คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 3 Days Before Christmas [1]
คยูฮยอนมาถึงออฟฟิศสายไป 15 นาที แต่เขาเจอฮยอกแจที่หน้าลิฟต์ รายนั้นวิ่งมาดักหน้าเขาพร้อมโปสเตอร์สีแดงเขียวแผ่นใหญ่
“คืออะไรวะ”
คยูฮยอนชะโงกหน้าไปมองโปสเตอร์ในมือลีฮยอกแจ บนนั้นมีตัวหนังสือพิมพ์เป็นหัวข้อใหญ่ว่า ‘Wish Ceramic Chirstmas Celebreation 2013’ แต่ที่เด็กหนุ่มให้ความสนใจก็คือบรรทัดล่างที่บรรยายว่า ‘กิจกรรมสนุกๆ ที่จะบุกไปถึงออฟฟิศแผนก และมีเกมสุดเร้าใจให้ร่วมเล่น’
ฮยอกแจม้วนโปสเตอร์เก็บด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ก็ปีนี้บริษัทมีงบเหลือ เลยมอบหมายให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์คิดเกมสนุกๆ ไว้ให้พนักงานแต่ละแผนกได้เล่น ของรางวัลเป็นบัตรสตาร์บัคส์เชียวนะ”
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะได้ล่ะ”
คยูฮยอนตาลุกวาว ถึงปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยชอบดื่มกาแฟก็เถอะ แต่ถ้าเป็นของฟรี...ยังไงก็ชอบ
“เรื่องนั้นปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเอง” ฮยอกแจขยิบตาให้เพื่อน
ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีจับฉลากหรือว่าอะไรกันแน่ คยูฮยอนได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ระหว่างเดินกลับไปที่ออฟฟิศแผนก แต่ถ้าลีฮยอกแจลั่นวาจาไว้ว่าจะช่วยให้เขาได้ของฟรีแล้วล่ะก็คงไม่มีวันผิดสัญญาแน่ๆ
เมื่อมาถึงโต๊ะก็เห็นงานกองรออยู่แล้ว หัวหน้าคิมคงเอามาวางไว้ให้ตอนที่เขายังมาไม่ถึงออฟฟิศ เด็กหนุ่มนั่งลงและหยิบมันขึ้นมาเปิดดูผ่านๆ เหมือนเคย เขาเห็นว่าหัวหน้าคิมขึ้นดราฟบางส่วนไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และเขียนสั่งไว้ว่าเขาควรจะต้องเติมรายละเอียดตรงไหน
เหมือนใจจะไม่ได้คิดเรื่องงาน เขากลับคิดไปว่าเมื่อคืนหัวหน้าคิมก็เมาขนาดนั้นแล้วนี่ยังตื่นมาทำงานแต่เช้าได้ แถมคงมาเช้ามากพอที่จะขึ้นดราฟงานให้เขาได้ ไม่รู้ว่านอนพอหรือเปล่า จะเมาค้างไหม หรือกินอะไรมาแล้วหรือยัง คิดแล้วก็ถอนหายใจ...เฮ้อ! นี่ถ้าใครเป็นแฟนหัวหน้าคิมล่ะก็คงต้องกังวลใจตายแน่ๆ แต่ทำไมเขาจะต้องกังวลด้วยล่ะเนี่ย เขาไม่ใช่แฟนหัวหน้าคิมซะหน่อยนะ!
คยูฮยอนสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป แต่ก็ไม่มีอารมณ์จะทำงาน เขาเลยนอนฟุบโต๊ะ หลับตาลงแล้วปล่อยสมองให้โล่ง แต่เพราะเมื่อคืนคิดมากจนแทบไม่ได้นอน ตอนนี้เขาเลยเกือบจะหลับไปจริงๆ แต่ก็มีสติอยู่บ้างจึงได้ยินเสียงประตูห้องหัวหน้าคิม
เด็กหนุ่มดีดตัวขึ้นมา รีบคว้าปึกกระดาษที่อยู่ตรงหน้ามาอ่านอย่างเคร่งเครียด และไม่ลืมจะยัดดินสอใส่ปาก แกล้งทำเป็นกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
คังอินยืนกอดอกมองอยู่ที่ประตู เขาหงุดหงิดเพราะเรื่องหนึ่งเกินกว่าจะเห็นเป็นเรื่องตลกเหมือนทุกที
“มาก็สายแล้วยังจะแอบอู้อีกเหรอ”
“ไม่ได้อู้ซะหน่อย ผมกำลังทำงานอยู่เลย นี่ไง” คยูฮยอนลอบมองคนตรงหน้า ซึ่งดูแล้วก็ไม่ได้มีอาการเมาค้าง และคงจำเรื่องเมื่อคืนที่ไปงอแงหน้าบ้านเขาไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
หัวหน้าคิมหรี่ตามองคยูฮยอนอย่างจับผิด
“งั้นก็ดี หวังว่านายจะทำเสร็จภายในวันนี้นะ พรุ่งนี้ลูกค้าหยุด เค้าเลยขอดูงานภายในเย็นวันนี้”
“หา! เยอะขนาดนี้ไม่เสร็จหรอกครับ” คยูฮยอนโวยวาย
“งั้นก็เริ่มทำเดี๋ยวนี้เลยทีสิ เอาเวลานั่งใจลอยคิดเรื่องแฟนไปทำงานดีกว่ามั้ย”
เด็กหนุ่มชะงัก รีบหลบสายตาร่างสูงเพราะรู้สึกใจเต้นแปลกๆ เพราะแบบนี้หัวหน้าคิมเลยคิดว่าตัวเองเดาถูก พาลชักสีหน้าใส่ด้วยความหงุดหงิด แต่หัวหน้าคิมคงไม่รู้หรอกว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ทำให้เขาแทบช็อค ใช่สิ! เขาควรจะคิดถึงซีวอน...แฟนตัวปลอมของเขา หรือไม่ก็คิดถึงใครสักคนในงานปาร์ตี้...ว่าที่แฟนในอนาคตของเขา
แต่เขากลับคิดเรื่องหัวหน้าคิมเนี่ยนะ!
ก็เพราะเมื่อคืน...เพราะเรื่องเมื่อคืนที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ จนเก็บไปคิด ใช่! เพราะเรื่องเมื่อคืนที่หัวหน้าคิมพูดกับเขา
“ก็เพราะเมื่อคืน!” คยูฮยอนเผลอพูดเรื่องที่คิดอยู่ออกมา และอีกฝ่ายก็จ้องหน้าเขา อยากไปพูดออกไปเหลือเกินว่าเพราะหัวหน้าคิมนั่นแหละที่พูดอะไรกวนใจเขาเมื่อคืน แต่ก็กลัวว่าหากพูดออกไปแล้วอีกฝ่ายจะจำไม่ได้ และเขาจะหน้าแตกเสียเอง
“เมื่อคืนทำไมเหรอ”
ยิ่งถามมาแบบนี้ คยูฮยอนก็ยิ่งแน่ใจว่าหัวหน้าคิมคงจำไม่ได้ และเขาก็ไม่ควรสร้างปัญหาให้ตัวเองด้วยการพูดใส่ความ
“เมื่อคืน...ผมคุยโทรศัพท์กับแฟนทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอน”
สาบานว่าคิดดีแล้ว และเขาก็ได้เห็นสีหน้าแปลกๆ ของอีกฝ่าย เหมือนกับว่าทั้งไม่เชื่อ ไม่อยากเชื่อ แต่ก็เชื่อไปแล้ว
“อ้อ แบบนี้นี่เอง เมื่อเช้านี้ที่นายมาสายก็คงเพราะมัวแต่ไปนั่งคุยกับแฟนอยู่ที่สตาร์บัคส์ข้างล่างใช่มั้ย”
หัวหน้าคิมพูดกระแนะกระแหน แต่โจคยูฮยอนไม่เข้าใจสักนิด
“หัวหน้าหมายความยังไง”
“ก็เมื่อเช้านี้ฉันเห็นแฟนนายนั่งอยู่ในสตาร์บัคส์ที่บริษัท คงจะมาส่ง แล้วก็นั่งรอไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันสินะ”
“เอ๋!” แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าไม่ควรทำหน้าประหลาดใจขนาดนั้น ถ้าซีวอนจะมาแถวนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ก็คงมาหาฮยอกแจนั่นแหละ แต่ในเมื่อหัวหน้าคิมคิดว่าซีวอนเป็นแฟนเขา รายนั้นก็ควรจะมาหาเขาไม่ใช่หรือไง แล้วการที่เขาทำหน้าตกใจนี่มันจะหมายความว่าอย่างไร
“ใช่ครับ เมื่อเช้าเค้ามาหาผม แล้วก็รอไปกินข้าวเที่ยงกันด้วย”
ถูกต้องที่สุด! โจคยูฮยอนก็คงต้องตอบตามน้ำไปแบบนี้ล่ะนะ
“บริษัทไม่ใช่ที่นัดเจอแฟนนะ ร้านกาแฟที่อื่นก็มีตั้งเยอะแยะ”
หัวหน้าคิมดุเขา คยูฮยอนถึงกับร้องอ้าวแล้วเถียงกลับไปทันที
“เค้าก็ไม่ได้ขึ้นมานั่งดื่มกาแฟที่ห้องหัวหน้าซักหน่อยนี่ครับ”
ร่างสูงถลึงตาใส่เขา ก่อนจะพบว่าหลายคนในออฟฟิศได้ยินบทสนทนาเพราะพวกเขาพูดกันเสียงดัง
คยูฮยอนมองตามสายตาของหัวหน้าคิม แล้วก็เห็นเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศซุบซิบกัน ได้ยินแว่วๆ ว่าเป็นเรื่องที่เขามีแฟน แถมแฟนยังมานั่งกินกาแฟรอ จับใจความได้อีกว่าพวกนั้นอิจฉาเขาโครตๆ
เด็กหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ ถึงจะไม่จริง แต่เขาก็ชอบให้คนอื่นอิจฉา เพราะที่ผ่านมาเขาอิจฉาฮยอกแจมาตลอด ได้เป็นคนที่ถูกอิจฉาบ้างก็เลยรู้สึกดี เขาคงต้องขอบคุณซีวอนที่วันนี้มานั่งรอฮยอกแจพอดี
“รีบทำงานได้แล้ว” หัวหน้าคิมเสียงแข็งใส่เขา และหมุนตัวจะเดินกลับเข้าไปในห้อง แต่คยูฮยอนก็ไม่ปล่อยในจบเรื่องง่ายๆ เขามองตามและนึกอยากพูดจากวนประสาทอีกสักครั้ง
“อิจฉาเหรอครับ...หัวหน้า”
เมื่อร่างสูงหันกลับมามอง เด็กหนุ่มก็เลิกคิ้วใส่ พลางนั่งหมุนปากกาเล่นอย่างสบายอารมณ์
“เดี๋ยวเถอะ...”
หัวหน้าคิมพูดเบาๆ คาดโทษเขาไว้ จากนั้นก็เดินเข้าห้อง ปิดประตูดังปัง คยูฮยอนหลุดขำออกมา จากนั้นเขาก็เริ่มทำงานอย่างอารมณ์ดี หัวหน้าคิมน่ะเหรอจะทำอะไรเขาได้ ไม่มีทาง!
ป่านนี้คงเจ็บใจจนกระอักเลือดคาห้องทำงานไปแล้วล่ะมั้ง
จู่ๆ ก็มีเสียงดนตรีดังกระหึ่ม คยูฮยอนสะดุ้งเฮือก เมื่อหันไปมองที่ประตูออฟฟิศก็เห็นพวกฝ่ายประชาสัมพันธ์เข็นลำโพงเข้ามา นำทีมมาโดยลีฮยอกแจ เพื่อนซี้ของเขา
“สวัสดีครับเพื่อนร่วมงานแผนกออกแบบทุกท่าน วันนี้กระผมลีฮยอกแจ แผนกประชาสัมพันธ์ ขอทำหน้าที่พิธีกรภาคสนาม เพื่อชวนทุกท่านร่วมเล่นเกมชิงรางวัลกับกิจกรรม ‘Wish Ceramic Chirstmas Celebreation 2013’ ซึ่งก็คือบัตรสตาร์บัคส์มูลค่า 5 หมื่นวอน!”
ของรางวัลเรียกเสียงฮือฮาจากพนักงานต๊อกต๋อยทุกคนได้ เว้นแต่หัวหน้าคิมที่เดินออกมาจากห้องเพียงเพราะได้ยินเสียงอึกทึกเท่านั้น พอรู้ว่าเป็นกิจกรรมรื่นเริงของบริษัทก็จะรีบผลุบกลับเข้าห้องทันที แต่ ฮยอกแจไม่เปิดโอกาส เขารีบประกาศใส่โทรโข่ง
“ใครจะได้รางวัลนี้ไปก็ขึ้นกับหัวหน้าแผนกนะครับ เพราะฉะนั้น...ขอเชิญหัวหน้าคิมทางนี้หน่อยครับ”
คนถูกเรียกถึงกับเหวอเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว และคยูฮยอนก็ทำหน้างงไปด้วยอีกคน เพราะในเมื่อฮยอกแจบอกว่าจะช่วยให้เขาได้รางวัล แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับหัวหน้าคิมด้วยล่ะ
ถึงจะไม่เต็มใจร่วมกิจกรรมนัก แต่เพราะทุกคนจ้องอยู่ หัวหน้าคิมจึงจำเป็นต้องเดินมากลางวง ฮยอกแจหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากรถเข็น แล้วยื่นไปตรงหน้าร่างสูง
“ช่วยจับฉลากผู้โชคดีหน่อยนะครับ” คังอินโล่งใจเพราะก็แค่จับฉลาก เขาจึงหยิบขึ้นมา 1 ใบเพื่อให้จบเรื่องไป
“พนักงานที่จะได้สิทธิ์ลุ้นรางวัลได้แก่ พนักงานที่มีหมายเลขประจำตัว 2390513”
พอฮยอกแจประกาศ หัวหน้าคิมก็หันขวับมาจ้องหน้าคยูฮยอนทันที คนถูกจ้องเลยเอะใจ คว้าบัตรพนักงานของตัวเองขึ้นมาดู
239...0...513
นี่มันหมายเลขพนักงานของเขานี่นา! แล้วทำไมหัวหน้าคิมถึงจำได้ในขณะที่เขาต้องหยิบขึ้นมาดูล่ะเนี่ย!
“ว้าวๆ เราได้ผู้โชคดีแล้ว! เชิญทางนี้เลยครับ” ฮยอกแจทำเป็นเนียนไม่รู้จักเขา รีบดึงแขนมายืนข้างๆ “เอาล่ะครับ! เราได้ผู้โชคดีที่จะมาร่วมเล่นเกมชิงบัตรสตาร์บัคส์กับเราแล้ว”
“อะไรนะ” คยูฮยอนเผลอหันไปถามเพื่อน แค่จับฉลากขึ้นมาได้ก็นึกว่าจะได้รางวัลแล้ว นี่ยังต้องเล่นเกมอะไรอีก
ฮยอกแจไม่สนใจเขา แต่ผายมือไปทางหัวหน้าคิม “ขอเชิญหัวหน้าแผนกมาเล่นเกมกับผู้โชคดีของเรานะครับ งานนี้ลูกน้องจะได้รางวัลหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับหัวหน้าด้วย”
“อะไรนะ” หัวหน้าคิมถามซ้ำประโยคเดียวกับคยูฮยอนเป๊ะ
ทุกคนในออฟฟิศฮือฮากันใหญ่ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นหัวหน้าคิมร่วมกิจกรรมอะไรกับทางบริษัทสักอย่าง อย่าว่าแต่เล่นเกมเลย ใครได้เห็นหัวหน้าคิมโผล่ไปงานเลี้ยงสัก 2-3 นาทีก็ถือว่าเป็นผู้มีบุญมากแล้ว
“เกมของเราก็คือ...” ฮยอกแจขออุปกรณ์มาจากเพื่อนที่เข็นรถมาด้วยกัน จากนั้นก็ชูให้ทุกคนได้เห็น
“เกมกินป็อกกี้!”
สาวๆ ในออฟฟิศกรีดร้องกันใหญ่ แต่คยูฮยอนช็อคไปแล้ว เมื่อได้สติก็ถลึงตาใส่เพื่อน ก่อนจะแอบเข้าไปกระซิบ “นี่แกจะบ้ารึไงวะ! ฉันอยากได้บัตรสตาร์บัคส์แต่ไม่อยากทำอะไรน่าอายแบบนี้ซะหน่อย”
“แหม...พูดอย่างกับจะจูบกันจริงๆ อย่างนั้นแหละ”
เด็กหนุ่มหน้าแดงแจ๋ เขาคิดว่าหัวหน้าคิมคงต้องเมินใส่แล้วก็เดินดุ่มเข้าห้องไปเป็นแน่ เพราะฉะนั้นเขาคงไม่ต้องออกปากสละสิทธิ์
“กติกาเป็นยังไง” กลายเป็นว่าหัวหน้าคิมถามออกมาหน้าตาเฉย คยูฮยอนเลยชักหวั่นๆ
“กติกาก็คือให้คาบป็อกกี้ไว้คนละด้านครับ กินไปเรื่อยๆ แล้วพอป็อกกี้หัก เราก็จะมาวัดขนาดกัน เศษป็อกกี้ที่เหลือต้องมีความยาวน้อยกว่า 1 เซนติเมตรเท่านั้น ถึงจะได้รางวัล”
กติกาสุดหื่นเรียกความสนใจจากคนในแผนกได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าทุกคนคงอยากเห็นหัวหน้าคิมเล่นเกมนี้ และนี่คงจะเป็นของขวัญคริสต์มาสที่ดีที่สุดของแผนกออกแบบ
“เอ่อ...คือผม...” คยูฮยอนหันไปจะบอกหัวหน้าคิมว่าขอสละสิทธิ์ เพราะเขาคงเล่นอะไรน่าอายแบบนี้ต่อหน้าทุกคนไม่ไหว แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่ได้สนใจฟัง เอื้อมไปฉวยกล่องป็อกกี้รสสตรอเบอรี่มาจากมือฮยอกแจ
“ลองดูก็ได้”
คยูฮยอนแทบหูดับเพราะเสียงกรี๊ด เสียงตะโกนเชียร์ หันไปมองรอบๆ ก็เห็นทุกคนชูโทรศัพท์มือถือเตรียมถ่ายรูปถ่ายคลิปกันใหญ่ เด็กหนุ่มครางอยู่ในลำคอ เขาไม่รู้เลยว่าหัวหน้าคิมจะมาไม้ไหน เพราะปกติแล้วรายนี้ไม่ชอบเป็นข่าวยิ่งกว่าที่เขาไม่ชอบทำงานซะอีก(?)
เดี๋ยวนะ! นี่คงไม่ได้คิดจะแกล้งเขาหรอกใช่มั้ย
หัวหน้าคิมไม่สนใจคนรอบข้างสักนิด เขามุ่งมั่นแกะห่อป็อกกี้และหยิบออกมา 1 แท่ง ยื่นไปจ่อปากคยูฮยอน
“อะ...นายคาบไว้ แล้วก็อยู่นิ่งๆ”
เด็กหนุ่มยืนจ้องหน้าร่างสูงเหมือนว่ากำลังจะชวนเล่นสงครามจิตวิทยากัน แต่ไม่ทันไรก็หลบตาอย่างยอมแพ้ คงเพราะรายนั้นบุ้ยใบ้ให้ดูสายตาคนรอบข้างที่จ้องมองอย่างคาดหวัง เอาล่ะสิ...โจคยูฮยอนจะไม่คาบก็กลัวโดนสาวๆ เหล่านั้นงับหัว หัวหน้าคิมยอมเสนอตัวเล่นเกมแบบนี้ทั้งที ถ้าเขาปฏิเสธก็คงจะโดนเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศคาดโทษไปอีกนาน เลยจำใจต้องอ้าปากงับป็อกกี้ ท่ามกลางเสียงเป่าปากอย่างดีใจของใครหลายๆ คน
พอคาบไว้แล้วก็ส่งสายตาตั้งคำถามไปให้คนตรงหน้า แต่กลายเป็นว่าพอสบตากัน คยูฮยอนก็ใจเต้นแรงจนแทบยืนไม่ไหว ยิ่งพอหัวหน้าคิมขยับเข้ามาใกล้ เขาก็เหมือนจะหยุดหายใจไปพักหนึ่ง นี่คงไม่ได้จะเอาจริงหรอกใช่มั้ย แค่อยากแกล้งให้เขาตกใจเล่นๆ พอเป็นพิธี จากนั้นก็จะประกาศขึ้นมาว่าขอสละสิทธิ์ไม่เล่นเกมใช่มั้ย
ทุกคนในออฟฟิศก็คงเช่นกัน เพราะต่างพร้อมใจเงียบเสียงในขณะที่รอลุ้น คังอินลอบสูดหายใจเบาๆ จากนั้นก็คาบปลายป็อกกี้อีกด้าน คยูฮยอนร้องจ๊ากอยู่ในลำคอ เขาอยากมุดดินหนีไปจากตรงนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ อีกวิธีหนึ่งคือหลับตา แต่เขาก็ทำไม่ได้ เพราะเขากลัวความมืด ยิ่งหลับตาก็จะยิ่งน่ากลัว เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงร้องเบาๆ อย่างเสียวไส้อย่างของสาวในออฟฟิศบางคน และเสียงกดชัตเตเตอร์กล้องมือถือ
คยูฮยอนเบิกตากว้างขณะเห็นว่าหัวหน้าคิมกำลังกินป็อกกี้พลางค่อยๆ เลื่อนใบหน้าเข้ามา เขาไม่ได้ขยับตัว แต่รู้สึกได้ถึงน้ำหนักจากมือที่วางบนไหล่เขา ตามด้วยเสียงครางเบาๆ ของบรรดาเพื่อนร่วมงานสาวๆ เขายืนตัวแข็ง กำมือไว้แน่น
วินาทีที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเข้ามาเกือบชิด คยูฮยอนก็รู้สึกว่ากำลังจะหัวใจวายตาย
และนั่นคงเป็นวินาทีเดียวกับที่ความเย็นจากเลนส์แว่นตาของหัวหน้าคิมแนบลงบนแก้มเขา อีกวินาทีถัดมาริมฝีปากอุ่นๆ ของฝ่ายนั้นก็แตะโดนริมฝีปากของเขาอย่างจัง
ใจของเขากระตุกวูบเหมือนโดนไฟช็อตเบาๆ แล้วพาลทำให้ร้อนฉ่าไปทั้งหน้า คยูฮยอนกลั้นหายใจเอาไว้ แต่รู้สึกได้ว่าลมหายใจเป็นจังหวะของหัวหน้าคิมเป่ารดแก้มของเขาอยู่
คงเพราะเบี่ยงมุมได้องศาที่ถูกต้อง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นจึงไม่เห็นว่าแตะโดนไปแล้ว คยูฮยอนรู้ดีว่าถ้าเขาแสดงพิรุธล่ะก็...ทุกคนจะต้องรู้กันหมดแน่ๆ เพราะงั้นเลยยืนกำมือแน่นกว่าเดิม เขาพยายามสูดหายใจลึกๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นลมไปก่อน แต่หัวใจก็เต้นตึกตักอยู่ตลอด ขณะรอให้หัวหน้าคิมหักป็อกกี้
“ปล่อย...”
คยูฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงหัวหน้าคิมพึมพำเบาๆ อย่างไม่ถนัดนัก มันฟังยากนิดหน่อยเพราะหัวหน้าคิมกำลังคาบป็อกกี้อยู่ เขาลองทวนคำเมื่อครู่จนแน่ใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ อีกฝ่ายจึงอธิบายเพิ่ม
“เปิดปากหน่อย”
อะไรนะ! นี่มันเป็นคำพูดที่ควรเอาไว้ใช้ตอนจูบไม่ใช่รึไง! นี่หัวหน้าคิมคิดจะทำอะไรกันแน่ มันจะมากเกินไปแล้วนะ
เด็กหนุ่มด่าเป็นชุด แต่ไม่ได้พูดออกมา
‘อยากจะร้องไห้ ถ้าจะทำแบบนี้ก็จูบไปเลยดีกว่ามั้ง’
คยูฮยอนครางเบาๆ อย่างนึกสมเพชตัวเอง แต่ถ้าเขาไม่ยอมทำตามที่อีกฝ่ายสั่ง เรื่องก็คงไม่จบ จึงกลั้นใจเผยอริมฝีปากออก และคลายแท่งป็อกกี้ที่คาบไว้
คยูฮยอนสาบานได้ว่าแอบเห็นหัวหน้าคิมยกยิ้ม รายนั้นไม่รอช้า ฉวยโอกาสจูบเขาแล้วใช้ลิ้นเกี่ยวป็อกกี้ส่วนที่เขาคาบไว้เข้าไปในปากตัวเอง จากนั้นจึงถอนริมฝีปากออกอย่างรวดเร็ว
คยูฮยอนรู้สึกเหมือนวิญญาณได้ออกจากร่างไปแล้ว เขาแน่ใจว่าที่ริมฝีปากของเขาเปียกก็คงเพราะน้ำลายของหัวหน้าคิม เขาแทบไม่ได้ยินเสียงปรบมือเพราะในใจกำลังร้องกรี๊ดๆ ขณะที่ร่างสูงยืนมองเขาเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ว้าว! จบเกมแล้วครับ หลายคนคงลุ้นกันแทบแย่ เอาล่ะ! งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าจะเหลือเศษป็อกกี้กี่เซนฯ” ฮยอกแจแบมือขอเศษป็อกกี้ในปากคยูฮยอน แต่เพื่อนกลับหันมาส่ายหน้าน้ำตาคลอ ฮยอกแจนิ่งมอง จากนั้นก็บีบปากคยูฮยอน ส่องหาเศษป็อกกี้
“โห! ไม่เหลือเลย!” พออุทานออกมาดังๆ แบบนี้ ทุกคนในออฟฟิศก็ตกตะลึงกันไปหมด หัวหน้าคิมยักไหล่ แล้วเดินมาแบมือขอบัตรสตาร์บัคส์จากฮยอกแจ
“งั้นก็ได้รางวัลใช่มั้ยล่ะ”
ฮยอกแจสบตาหัวหน้าคิมแล้วยกยิ้ม ก่อนจะยอมยื่นของรางวัลให้แต่โดยดี หัวหน้าคิมรับมา แล้วส่งต่อให้คยูฮยอน
“เอ้า! ของนาย”
คยูฮยอนเอื้อมมือสั่นๆ ไปหยิบแล้วรีบก้มหน้างุด เขานึกว่าจะจบเรื่องแล้วแท้ๆ แต่หัวหน้าคิมกลับเชยคางเขาขึ้น
จากนั้นก็ไล้นิ้วลงเช็ดริมฝีปากเขา
“เมื่อกี๊เหมือนจะแตะโดนไปนิดหน่อย โทษทีนะ”
แล้วร่างสูงก็ยิ้มร้ายๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องทำงานไป และทิ้งให้คยูฮยอนต้องรับมือกับสายตานับ 20 คู่ที่จ้องมา
ไม่เป็นไร! คยูฮยอนบอกตัวเองว่าห้ามประสาทเสียกับการแก้แค้นของหัวหน้าคิมเมื่อครู่ ก็แค่อยากให้เขาอับอายต่อหน้าทุกคนแล้วก็ต้องโดนเพ่งเล็งจนอึดอัด ช่างเถอะ...ตอนนี้เขาจะปล่อยให้เพื่อนร่วมงานลือกันไปตามสบาย แต่หลังจากเขาหาแฟนจากงานปาร์ตี้จับคู่ได้แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง
คยูฮยอนกำลังนั่งใจลอยนึกถึงปาร์ตี้จับคู่ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ นี่ก็วันศุกร์แล้ว อีกเดี๋ยวก็ได้หยุดวันอาทิตย์ เขาน่าจะยังมีเวลาเตรียมตัวไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าใหม่ หรือบางทีอาจจะเข้าร้านทำผมด้วย
ขณะนั่งคิดเพลินๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาโดนเท้า เด็กหนุ่มจึงก้มลงมองใต้โต๊ะ สบตาเข้ากับเจ้าเหมียวสีน้ำตาลที่จ้องเขาตาแป๋ว
“เมี๊ยว...”
อ้อ...แมวนี่เอง น่ารักจัง
“...”
“แมว!” คยูฮยอนร้องดังลั่น
จู่ๆ ก็มีแมวมาอยู่ในออฟฟิศ มันเรื่องปกติซะที่ไหนกันเล่า!
คยูฮยอนอุ้มมันมาวางไว้บนโต๊ะ เขามองไปรอบๆ เพื่อหาตัวคนที่น่าจะเป็นเจ้าของ แล้วเขาก็ประกาศออกไป
“ขอโทษนะครับ แมวใครเหรอครับ”
เพื่อนร่วมงานหลายคนชะโงกหน้ามาดู แล้วก็พากันแปลกใจที่มีแมวอยู่ในออฟฟิศ ครู่หนึ่งเจ้าของก็รีบวิ่งมา
“ของพี่เองจ้ะ” รุ่นพี่ผู้หญิงฝ่ายกราฟิกมาแสดงตัวที่โต๊ะของเขา จากนั้นก็อุ้มแมวเอาไว้ “มันหลุดออกมาจากกรงน่ะ”
“อ้าว ของพี่เองเหรอครับ แล้วทำไมพี่ถึงเอาแมวมาเลี้ยงที่ออฟฟิศด้วยล่ะ”
เธอค่อนข้างกังวลเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศรู้เรื่องแล้ว “พอดีพี่เก็บได้ แล้วไม่กล้าทิ้งไว้ที่ห้อง แต่ก็แค่วันนี้เท่านั้นแหละ เดียวพรุ่งนี้พี่ก็จะเอาไปให้ญาติที่ต่างจังหวัดเลี้ยง”
“ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ถ้าหัวหน้าคิมรู้เข้า...”
คนถูกพาดพิงเปิดประตูออกมาพอดี พอเห็นแมวก็ถึงกับชะงัก คยูฮยอนกับรุ่นพี่คนนั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน มองหน้ากันเลิกลั่กเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“แมวใคร” หัวหน้าคิมยิงคำถามทันที
รุ่นพี่ผู้หญิงก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบ คยูฮยอนเห็นว่าเธอคงถูกดุยาวแน่ก็เลยนึกสงสาร บางทีถ้าเขารับว่าเป็นเจ้าของเสียเอง แล้วยอมทนโดนหัวหน้าคิมบ่นสัก 2-3 ชั่วโมง ก็คงไม่เป็นไรหรอกน่า
“ฉันถามว่าแมวใคร”
“แมวผมเองครับหัวหน้า”
หัวหน้าคิมมองหน้าเขาอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน
“นายอีกแล้วเหรอ”
“พอดีผมลงไปซื้อขนมเมื่อกี๊แล้วก็เห็นมันถูกทิ้งอยู่หน้าบริษัท มันน่าสงสารมากเลยนะครับ หัวหน้าดูสิครับ”
คยูฮยอนคว้าแมวมาจากรุ่นพี่ แล้วเดินออกมายื่นให้หัวหน้าคิม รายนั้นยกมือกันเอาไว้ และจ้องหน้าเขา
“ฉันไม่สนใจเหตุผลของนาย แต่ที่นี่มีกฎว่าห้ามเอาสัตว์เลี้ยงทุกชนิตเข้ามา เพราะฉะนั้นเข้าไปคุยกันในห้องฉันเดี๋ยวนี้เลย เอาแมวเข้ามาด้วย” แล้วหัวหน้าคิมก็เดินกลับเข้าห้องไป คยูฮยอนจึงถอนหายใจเฮือก
“คยูฮยอน...ขอบใจมากเลยนะ แต่เดี๋ยวพี่เข้าไปสารภาพกับหัวหน้าคิมเอง นายไม่ต้องรับผิดแทนพี่หรอก”
เด็กหนุ่มส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่เป็นไรครับ ผมโดนหัวหน้าคิมบ่นจนชินแล้ว ให้เค้าบ่นผมคนเดียวเถอะนะครับ”
“แต่ว่า...” เธอจะค้าน แต่อีกใจก็กลัวหัวหน้าคิม เลยไม่กล้าพูดว่าจะยอมรับผิดเองจริงๆ คยูฮยอนมองแวบเดียวก็รู้แล้ว ทุกคนในออฟฟิศกลัวหัวหน้าคิมจะตายไป คงมีแต่เขาที่รู้สึกว่าหัวหน้าคิมไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แล้วเขาก็ชินกับการโดนตำหนิ โดนลงโทษ และโขกสับสารพัด แค่เรื่องเอาแมวเข้ามาที่ออฟฟิศน่ะเล็กน้อย
“เดี๋ยวผมจัดการเองนะครับ” เขาพูดอย่างวางฟอร์มว่ามั่นใจ จากนั้นก็เคาะประตูและเปิดเข้าไปในห้องหัวหน้าคิม
“มาแล้วครับหัวหน้า”
พอเข้ามาแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ แล้วก็วางแมวลงบนโต๊ะ
หัวหน้าคิมมองแมวตัวนั้น แล้วพูดขึ้น “จริงๆ แล้วมันไม่ใช่แมวนายสินะ รับผิดแทนคนอื่นทำไมกัน”
คยูฮยอนเบิกตาขึ้นเล็กน้อย “อ้าว ทำไมหัวหน้ารู้ล่ะครับ”
“ฉันมองออกหรอกน่า” หัวหน้าคิมบอกพลางถอนหายใจ แมวตัวนั้นหันไปมอง แล้วเดินเข้าไปหา คยูฮยอนคว้าไม่ทัน เจ้าแมวสีน้ำตาลเลยกระโดดลงไปนั่งบนตักหัวหน้าคิมเรียบร้อยแล้ว
เด็กหนุ่มแทบหยุดหายใจ งานนี้เขากับเจ้าแมวคงจะชะตาขาดกันทั้งคู่เป็นแน่ แต่กลายเป็นว่าร่างสูงกลับลูบหัวมัน แล้วก็เกาคางให้มันด้วย คยูฮยอนจึงช็อคกว่า
“หัวหน้า...จริงๆ แล้วหัวหน้าชอบแมวเหรอครับ”
รายนั้นเหลือบตามองเขา “เปล่า”
คยูฮยอนแอบกลอกตา
เนี่ยนะไม่ได้ชอบ...หัวหน้าคิมปากแข็งชะมัดเลย!
“แล้วหัวหน้าจะลงโทษอะไรผมเหรอครับ”
“อยากโดนลงโทษนักรึไง” หัวหน้าคิมหัวเราะอยู่ในลำคอ มือก็ลูบแมวเล่นไปเรื่อยๆ “ในเมื่อมันไม่ใช่แมวของนายฉันก็คงลงโทษนายไม่ได้หรอก บอกคนอื่นว่านายโดนหักคะแนนความประพฤติก็แล้วกัน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งสองคนหันมองหน้ากัน จากนั้นหัวหน้าคิมก็รีบลุกขึ้น ส่งแมวให้คยูฮยอนอุ้มไว้
“ใครครับ” คังอินตะโกนถาม
“ดิฉันลีฮโยจินเองค่ะ”
คยูฮยอนจำชื่อนี้ได้ เธอคือเลขาฯ ของท่านประธานอย่างไม่ต้องสงสัย เขาก้มมองแมวที่อุ้มเอาไว้ ถึงหัวหน้าคิมจะไม่เอาเรื่องก็จริง แต่ถ้ายัยเลขาฯ นั่นเห็นเข้าล่ะก็...เขาจะต้องซวยแน่ๆ
หัวหน้าคิมเองก็สบตาเขาแล้วคงคิดแบบเดียวกัน
“เข้าไปหลบใต้โต๊ะ”
“อะไรนะครับ ผมเหรอ” คยูฮยอนตกใจ
“ทั้งนายทั้งแมวนั่นแหละ เร็วเข้า!”
คยูฮยอนพยักหน้ารัวๆ แล้วรีบมุดใต้โต๊ะหัวหน้าคิม ร่างสูงเดินตามมา นั่งลงที่เก้าอี้แล้วทำทีว่ากำลังทำงานอยู่ตามปกติ คยูฮยอนขยับตัวหลบปลายเท้าของหัวหน้าคิมที่ยื่นเข้ามาใต้โต๊ะ อึดอัดเล็กน้อยที่ต้องหลบอยู่ในที่แคบๆ แบบนี้กับแมวตัวหนึ่งที่กำลังดิ้นจะหลุดออกไปเสียให้ได้
“เชิญครับ”
คังอินพูดออกไป แล้วรอให้เลขาฯ สาวเข้ามาในห้อง
ครู่หนึ่งเธอก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมแฟ้มงาน เดินตรงมาที่โต๊ะ
“สวัสดีค่ะหัวหน้าคิม ดิฉันมีเรื่องมาแจ้งค่ะ”
“นั่งเชิญก่อนสิครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันแค่จะมาแจ้งว่าวันอาทิตย์นี้จะมีงานสัมนาเซรามิคที่คังวอนโด ท่านประธานอยากให้คุณคิมไปร่วมน่ะค่ะ เห็นว่าเป็นเรื่องของการออกแบบโดยตรง น่าจะเป็นประโยชน์กับแผนกนะคะ”
“อ้อ...ขอบคุณมากครับ” แล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะคยูฮยอนขยับตัวมาโดนเท้าของเขา จากนั้นก็ดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้โต๊ะ คงจะมีเรื่องกับเจ้าแมวตัวนั้นแน่ๆ เขาคงต้องรีบจบบทสนทนาเพื่อให้เลขาฯ สาวออกไปเสียที “ไม่ทราบว่ามีเอกสารที่เกี่ยวข้องมั้ยครับ ถ้ายังไงผมขอไว้ แล้วจะพิจารณาอีกที”
“นี่ค่ะ” เธอก้มตัวลงแล้วยื่นแฟ้มให้ คอเสื้อกว้างๆ จึงร่นลงเล็กน้อย เผยให้เห็นร่องอก คังอินสบตาเธอ และสายตานั้นก็บอกเขาว่าเรื่องคงไม่จบแค่ยื่นเอกสารแน่ๆ
“ขอบคุณครับ งั้นคงหมดธุระแล้วใช่มั้ยครับ”
คังอินรีบพูดเมื่อสถานการณ์ใต้โต๊ะเริ่มเลวร้ายขึ้น แต่เลขาฯ สาวกลับยกยิ้ม จากนั้นก็จะเดินอ้อมไปหาเขาที่เก้าอี้ คังอินรีบยกมือห้าม หน้าตาตื่น เธอจึงเห็นว่าผิดสังเกต
“มีอะไรเหรอคะ”
“เปล่าครับ ผมว่าถ้าหมดธุระแล้วคุณรีบออกไปก่อนดีกว่า ตอนนี้ผมไม่สะดวกจะคุยอะไรต่อ”
เธอหน้าเสีย จากนั้นก็เริ่มอารมณ์เสียด้วย “ทำไมล่ะคะ ฉันก็จะแค่จะบอกว่าคุณควรอ่านเอกสารตรงไหน แล้วเซ็นรับทราบตรงไหนก็แค่นั้นเอง หรือว่าคุณรังเกียจ...”
คงไม่ใช่แค่นั้น แต่ถึงจะแค่นั้นคังอินก็ยอมให้เธอเดินมาหาเขาฝั่งนี้ไม่ได้อยู่ดี
“คือผม...”
“เมี๊ยว!”
เสียงแมวร้องออกมาจากใต้โต๊ะ ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ
คังอินถอนหายใจเฮือกแล้วตบหน้าผากตัวเอง ขณะที่เลขาฯ สาวยืนทำตาโต “เมื่อกี๊เสียงแมวใช่มั้ยคะ ทำไมถึงมีแมวอยู่ในห้องนี้ได้”
คยูฮยอนปิดปากแมวไว้ได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงส้นรองเท้า คิดว่ายัยเลขาฯ คงจะอ้อมมาดูใต้โต๊ะแน่ๆ แล้วถ้าเธอเห็นแมว เขาก็จะซวย หัวหน้าคิมก็จะซวย
คิดดีแล้วก็กลั้นใจ จับแมวไว้แน่นๆ แล้วเขาก็รีบผลักเก้าอี้หัวหน้าคิมออก ก่อนจะโผล่หน้าออกมาจากใต้โต๊ะ
“ขอโทษครับ! มะ...เมื่อกี๊เสียงผมเองครับ”
เลขาฯ สาวชะงักอยู่ที่เดิม สบตาคยูฮยอนที่กำลังยิ้มแหยๆ
“อะไรนะ เสียง...เสียงนายเหรอ”
“ครับ ผมทำเสียงแมวได้เหมือนมากเลยใช่มั้ยครับ”
ว่าแล้วก็ร้องเมี๊ยวให้เหมือนต้นฉบับที่สุด แต่พอหันไปมองหัวหน้าคิมแล้ว เขาก็เพิ่งจะนึกได้ว่าตัวเองคิดผิด รายนั้นส่ายหน้าใส่เขาแต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไป
การที่เขาโผล่ออกมาจากใต้โต๊ะหัวหน้า แล้วทำเสียงแมว พร้อมกับท่าทางหอบนิดๆ จากการฟัดกับแมวตัวจริงเมื่อครู่ การกระทำพวกนี้มันอาจทำให้ใครๆ เข้าใจผิดได้ คยูฮยอนก็หวังว่าหญิงสาวที่ยืนมองอยู่จะไม่คิดมาก หวังว่านะ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เลขาฯ สาวก็ปราดสายตาไปมองหัวหน้าคิม สลับกับเหลือบมองคยูฮยอนโผล่ออกมาจากใต้โต๊ะ
จากนั้นเธอก็กรี๊ด
แน่นอนว่าทั้งออฟฟิศได้ยินเสียงกรี๊ดแหลมๆ ดังออกมาจากห้องหัวหน้าคิม และไม่กี่วินาทีต่อมาเลขาฯ สาวของท่าประธานก็เดินปึงปังกระแทกส้นสูงออกมา แถมยังร้องอี๋ไปตลอดทาง
คยูฮยอนเดินออกมาจากห้องพร้อมแมวเจ้าปัญหา หลังจากเขาเอามันไปคืนให้รุ่นพี่แล้ว ก็โดนรุมถามเหตุการณ์ในห้อง คยูฮยอนไม่รู้จะตอบอย่างไรดีจึงปิดปากเงียบ เพราะเขาเองก็ยังช็อคกับการตัดสินใจผิดพลาดของตัวเอง
โทรศัพท์มือถือดังขึ้นภายในครึ่งชั่วโมงต่อมา คยูฮยอนเห็นเป็นชื่อลีฮยอกแจก็เลยรีบกดรับ
“ว่าไง”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะบอก “เมื่อกี๊เพื่อนสนิทของยัยเลขาฯ ท่านประธานวิ่งหน้าตื่นมาที่ออฟฟิศประชาสัมพันธ์ แล้วก็เริ่มเล่าเรื่องที่เธอได้ยินมาจากเพื่อน เรื่องของแกกับหัวหน้าคิมน่ะ”
คยูฮยอนก็กะอยู่แล้วล่ะว่าเรื่องมันไม่จบแค่ในห้องนั้นแน่ แต่เขาก็อดกังวลไม่ได้ “แล้วเค้าเล่าว่ายังไงบ้างล่ะ”
“แม่นั่นบอกว่ายัยเลขาฯ เพื่อนเค้าช็อคมากเพราะเห็นแกกับหัวหน้าคิมมีอะไรกันในห้องทำงาน แถมหัวหน้าคิมยังเป็นพวกโรคจิตมีรสนิยมชอบให้คู่นอนทำตัวเป็นแมว ส่วนแกก็เป็นพวกมาโซคิสม์ แล้วเค้าก็ยังบอกอีกว่า เห็นว่าแกมุดออกมาจากใต้โต๊ะหัวหน้าคิมในสภาพเหงื่อโชก เสื้อผ้าหลุดรุ่ย เรื่องทั้งหมดนี่มันจริงรึเปล่าว่ะ” ฮยอกแจถามเสียงเครียด
“จริงแค่ครึ่งหลัง ฉันไม่ได้มีอะไรกับหัวหน้าคิม ฉันไม่ได้เป็นมาโซคิสม์ แล้วหัวหน้าคิมก็ไม่ได้โรคจิตมีรสนิยมชอบให้คู่นอนเป็นแมว”
ข้อหลังก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอกนะ...อาจจะจริงก็ได้นี่นา
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ฉันจะได้ช่วยแกแก้ข่าวไง ตอนนี้จะรู้กันทั้งออฟฟิศแล้วมั้ง”
คยูฮยอนก็อยากแก้ข่าวหรอกนะ แต่ถ้าพูดเรื่องแมวออกไป เรื่องมันจะเลวร้ายกว่านี้รึเปล่า บางทีเขาควรจะปรึกษาหัวหน้าคิมก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ
“งั้นเดี๋ยวฉันโทรกลับนะ แป๊บเดียว”
คิดแล้วก็วางสายไป จากนั้นรีบเดินไปเคาะห้องหัวหน้าคิม ขณะกำลังจะเปิดประตู เพื่อนร่วมงานหลายคนก็พากันชะโงกหน้ามาดู สายตาบ่งบอกว่ารู้เรื่องข่าวลือนั่นแล้ว
“หัวหน้าคิม เรื่องใหญ่แล้วครับ”
“หืม?” รายนั้นเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มงานที่อ่านอยู่
“ก็ยัยนั่น เอ้ย! คุณเลขาฯ ลี เอาเรื่องที่เห็นไปเล่าทั่วบริษัทแล้วน่ะสิครับ ตอนนี้ทุกคนเลยคิดว่าเราสองคนมีอะไรกันจริงๆ แถมหัวหน้ายังถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกโรคจิตมีรสนิยมแปลกๆ ชอบให้คู่นอนเป็นแมว” พูดออกไปด้วยความโมโห กะว่าอีกฝ่ายคงจะตกใจและเดือดร้อนจนต้องรีบแก้ข่าว แต่พอพูดจบก็แปลกใจที่หัวหน้าคิมกลับทำเฉย ก้มลงอ่านเอกสารต่อ “นี่หัวหน้าไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอครับ”
“ก็มันไม่จริงนี่นา”
“เอ๋า! ไม่จริงก็ต้องยิ่งเดือดร้อนสิครับ คนอื่นเค้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว!”
หัวหน้าคิมเหลือบตามองเขา “ถ้างั้นก็เป็นปัญหาของนาย...”
หะ...เอางั้นเลยเหรอ! หัวหน้าคิมปัดความรับผิดชอบกันชัดๆ
“แล้วหัวหน้าจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ”
“อยู่เฉยๆ เดี๋ยวข่าวมันก็เงียบไปเองล่ะน่า” หัวหน้าคิมบอก
“แต่ผมเป็นฝ่ายเสียหายนะครับ! ตอนเช้าก็เรื่องจูบ ตอนบ่ายก็เรื่องบ้าอะไรไม่รู้ แล้วแบบนี้ถ้าแฟนผมรู้เข้าผมจะมองหน้าเค้าได้ยังไง”
ก็หัวหน้าคิมไม่เดือดร้อนอะไรเลย คยูฮยอนจึงแกล้งดราม่าใส่ อ้างบุคคลที่สามคงจะดีที่สุด เพราะหัวหน้าคิมก็หงุดหงิดเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย คงจะรู้สึกผิดขึ้นมาบ้าง
“แล้วนี่เค้ายังไม่รู้อีกเหรอ”
การที่หัวหน้าคิมถามหน้าซื่อๆ นี่มันคืออะไรกัน
คยูฮยอนได้แต่ยืนอึ้ง นี่รายนั้นคงไม่ได้จงใจหลอกด่าแฟน(ตัวปลอม) ของเขาหรอกนะ
“เค้าอาจจะรู้แล้วแต่ไม่อยากพูดก็ได้นะครับ”
“แล้วเค้าหึงนายบ้างรึเปล่าล่ะ”
“ก็ต้องหึงอยู่แล้วล่ะครับ” คยูฮยอนตอบทันที
คังอินยิ้ม จากนั้นก็พูดขึ้นมาลอยๆ “เดี๋ยวเค้าจะต้องหึงมากกว่านี้อีก ตอนที่รู้ว่าวันอาทิตย์นี้นายจะต้องไปงานสัมนากับฉัน”
“อะไรนะครับ” คยูฮยอนทำหน้างง “สัมนาอะไร”
“นายน่าจะได้ยินที่เลขาฯ ลีพูดแล้วไม่ใช่เหรอ วันอาทิตย์นี้จะมีงานสัมนาเซรามิคที่คังวอนโด เป็นเรื่องเกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยตรง ฉันเลยอยากให้นายไปด้วยกัน”
“แต่...แต่วันอาทิตย์เป็นวันหยุด”
คยูฮยอนพูดเสียงอ่อยลงตามลำดับเมื่อโดนอีกฝ่ายมองหน้า
“ถือซะว่าไปเที่ยวก็แล้วกัน” หัวหน้าคิมสรุปสั้นๆ
คยูฮยอนถือไอโฟนเดินเข้าห้องน้ำ เขานั่งลงบนฝาชักโครกแล้วเปิดเกม Office Jerk* ขึ้นมา เริ่มจากปากระดาษใส่ แต่ไม่สะใจพอ เลยเปลี่ยนเป็นคัพเค้ก แล้วตามด้วยพัดลม แต่เพราะกำลังโมโหเลยทำให้ปาพลาดอยู่เรื่อย แล้วก็ต้องยิ่งหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะสุดกวนของหัวหน้าในเกม
ระหว่างที่ระบายอารมณ์อยู่หน้าจอของเขาก็มีสายเรียกเข้า เด็กหนุ่มน้ำตาคลอเมื่อเห็นชื่อลีฮยอกแจโชว์อยู่ เขารีบกดรับ จากนั้นก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นใส่โทรศัพท์
.
.
.
*Office Jerk เกมยอดฮิตใน iPhone ที่สามารถ Download ได้จาก App Store เป็นเกมปาข้าวของใส่หัวเจ้านาย เอาไว้ระบายอารมณ์เวลาโดนเจ้านายกดดันตอนทำงาน มีของให้เลือกเขวี้ยงมากมายทั้งกระดาษ ดินสอ คัพเค้ก ไอศกรีม ปลาหมึก ไก่งวง ฯลฯ
ความคิดเห็น