คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [02] It's Not Love
เช้านี้คังอินงัวเงียตื่นมาเพราะน้ำหนักที่กดลงบนตัวเขา พอลืมตาก็เห็นใบหน้าน่ารักเปื้อนรอยยิ้มเป็นสิ่งแรก
คยูฮยอนหอมแก้มเขา และกระซิบ
“ตื่นเถอะครับ สายแล้วนะ”
ร่างสูงยิ้มและดันตัวขึ้นจากเตียง เขาพิจารณาเด็กหนุ่มในชุดคลุมอาบน้ำ ซึ่งคงแอบหยิบมาจากตู้ของเขา และลอบสูดกลิ่นสบู่หอมกรุ่นที่โชยเตะจมูก
“พี่คังอินอยากดื่มกาแฟมั้ยครับ ผมจะไปชงให้”
“อืม ก็ได้”
เมื่อได้รับคำตอบ คยูฮยอนก็พยักหน้าแล้วเดินหายเข้าไปในครัว
คังอินลุกไปเข้าห้องน้ำ เขาเกือบสะดุดเสื้อผ้าชุดเมื่อวานที่ถอดทิ้งลงข้างเตียง คยูฮยอนน่ารักอย่างที่เขาคิดไว้ ถึงแม้จะเป็นครั้งแรก แต่ก็เห็นว่าพยายามจะทำให้เขาพอใจมากที่สุด จึงไม่แปลกเลยที่เขาจะหลงเด็กคนนี้จนต้องเหนื่อยทั้งคืน
“กาแฟได้แล้วครับ”
คยูฮยอนยิ้มให้เมื่อเห็นเขาออกมาที่ครัว คังอินเดินเข้าไปและแกล้งยีผมเด็กหนุ่มเบาๆ เมื่อหลอกล้อจนพอใจแล้ว เขาก็มองถ้วยกาแฟกรุ่นๆ บนโต๊ะ เมื่อจะยกขึ้นดื่ม เขาก็เอะใจเมื่อนึกได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเขาเก็บกาน้ำร้อนไว้ในตู้หลังเอาไปซ่อม และไม่ได้เอาออกมาใช้นานแล้ว
“คยูฮยอน...นี่นายต้มน้ำร้อนยังไงเหรอ พี่ลืมบอกว่ากาน้ำอยู่ในตู้”
เด็กหนุ่มสบตาเขา และนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ผม...” คยูฮยอนหันไปมองบรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่บนเคาน์เตอร์ แล้วไปหยุดจ้องไมโครเวฟ จากนั้นก็หันมาตอบเขา “ผมใช้ไมโครเวฟครับ”
คังอินหัวเราะและรวบร่างนั้นมากอด “เก่งมาก...รู้จักแก้ปัญหา”
“เป็นเด็กดีใช่มั้ยล่ะครับ” คยูฮยอนหัวเราะคิกคักแซวคำที่คังอินพร่ำบอกเขาเมื่อคืน คังอินยกยิ้ม จากนั้นก็ประคองใบหน้าน่ารักมาจูบเบาๆ
“ใช่แล้ว...เป็นเด็กดีก็ต้องให้รางวัลซะหน่อย”
จากนั้นก็เลื่อนริมฝีปากบรรจงแตะลงบนซอกคอขาว ไล่ลงเรื่อยๆ จนถึงหัวไหล่ คังอินดึงเสื้อคลุมอาบน้ำตัวโคร่งนั้นให้ร่นลง ประคองเอวเล็กแล้วรั้งเข้ามาจนชิด คยูฮยอนขยับฝืน แต่ไม่นานก็ยอมโอนอ่อนตาม ร่างสูงยกยิ้มอีกครั้ง แล้วจึงเลื่อนมือลงคลายสายรัดเสื้อคลุมที่เป็นอุปสรรค
เสียงโทรศัพท์มือถือดังออกมาจากห้องนอน ทั้งสองชะงัก คังอินอารมณ์เสีย นึกกร่นด่าคนที่โทรมาขัดจังหวะอยู่ในใจ เขาพยายามจะต่อจากที่ค้างไว้ แต่ คยูฮยอนขยับออก
“รับโทรศัพท์เถอะครับ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจหรอก” คังอินเข้าไปคว้าตัวคยูฮยอนกลับมา แต่รายนั้นหัวเราะคิกคักและดันตัวเขาออก
“รับก่อนเถอะครับ เผื่อเป็นเรื่องสำคัญ”
คังอินจำใจต้องเดินเข้าไปในห้อง เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู และเมื่อเห็นชื่อ ซีวอนโชว์อยู่บนหน้าจอ เขาก็แค่นหัวเราะเพราะมันไม่ผิดไปจากที่เดาไว้เลยแม้แต่น้อย จึงกดรับและทำเสียงแข็งใส่
“มึงโทรมาขัดจังหวะกู”
“ทำยันเช้าเลยรึไง” ซีวอนพูดประชด
“เปล่า”
“จำไม่ได้เหรอว่าวันนี้มึงมีสอบตอนสิบโมง เพราะฉะนั้นมีเวลาครึ่งชั่วโมงสำหรับการอาบน้ำแต่งตัว กินข้าวเช้า บอกลาเด็กของมึง แล้วก็รีบขับรถออกมา!”
คังอินกลอกตาขึ้นด้านบน เขาหันไปมองที่ประตู เพื่อให้แน่ใจว่าคยูฮยอนไม่ได้แอบฟังอยู่แถวนี้ “ครึ่งชั่วโมงเหรอวะ...”
“เออ ไม่มีเวลาสำหรับเรื่องอย่างว่า กรุณามาสอบแล้วเอาตัวให้รอดก่อน”
“รู้แล้วน่า” เขาถอนหายใจ
“แล้วมึงจะเอายังไง ให้เค้าอยู่ห้องมึงไปก่อน หรือจะส่งเค้ากลับบ้าน”
ซีวอนถามถึงคยูฮยอนเพราะรู้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะไม่ยอมให้ใครอยู่ที่ห้องของเขาตามลำพังตอนเขาไม่อยู่ เพราะเขาไม่ชอบให้ใครหน้าไหนมายุ่งวุ่นวายกับคอนโดนี้ ที่หมายถึงชีวิตส่วนตัวของเขา
“คงไปส่งแหละ เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูรีบไป แล้วเจอกันนะ”
คังอินวางสายจากซีวอน เขาเดินออกไปด้านนอก คยูฮยอนกำลังใช้ช้อนคนกาแฟอยู่ เมื่อเห็นเขาออกมาแล้ว ฝ่ายนั้นก็ยื่นถ้วยกาแฟให้
“รีบดื่มสิครับ เดี๋ยวจะเย็นหมด”
เขายิ้มและรับมาจิบเล็กน้อย ก่อนจะหาจังหวะพูดถึงเรื่องสำคัญ
“อืม...เดี๋ยวพี่ต้องออกไปมหา’ลัยนะ วันนี้มีเรียนทั้งวันเลย เอาแบบนี้ดีมั้ย พี่จะแวะไปส่งนายที่บ้านก่อน แล้วจะโทรไปหาทีหลัง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอยากอยู่ที่นี่ พี่คังอินไปเรียนเถอะ ผมสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี...รอจนกว่าพี่คังอินจะกลับมา” คยูฮยอนยิ้มและอ้อนเขา
คังอินสูดหายใจ เขาพยายามอดทนที่จะเกลี้ยกล่อมร่างบาง “พี่ว่าตอนนี้นายกลับบ้านก่อนดีกว่า เย็นนี้แล้วกัน...เย็นนี้จะรีบโทรหา”
คยูฮยอนยังคงไม่เข้าใจ ดึงดันจะอยู่ต่อ
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ให้ผมอยู่ที่ห้องเถอะนะ ผมจะเตรียมมื้อเย็นไว้รอ แล้วพี่คังอินก็จะได้กลับมาทาน หลังจากนั้น...เราก็ทำแบบเมื่อคืนไงครับ”
ฟังดูเข้าที แต่คังอินไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวของเขา แน่นอนว่าไม่ชอบให้แตะต้องหลายๆ อย่างที่นี่ด้วย เขาไม่ชอบใครมาทำตัวเป็นเจ้าของ และทำเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา
ถึงจะติดใจเรื่องเมื่อคืนแค่ไหน เขาก็อยากให้คยูฮยอนกลับไปก่อนอยู่ดี
“ไปแต่งตัวซะ เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่ง” คังอินรีบตัดบท
“แต่...”
“บอกมาซิว่าบ้านนายอยู่ไหน!”
เขาเผลอทำเสียงแข็ง คยูฮยอนจึงหน้าสลดลงเล็กน้อย เมื่อรู้ตัวว่าพลาด คังอินจึงพูดดีกลบเกลื่อน
“เถอะนะคยูฮยอน กลับเถอะ เดี๋ยวคนที่บ้านนายจะเป็นห่วง”
คยูฮยอนสบตาเขา ก่อนจะหันหลังและเดินออกห่าง
“พี่คังอินไปส่งผมไม่ได้หรอกครับ บ้านผมอยู่ไกล...ไกลมาก”
“ไกลแค่ไหนพี่ก็ไปส่งได้”
คังอินเริ่มอารมณ์เสียเพราะอีกฝ่ายพูดอย่างเย็นชา
คยูฮยอนหันมามองเขาอีกรอบ และยิ้มให้ “ไม่ได้หรอกครับ อีกอย่าง...ผมยังกลับตอนนี้ไม่ได้ ผมจะอยู่ที่นี่ จะอยู่กับพี่คังอิน นะครับ ผมรักพี่ ผมอยากให้เราอยู่ด้วยกัน สร้างครอบครัวที่อบอุ่น...”
“อะไรนะ” ร่างสูงไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
คยูฮยอนขยับเข้ามาแล้วกอดเขา “จริงๆ นะครับ แวบแรกที่เจอกัน ผมก็รู้ทันทีว่าพี่คังอินคือคนที่ผมตามหามาตลอด ผมชอบผู้ชายแบบพี่ แล้วผมก็แน่ใจว่าพี่คังอินจะเป็นแม่ที่ดีของลูกผมได้”
“เดี๋ยวนะ!”
คังอินดันตัวอีกฝ่ายออก เขางุนงงกับสิ่งที่ได้ยิน “นายบอกว่า...ลูกเหรอ!”
“ใช่ครับ” คยูฮยอนยกยิ้มและสบตาเขาอย่างมุ่งมั่น
“ผมอยากมีลูกกับพี่”
คังอินพูดอะไรไม่ออก เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน คยูฮยอนอาจจะเป็นบ้า หรือไม่ก็เป็นพวกโรคจิต เขารู้สึกอึดอัดกับสายตาและท่าทีของเด็กหนุ่มที่ดูจริงจังจนน่ากลัว คังอินเกือบโพล่งออกไปทันทีว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วเขาก็จะรีบบอกตัดความสัมพันธ์ทันที แต่ตอนนี้ก็เสียเวลามากแล้ว ถ้าเขาไปสอบไม่ทัน มีหวังติดเอฟแล้วต้องลงเรียนใหม่ปีหน้า เขาจึงจำเป็นต้องปล่อยคยูฮยอนไปก่อน
ในเมื่ออีกฝ่ายดื้อไม่ยอมทำตามที่เขาบอก ความสัมพันธ์ก็คงไม่ยาวนานเท่าที่คิดไว้ เขาควรจะจบมันให้เร็วที่สุด ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวนี้ก็คงต้องเป็นเย็นนี้ คังอินตัดใจพยักหน้าและวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ อย่างไรเสียเขาก็ต้องรีบไป
“งั้นห้ามออกจากห้องจนกว่าพี่จะกลับมานะ”
“ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับด้วยท่าทางร่าเริง
คังอินมองฝ่ายนั้นอย่างไม่เข้าใจ เขาส่ายหน้ากับตัวเอง และรีบเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อแต่งตัว เขาไม่ลืมจะปิดประตูและใส่กลอน
โชคดีที่มาทันเวลาสอบ ถึงจะทำข้อสอบไม่ได้ แต่ก็ยังดีที่ได้ทำ
คังอินเดินออกมาจากห้องและอยู่รอจนซีวอนทำข้อสอบเสร็จ เมื่อเจอกันหน้าคณะฯ เขาก็รีบออกปาก “กูมีเรื่องจะปรึกษามึง”
ซีวอนมองอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจนัก “เรื่องอะไร ถ้าเรื่องเด็กคนนั้นล่ะก็...”
“เออสิ!” คังอินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้ซีวอนไม่กล้าปฏิเสธ เขาไม่เคยเห็นเพื่อนอารมณ์เสียตั้งแต่คืนแรกกับคนแรกแบบนี้มาก่อน คยูฮยอนคงจะทำอะไรไม่ถูกใจไอ้คังอินเข้าหรือมีปัญหาเรื่องอะไรกันแน่ เขาเองก็อยากจะรู้
“เดี๋ยวนะ ตอนนี้มึงส่งเค้ากลับบ้านไปแล้วใช่มั้ย”
“ยังเลย” คังอินตอบห้วนๆ แล้วถอนหายใจ ซีวอนสังเกตว่าเพื่อนของเขาท่าทางไม่สบอารมณ์นักเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “เค้าไม่ยอมกลับว่ะ บอกว่าบ้านเค้าอยู่ไกล...ไกลมาก ยังกลับไม่ได้ แล้วก็ตื้อจะอยู่กับกู”
ซีวอนร้องอ๋อ เพราะแบบนี้เพื่อนของเขาถึงไม่ชอบใจนัก ตั้งแต่คบกันมาเขารู้จักไอ้คังอินดี มันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิต ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าก้าวก่ายสิ่งที่มันเรียกว่า ‘พื้นที่ส่วนตัว’ ยกเว้นจะยอมขึ้นเตียงหรือโซฟากับมันเท่านั้น คยูฮยอนคงเรียกร้องจากมันมากไป ไม่แปลกที่ไอ้คังอินจะรู้สึกรำคาญ
“เค้าคงอยากอยู่กับมึงนานๆ อย่าใจร้ายกับเค้านักเลย” ซีวอนบอกเพื่อน
“เด็กที่กูคบๆ เลิกๆ ทุกคนก็อยากอยู่กับกูนานๆ ทั้งนั้น แต่ก็ไม่เคยดื้อด้าน ทำอะไรขัดใจกู คนนี้กูไม่ไหวจริงๆ นะเว้ย ก็น่ารักดี แต่แบบ...กูไม่เข้าใจว่ะ! ทำไมไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องวะ กูเริ่มคิดแล้วว่า...คยูฮยอนอาจจะไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่คิด หรือจริงๆ แล้วจะแค่แกล้งทำเพื่อจับผู้ชาย”
ได้ยินดังนั้นซีวอนก็หัวเราะ “ถึงจะเป็นอย่างนั้นแล้วเค้าผิดตรงไหนเล่า มึงเองก็อยากได้เค้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ หรือว่าผิดที่เค้าไม่ได้โง่อย่างที่มึงต้องการ”
“แต่ก็โง่ที่ขัดใจกู” คังอินพูดพลางหันไปมองซีวอน “มึงเองก็น่าจะรู้นี่หว่า ใครที่ขัดใจกูน่ะไม่มีทางคบกับกูได้นานหรอก ถ้าคยูฮยอนอยากอยู่กับกูจริง เค้าก็น่าจะยอมทำตามที่กูบอก นี่เค้าทำตัวเอง ทำให้กูรำคาญ แบบนี้ไม่เรียกว่าโง่เหรอ”
ถึงตัวเองจะไม่ใช่คยูฮยอน แต่แค่ได้ฟัง ซีวอนก็โมโหแทน คงเป็นเพราะเกิดร้อนตัวขึ้นมา ในเมื่อเขาเองไม่เคยขัดใจไอ้คังอินได้ อาจเข้าข่าย ‘ฉลาด’ แต่ถึงอย่างนั้น...คำชมของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาเจ็บปวดอยู่ดี
“มึงพูดแบบนั้นได้ไงวะ! คยูฮยอนไม่ได้ต้องการอะไรจากมึงเลยนอกจากอยากอยู่กับมึง มึงอาจจะเป็นคนแรก แล้วก็เป็นรักแรกของเค้านะเว้ย เค้าไม่รู้หรอกว่าเค้าทำอะไรผิด แค่เค้าอยากจะอยู่ใกล้ๆ มึง แต่มึงกลับ...”
“บ่นอะไรวะ!”
คังอินผลักไหล่อีกฝ่ายเบาๆ จากนั้นก็ถอนหายใจ “มึงไม่เข้าใจหรอก ก็กูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นี่หว่า กูไม่ชอบการผูกมัด มึงก็รู้ เด็กที่กูคบเป็นแฟนแต่ละคน ถึงคบนานเท่าไหร่ก็ยังไม่เคยได้อยู่ในห้องกูติดต่อกันเกิน 24 ชั่วโมงเลย”
ซีวอนเม้มริมฝีปาก เขานึกในใจว่าถ้าอย่างนั้นตัวเองก็คงโชคดีที่เป็นแค่เพื่อน...เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เคยอยู่ในห้องของไอ้คังอินติดต่อกันเกิน 24 ชั่วโมง
“แล้วมึงจะทำยังไง” ซีวอนตัดสินใจถาม
“กูว่า...กูกับคยูฮยอนคงต้องจบกันแค่นี้แหละ”
ซีวอนนิ่งอึ้ง ถึงเขาจะคิดไว้แล้วว่าไอ้คังอินคงพูดแบบนี้ แต่พอเห็นท่าทางไม่รู้สึกรู้สาของฝ่ายนั้น ซีวอนก็ผิดหวังแทนโจคยูฮยอน
ถึงเขาจะไม่ชอบหน้าคยูฮยอนนัก และรู้อยู่แล้วว่าคงจะต้องจบลงแบบนี้ แต่เขาก็เห็นใจที่รายนั้นจะต้องถูกทิ้งตั้งแต่คืนแรกเพราะแค่ขัดใจไอ้คังอินด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาไม่ได้อยากให้ไอ้คังอินคบกับคยูฮยอนไปตลอดหรือแค่นานกว่านี้ แต่เขาไม่ชอบใจ เพราะสิ่งที่ไอ้คังอินทำนั้นชัดเจนว่ามันสามารถกำจัดใครออกไปจากชีวิตได้อย่างง่ายดาย
ถ้าสักวันคนที่มันจะกำจัดออกไปไม่ใช่เด็กที่มันคบ แต่เป็นเขา ซีวอนก็เชื่อว่าคนอย่างคังอินคงทำได้อย่างเลือดเย็นพอๆ กัน
“มึงจะบอกเค้าว่ายังไงวะ” ซีวอนถาม แต่จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตอบเอง “มึงจะใช้วิธีเดิมๆ บอกว่าที่มึงต้องเลิกกับเค้า เพราะว่าเค้ามีลูกให้มึงไม่ได้น่ะเหรอ”
คังอินนิ่งไปครู่หนึ่ง เขายักไหล่และลังเลที่จะพูด
“ไอ้คังอิน...” ซีวอนปรามเพื่อน รู้สึกแย่ที่ต้องพูดออกไป “มึงไม่รู้หรอกว่าเหตุผลนั้นมันร้ายกาจแค่ไหน มึงลองคิดดูนะ ถ้าซักวันมึงรักผู้ชายคนนึงขึ้นมาจริงๆ แล้วเค้ามาบอกมึงว่า ‘เราเลิกกันเถอะ เพราะผมอยากมีลูก...แต่พี่ทำให้ผมท้องไม่ได้’ ถ้าเค้าพูดแบบนี้กับมึง มึงจะรู้สึกยังไงวะ!”
คังอินรีบส่ายหน้าดิก “ไม่รู้สึกอะไรเลย...เพราะกูคงไม่มีวันจะรักใครจริง”
“มึง...” ซีวอนนึกโมโหที่อีกฝ่ายยังทำเป็นเล่น
จู่ๆ สีหน้าของคังอินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความกังวล เขายกมือกอดอก จากนั้นก็บ่นให้อีกฝ่ายฟัง
“เหตุผลที่กูอ้างว่าอยากมีลูกมันต้องใช้ไม่ได้แน่ๆ เลยว่ะ กูก็ไม่แน่ใจนักหรอก แต่ว่าคยูฮยอนไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่กูเคยคบ” คังอินถอนหายใจอีกรอบ
“ทำไมวะ” ซีวอนไม่เข้าใจ
“ก็เมื่อเช้าเค้าบอกกูว่า...เค้าอยากมีลูกกับกู”
“เวร...” ซีวอนเผลออุทาน แต่เพื่อนสนิทก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ใช่...เวรจริงๆ”
ทีแรกก็คิดว่าไอ้คังอินล้อเล่น แต่ดูจากสีหน้าแล้วคงไม่ใช่ ซีวอนนิ่งคิดแล้วทำเป็นหัวเราะเพื่อให้อีกฝ่ายคลายความกังวล “ให้ตายเถอะ! คยูฮยอนน่ารักกว่าที่กูคิดนะเนี่ย ไม่อยากเชื่อว่าเค้าจะพูดแบบนี้กับมึง”
“น่ารักกะผีน่ะสิ! กูกลัวนะเว้ย จู่ๆ ก็บอกว่ากูจะเป็นแม่ที่ดีให้ลูกเค้าได้ มึงคิดดูสิ ใช้คำว่า ‘แม่’ ด้วยนะเว้ย ทีแรกกูก็คิดว่าพูดเล่น แต่ไปๆ มาๆ กูเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ะ เค้าดูจริงจังมาก จ้องหน้ากูอย่างกับจะทำให้กูท้องได้อย่างนั้นแหละ! กูว่า คยูฮยอนต้องเป็นบ้าแหงๆ ให้ตายสิ...นี่กูนอนกับคนบ้าเหรอเนี่ย”
คังอินพูดเสียงเครียด จากนั้นก็ถามความเห็นเพื่อน “มึงว่ากูควรจะทำยังไงวะ ถ้าเค้าไม่ยอมเลิก ไม่ยอมออกไปจากห้องกู...”
“เรื่องของมึง...” จู่ๆ ซีวอนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา อีกฝ่ายจึงสะอึก
“เฮ้ย ทำไมมึงพูดงี้วะ”
ซีวอนเบือนหน้าไปทางอื่น เขาไม่กล้าสบตาเพื่อน เพราะกลัวว่าจะโกรธจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ “มึงจะทำอะไรก็เชิญ กูไม่อยากมีส่วนรู้เห็นอะไรแล้ว มึงจะบอกเลิกเด็กคนนั้นยังไงก็ตามใจ แต่ในเมื่อมึงตัดความสัมพันธ์กับเค้าได้ง่ายๆ กูก็อยากลองเลิกเป็นเพื่อนกับมึงดูบ้างเหมือนกัน”
“หา? เดี๋ยวสิ! มึงพูดอะไรเนี่ย!”
“กูบอกว่า...กูอยากเลิกคบกับมึง” ซีวอนหันมาสบตาคังอินอีกครั้ง
ฝ่ายนั้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ทั้งสองนิ่งกันไปครู่หนึ่ง ซีวอนจึงตัดสินใจเดินหนีไปก่อน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคังอินตะคอกไล่หลังเขา
“มึงเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย!”
ซีวอนกัดริมฝีปากแน่น เขาเจ็บปวดเพราะอะไรก็ไม่รู้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามหันไปสบตาคังอินอย่างแข็งกร้าว
“เออ...กูมันบ้า”
ประโยคนั้นพูดยากกว่าที่คิด ซีวอนคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น เขาเพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตาคลอก็ตอนเห็นสีหน้าตกใจของคังอิน แต่เขาไม่สน...เขาพูดออกไป
“มึงคงไม่อยากเป็นเพื่อนกับคนบ้าหรอก”
“มึงเข้าข้างเด็กคนนั้นทำไมวะ” คังอินโพล่งออกมาโดยไม่คิดอะไร เขาแค่อยากประชดเพราะความน้อยใจ แต่มันกลับทำให้ซีวอนรู้สึกผิดหวังกับคำพูดของเขาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ “อ๋อ! หรือว่ามึงชอบเค้า ถ้างั้นหลังจากกูเขี่ยทิ้งแล้ว มึงจะสานต่อก็ได้ ถ้ามึงต้องการ”
“เปล่า แต่เพราะกูมันบ้า กูเลยเข้าใจคนบ้า กูเป็นบ้าเพราะกูไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และมึงนั่นแหละที่ทำให้กูเป็นแบบนี้ แต่ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก กูก็แค่...บ้าไปเอง” จบประโยคนั้นซีวอนไม่กล้ามองหน้าคังอินอีก เขาก็แค่เดินหนีออกมาเงียบๆ และเสียใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายไม่เรียกไว้
ถ้าไอ้คังอินเข้าใจความหมาย จากนี้ไปมันก็คงจะไม่กล้าพูดกับเขาอีก
“เหนื่อยมั้ยครับ”
เสียงหวานทุ้มทักเขาทันทีที่เห็นหน้า โจคยูฮยอนยกมือขึ้นโอบรอบต้นคอของเขา และรั้งเข้าจูบ แต่กลิ่นแอลกอฮอล์จากริมฝีปากเขาทำให้ฝ่ายนั้นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะสังเกตเห็นท่าทีไม่สบายใจของเขา
“พี่คังอินไปดื่มมาเหรอครับ”
“อืม” ร่างสูงตอบห้วนๆ แล้วผละไปนั่งที่โซฟา เขาดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด
คยูฮยอนเดินตามมานั่งข้างๆ และกอดเขาไว้แน่น “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ บอกผมได้นะ ผมอาจจะช่วยให้หายเครียดได้ ถ้าพี่คังอินต้องการ....”
ร่างสูงปรายตามอง ถึงแม้เขาคิดจะจบความสัมพันธ์กับคยูฮยอนในคืนนี้ แต่หากได้ร่วมรักกันอีกครั้งเป็นการส่งท้าย ก็คงไม่เสียเวลาอะไรมากนัก คังอินดันไหล่บางออก และเงยคางคยูฮยอนขึ้นจูบ
“คยูฮยอนรักพี่มั้ย”
“รักสิครับ” เด็กหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ต้องคิด
คังอินใจหาย นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับคำบอกรัก เขาเป็นแบบนี้...เป็นคนไม่มีหัวใจ ไม่เคยมีคำว่ารักครั้งใด กับคนใด ที่จะทำให้เขาซาบซึ้งและใจเต้นแรงอย่างที่ควร ก็แค่ต้องการความสัมพันธ์ทางกาย แล้วเขาจะคาดหวังความรักลึกซึ้งอะไรจากเรื่องประเภทนี้เล่า
“จำที่สอนเมื่อคืนได้รึเปล่า” คังอินกระซิบถาม
“ได้ครับ แต่ไม่ทำตรงนี้นะ...” คยูฮยอนแกล้งผลักคังอินออก และลุกหนีไปที่ประตูห้องนอน รายนั้นยิ้มน่ารักแล้วขยิบตาให้เขาอย่างเชิญชวน เมื่อเขาลุกขึ้น เด็กหนุ่มก็หัวเราะคิกคักก่อนจะผลุบเข้าไปด้านใน
คังอินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงและวางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา เขานิ่งมอง และแค่นหัวเราะเมื่อคาดหวังให้มีข้อความหรือสายเรียกเข้า
หลังจากทะเลาะกับไอ้ซีวอน คังอินก็นึกไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรผิด เขาก็ใจร้ายกับทุกคนเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เพื่อนสนิทของเขากลับโมโห แถมพูดจาประชดประชันอย่างกับว่าเขาเลวสุดจะทน หลายครั้งที่ไม่เข้าใจกัน ไอ้ซีวอนก็มักจะเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาก่อน และพวกเขาก็คุยกันเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ไอ้ซีวอนคงมัวแต่ทำการบ้านอยู่กระมัง ถึงไม่ยอมติดต่อมาเสียที
“พี่คังอิน...” เสียงหวานตะโกนออกมาจากในห้อง พร้อมชุดคลุมอาบน้ำที่ปลิวออกมาพร้อมกัน คังอินเลิกสนใจโทรศัพท์ เขารีบเดินไปเก็บชุดสีขาวนั้นขึ้นมาสูดกลิ่น เขายกยิ้ม ไม่รอช้าที่จะก้าวเข้าไปในห้อง และปิดประตูลงกลอน
ในเมื่อตอนนี้มีหนุ่มน้อยน่ารักกำลังรอเขาอยู่บนเตียง เรื่องเพื่อนก็เอาไว้เคลียร์ทีหลังเถอะน่า!
ชั่วโมงต่อมาเสียงกรีดร้องอย่างสุขสมก็สิ้นสุดลง เหลือเพียงเสียงหายใจหอบเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย คังอินประคองร่างที่นั่งอยู่บนตักให้นอนลง จากนั้นก็ดึงผ้าห่มคลุมตัวให้ แต่แทนที่จะนอนกอดเหมือนเมื่อคืน เขากลับลุกขึ้น
“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
คังอินพูดพลางก้าวลงจากที่นอน เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ บทรักเมื่อครู่ไม่ได้เติมเต็มเขามากนักเพราะส่วนมากเขามัวใจลอยไปเรื่องอื่น รวมทั้งเขาคงนึกอึดอัดที่ต้องให้ฝ่ายนั้นอยู่ที่นี่ต่อไปเรื่อยๆ เขาพยายามจะคิดว่าโจคยูฮยอนคงไม่ได้เป็นบ้าที่คิดอยากมีลูกกับเขา แต่คนปกติที่ไหนจะพูดออกมาแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้
ในเมื่อรอบที่ผ่านมาก็ไม่ได้เร้าใจมากนัก แถมยังทำให้เขาต้องกังวลใจอีก คังอินตัดสินใจดีแล้ว เขาจะบอกเลิกคยูฮยอนในคืนนี้ ตอนนี้ และเดี๋ยวนี้!
ไม่ปล่อยให้ยืดเยื้ออีกต่อไป
หลังจากอาบน้ำเสร็จคังอินก็สวมชุดนอนแล้วเดินออกมา คยูฮยอนนอนรออยู่บนเตียง มองเขาด้วยรอยยิ้ม รายนั้นค่อยๆ ดันตัวขึ้นและยกมือเสยผม
“มานอนตรงนี้เถอะครับ ผมมีเรื่องจะบอกพี่...”
“พี่ก็มีเรื่องจะบอกนายเหมือนกัน ลุกขึ้นมาซะ แล้วรีบแต่งตัว” คังอินพูดอย่างเย็นชา อีกฝ่ายจึงมองเขาด้วยความงุนงง
“อะไรกันครับ”
“ทำตามที่บอกสิ!” คังอินเผลอตวาดใส่ จากนั้นก็รีบลดเสียงลงเพราะเห็นว่าคยูฮยอนตกใจกับท่าทีของเขาเมื่อครู่ “...พี่จะไปรอข้างนอกนะ”
สีหน้าของเด็กหนุ่มทำให้ร่างสูงรู้สึกผิดขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่ก็ตัดใจเดินออกจากห้อง ไปยืนรอข้างนอก เขาคิดคำพูด เรียบเรียงความคิด และเหตุผลทั้งหมดที่จะใช้บอกตัดความสัมพันธ์ แต่พอคยูฮยอนเดินออกมาจริงๆ เขาก็ไม่คิดว่าจะสามารถใช้เหตุผลอะไรกับฝ่ายนั้นได้ อย่างไรเสียก็ต้องใช้มุขเดิมๆ ที่เขาคิดว่าได้ผลเสมอ แค่ต้องพลิกแพลงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
“พี่คังอินเป็นอะไรไป” ฝ่ายนั้นถามเขา
คังอินตีหน้าเศร้าและเริ่มโกหก “พี่ทนไม่ได้หรอกคยูฮยอน พี่เจ็บปวดมากตอนที่นายบอกว่าอยากมีลูกกับพี่ ทุกครั้งที่เราสบตากัน...พี่อยากให้สิ่งที่นายพูดเป็นจริงมาตลอด แต่...แต่นายก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ พี่เจ็บปวดเพราะจริงๆ แล้วพี่ก็อยากมีลูก แต่เพราะเราไม่มีวันจะมีลูกด้วยกันได้ พี่ก็เลย...”
คยูฮยอนโผเข้ากอดเขา คังอินจึงถึงกับชะงักเพราะไม่เข้าใจท่าที
“พี่คังอินอยากมีลูก! ผมดีใจจัง แหม...ผมนึกว่าพี่จะยังไม่พร้อมซะอีก ผมกลัวว่าพี่จะตำหนิผม แล้วผมก็เลยรู้สึกผิดมากๆ ตอนที่เรามีอะไรกันเมื่อกี๊แล้วผมถือวิสาสะ...เอ่อ...ช่างเถอะครับ! ผมดีใจจนพูดไม่ออกแล้ว...”
คังอินดันตัวคยูฮยอนออกห่าง เขานึกรังเกียจฝ่ายนั้นราวกับรู้สึกว่าเป็นตัวประหลาด “อะไรของนาย! ใช่...พี่อยากมีลูก แต่นายมีให้พี่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็ควรจบกันแค่นี้! ความจริงจะทำให้เราเจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย พอแค่นี้ดีกว่าน่า!”
“แต่เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะครับ”
“อะไรนะ!” คังอินอารมณ์เสียที่อีกฝ่ายยังหลอกตัวเองแบบนั้น
“ลูกสาวครับ...เอ่อ...ขอโทษที่ไม่ได้ถามความเห็นพี่ก่อน แต่ผมคิดว่าพี่ คังอินก็ต้องอยากได้ลูกสาวแน่ๆ ใช่มั้ยครับ”
แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของเด็กหนุ่มทำให้คังอินโกรธจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาขยี้ผมตัวเองแรงๆ อย่างหมดความอดทน จากนั้นก็ตวาดออกไป
“โธ่เว้ย! พอกันที! เลิกบ้าได้แล้ว ไม่เข้าใจรึไงว่ามันก็แค่ข้ออ้าง! พี่อยากเลิกกับนาย พี่อยากให้นายไปพ้นๆ หน้า ไม่อยากให้นายอยู่ที่นี่ พี่อยากจบเรื่องของเราไว้แค่นี้ เรื่องอยากมีลูกมันก็แค่เหตุผลดีๆ ที่พี่จะขอเลิกกับนาย นั่นเพราะยังไงนายก็มีลูกให้พี่ไม่ได้ แต่ที่จริงก็เพราะว่าพี่ไม่ต้องการนายอีกต่อไปแล้ว เข้าใจรึยัง!”
คยูฮยอนนิ่งอึ้ง รายนั้นจ้องเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อเข้าใจทุกอย่างชัดเจนแล้ว แววตาก็เปลี่ยนเป็นผิดหวัง คยูฮยอนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างคับแค้นและเจ็บปวด
“โอเค! ทีนี้ก็เข้าใจแล้วสินะ พี่อยากให้นายออกไปจากชีวิตพี่ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องโทรมา ไม่ต้องมาที่นี่ จบก็คือจบ ลืมทุกอย่างไปซะ! อะ...นี่ค่าแท็กซี่ รีบกลับบ้านไป” คังอินขยับเข้าไปจะยัดเงินใส่มือเด็กหนุ่ม แต่ฝ่ายนั้นก็ตวัดสายตาขึ้นมาหยุดเขาเอาไว้เสียก่อน แล้วคังอินก็ชะงักเพราะแววตาว่างเปล่าของคยูฮยอน
“ผมไม่รักพี่แล้ว”
“อะไรนะ...” คังอินขมวดคิ้ว
“ไม่รักแม้แต่ลูกของเรา” ริมฝีปากบางเหยียดเป็นเส้นตรง เด็กหนุ่มก้าวถอย และเดินไปที่ประตู เขาเดินออกไปจากห้องของคังอินโดยที่ไม่พูดอะไรอีก ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง นี่คงเป็นครั้งแรกที่คังอินงุนงงกับท่าทีของคนที่เขาบอกเลิก เพราะปกติแล้วทุกคนจะร้องไห้ฟูมฟาย ตบหน้าเขา ด่าเขา หรือไม่ก็อ้อนวอนขอความเห็นใจ แต่วินาทีนี้ ทุกอย่างกลับราบเรียบ
และน่าแปลกที่เขาไม่ได้เห็นน้ำตาของคยูฮยอนเลยแม้แต่หยดเดียว ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วเกินไป เขายังไม่ทันได้เข้าใจอะไรเลยด้วยซ้ำ
คังอินเดินกลับเข้าไปในห้องนอนและหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก เขานึกอยากรายงานความสำเร็จให้ไอ้ซีวอนฟังจะแย่แล้ว บางทีมันอาจจะหายโกรธเขาบ้างถ้าเขาบอกว่าคยูฮยอนไม่ได้เสียใจเท่าที่ควร คงเพราะไม่ได้รักเขาจริงอย่างที่พูด ทุกอย่างง่ายดายและลงตัว เขาคงไม่ได้ทำร้ายจิตใจเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ
เสียงสัญญาณดังนานจนตัดเป็นบริการฝากข้อความเสียง คังอินกดวางสาย และโทรออกใหม่ บางทีไอ้ซีวอนอาจจะหลับไปแล้ว และไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ แต่จนรอบที่สองก็ยังไม่มีคนรับสาย ปกติแล้วไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน ซีวอนก็เป็นคนที่จะตื่นมารับโทรศัพท์และคุยกับเขาได้เสมอ แต่ตอนนี้มันไม่ยอมรับสายเขา หรือว่าจะเลิกเป็นเพื่อนกันแล้วจริงๆ อย่างที่พูด ตั้งแต่เมื่อเย็น เขาคิดมาตลอดว่าซีวอนแค่พูดเล่น และตอนนี้เขาก็ภาวนาให้ยังเป็นแบบนั้น
“บ้าเอ๊ย!” คังอินปามือถือลงบนที่นอน เขายืนหงุดหงิด จากนั้นก็เหลือบตาลงมองมันอีกรอบ หรือเขาจะส่งข้อความไปดีนะ ไอ้ซีวอนต้องเปิดอ่านแน่ๆ ว่าแล้วก็นั่งลงบนเตียง หยิบมือถือขึ้นมากดพิมพ์ข้อความ แต่แล้วก็ชะงัก
“แล้วทำไมกูต้องง้อมันด้วยวะเนี่ย!” เขาพูดออกมาดังๆ
คังอินขมวดคิ้วแล้วตัดสินใจวางมือถือไว้บนหัวเตียงตามเดิม เขานอนลงบนเตียงและหันมองด้านข้าง เมื่อวางมือลงบนฟูกก็รู้สึกว่ามันยังอุ่นอยู่ นี่เขาใจร้ายเกินไปไหมนะที่ไล่คยูฮยอนออกไปกลางดึก ไม่รู้ฝ่ายนั้นจะไปไหน กลับบ้านอย่างไร
ครู่หนึ่งคังอินก็ถอนหายใจและบอกตัวเองให้เลิกคิดถึงเรื่องนั้นเสียที เขาหลับตาลงเพื่อพักสายตาชั่วคราว ขณะนั้นเองทั้งร่างก็ชาวาบ ตามด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่ช่องท้องราวกับมีใครมาชก
คังอินสะดุ้งและผุดลุกทันที แต่ความรู้สึกนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะทันได้จดจำมันเสียอีก ร่างสูงนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เขายกมือแตะหน้าท้องตัวเองและขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น หรือเขาแค่คิดไปเอง คังอินยักไหล่อย่างงุนงง ตอนนี้เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย คงแค่คิดมากและเหนื่อยเกินไป
เพราะฉะนั้นเขาควรเอื้อมมือไปปิดโคมไฟ และรีบเข้านอน
ความคิดเห็น