้ฉันตักอย่างใจดี

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างหมด ฉันก็สั่งขนมหวานมาตบท้ายอีกสองอย่าง จนเจ้ามือเอ่ยปากบ่น

    “คิดถูกคิดผิดเนี่ยพาเธอมา กระเป๋าตังค์แฟบหมด”

    “ไม่ต้องคิดมาก เอยไม่ถือ”

    “ฉันต้องพูดไหม”

    “อ้าวเหรอ”

    พอออกมาจากร้านอาหาร ฉันดึงแขนพี่รามมายังโซนต้นไม้ที่ขายแคคตัสที่โปรดปราน โดยเลือกขึ้นมาให้พี่รามช่วยดูแล้วเขาก็ช่วยเลือกมาห้าต้น

    “อะให้” ฉันยื่นถุงต้นไม้ให้พี่รามที่แสดงสีหน้าตกใจ หลังจากที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าการที่เขาเลือกคือการที่ต้องเลี้ยง “วันนั้นเอยเห็นพี่รามสนใจ ลองเลี้ยงดูค่ะ”

    “ไม่เอา ฉันไม่ชอบดูแลอะไร”

    “ลองก่อน อาจจะชอบก็ได้”

    “จะให้เลี้ยงตรงไหน”

    “แล้วแต่เลย ตรงห้องรับแขกพี่ก็มีแสงเข้าเลี้ยงตรงนั้นก็ได้ หรือจะวางโซนใกล้ ๆ ระเบียงก็ดี”

    “ไม่เอา กลัวมันตาย”

    “ไม่ยุ่งยากหรอก ตายยากด้วย”

    “ถ้างั้นเธอก็ต้องไปช่วยเลี้ยง เพราะฉันดูไม่เป็นหรอกว่ามันเลี้ยงยังไง ต้องให้น้ำเมื่อไร รับแดดวันไหน ขี้เกียจจำ”

    “เรื่องเยอะงั้นเอยเอากลับไปเลี้ยงเองก็ได้”

    “เออ เลี้ยงก็เลี้ยง” เขารั้งแขนหยิบถุงไปถือเอง

    “งั้นไปดูของตกแต่งกันต่อ”

    “ตกแต่งอะไรอีก”

    คนร่างสูงทำเสียงหงุดหงิดแต่ก็ตามมาแต่โดยดี ก็พวกกระถางต้นไม้ หินสวย ๆ พวกของจัดวางคู่ให้ดูเข้ากับห้องพี่รามนั่นแหละ

    “พี่ว่าสีไหนดี ขาวหรือเทา”

    “ไม่รู้ แต่พอแล้วมั้งเยอะแยะเลยเนี่ย”

    “เอาขาวดีกว่าจะได้ตัดกับสีต้นไม้แล้วก็สีห้องพี่ด้วย”

    Rrrrr

    ขณะที่จ่ายเงินเสร็จพี่รามก็มีสายเข้า ที่น่าจะเป็นหนึ่งในแก๊งราชัน

    “ตอนนี้กูยังอยู่ที่ไนต์มาร์เก็ต”

    “กำลังจะกลับ มึงไปร้านไหนกัน”

    “เออ ๆ เดี๋ยวกูตามไป”

    “ใครเหรอ”

    “ยุ่ง!” พี่รามผลักหัวฉันออกแล้วเดินนำไปที่รถ

    ระหว่างทางกลับคอนโดที่พี่รามกำลังขับรถมาส่ง ฉันก็ซนเปิดเพลงในรถทั้งที่เขาไม่ชอบ แล้วแกล้งร้องจีบเขาไปบางเพลงด้วย

    “ก่อนออกไปไหนพี่อย่าลืมเอาต้นไม้เอยกลับบ้าน แล้วเอาออกจากถุงก่อนนะ”

    “ภาระจริง ๆ” แต่พอหันมาเห็นว่าฉันเริ่มคิ้วขมวดไม่พอใจ พี่รามก็ตอบรับแต่โดยดี “รู้แล้วน่า”

    ฉันเลยยิ้มออก

    “งั้นเอยไปแล้วนะ”

    “พรุ่งนี้เธอไปจัดการด้วย”

    “จัดการอะไร” ฉันแกล้งไม่เข้าใจ

    “ก็ไอ้ที่เธอขนซื้อมาเนี่ย ฉันจะไปรู้ไหมว่าเธอซื้ออะไรมาบ้าง”

    “ก็จริง”

    เข้าแผน ในเมื่อเขาบอกเกียร์อยู่ในห้อง ฉันก็ต้องพิสูจน์ถูกไหม ไม่ใช่ถึงเวลาแล้วมันไม่มีอยู่จริงฉันก็ซวยสิ

    “ก็บอกอยู่ว่าไม่ชอบทำ ไม่ชอบดูแล เธอนั่นแหละหาเรื่องเก่ง ก็ไปจัดการด้วย”

    “โอเค รับรองว่าจะดูแลอย่างดีทั้งคนทั้งต้นไม้เลย”



    โอ้ยยยยยยยอยากเป็นยัยน้อง อยากงอแงงงงงงพี่ราม 555

    อยากมีคนเลี้ยงข้าวววว มีคนเริ่มใจอ่อนหนึ่งอัตราหรือเปล่าแม่

    ยัยน้องก็เหมือนรู้จุดอ่ะ แต่คนพี่มันก็ร้ายกาจ มวยถูกคู่555

    ขอบคุณที่เอ็นดูนิยายเรื่องนี้มากๆ เลยนะคะ

    อ่านแล้วชอบอย่าลืมกดเก็บเข้าชั้น และคอมเมนต์ ให้กันนะคะ

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามจ้า <3

    #เจอกันตอนหน้าเหมือนมีคนไปปลูกต้นรักกันงุ้งงิ้งอะไรประมาณนี้แหละทุกคน 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×