คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [05] The Secret Organization
คังอินนั่งมองผู้ชายตรงหน้าด้วยท่าทางหาเรื่อง ส่วนซีวอนก็รู้สึกอึดอัดที่ต้องมานั่งดูทั้งสองคนจ้องหน้ากันอยู่แบบนี้ จึงพยายามจะชวนคุยเรื่องสำคัญ
“เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า คือว่า...”
“หมอนี่มาทำอะไรกันแน่วะ!” คังอินถามซีวอน แต่สายตามองอีกคน
ชายคนนั้นหัวเราะ เขาประสานมือไว้ตรงหน้าและเริ่มพูด
“ผมชื่อแทคยอนครับ ไม่ใช่ ‘หมอนี่’ ส่วนเรื่องที่ว่ามาทำอะไร...ผมกำลังจะอธิบายให้คุณฟัง เพราะฉะนั้นกรุณาใจเย็นๆ ก่อนนะครับ คุณคิมยองอุน”
“คุณรู้ชื่อจริงผมได้ยังไง!” คังอินขมวดคิ้ว
“ผมได้รับทะเบียนประวัติของคุณเมื่อเช้านี้ ระบบตรวจจับของหน่วยงานเราพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมถือกำเนิดขึ้นในท้องของคุณ...อย่างที่เห็น” แทคยอนพูดพลางเหลือบตามองท้องโตๆ ของคังอินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“หน่วยงานอะไร แล้วสิ่งแปลกปลอมที่ว่า...คืออะไร”
คังอินดูจะยังไม่เข้าใจ แทคยอนจึงเริ่มอธิบายโดยลงรายละเอียดมากขึ้น
“ผมคุยกับคุณซีวอนเมื่อครู่ที่หน้าประตู ผมบอกคร่าวๆ แล้วว่าหน่วยงานของผมทำงานร่วมกับ CSI เรามีหน้าที่ตรวจจับ ควบคุม และกำจัดสิ่งแปลกปลอม ซึ่งในที่นี้หมายถึง...อะไรก็ตามที่ไม่สมควรอยู่บนโลก”
“หืม?” คังอินยังขมวดคิ้ว แทคยอนจึงต้องพูดออกมาตรงๆ
“ผมหมายถึงมนุษย์ต่างดาวน่ะครับ”
คังอินเบิกตากว้างแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง “คุณหมายถึง...เอเลี่ยนน่ะเหรอ”
“ครับ เอเลี่ยน”
“เห็นมั้ย! กูบอกแล้ว...กูเดาถูก!” ซีวอนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดผิดเวลาก็ตอนที่เพื่อนถลึงตาใส่ เขาจึงรีบเก็บอาการภาคภูมิที่ไม่สมควรนั้นเอาไว้ในใจ
คังอินพ่นลมหายใจเบาๆ และหันไปพยักหน้ากับแทคยอน ซีวอนบอกเขาเมื่อหลายนาทีก่อนว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากที่ผู้ชายในผับคนนั้นจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามเอเลี่ยน และซีวอนต้องอธิบายอยู่อีกนาน กว่าที่เขาจะยอมให้แทคยอนเข้ามานั่งคุย
“ผมคิดว่าเรื่องมันก็ต้องออกมาทำนองนี่แหละ แต่มันก็ไม่น่าเชื่ออยู่ดี นี่ชีวิตผมมันเป็นนิยายแนวไซไฟแฟนตาซีรึไง! เรื่องแบบนี้มันมีแค่ในนิยายไม่ก็ในหนัง ผมไม่คิดเลยว่าเอเลี่ยนจะมีอยู่จริง ไม่อยากจะเชื่อ...” คังอินปรายตามองซีวอนที่นั่งอยู่ข้างๆ “มึงรวมหัวกับหมอนี่หลอกอำกูใช่มั้ย แล้วที่ท้องกูป่องออกมาก็ต้องเป็นวิธีทางวิทยาศาสตร์หรือว่ามายากลอะไรสักอย่าง มึงเป็นคนทำใช่มั้ย มึงแกล้งกูใช่มั้ย”
ซีวอนจ้องตอบด้วยสีหน้าว่างเปล่า “ถ้าทำได้กูก็ดังไปแล้วแหละ...”
“คุณยองอุนครับ ผมรู้ว่ามันยากที่จะเชื่อ แต่ผมขอยืนยันว่าคุณไม่ได้ฝันไปแน่นอน เอเลี่ยนมีอยู่จริง และมันก็ทำให้คุณตั้งท้องได้จริงๆ” แทคยอนบอก
“ผมสงสัยว่า...คยูฮยอน...ทำให้ผมท้องได้ยังไง” คังอินเอ่ยถึงชื่อนั้นได้อย่างไม่เต็มปากนัก แม้ลังเลที่จะขอข้อมูลอะไรจากแทคยอน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากรู้อยู่ดี
“อ้อ ทางน้ำลายน่ะครับ เอเลี่ยนจะปล่อยน้ำเชื้อปะปนออกมากับน้ำลาย”
แล้วแทคยอนก็ยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าซีด
คังอินไม่กล้ากลืนน้ำลายลงคอ ยิ่งพอนึกถึงบทรักของเขากับคยูฮยอนในคืนนั้น และตอนที่พวกเขาจูบกัน เขาก็ยิ่งนึกขยะแขยง
ให้ตายสิ! เขาคงเข็ดที่จะจูบกับเด็กหนุ่มแปลกหน้าไปอีกนาน
“แล้วคุณจะช่วยเพื่อนผมใช่มั้ย”
ซีวอนรีบเปลี่ยนเรื่อง เขาหันไปถามแทคยอนอย่างมีความหวัง รายนั้นยิ้มบางๆ และตั้งใจชี้แจงแบบที่ได้รับการฝึกมาจากองค์กร
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ กรณีนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก โดยปกติแล้วเอเลี่ยนพวกนี้จะไม่แพร่พันธุ์บนโลก และจะไม่แพร่พันธุ์โดยอาศัยมนุษย์ เพราะฉะนั้นมาตรการแก้ปัญหาของเราจึงยังไม่ชัดเจน เนื่องจากขาดข้อมูลและกรณีตัวอย่าง”
ซีวอนได้ยินแล้วก็ใจหาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสงสัย “เดี๋ยวนะ คุณบอกว่าเกิดขึ้นน้อยมาก แสดงว่าก็ยังเคยเกิดขึ้นบ้างใช่มั้ยครับ”
“ครับ ที่ผ่านมาพบประมาณ 3 รายเท่าที่จำได้”
“แล้วตอนนี้รายแรกเป็นยังไง” คังอินถาม
“ตาย...”
“รายที่สอง?”
“ก็ตาย...”
“...”
“แต่รายที่สามไม่ตาย”
ซีวอนถอนหายใจอย่างโล่งอก “ก็ยังดีนะ”
“แค่ถูกเอาตัวกลับดาวไปด้วย และหายสาบสูญ”
“ขอบคุณ...” คังอินกัดฟัน
ซีวอนยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาคิดว่ามันต้องมีทางออกที่ดีแน่ “แล้วนี่คุณแทคยอนพอจะช่วยอะไรไอ้คังอินได้บ้างมั้ยครับ มันต้องมีวิธีบ้างสิ”
“แน่นอนครับ ผมมาเพื่อเชิญพวกคุณไปยังที่ทำการของหน่วยงานเรา คุณยองอุนจะได้รับการตรวจอย่างละเอียด และอยู่ในความดูแลของเราจนกว่าจะหาวิธีแก้ไขได้” แทคยอนพูดพลางหยิบนามบัตรในกระเป๋าเสื้อออกมาส่งให้ซีวอน “นี่เป็นรายละเอียดสถานที่นัดพบสำหรับวันพรุ่งนี้ มีแผนที่แล้วก็เบอร์โทรศัพท์ของผมด้วย เผื่อว่าคุณจะหาสถานที่ไม่เจอ แล้วผมจะรออยู่ที่นั่นนะครับ”
ซีวอนยิ้มแล้วรับมาอย่างขอบคุณ แต่คังอินไม่สนใจ เขาหงุดหงิดกับท่าทางสุภาพแต่แฝงความร้ายกาจของคนตรงหน้า สังเกตจากแววตาที่มองเพื่อนของเขา เขาก็รู้ได้ทันทีว่าฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่
“จะนั่งแช่อยู่ทำไมล่ะ...ถ้าหมดธุระก็กลับไปได้แล้ว”
“ไอ้คังอิน...” ซีวอนรีบขยับเข้าไปและกระซิบต่อว่า “เค้ามาช่วยมึงนะเว้ย งานนี้มึงจะรอดไม่รอดก็ขึ้นอยู่กับเค้า!”
“งั้นกูยอมตาย”
“ไอ้...”
แทคยอนยิ้มออกมาเมื่อเห็นทั้งสองเริ่มจะทะเลาะกัน เขาพูดกับซีวอน
“ผมว่าผมกลับดีกว่า แฟนคุณคงจะหึงแย่แล้ว”
“เอ่อ คือ...ไม่...” ซีวอนจะอธิบายว่าจริงๆ แล้วไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง กลับพูดเหน็บแนมไอ้คังอินผ่านเขา
“ดูเหมือนจะรักกันดี แต่ก็น่าผิดหวังนะครับที่ลูกในท้องคุณยองอุนไม่ใช่ลูกคุณ”
คังอินผุดลุกด้วยความโมโห เขาจะเข้าไปหาเรื่องคนตัวสูงที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่บนโซฟา แต่ก็หงายหลังลงที่เดิมเพราะสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย ซีวอนที่กำลังจะลุกห้ามจึงกลายเป็นต้องเข้าไปดูอาการเพื่อนแทน
“งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้เถอะนะครับคุณแทคยอน”
ซีวอนไม่ได้ตั้งใจพูดเหมือนว่าจะขับไสไล่ส่ง แต่เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่อง หลังจากพูดจบเขาจึงส่งสายตาขอร้องให้แทคยอนกลับไปก่อน รายนั้นยิ้มรับและลุกเดินไปที่ประตู
“แล้วเจอกันครับ”
แทคยอนหันมามองซีวอนแวบหนึ่งก่อนจะออกไป
“แม่ง!”
ทันทีที่ประตูปิด คังอินก็สบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย
“ไอ้หมอนั่นหาเรื่องกูชัดๆ จะมาจากหน่วยงานห่าเหวอะไรก็ช่าง กูไม่ต้องการความช่วยเหลือจากมันหรอกเว้ย!”
“มึงนั่นแหละหาเรื่องเค้า! เค้าไปทำอะไรให้มึงวะเนี่ย คุณแทคยอนออกจะสุภาพ มึงมีเหตุผลหน่อยสิวะ” ซีวอนเริ่มโมโหที่เพื่อนพาลคนอื่นไปเรื่อย
“กูเกลียดขี้หน้ามัน! ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเว้ย!”
คังอินเดินเร็วๆ กลับเข้าไปในห้องนอนและกระแทกประตูปิด ซีวอนจึงถอนหายใจ เขานั่งลงบนโซฟาเช่นเดิม และนั่งอ่านนามบัตรของสถานที่นัดพบอีกรอบ
ที่นี่ไกลจากคอนโดของไอ้คังอินพอสมควร เขาคงต้องเป็นคนขับรถไปให้ แต่จะออกจากคอนโดอย่างไรนี่สิคือปัญหา ไอ้คังอินท้องโตขนาดนั้น แถมมองก็รู้ว่ามันเป็นผู้ชาย คงต้องตกเป็นเป้าสายตาแน่ ซีวอนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คงไม่มีวิธีอื่นนอกจากจะให้ไอ้คังอินปลอมตัวเป็นผู้หญิง
“ไอ้ซีวอน” จู่ๆ เพื่อนสนิทของเขาก็เดินอุ้ยอ้ายออกมาจากห้องอย่างรีบร้อน สีหน้าตื่นตระหนกของมันทำให้เขาตกใจ นึกว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรง แต่แล้วมันก็ถามแค่ว่า “คืนนี้มึงจะค้างที่นี่ใช่มั้ย”
“เปล่า” ซีวอนบอก
“ค้างเถอะ! มึงนอนห้องกูนะ กู...กูไม่กล้านอนคนเดียวว่ะ กูกลัว”
ซีวอนหัวเราะ เขาเอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วกอดอกถาม “กลัวอะไรวะ กูนึกว่ามึงทำใจได้แล้วซะอีก”
“ก็...แล้วกูจะรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่มันจะแหวกท้องกูออกมา ยิ่งตอนกลางคืน...” คังอินหยุดพูด จากนั้นก็กลืนน้ำลายลงคอ “เพราะมึงนั่นแหละ กูนึกถึงคำพูดมึง...แล้วกูก็นอนไม่หลับ เพราะฉะนั้นมึงต้องรับผิดชอบ!”
ซีวอนอ้าปากจะค้าน แต่เพราะเห็นสีหน้าฝ่ายนั้นแล้วรู้ว่ากลัวจริง เขาจึงยอมพยักหน้า “ก็ได้...กูจะรับผิดชอบ”
“ดีมาก งั้นไปนอนกับกูเดี๋ยวนี้” คังอินพูดโดยไม่ได้คิดอะไร แต่อีกฝ่ายคิดลึกซึ้ง พอรู้ตัวก็รีบก้มหน้าหลบเพราะไม่อยากให้เห็นพิรุธ ก่อนจะแกล้งทำเป็นหาข้ออ้างกลบเกลื่อน
“เดี๋ยวกูตามเข้าไป...ขอโทรบอกที่บ้านก่อน” ซีวอนพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา คังอินจึงค่อยๆ พาตัวเองกลับไปที่ห้องนอน และเปิดประตูทิ้งไว้ ซีวอนเหลือบมอง และเมื่อเห็นว่าไอ้คังอินเข้าไปในห้องแล้วเขาก็ถอนหายใจเฮือก
ก็คงมีแต่เขาเท่านั้นที่มันชวน ‘นอนด้วย’ แล้วไม่เคยมีอะไรกัน
“ทางเข้าศูนย์วิจัยจะอยู่อีกด้าน...เชิญทางนี้ครับ”
แทคยอนเดินนำคังอินกับซีวอนมาด้านหลังตึกสีขาวซึ่งเป็นอาคารทำการของธนาคารแห่งหนึ่ง แต่เมื่อมาถึงประตูเล็กๆ ที่มีป้ายติดไว้ว่า ‘เฉพาะเจ้าหน้าที่’ แทคยอนก็หยิบบัตรสีขาวเสียบเข้าไปในร่องประตูตรงตำแหน่งของลูกบิด และมันก็ลั่นกริ๊กเบาๆ จากนั้นจึงเปิดออกได้
พอเข้ามาก็เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นัก สภาพเก่า แต่ดูเหมือนว่ายังคงได้รับการทำความสะอาด และไม่ได้ถูกปล่อยทิ้งร้าง ด้านในมีลิฟต์ขนาดเล็กอยู่ 2 ตัว แต่มีป้ายติดเอาไว้อีกว่า ‘ลิฟต์เสีย’ และที่สำคัญคือไม่มีบันได ซีวอนมองไปรอบๆ อย่างนึกสงสัย แทคยอนจึงหันมายิ้ม
“มันไม่ได้เสียจริงหรอกครับ แค่ติดไว้หลอกๆ เผื่อมีอะไรผิดพลาด”
“แต่มันก็ดูจะไม่ทำงานจริงๆ นี่ครับ”
ซีวอนมองปุ่มกดลิฟต์ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าเข้า คังอินเห็นดังนั้นก็กอดอก แล้วแกล้งปรายตามองแทคยอนด้วย
“โดนหลอกซะแล้วมั้ง องค์กรปราบเอเลี่ยนจะมีอยู่จริงได้ยังไง”
“ก็คงไม่จริงพอๆ กับที่มีเอเลี่ยนมาทำคุณท้องนั่นแหละครับ”
ดีที่พอแทคยอนพูดจบก็เดินไปที่ลิฟต์ คังอินเลยมีโอกาสได้นับเลขในใจแล้วสงบสติอารมณ์ลงได้ ซีวอนหันไปเลิกคิ้วใส่เพื่อนเป็นเชิงเยาะเย้ย
“ก็มึงไปหาเรื่องเค้าก่อนเองนี่หว่า โทษเค้าได้เหรอ”
ขณะทั้งสองแยกเขี้ยวใส่กัน แทคยอนก็แตะนิ้วชี้ลงที่ปุ่มกดลิฟต์ จากนั้นก็มีเสียงสัญญาณดังพอได้ยิน ไม่นานไฟฟ้าก็เริ่มเข้าระบบ ส่งผลให้ลิฟต์ทำงานได้
“จริงๆ แล้วปุ่มนี่เป็นเครื่องสแกนลายนิ้วมือน่ะครับ มันจะทำงานก็ต่อเมื่อเป็นลายนิ้วมือของเจ้าหน้าที่องค์กรเท่านั้น เอาล่ะ...เชิญเลยครับ เดี๋ยวเราจะลงลิฟต์ไปที่ศูนย์วิจัยด้านล่างกัน”
“ลงลิฟต์...ไปด้านล่าง?” คังอินทวนคำเพราะคิดว่าได้ยินผิดไป
“ใช่ครับ ศูนย์วิจัยของเราอยู่ใต้ดิน”
เมื่อลงลิฟต์มาแล้วทั้งสองก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าลึกลงไปใต้อาคารเล็กๆ แห่งนี้จะมีห้องอยู่มากมาย และมีทางเดินลึกลงไปใต้ดินอีกเป็นชั้นๆ มีคนใส่ชุดสีขาวคล้ายเสื้อกราวน์เดินเต็มไปหมด และสภาพแวดล้อมต่างๆ ก็ดูคล้ายฉากศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ถ่ายทำหนังแอคชั่นไซไฟ
“ห้องนี้แหละครับ จริงๆ แล้วเป็นห้องเอกซเรย์ แต่ก็ใช้ระบบอัลตราซาวด์ได้เหมือนกัน”
แทคยอนอธิบายพลางเปิดเข้าไป
“เดี๋ยวๆ หมายความว่า...จะดูไอ้ตัวที่อยู่ในท้อง?” คังอินรีบขัด
“ครับ”
“ไม่อยากดู!” คังอินดื้อไม่ยอมเข้าไป ซีวอนรู้ทันทีว่าเพื่อนเขากลัวจะเห็นเอเลี่ยนหน้าตาประหลาดๆ ในท้องตัวเอง จึงไม่กล้าให้ตรวจ
“เอาน่า มึงก็ไม่ต้องดูไง เค้าแค่จะเก็บข้อมูลน่ะ...ใช่มั้ยครับคุณแทคยอน”
แทคยอนยิ้มให้แทนคำตอบ คังอินจึงแอบชักสีหน้า โชคร้ายที่รายนั้นหันมาเห็นเข้าพอดี จึงแกล้งถามหาเรื่อง
“ทำไมล่ะครับ คุณยองอุนกลัวเหรอ”
“เปล่าโว้ย!” คังอินรีบเดินเข้าไป ซีวอนจึงหัวเราะ เขาพูดกับแทคยอนที่ยืนเปิดประตูให้ขณะเดินผ่าน
“ขอบคุณนะครับ”
แทคยอนปิดประตูตามหลัง และพาทั้งสองเดินไปหาเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เขาพูดกับแผ่นหลังของรายนั้น
“รุ่นพี่ครับ...ผมพาแขกมา”
“ตอนนี้ฉันยุ่งอยู่นะแทคยอน ด่วนแค่ไหนล่ะ” รายนั้นยังคงมีสมาธิกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่สนใจว่าใครเข้ามาในห้องบ้าง “ช่วงนี้พวกเอเลี่ยนเริ่มมารวมตัวกันแล้ว ฉันได้ข่าวใหม่มาว่าพวกมันน่ะ...”
“ด่วนมากครับ รุ่นพี่จองซู ข่าวนั่นผมรู้แล้ว แต่ตอนนี้เราต้องจัดการเรื่องใหญ่ที่สุดก่อน” แทคยอนพูดพลางถือวิสาสะเข้าไปกดปุ่มปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของอีกฝ่าย ผู้ชายหน้าตาสวย สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมคนนั้น จึงยอมเงยหน้าขึ้นมามองคังอินกับซีวอนเป็นครั้งแรก
เขาไล่สายตาลงมาตรงจุดที่สะดุดตาที่สุด และมีสีหน้าตกใจ
“ให้ตาย! นี่มันเรื่องจริงเหรอเนี่ย”
“ถ้าคนข้างนอกเห็นเข้าคงเป็นเรื่องแน่ แล้วนายมาที่นี่กันได้ยังไง”
ซีวอนคิดว่าคังอินไม่ยอมตอบแน่ จึงชิงพูด “อ่อ ผมให้มันใส่วิกแล้วก็ให้เอาผ้าคลุมหน้าตอนลงมาจากคอนโด มันถอดไว้ในรถตอนมาถึงที่นี่ ผู้หญิงท้องปกติก็ต้องอ้วนๆ ตัวใหญ่ๆ อยู่แล้วมั้งครับ คนก็เลยไม่ค่อยผิดสังเกต”
คังอินแยกเขี้ยวแล้วเอาศอกกระทุ้งสีข้างเขา ท่าทางโมโหที่ถูกเปิดเผยเรื่องน่าอาย แถมยังถูกแซวเรื่องขนาดตัว
“อืม...รอบคอบดี” จองซูพูดพลางดึงแขนคังอินไปที่เตียงเอกซเรย์ เขาหยิบผ้ามาเช็ดคราบของเหลวสีเขียวที่เปรอะเป็นย่อมอยู่บนเตียง จากนั้นก็ผายมือ
“เอาล่ะ คุณมานอนบนนี้”
“เดี๋ยว...เมื่อกี๊มันอะไร” คังอินถาม
“อะไรเหรอ”
“ก็น้ำเหนียวๆ สีประหลาดที่คุณเช็ดออกไปไง”
“อ๋อ เมื่อชั่วโมงก่อนเพิ่งมีเอเลี่ยนตัวนึงนอนอยู่บนนี้ และมันก็ปล่อยเมือกออกมาตลอดเวลาที่โดนแสงเอกซเรย์” จองซูไม่สนใจคังอินที่อ้าปากค้าง เขาหยิบเครื่องมือขึ้นมา และพ่วงมันเข้ากับหน้าจอมอนิเตอร์
“รีบๆ นอนลงสิ ฉันไม่มีเวลามากหรอกนะ” เมื่อโดนดุ คังอินก็จำใจต้องขึ้นไปนอน เขารวบกระโปรงไว้ และก้าวขาขึ้นไปโดยมีซีวอนช่วยดัน
“อ้าว ทำไมล่ะครับ” ซีวอนพูดขึ้น เพราะกังวลที่เห็นคังอินหน้าซีด
“คนเยอะ ไม่มีสมาธิ ทำงานไม่ได้” จองซูบอกเรียบๆ
แทคยอนหัวเราะ จากนั้นก็แตะไหล่ซีวอน แล้วพยักหน้าให้ออกไป แม้ว่าซีวอนจะเป็นห่วงคังอิน แต่พอมองไปแล้วเห็นรายนั้นทำตาขวางใส่ เขาก็นึกหงุดหงิด แกล้งหันไปยิ้มกับแทคยอนและเดินออกไปด้วยกัน
“เวรเอ๊ย...”
“อะไรนะ” จองซูได้ยินแว่วๆ จึงถาม คังอินรีบปฏิเสธอึกอัก
“เปล่า...ผมไม่ได้พูดอะไร คุณจะทำอะไรก็ทำ ผมเตรียมใจไว้แล้ว”
จองซูหัวเราะ และแนบเครื่องมือลงกับหน้าท้องของคังอิน “ดูเหมือนเจ้าแทคยอนจะชอบแฟนนาย ระวังหน่อยแล้วกัน มันคารมดี แล้วยิ่งนายมาท้องแบบนี้ แฟนจับได้แล้วใช่มั้ยว่ามีคนอื่น ลำบากเลยสินะ”
“ไอ้ซีวอนกับผมเป็นแค่เพื่อนกัน”
“อ้าว แล้วทำไมต้องหึงด้วยล่ะ” จองซูเอ่ยเรียบๆ
“ผมไม่ได้หึง...ผมปกป้องเพื่อนต่างหาก ไอ้ซีวอนมันชอบผู้หญิง มันไม่ได้เป็นเกย์ มันไม่รู้หรอกว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่”
พูดไปก็ยิ่งโมโห ในฐานะเพื่อนสนิทและเป็นเพื่อนที่ดี เขาจะไม่มีวันยอมให้ไอ้ซีวอนโดนผู้ชายคนไหนล่อลวงเด็ดขาด
“เอาล่ะ เห็นเจ้าตัวเล็กแล้ว”
“เฮ้ย!” คังอินอุทานลั่น เขารู้ว่าจองซูพูดถึงอะไร จึงรีบหลับตาแน่น และสาบานว่าจะไม่มองจอเด็ดขาด
“ลูกตัวเองแท้ๆ ทำไมไม่ดูล่ะ น่ารักออกนะ อืม...ผู้หญิงใช่มั้ยเนี่ย”
ได้ยินดังนั้นคังอินก็เริ่มเอะใจ
‘ลูกสาวครับ...เอ่อ...ขอโทษนะครับที่ไม่ได้ถามความเห็นพี่ก่อน แต่ผมคิดว่าพี่คังอินก็ต้องอยากได้ลูกสาวแน่ๆ ใช่มั้ยครับ’
คำพูดของคยูฮยอนในตอนนั้นแวบเข้ามา เขาจึงถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง
“คุณดูออกด้วยเหรอว่าเอเลี่ยนตัวนี้เป็นเพศอะไร”
“ปกติแล้วเอเลี่ยนจะไม่มีเพศ เพราะมันไม่ใช่มนุษย์ แต่มันสามารถเปลี่ยนสภาพฝ่ายนอกของตัวเองเป็นเพศอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ” จองซูหันไปพิมพ์ข้อมูลเกี่ยวกับผลอัลตราซาวน์ของคังอินลงในคอมพิวเตอร์ระหว่างที่พูด
“งั้นโจคยูฮยอนก็อาจจะเปลี่ยนร่างเป็นผู้หญิงได้?”
“ใช่แล้วล่ะ” จองซูบอกโดยไม่หันมามอง “คือจริงๆ แล้วเอเลี่ยนเป็นพวกสืบพันธุ์ได้ในตัวเอง หรือจะกับเอเลี่ยนด้วยกันก็ได้ แต่ในกรณีของนาย เมื่อเอเลี่ยนเลือกจะวางไข่ในตัวมนุษย์ ลูกที่เกิดมาจะมีลักษณะเหมือนมนุษย์ทุกประการ แล้วก็มีเพศที่ชัดเจนตั้งแต่เป็นทารก แต่กลับกัน...เมื่อคลอดออกมาแล้ว เด็กจะเปลี่ยนร่างเป็นเอเลี่ยนหรือว่าเปลี่ยนเพศของตัวเองได้ตลอดเวลาที่ต้องการเลยล่ะ”
“เป็นความสามารถพิเศษที่น่าประทับใจนะ คุณว่าผมควรจะดีใจมั้ย”
คังอินประชดทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา จองซูจึงยิ้มอย่างนึกขำ
“แล้วร่างจริงของเอเลี่ยนเป็นยังไง”
“ก็แล้วแต่ว่ามาจากดาวไหน ห่างจากโลกเท่าไหร่ ไกลออกไปกี่ปีแสง เพราะปกติเอเลี่ยนจะพัฒนารูปลักษณ์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ที่อาศัยอยู่น่ะ”
คังอินเม้มริมฝีปากอย่างลังเล จากนั้นก็ถามอีก “แล้วตอนนี้ตัวที่อยู่ในท้องผมเป็นยังไง”
“ก็เป็นมนุษย์ปกติ นี่ฉันบอกนายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เค้ายังไม่เปลี่ยนร่างเป็นอย่างอื่นหรอก...อย่างน้อยก็จนกว่าจะคลอด เพราะฉะนั้นนายน่าจะดูไว้นะ ลูกสาวนายน่ารักมาก แข็งแรงดีเชียว”
คังอินไม่แน่ใจว่าโดนแกล้งอำหรือเปล่า พอหันไปมอง อาจจะเห็นตัวประหลาดว่ายน้ำอยู่ในท้องเขา หรือวุ้นใสๆ ที่รูปร่างเหมือนแมงกะพรุน เขาคิดไปต่างๆ นานาจึงลังเลอยู่นานกว่าจะยอมลืมตามอง และเขาก็ได้เห็น
ลูกสาวของเขา...เป็นเด็กทารกตัวเล็กๆ
ซีวอนเหลือบมองคนที่นั่งด้านข้างขณะรถติดไฟแดง ไอ้คังอินเอาแต่นั่งมองฟิล์มอัลตราซาวน์แผ่นเล็กที่คุณจองซูให้มา และไม่ยอมพูดกับเขาสักคำตั้งแต่ออกจากศูนย์วิจัย
“ลูกมึงน่ารักดีนะ”
ซีวอนเปรยเพื่อทำลายความเงียบ แต่คังอินก็แค่ยิ้มบางๆ แล้วไม่ตอบอะไร คราวนี้เลยลองประโยคคำถาม
“คุณจองซูว่าไงบ้างวะ”
“เค้าบอกว่ากรณีนี้ส่วนมากจะคลอดภายใน 1 อาทิตย์ ถ้าคลอดเอง กูก็จะตาย แต่ถ้ามาที่ศูนย์แล้วให้เค้าเอาออก ลูกกูก็จะตาย” น้ำเสียงเครือๆ ของคังอินทำให้บรรยากาศในรถยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ซีวอนนึกถึงสิ่งที่แทคยอนพูดกับเขาตอนออกมารอข้างนอก
‘เราเก็บเด็กไว้ไม่ได้หรอกครับคุณซีวอน เด็กคนนั้นเป็นเอเลี่ยน เป็นภัยต่อมนุษยชาติ...และเรามีหน้าที่ต้องกำจัด’
“มึงก็คิดซะว่าเค้าไม่ใช่ลูกมึง ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก มึงไม่ได้ตั้งใจให้เค้าเกิดมา” ซีวอนกลับคำจากทีแรกเพื่อความสบายใจของเพื่อน แต่รายนั้นส่ายศีรษะ
“เค้าเป็นลูกกู...ลูกสาวที่น่ารักของกู”
“มึงเพี้ยนแล้วเหรอวะ! ทีแรกมึงยังปฏิเสธเสียงแข็ง” ซีวอนตกใจที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนท่าทีกะทันหัน
“ถึงเป็นเอเลี่ยนแต่เค้าก็ยังเด็ก”
“โตไปก็คงเป็นแบบโจคยูฮยอน...” ซีวอนเผลอพูดด้วยอารมณ์ขณะออกรถ พอคังอินหันมามอง เขาก็รู้สึกผิด “โทษที กูไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึง”
“กูอยากเจอเค้าว่ะ กูอยากขอโทษ บางทีถ้าเค้าพากูกลับดาวไปด้วย กูก็อาจจะมีโอกาสได้อยู่กับลูกสาวกู” คังอินหลบตาลงมองฟิล์มอีกรอบ
ซีวอนบีบพวงมาลัยรถ เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “มึงไม่เคยบอกกูเลยว่าอยากมีลูก กูนึกว่ามึงจะเป็นเพลย์บอยรักสนุกไปเรื่อยๆ ไม่คิดเรื่องแต่งงานซะอีก”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ กูเพิ่งเข้าใจว่าความรู้สึกตอนได้เป็นพ่อคนมันเป็นแบบนี้นี่เอง” คังอินลูบท้องตัวเองอย่างทะนุถนอม แต่ซีวอนอดไม่ได้ที่จะขัด
“ไม่ใช่พ่อคน...ตอนนี้มึงเป็นแม่ เป็นแม่ของเอเลี่ยน”
“งั้นมึงก็รับเป็นพ่อเด็กสิ”
“อะไรนะ!”
“มึงเคยบอกว่าอยากมีลูกแล้วมึงก็อยากได้ลูกสาว” คังอินพูดอย่างจริงจัง
ซีวอนอึกอักแล้วเผลอโพล่งออกมา “ก็ใช่! แต่...แต่กูไม่อยากได้มึงเป็นเมียนี่หว่า!” แล้วก็แก้ใหม่ “เอ่อ...กูหมายถึง กูไม่อยากได้ลูกสาวที่เป็นเอเลี่ยนน่ะ!”
คังอินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถาม “ถ้ากูยอมให้เด็กคนนี้เกิดมา แล้วกูตาย...มึงสัญญาได้มั้ยว่าจะปกป้องลูกกู ไม่ให้ไอ้พวกศูนย์วิจัยนั่นเอาตัวไป”
“มึงพูดเป็นเล่น!”
“กูไม่มีทางเลือก...” คังอินสรุปสั้นๆ
ซีวอนคิดไม่ตกระหว่างที่ขับรถเข้ามาในคอนโด เมื่อจอดสนิทแล้ว เขาก็รีบเปลี่ยนเรื่อง หยิบวิกผมยาวกับผ้าคลุมหน้าส่งให้คังอิน “อะ! มึงใส่ซะ จะได้รีบขึ้นไปพักผ่อนที่ห้อง”
คังอินถอนหายใจแล้วหยิบวิกผมมาวางบนศีรษะตัวเอง ขยับมันให้เข้าที่ พักหนึ่งก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเพราะคนด้านข้างกำลังพยายามกลั้นหัวเราะ
“ขำบ้าอะไรวะ” คังอินถามอย่างหงุดหงิด
ซีวอนเหลือบมองวิกผมยาวเป็นลอนที่อีกฝ่ายใส่อยู่ จากนั้นก็อมยิ้ม
“เออ ขอโทษๆ กูอดไม่ได้ว่ะ ทีแรกมึงโวยวายแทบตายว่าจะไม่ใส่ แต่ตอนนี้ทำไมมึงชินเร็วจัง อย่าบอกนะว่ามึงเริ่มติดใจ”
คังอินแยกเขี้ยวใส่ “กูทำเพื่อลูกสาวกูเว้ย! กูทำได้ทุกอย่างแหละ”
“โห! สุดยอดคุณแม่...” ซีวอนพูดประชด
“พ่อต่างหาก! กูเป็นผู้ชาย”
“แต่มึงเป็นฝ่ายท้อง แล้วโจคยูฮยอนอะไรนั่นก็ไม่ใช่ผู้หญิง เค้าเป็นคนทำมึงท้อง มึงก็ต้องเป็นแม่สิ” ซีวอนไม่ยอมง่ายๆ เขาหรี่ตามองไปที่วิกผมยาวและซ้ำเติมอีก “อีกอย่าง...มึงยอมใส่วิก แล้วก็แต่งตัวเป็นผู้หญิงด้วย”
พูดจบก็หัวเราะเยาะ เพื่อนสนิทจึงโมโหจนทนไม่ไหว กระชากวิกผมจากศีรษะตัวเองแล้วโปะลงบนศีรษะอีกฝ่ายแทน
“เฮ้ย! ทำอะไร!” ซีวอนโวยวายใหญ่เมื่อคังอินจัดแจงสวมวิกให้เขา
“ใส่ซะ! จะได้เข้าใจความรู้สึกกู” คังอินหัวเราะและล็อคข้อมือซีวอนเอาไว้ ไม่ให้ดึงวิกผมออก คนถูกแกล้งจึงได้แต่พยายามดิ้นพลางขอร้อง
“เอาออกไปนะเว้ย กูไม่ชอบ มึงอย่าเล่นแบบนี้”
“ไหน...ขอดูหน้ามึงหน่อย” คังอินยังคงหัวเราะชอบใจ ส่วนซีวอนก็ได้แต่ปัดป่าย ก้มหน้างุดๆ หลบสายตา ทว่าจังหวะหนึ่งที่ซีวอนนึกโมโห เงยหน้าขึ้นคาดโทษเขา คังอินก็กลับนิ่งอึ้งกะทันหัน
ซีวอนแปลกใจที่เห็นสีหน้าของเพื่อนเปลี่ยนไป เขาจึงเงียบไปด้วย
“เอ่อ มึง...เป็นอะไรวะ กูน่าเกลียดขนาดนั้นเชียว” ซีวอนถาม
คังอินสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว เขารีบปล่อยมือจากอีกฝ่ายแล้วกระแอมเบาๆ ระหว่างหันหน้าหนี “เปล่า...ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรซักหน่อย”
ซีวอนผิดสังเกต แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ เขาดึงวิกผมออกจากศีรษะตัวเองแล้วโยนกลับไปให้คังอิน จากนั้นจึงลงจากรถ
“ไอ้คังอิน กูซื้อข้าวมาให้แล้ว อะ...แล้วนี่หนังสือที่มึงฝากซื้อ”
ซีวอนยื่นถุงพลาสติกจากร้านหนังสือให้ คังอินรีบรับมาเปิดออก ยิ้มดีใจเมื่อเห็นคู่มือแม่และเด็กที่เขาอยากได้
ซีวอนวางถุงกับข้าวลงบนโต๊ะ และนั่งลงมองคังอินอย่างลังเลใจที่จะถาม แต่แล้วเขาก็เก็บความสงสัยไว้ไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นกับมึงวะ เมื่อวันก่อนมึงยังบอกว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกมึง มึงไม่มีทางรับผิดชอบเด็ดขาด แล้วมึงก็อยากจะทำแท้ง...อยากเอาเค้าออกไปจากท้องมึงให้ได้ แล้ววันนี้มึงก็มานั่งอ่านหนังสือแม่และเด็ก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วลูบท้องตัวเอง ถามจริง...คุณจองซูล้างสมองมึงรึไง”
คังอินเงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้วหัวเราะ “บ้าเหรอ...กูเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ พอกูได้เห็นลูกสาวบนจออัลตราซาวด์แล้ว กูก็รู้สึกว่าเค้าเป็นสมบัติที่มีค่าสำหรับกู กูมีหน้าที่ดูแลเค้า ทะนุถนอมเค้า กูมาคิดๆ ดูแล้ว ในเมื่อกูเป็นคนทำให้เค้าเกิดมา กูก็ต้องรับผิดชอบชีวิตเค้าสิวะ”
ซีวอนปั้นสีหน้าไม่ถูก ถึงเขาจะเห็นด้วยทุกประการและดีใจที่เพื่อนคิดได้ แต่ความจริงก็คือความจริง เด็กคนนั้น...ไม่ใช่มนุษย์
“คือ...แต่มึงก็รู้ว่าเค้าเป็นเอเลี่ยน มึงเก็บเค้าไว้ไม่ได้หรอก”
“แย่ว่ะ เค้าไม่ผิดอะไรเลย กูต่างหากที่เป็นคนผิด...กูต่างหากที่สมควรตาย กูตัดสินใจแล้วไอ้ซีวอน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูจะปกป้องเค้า”
ซีวอนจะอ้าปากค้าน แต่เมื่อคังอินสบตาเขาด้วยแววตาจริงจัง เขาก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก จึงก้มหน้านิ่ง แล้วลอบมองอีกฝ่ายที่กำลังนั่งอ่านหนังสือต่อ ท่าทางไอ้คังอินไม่เดือดร้อนอะไร แต่เขาสิที่กำลังจะบ้า
ถึงจะเข้าใจความรู้สึกของเพื่อน แต่มันก็ลำบากใจเกินกว่าจะคล้อยตาม ถึงไอ้คังอินจะยอมตายเพื่อรักษาชีวิตลูกสาว(เอเลี่ยน) ของมันไว้ในฐานะที่เป็นพ่อ(หรือแม่) แต่ในฐานะเพื่อนสนิทแล้ว...เขาเองจะยอมให้ไอ้คังอินตายได้อย่างไรกัน!
โทรศัพท์มือถือของซีวอนดังขึ้น เจ้าตัวหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วดูชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอ จากนั้นก็เหลือบมองคังอินอย่างระมัดระวัง
“กูออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงแป๊บนะ...”
คังอินหันมามองอย่างจับผิด แต่ก็ยอมพยักหน้าส่งๆ ซีวอนจึงลุกออกไปที่ระเบียง เมื่อเลื่อนประตูกระจกปิดสนิทแล้ว เขาก็กดรับสาย
“สวัสดีครับคุณแทคยอน”
“ครับ คุณซีวอน ทานข้าวเย็นรึยังครับ” แทคยอนพูดเสียงหวานมาตามสาย ซีวอนจึงหัวเราะเพราะคิดว่าเป็นมุขตลกที่ฝ่ายนั้นแกล้งพูด
“คุณคงไม่ได้โทรมาเพื่อถามเรื่องนี้หรือว่าจะชวนผมออกไปทานข้าวหรอกใช่มั้ย ตอนนี้ผมเจอปัญหาใหญ่มากๆ คือไอ้คังอินมันเพิ่งสำนึกได้...แล้วมันก็บอกว่าจะยอมตายเพื่อให้ลูกของมันได้เกิดมา ผมจะทำยังไงดี”
แทคยอนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเริ่มหัวเราะ “คุณซีวอนดูท่าทางจะรักคุณยองอุนมากนะครับ ทั้งที่เค้านอกใจคุณ...แต่คุณก็ยังเป็นห่วงเค้า”
ซีวอนกลอกตาไปด้านบนแล้วถอนหายใจ เขาควรจะอธิบายเรื่องนี้กับอีกฝ่ายให้เข้าใจถูกต้องเสียที
“คุณแทคยอนครับ ผมกับไอ้คังอินเป็นแค่เพื่อนกัน...”
“จริงเหรอครับ แต่ตอนที่ผมพูดอะไรออกไป คุณยองอุนก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่”
ซีวอนแค่นหัวเราะแล้วแฉนิสัยเสียของเพื่อน “ไอ้คังอินมันก็แบบนี้แหละ มันไม่ค่อยชอบหน้าคุณล่ะมั้งถึงไม่อยากให้คุณมายุ่งกับผม”
“คุณคิดอย่างนั้นเหรอ” แทคยอนถาม
“ทำไมเหรอครับ”
ปลายสายเงียบอึดใจหนึ่งแล้วพูดออกมาราวกับจะแซว
“อาการแบบนั้นแถวบ้านผมเรียกว่า ‘หึง’ นะครับ”
ซีวอนหน้าแดงทันที เขาแอบมองคังอินที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ บ้าชะมัดที่เผลอคิดเข้าข้างตัวเองตามที่แทคยอนล้อเล่น
“คุณแทคยอนเข้าใจผิดแล้ว ไอ้คังอินมันรู้ว่าผมไม่ได้ชอบผู้ชาย มันเลยไม่อยากให้ผู้ชายหน้าไหนมายุ่งกับผม มันคงปกป้องผมในฐานะเพื่อนสนิทมากกว่า”
แทคยอนอุทานในลำคอด้วยความสงสัย
“หืม? แล้วคุณซีวอนไม่ได้ชอบผู้ชายจริงๆ เหรอครับ”
พอเจอคำถามนี้ซีวอนก็สะอึก เขารีบตั้งสติแล้วหาทางเปลี่ยนเรื่อง
“คือ...ผมไม่สนใจเรื่องความรักเท่าไหร่หรอกครับ เอ่อ...ว่าแต่คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าผมควรจะทำยังไงเรื่องไอ้คังอิน”
“คุณพอจะมีเบอร์โทรศัพท์ของเอเลี่ยนตัวนั้นมั้ยล่ะครับ”
“หมายถึงโจคยูฮยอน?” ซีวอนขมวดคิ้ว
“ครับ ผมคิดว่าคุณยองอุนคงจะมีเบอร์โทรศัพท์ของคยูฮยอนแน่ ถ้ายังไงคุณซีวอนช่วยสืบให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ แล้วผมจะลองตามสัญญาณดู”
ซีวอนเม้มริมฝีปากอย่างใช้ความคิด “แล้วจะช่วยไอ้คังอินได้เหรอครับ...”
“ผมจะตรวจสอบที่อยู่ของคยูฮยอนในตอนนี้ แล้วบางทีเราอาจจะได้ข้อมูลการรวมตัวครั้งใหญ่ของเอเลี่ยนเพื่อจะกลับดาวในเร็วๆ นี้ด้วยน่ะครับ”
แทคยอนอธิบายพลางพูดให้กำลังใจเขา
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณซีวอน ผมจะช่วยเพื่อนคุณให้ได้”
“ขอบคุณครับ”
“ครับ งั้นไว้คุยกันใหม่ ผมต้องขอตัวก่อน” แทคยอนบอก
ซีวอนพยักหน้า “ครับ...ขอบคุณที่โทรมา”
แทคยอนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะใหญ่ “โธ่! ที่จริงแล้วผมไม่ได้โทรมาเพื่อจะคุยเรื่องคุณยองอุนหรอกนะครับ ผมโทรมาเพราะคิดถึงคุณต่างหาก”
ซีวอนไม่รู้ว่าควรจะขำหรือจริงจังดี แทคยอนอาจจะเล่นมุขใส่เขาอีก หรือไม่ก็แค่ล้อเล่นสนุกๆ เท่านั้น ก็เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร...เขาจึงเลือกจะเงียบ
“เทคแคร์นะครับ” ปลายสายทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนจะวาง
ซีวอนปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติแล้วเลื่อนบานกระจกกลับเข้าไปในห้อง คังอินเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะหลบตาตามเดิม
“ใครโทรมา”
“เพื่อนที่มหา’ลัย กูขอยืมเลคเชอร์มันไว้น่ะ...” ซีวอนโกหก แต่คังอินก็รู้ทัน
“ถ้าเป็นเพื่อนที่มหา’ลัยจริง มึงคงคุยต่อหน้ากูแล้วล่ะ ไม่ต้องลำบากออกไปยืนตาก-ลมอยู่ตรงระเบียงหรอก” ซีวอนหน้าเจื่อน คังอินจึงถือโอกาสเดา
“ไอ้แทคยอนจากศูนย์วิจัยเอเลี่ยนอะไรนั่นใช่มั้ย”
ซีวอนสะดุ้งที่อีกฝ่ายเดาถูก ยิ่งเขาปิดบังและร้อนรน คังอินก็ดูจะยิ่งโมโห รายนั้นโยนหนังสือลงบนโต๊ะและลุกจากเก้าอี้
“มึงจะไปไหนวะ”
“ไปนอน...” คังอินบอกพลางเดินดุ่มไปที่ห้องของตัวเอง ซีวอนมองถุงอาหารบนโต๊ะแล้วรีบเรียกคังอินไว้
“เฮ้ย! มึงกินข้าวก่อนสิวะ เดี๋ยวลูกมึงก็โมโหหิวหรอก”
“ช่างแม่ง”
พูดจบก็หายเข้าไปในห้อง ปิดประตูดังปัง
ซีวอนนั่งงง เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีคนกำลังท้องอาจจะอารมณ์แปรปรวนง่าย เมื่อกี๊มันยังโอ๋ลูกสาวอยู่ดีๆ ตอนนี้มาเหวี่ยงว่าช่างแม่ง
‘แล้วตกลงไอ้คังอินจะเอายังไงกันแน่วะ’
ซีวอนถอนหายใจเฮือกแล้วเริ่มเก็บถุงกับข้าวที่อยู่บนโต๊ะ กำลังจะลุกขึ้น เอาไปใส่ตู้เย็น ทว่าสายตาก็สะดุดเข้ากับโทรศัพท์มือถือของไอ้คังอินที่วางอยู่ข้างหนังสือแม่และเด็ก เขามองไปที่ประตูห้องให้แน่ใจว่ารายนั้นจะไม่นึกขึ้นได้ว่าลืมและออกมาเอา เมื่อไม่มีวี่แววตามคาด ซีวอนก็คว้ามือถือเครื่องนั้นขึ้นมา กดหาเบอร์โทรศัพท์ของโจคยูฮยอนที่เขาขอมาเองกับมือ
ความคิดเห็น