คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 2 Days Before Christmas
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าหลับคาอ่างอาบน้ำอีก! ดูสิ...อาการแย่ขนาดนี้ พี่จะทิ้งนายไปเที่ยวได้ยังไง”
คยูฮยอนนอนฟังพี่สาวบ่นมาตั้งแต่ 7 โมง 45 และก็ตอนนี้ก็ 8 โมงกว่าๆ แล้ว ทีแรกก็ดีใจที่พี่อาราคงจะอดเที่ยวกับแฟนเพราะต้องอยู่ดูแลเขา แต่เพราะรายนั้นบ่นจนเขาหูชาก็เลยอยากไล่ไปเที่ยวซะให้รู้แล้วรู้รอด
“วัดไข้ไปก่อนนะ ถ้าไข้สูงมากพี่จะพาไปหาหมอ ขอโทรบอกแฟนก่อนนะ” พอพูดถึงแฟน พี่อาราก็ดูไม่สบายใจ คยูฮยอนรู้สึกแย่ที่ทำให้พี่สาวอดออกเดท รายนั้นเพิ่งจะมีแฟน แล้วก็วางแผนเรื่องนี้กันไว้ซะดิบดี สุดท้ายก็ต้องยกเลิก มาดูแลคนโสดที่ป่วยซมแบบเขา ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี
ปรอทวัดไข้จืดๆ กับผ้าชุบน้ำแปะหน้าผากก็ไม่เลวร้ายอะไรนัก แต่ที่น่าสยดสยองก็คือเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น คยูฮยอนพอจะเดาออกว่าใครโทรมา เพราะนี่ก็เลยเวลาเข้างานแล้ว อีกอย่าง...วันนี้มีประชุมภายในแผนกตอน 9 โมง
เด็กหนุ่มกดรับสายอย่างหมดแรง เขาพูดด้วยเสียงอู้อี้เพราะมีปรอทอยู่ในปาก “สวัสดีครับ”
“อยู่ไหนน่ะ...ทำไมยังไม่เข้ามาทำงาน”
“ผม...ป่วย”
“โกหก!” หัวหน้าคิมสวนทันควัน คยูฮยอนจึงโอดครวญ พอดีพี่สาวเดินเข้ามา เขาจึงถือโอกาสยื่นโทรศัพท์ให้คุย
“อะไร” พี่อารารับไปอย่างงงๆ คยูฮยอนจึงขยับปากบอก
“ลางานให้หน่อย”
โจอาราพยักหน้ารับรู้ และเดินออกไปคุยข้างนอก เด็กหนุ่มจึงไม่รู้ว่าหัวหน้าคิมพูดอะไรบ้าง ครู่หนึ่งพี่สาวเขาก็เดินกลับเข้ามาด้วยท่าทางร่าเริง และดึงปรอทออกจากปากเขา
“ไข้ไม่สูงมากนะ พักผ่อนเยอะๆ แล้วก็กินข้าวกินยาตามปกติ เดี๋ยวก็หาย”
“อืม...”
โจอาราโน้มตัวลงจูบผ้าบนหน้าผากน้องชายแล้วยิ้มให้ “พี่ไปนะคยูฮยอน...ไว้จะโทรถามอาการบ่อยๆ”
“หืม? พี่อาราจะไปไหน”
"ไปเที่ยวไง เนี่ย...พอดีว่ายังไปขึ้นรถทัน”
“หา!” คยูฮยอนร้องลั่น เขาไม่อยากจะเชื่อว่าพี่สาวจะใจร้าย ทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวทั้งที่กำลังป่วย ถ้าเขาเกิดเป็นอะไรไปล่ะ ถ้าเขากินยาผิด ถ้าเขาไม่มีแรงลุกไปไหน ถ้าเขาตาย...ถ้ามีโจรขึ้นบ้าน
“พี่ไม่เป็นห่วงผมเลยใช่มั้ย พี่อยากให้ผมตาย...จะได้ไปอยู่กับแฟนอย่างสบายใจใช่มั้ยล่ะ!”
โจอาราถอนหายใจและลูบผมเขา
“อย่าเพิ่งโวยวายไป พี่ไม่ยอมทิ้งนายให้อยู่คนเดียวแน่จ้ะ แต่เผอิญว่า...ได้คนใจดีอาสามาอยู่ดูแลนาย พี่ก็เลยสบายใจ พี่ขอไปกับแฟนเถอะนะ นายก็รู้ว่ามันสำคัญกับพี่”
“เดี๋ยวๆ อะไรนะ...ใคร...ใครใจดี...ใครจะมาดูแลผม”
คยูฮยอนคงเบลอเพราะพิษไข้ เขาจึงจับต้นชนปลายไม่ถูก
“หัวหน้านายไง เค้าบอกว่าจะดูแลนายให้เอง”
อยากร้องไห้ชะมัด ไม่ใช่เพราะซาบซึ้ง แต่เพราะกลัว...กลัวโคตรๆ ก็รายนี้แหละที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาคิดมากจนหลับคาอ่างอาบน้ำ เมื่อวานเพิ่งมีกรณีกัน แล้ววันนี้ก็อาสาจะมาดูแล โอย...สงสัยโจคยูฮยอนคงโดนฆ่าปิดปากก็งานนี้
“พี่อารา...อย่าทิ้งผมไป”
“หลับไปก่อนนะ เค้าบอกว่าประชุมเสร็จจะรีบเข้ามาเลย”
“ไม่...”
“อย่างอแงน่า พี่ไปนะ บาย”
คยูฮยอนได้ยินเสียงพี่สาวปิดประตูบ้าน สิ้นหวังแล้วสินะ...เขาน่าจะชิงฆ่าตัวตายก่อนที่หัวหน้าคิมจะมาถึง จะได้ไม่ทรมานมาก บางทีรายนั้นอาจจะหอบงานมากองบนเตียงเขา แล้วบังคับให้นั่งทำจนกว่าจะตายก็เป็นได้
เด็กหนุ่มกระชับผ้าห่มแล้วซุกตัวกับหมอนข้าง เขานึกถึงความฝันเมื่อคืน น่าอายชะมัดที่หนุ่มน้อยเวอร์จิ้นอย่างเขาฝันอะไรแบบนั้น ให้ตายสิ...เขาคงอ่านการ์ตูนเยอะไป แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปลาหมึกตัวนั้นต้องใส่แว่นด้วย
มีงานวิจัยบอกว่าคนเรามักจะฝันถึงใครก็ตามที่นึกถึงก่อนนอน แล้วเขาก็มักจะนึกถึงหัวหน้าคิมทุกคืนเสียด้วย บางทีก็นึกไปว่าพรุ่งนี้เช้าจะตื่นมาทันไปทำงานตรงเวลารึเปล่า จะโดนสั่งงานแบบโหดๆ อีกมั้ย ฝ่ายนั้นจะติงานชิ้นไหนและส่งมาให้เขาแก้อีก ล่าสุดก็คงจะเป็นเรื่องที่จะทำอย่างไรให้ได้ลางานในช่วงคริสต์มาส จนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
‘ช่างน่ากลัวที่เพิ่งค้นพบความจริงว่าหัวหน้าคิมเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเขาขนาดนี้’ ไหนจะเรื่องที่ได้ปลาตัวใหญ่ หน้าตาละม้ายคล้ายหัวหน้าคิมมาทดลองเลี้ยง แล้วไหนจะเรื่องที่พี่สาวหนีไปเที่ยว และทิ้งเขาให้อยู่ในเงื้อมมือของหัวหน้าคิมอีก มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ พอซะทีเถอะ...พอได้แล้ว
เด็กหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความที่เพิ่งเข้ามาเมื่อครู่ หัวหน้าคิมส่งมา และบอกเขาว่า ‘ตอนเที่ยงจะแวะเข้าไป ถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็โทรมานะ’ อ่านจบก็กดปิด และถอนหายใจเฮือกใส่หน้าจอ
‘นั่นสิ...พอซักทีได้มั้ยเนี่ย’
“คยูฮยอน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียก ทำให้เด็กหนุ่มลืมตาขึ้น จากนั้นภาพคนตรงหน้าจึงชัดเจนตามลำดับ
“ผมไม่ได้กำลังฝันใช่มั้ย”
คังอินงุนงงที่อีกฝ่ายถามออกมาแบบนั้น แต่เขาก็พยักหน้า
“ฉันซื้อข้าวต้มมาให้ ลุกขึ้นมากินเถอะ พอกินเสร็จแล้ว นายจะได้รีบกินยา”
คยูฮยอนเหลือบตามองถาดบรรจุชามข้าวต้มกับน้ำเปล่าที่อยู่บนตักร่างสูง เขาดันตัวขึ้นนั่ง และรู้สึกปวดหัวมาก ดูจากสายตาของหัวหน้าคิมแล้ว สภาพของเขาตอนนี้คงน่าสมเพชไม่น้อย
“หัวหน้าเข้ามาได้ยังไง”
“พี่สาวนายเอากุญแจไว้ใต้พรมเช็ดเท้าหน้าบ้าน”
“อ่อ” คยูฮยอนนึกว่าหัวหน้าคิมงัดเข้ามาเสียอีก ที่แท้พี่สาวเขาก็วางแผนไว้แล้วเป็นอย่างดี
“มา! กินข้าวเถอะ เจ้านี้อร่อยนะ”
“ขอบคุณครับ...” พูดพลางเอื้อมมือไปจะรับถ้วย แต่คังอินกลับตักข้าวต้มใส่ช้อน และยกขึ้นจะป้อนเขา คยูฮยอนทำหน้าเลิ่กลั่กและรีบปฏิเสธ “ไม่เป็นไรครับหัวหน้า...ผม...กินเองได้”
“ท่าทางไม่มีแรงแบบนี้นอนเฉยๆ เถอะน่า เดี๋ยวทำหกจะเป็นเรื่องเปล่าๆ” ร่างสูงยกช้อนจ่อปากเขา คยูฮยอนจึงจำใจกิน เขาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมันร้อน อีกฝ่ายตกใจ รีบส่งแก้วน้ำให้ดื่ม
“ขอโทษนะ เดี๋ยวจะเป่าก่อน”
“ผมเป่าเองก็ได้”
“เฉยไว้เถอะน่า!” พอโดนดุ คยูฮยอนก็เงียบกริบ เขาก้มหน้ารับกรรม ยอมให้อีกฝ่ายดูแลทุกอย่างสมใจ หัวหน้าคิมบังคับให้เขากินข้าวต้มจนหมดชาม จากนั้นจึงหยิบถ้วยพลาสติกเล็กๆ ที่บรรจุเม็ดยาจำนวนหนึ่งส่งให้
“ยาอะไรครับ”
“ต้องบอกด้วยรึไง กินเข้าไปเถอะน่า”
เด็กหนุ่มไม่ยอมแตะ เขาลังเลที่จะพูดออกไป แต่ก็ไม่มีทางเลือก “คือ...ผมไม่ได้ระแวงหัวหน้าหรอก แต่ผมเป็นผู้บริโภคนะ ผมมีสิทธิ์รู้ว่าผมกำลังจะได้รับตัวยาอะไรบ้าง และมันส่งผลยังไง ขนาดไปโรงพยาบาล หมอยังเขียนกำกับมาเลยว่ายาชื่ออะไร แก้อาการอะไร ถึงจะอ่านไม่ออกก็เถอะ”
“พูดมากชะมัด แบบนี้คงไม่เป็นอะไรมากหรอก”
หัวหน้าคิมส่ายหน้าแล้วหยิบถุงยาส่งให้ คยูฮยอนรับไปอ่านดู จากนั้นก็ส่งคืนด้วยรอยยิ้ม
“อ่านไม่ออกจริงด้วยครับ”
“แล้วจะกินมั้ยล่ะ”
“กิน...” คยูฮยอนรีบตอบเพราะกลัวอีกฝ่ายจะโมโห “ผมป่วยอยู่นะ หัวหน้าอย่าดุนักสิ”
“เปล่า ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ”
“ไม่เชื่อ! หัวหน้าเป็นแบบนี้เพราะโกรธผมเรื่องเมื่อวานใช่มั้ยครับ” คำถามของเขาทำให้หัวหน้าคิมหันขวับ เขาจึงคิดว่าจะเปลี่ยนใจ ไม่เอาคำตอบแล้วก็ได้ แต่รายนั้นก็ไม่ตอบอะไรอยู่แล้ว เลยเงียบกันไป
“กินยา”
“ครับๆ” คยูฮยอนเอื้อมมือไปรับถ้วย แต่หัวหน้าคิมไม่ยอมยื่นให้ กลับเทยาลงบนฝ่ามือก่อน
“เอ่อ! หัวหน้า...อันนี้ไม่ต้องป้อนนะครับ”
คังอินเหลือบตามองคนที่ตกใจเกินเหตุ เขาหลุดขำแล้ววางยาลงบนฝ่ามือของเด็กหนุ่ม ก่อนจะส่งแก้วน้ำให้ กลายเป็นว่าคยูฮยอนปล่อยไก่ตัวเบ่อเริ่มให้อีกฝ่ายขำเล่น น่าอายชะมัดที่วิตกจริตไปเอง คิดแล้วก็เงยหน้ามองเพดาน กลัวว่าจะมีช่อมิสเซิ่ลโทอยู่แถวนี้อีก คังอินเห็นอีกฝ่ายเงยหน้าจึงมองตาม
“หาอะไรเหรอ”
“เปล่าครับ ผม...กำลังจะกินยา” ว่าแล้วก็ดื่มน้ำและแหงนหน้าขึ้นอีกรอบ หย่อนยาลงไปก่อนจะกลืน
หัวหน้าคิมเอาชามข้าวกับถาดไปเก็บ คยูฮยอนจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ไม่นานนักรายนั้นก็กลับเข้ามาพร้อมชามใบใหญ่ใส่น้ำอุ่นกับผ้าขนหนู
“เช็ดตัวให้นะ”
ใจจริงอยากประชดว่าจะทำอะไรก็ทำเถอะ แต่มันก็ออกจะอันตรายไปหน่อย
“ผมเช็ดเองดีกว่า ไม่อยากให้หัวหน้าต้องลำบาก” ลองพูดแบบเกรงใจ แต่ก็เคยได้ผลเสียเมื่อไหร่ล่ะ
“เช็ดแบบไม่ต้องถอดเสื้อผ้า โอเคมั้ย”
“ครับ” ก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไร เลยพูดออกไปแบบนั้น หัวหน้าคิมจึงนั่งลงและใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ เด็กหนุ่มหลบสายตาไปทางอื่น แต่ก็นึกสงสัย “หัวหน้าไม่รู้สึกอะไรเหรอที่ต้องมาเช็ดตัวให้ลูกน้องแบบนี้”
“หืม?” คังอินขมวดคิ้ว คยูฮยอนจึงพยายามอธิบาย
“คือ...ผมหมายความว่า...เราไม่ค่อยสนิทกัน”
ร่างสูงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ใช่...ไม่สนิทกัน”
เห็นได้ชัดว่าจงใจเลี่ยงไม่ตอบคำถามแรก แต่ก็ช่างเถอะน่า! คยูฮยอนก็ไม่ได้อยากรู้มากมายขนาดนั้น หัวหน้าคิมแตะผ้าชุบน้ำที่ข้างแก้มเขา และไล้ลงที่ลำคอ ตอนนี้คงไม่ใช่หัวหน้าคิมแล้วล่ะที่จะรู้สึกแปลกๆ แต่เป็นเขามากกว่า
“เป็นรอยจริงๆ ด้วย”
คยูฮยอนหันมาสบตาร่างสูงโดยอัตโนมัติ และฝ่ายนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองพอดี ถ้าเป็นแบบในการ์ตูนคงเรียกว่าไฟช็อต เห็นได้จากรูปวาดสายฟ้าสปาร์คที่ดวงตาของแต่ละฝ่าย และมาบรรจบกันตรงกลาง
“อะ...อะไรเหรอครับ”
คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นี่ถ้าเป็นการ์ตูนอีกรอบ...ก็คงมีรูปหยดน้ำไหลวืดลงจากขมับของเขา
“ก็รอยแดงที่คอนายนี่ไง เจ็บมากรึเปล่า”
พอถูกถามแบบนี้ก็ทั้งเขินทั้งอาย เผลอผลักอีกฝ่ายจนหงายหลัง “ก็หัวหน้าเป็นคนทำไม่ใช่รึไง! ยังมีหน้ามาถามอีก!”
“อะไรกัน! ฉันแค่เขย่าตัวปลุกนายเบาๆ เอง นายนั่นแหละที่ซุ่มซ่ามสัปหงกไปโดนปุ่มล็อคประตู”
คยูฮยอนชะงักกับประโยคเมื่อครู่
“อะไรนะครับ ปุ่มล็อคประตู?”
หัวหน้าคิมพยักหน้าปนขำ “ฉันก็ตกใจแทบแย่ เป็นห่วงว่านายจะเจ็บรึเปล่า แต่พอนายตื่นขึ้นมาได้ก็วิ่งลงจากรถไปเฉยเลย แล้วก็ยังมาโทษว่าฉันเป็นคนทำอีก”
คยูฮยอนอึกอัก เขาโครตอายที่บ้าจี้คิดอะไรลามกเป็นเรื่องเป็นราว ที่แท้ก็แค่โดนปุ่มล็อคประตูรถทิ่มคอ และคงเพราะเห็นเขาหน้าแดง หัวหน้าคิมเลยนึกสงสัยขึ้นมา
“นายคิดว่าฉันทำอะไรเหรอ”
“หัวหน้าไม่ไปทำงานเหรอครับ” คยูฮยอนรีบเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาเฉยๆ ถึงจะไม่เนียน แต่หัวหน้าคิมก็ยอมเออออ
“นั่นสิ...จะบ่ายแล้ว ไว้ตอนเย็นจะกลับมาใหม่นะ”
“แต่...” คยูฮยอนกำลังจะบอกว่าเกรงใจ แต่อีกฝ่ายก็ดึงผ้าหุ่มคลุมตัวเขา และพูดรวบรัด
“ฉันรับปากพี่สาวนายไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้นายอยู่คนเดียวนานๆ เพราะฉะนั้นคืนนี้ฉันจะมานอนเฝ้านาย”
ขอร้องเถอะ...มาเข้าฝันเหมือนเดิมจะดีกว่า
คยูฮยอนรู้สึกดีขึ้นแล้วเมื่อร่างสูงกลับมาในตอนเย็น คงเพราะร่างกายพอจะปรับอุณหภูมิได้ บวกกับการดูแลเป็นอย่างดีจากหัวหน้าคิมเมื่อตอนกลางวัน เขาจึงพอจะลุกออกมาจากห้องนอนไหว และกินข้าวเองได้ที่โต๊ะอาหาร
“ตัวไม่ร้อนแล้วนะ กินยาแล้วก็รีบพักผ่อน พรุ่งนี้พักอีกสักวันก็คงจะหายดี” รายนั้นแตะหน้าผากเขา และส่งยาให้ตามเดิมหลังจากเขากินอาหารเย็นเสร็จ
“แล้วที่ต้องไปสัมนาพรุ่งนี้ล่ะครับ”
“ฉันยกเลิกไปแล้วล่ะ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก”
คยูฮยอนเบิกตากว้าง “ทำไมล่ะครับ ถึงผมจะไปไม่ได้แต่หัวหน้าก็เลือกคนอื่นไปแทนได้นี่นา หรือว่าหัวหน้าจะไปคนเดียวก็ได้”
“ถ้าฉันไปแล้วใครจะอยู่ดูแลนายล่ะ” กลายเป็นว่าหัวหน้าคิมเลิกคิ้วใส่เขา “รีบๆ หายก็แล้วกัน ไม่งั้นคงจะอดไปเดทวันคริสต์มาสกับแฟนนายแน่ๆ”
“จริงสิ! ผมจะไม่ยอมป่วยจนออกเดทกับพี่ซีวอนไม่ได้เด็ดขาด แต่หัวหน้าไม่ต้องอยู่ดูแลผมก็ได้นะครับ ผมดูแลตัวเองได้”
พอพูดออกมาถึงรู้ว่าพลาด เขาไม่ได้ติดต่อซีวอนให้หัวหน้าคิมเห็นอีกเลยตั้งแต่ที่พามาเปิดตัววันนั้น แถมพอเขาป่วย...เขาก็ไม่ได้บอกซีวอนเสียด้วยสิ คังอินเห็นท่าทางของเด็กหนุ่ม จึงหลบตาลงหัวเราะ
“แล้วแฟนนายไปไหนซะล่ะ...เวลาที่นายไม่สบาย”
นั่นไงล่ะ...กะแล้วเชียวว่าต้องถาม
“เค้า...” คยูฮยอนบังคับให้สมองคิดหาคำตอบที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้ที่ถูกใจนัก “ต้องทำงานน่ะครับ งานยุ่งมากๆ”
“แล้วแบบนี้เค้าจะมีเวลาไปเที่ยวคริสต์มาสกับนายเหรอ”
“มีสิครับ เรานัดกันไว้แล้ว” คยูฮยอนพูดอย่างมั่นใจ ร่างสูงจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่กลับเป็นเขาที่คิดมาก เพราะนึกไปว่าถ้าพี่อาราไม่อยู่จริงๆ เขาจะมีใครดูแลตอนไม่สบายแบบนี้บ้างไหม
“หัวหน้าครับ...เวลาหัวหน้าไม่สบาย ใครเป็นคนดูแลหัวหน้า”
คังอินทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “ไม่มี...ก็แค่ไปหาหมอ ซื้อยามากิน แต่ฉันไม่ค่อยป่วยหรอกนะ”
“หัวหน้ายังไม่มีแฟนเหรอครับ หรือว่า...มีแล้ว?”
ร่างสูงคงคิดว่าถูกหลอกถาม จึงแค่ยิ้มและเลิกคิ้วใส่
“เป็นความลับ...”
“โธ่! บอกหน่อยก็ไม่ได้”
“ถ้ามีแล้วจะทำไม” หัวหน้าคิมคงไม่ได้ถามกลับกวนประสาทเขา แต่ดูแล้วคงอยากรู้จริงๆ คยูฮยอนจึงยักไหล่
“ผมอยากรู้ว่าแฟนหัวหน้าจะเป็นคนแบบไหนน่ะสิ ให้เดานะ คงจะสวยมากๆ เป็นพวกคุณหญิงคุณนาย ไม่ก็นักธุรกิจ ต้องเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่มากๆ ไม่ขี้ใจน้อย ไม่เรียกร้อง ขอเดาอีกอย่าง...หัวหน้าคงรักงานมากกว่าแฟน เพราะฉะนั้นแฟนของหัวหน้าก็จะต้องบ้างานเหมือนๆ กัน ใช่มั้ยล่ะครับ”
คังอินหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอ และไม่พูดอะไร เขานิ่งอยู่พักหนึ่ง และเริ่มเก็บถ้วยชามบนโต๊ะ “ฉันจะล้างจานนะ นายไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวจะเข้าไปเช็ดตัวให้”
“ครับ ขอบคุณนะครับหัวหน้า” คยูฮยอนลุกขึ้นและเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เขาเดินผ่านกระจกและทำหน้ายู่เมื่อคิดว่าสภาพตัวเองตอนนี้ดูไม่ได้เอาเสียเลย ผมมันเยิ้ม แถมรู้สึกว่ามีกลิ่นตัวนิดๆ
เด็กหนุ่มมองไปที่ห้องน้ำ เขาคิดว่าตอนนี้ก็คงไม่เป็นอะไรมากหากจะอาบน้ำสระผมเสียหน่อย
“นายทำอะไรเนี่ย!”
คังอินมองร่างที่นั่งเช็ดผมอยู่บนเตียง คยูฮยอนดูตกใจที่เห็นเขาโมโห รายนั้นพูดอึกอึก
“ก็...อะ...อาบน้ำ...สระผม”
“จะบ้าเหรอ! นี่กำลังจะหายแล้วแท้ๆ เชียว ถ้าไม่สบายหนักกว่าเดิมจะทำยังไง”
เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองทำผิด เขาเช็ดผมตัว และหลบสายตาฝ่ายนั้น “ก็ไม่เป็นไรแล้วนี่ครับ ผมสบายดีแล้ว”
หัวหน้าคิมถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ แล้วเข้ามาแตะหน้าผากเขา คราวนี้กลับตกใจที่เขาตัวเย็น ไม่ใช่แค่เย็น...แต่เย็นมาก เพราะเขากำลังหนาวสั่น ตอนนี้หิมะตกหนัก และอุณหภูมิข้างนอกก็ส่งผลให้อุณหภูมิห้องลดลงด้วย
“หนาวเหรอ” รายนั้นถามเขา และเขาก็พยักหน้า แหม...จริงๆ แล้วเห็นเขานั่งสั่นขนาดนี้ไม่น่าถามนะ
“รีบเป่าผมให้แห้งซะ มีไดร์เป่าผมมั้ย”
“เอ่อคือ...ไม่เชิง ผมไม่ได้ใช้นานแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะยังใช้ได้มั้ย” เขาตอบอ้อมแอ้มเพราะไม่อยากหยิบมันออกมาใช้
“เอามาเถอะน่า”
คยูฮยอนจำใจเอื้อมไปเปิดลิ้นชัก และหยิบไดร์เป่าผมอันเล็กออกมา น่าอายนิดหน่อยเพราะมันเป็นรูปคิตตี้สีชมพูที่ฮยอกแจซื้อมาฝากตอนไปญี่ปุ่น จำได้ว่าฝากซื้อรูปเคโรโระแต่ของดันหมด เพื่อนสนิทเลยตัดสินใจซื้อคิตตี้มาแทน
“คิตตี้เนี่ยนะ” คังอินพิจารณาไดร์เป่าผมสีชมพูหวานและมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ของพี่อารา...” สุดท้ายก็โบ้ยไปให้พี่สาวอีกรอบหลังจากเห็นว่ากรณีโบ้ยการ์ตูนต้องห้ามใช้ได้ผล คังอินยักไหล่และก้มลงเสียบปลั๊ก เขากดปุ่ม และลมร้อนก็เป่าออกมา
“ยังใช้ได้นี่นา เอาเถอะ...รีบเป่าผมให้แห้งดีกว่า ไม่งั้นนายเป็นหวัดแน่” พูดพลางขึ้นมานั่งบนเตียงเขาโดยไม่ขออนุญาต แถมยังเล่นผมเขาตามใจชอบ คยูฮยอนนั่งตัวแข็ง ให้ร่างสูงเอาลมร้อนๆ เป่าศีรษะ แต่พักหนึ่งก็รู้สึกว่ามันอุ่นสบายดี
“หันมาทางนี้หน่อย” แต่ยังไม่ทันจะทำตาม หัวหน้าคิมก็คว้าตัวเขาหันมาเสียเอง จากนั้นก็นั่งคุกเข่า ยืดตัวขึ้นและขยับเข้ามาใกล้อีก เพื่อให้เป่าผมได้ถนัด
แหมะ...ทำขนาดนี้แล้วจะขึ้นคร่อมเลยก็ได้นะ
“เอาล่ะ แห้งแล้ว” โชคดีที่บรรลุเป้าหมายเสียก่อน ไม่อย่างนั้นหัวหน้าคิมอาจจะทำจริงๆ อย่างที่เขาคิดก็ได้ เด็กหนุ่มลอบผ่อนหายใจที่เมื่อครู่กลั้นไว้ เขาดึงผ้าห่มมาคลุมตัวจนถึงคอ มองดูหัวหน้าคิมเก็บไดร์เป่าผมใส่ลิ้นชักตามเดิม รายนั้นลุกจากเตียงเขา “นอนเถอะ ฉันจะออกไปนอนข้างนอก”
“ขอบคุณครับ” คยูฮยอนยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วล้มตัวลงนอน เขาไม่ทันเห็นว่าหัวหน้าคิมออกไปที่ประตู แล้วกดปิดไฟ
อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!
คังอินวิ่งกลับเข้ามาในห้อง ทันเห็นเด็กหนุ่มลนลานคว้าโคมไฟตั้งโต๊ะมากดเปิดและกอดเอาไว้
“เป็นอะไร”
“หัวหน้าใจร้าย! หัวหน้าก็รู้ว่าผมกลัวความมืด!”
พูดไปก็ครางอยู่ในลำคอ คงขวัญเสียเพราะความมืดกะทันหันเมื่อครู่ คังอินเพิ่งนึกได้ แต่เขาก็ไม่คิดว่าคยูฮยอนจะกลัวถึงขนาดนี้
“จริงสินะ ฉันลืมไป แล้วแบบนี้เวลานอนนายเปิดไฟไว้ทั้งคืนเลยเหรอ” หัวหน้าคิมปิดประตูแล้วเดินเข้ามานั่งบนเตียง
“ใช่สิครับ” คยูฮยอนพยักหน้า ฝ่ายนั้นจึงหัวเราะ
“แบบนี้ถ้าห้องมันไม่มืด แต่นายหลับตา...นายจะกลัวรึเปล่า”
“กลัว” เขาตอบ “ผมหลับตาทั้งๆ ที่ยังไม่หลับไม่ได้หรอกครับ”
“อ้าว...แล้วเวลาหลับทำยังไง ลืมตาเหรอ”
“ผมต้องหลับโดยไม่รู้ตัว ถึงจะไม่กลัว เพราะหลับแล้วจะไม่รู้เรื่อง” คยูฮยอนยังกอดโคมไฟไว้แน่น ร่างสูงจึงพยายามดึงออก
“เดี๋ยวก็ไฟช็อตหรอก เอาวางไว้ก็ได้”
เด็กหนุ่มยังช็อคอยู่ จึงไม่ยอมปล่อย คังอินหัวเราะอีกครั้ง และตั้งคำถามใหม่ “ทำไมนายถึงกลัวความมืด”
“เพราะมันมืด...”
“เข้าใจตอบ” ร่างสูงพูดประชด จากนั้นก็พยายามจะเอาโคมไฟออกมาจากอ้อมแขนคยูฮยอนอีก คราวนี้สำเร็จ แต่เด็กหนุ่มขยับตัวมาใกล้โต๊ะหัวเตียง เหมือนต้องพึ่งพาแสงสว่างจากโคมไฟตลอดเวลา
“สมมติว่าไฟดับ นายจะทำยังไง”
“ผมจะวิ่งไปหาพี่อารา” คยูฮยอนตอบทันทีเพราะทำบ่อย แต่ก็คิดใหม่ และตอบอีกครั้ง “ไม่ก็ร้องดังๆ เดี๋ยวพี่อาราวิ่งมาเอง”
“อืม...แล้วถ้าไฟดับตอนพี่สาวไม่อยู่ล่ะ”
คังอินถามอีก คยูฮยอนนิ่งไปแล้วตอบอ้อมแอ้ม
“ยังไม่เคย”
คังอินลอบยิ้มและเหลือบตามองสวิตซ์ปิด-เปิดการจ่ายกระแสไฟของปลั๊กพ่วงที่อยู่บนพื้น เขามองไล่ขึ้นมาตามสายโคมไฟ และเมื่อแน่ใจว่ามันเสียบอยู่กับเต้าเสียบอันนี้ เขาก็แอบวางแผน
“ฉันไปข้างนอกล่ะนะ เปิดโคมทิ้งไว้แบบนี้แล้วกัน นายจะได้สบายใจ”
“ขอบคุณครับ”
“ฝันดีนะ!” คังอินพูดพลางลุกขึ้น เขาสบตาเด็กหนุ่ม และจึงบรรจงเหยียบปิดสวิตซ์ไฟที่เล็งเอาไว้อย่างแม่นยำ
“อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
คังอินสะดุ้งกับเสียงดังแสบแก้วหูที่แผดขึ้นทันทีที่ห้องมืด ไม่กี่อึดใจร่างบนเตียงก็โถมเข้ากอดเขาไว้แน่น แถมยังส่งเสียงครางอยู่ในลำคอด้วยความหวาดกลัว
“นี่! ร้องซะตกใจหมดเลย ก็แค่ไฟดับน่า” คังอินอดขำไม่ได้ แม้จะมืดจนมองไม่เห็น แต่เขาก็พอจะเดาสีหน้าท่าทางของโจคยูฮยอนในเวลานี้ออก
“ดับได้ยังไง! หัวหน้าทำอะไร! หัวหน้าแกล้งผมใช่มั้ย!”
“เปล่า! ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย” คังอินรีบแก้ตัว และแกล้งทำเป็นก้มลงลูบศีรษะเด็กหนุ่มที่กอดเขาอยู่ “ไม่ต้องกลัวหรอกน่า อีกเดี๋ยวไฟก็คงมาแล้ว ดับไม่นานหรอก”
เขารู้สึกผิดที่แกล้งคยูฮยอน ทีแรกก็กะให้ตกใจเล่นๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้จะเริ่มร้องไห้เสียแล้ว
“แล้ว...แล้วจะทำยังไงล่ะครับ ผมไม่ชอบเลย มันน่ากลัว ถ้าไฟดับทั้งคืน...”
ร่างสูงค่อยๆ ใช้เท้าคลำหาสวิตซ์ไฟเมื่อครู่ เขาไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งให้คยูฮยอนกลัวหรอกนะ ก็แค่นึกสนุก แต่พอเห็นว่ากลัวถึงขนาดนี้ เขาก็ไม่อยากแกล้งต่อ ในที่สุดก็พอจะคลำเจอสวิตซ์แล้ว
“คือ...คืนนี้หัวหน้าจะนอนห้องผมก็ได้นะครับ”
คังอินชะงักปลายเท้าไว้ที่สวิตซ์ไฟ และครู่หนึ่งก็ถอนเท้าออกมา เขาแอบเตะปลั๊กพ่วงไปเก็บไว้ใต้โต๊ะตรงหัวนอน
“ไม่ดีมั้ง...นายบอกเองว่าเราไม่สนิทกัน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่อยากมีคนอยู่ด้วย ผมอยู่คนเดียวไม่ได้” คยูฮยอนรีบพูดและกระตุกชายเสื้ออีกฝ่าย หัวหน้าคิมอาจจะรังเกียจที่ต้องนอนห้องเดียวกับเขา แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เขาต้องตายแน่ๆ ถ้าถูกทิ้งให้อยู่ในความมืดคนเดียว และที่สำคัญ...ถึงเขาจะกลัวหัวหน้าคิม แต่เขาก็กลัวความมืดมากกว่าอยู่ดี
คังอินนิ่งคิด จากนั้นก็ตกลง “อืม ก็ได้ งั้นฉันนอนข้างล่างนี่แล้วกันนะ...ขอหมอนใบนึงได้มั้ย”
เด็กหนุ่มยังไม่ยอมปล่อยชายเสื้อเขา และไม่ขยับตัวไปไหน หลังจากนิ่งอยู่นาน คยูฮยอนก็ใช้หลังมือปาดน้ำตา เขาตัดสินขยับไปชิดขอบเตียงด้านใน และกระตุกชายเสื้อนั้นเบาๆ
“หัวหน้านอนบนนี้ก็ได้นะ...” พูดออกไปแล้วก็รู้สึกไม่ดีเลย หัวหน้าคิมจะมองว่าเขาให้ท่ารึเปล่าเนี่ย ว่าแล้วก็รีบอธิบาย “ถ้าหัวหน้านอนข้างล่างนั่น ผมจะรู้ได้ยังไงว่าหัวหน้ายังอยู่ อีกอย่าง...ผมนอนไม่หลับหรอกถ้ายังกลัวอยู่แบบนี้”
คังอินหัวเราะอยู่ในลำคอและยอมนั่งลงบนเตียง ตรงที่ว่างที่เด็กหนุ่มขยับให้ “ฉันไปหาเทียนมาจุดให้นายดีมั้ย ถ้ามีแสงสว่างบ้าง นายจะได้อุ่นใจ”
คยูฮยอนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตอบอีกฝ่าย “บ้านผมมีแต่เทียนหอมที่พี่อาราซื้อมา เธอเอามายัดไว้ในลิ้นชักห้องผมด้วย”
หัวหน้าคิมขยับตัวจะลุกไปหาของที่ว่า แต่คยูฮยอนรีบดึงเอาไว้
“แต่อย่าจุดเลยครับ...ผมไม่ชอบกลิ่น มันฉุนมาก”
“เหรอ น่าเสียดาย...”
เด็กหนุ่มไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพึมพำ “ทำไมเหรอครับ?”
“อ่อ เปล่า ฉันหมายถึง...น่าเสียดายนะที่พี่สาวนายอุตส่าห์ซื้อมา” คังอินนั่งลงบนเตียงตามเดิม จากนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ตอนนี้ดวงตาชินกับความมืดบ้างแล้ว จึงพอเห็นเงาของอีกฝ่ายรางๆ
“นอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่สบายอีก”
“หัวหน้าห้ามหนีไปไหนนะ ต้องนอนตรงนี้” พูดพลางเอามือตบที่นอนข้างๆ คังอินจึงแอบขำ
คยูฮยอนนอนลงบนเตียงและคลี่ผ้าห่มนวมออกเผื่อหัวหน้าคิมด้วย เขามองเงาของรายนั้นที่กำลังพิจารณาหมอนใบใหญ่ที่เขาหนุนอยู่ครึ่งหนึ่ง
“ให้หนุนหมอนใบนี้เหรอ”
“มีใบเดียว...ผมลืมบอก” คยูฮยอนพูดพลางคลำไปด้านข้างแล้วดึงตุ๊กตาเคโรโระที่ค่อนข้างใช้งานหนักจนเยินออกมา “แต่ถ้าหัวหน้าอยากจะหนุนตุ๊กตา...”
“มีไฟฉายมั้ย ฉันขอดูสภาพมันก่อน” คังอินรู้ทันเพราะตอนเข้ามาในห้องนี้ครั้งแรก เขาเห็นตุ๊กตาเน่าๆ ตัวหนึ่งวางอยู่
คยูฮยอนส่ายหน้า เขาซุกตัวลงกับผ้าห่ม และพูดพึมพำ “ผมไม่มีไฟฉายหรอก เพราะไม่เคยปิดไฟดวงใหญ่แล้วไฟที่นี่ก็ยังไม่เคยดับ แต่ถ้าหัวหน้าอยากได้อะไรที่มีแสง ผมมีดาบเลเซอร์ แต่มันอยู่ไหนก็ไม่รู้แล้ว อาจจะต้อง...”
“งั้นขอแค่โทรศัพท์มือถือของนายก็พอ”
“ใช่! มันมีแสงนี่นา ทำไมผมนึกไม่ถึงนะ!” เด็กหนุ่มแสดงท่าทางโล่งใจ อย่างน้อยถ้าเปิดไฟมือถือแล้วกอดไว้ทั้งคืน เขาก็จะรู้สึกปลอดภัยในระดับหนึ่ง ทีนี้ล่ะ...เขาจะไม่ต้องพึ่งหัวหน้าคิมแล้ว “คงอยู่...แถวๆ ข้างโคมไฟ”
“อ้อ นี่ไง” หัวหน้าคิมหยิบมือถือเขามากดปลดล็อค มีไฟสว่างขึ้น คยูฮยอนตาวาวด้วยความดีใจ เขาก็แค่ต้องรอให้หัวหน้าคิมใช้เสร็จก่อน รายนั้นหยิบตุ๊กตามาพิจารณาดู และส่งคืนให้เขา “ฉันว่า...ฉันหนุนหมอนเดียวกับนายดีกว่านะ”
“หัวหน้าไม่ชอบเคโรโระแล้วเหรอครับ” ถามพลางอมยิ้ม คังอินดูปราดเดียวก็รู้ว่าแค่แกล้ง จึงไม่คิดจะตอบ เขานอนลงและหนุนซีกซ้ายของหมอนใบใหญ่ ขณะนั้นคยูฮยอนยื่นมือไปขอโทรศัพท์อย่างมีความหวัง
“อย่าบอกนะว่าจะนอนกดไฟมือถือทั้งคืน...”
“ก็ทำนองนั้น”
คังอินนิ่งคิดอยู่พักหนึ่งแล้ววางมือถือไว้บนโต๊ะหัวเตียงตามเดิม เด็กหนุ่มจึงร้องท้วง
“ความจริงนายไม่ควรเอาไว้ใกล้ๆ เวลานอนด้วยซ้ำนะ มันมีคลื่นรบกวนสมอง เอาไว้ห่างๆ น่ะดีแล้ว นี่ถือว่ายังใกล้ไป มันอันตราย คราวหลังเอาไปไว้ตรงโต๊ะเขียนหนังสือโน่น”
คยูฮยอนส่งเสียงคราง และจำใจยอมแพ้ เขานอนมองเงาของร่างสูงที่กำลังดึงผ้าห่มคลุมตัว จากนั้นก็ถอดแว่นออกวางไว้ที่หัวเตียง เขารู้สึกตื่นเต้นเพราะไม่เคยเห็นหัวหน้าคิมถอดแว่นมาก่อน
“ผมนึกว่าหัวหน้าจะใส่แว่นตลอดเวลา แม้แต่ตอนเข้านอน”
คังอินขำเบาๆ และพลิกตัวมาสบตาเด็กหนุ่มในความมืด “ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า...”
“ถ้าถอดแว่นแล้วหัวหน้าจะหน้าตาเป็นยังไงนะ เสียดายจังที่มืดจนมองไม่เห็น เอามือถือมากดไฟส่องให้ดูหน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากเห็นหัวหน้าตอนถอดแว่น” คยูฮยอนพยายามมองเงารางๆ ในความมืด เขาเห็นรูปหน้าของอีกฝ่าย แต่ไม่เห็นสายตาและรายละเอียดอื่นๆ
“ไม่ได้...ฉันไม่ถอดแว่นให้ใครเห็นง่ายๆ หรอก”
เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างนึกเสียดาย “แล้วหัวหน้าจะถอดตอนไหนบ้างล่ะครับ ผมอยากเห็นจริงๆ นะ!”
“ฉันจะถอดแว่นเฉพาะตอนนอน...กับตอนอาบน้ำ”
“โหย! งั้นผมก็ต้องนอนกับหัวหน้าอีก ไม่ก็อาบน้ำด้วยกัน ถึงจะได้เห็นใช่มั้ยครับ” คราวนี้เงียบกันไปทั้งคู่ คยูฮยอนเพิ่งรู้สึกตัว เขานึกอยากตบปากตัวเองที่พูดอะไรโง่ๆ ออกไป แค่อยากเห็นหัวหน้าคิมถอดแว่นเนี่ยนะถึงกับต้องลงทุนนอนด้วยกันอีก...หรืออาบน้ำด้วยกัน แค่คิดก็ไม่คุ้มแล้ว แต่ฝ่ายนั้นอาจจะตีความไปไกล เผลอๆ คงคิดเรื่องลามก ไม่นะ...เขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ได้การ ต้องรีบพูดอะไรสักอย่างเป็นการแก้ตัว “คือจริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้อยากเห็นขนาดนั้น ผมคิดว่าหัวหน้าอาจจะตาตี่จนน่าเกลียดเลยไม่อยากให้ใครเห็นตอนถอดแว่นใช่มั้ยล่ะ”
“เมื่อไหร่นายจะง่วงซักที”
คราวนี้เห็นได้ชัดว่ายิ่งพูดยิ่งเลวร้าย บางทีโจคยูฮยอนก็ควรจะบอกให้ตัวเองหุบปากแล้วรีบทำตัวให้ง่วงตามที่ฝ่ายนั้นบอก แต่มีเจ้านายสุดโหดมานอนอยู่ข้างๆ แบบนี้ ลูกน้องคนไหนจะไปหลับลง
“หัวหน้าหลับไปก่อนก็ได้นะครับ”
“ถ้านายยังพูดมากอยู่แบบนี้ฉันก็หลับไม่ลงหรอก” คังอินบอก คยูฮยอนจึงสลด
“ผมขอโทษ...”
ที่จริงแล้วร่างสูงก็ไม่ได้คิดจะตำหนิจริงจังอะไร เขาพูดติดตลกเสียด้วยซ้ำ แต่คงเพราะเขาพูดเล่นไม่เก่ง อีกฝ่ายจึงตีความผิด และพูดออกมาอย่างนึกสมเพชตัวเอง
“ฉันคงใจร้ายมากเลยสินะ”
คยูฮยอนเหลือบตามองคนตรงหน้า และเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “ไม่หรอกครับ หัวหน้าใจดีมากที่มาอยู่ดูแลผม ผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงถ้าหัวหน้าไม่อยู่ที่นี่ พี่อาราไม่โทรมาเลย แค่ส่งข้อความมาบอกว่าถึงเชจูแล้ว ผมก็ดีใจนะที่พี่สาวมีความสุข แต่พอคิดว่าต่อไปนี้จะไม่เหลือใครอีก ผมก็...”
คังอินลอบถอนหายใจเบาๆ และแกล้งพูดประชด “คนที่มีแฟนแล้วเค้าไม่คิดแบบนี้หรอกนะ”
นั่นสิ...เอ่อ...ลืมไปเลยว่าตอนนี้เขามีแฟนนี่หว่า
‘โจคยูฮยอน พลาดอีกแล้วสินะ...’
“ก็...ก็...ก็แฟนผมมัวแต่ทำงานนี่ครับ ผมเลยเหงาจนต้องระบายให้หัวหน้าฟัง แต่อย่าสนใจเลย...ผมแค่น้อยใจเค้าแป๊บเดียว ตื่นมาพรุ่งนี้ก็ลืมแล้ว จะไปเที่ยวกันอยู่แล้วนี่ครับ คืนคริสต์มาสอีฟของเราจะต้องวิเศษมากแน่ๆ เลย”
“พอแล้ว...ฉันเชื่อแล้วล่ะ” หัวหน้าคิมทำน้ำเสียงเย็นชาใส่เขา
นึกแล้วก็หนาวขึ้นมา เด็กหนุ่มขดตัวอยู่ในผ้าห่ม และเผลอดึงผ้าห่มจากด้านข้างมาเยอะเกินไป หัวหน้าคิมจึงแย่งคืน แต่คยูฮยอนก็ม้วนตัวเอาผ้าห่มไปอีก และฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมแพ้ รีบกระตุกคืน
“ก็ผมหนาวนี่!”
“แล้วฉันไม่หนาวรึไง ถ้านายดึงผ้าห่มไปตอนกลางคืนแล้วฉันไม่รู้เรื่อง ตื่นเช้ามาฉันนี่แหละจะไม่สบายแทน”
คยูฮยอนกระพริบช้าๆ และลอบมองอีกฝ่ายอย่างนึกขำ “หัวหน้าบ่นเก่งขึ้นนะ ปกติพูดน้อยกว่านี้เยอะ”
“เปลี่ยนเรื่องทำไม”
“เปล่า...”
คังอินลอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ และตัดสินใจพูด “ถ้าหนาวก็ขยับเข้ามาอีกสิ จะได้ไม่ต้องแย่งผ้าห่มกัน”
“ดะ...ได้เหรอครับ”
“เมื่อกี๊นายก็กระโดดกอดฉันไปแล้วนี่ ไม่น่าเป็นไรนะ”
แย่ล่ะ...หัวหน้าคิมต้องไม่พอใจแน่ๆ เขาควรจะรีบแก้ตัว “ผมขอโทษ พอไฟดับผมเลยตกใจ แล้วผมก็กลัวมากด้วย...”
“แล้วตอนนี้ยังกลัวอยู่มั้ย”
คยูฮยอนรู้สึกแปลกๆ กับน้ำเสียงอ่อนลงของหัวหน้าคิมตอนถามเขา แต่ก็ไม่ควรจะคิดอะไรมาก แค่ตอบไปตามตรง
“ก็นิดหน่อยครับ”
“เหรอ งั้น...จะกอดอีกก็ได้นะ...”
หา.........? นี่เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยเนี่ย หัวหน้าคิมบอกว่า...ให้เขากอดอีก ไม่หรอกน่า คิดแล้วก็รู้สึกว่าคงหูฝาดไปจริงๆ หรือหัวหน้าจะพูดว่า ‘กอดกระติก’ กระติกอะไรหว่า ต้องเป็นกระติกน้ำร้อนแน่เพราะกอดแล้วหายหนาว
“คือ ถ้ากอดฉันแล้วนายจะหายหนาว แล้วหลับสบายขึ้น ฉันก็ยินดี” คังอินขยายความให้ฟัง เด็กหนุ่มจึงเริ่มหวั่นๆ
“กอด...กอดอะไรนะครับ”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
“ช่างเถอะ...เราไม่สนิทกันนี่นา โทษที”
“หัวหน้าน้อยใจเหรอ” คยูฮยอนไม่รู้ว่าทำไมถึงถามออกไปแบบนั้น มันไม่สมควรเลย คงเพราะเขารู้สึกได้ บวกกับความปากไวไปนิด ประโยคนั้นจึงหลุดออกไปโดยยั้งไม่ทัน
หัวหน้าคิมไม่ตอบ คาดว่าคงแกล้งหลับ เด็กหนุ่มจึงลองขยับเข้าไป และซุกตัวอยู่ใกล้ๆ ร่างนั้น
“หัวหน้าแคร์ด้วยเหรอว่าผมจะสนิทกับหัวหน้ารึเปล่า ปกติก็ไม่เห็นหัวหน้าจะสนิทกับใครเลย ทุกคนในออฟฟิศก็แค่ลูกน้องไม่ใช่รึไง”
ฝ่ายนั้นก็ยังคงไม่พูดอะไร แต่เพราะความเงียบ คยูฮยอนจึงได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ก็เริ่มไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอยากสนิทกับหัวหน้าคิมขึ้นมาบ้างแล้ว
เขาอยากรู้เหลือเกินว่าตัวจริงของผู้ชายที่แสนเย็นชาและบางครั้งก็ทำตัวแปลกประหลาดคนนี้จะเป็นแบบไหน หลายครั้งที่เขาได้เห็นมุมน่ารักของหัวหน้าคิมที่คิดว่าคนอื่นคงไม่เคยเห็น ได้รู้จักความอ่อนโยนและใจดี ที่คนอื่นคงไม่เคยสัมผัส
“จริงๆ แล้วผมไม่ได้เกลียดหัวหน้าหรอกนะ”
“แล้วตั้งชื่อเอ็มเอสเอ็นว่า ‘I hate my fucking boss’ เนี่ยนะ”
“หัวหน้ารู้ได้ไง!” เด็กหนุ่มตกใจสุดขีด ตายล่ะ! เขาต้องโดนไล่ออกโทษฐานใช้คำหยาบคายกับหัวหน้าแน่เลย
คังอินแค่นหัวเราะ และเอื้อมมือไปดันศีรษะอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ “รู้ได้ไงก็ไม่สำคัญหรอก เนี่ยนะ...ไม่เกลียด ไม่ต้องมาโกหกเอาใจหัวหน้างานหรอกน่า ฉันไม่ตำหนินายหรอก ฉันชินแล้ว”
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ ช่วงนั้นผมแค่อารมณ์ไม่ดี ผม...ไม่ได้...”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“ผมไม่ได้เกลียดหัวหน้าจริงๆ นะ”
คยูฮยอนรู้สึกผิดมาก เขาพยายามพูดความจริง แต่อีกฝ่ายดูจะไม่เชื่อเขาเสียแล้ว
“รีบหลับเถอะน่า พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า ฉันจะใช้งานนายให้คุ้ม ทดแทนเวลาส่วนที่นายขอลางานไปเที่ยวกับแฟนพรุ่งนี้ จะหาว่าใจร้ายก็ได้ แต่นายพูดเองว่าไม่ชอบที่พี่สาวทิ้งนายไปเที่ยวกับแฟน แล้วถ้าฉันจะไม่พอใจที่นายทิ้งให้ฉันกับคนอื่นๆ ทำงานกันแล้วไปมีความสุขกับแฟน ถ้าฉันคิดแบบนั้นบ้างนายก็คงจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ย”
พอหัวหน้าคิมพูดตรงๆ แบบนี้ เขาก็สะอึกจนพูดไม่ออก แต่มันก็ไม่เหมือนกันสักหน่อย และเพราะเขายังไม่มีแฟน ปาร์ตี้จับคู่ในคืนคริสต์มาสอีฟจึงเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้ชีวิตเขามีความสุขตลอดไป เขาไม่อยากเป็นแบบนี้ ไม่อยากกินข้าวคนเดียว ไม่อยากเดินคนเดียว ไปเที่ยวคนเดียว ไม่อยากอิจฉาใครๆ ที่มีคนรักอยู่เคียงข้าง ผิดด้วยเหรอที่อยากเจอใครสักคน...คนที่จะทำให้เขาไม่ต้องโดดเดี่ยวในคืนวันคริสต์มาสปีนี้ และปีต่อๆ ไป
“เป็นหวัดแล้วเหรอ สมน้ำหน้า! ไม่สบายแล้วยังจะดื้ออาบน้ำสระผมอีก” หัวหน้าคิมพูดออกมาเพราะได้ยินเสียงเขาสูดจมูก รายนั้นคงโกรธเขาแล้ว คงคิดว่าเขาเห็นแก่ตัวที่จะทิ้งเพื่อนร่วมงานและภาระของแผนกไปมีความสุขกับคนที่ตัวเองรัก
น่าขำที่จริงๆ แล้วเขาไม่เคยมีโอกาสได้เห็นแก่ตัวแบบนั้นเสียที
คยูฮยอนแอบใช้ผ้าห่มเช็ดน้ำตาที่ปริ่มๆ เขาไม่อยากให้ร่างสูงรู้ว่ากำลังร้องไห้ เพราะก็แค่ร้องไห้นิดเดียว เดี๋ยวเดียว ไม่มีผลอะไรกับรายนั้นนักหรอก เขายอมรับผิดและจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น
“ผม...เริ่มรู้สึกหนาวมากแล้วล่ะ ขออนุญาตนะครับ” เด็กหนุ่มขยับตัวเข้าเบียดและเอื้อมมือกอดร่างด้านข้างไว้ หัวหน้าคิมคงแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ทุกอย่างเงียบไปนาน แล้วหัวหน้าคิมก็ถามขึ้นมาลอยๆ
“คืนพรุ่งนี้นายจะนอนกอดแฟนแบบนี้รึเปล่า”
เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อน้ำตาหยดหนึ่งเผลอหยดลงมาและกำลังจะเข้าปาก หัวหน้าคิมถามอะไรก็ไม่รู้...ก็แล้วตั้งใจจะให้เขาตอบแบบไหนกันล่ะ
มันก็ไม่แน่...เขาอาจจะมีแฟนภายในคืนพรุ่งนี้จริงๆ เขาอาจจะได้นอนกอดใครสักคน แต่แน่นอนว่าคงไม่ใช่ชเวซีวอน
“กอดแล้วก็อุ่นสบายดีนี่ครับ แต่ผมชอบถูกกอดมากกว่า”
คยูฮยอนหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะตอบแบบติดตลก จากนั้นทั้งสองก็เงียบไปอีกครั้ง บางทีเขาก็อยากจะรู้บ้างว่าหัวหน้าคิมกำลังคิดอะไรอยู่ในเวลาแบบนี้
แต่ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เขารู้สึกอบอุ่นและไม่กลัวแม้จะอยู่ในความมืด คยูฮยอนซบหน้าลงกับบ่าของร่างสูงและไม่สนใจแล้วว่าฝ่ายนั้นจะมองเขาแบบไหน น่าแปลกที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการได้กอดใครซักคนจะรู้สึกดีได้ถึงขนาดนี้
“หัวหน้าครับ...”
“หืม?” รายนั้นส่งเสียงตอบอยู่ในลำคอ เป็นเสียงทุ้มๆ ที่ฟังดูอบอุ่นและอ่อนโยน
เด็กหนุ่มลอบยิ้ม และจึงพึมพำกลับไปอย่างแผ่วเบา
“...ขอบคุณนะครับ”
จากนั้นเขาก็ปิดเปลือกตาลงเป็นครั้งแรกทั้งที่ยังไม่รู้สึกง่วงเลย
.
.
.
ความคิดเห็น