ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Cats' Eyes, หรือแมวไม่มีหัวใจ (KangKyu, Kihae, ?Chul)

    ลำดับตอนที่ #7 : ยา

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 54


     ยา

    ครั้งนี้คยูฮยอนรู้สึกกลัว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม...เขากลัว บางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเขาและทงเฮบอกว่ามันอาจจะส่งผลถึงตัวตนอีกด้านของเขาด้วย

    ตัวตนอีกด้านของเขา...ทงเฮหมายถึงแคทส์ 

    มีเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการโจรกรรมของแคทส์โดยที่ไม่มีใครรู้ มีแค่พี่ฮีชอล ทงเฮ และคยูฮยอนเท่านั้น แต่หากจะให้อธิบาย คยูฮยอนเองเห็นทีจะไม่รู้ ทงเฮเท่านั้นที่เป็นเจ้าของความคิดและสามารถเล่าออกมาได้ ผลจากการทดลองและวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่ยุ่งยากซับซ้อน คยูฮยอนไม่เคยคิดจะจำหรืออยากจำ 

    ร่างบางรู้แค่ว่ามันมีประโยชน์ต่อเขาในการทำงาน เพราะเขาจำเป็นต้องพึ่งพาแคทส์ในการโจรกรรมเสมอไม่ว่าครั้งใดก็ตาม แคทส์เป็นคนที่ทำให้งานสำเร็จ เป็นคนที่ฮีชอลและทงเฮไว้วางใจ เป็นคนเก่ง เข้มแข็งและเอาตัวรอด

    นั่นไม่ใช่เขา...ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ชื่อโจคยูฮยอน แต่คือแคทส์

    “วันนี้ผู้กองคังอินจะมาที่ร้านมั้ย” ทงเฮเดินออกมาถามคยูฮยอนที่นั่งเหม่ออยู่หน้าเคาน์เตอร์ ร่างบางสะดุ้ง จากนั้นก็รีบส่ายหน้า เขาไม่สบายใจที่จะต้องบอกความจริงกับพี่

    “ไม่มาหรอก เห็นว่าต้องรีบไปเตรียมตัว...รับมือกับแมวขโมย”

    “ตายล่ะ แต่หัววันเลยเหรอเนี่ย พวกตำรวจไม่ต้องทำอย่างอื่นกันรึไงนะ” ทงเฮบ่นอุบขณะเดินไปที่คอมพิวเตอร์แลปท็อป เขานั่งทำงานต่อ และเรียกหาเครื่องดื่ม “ขอชาร้อนให้พี่ซักถ้วยนะคยู” 

    “ครับ” คยูฮยอนหันกลับเข้าไปที่เคาน์เตอร์ ช่วงเย็นๆ ที่ลูกค้าเริ่มซาทำให้ร้านเงียบเหงาไปขณะหนึ่ง ไม่นานก็คงถึงเวลาปิดร้านแล้ว คยูฮยอนเก็บความสงสัยเรื่องพี่คังอินเอาไว้กระทั่งเดินไปส่งถ้วยชาให้ทงเฮ

    “ขอบใจ...” 

    “เมื่อกี๊พี่ทงเฮถามถึงพี่คังอินทำไมเหรอครับ” ร่างบางถามทันที

    “อ้อ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ช่วงนี้เห็นเค้ามาที่ร้านออกจะบ่อย โดยเฉพาะช่วงกลางวันกับช่วงเย็น ได้ข่าวว่าเมื่อเช้านี้ก็มา พี่เลยสงสัยว่าผู้กองคังอินกินกาแฟแทนข้าวรึยังไง” ทงเฮตอบกวนๆ คยูฮยอนจึงหลุดขำเพราะมุขตลก  

    “พี่คังอินชอบกาแฟ...” 

    “ชอบกาแฟหรือชอบคนชงกาแฟกันแน่”

    คยูฮยอนทำท่าฮึดฮัดแล้วเลิกคุยกับทงเฮ เขารีบเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ ผู้เป็นพี่จึงยักไหล่และก้มลงสนใจคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเหมือนอย่างเคย พักหนึ่งก็เป็นคยูฮยอนเองที่ทนไม่ได้ จึงต้องถาม

    “พี่ทงเฮว่าพี่คังอินชอบผมรึเปล่า” 

    “อ้าว นี่ไม่รู้ตัวหรอกเหรอ” 

    ทงเฮเชิดเสียงใส่น้องราวกับประชด เขาหยิบแว่นสำหรับเล่นคอมพิวเตอร็ขึ้นมาสวมแล้วนั่งพิมพ์ข้อมูลบางอย่าง คยูฮยอนหน้าแดงและยิ้มไม่หุบ ถ้าทงเฮดูออกแต่แรกว่าเขาชอบพี่คังอิน ทงเฮก็ต้องดูออกเช่นกันว่ารายนั้นคิดอย่างไรกับเขา ร่างบางเดินไปเกาะแกะพี่ชายด้วยท่าทางร่าเริง

    “จริงนะ พี่คังอินชอบผมจริงๆ ใช่มั้ย” ถามพลางจับแขนทงเฮเขย่า

    “อื้อ...จริงสิ ตราบใดที่เค้ายังไม่รู้ว่านายเป็นแมว” 

    คยูฮยอนหน้าเจื่อนและหุบยิ้มในทันที เขาไม่เคยลืมความจริงข้อนี้หรอก เพียงแต่ไม่อยากยอมรับมันแม้แต่ครั้งเดียว เขาไม่ใช่แมว...แมวขโมยนั่นไม่ใช่เขา แต่แน่ล่ะว่าคนอื่นไม่รู้ พี่คังอินก็เช่นกัน หากถูกจับได้ เขาต้องถูกเกลียดแน่นอน

    ทงเฮเห็นท่าทางนั้น เขารีบปลอบใจน้อง 

    “ตัดใจเถอะน่า คยู พี่บอกแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วนี่ถ้าพี่ฮีชอลรู้เข้า...”

     “รู้อะไร” 

    พอฮีชอลโผล่มา วงสนทนาก็แตกกระจุย ทงเฮรีบรัวแป้นพิมพ์ต่อ ส่วนคยูฮยอนก็หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดโต๊ะ ฮีชอลยืนกอดอกมองทั้งสองที่กลบเกลื่อนแบบไม่แนบเนียน เขาถามซ้ำอีก 

    “ปิดบังอะไรกันอยู่ เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย” 

    “อ๋อ ก็แค่...เรื่องผู้กองคังอิน” ทงเฮพูดออกมาก่อน คยูฮยอนจึงรีบหันไปมอง ส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ให้เล่า ทงเฮไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะถูกจ้องจากสองทาง เขาจึงบ่ายเบี่ยง “คยูจะเล่าให้พี่ฮีชอลฟังเอง เอาสิ! เล่าเลย” 

    “พี่ทงเฮ!” ร่างบางร้องลั่น แต่เมื่อหันไปเจอฮีชอล เขาก็หน้าซีด “คือ...พี่คังอิน...เค้า...คือว่า...” 

    “ที่นายสืบได้ว่าเค้าจะไม่มาที่ร้านเย็นนี้ไงคยู” ทงเฮนึกได้จึงรีบบอก คยูฮยอนเบิกตาขึ้นและพยักหน้ารับ 

    “ใช่ครับ พี่คังอินบอกว่าจะไม่มาที่ร้าน เพราะต้องไปเตรียมวางแผนรับมือกับพวกแคทส์ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ คราวนี้ตำรวจคงวางกำลังดูแลพิพิธภัณฑ์อย่างดีเลยล่ะ เราต้องระวังนะครับ” 

    พูดจบก็ภาวนาให้ฮีชอลเชื่อ ทงเฮเองก็นั่งลุ้นไปด้วย ฮีชอลจ้องพวกเขานิ่งๆ ขมวดคิ้ว และสุดท้ายก็พยักหน้า



     “อืม...ทำงานได้ดี” 

    ทั้งสองถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ฮีชอลจึงตวัดสายตาใส่ “เตรียมของเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยทงเฮ” 

    “เรียบร้อย...” ทงเฮตอบ

    “ยานั่นด้วยใช่มั้ย” คำถามของฮีชอลกระทบใจอีกคน ทงเฮเหลือบตามองคยูฮยอนที่เบือนหน้าไปทางอื่น สายตาวิตกกังวลเหม่อออกไปมองสถานีตำรวจที่อยู่อีกด้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักและเห็นได้จากทางหน้าต่างร้าน 

    “อืม ยาเรียบร้อยดี” ทงเฮตอบไม่เต็มเสียง ขณะก้มหน้าลงทำงานต่อ




    ‘ยา’ ที่ทงเฮพูดถึง คยูฮยอนต้องพึ่งพามันตลอดเวลาที่ออกโจรกรรม มันคือยาชนิดหนึ่งที่ทำให้คยูฮยอนเปลี่ยนเป็นอีกคน เปลี่ยนบุคลิกและนิสัยจากที่เป็นอยู่ไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้คยูฮยอนกลายเป็นคนใหม่ ไม่สิ...ทำให้เขากลายเป็นแมว



    และแมวตัวนั้นก็คือ 'แคทส์' โค้ดเนมที่ใช้ในการโจรกรรมของพวกเขา 





    ‘มันเป็นผลดีต่อการทำงาน มันช่วยแก้ปัญหานิสัยขาดความมั่นใจของนายได้’ 

    พี่ฮีชอลเคยพูดไว้ตอนที่เสนอยาเม็ดนั้นให้ คยูฮยอนยังจำได้ไม่ลืมว่านับตั้งแต่วินาทีที่กลืนยาลงลำคอไป...ร่างกายก็ร้อนวูบและตื่นเต้น 

    ในการโจรกรรมทุกครั้ง พี่ฮีชอลเป็นฝ่ายเคลียร์เส้นทาง ทงเฮเป็นฝ่ายข้อมูลและดูต้นทาง ส่วนคยูฮยอนในนามของแคทส์เป็นคนเข้าไปขโมยสมบัติเหล่านั้นมา ทุกอย่างรวดเร็วและว่องไว การตัดสินใจทุกครั้งของคยูฮยอนเฉียบขาดและหนักแน่นอย่างที่หาไม่ได้จากตัวตนที่แท้จริง

    ราวกับตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองมีเก้าชีวิต...เสียไปชีวิตหนึ่งก็ยังเหลืออีกหลายชีวิต ทำให้พร้อมจะเสี่ยงตายได้เสมอ 


    ‘มันเป็นยาเสพติด’ 


    คยูฮยอนรู้ดี แต่เขาเลิกไม่ได้...เลิกกินยานั่นไม่ได้ เพราะถ้าเขาไม่มีมัน งานทุกอย่างจะพังเพราะเขา แน่นอนว่ามันเป็นการเสพติดทางใจ เขาขโมยของโดยที่ไม่ใช่แคทส์ไม่ได้ ตราบใดที่ยังต้องขโมย เขาก็ยังจำเป็นต้องพึ่งแมวตัวนั้น

    ทั้งนี้เพราะแคทส์ต่างจากเขา หากลองเปรียบเทียบกัน แคทส์คงเป็นแมวที่เกิดมาเพื่อขโมย แคทส์มุ่งมั่นและเอาตัวรอด ทักษะการต่อสู้และเคลื่อนไหวเป็นเลิศอย่างที่แมวตัวไหนก็เทียบไม่ได้ แคทส์เกลียดตำรวจและยืนยันจะแก้แค้น

    ส่วนคยูฮยอนคงเป็นแค่แมวเชื่องๆ แมวที่อยากมีเจ้าของคอยให้ความรักและดูแลเอาใจใส่ อยากนอนบนตักอุ่นๆของคนที่ตัวเองรัก ไม่อยากไปเผชิญกับอากาศหนาวเหน็บข้างนอก แมวขี้อ้อน...แมวที่ไม่เคยกางกงเล็บใส่ใคร 


    แล้วแมวแบบนี้...จะกล้าไปขโมยของๆ คนอื่นได้อย่างไรกัน






    นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่ม เป็นเวลายามวิกาลที่แมวจะออกโจรกรรม ภายในรถตู้คันเล็กที่จอดสนิทบนเนินเขาใกล้พิพิธภัณฑ์ปรากฏเงาของร่างทั้งสาม ทงเฮขยับตัวไปที่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เขารู้ว่างานครั้งนี้ไม่ง่าย

    “พร้อมมั้ย” ฮีชอลยื่นหูฟังไร้สายอันเล็กๆ ให้คยูฮยอน ร่างบางพยักหน้าอย่างไม่มั่นใจนัก แต่ก็เอื้อมมือมารับไปติดไว้ที่ใบหูของตัวเอง ทงเฮยกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าเตรียมพร้อมแล้วเริ่มเปิดเครื่องส่งสัญญาณ 

    “พิพิธภัณฑ์นี้มี 44 ห้อง สร้อยคอลูกปัดโบราณอยู่ห้องที่ 5 เป็นห้องด้านในสุดของตัวอาคาร บริเวณนั้นอันตรายมากเพราะไม่มีทางออกอื่นนอกจากช่องแอร์ ยังไงก็ระวังตัวให้มากๆ นะ” ทงเฮบอกทุกคนด้วยความเป็นห่วง

    คยูฮยอนพยักหน้ารับ ตอนนี้เขากลัว แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้ความกลัวทั้งหมดก็จะหายไป ร่างบางมองมือของทงเฮที่ยื่นมาตรงหน้า และเมื่อฝ่ายนั้นแบมือออก ยาสีน้ำเงินเม็ดเล็กก็ปรากฎให้เห็น 

    “ระวังตัวนะคยู อย่าเข้าใกล้ผู้กองคังอินมากนัก...ฉันไม่รู้ว่าจะผลอะไรรึเปล่า แต่ถ้ามีก็คงได้รู้กัน” ทงเฮกระซิบ และนั่นทำให้คยูฮยอนลังเลที่จะกินเข้าไป ฮีชอลวางมือบนไหล่เขา ร่างบางจึงรู้ตัวว่าไม่มีทางเลือก

    ฮีชอลขยับยิ้มอย่างปลอบโยน “สนุกให้เต็มที่เถอะนะ...พี่รู้ว่านายทำได้” 

    คยูฮยอนหยิบยาเม็ดนั้นขึ้นมาแล้วส่งมันเข้าปาก เขากลืนลงคอไปในขณะที่หลับตาแน่น น้ำตาที่กำลังปริ่มเพราะความกลัวกลับเหือดหายไป เพราะฤทธิ์ยาเริ่มส่งผลขณะไหลผ่านลำคอไปอย่างช้าๆ
     
    ช่วงเวลานี้ทำให้ทุกอย่างเงียบงัน ภายในหัวของคยูฮยอนเกือบจะว่างเปล่า เขารู้สึกได้ถึงความร้อนที่พวยพุ่งออกจากเม็ดยา กระจายไปตามระบบประสาทด้วยความรวดเร็ว ภายในกายของร่างบางร้อนวูบจนถึงที่สุดราวกับกำลังจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกนี้บีบบังคับให้คยูฮยอนหมดสติไป ก่อนที่ความร้อนนั้นจะค่อยๆ คงที่และกลายเป็นอุณหภูมิปกติในร่างกาย 

    และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งเขาก็เป็นคนใหม่



    นัยน์ตาของคยูฮยอน...เปลี่ยนเป็นสีฟ้า





    “ยินดีที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งนะแคทส์” 

    ฮีชอลกระตุกยิ้มต้อนรับน้องชายอีกคน...คนที่เขาภูมิใจมากกว่าใครๆ 



    .

    .

    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×