คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : [14] Fake & Realize
คังอินงัวเงียตื่นมาตอนเช้าเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ เขารู้ว่ามีสายเรียกเข้าเพราะเป็นคนละเสียงกับที่ตั้งไว้เป็นนาฬิกาปลุก คังอินดูชื่อที่หน้าจอ เมื่อเห็นว่าเป็นซีวอน เขาก็ยิ้ม และรีบกดรับ
“ว่าไง...ขอบใจนะที่โทรมาปลุก”
“จริงๆ แล้วก็เปล่า” ซีวอนสวนทันควัน แต่แล้วก็ปรับน้ำเสียงให้นุ่มลง “แต่ต่อไปนี้จะให้โทรปลุกอีกก็ได้นะ ยังไงกูกับมึงก็เป็นเพื่อนกัน”
ถึงจะฟังดูดี แต่คังอินกลับรู้สึกว่าแปลก หรือว่าไอ้ซีวอนจะเก็บเรื่องนี้ไปคิดทั้งคืน เลยพอจะมีเหตุผลขึ้นมาบ้าง
“อืม กูก็ดีใจที่มึงก็ยังโทรหากูเหมือนเดิมว่ะ แล้วนี่สรุปว่ามึงเลิกน้อยใจกูแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
“ก็ไม่ได้น้อยใจอะไร...คงเพราะกูอยากเป็นคนสำคัญของมึงล่ะมั้ง กูถึงได้คาดหวังสูง แล้วก็สำคัญตัวเองผิดไปบ้าง” ซีวอนบอก
“พูดอะไรแบบนั้น! มึงก็เป็นคนสำคัญของกูนะ มึงเป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวของกู...”
“รู้แล้ว”
“ไม่ใช่ว่ากูไม่มีใครคบนะเว้ย แต่กูรู้ว่าเพื่อนคนอื่นๆ ไม่ค่อยจริงใจกับกูสักเท่าไหร่ หรือไม่ก็คบด้วยแล้วไม่สบายใจเหมือนที่คบกับมึงว่ะ เมื่อวานกูกลับมาคิดดูว่าทำไมกูถึงคบมึงได้นาน คงเพราะว่ามึงเป็นคนที่กูอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด”
ซีวอนยิ้มบางๆ “กูก็เหมือนกัน”
“งั้นเอาเป็นว่าดีกันนะเว้ย” คังอินมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ พลางบอก “ออกไปกินข้าวกลางวันกับกูหน่อยสิ ถ้ามีอะไรจะได้คุยกัน”
“กูไม่มีเรื่องอะไรจะต้องคุยกับมึงแล้วล่ะ กูเคลียร์ทุกอย่างแล้ว ตอนนี้กูไม่มีอะไรค้างคาใจ คงดีที่สุดแล้วถ้าเราจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” ซีวอนตอบเบาๆ
“เหรอ...” คังอินขมวดคิ้ว เขากลับรู้สึกว่าไม่ชอบใจคำตอบนั้น
“อีกอย่างกูไม่ว่าง กลางวันนี้กูมีนัดแล้ว นี่แหละที่กูจะบอกมึงในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน มีเรื่องอะไรก็ต้องบอกกันใช่มั้ยล่ะ”
คังอินสังหรณ์ใจ ทั้งคำพูดแปลกๆ และน้ำเสียงที่สบายใจผิดปกติ แล้วนี่ไอ้ซีวอนจะบอกอะไรเขากันแน่
“มึงจะพูดอะไรวะ...มีเรื่องอะไรที่กูควรจะรู้งั้นเหรอ”
“กูมีนัดกับคุณแทคยอน...”
“อะไรนะ!”
ซีวอนไม่สนใจที่อีกฝ่ายโพล่งใส่ เขาถือโอกาสหลังจากที่เกิดความเงียบ รีบชิงบอกอย่างรวดเร็ว “กูกำลังจะตกลงคบกับเค้าว่ะ”
“มึงบ้าไปแล้วเหรอ!” คังอินสวนทันที เขาตกใจที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็มาบอกว่าจะมีแฟนหลังจากเพิ่งสารภาพรักกับเขาเมื่อวาน เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็ตั้งสติได้ จึงรีบเตือนเพื่อน “ไอ้ซีวอน...นี่มึงแค่จะประชดกูใช่มั้ย มึงคิดให้ดีสิ”
“เปล่า” ซีวอนตอบสั้นๆ
“แต่มึงปฏิเสธไอ้แทคยอนไปเมื่อวาน แล้วมึงก็บอกว่าชอบกู!”
“มึงก็ปฏิเสธกูไปแล้วนี่หว่า” ซีวอนหัวเราะ
“เฮ้ย...เดี๋ยวสิ...กูแค่...” คังอินแทบพูดไม่ออก เขาจึงรีบเปลี่ยนประเด็นไปตำหนิซีวอนแทน “แต่มึงจะคบกับคนที่มึงไม่ชอบได้ยังไงวะ มึงอย่าคิดอะไรตื้นๆ น่า”
“ก็คนที่กูชอบ เค้าไม่คบกับกู”
คังอินช็อคที่รู้สึกว่าโดนอีกฝ่ายต่อปากต่อคำอย่างอารมณ์ดี
“ให้ตายเถอะ! นี่มึงกำลังจะหนีกูเหรอวะ”
“ถ้าตีความว่าหนีจากความเสียใจซ้ำซากก็คงใช่ ถ้ากูคบกับคุณแทคยอนแล้ว กูก็ยังเป็นเพื่อนมึงได้นะไอ้คังอิน แต่ถ้ากูยังชอบมึงอยู่...กูก็คงจะอึดอัดถ้าคบมึงเป็นเพื่อนต่อไป แบบนี้น่ะดีที่สุดแล้ว มึงก็ต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ กูเองก็จะได้มีแฟนสักทีหลังจากปิดตัวเองมาตั้งนาน มึงก็ยังมีกูเป็นเพื่อนสนิท คุณแทคยอนก็สมหวัง” ซีวอนพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร เพราะเขาตัดสินใจแล้ว “เห็นมั้ยล่ะ...ดีจะตาย มันดีต่อทุกคนเว้ย”
“ดีกะผีน่ะสิ! กูรู้ว่ามึงตัดใจจากกูไม่ได้หรอก” คังอินเถียง
“ต้องได้สิวะ คุณแทคยอนดีกับกูทุกอย่าง กูต้องชอบเค้าได้แน่ และกูก็รู้ว่าเค้าจะไม่ทำให้กูต้องเสียใจ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม”
“เออ! ใช่สิ กูมันเลว กูทำให้มึงเสียใจมาตลอดนี่”
คังอินขึ้นเสียงประชด
“คงงั้น...” ซีวอนตอบ อีกฝ่ายจึงหน้าเจื่อน เอาแต่อึกอัก “ขอบใจนะเว้ยที่ยอมรับ ที่ผ่านมากูโง่มากที่ยอมทนเสียใจหลายๆ เรื่อง แค่เพราะว่ากูชอบมึง...”
“นั่นไง! ถ้ามึงชอบกู...มึงก็ห้ามชอบคนอื่น!”
ซีวอนแค่นหัวเราะ
“มึงนี่เหมือนเด็กเอาแต่ใจเลยว่ะ กูไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของมึงนะเว้ย ทำเป็นหวงไปได้ อีกอย่าง...จากนี้ไปกูก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับมึงอีกแล้วนี่หว่า หรือว่ามึงอยากให้กูจดเลคเชอร์ให้ ทำการบ้านให้ โทรปลุกให้ตื่นไปเรียน ไปสอบ หรือว่าติวหนังสือสอบให้ ถึงกูจะคบกับคุณแทคยอนแล้วกูก็ยังทำให้มึงได้ ไม่ต้องกังวลหรอกน่า”
คังอินเถียงไม่ออก จึงทำเป็นดื้อแพ่งไปเรื่อยๆ “กูไม่อนุญาต!”
“ไม่อนุญาตเรื่องอะไร”
“ก็ไม่อนุญาตให้มึงคบกับไอ้แทคยอนไง! ในฐานะเพื่อนสนิทของมึง ฐานะคนที่มึงชอบ ฐานะ...เออ! อะไรก็ช่างเถอะ กูไม่ยอมเว้ย!”
ได้ยินดังนั้นซีวอนก็ถอนหายใจเฮือกแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“ฟังนะครับคุณเพื่อน คุณคนที่ผมชอบ คุณ...เชี่ยอะไรก็เรื่องของมึง ที่กูโทรมาบอกมึงเนี่ย กูไม่ได้จะขออนุญาตมึงโว้ย! กูแค่อยากให้มึงรู้ไว้ กูถือว่าเราสองคนยังเป็นเพื่อนกัน และมึงก็ควรรับรู้...”
“ถ้ามึงจะคบกับมัน...ก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกับกู”
ซีวอนไม่คิดว่าประโยคนี้จะหลุดออกมาจากปากไอ้คังอิน แต่เขาไม่เสียใจเลย เขาไม่ได้อยากจะเป็นเพื่อนกับมันต่อไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่มันจะรู้บ้างไหมนะว่าที่เขายังดีกับมัน ยังเสนอทางเลือกว่าจะเป็นเพื่อนกันต่อไป และยังคงพยายามพูดคุยกันแบบเดิม
ที่ทำแบบนี้...ก็เพื่อมัน เพราะว่าเขารักมัน
“ที่โทรมาวันนี้กูไม่ได้อยากชวนมึงทะเลาะ กูไม่อยากพูดถึงเรื่องระหว่างกูกับมึงแล้วด้วย กูพยายามจะมีเหตุผลแล้ว...แต่มึงต่างหากที่ทำตัวไร้เหตุผลใส่กู...”
พูดจบก็รอฟังว่าไอ้คังอินจะตอบอะไรกลับมา แต่แล้วก็เงียบ ซีวอนจึงเม้มริมฝีปาก เขารู้สึกโมโหที่อีกฝ่ายไม่คิดถึงใจเขาบ้าง ขณะเดียวกันก็เจ็บใจที่ไม่สามารถตัดใจเกลียดมันได้ เขาเหลือบตาขึ้นด้านบนไว้ แล้วจึงพูด
“ถ้าในฐานะที่เราเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วมึงมีสิทธิ์หวงกูถ้ากูจะคบกับคนอื่น แล้วกูล่ะ...ถ้าต่อไปนี้ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนสนิทมึง กูมีสิทธิ์จะหวงมึงได้บ้างมั้ยวะ ถ้ากูห้ามมึงคบกับคนอื่น...ถ้ากูบอกมึงว่าเพราะกูหวงเพื่อน มึงจะคบกับใครไม่ได้ มึงจะชอบใครไม่ได้นอกจากกู! ถ้ากูพูดแบบนี้บ้างมึงจะว่ายังไง!”
“...”
“แบบนี้มันไม่ใช่เพื่อนแล้วโว้ย!”
คังอินสะอึก เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร จึงเอาแต่เงียบ และไม่นานก็ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกจากปลายสาย
“บ้าเอ๊ย!” ซีวอนสบถเบาๆ และยกมือเช็ดน้ำตา เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง “นี่...ไอ้คังอิน มึงต้องทำให้กูร้องไห้อีกสักกี่รอบถึงจะพอใจวะ”
“กูขอโทษ” คังอินบอก
“ให้มันจบแค่นี้ได้มั้ยวะ กูไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว แล้วกูก็ไม่สนด้วยว่ามึงจะตัดเพื่อนกับกูรึเปล่า อันนี้ก็แล้วแต่มึงเลย ตอนนี้กูขอแค่คำอวยพร กูกำลังจะมีแฟนนะเว้ย แถมยังเป็นผู้ชายด้วย เป็นการแหกกฎครั้งสำคัญของตระกูลเลยนะ เจ๋งใช่มั้ยล่ะ มึงจะไม่อวยพรกูหน่อยเหรอ”
ซีวอนรอฟังอย่างใจเย็น แต่สิ่งที่คังอินพูดออกมากลับไม่ใช่คำอวยพรอย่างที่เขาต้องการ
“ถ้ามึงอยากคบกับผู้ชาย...มึงคบกับกูมั้ยล่ะ”
ซีวอนนิ่งไป จากนั้นก็หัวเราะ
“มึงพูดแบบนี้ทำไมวะ...ต้องการอะไรจากกู”
คังอินโพล่งบอกด้วยอารมณ์โมโหชั่ววูบ “ก็มึงเคยบอกกูว่ามึงเป็นเกย์ก็เพราะกู เพราะมึงรู้ตัวว่าชอบกู ตั้งแต่นั้นมามึงก็ไม่เคยชอบผู้หญิงที่ไหนอีก แล้วถ้ามึงจะคบกับไอ้แทคยอนนั่นแค่เพราะว่าผิดหวังจากกู กูก็ยอมไม่ได้ว่ะ!”
“อะไรนะ นี่กูเคยบอกมึงเมื่อไหร่วะ”
แล้วต่างฝ่ายก็ต่างเงียบ คังอินไม่รู้ตัวว่าพูดไปแบบนั้นได้อย่างไร แต่เขาคิดว่าไอ้ซีวอนเคยบอกเขาแน่ แค่จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ก็เท่านั้น ส่วนซีวอนก็นิ่งคิด เขาเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองสารภาพเรื่องน่าอายนั้นออกไปตอนไอ้คังอินกำลังจะตาย
“กูก็จำไม่ได้ว่ามึงบอกกูเมื่อไหร่ แต่กูดีใจนะเว้ย แล้วกูก็คงจะรู้สึกผิดถ้ามึงไปคบผู้ชายคนอื่น ในเมื่อมึงไม่ได้ชอบใครอีกนอกจากกู”
คังอินอธิบายแบบอ้อมๆ
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดมึง กูก็ไม่ได้คิดจะคบกับคุณแทคยอนแค่เพราะกูผิดหวังจากมึง คุณแทคยอนเป็นตัวเลือกให้กูตั้งแต่ต้น แล้วตอนนี้กูก็แค่เลือกเค้า” ซีวอนรู้ตัวว่ากำลังโกหก แต่นั่นเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี
“ไอ้ซีวอน กู...”
“พอเถอะ กูกับมึงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก แค่นี้ก่อนนะ กูจะออกไปข้างนอกแล้ว ไว้หลังจากนี้มึงพร้อมจะยอมรับคุณแทคยอนเมื่อไหร่...ก็ค่อยมาคุยกับกู”
ซีวอนตัดสายทิ้ง เขาเจ็บใจที่เผลอตื่นเต้นตอนที่ไอ้คังอินขอคบ แต่น่าขำชะมัด...ไอ้คังอินเหมือนเด็กที่ไม่เคยจริงจังกับเรื่องอะไรเลย แค่อยากได้อะไร...ก็จะเอาให้ได้ ไม่สนว่าจะต้องแลกกับอะไร หรือทำร้ายจิตใจใครบ้าง และเขาก็สะใจที่อย่างน้อยไอ้คังอินก็ได้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะยอมให้มันทุกอย่าง
ตอนนี้เขาไม่ใช่ชเวซีวอนคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ไอ้คังอินโทรเข้ามือถือหลายครั้งตอนเขาออกมาจากบ้าน แต่ ซีวอนก็เปลี่ยนเป็นระบบสั่นเอาไว้ และทำเป็นไม่สนใจเมื่อมีสายเรียกเข้า เขาไม่มีอะไรจะพูดกับไอ้คังอินแล้ว เขาจะต้องทำเพื่อตัวเองบ้าง จากนี้เขาต้องเลือกทางที่ตัวเองจะไม่เสียใจอีก ถึงจะเรียกว่า ‘หนี’ แต่อย่างไรเสียก็ดีกว่ายอมเจ็บแบบเดิมๆ
ซีวอนมาถึงร้านกาแฟที่นัดกับแทคยอนเอาไว้ เขาเดินตรงไปยังโต๊ะที่จองล่วงหน้าไว้เมื่อหลายชั่วโมงก่อน แทคยอนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว รายนั้นเชิญเขานั่งและส่งรีบเมนูให้
“ทานอะไรมั้ยครับ”
“ขอแค่คาปูชิโน่ร้อนแล้วกันครับ”
เขาตอบโดยไม่แตะเมนู แทคยอนยักไหล่ จากนั้นจึงเรียกเด็กเสิร์ฟเข้ามาเพื่อสั่งกาแฟให้
หลังจากเด็กเสิร์ฟเดินออกไปแล้ว ซีวอนก็รีบพูดอย่างร้อนใจ
“คุณแทคยอนครับ...ไอ้คังอินเหมือนจะจำสิ่งที่ผมพูดกับมันในเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ มันบอกว่าผมเคยพูด แต่แค่จำไม่ได้ว่าพูดเมื่อไหร่ ทำไมล่ะครับ...ทำไมมันถึงจำได้!”
แทคยอนจ้องหน้าเขา จากนั้นก็แกล้งหัวเราะ
“คุณซีวอน...คุณมาหาผมวันนี้เพื่อคุยเรื่องที่เราจะคบกันไม่ใช่เหรอครับ แล้วมาพูดถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผมแบบนี้...มันจะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ”
“โธ่...ก็ถ้าผมคุยเรื่องนี้กับคุณไม่ได้ แล้วจะให้ไปคุยกับใครล่ะ คุณเป็นเจ้าหน้าที่องค์กร มีหน้าที่ติดตามผลการลบความทรงจำของไอ้คังอินไม่ใช่รึไงล่ะครับ คุณควรทำอะไรสักอย่างสิ ตอนนี้เราจะแน่ใจ ได้ยังไงล่ะว่าไอ้คังอินจะไม่จำทุกอย่างขึ้นมาได้แล้วก็มีปัญหาทีหลัง”
ซีวอนเผลอแสดงสีหน้าวิตกออกมาอย่างชัดเจน และเห็นได้ว่าแทคยอนไม่ชอบใจนัก ขณะนั้นเด็กเสิร์ฟเอากาแฟมาวางให้ ทั้งสองจึงเงียบกันไปครู่หนึ่ง จนในที่สุดเมื่ออยู่กันลำพังอีกครั้ง แทคยอนก็พูดขึ้น
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ...เชื่อผมเถอะ”
ซีวอนไม่พูดอะไรต่อ เขารู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ควรพูดเรื่องไอ้คังอินในเวลานี้จริงๆ เขาควรจะเข้าเรื่องสำคัญอย่างที่แทคยอนบอก
“ขอโทษนะครับ ผมเพิ่งทะเลาะกับมันมาเมื่อกี๊...” กะจะเปลี่ยนเรื่อง แต่สุดท้ายก็พูดถึงไอ้คังอินอยู่ดี คิดแล้วก็รีบแก้ตัว “เอ่อ...แต่ว่าก็ไม่มีอะไรแล้วนะครับ เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว...”
แต่แล้วโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้บนโต๊ะก็สั่นครืดๆ
แทคยอนเหลือบตาลงมอง เมื่อเห็นว่ารูปหน้าจอและชื่อเป็นคนเดียวกับที่เขาคิดไว้ เขาก็แกล้งทำเฉย และลอบสังเกตปฏิกิริยาของคนตรงหน้า ซีวอนพอจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าใครโทรเข้ามา เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ แต่เพราะแทคยอนจ้องอยู่ เขาจึงกดตัดสายทิ้งทันที
“เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ” แทคยอนแกล้งถาม
“อ้อ...ใช่ครับ...เรียบร้อย” ซีวอนวางโทรศัพท์มือถือลงตามเดิม และเปลี่ยนมาหยิบแก้วกาแฟ เขายกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย ก่อนจะวางลง
“ต่อไปนี้เราก็คงจะได้มาเดทกันแบบนี้บ่อยๆ นะครับ ผมว่าคุณคงชอบดื่มกาแฟมากกว่าแอลกอฮอล์...จริงมั้ยครับ”
ซีวอนรู้สึกว่าแทคยอนพูดประชดเขา และพาดพิงไปถึงไอ้คังอิน ก็คงไม่แปลกอะไรที่แทคยอนจะหงุดหงิดบ้างที่เขายังไม่เด็ดขาดเรื่องไอ้คังอินจริงๆ เสียที
“ผมก็ดื่มได้ทั้งนั้นแหละครับ ขึ้นอยู่ว่าดื่มกับใคร”
แทคยอนเลิกคิ้วใส่เขา และซีวอนก็เพิ่งรู้ตัวว่าหงุดหงิดจนพูดประชดไปบ้างเหมือนกัน
ให้ตายเถอะ...แล้วเขาจะประชดคุณแทคยอนทำไมในเมื่อตัวเองต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด เขาอาจจะต้องบอกตัวเองอีกรอบว่า เขามาที่นี่เพื่อจะตกลงคบกับคุณแทคยอน ไม่ใช่มาชวนทะเลาะแล้วตัดขาดกัน
โทรศัพท์มือถือของซีวอนสั่นอีกครั้ง และคนที่โทรเข้ามาก็เป็นคนเดิม รูปที่โชว์หน้าจอทำให้ซีวอนอึดอัด ทำไมเขาถึงยังต้องเห็นหน้าไอ้คังอินอีกทั้งที่กำลังจะตกลงคบกับอีกคน แถมตอนนี้คุณแทคยอนก็จ้องเขาอย่างกับทำผิดร้ายแรง ซีวอนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาเอื้อมมือไปแตะโทรศัพท์ และกดตัดสายอีกครั้ง
“ผมรู้สึกว่า...ผมอาจจะใจกว้างไป”
จู่ๆ แทคยอนก็พูดขึ้น พลางประสานมือไว้บนโต๊ะราวกับกำลังจะพูดเรื่องจริงจัง “ผมจะยอมคบกับคุณ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณไม่ชอบผม และต่อให้คิดว่าอีกหน่อยก็คงชอบ...มันก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ ผมแค่รู้สึกว่าคุณยังรักคุณยองอุนอยู่...”
ซีวอนส่ายหน้าดิก “ไม่หรอกครับ ผมตัดใจแล้ว”
“ทีแรกผมคิดว่าผมคงเปลี่ยนใจคุณได้ ผมจะดีกับคุณ แล้วคุณก็จะเห็นว่าผมดีกว่าคุณยองอุนเป็นไหนๆ และคุณก็จะรักผม แต่ทีนี้คุณช่วยบอกผมหน่อยสิครับว่าผมมีสิทธิ์คิดแบบนั้นรึเปล่า ผมจะเปลี่ยนใจคุณได้จริงๆ ใช่มั้ยครับ”
ซีวอนเม้มริมฝีปาก เขาหลบตาสายตาแทคยอน ไม่มีคำพูดใดๆ อยู่นาน กระทั่งซีวอนตัดสินใจได้ และหันมายิ้ม
“ครับ ได้สิครับ”
หน้าจอมือถือของซีวอนสว่างขึ้นพร้อมเมลล์สั้นๆ ที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโดยอัตโนมัติ ซีวอนก้มลงมอง
‘กูชอบมึง...กูขอโทษ’
ซีวอนแทบหลุดคำสบถออกมา เขารีบเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์แล้วคว่ำหน้าจอลงกับโต๊ะ จากนั้นก็หันไปยิ้มกับแทคยอนต่อเหมือนว่าเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ้อ...ผมเห็นแล้วล่ะครับ ผมอ่านหนังสือกลับหัวได้”
ซีวอนหุบยิ้มแทบไม่ทัน แทคยอนสบตาเขา วางท่าสบายๆ คล้ายจะรู้ว่าต้องรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้แต่ต้น นอกจากจะสายตาดี อ่านหนังสือตัวเล็กจิ๋วแบบกลับหัวได้แล้ว ก็ดูเหมือนจะอ่านทางเขาออกอีกด้วย เขาก็น่าจะรู้ว่าอย่างคุณแทคยอนน่ะทักษะสูงแค่ไหน คนที่ถึงขนาดจับผิดเขาได้ อ่านใจเขาได้ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เอเลี่ยน คนแบบนี้น่ากลัวยิ่งกว่าโจคยูฮยอนเสียอีก
“ไอ้คังอินมันก็แค่จะยื้อผมไว้เท่านั้นแหละครับ มันแค่กลัวว่าจะไม่มีใคร ก็ผมเป็นเพื่อนสนิทมันมาตั้งนาน จู่ๆ จะทิ้งมันไปมีแฟน มันคงจะทำใจไม่ได้ แต่ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแทคยอน ยังไงผมกับไอ้คังอิน ก็คงเป็นได้แค่เพื่อนกัน”
แปลก...เขายังรู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆ เมื่อพูดประโยคสุดท้ายนั่น
“อืม ดูเหมือนคุณยองอุนจะพยายามทุกวิถีทางจริงๆ นะครับ คงจะอยากเป็นเพื่อนกับคุณมากเลย” แทคยอนยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ เขาไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่พูดออกไปมากนัก แต่มันกลับสะกิดใจอีกฝ่าย
“แต่คุณคงไม่เชื่อที่คุณยองอุนเมลล์มาหรอกใช่มั้ยครับ”
ซีวอนเหลือบตามองแทคยอน แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร โทรศัพท์มือถือที่วางคว่ำเอาไว้ก็สั่นอีกรอบ ซีวอนเหลือบตาลงมอง และเอื้อมมือออกไปแตะโทรศัพท์
“ผมว่า...ผมควรจะคุยกับมันให้จบๆ ไป” ซีวอนบอกแทคยอน จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือหงายขึ้น “ขอเวลาผมครู่หนึ่งนะครับ”
“อย่ารับเลยนะครับ”
ซีวอนนิ่งอึ้ง เขาจ้องหน้าแทคยอนอย่างไม่เข้าใจ และรายนั้นก็จ้องกลับด้วยสายตาแน่วแน่ มือที่ประสานไว้บนโต๊ะคลายออก เอื้อมมาหยิบโทรศัพท์ออกจากมือของเขาอย่างนุ่มนวล และกุมมือนั้นเอาไว้แทน
“คุณซีวอน คุณบอกเองว่าคุณยองอุนก็แค่อยากยื้อคุณไว้ ไม่ว่าเค้าจะต้องการคุณในฐานะอะไร...แต่เค้าต้องทำให้คุณเสียใจอีกแน่ คุณไม่ใช่สเปคของเค้า และคนที่เจ้าชู้เรื่อยเปื่อยขนาดนั้นก็ไม่มีวันเลิกนิสัยเดิมๆ ได้หรอก ถึงเค้าจะชอบคุณจริงอย่างที่เมลล์มา แต่คุณจะทำใจได้เหรอครับ ถ้าสักวันเค้าเกิดเบื่อคุณแล้วทิ้งคุณเหมือนที่ทำกับคยูฮยอน”
ซีวอนหลบตาวูบ เขาไม่เลี่ยงที่จะ รับรู้ว่าตัวเองเจ็บปวดแค่ไหน และดูเหมือนแทคยอนก็คงต้องการแบบนั้น แทคยอนรู้ว่าเขากลัวอะไรและกำลังเสนอทางหนีให้กับเขา ซีวอนยกยิ้ม จากนั้นก็หันมามองอีกฝ่าย
“ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติผมนะครับคุณแทคยอน”
สายตัดไปเองตั้งแต่เมื่อไหร่ซีวอนก็ไม่รู้ตัว เขามองมือตัวเองที่ถูกแทคยอนกุมเอาไว้ จากนั้นจึงพูด
“ผมคิดว่าถ้าเลือกคุณ...ผมก็คงจะไม่มีเรื่องให้ต้องเสียใจอีก แต่ทำไมพอเอาเข้าจริง...ผมถึงได้รู้สึกเสียใจมากขนาดนี้ จริงๆ แล้วผมไม่เห็นจะมีทางเลือกอื่นเลย ผมเลือกไอ้คังอินไม่ได้...แต่ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ไอ้คังอินได้รู้ว่าผมไม่ง้อมันหรอก ผมเลิกโง่แล้ว ต่อไปนี้ผมจะทำเพื่อตัวเอง ผมจะรักตัวเองให้มากๆ และผมจะรักคนที่เค้าเองก็รักผมอย่างเช่นคุณ แล้วผมก็คงจะมีความสุข...”
“คุณต้องมีความสุขแน่” แทคยอนบอก แต่ซีวอนหัวเราะ
“ผมรู้แล้วว่าปัญหาของผมคืออะไร ที่ผมยังลังเลอยู่แบบนี้ก็เพราะว่าผมอกหักแต่ไม่ยอมรับความจริงไงล่ะ! ผมอกหักจากไอ้คังอินเพราะผมรักมัน...”
หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นมาอีกครั้ง มันสั่นเบาๆ พร้อมกับแสดงรูปและชื่อเจ้าของสายเรียกเข้า ซีวอนสบตาแทคยอนครู่หนึ่ง จากนั้นก็ ดึงมือออก เปลี่ยนไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่สั่นอยู่ข้างๆ
“ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมกลับมา...”
ซีวอนลุกจากโต๊ะและเดินดิ่งออกไปนอกร้าน เขาไม่ได้หันกลับไปมองอีกว่าแทคยอนมองเขาด้วยสายตาแบบไหน เขายอมรับว่าตัวเองผิดที่ลังเล แต่ถ้าหากเขาไม่รับสายไอ้คังอินตอนนี้ เขาจะต้องรู้สึกอึดอัดและค้างคาใจไปตลอดแน่ๆ
ซีวอนกดรับสาย “มึงโทรมาทำไมอีก”
“ทำไมมึงไม่ยอมรับสายกู!”
“ก็รับแล้วนี่ไง”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างไม่มั่นใจนัก “มึงได้เมลล์กูแล้วใช่มั้ย มึง...อ่านแล้วใช่มั้ยวะ”
“เออ อ่านแล้ว มึงส่งผิดคนเหรอวะ”
“นี่...กูเพิ่งรู้จริงๆ นะเว้ย กูมาคิดทบทวนดูแล้ว...ที่ผ่านกูอาจจะชอบมึง แต่เพราะเป็นเพื่อนกัน กูก็เลยไม่รู้ว่า...นั่นเรียกว่าชอบ”
ซีวอนลอบถอนหายใจอย่างหงุดหงิด “ขอบใจนะที่พยายามขนาดนี้ กูรู้สึกดีขึ้นมากเลย มึงเมตตากูมาก...ซาบซึ้งโครตๆ”
“กูพูดจริงนะเว้ย นี่กูต้องรวบรวมความกล้าอยู่นานมากเลยนะ ทำไมมึงไม่เชื่อกู เออ! ทีแรกกูเองก็ไม่แน่ใจหรอกว่ากูรู้สึกยังไงกับมึงกันแน่ แต่ที่ผ่านมากูไม่ได้เห็นมึงมีประโยชน์แค่จะใช้เป็นพ่อสื่อนะเว้ย กูรู้สึกดีที่มีมึงอยู่ด้วย กูไม่อยากให้มึงชอบผู้ชายคนไหนนอกจากกู ใช่...กูหึงเวลาไอ้แทคยอนนั่นอยู่ใกล้มึง....”
ซีวอนรู้สึกเหมือนกำลังฟังนิทาน “มึงก็แค่ไม่อยากเสียกูไป”
“ใช่สิ! กูไม่อยากเสียมึงไป กูมันเห็นแก่ตัว แต่กูเข้าใจแล้ว...กูเสียใจที่ปล่อยให้มึงรู้สึกว่ามึงแอบชอบกูข้างเดียว กูมันขี้ขลาด กูไม่กล้าบอกมึงว่ากูเองก็คิดเหมือนกัน กูกะว่ายังไงก็คงเป็นเพื่อนกันต่อไปเรื่อยๆ แต่พอมึงบอกว่าจะคบกับคนอื่น กูก็ทำใจไม่ได้ว่ะ ถ้ากูไม่ได้ชอบมึง...ทำไมกูถึงรู้สึกแย่แบบนี้วะ!”
“พอแล้ว” ซีวอนพึมพำ
“กูไม่รู้จะอธิบายยังไง กูรู้ว่าพูดอะไรไปตอนนี้ก็ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น แต่กูขอร้องล่ะ! ให้โอกาสกูหน่อย มึงกลับมาคุยกับกูดีๆ เถอะนะ” คังอินลนลานบอกด้วยความสับสน แต่คนได้ฟังกลับรู้สึกสับสนยิ่งกว่า
ไม่เอาแล้ว...พอได้แล้ว ซีวอนบอกตัวเอง ตอนนี้เขาไม่อยากจะฟังอะไรอีกแล้ว เขาเหนื่อยมาพอแล้ว
“กูตกลงคบกับคุณแทคยอนไปแล้ว ถ้ามึงอยากคุยกับกูก็ต้องหลังจากนี้ เดี๋ยวไว้กูจะโทรกลับแล้วกันนะ โทษที”
ซีวอนรีบตัดบท เขาเกือบจะกดวางสายแล้ว แต่จู่ๆ ไอ้คังอินก็โพล่งใส่ราวกับหงุดหงิดที่ถูกต้อนจนมุม
“ก็ได้ๆ กูยอมแล้ว...กูรักมึง รักมาก พอใจรึยัง!”
ซีวอนบีบโทรศัพท์มือถือไว้แน่น แล้วเขาก็พูดเยาะๆ “กูไม่เชื่อ เพราะมึงเคยบอกกูเองว่า...มึงไม่เคยรักใครจริง”
แล้วเขาก็กดวาง
นี่ไม่ใช่หรือไงสิ่งที่เขาอยากได้ยิน แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกแย่ที่ฟังแล้วน้ำตาพาลจะไหล ไม่ใช่เพราะดีใจ แต่เพราะเจ็บปวดที่ไม่สามารถเชื่อใจไอ้คังอินได้
ซีวอนเดินกลับเข้าไปในร้าน เขาคงจะบอกคุณแทคยอนว่ามันไม่มีอะไรเลย และเขากับไอ้คังอินก็ไม่จำเป็นต้องเคลียร์อะไรกันอีก ดูเหมือนความพยายามครั้งสุดท้ายของมันคงล้มเหลว เพราะหลังจากเขาตัดสายไปแล้ว มันก็ไม่โทรมาอีกเลย
เมื่อมาถึงโต๊ะ แทคยอนก็หายไปเสียแล้ว มีเพียงธนบัตรค่ากาแฟ และกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งถูกพับครึ่งและสอดอยู่ใต้จานรองแก้ว ซีวอนหยิบกระดาษขึ้นมาเปิดอ่าน บนนั้นมีเนื้อความเป็นลายมือหวัดๆ ของแทคยอนเขียนเอาไว้
‘ผมคงคบกับคุณไม่ได้หรอกครับคุณซีวอน ผมทนไม่ได้ถ้าคุณจะคิดถึงคนอื่นตลอดเวลา อันที่จริงคุณก็อยากให้คุณยองอุนโทรมาง้อไม่ใช่เหรอครับ ถึงได้ไม่ยอมปิดโทรศัพท์ งั้นก็ลองเชื่อใจเค้าดูเถอะครับ ผมไม่ได้จะเสียสละหรอกนะ เพียงแต่มาคิดๆ ดูแล้ว...ผมคงเปลี่ยนใจคุณไม่ได้หรอก เหนื่อยเปล่า’
น่าแปลกที่ซีวอนอ่านแล้วขำ เขาเก็บกระดาษแผ่นนั้นไว้ และรีบออกจากร้าน คงต้องขอบคุณคุณแทคยอนที่ทำให้เขากล้าเชื่อใจคนที่รัก และตอนนี้เขาก็จะทำอย่างไรได้ล่ะ
ถ้าไม่ใช่กลับไปหาไอ้คังอิน...แล้วก็คงต้องเป็นไงเป็นกัน
ซีวอนมาที่คอนโดของคังอิน ก็เหมือนทุกครั้ง...เขากดรหัสเปิดประตูห้อง และเข้ามาได้โดยไม่ต้องกดกริ่งหรือขออนุญาต พอเข้ามาแล้วก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยเตะจมูก แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นบรั่นดีหรือว้อดก้า
ที่เห็นก็แค่ไอ้คังอินกำลังนั่งซดเบียร์กระป๋องก็เท่านั้น
คังอินหันมามองเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู แล้วเขาก็หันกลับไปจ้องหน้าจอโทรทัศน์...ที่ไม่ได้เปิด
“เดี๋ยวกูจะเปลี่ยนรหัสประตูแล้ว ต่อไปนี้มึงจะเข้ามาในห้องกูตามใจชอบอีกไม่ได้ คราวนี้กูจะคิดรหัสใหม่ เป็นรหัสส่วนตัว มึงไม่เกี่ยว”
คังอินพล่ามออกมายืดยาว ซีวอนฟังแล้วก็นึกสงสัย เขายืนอยู่ห่างๆ กอดอกพิงประตู พลางถาม
“แล้วรหัสเดิมมันเกี่ยวกับกูตรงไหนวะ”
คังอินนิ่งไปครู่หนึ่ง เขายกเบียร์กระป๋องขึ้นดื่ม จากนั้นก็ตอบ
“มึงเป็นเพื่อนสนิทกู ห้องกูก็เหมือนห้องมึง มึงเป็นคนเดียวที่เข้าห้องนี้ได้ตามใจชอบแล้วก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตกูก่อน แต่ในเมื่อตอนนี้มึงมีแฟนแล้วกูก็...”
“มึงตอบคำถามกูสิวะ กูสงสัยมานานแล้วว่ารหัส ‘35083791’ นี่มันมาจากไหน กูเคยถามแล้วมึงก็ไม่ยอมบอก จะว่าเป็นเลขที่มึงชอบ ก็ไม่ใช่ วันเกิดมึงก็ไม่ใช่อีก เลขรถมึงก็เปล่า จะว่าเป็นเลขบัตรประชาชน บัตรนักศึกษา หรือว่าเบอร์โทร. ก็ไม่ใช่...”
“หึหึ...มันซับซ้อนกว่านั้นเว้ย”
“ซับซ้อนแค่ไหนวะ” แต่เขาก็หลงกลถาม
“ก็...เอาวันเดือนปีเกิดของมึง บวกกัน ลบเหลือเลขตัวเดียว แล้วคูณกับเลขตัวเดียวจากวันเกิดกูที่ทำแบบเดียวกัน คูณต่อด้วยเลข 10 ที่มึงชอบ แล้วก็ทำเป็นยกกำลัง 5 เพราะเป็นเลขที่กูชอบ หารด้วยเลขท้ายรหัสนักศึกษาของมึง ลบกับเลขท้ายรหัสของกู บวกเลขรถมึงแล้วหารด้วยเลขรถกู ตั้งสแควร์รูทสอง แล้วบวกด้วยเลขท้ายสองตัวของเบอร์โทรศัพท์มึง ลบด้วยเลขท้ายสองตัวของเบอร์โทรศัพท์กู...”
คังอินหยุดพูดแล้วยกเบียร์ขึ้นจิบแก้คอแห้ง จากนั้นก็ต่อให้จบ
“...สุดท้ายเอาเลขที่ได้หารด้วยเลข 2”
ซีวอนเลิกคิ้ว “ทำไมต้องเลข 2”
“หมายถึงมึงกับกูไง”
คนฟังถึงกับชักสีหน้าใส่ จากนั้นก็แกล้งพูด
“ซับซ้อนจริงๆ ว่ะ กูคิดตามไม่ทันเลย จะบอกว่าแรกๆ กูถึงกับต้องจดไว้ แล้วแบบนี้มึงเคยลืมบ้างมั้ยวะ”
“เออสิ...กูบันทึกไว้ในมือถือ แต่เคยมีวันนึงกูลืมเอามือถือออกมาจากห้อง กูถึงกับต้องนั่งคำนวณอยู่หน้าห้องเลยนะเว้ย แต่ถึงจะคำนวณผิดไปหลายรอบ แต่กูก็จำเลขส่วนของมึงได้ขึ้นใจ”
ซีวอนอดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่ก็ทำตอนที่ไอ้คังอินหันไปทางอื่น เมื่อมันมองกลับมา เขาก็ตีหน้าเรียบเฉยอย่างเดิม
“งั้นก็ดีแล้วที่มึงจะเปลี่ยนรหัส ไม่ต้องเกี่ยวกับกูก็ได้...แต่อย่าเผลอกดรหัสเดิมแล้วคิดถึงกูขึ้นมาก็แล้วกัน”
คังอินจ้องหน้าเขา และหันกลับไปอย่างไม่พอใจ “ไม่ต้องมาพูด! มึงจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีก กูตัดเพื่อนกับมึงแล้ว!”
ซีวอนส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจของอีกฝ่าย เขาเดินเข้ามาแล้วเบียดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับไอ้คังอิน จากนั้นก็คว้ากระป๋องเบียร์จากมือมันมาดื่ม ไอ้คังอินจ้องหน้าเขา มือข้างหนึ่งยังค้างอยู่ในท่าถือกระป๋อง
“อ้อ มึงตัดเพื่อนกับกูแล้วเหรอ ว้า! แย่จัง...” ซีวอนจิ๊ปากเบาๆ เขากระดกเบียร์เข้าไปอีกอึก แล้วจึงเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“...งั้นลองเป็นแฟนกันมั้ย”
ไอ้คังอินเบิกตาขึ้น ซีวอนรีบหลบสายตานั้น แล้วแกล้งทำเป็นจิบเบียร์กลบอาการประหม่า
“อะไรของมึงวะ...มึงเยาะเย้ยกูใช่มั้ย!”
“กูไม่ได้คบกับคุณแทคยอน เค้าปฏิเสธกูว่ะ...เขาบอกว่าไม่ชอบคนนิสัยโลเลแบบกู เห็นมั้ย...คนดีๆ แบบนั้นยังไม่เอากูเลย แสดงว่ากูมันก็เลวพอสมควร เพราะฉะนั้นกูก็เหมาะกับมึงแล้วล่ะ...จริงมั้ย”
ซีวอนมองหน้าคังอินแล้วยกยิ้ม แต่ฝ่ายนั้นดูระแวง ไม่แน่ใจว่าโดนล้อเล่นเรื่องอะไรกันแน่ ซีวอนจึงรีบตัดบท
“เงียบนี่แปลว่าไม่เอาใช่มั้ย ตามใจแล้วกัน”
“ถ้ามึงจะแค่อำกูเล่น...” คังอินจ้องซีวอนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “...หรือว่ามึงไม่มีตัวเลือกแล้ว เพราะว่าคุณแทคยอนไม่ยอมคบกับมึง”
“กูไม่มีตัวเลือกมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ กูแค่โกหกมึง...อยากให้มึงรู้ว่ากูไม่ได้จะเป็นจะตายเพราะมึง สุดท้ายกูก็ต้องอยู่โดยไม่มีมึงได้ แต่ว่ากูก็อยากอยู่กับมึงอยู่ดี ไม่ใช่ว่ากูรักมึงมากกว่ารักตัวเองหรอก แต่เพราะกูมีความสุขที่ได้อยู่กับมึงว่ะ”
“กูขอโทษ” คังอินบอกเขา “มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ คือกูเพิ่งรู้สึกว่ามึงสำคัญสำหรับกูมากก็ตอนที่จะเสียมึงไป...”
“อืม ก็ฟังดูน้ำเน่าดีนะ”
ซีวอนหัวเราะพลางจะยกเบียร์ขึ้นจิบอีก แต่ก็โดนคังอินแย่งไปเสียก่อน รายนั้นกระแทกกระป๋องลงบนโต๊ะ แล้วเริ่มจ้องหน้าเขา
“กูอาจจะชอบใครไปเรื่อยเปื่อย นอนกับใครหลายๆ คน แต่คนที่กูไม่กล้าแตะต้องแล้วก็อยากอยู่ด้วยจริงๆ ก็คือมึง กูไม่มีวันจะทิ้งมึงเหมือนที่ทำกับคนอื่น กูเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นเพราะตอนที่ทะเลาะกับมึงหลังออกจากโรงพยาบาล กูก็ไม่มีกะจิตกะใจจะจีบใครอีก นึกย้อนไปแล้วกูถึงได้รู้สึกว่ามึงสำคัญกับกูมาก มึงเป็นคนแรกที่กูนึกถึง แล้วกูก็รู้สึกว่าคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมึง...”
“เหรอ” ซีวอนพึมพำเบาๆ
คังอินคิดว่าท่าทางเฉยเมยนั้นคือการปฏิเสธ แต่เขาไม่ยอมแพ้
“กูคงรักมึงเข้าแล้วล่ะ บางที...กูอาจจะอยากหยุดอยู่ที่มึง”
แต่ซีวอนก็ยังเฉยๆ ไม่สบตาเขา คังอินจึงเพิ่มระดับความจริงจัง
และพูดเสียงดังกว่าเดิม “โอเค!!! ถ้ามึงไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ให้โอกาสกูได้ลองพิสูจน์สิ กูจะไม่ทำให้มึงเสียใจอีกกูสัญญา!”
“มึงจะพูดมากอีกทำไมวะ!” ซีวอนหันไปแหวใส่ฝ่ายนั้น “กูก็ถามมึงแล้วไงว่ามึงจะคบกับกูมั้ย แม่งจะพล่ามให้มันยืดยาวอีกทำไม!”
“...”
“...เขินนะเว้ย”
เมื่อเห็นซีวอนหน้าแดง คังอินก็ยิ้มออก เขาแกล้งเอนตัวพิงพนักโซฟาแล้วเอื้อมมือไปโอบไหล่อีกฝ่าย ซีวอนมองมือนั้น แต่ไม่กล้ามองหน้าคังอิน ครู่หนึ่งทั้งสองจึงมองตรง นั่งดูโทรทัศน์ที่ไม่ได้เปิด
คังอินลอบหันไปมองซีวอนแวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้น
“ถ้าเรียนจบแล้วมึงย้ายมาอยู่คอนโดกับกูเถอะนะ กูจะให้มึงเป็นคนตั้งรหัสประตูห้องเลยเอ้า!” ได้ยินดังนั้นซีวอนก็แค่นหัวเราะ
“คิดดีแล้วเหรอที่พูดน่ะ อีกตั้งเกือบปี...กว่าจะถึงตอนนั้นมึงก็คงเบื่อกูแล้วล่ะมั้ง อย่าว่าแต่ให้กูย้ายมาเลย แค่รหัสประตูมึงก็คงจะเปลี่ยนหนีด้วย”
“ไม่ทำอย่างนั้นแน่ ถึงยังไงกูก็ไม่ยอมให้มึงไปรักคนอื่นหรอก เพราะฉะนั้นกูจะไม่ทิ้งมึงแน่นอน” คังอินบอก
“ถ้ามั่นใจขนาดนั้นก็ไว้ถึงตอนนั้นค่อยมาพูดเถอะว่ะ”
“ได้ แต่ระหว่างนี้อย่าไปไหนเลยนะ...กูจะไม่เจ้าชู้อีก กูสาบาน”
ซีวอนหันไปมองคังอินด้วยแววตาแบบที่เขาเคยต้องซ่อนมันเอาไว้ ด้วยความในใจทั้งหมดที่เขามี และด้วยความจริงใจต่อความรู้สึกของตัวเอง จากนั้นเขาก็ยิ้มรับ
“ถ้าเจ้าชู้จะฆ่าทิ้งแม่งเลย...”
END
ความคิดเห็น