ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] As You Wish on Christmas

    ลำดับตอนที่ #7 : 3 Days Before Christmas [2]

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 55


                     3 Days Before Christmas





      
    “จะบ้ารึไง ร้องไห้เป็นเด็กๆ ไปได้น่า”

                    ฮยอกแจไม่รู้จะพูดอย่างไรดีตอนที่เพื่อนอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ทีแรกทำเอาเขาตกใจแทบแย่ ที่ไหนได้ก็แค่เรื่องที่ต้องไปงานสัมนา

                    “แต่มันเป็นวันหยุดก่อนคริสต์มาสนะเว้ย! แล้ว...”

                    “ฉันเข้าใจ แต่แกก็ไม่เห็นจะต้องร้องไห้เลย ตกใจหมด”

                    คยูฮยอนถอนหายใจเบาๆ “คิดดูสิ นอกจากจะแกล้งให้ฉันเดือดร้อนมาทั้งวันแล้ว ยังไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลยด้วย พอฉันไปขอคำปรึกษาเค้าก็บอกว่าเค้าไม่เดือดร้อนอะไรกับข่าวลือบ้าๆ นั่นเลยสักนิด แค่นั้นฉันก็โมโหจะแย่ แต่จู่ๆ ก็พูดเรื่องงานสัมนาวันอาทิตย์ขึ้นมาอีก แถมยังเจาะจงเลือกฉันโดยเฉพาะ แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ”

    “แต่ฉันว่าหัวหน้าคิมต้องมีใจให้แกแน่ๆ เลย เค้าจะลงทุนแกล้งแกถึงขนาดยอมเป็นข่าวทำไม ถ้าเค้าไม่ได้คิดอะไรกับแก แล้วเค้าจะพาแกไปงานสัมนาต่างจังหวัดด้วยทำไมถ้าเค้าไม่ได้อยากไปกับแก”

    คยูฮยอนแค่นหัวเราะแล้วคว้าแก้วเครื่องดื่มแบบปั่นมาดูดให้หายเซ็ง การได้ใช้บัตรสตาร์บัคส์ฟรีหลังเลิกงานเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาใจเย็นลงได้ “หัวหน้าคิมก็แค่อยากแกล้งฉันเท่านั้นแหละ เค้ารู้ว่าฉันมีแฟนแล้ว เลยอยากให้ข่าวบ้าๆ นี่ไปถึงหูแฟนของฉัน แล้วอยากให้ฉันทะเลาะกับแฟน ส่วนที่จะให้ไปสัมนาด้วยก็เพราะรู้ว่าฉันหวงวันหยุด แกล้งให้ฉันไม่ได้หยุดก็คงสะใจเค้าล่ะ!

    “ไม่ใช่ว่าอยากให้แกเลิกกับแฟนเพื่อจะเสียบแทนหรอกเหรอ”

    คยูฮยอนตวัดสายตาไปมองหน้าเพื่อน “จะบ้ารึไง ไม่มีทาง!

    “แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ จะเอามั้ยล่ะ” ฮยอกแจถามพลางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ แต่เห็นเพื่อนไม่ตอบ เขาจึงเปลี่ยนคำตอบ “ถามจริงๆ เถอะนะ...ตอนจูบกับหัวหน้าคิมน่ะ แกรู้สึกยังไง”

    เด็กหนุ่มไม่ตอบว่าอะไร ได้แต่เม้มริมฝีปากเบาๆ  

    ฮยอกแจเห็นดังนั้นจึงเอ่ยแซว “เป็นไง...รู้สึกดีใช่มั้ยล่ะ”

    “รู้สึกดีบ้าอะไร!” พอรู้ว่าตัวเองเสียงดังเกินไปก็ลดเสียงลง “ที่ฉันไม่โวยวายก็เพราะกลัวคนอื่นรู้หรอกน่า แต่หัวหน้าคิมน่ะสิ! ดันพูดออกมาแบบนั้น ทุกคนก็เลยรู้กันหมด อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าจับฉลากได้พนักงานคนอื่นล่ะก็...จะใจร้ายแกล้งแบบนี้มั้ย”

    “แหม...งั้นแกก็น่าจะขอบคุณฉันนะ รู้มั้ยว่าฉลากทั้งกล่องนั้น มีแต่หมายเลขพนักงานของแกหมดเลย”

    พอได้ยินฮยอกแจเฉลยดังนั้น คยูฮยอนก็เบิกตากว้าง

    “อะไรนะ! นี่แกเล่นวิธีนี้เลยเหรอ”

    “แล้วแกคิดจริงๆ เหรอว่าหัวหน้าคิมจะบังเอิญจับฉลากได้แกพอดี คิดว่ามันเป็นพรหมลิขิตเหมือนในนิยายรึไง จะบอกให้นะเว้ย ถ้าแกอยากได้อะไร...แกก็ต้องพยายามเอามาให้ได้ หรือถ้าอยากได้ความบังเอิญ...แกก็ต้องสร้างเอาเอง มัวแต่แขวนถุงเท้าแล้วนั่งอธิษฐานขอพรจากซานตาครอสน่ะมันหมดสมัยแล้ว!” 

    คยูฮยอนเบ้ปาก คืนนี้เขากะจะทำทั้งหมดนั่นอยู่เชียว “แต่ทำแบบนั้นมันก็เหมือนให้ท่าไม่ใช่รึไง”

    “ให้ท่าคนที่ชอบเรามันผิดตรงไหน” ฮยอกแจเถียง

    “บอกแล้วไงว่าเค้าแค่อยากแกล้งเอาคืนที่ฉันไปกวนประสาทเค้า แกคิดดูนะ...คนบ้างานอย่างหัวหน้าคิมน่ะเหรอจะชอบใครเป็น!

     

    “ฮัดเช่ย!

    เสียงจามคุ้นหูดังมาจากทางเคาน์เตอร์สั่งกาแฟ คยูฮยอนกับ ฮยอกแจรีบยกนิตยสารขึ้นบังหน้า แล้วต่างลอบมองฝ่ายนั้นเงียบๆ

    “แกว่าเค้าเห็นเรารึยัง” ฮยอกแจถาม

    “คงยังนะ โต๊ะนี้หลบมุม ถ้าเราไม่เสียงดัง หัวหน้าคิมก็คงไม่เห็นหรอก” คยูฮยอนบอกพลางลดนิตยสารลงระดับริมฝีปาก เขามองหัวหน้าคิมที่กำลังสั่งกาแฟกับเค้กสตรอเบอรี่

    “เค้กสตรอเบอรี่อีกแล้ว” เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา

    แน่ล่ะ...เห็นหัวหน้าคิมซื้อสตาร์บัคส์ทีไรก็ต้องมีเค้กสตรอเบอรี่พ่วงมาด้วย หัวหน้าคิมคงจะชอบสตรอเบอรี่มากทีเดียว   

    พอได้ของที่สั่งครบแล้ว รายนั้นก็ถือถาดไปนั่งหลบมุมแล้วหยิบงานขึ้นมานั่งตรวจ ฮยอกแจมองคยูฮยอนที่จ้องดูหัวหน้าคิมตาไม่กระพริบ เขายิ้มและตัดสินใจลุกขึ้น

    “ฉันจะกลับแล้ว”

    “อ้าว ไม่อยู่นั่งกินกาแฟเป็นเพื่อนกันก่อนเล่า!” คยูฮยอนโวย

    “อีกเดี๋ยวแกก็ต้องขึ้นไปทำงานต่อไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าระหว่างนี้แกคิดว่านั่งคนเดียวแล้วจะเหงา แกก็ไปขอนั่งโต๊ะเดียวกับหัวหน้าคิมสิ เค้าอาจจะเหงาอยู่เหมือนกันก็ได้”

    คยูฮยอนจิ๊ปากใส่เพื่อน “เค้าทำงานอยู่ไม่เห็นเหรอ ขืนเข้าไปวุ่นวายมีหวังโดนด่าชัวร์!

    “บางทีเค้าอาจจะไม่ได้อยากทำงานขนาดนั้นก็ได้นะ”

    ฮยอกแจทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกจากร้านไป แต่ก็ไม่วายแกล้งทำกระเป๋าตังค์ตกแล้วอุทานเสียงดัง หัวหน้าคิมเลยหันมามอง พอสบตากันเข้า ฮยอกแจก็แกล้งปรายตามองไปทางคยูฮยอนแล้วโบกมือให้เพื่อน ดูก็รู้ว่าเป็นแผน คยูฮยอนจึงส่งกำปั้นให้ฮยอกแจแทน แต่เมื่อหันไปเห็นว่าหัวหน้าคิมจ้องอยู่เขาก็แกล้งมองไปทางอื่น

    ครู่หนึ่งหัวหน้าคิมก็เก็บของใส่ถาดกาแฟ แล้วลุกขึ้นเดินตรงมา

    “ว่างรึเปล่า”

    คยูฮยอนหันไปสบตาฝ่ายนั้นได้ไม่เต็มที่นัก เพราะยังขัดเขินกับเรื่องที่เกิดขึ้นบนออฟฟิศเมื่อช่วงบ่าย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีอารมณ์อยากแกล้งพูด “หัวหน้าหมายถึงอะไรล่ะครับ จะถามว่าเก้าอี้ตรงนี้ว่างรึเปล่า หรือจะถามว่าผมมีเวลาว่างรึเปล่า หรือจะถามว่า...”

    ...หัวใจผมว่างรึเปล่า

    คิดแล้วก็ชะงักไปเอง ประโยคสุดท้ายคยูฮยอนจึงไม่ได้พูดออกมา ขืนพูดก็เป็นเรื่องสิ ไม่รู้ว่าความคิดบ้าๆ แบบนี้มาอยู่ในหัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน   

    “เก้าอี้ตรงนี้ว่างรึเปล่า” สุดท้ายหัวหน้าคิมก็เลือกช้อยส์แรกที่น่าตื่นเต้นน้อยที่สุด โธ่!

    “หัวหน้าเห็นว่ามีใครนั่งอยู่ด้วยเหรอครับ” เด็กหนุ่มแกล้งทำหน้าตกใจแล้วมองไปที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม “ผมไม่เห็นใครเลยนะ หัวหน้ามีสัมผัสที่ 6 ด้วยเหรอครับ!

    หัวหน้าคิมยืนอึ้ง คยูฮยอนจึงหลุดขำแล้วหัวเราะแฮะๆ

    “ผมล้อเล่นครับหัวหน้า นั่งสิครับ”

    รายนั้นวางถาดและนั่งลง นิ่งไปนานก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เช่นกัน “นายอารมณ์ดีแบบนี้เสมอเลยเหรอ”

    “แล้วจะซีเรียสไปทำไมล่ะครับ”

    “นั่นสินะ อย่างนายจะมีเรื่องอะไรให้กลุ้ม...เดี๋ยวก็จะได้ไปเที่ยวกับแฟนแล้วนี่” หัวหน้าคิมแค่นหัวเราะแล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม เลยไม่ทันเห็นว่าเด็กหนุ่มหน้าสลดลงแค่ไหน แต่พอร่างสูงมองมา เขาก็ตีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ

    “ก็...คงประมาณนั้นแหละครับ”

    แฟนของเขาที่หัวหน้าคิมพูดถึงน่ะ ป่านนี้คงกำลังจะเตรียมตัวบินไปเดทกับเพื่อนของเขาที่ฟีลาเดเฟียแล้ว

    คังอินแกล้งทำเป็นไม่ได้ฟัง หยิบส้อมขึ้นมาจิ้มเค้กสตรอเบอรี่

    “นายไม่เคยจูบกับแฟนเหรอ”

    “อะ...อะไรนะครับ”

    คยูฮยอนถึงกับงงเพราะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ หัวหน้าคิมถามเรื่องนี้

    “ก็เห็นๆ อยู่ว่านายจูบไม่เป็น”

    ได้ยินแบบนี้เด็กหนุ่มอินโนเซ้นส์ก็ถึงกับเดือด กระแทกแก้วเครื่องดื่มลงกับโต๊ะ “แล้วผมเคยไปเต็มใจจูบกับหัวหน้าตอนไหนไม่ทราบ! ผมไม่ได้ขอร้องให้หัวหน้ามาสอนผมสักหน่อย”

    หัวหน้าคิมยกนิ้วแตะริมฝีปากตัวเองเป็นเชิงบอกให้คยูฮยอนเงียบ เพราะตอนนี้คนทั้งร้านหันมามองและทำหน้าเหลอหลากับคำว่า จูบที่ได้ยิน เด็กหนุ่มตกใจรีบเอามือปิดปากตัวเองแล้วก้มหน้าลงหลบสายตาคนอื่น พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเขาก็เห็นหัวหน้าคิมกำลังหัวเราะ

    “ตลกตรงไหน นี่ผมซีเรียสนะ ผมกะจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แต่หัวหน้าก็มาเยาะเย้ยผมก่อน หัวหน้าคิดว่าจะล้อเล่นกับผมยังไงก็ได้เหรอ หัวหน้าไม่เคยรู้สึกผิดกับเรื่องนี้เลยใช่มั้ยครับ”

     “รู้สึกสิ...” คังอินพูดเบาๆ แล้วก้มหน้ามองเครื่องดื่มในแก้ว “ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ...”

    คยูฮยอนเลิกคิ้ว นี่หัวหน้าคิมกำลังจะเล่าเรื่องสยองขวัญให้เขาฟังหรืออย่างไร ขึ้นต้นมาก็น่ากลัวเชียว

    “...ฉันทำตัวแย่ขนาดนี้ คงไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าของนาย”

    ดราม่าจนได้ ถึงคยูฮยอนจะโกรธหัวหน้าคิมแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลยจริงๆ

    “ไม่มีอะไรผิดปกติหรอกครับ หัวหน้าอาจจะแค่ชอบป็อกกี้รสสตรอเบอรี่มาก เลยต้องกินให้หมด เป็นแบบนั้นใช่มั้ยล่ะครับ” แม้จะพยายามแกล้งยิงคำถามไปพร้อมรอยยิ้ม หัวหน้าคิมก็ยังตอบกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    “นายคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ”

    คยูฮยอนไม่รู้ว่าหัวหน้าคิมมาอารมณ์ไหน เขาเลยรีบหยิบบัตรสตาร์บัคส์ออกมาโชว์ “เลิกคิดมากเถอะครับหัวหน้า อย่างน้อยผมก็ได้กินสตาร์บัคส์ฟรีตั้ง 5 หมื่นวอน ต้องขอบคุณหัวหน้าเลยนะเนี่ย เอางี้มั้ยครับ เพื่อเป็นการตอบแทน เดี๋ยวครั้งหน้าผมเลี้ยงสตาร์บัคส์หัวหน้าเอง”

    หัวหน้าคิมสบตาเขา จากนั้นก็ยิ้ม “อืม ก็ดี...”

    “...”

    “ไม่ต้องนั่งดื่มกาแฟคนเดียวก็คงดี” 

    คยูฮยอนพูดไม่ออก เพราะว่าความรู้สึกของเขากับหัวหน้าคิมในตอนนี้...มันตรงกันเป๊ะเลยไม่ใช่หรือไง

     

                    “แล้วนี่นายมีนัดดินเนอร์กับแฟนรึเปล่า”

                    ประโยคนั้นฉุดคยูฮยอนออกมาจากภวังค์ “เอ่อ...ไม่มีครับ คือเค้าไม่ว่าง ต้องรีบทำงานให้เสร็จ”

                    “งั้นแฟนนายก็บ้างานเหมือนกันนะ” หัวหน้าคิมยิ้มเยาะ

                    โธ่เอ๊ย! เหตุผลนี้เขาเอาตัวอย่างมาจากหัวหน้าคิมนั่นแหละ!

                    “งั้นวันนี้หลังจากทำงานเสร็จ เรา...ไปกินข้าวกันมั้ย”

                    คยูฮยอนหันมาแล้วเผลอเบิกตากว้างใส่อีกฝ่าย ก่อนจะได้สติรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “หัวหน้าชวนผมไปกินข้าวกันเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย งั้นตามมารยาทแล้วผมก็ไม่ควรปฏิเสธใช่มั้ยครับ”

                    ร่างสูงแกล้งเลิกคิ้วใส่ แต่ก็เผลอยิ้มจนได้ “แล้วถ้าฉันบอกว่า ในฐานะที่ฉันเป็นหัวหน้า...นายต้องไปกินข้าวกับฉันล่ะ”

                    “งั้นในฐานะที่ผมเป็นลูกน้อง หัวหน้าต้องเป็นคนเลี้ยงนะครับ” คยูฮยอนยิ้มตอบ แน่ล่ะ...เขาดีใจสุดๆ ที่จะได้กินฟรี

     

                    เด็กหนุ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อหัวหน้าคิมพาเข้าร้านอาหารอิตาเลี่ยนหรูๆ ไหนจะบรรยากาศโรแมนติก ไหนจะคู่รักโต๊ะข้างๆ ที่สวีทกันจนออกนอกหน้า คยูฮยอนได้แต่นั่งกระสับกระส่าย ไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี

                    “อยากกินอะไร” หัวหน้าคิมถาม คยูฮยอนเลยหยิบเมนูมาเปิดดู เมื่อเห็นราคาอาหารแล้วเขาก็อิ่มขึ้นมาทันที ร่างสูงมองแล้วหัวเราะอย่างรู้ทัน “เลือกอันที่นายอยากกินก็พอ ยังไงฉันก็เป็นคนจ่าย”

                    “ทำไมหัวหน้ามาผมมาร้านไฮโซขนาดนี้ล่ะครับ ถ้าได้ยินว่าต้องเลี้ยงล่ะก็...หัวหน้าควรจะพาไปร้านข้างถนนสิ”

                    “งั้นเหรอ”

    อีกฝ่ายไม่ได้สนใจ เพราะมัวแต่หันไปเรียกบริกรมาสั่งอาหาร

    สรุปว่าหัวหน้าคิมก็สั่งอาหารมา 4-5 อย่าง แล้วก็มีไวน์ขาวอีกขวด คยูฮยอนเลยคว้าไวน์ก่อน จิบไวน์แล้วก็ทำเป็นมองไปรอบๆ ชื่นชมบรรยากาศ แต่ความจริงแล้วเขาเขินเกินกว่าจะกล้าหันไปสบตาร่างสูงที่เอาแต่นั่งจ้องเขาตั้งแต่มาถึงที่นี่

                    “ไม่เห็นจะต้องประหม่าขนาดนั้นเลย ปกติแล้วแฟนนายก็น่าจะพาเข้าร้านหรูกว่านี้ไม่ใช่รึไง”

                    คยูฮยอนหันมามองแล้วแกล้งแซว

    “รู้สึกว่าหัวหน้าจะพูดถึงแฟนผมบ่อยจังเลยนะครับ ฮั่นแน่! ชอบแฟนผมล่ะสิ!” มุกแป้กตามเคย หัวหน้าคิมไม่ขำด้วย เด็กหนุ่มจึงต้องหัวเราะแก้สถานการณ์ “แหม ผมพูดเล่นน่ะครับ ก็หัวหน้าชอบพูดพาดพิงแฟนผมอยู่เรื่อย”

                    ไม่รู้ทำไม หัวหน้าคิมยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ เอาแต่นั่งเงียบแล้วเบือนหน้าหนีไปจิบไวน์

                    “หัวหน้า...” คยูฮยอนเรียกรายนั้นให้หันมา “ถามจริงๆ เถอะนะ หัวหน้าอคติกับคนที่หล่อกว่ารวยกว่าใช่มั้ยครับ”

                    “หา?” คังอินถึงกับงง

                    “มันไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะยอมรับหรอกนะครับ ผมเองก็เคยอิจฉาฮยอกแจเหมือนกัน เอ่อ...ผมหมายถึงเพื่อนผมที่มาเป็นพิธีกรเล่นเกมวันนี้น่ะครับ แล้วก็คนที่หัวหน้าเคยเจอในสตาร์บัคส์ เค้าดีกว่าผมทุกอย่าง แล้วผมก็...”

                    “นายเข้าใจผิดแล้ว” อีกฝ่ายรีบขัดก่อนที่คยูฮยอนจะพูดจบ “ฉันไม่ได้อคติกับแฟนนายเพราะเรื่องพวกนั้นหรอก”

                    “อ้าว แล้วมันเรื่องอะไรล่ะครับ พี่ซีวอนก็หล่อกว่ารวยกว่าหัวหน้าจริงๆ นี่นา ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้ว...”

                    เพราะถูกจ้องด้วยแววตาอาฆาต คยูฮยอนก็เลยรีบหุบปากด้วยการยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ ขณะนั้นบริกรมาเสิร์ฟอาหารพอดี หัวหน้าคิมจึงเลิกทำหน้ายักษ์ใส่เขา

                    “กินเถอะ กินเสร็จแล้วจะได้รีบกลับ มีงานต้องทำต่อ”

                    “โอ้โห!” คยูฮยอนอุทานประชดออกมาดังๆ แล้วพอเห็นสายตาตั้งคำถามของหัวหน้าคิม เขาก็รีบแก้ตัว “ผมหมายถึงอาหารพวกนี้น่ะครับ น่ากินมากเลย”

                    หัวหน้าคิมพยักหน้า คยูฮยอนเลยอมยิ้ม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดเรื่องเมื่อครู่...หัวหน้าคิมไม่มีอะไรต้องทำหรือไงนะ ถึงได้ทำแต่งานตลอดเวลา จะขยันไปถึงไหนกัน

     

                    ดึกๆ แบบนี้ หลังจากกินอิ่มท้องแล้วมาเจออากาศอุ่นๆ ตอนอยู่ในรถของหัวหน้าคิม คยูฮยอนก็สัปหงกไปเสียหลายครั้ง หัวหน้าคิมก็ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่ได้ชวนเขาคุย เขาก็เลยเกือบจะหลับไปแล้ว

                    “ไม่ต้องฝืนหรอก หลับไปก่อนได้ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วจะปลุก”

                    คยูฮยอนได้ยินเสียงหัวหน้าคิมแว่วมา เขาเองก็อยากหลับอยู่หรอก แต่ไม่แน่ใจน่ะสิว่าถ้าหลับไปแล้วจะถึงบ้านรึเปล่า

                    “หัวหน้าไม่ง่วงเหรอครับ” รายนั้นก็ดื่มไวน์ในปริมาณพอๆ กัน แถมทำงานข้ามวันข้ามคืน ยังจะขับรถได้อีก

                    “หืม? ถ้าบอกว่าง่วงนายจะให้ฉันแวะโรงแรมรึไง”

    คยูฮยอนตาสว่างทันที เขารีบนั่งตัวตรง “คือถ้าหัวหน้าง่วง...ผมจะช่วยเตือนไม่ให้หัวหน้าหลับ แล้วก็ดูทางให้ด้วยไงครับ”

                    “ไม่ต้องหรอก นายนอนเถอะ อีกไกลกว่าจะถึง”

                    มุกพาเข้าโรงแรมของหัวหน้าคิมทำเอาคยูฮยอนหลับไม่ลง คิดในแง่ดีว่าหัวหน้าคิมคงเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ล่วงเกินเขา แต่อีกใจก็คิดว่า เหรอ?คนที่หลอกจูบเขาไปตั้งสองครั้งเนี่ยนะเรียกว่าสุภาพบุรุษ

                    พอนึกถึงสถานการณ์ตอนนั้นแล้วก็หน้าแดงขึ้นมาเฉยๆ

                    ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกรังเกียจเลยนะ...หรือว่าเขาจะเป็นพวกมาโซคิสม์อย่างที่คนอื่นเค้าลือกัน

     

                    คิดไปคิดมาก็หลับ มาได้สติอีกทีก็ตอนที่รู้สึกเหมือนมีใครมาแตะตัว แต่เพราะรู้สึกว่าอุ่นดีก็เลยเคลิ้มๆ จึงไม่ตื่น จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ต้นคอ เลยสะดุ้งเฮือกขึ้นมา

                    ใบหน้าของหัวหน้าคิมอยู่ห่างเขาแค่คืบ แถมรายนั้นยังมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นเขาลืมตาตื่น

                    “นาย...ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

                    เด็กหนุ่มกุมต้นคอตัวเอง มะ...หมายถึงอะไรกัน เมื่อกี๊หัวหน้าคิมทำอะไรเขา!’

    “อะ..” อยากจะร้องแต่ร้องไม่ออก หัวหน้าคิมเลยชิงพูดก่อน

                    “ถึงบ้านนายแล้ว”

    คยูฮยอนมองออกไปก็เห็นประตูบ้านตัวเอง เขาเลยรีบพรวดพราดลงรถไป และวิ่งเข้าบ้านโดยไม่หันกลับไปมองหัวหน้าคิม

                    เมื่อเข้ามาในบ้านและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว คยูฮยอนก็ยืนเอามือกุมต้นคอตัวเอง สติเตลิดไปไหนแล้วก็ไม่แน่ใจนัก เขากำลังจะก้าวไปที่ห้องนอน แต่พอผ่านตู้ปลา เขาก็เหลือบไปมองปลาหัวหน้าคิมที่กำลังจ้องเขาอย่างงงๆ

                    “แก...”

                    “...”

                    “แกทำอะไรฉัน! จงใจจะลักหลับฉันใช่มั้ย! แกนี่มันหื่นกามจริงๆ เลย ไอ้ปลาบ้า! ไอ้ปลาหื่น!

                    ปลาหัวหน้าคิมเบิกตาขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ว่ายไปซ่อนหลังพุ่มสาหร่าย คยูฮยอนยังไม่พอใจ เขาตะโกนใส่มันผ่านกระจกตู้ปลา

    “แย่ที่สุดเลย! ทำไมถึงฉวยโอกาสแบบนี้นะ ถ้าฉันไม่สะดุ้งตื่นคงทำมากกว่านี้ใช่มั้ยล่ะ!” ระหว่างนั้นก็บังเอิญเห็นเงาตัวเองที่สะท้อนกับตู้กระจกใส คยูฮยอนเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าที่ลำคอมีรอยแดงเป็นวง เขากรี๊ด(?) ใส่กระจก ทำเอาปลาให้ตู้แตกตื่น จากนั้นก็วิ่งเข้าห้อง ไปส่องกระจกดูชัดๆ อีกที

                    คยูฮยอนลองลูบรอยแดงนั้น เผื่อว่ามันจะลบได้ แต่ยิ่งลูบก็ยิ่งแดงชัด เขาใจเต้น...แบบนี้มันเหมือนการ์ตูนวายที่เขาอ่านเลยนี่นา

                    “คะ...” คยูฮยอนพึมพำผ่านลำคออย่างยากลำบาก

    “...คิสมาร์ค”

     

                    “คยูฮยอน! นายเป็นอะไรรึเปล่า”

                    เสียงพี่สาวดังอยู่ด้านนอก เด็กหนุ่มจึงรีบหยิบผ้าแถวนั้นมาพันคอเอาไว้ จากนั้นก็เปิดประตู 

                    “ไม่เป็นไรนี่ สบายดี”

                    “ก็เมื่อกี๊พี่ได้ยินเสียงนายโวยวาย แล้วก็ได้ยินเสียงกรี๊ด แล้ว...” โจอาราชี้ไปที่เสื้อยืดที่พันคอน้องชายอยู่ “แล้วนายเอาเสื้อมาพันคอทำไมน่ะ”

                    “อ้อ! ผมกำลัง...เลือกผ้าพันคอสำหรับหน้าหนาวไงครับ เลยลองวัดขนาดดู” คยูฮยอนแกล้งขยับเสื้อไปมา จนมันเกือบจะรัดคอเขาแล้วจริงๆ “เอ่อ...เดี๋ยวผมจะอาบน้ำแล้ว พี่อาราไปพักผ่อนเถอะครับ”

                    “อืม นี่พี่กำลังจัดกระเป๋าอยู่ พรุ่งนี้จะเดินทางแล้วนะ” อาราบอกอย่างอารมณ์ดี ใช่สิ...คยูฮยอนเกือบลืมไปสนิท พรุ่งนี้พี่อาราจะไปเที่ยวคริสต์มาสกับแฟนที่ต่างจังหวัด

                    “เก็บของไปให้ครบนะ อย่าลืมเสื้อกันหนาว ยาแก้หวัด แล้วก็ที่ชาร์ตแบตฯ โทรศัพท์ด้วยล่ะ”

    ในฐานะน้องชายแล้วเขาก็คงไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ โจอาราอมยิ้มและชกไหล่เขาเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไป

     

                    คยูฮยอนรีบปิดประตู แกะเสื้อที่พันคอออก และจ้องรอยนั้นแบบชัดๆ เขาไม่แน่ใจ...จึงวิ่งไปที่ชั้นหนังสือ หยิบการ์ตูนต้องห้ามออกมาเปิด และเทียบรอยบนคอเขากับรอยคิสมาร์คบนตัวนายเอก

    มัน...เหมือนกันเป๊ะ! คยูฮยอนเลยรีบเปิดย้อนไปหน้าก่อนๆ เพื่อหาที่มาของรอยคิสมาร์ค

                    เนื้อเรื่องในการ์ตูนยิ่งทำให้เขาคิดไปไกล เขามาลองนึกดูอีกทีตอนนั้นที่สะลึมสะลืออยู่ก็รู้สึกเหมือนถูกแตะตัว รู้สึกอุ่นๆ แล้วก็สะดุ้งขึ้นมาเพราะเจ็บที่ต้นคอ ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนในการ์ตูนเรื่องนี้เป๊ะ!

                    เด็กหนุ่มโยนการ์ตูนทิ้งไปเพราะรับไม่ได้ ตอนนี้เขาหน้าแดงไปหมด และความรู้สึกเจ็บนิดๆ ที่เจ็บคอก็ทำให้เขาคิดต้องเผลอคิดเรื่องลามกทุกครั้งไป จริงอย่างที่หัวหน้าคิมพูด....รายนั้นผิดปกติจริงๆ

    ให้ตายสิ! คนเป็นหัวหน้าเขาทำกับลูกน้องแบบนี้เหรอ หลอกจูบแล้วก็คิดจะลักหลับ เขาคงทนมองหน้าหัวหน้าคิมไม่ได้อีกแล้ว 

                    คยูฮยอนบอกให้ตัวเองเลิกคิดเรื่องนี้แล้วไปอาบน้ำ แต่ระหว่างที่แช่น้ำอุ่น เขาก็ต้องเผลอแตะรอยแดงที่ต้นคออยู่ตลอด เขารู้สึกสับสนเพราะยิ่งจินตนาการไปว่าหัวหน้าคิมทำเรื่องไม่ดีกับเขา เขาก็ยิ่งอยากลองจินตนาการไปไกลกว่านั้น แต่ทุกครั้งเขาก็หยุดตัวเองไว้ได้ แล้วก็นึกโมโหฮึดฮัดขึ้นมา

                     “ผมไม่ง่ายนะ! คิดว่าจะแกล้งผมยังไงก็ได้งั้นเหรอ! ไม่มีทาง! ผมจะไม่ยอมให้หัวหน้าเอาเปรียบผมอีกหรอก คอยดู!” คยูฮยอนแตะรอยแดงที่ลำคอ จากนั้นก็กุมรอยเอาไว้ ขณะที่ใจลอยไปไกล  

     


                    กลางดึกคืนนี้เด็กหนุ่มลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองอยู่บนเรือโจรสลัดลำใหญ่ มันเหมือนเรือของโจรสลัดหมวกฟางนามว่าลูฟี่ในเรื่องวันพีชเด๊ะ แต่โชคร้ายนิดหน่อยเพราะตอนนี้น้ำกำลังท่วมเรือ และต้นหนหน้าตาออกจะเป็นการ์ตูนก็วิ่งวุ่นวิดน้ำกันใหญ่

                    ‘นี่...กำลังฝันอีกแล้วสินะคยูฮยอนเริ่มชินกับโลกแห่งฝัน เขามองไปรอบๆ เรือ และรู้สึกดีที่ไม่เจอศัตรูเจ้าประจำ แหม...มันก็ต้องมีฝันครั้งไหนบ้างสิน่าที่หัวหน้าคิมจะไม่ได้แจม

                    “คยูฮยอนฟี่! เรือของเรากำลังจะจมแล้ว! จะทำยังไงดี!” ผู้ชายหน้าตาการ์ตูนอีกคนวิ่งเข้ามาหาเขา ดูจากผมสั้นเกรียนๆ แต่งตัวกุ๊ยๆ และถือดาบยาวแบบนี้

                    “เอ่อ...นายชื่ออะไรนะ จำไม่ได้แล้ว คือเผอิญว่าฉันไม่ได้ชอบการ์ตูนเรื่องนี้ซักเท่าไหร่

                    “โซโลไงเว้ย! อย่ามาตลก

                    “เออใช่! เดี๋ยวนะ ทำไมฉันได้เป็นคยูฟี่ล่ะ ฉันอยากเป็นนายมากกว่า อยากถือดาบเท่ๆ แบบนี้ ขอเป็นโจโลได้มั้ย

                    “ไม่ได้โว้ย! นายมันติ๊งต๊องที่สุดเลย คยูฟี่!” อีกฝ่ายร้องออกมาอย่างหัวเสียแล้ววิ่งไปวิดน้ำต่อ

                    อะไรวะ...ฝันตัวเองแท้ๆ แล้วทำไมถึงเป็นโจโลไม่ได้ แถมยังโดนด่าว่าติ๊งต๊องอีก ไม่ยุติธรรมเลย

                    “คยูฟี่! เรารู้สาเหตุที่ทำให้เรือรั่วแล้ว!” โซโลตะโกนมาจากท้ายเรือ คยูฮยอนจึงแกล้งทำเป็นตื่นเต้น

                    “อะไรเหรอโซโล! โหย...โคตรอยากรู้เลย

                    “นั่น ข้างหลังนาย!” คยูฮยอนเหลียวมองตามมือของรายนั้น เขาผงะเมื่อเห็นปลาตัวใหญ่โผล่ขึ้นเหนือน้ำ ในปากมีเศษไม้จากท้องเรือติดอยู่ มันจ้องมาที่เขาด้วยสายตาคมกริบใต้กรอบแว่นสีดำ

    เห...คุ้นๆ นะว่ามั้ย? คิดอีกทีไม่ใช่แค่คุ้น แต่มันใช่เลย!

                    ‘ปะ...ปลาหัวหน้าคิม

                    ยังไม่ทันได้เตรียมใจ ปลาตัวเบ่อเริ่มก็กระโดดทิ้งตัวลงมาบนเรือ เด็กหนุ่มร้องลั่นขณะลอยละลิ่วลงสู่ผิวน้ำพร้อมกับเรือที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ที่เปียกอยู่แล้วเพราะน้ำท่วมเรือยังไม่ร้ายเท่าเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า และตอนนี้เขาก็ลอยคออยู่ในทะเลอุ่นๆ ซึ่งก็แปลกดี แต่คาดว่าคงเป็นเพราะดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ส่องลงมาตรงผิวน้ำ

                    “บัดซบที่สุด ไอ้ปลาไม่น่าคบ...นี่ตามมาเอาเรื่องกันถึงในฝันเลยเหรอเนี่ยคยูฮยอนพยายามมองหาอะไรที่พอจะใช้ยึดเกาะได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงหมดแรงก่อนจะหาฝั่งเจอแน่ๆ

                    ครู่หนึ่งก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงขา เด็กหนุ่มลองว่ายออกไป แต่ก็ไม่สำเร็จ ขาของเขาคงไปติดกับหญ้าทะเลหรือเชือกอะไรสักอย่าง                 แต่...เขากำลังลอยอยู่ในทะเลน้ำลึกที่เท้าแตะไม่ถึงพื้นนะ ฝันของเขาต้องมีอะไรผิดพลาดแน่

                    ทีแรกก็คิดว่าจะลองดำลงไปดู แต่พอเห็นหนวดปลาหมึกโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ เขาก็พอจะเดาเรื่องออก

    มะ...ม่ายยยยยยยยย!!!!! ไม่เอาแทนคาเคิล!!!!!!!!!”

                    ปีศาจปลาหมึกตัวใหญ่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ใช้หนวดหยุบหยับพันตัวเขา คยูฮยอนร้องลั่น ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด ปีศาจปลาหมึกดึงเขาเข้าไปใกล้ และเมื่อเห็นหน้ากันในระยะประชิด กรอบแว่นตาสีดำโดดเด่นบนหน้าของปีศาจปลาหมึกก็ทำให้คยูฮยอนถึงกับอ้าปากค้าง เขายกนิ้วชี้หน้ามัน พลางอุทาน

                    “ปะ...ปลาหมึกหัวหน้าคิม   

                    มันยิ้มตาหยีให้เขา และตวัดหนวดรั้งขอบกางเกงเขาลง

                    “อ๊าก! พอ...พอซักที!!!!!!!!!!!”

     

                    “คยูฮยอน...นี่...โจคยูฮยอน เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังก้องอยู่ในห้วงความคิด เด็กหนุ่มเริ่มได้สติ งัวเงียปรือตาขึ้น ตอนนี้เขาเริ่มได้ยินเสียงเคาะประตู จึงพึมพำออกไปเบาๆ

                    “นามิ...นามิเหรอ?

                    “คยูฮยอน...พี่จะออกเดินทางแล้วนะ นายเป็นอะไรรึเปล่า ไม่ออกมาจากห้องน้ำซักที...นี่มันเจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ

                    เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือก คนด้านนอกคงเป็นพี่อารา นี่แสดงว่าเขาตื่นจากฝันร้ายเมื่อคืนแล้ว แต่ก็เล่นเอาสะบัมสะบอมอยู่ไม่น้อย ตอนนี้เขารู้สึก...เปียก...ปวดหลัง...แล้วก็ร้อนวูบวาบไปหมด คยูฮยอนดันตัวขึ้น แต่ก็ไม่มีแรง นอกจากนั้นเขายังรู้สึกปวดหัวมากด้วย

                    “คยูฮยอน! ได้ยินพี่มั้ย!” รายนั้นเคาะรัวเพราะตกใจที่น้องชายไม่ตอบ คยูฮยอนจึงตะโกนกลับไป

                    “ได้...ยิน

    แต่ลำคอกลับแห้งผากและมีเสียงลอดออกมาเพียงเล็กน้อย เขาพยายามลืมตาขึ้น และพบว่าตัวเองนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ แสงไฟสว่างดวงใหญ่บนเพดานส่องเข้าตาพอดี และน้ำที่แช่ก็ยังอุ่นๆ อยู่

                    นี่เขานอนแช่น้ำมาตั้งแต่เมื่อคืนเหรอเนี่ย...ไม่ป่วยก็แปลกแล้ว
    .
    .
    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×