ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] No Playboy - KangWon (Kangin X Siwon)

    ลำดับตอนที่ #17 : [12] Confession

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 55




                    ซีวอนตื่นขึ้นมาในตอนเช้า หลังจากงัวเงียอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตรวจดูสายไม่ได้รับหรือข้อความเข้า ทว่าก็ไม่มีทั้งสองอย่าง ซีวอนใจหาย เขาก็แค่พูดไปเพราะเป็นห่วงไอ้คังอินเหมือนทุกๆ ครั้ง กลัวว่ามันจะขับรถเร็ว ใจร้อน และเกิดอุบัติเหตุ หวังว่าเมื่อคืนคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทำไมไอ้คังอินถึงไม่โทรหาเขา หรือส่งข้อความมาบอกอย่างที่มันเคยพูด

     

                    เขารีบกดโทรออก

     

    และภาวนาอย่าให้เป็นอย่างที่เขาวิตกจริตไปเองเลย

                    ว่าไง...

     

    ปลายสายตอบรับ แต่ค่อนข้างช้า น้ำเสียงงัวเงียเพราะเพิ่งตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์เมื่อครู่ ซีวอนถอนหายใจเฮือก เขารีบเอ็ดคนในสาย

                    เมื่อคืนกลับถึงคอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไหนบอกว่าจะโทรหากู กูก็ตกใจหมด นึกว่ามึงเป็นอะไรไป

                    หืม? ไอ้คังอินส่งเสียงอยู่ในลำคอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ

    “ก็มึงบอกว่าไม่ได้เป็นห่วงกู แล้วมึงก็ไม่อยากรู้อะไรเลยด้วยไม่ใช่เหรอวะ กูก็เลยไม่โทรไป     

                    ซีวอนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอย่างนั้นจริง และเขาก็คงเสียรู้ไอ้คังอินอีกแล้ว

                    นี่รีบโทรมาแต่เช้าเชียว...เป็นห่วงกูจนทนไม่ได้ล่ะสิ

                    เขาจะทนไม่ได้ก็เพราะอีกฝ่ายพูดแทงใจดำนี่แหละ แต่ถึงในใจจะตะโกนว่า เออๆๆๆๆ แต่เขาก็พูดออกมาได้แค่

                    ...จะบ้ารึไง!”

     

                    คังอินลุกขึ้นจากเตียง และเดินไปที่ครัว

    กูรู้ว่ามึงหายโกรธกูแล้ว ถึงกูจะไม่รู้ว่ากูทำอะไรผิดก็เถอะ แต่ก็ดีแล้วที่มึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม...

                    เหมือนเดิม... ซีวอนทวนคำ เหมือนเดิมคืออะไรวะ

                    อ้าว ก็กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีของกูเหมือนเดิมไง กลับมาคอยเป็นห่วงกู บ่นกู ด่ากู แล้วก็โทรปลุกกูตอนเช้า

    คังอินหัวเราะเบาๆ ขณะมองหากาน้ำร้อน เขานึกได้ว่าเก็บไว้ในตู้จึงไปเอาออกมา แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่าซีวอนเงียบไปนาน

    นี่...กูหมายความว่ากูชอบที่มึงเป็นแบบนี้ แล้วกูก็ไม่ชอบเวลาที่มึงโกรธกู มึงไม่เคยบอกกูเลยสักครั้งว่าโกรธกูเรื่องอะไร แล้วกูจะง้อมึงถูกได้ยังไงล่ะ ถึงมึงจะหายโกรธเองทุกครั้ง แต่กูก็ไม่สบายใจนะเว้ย มึงอย่ามาทำเป็นงอนเหมือนพวกผู้หญิงหน่อยเลยน่า มึงก็รู้ว่านิสัยกูเป็นแบบนี้ แต่ถ้ามึงไม่ชอบใจ ไม่พอใจ มึงก็บอกมาตรงๆ ได้           

    ไม่ใช่ความผิดมึงหรอก ซีวอนพึมพำออกมา ก็เพราะกูรู้ว่ามึงเป็นยังไง กูเลยไม่เคยโกรธมึงได้จริงๆ สักครั้ง กูโกรธตัวเองมากกว่า

                    งั้นกูยอมให้มึงโกรธกูอย่างเดิมดีกว่าว่ะ

                    “ช่างเถอะ...กูจะเข้าห้องน้ำแล้ว แค่นี้ก่อนนะ” ซีวอนรีบตัดบทเพราะยิ่งไอ้คังอินพูดดีกับเขาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่ คงเป็นเพราะความคิดที่สวนทางกัน แน่ล่ะ...ก็มันคิดกับเขาแค่เพื่อนเท่านั้น

                    คังอินส่งเสียงอืมๆ ไปตามสาย จากนั้นก็กดวาง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เพราะรู้สึกแปลกๆ เหมือนว่าใจหายที่รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยอยากคุยกับเขา โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่   

    อาจเป็นเรื่องที่เขาทำตัวแย่ๆ หรือไม่ก็คงเรื่องคุณแทคยอนนั่น อย่างแรกน่ะพอรับได้ ถ้าเป็นอย่างหลังล่ะก็...เขาไม่มีวันยอมเด็ดขาด!

                    คังอินออกมาที่จัตุรัสในเมืองเพื่อหาซื้อแผ่นดีวีดีภาพยนตร์ไปดูแก้เซ็งสัก 2-3 เรื่อง เขาเข้ามาที่ร้านประจำ และยืนเลือกแผ่นอยู่นานสองนาน ครู่หนึ่งก็มีคนมายืนอยู่ที่ชั้นวางอีกด้าน คังอินเงยหน้ามอง และเห็นว่ารายนั้นก็ก้มหน้าเลือกแผ่นอยู่เช่นกัน เขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่แล้วก็ต้องมองอีกครั้งเมื่อฝ่ายนั้นทำแผ่นดีวีดีตกเสียงดังเคร้ง

     

                    “ขอโทษ...” คนที่ทำแผ่นหลุดมือรีบเอ่ยออกมาลอยๆ แล้วเก็บแผ่นวางบนชั้นตามเดิม เมื่อเห็นว่าคังอินมองอยู่ เขาก็เงยหน้าขึ้นมาเช่นกัน ทั้งสองสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเบิกตาขึ้นเล็กน้อย

                    “คุณ?” คังอินมองชายหนุ่มหน้าหวานที่สวมแว่นตาคนนั้นด้วยความสงสัย เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่ารู้จัก แต่ก็นึกไม่ออกว่ารู้จักได้อย่างไร “ขอโทษนะครับ เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่า คุณ....”

                    “ฉันชื่อปาร์คจองซู” อีกฝ่ายขยับยิ้มแล้วแนะนำตัวเมื่อเห็นว่าคังอินนึกชื่อของเขาไม่ออก คังอินพยักหน้ารับแต่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

                    “คุณจองซู? ชื่อคุ้นมากเลยนะ เราเคยเจอกันที่ไหนรึเปล่าครับ”

                    “จะว่าเคยก็เคย จะว่าไม่เคยก็ไม่เคย” จองซูตอบแบบนี้ คนได้ฟังก็ถึงกับทำหน้างง

                    “แล้วสรุปว่าเคยมั้ยล่ะครับ”

                    ปาร์คจองซูคลี่ยิ้มแล้วขยับแว่น “เราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่ามั้ย ชอบดื่มกาแฟรึเปล่า มีร้านโปรดของฉันอยู่ฝั่งตรงข้ามแน่ะ”

                    “อ้อ...ครับ ได้ครับ” คังอินไม่แน่ใจนักว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร และอยากนั่งคุยกับเขาเพราะอะไร แต่เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเคยเจอคุณจองซูที่ไหนมาก่อน เขามั่นใจแบบนั้น

     

                    คังอินนั่งมองจองซูยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ รอกระทั่งฝ่ายนั้นวางถ้วยลง และสบตาเขา

                    “คุณคงไม่ได้คิดว่าผมเข้ามาจีบคุณใช่มั้ย เรื่องที่ผมบอกว่าเคยเจอคุณมาก่อนน่ะเป็นเรื่องจริงนะ ผมไม่ได้จะเล่นมุกจีบคุณ...”

                    จองซูหัวเราะ “รู้แล้วน่า อย่างฉันไม่ใช่สเปคนายหรอก จริงมั้ย”

                    คังอินอึดอัดเล็กน้อยกับสายตาของคุณจองซูที่มองมา เขารู้สึกแปลกใจ และนึกสงสัยว่าคนๆ นี้รู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง

                    “แล้วคุณรู้เหรอว่าสเปคผมเป็นยังไง”

                    “แน่นอน...”

                    “แล้วคุณรู้ได้ยังไง” คังอินรีบซัก ไม่ยอมปล่อยให้รายนั้นเฉไฉ

                    จองซูยืดตัวขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “เราเคยเจอกันครั้งนึง ถึงนายจะจำฉันไม่ได้ก็เถอะ ฉันรู้จักกับซีวอน เพื่อนของนาย แล้วก็รู้จักกับแทคยอน คนที่จีบเพื่อนนาย”

                    “อะไรนะ! นี่คุณรู้จักไอ้ซีวอนเหรอ” คังอินประหลาดใจ

                    “ใช่ ฉันเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยของซีวอน แต่ก็ไม่สนิทเท่าไหร่หรอกนะ” จองซูบอก คังอินจึงร้องอ๋อ

                    “มิน่า ผมถึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้าคุณ แต่ไม่รู้จักคุณ”

                    จองซูยิ้มรับเล็กน้อย จากนั้นก็ถามขึ้น “แล้วตอนนี้ซีวอนสบายดีรึเปล่า ฉันไม่ได้เจอเขานานแล้วน่ะ”

                    “ก็สบายดีครับ” คังอินไม่รู้ว่าจะตอบอะไรได้มากไปกว่านี้

                    “แล้วความสัมพันธ์ของนายสองคนล่ะ...ยังดีอยู่มั้ย”

                    คังอินขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่ายังไง”

                    “ก็ความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิทที่ค่อนข้างคลุมเครือไง ยังเหมือนเดิมอยู่รึเปล่าล่ะ” จองซูอดไม่ได้ที่จะพูดแซว ส่วนคังอินก็หัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงถามแบบทีเล่นทีจริง

                    “นี่คุณคิดว่าไอ้ซีวอนชอบผมรึไง!

                    “ฉันคิดว่านายสองคนชอบกันต่างหากล่ะ”

     

                    จองซูสบตาอีกฝ่ายที่เงียบไปกะทันหัน จากที่หัวเราะอยู่เมื่อครู่ก็กลับหน้าบึ้ง ท่าทางหงุดหงิด

                    “ถึงคุณจะรู้จักไอ้ซีวอนแต่คุณไม่รู้จักผม...คุณเอาอะไรมาพูด”

                    “นายก็เป็นซะแบบนี้ แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคำว่า เพื่อนทำให้นายไม่กล้าคิดเป็นอย่างอื่นสินะ” จองซูแสร้งถอนหายใจ

                    “ถ้าคุณคิดว่าอ่านใจผมได้ล่ะก็คุณคิดผิดแล้ว”

                    “นายสองคนก็ปากแข็งกันทั้งคู่ ทำไมไม่เอาอย่างเจ้าแทคยอนบ้างล่ะ...พูดอะไรตรงไปตรงมา แถมใจกล้าหน้าด้าน”

    จองซูไม่ได้สนใจสิ่งที่คังอินพยายามจะแก้ตัว เขาพูดในมุมมองของตัวเองไปเรื่อยๆ “ถ้านายไม่ได้ชอบซีวอนจริง นายก็น่าจะยอมเปิดทางให้แทคยอนนะ หมอนั่นชอบเพื่อนนายมาก”

    “แต่เพื่อนผมไม่ชอบไอ้แทคยอนแน่!

    “แล้วไง?” จองซูไม่ยอมให้คังอินเถียงข้างๆ คูๆ ได้ “เค้าเคยบอกว่ารำคาญรึเปล่า เคยบอกว่าอยากไล่ไปไกลๆ รึเปล่า”

    คังอินหน้าเจื่อน “ก็ไม่...”

    “เพราะฉะนั้นนายก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนซีวอนใช่มั้ยล่ะ ยอมรับเถอะว่าอคติที่นายมีต่อแทคยอนน่ะ...เพราะนายหึง”

    “คุณจะบีบให้ผมยอมรับเพื่ออะไร” คังอินแค่นหัวเราะ เขาไม่เข้าใจคุณจองซู ไม่อยากเชื่อว่าคนที่ไม่รู้จักกันดีเท่าไหร่จะกล้าพูดเรื่องนี้

    จองซูยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ พอลดถ้วยลงจึงค่อยตอบ “เพราะว่าสิ่งที่นายทำอยู่มันทำร้ายคนอื่นน่ะสิ”

    “ยังไง” คังอินเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด

    “อ้อ...แล้วก็ทำร้ายตัวเองด้วย นายคงไม่รู้หรอกว่านายกำลังหนีอะไรอยู่ เพราะนายไม่อยากรู้ด้วยซ้ำ”

    “หยุดพูดอะไรงงๆ ซะที!

    “นายกล้าถามซีวอนมั้ยล่ะว่าเค้าชอบนายมั้ย”

    คังอินชะงัก จากที่โมโหเมื่อครู่กลายเป็นหน้าถอดสี อ้ำอึ้ง

    “อะไรนะ...แล้วทำไมจะต้องไปถามมันด้วย”

    “เห็นมั้ย...แค่ตอบคำถามฉันนายยังพยายามเลี่ยงเลย แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้ว นายกลัวว่าจะรู้ใจตัวเอง” จองซูสรุปอย่างรวดเร็ว และมองหน้าคังอินที่เงียบไปเพราะเถียงไม่ทัน “นายมันขี้ขลาด...ถ้านายยอมรับความจริงแล้วบอกซีวอนไปตรงๆ แต่แรกว่านายชอบเค้าล่ะก็ เรื่องร้ายๆ แบบนั้นก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก”

    “อะไรนะ! นี่ผมไม่ได้...” คังอินจะค้าน แต่ก็พูดไม่ออก แล้วจู่ๆ เขาก็เอะใจในคำพูดของจองซู “เรื่องร้ายๆ อะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ”

    จองซูคลี่ยิ้มราวกับจะทิ้งไว้ให้เป็นปริศนา เขาลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างช้าๆ แล้วหยิบกระเป๋ามาสะพาย

    “จะเอายังไงก็รีบตัดสินใจแล้วกันนะพ่อหนุ่มเพลย์บอย เพราะว่าจริงๆ แล้วฉันก็เอาใจช่วยเจ้าแทคยอนอยู่เหมือนกัน”

    คังอินฉุกคิดเรื่องนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดูเหมือนเขาจะตกหลุมพรางคำพูดและแววตาแสนเจ้าเล่ห์ที่จองซูจงใจทิ้งไว้ก่อนจะจากไป

     

    หลังจากเดินออกมาพ้นรัศมีการมองเห็นของอีกฝ่ายแล้ว ปาร์คจองซูก็หันหลังพิงกำแพงตึก หยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทรออก และเมื่อปลายสายรับ เขาก็ยกยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากก่อนบอกอย่างร่าเริง

     

    “เรียบร้อยแล้วนะแทคยอน อย่าลืมล่ะ...นายติดเลี้ยงข้าวฉันหนึ่งมื้อ ขอเป็นบุฟเฟ่ต์แล้วกันนะ”

    คังอินรีบกลับมาที่คอนโด เขาไม่ได้สนใจจะดูหนัง เพราะตอนนี้มีอย่างอื่นที่เร่งด่วนกว่าต้องทำ เขาเดินไปที่โต๊ะอาหาร และหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่วางทิ้งไว้เมื่อคืนขึ้นมาดู จากนั้นเขาก็กดโทรศัพท์หาซีวอน

    “ไง...”

    “ไอ้ซีวอน...เอ่อ...สบายดีมั้ยวะ” พูดจบก็เกาศีรษะอย่างงงๆ ว่าจะพูดแบบนั้นออกไปทำไมในเมื่อไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ตั้งใจไว้

    “ก็สบายดี ถามทำไมวะ...ก็เพิ่งคุยกันไปเมื่อเช้าเอง” ซีวอนบอก

    “แต่ก็ตั้งหลายชั่วโมงแล้วนะเว้ย เออ...ช่างเถอะ พอดีมีเรื่องจะคุยกับมึงแบบจริงจัง ก็เลยโทรมา” คังอินพูดเร็วๆ เพื่อให้จบเรื่อง

    “เรื่องอะไรวะ”

    “ก็เรื่อง...” คังอินสูดหายใจแล้วพูดแบบอ้อมๆ คือ...มึงเป็นเพื่อนที่ดี ดีมากจริงๆ ที่ผ่านมามึงดีกับกูมาก กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ยวะ

                    ซีวอนหลุดขำทั้งที่ไม่อยู่ในอารมณ์จะร่าเริง เออ เคยบอกแล้ว แต่มึงมักจะพูดตอนที่มีเรื่องขอให้กูช่วย หรือว่าอยากได้อะไรจากกู

                    คังอินแค่นหัวเราะกับตัวเอง นั่นสิ...

                    นี่ใช่มั้ยเรื่องที่โทรมา ตอนนี้มึงจะขออะไรกูอีกล่ะ ซีวอนถาม

                    อืม...จริงๆ แล้วทีแรกที่พูดก็ไม่ได้คิดจะขออะไรหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้เพิ่งนึกได้ คังอินนั่งลงที่เก้าอี้ เขาเคาะกระดาษการ์ดเล็กๆ นั่นลงบนโต๊ะ และครุ่นคิดอย่างหนัก กูคิดว่า...กูอยากชวนมึงไปดื่มว่ะ! ถือว่าฉลองที่กูออกจากโรงพยาบาล     

    เหรอ... ซีวอนไม่รู้จะพูดอะไร

                    แต่ไม่ใช่ที่เดิมนะ แล้วก็ไม่ได้จะให้มึงเป็นพ่อสื่อให้กูด้วย ถ้าเป็นแบบนี้มึงโอเคมั้ยล่ะ ไปเถอะน่า...กูตั้งใจไว้แล้วว่าจะเลี้ยงขอบคุณมึง แล้วก็ตอบแทนที่มึงดีกับกูมาตลอด

                    ซีวอนแปลกใจเล็กน้อยที่เพิ่งได้ยินไอ้คังอินพูดจาดีแบบนี้ ทำไมเขาจะต้องปฏิเสธในเมื่อก็แค่ไปดื่มกัน และเขาก็จะไม่ต้องสวมบทพ่อสื่อให้มันอีกแล้ว ซีวอนลอบยิ้มกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ตกลง

                    อืม...ไปดิ กี่โมง

                    คังอินดูนาฬิกาเพื่อกะเวลาอีกที และเมื่อคิดแล้วก็ตอบไป

    วันนี้ตอนสองทุ่มได้มั้ยวะ แต่มึงไม่ต้องเอารถไปหรอก เดี๋ยวกูไปรับมึงที่บ้าน โอเคมั้ย

     

                    โอเค...แล้วเจอกันว่ะ

     

     

                    หลังจากวางสายแล้ว คังอินก็ได้แต่นิ่งคิด ทำไมเขาถึงได้วางเดิมพันที่เสี่ยงขนาดนี้เพียงเพื่อจะได้รู้ใจไอ้ซีวอน ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด...และท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างจะลงเอยด้วยการที่เขาต้องเสียเพื่อนให้   คนอื่นไป เขาควรจะทำอย่างไรดี และตรงข้าม...ถ้าได้รู้ว่าไอ้ซีวอนชอบเขาจริงอย่างที่คุณจองซูท้า เขาจะพร้อมยอมรับความจริงได้หรือ!

                    คังอินเท้าศอกลงกับโต๊ะและกุมขมับ ตอนนี้เขาสับสนเพราะมีหลายเรื่องที่เขาไม่กล้าคิดต่อ เพราะแน่นอนว่าเขากลัวจะต้องยอมรับมัน เขาพยายามเลี่ยง แต่หลายเรื่องที่ว่าก็ยังผุดขึ้นมาในหัว แล้วเขาก็เริ่มปวดหัว คังอินบอกให้ตัวเองเลิกคิด เขาเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อหายาแก้ปวดมากินกันไว้ แต่เขาก็หาไม่เจอ คังอินจำไม่ได้ว่าเก็บไว้ที่ไหน เขาลองค้นทุกลิ้นชักโต๊ะ และเมื่อดึงลิ้นชักบนสุด เขาก็ดึงไม่ออก

     

                    อะไรวะ...ล็อคได้ยังไง

                    คังอินบ่นพลางหามองหากุญแจ เขาคิดว่าตัวเองเสียบกุญแจคาไว้ตลอด และไม่เคยล็อค แต่ตอนนี้มันหายไป เขาจึงต้องวุ่นวายหากุญแจแทนยาแก้ปวด แต่หาทั่วโต๊ะแล้วก็ยังไม่เจอ

    คังอินยืนเกาศีรษะ จากนั้นก็เอาคลิปเหน็บกระดาษมาดัดทำเป็นกุญแจผี สอดเข้าไปไขจนสำเร็จ

                    เมื่อเปิดลิ้นชักออกได้ คังอินก็ดีใจ เขาคิดว่าจะได้เจอกระปุกยาแก้ปวดที่หาอยู่ แต่แล้วก็ผิดหวังเมื่อในลิ้นชักมีแค่มีดคัตเตอร์

                    โธ่เอ๊ย! แล้วกูจะเก็บมันล็อคกุญแจไว้ทำไมวะ

     

                    คังอินส่ายศีรษะ แล้วหยิบมีดคัตเตอร์ขึ้นมาพิจารณาดู พลันนั้นเขาก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนว่ามีเหตุการณ์อะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังลิ้นชักที่ล็อคกุญแจ และมีดคัตเตอร์เล่มนี้ แต่เขาก็นึกไม่ออก มันไม่ปกติแน่ที่จู่ๆ เขาก็เก็บมีดคัตเตอร์ใส่ลิ้นชักและล็อคกุญแจ แถมยังดึงลูกกุญแจออก เก็บไว้ที่ไหนก็ยังจำไม่ได้

     

                    เขาทรมานเพราะนึกอะไรไม่ออกและรู้สึกโหวงๆ เหมือนว่าความทรงจำขาดหายไปช่วงหนึ่ง แต่นี่อาจจะเป็นอาการของคนที่สลบไปสองอาทิตย์แล้วฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นได้

     

    คังอินบอกตัวเองอย่างนั้น...และเขาก็รีบเก็บมีดคัตเตอร์ใส่ลิ้นชักตามเดิม น่าแปลกที่ในเวลาแบบนี้เขานึกถึงไอ้ซีวอนขึ้นมา เขาอยากให้มันอยู่ตรงนี้ และตอบคำถามเขาทุกเรื่อง อยากให้มันบอกเขาว่าเขาคิดไปเอง เขากังวลเกินไป บ่นก็ได้ หรือจะด่าเขาก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ไม่เคยทิ้งเขา ไม่ว่าปากจะบอกว่าเขาเลวร้ายแค่ไหน มันก็เป็นคนเดียวที่อยู่ข้างเขามาตลอด

     

                    แล้วคังอินก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อยเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์

    ให้ตายสิ...แล้วทำไมเขาถึงเผลอคิดอะไรแปลกๆ แบบนี้ได้นะ!     











    ไอ้คังอินจะไม่เป็นไรแน่เหรอครับ คุณแทคยอน

     

                    ซีวอนกำลังคุยโทรศัพท์กับแทคยอน เขาร้อนใจเรื่องที่ไอ้คังอินโทรมาหาอีกรอบเมื่อครู่และเล่าเรื่องลิ้นชักที่ล็อคเอาไว้ให้เขาฟัง ก่อนมันจะพูดอีกยืดยาวว่ารู้สึกเหมือนมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเขา เพราะว่าเห็นมีดคัตเตอร์ที่อยู่ในลิ้นชักนั่น

     

                    คุณยองอุนคงจำอะไรไม่ได้แน่ๆ ล่ะครับ ไม่ต้องห่วง เพียงแต่อาจจะแค่รู้สึกคุ้นเคย แล้วก็เกิดเอะใจขึ้นมา แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอกครับ แทคยอนบอกพลางนึกทฤษฎีหนึ่งขึ้นมาได้ หรือไม่ก็อาจจะแค่เกิดเดจาวูน่ะครับ คุณซีวอนคงรู้จักเดจาวูใช่มั้ยครับ พอเห็นภาพหรือเหตุการณ์บางอย่างในปัจจุบัน คนเราก็จะรู้สึกเหมือนกับว่ามันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว...

                    คุณแทคยอนหมายความว่าไอ้คังอินก็อาจจะเกิดเดจาวูได้...

                    ใช่ครับ แต่เพราะปกติแล้วเรารู้ว่ามันก็แค่เดจาวู เราก็เลยไม่คิดอะไรมาก คุณยองอุนก็เหมือนกัน เค้าคงจะไม่สงสัยอะไรถึงขั้นต้องนึกให้ได้หรอกนะครับ คุณซีวอนก็ช่วยบอกเค้าด้วยว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ เค้าจะได้สบายใจแทคยอนบอก

                    ซีวอนยิ้มเล็กน้อย ขอบคุณครับ ผมหวังว่าไอ้คังอินมันจะดีขึ้น มันคงไม่เจออะไรที่ทำให้นึกถึงเรื่องพวกนั้นอีกแล้วล่ะมั้ง

                    จริงๆ แล้วก็ยังมีนะครับ เป็น อะไรที่ใกล้ตัวคุณยองอุนและคงปฏิเสธที่จะนึกถึงไม่ได้ซะด้วย

    แทคยอนพูดพลางหัวเราะ ซีวอนจึงขมวดคิ้ว

                    อะไรเหรอครับ

     

                    ก็คุณไง...คุณซีวอน

     

                    เจ้าตัวนิ่งไปครู่หนึ่ง และเมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อวันก่อน เขาก็ยอมรับ นั่นสินะครับ ผมก็รู้สึกว่าไอ้คังอินมันแปลกไป...เหมือนว่าทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้น เหมือนว่ามันจะเข้าใจความรู้สึกของผมมากขึ้น บางทีมันอาจจะยังเหลือความรู้สึกดีๆ ให้ผมอยู่บ้าง หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น

                    งั้นเหรอครับ ดีใจด้วยนะครับ แทคยอนบอก

                    จะดีจริงเหรอครับคุณแทคยอน ผมว่าผมจะกลายเป็นตัวปัญหาที่ทำให้มันยิ่งสับสนมากกว่าล่ะมั้ง อ้อ...ผมคงต้องวางสายแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ ผมกำลังจะออกไปดื่มกับไอ้คังอิน แล้วไว้จะเล่าให้ฟัง

                    แทคยอนได้ยินก็หัวเราะ

     

    ผมกลายเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจของคุณไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถ้าเป็นเรื่องดีๆ แบบนั้นล่ะก็...ผมไม่เต็มใจรับฟังหรอกนะครับ

                    เข้าใจแล้วครับ งั้นจะเล่าแต่เรื่องแย่ๆ ก็แล้วกัน ซีวอนพูดเล่น จากนั้นเขาก็วางสาย เมื่อเหลือบมองดูนาฬิกาอีกรอบแล้วเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัด เขาก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัว

    คิดๆ แล้วก็ละอายใจ...บางทีเขาอาจจะตื่นเต้นเกินไปก็เป็นได้

     

                    แต่ไปร้านอื่นที่ไม่ใช่บาร์เกย์...แล้วจุดประสงค์ก็คือไปนั่งดื่มกันสองคน ไม่มีกิจกรรมจีบเด็กเหมือนคราวก่อนๆ

     

     

    สำหรับซีวอนแล้ว...แบบนี้ก็เรียกว่า เดทน่ะสิ

                    จะว่าเข้าข้างตัวเองเกินไปก็ว่าได้ แต่ตอนนี้ซีวอนรู้สึกว่าทุกอย่างก็เอื้อให้เขาเข้าข้างตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะไอ้คังอินพาเขามาที่ร้านหรูอย่างกับจะพามาดินเนอร์ แถมบรรยากาศที่นี่ก็โรแมนติกสุดๆ ด้วยแสงเทียนและเสียงไวโอลิน

     

                    ไอ้คังอิน...มึงนึกยังไงถึงเลือกร้านนี้วะ

                    ทำไมล่ะ มึงไม่ชอบเหรอ

    คังอินถามกลับหน้าตาเฉย ซีวอนจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ แล้วยกไวน์ขึ้นจิบ แต่เพราะอีกฝ่ายจ้องเอาคำตอบอยู่ เขาจึงรีบพูด

                    ก็เปล่า...แต่มันออกจะแปลกๆ เอ่อ ช่างเถอะ กูคงคิดไปเอง

                    คังอินนั่งมองซีวอนอยู่พักหนึ่ง แล้วเขาก็พูดขึ้น

     

                    ทีแรกกูคิดว่าได้กลิ่นน้ำหอมจากผู้หญิงโต๊ะข้างๆ แต่ตอนนี้คิดว่าคงมาจากมึงมากกว่า มึงใส่น้ำหอมอะไรวะเนี่ย กลิ่นหวานชะมัด

                    เฮ้ย...พูดเป็นเล่น ก็กลิ่นธรรมดาๆ นี่หว่า

    ซีวอนลองดมกลิ่นจากปกเสื้อตัวเองอีกครั้ง เผื่อว่าวันนี้เขาตื่นเต้นจนเผลอใส่พรมน้ำหอมเยอะไปนิด

                    คังอินหัวเราะแล้วแกล้งพูดทีเล่นทีจริง

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไม่รู้ว่ากลิ่นน้ำหอมหรือกลิ่นฟีโรโมน

                    ซีวอนชะงัก เขาแทบไม่กล้ามองหน้าเอาเรื่องไอ้คังอิน แต่จะเขินก็ไม่ใช่เรื่อง เขาจึงแกล้งพูดติดตลก นี่...กูไม่ใช่เด็กหนุ่มไร้เดียงสาอย่างที่มึงชอบนะเว้ย! กลิ่นฟีโรโมนของกูคงไม่มีผลอะไรกับมึงหรอกมั้ง

                    ก็ไม่แน่...

     

                    ซีวอนชักหวั่นๆ กับสายตาของเพื่อนสนิท เขายกไวน์ดื่มอีก จากนั้นก็พูดขึ้นเพื่อไม่ให้เงียบนานเกินไป

                    จะบ้าเหรอ ไม่มีเด็กที่ไหนให้จีบแล้วรึไงถึงมาจีบกู

                    ก็แค่อยากลองดู...ถ้าขนาดไอ้แทคยอนนั่นยังจีบมึงติด อย่างกูก็น่าจะทำได้ไม่ยากนะ ใช่มั้ยคังอินพูดพลางยิ้มราวกับจะประชด

     

                    อ้อ...ซีวอนเข้าใจแล้วว่าไอ้คังอินทำทั้งหมดนี่เพื่ออะไร เขาจ้องหน้าคังอิน จากนั้นก็วางแก้วไวน์ลง เบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศด้วยการต่อปากต่อคำด้วย แต่คังอินก็ไม่หยุด

                    กูว่าคุณแทคยอนของมึงก็ดูเป็นคนดีนะ เป็นสุภาพบุรุษ แถมยังมีน้ำใจ คงไม่แปลกหรอกถ้ามึงจะชอบ กูอาจจะใจร้ายไปถ้าห้ามมึงคบกับ...

                    กูขอร้องอะไรอย่างนึงได้มั้ย ซีวอนขัดขึ้นมา

                    หืม?

                    ไม่ต้องพูดถึงคุณแทคยอนจะได้มั้ย ถ้าไม่อยากทะเลาะกับกู

                    คังอินได้ยินแล้วก็ยักไหล่ หันหน้าหนีไปมองทางอื่น ซีวอนจึงยกแก้วขึ้นดื่มอีก ทั้งโต๊ะเงียบไปนาน ก่อนที่จะมีคนเดินเข้ามาทัก

     

     

                    สวัสดีครับ

     

                    ซีวอนเหลือบตาขึ้นมองเพราะน้ำเสียงนั้นคุ้นหูเหลือเกิน แน่นอนว่าผู้ชายที่ยืนอยู่คือแทคยอนตามคาด เขาหน้าชา รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง เจ็บ...แต่ก็ฝืนไม่แสดงออก

     

                    อ้าว! คุณแทคยอน มาได้ยังไงเนี่ย บังเอิญจังเลยนะ

    คังอินแกล้งทำร่าเริง ลุกขึ้นจับมือกับอีกฝ่ายและชวนคุยแบบสนิทสนมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

                    นั่นสิครับ บังเอิญมากๆ เลย แทคยอนบอก

                    คังอินรีบเรียกบริกรเพื่อขอเก้าอี้เพิ่ม และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็เชิญให้แทคยอนนั่ง

    นั่งด้วยกันเถอะนะ ผมสั่งไวน์ไว้อีกขวด กินสองคนกับไอ้ซีวอนคงไม่หมดแน่ ดีที่เจอคุณแทคยอนนะเนี่ย

                    ครับ แทคยอนพูดอะไรไม่ได้มากนัก เพราะเหลือบมองซีวอนทีไร เขาก็รู้สึกว่าฝ่ายนั้นคงเดาเรื่องได้แล้ว และกำลังหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย

                    พอดีเลย วันนี้ผมพาไอ้ซีวอนมาเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยดูแลผมตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาล ผมจะถือโอกาสเลี้ยงขอบคุณคุณแทคยอนด้วยเลย ไหนๆ ตอนที่ไอ้ซีวอนไปเฝ้าผม...คุณก็อยู่ด้วยตลอด จากนั้น    คังอินก็ถามอีกคนที่นั่งจิบไวน์อยู่ตรงหน้าเขา ไง...มึงว่าดีมั้ย ไอ้ซีวอน

                    ซีวอนสูดหายใจลึกๆ เขาดื่มไวน์อีกอึกใหญ่ และไม่ยอมตอบคำถาม คนที่พยายามเชียร์จนเกินเหตุจึงหน้าเจื่อนลงบ้าง

                    เอ่อ...ตายล่ะ! กูลืมมือถือไว้ในรถว่ะ คังอินแกล้งพูดขึ้น หลังจากนั้นเขาก็เห็นซีวอนสูดหายใจอีกรอบ ดูก็รู้ว่าไม่พอใจ แต่จะให้เลิกล้มแผนง่ายๆ ก็ใช่เรื่อง

    มึงคุยกับคุณแทคยอนไปก่อนนะ เดี๋ยวกูมา

                    ซีวอนมองหน้าคังอิน แต่ไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะพยักหน้าตอบ คังอินเห็นท่าไม่ดี เพราะสายตาของเพื่อนที่มองมาทำให้เขารู้สึกผิดมากๆ

                    ผมขอตัวเดี๋ยวนะ คุณแทคยอน

    คังอินรีบลุกจากโต๊ะ แล้วเดินออกจากร้านไป

     

                    พออยู่กันตามลำพังสองคน แทคยอนก็เปลี่ยนมานั่งตรงที่นั่งของคังอิน แล้วเขาก็ระบายยิ้มเล็กน้อย

                    คุณซีวอนรู้แล้วใช่มั้ยครับว่านี่เป็นแผนของคุณยองอุนที่นัดเราออกมาเจอกัน แล้วก็รู้ใช่มั้ยครับ...ว่าคุณยองอุนจะไม่กลับเข้ามาแล้ว

                    ซีวอนพยักหน้าช้าๆ แล้วยกไวน์ขึ้นดื่ม

                    คุณซีวอนโกรธผมเหรอครับ แทคยอนลองถามเมื่อเห็นท่าทีเฉยชาของอีกฝ่าย และสิ่งที่เขาได้กลับมาก็คือความเฉยชายิ่งกว่าเดิม

                    เปล่าครับ... ซีวอนตอบ

                    แทคยอนประสานมือไว้บนโต๊ะ เขาพูดอย่างอึดอัด ถ้างั้นก็มองหน้าผมหน่อยสิครับ ผมจะได้อธิบายให้คุณฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                    ซีวอนทำตาม เขาพยายามสบตาแทคยอนอย่างใจเย็น จะอธิบายว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณน่ะเหรอ เรื่องนั้นผมรู้แล้ว ผมกะแล้วเชียวว่าไอ้คังอินต้องเล่นแบบนี้ แต่คุณไปญาติดีกับมันตอนไหนไม่ทราบ

                    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เมื่อคืนนี้ผมเจอคุณยองอุนที่ผับ ผมแกล้งพูดว่าอยากให้เค้าช่วยเป็นพ่อสื่อให้ผมกับคุณ แล้วผมก็แค่ให้นามบัตรทิ้งไว้ ผมสาบานนะครับว่าไม่ได้ตั้งใจจะให้คุณยองอุนช่วยจริงๆ หรอก แต่แล้วเมื่อตอนเย็นเค้าโทรมาหาผม บอกว่าจะนัดคุณออกมาให้

                    ซีวอนแค่นหัวเราะและตำหนิอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งโทรหาคุณเมื่อสองชั่วโมงก่อน แต่คุณไม่คิดจะบอกผมเลย กะมาเซอร์ไพร์สผมรึไง

                    อืม...จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมไม่เห็นจะต้องบอกคุณเลย ในเมื่อผมเองก็เห็นด้วยกับแผนของคุณยองอุนอยู่เหมือนกัน

    แทคยอนกล้ายอมรับตรงๆ ซีวอนจึงชักสีหน้าใส่ และนั่งเงียบ

    คุณซีวอนครับ ผมเองก็อยากเจอคุณ อยากนัดคุณออกมาทานข้าวแล้วก็อยากคุยกับคุณเรื่องอื่นนอกจากเรื่องคุณยองอุนบ้าง ถึงวันนี้ไม่ใช่โอกาสเหมาะนัก แต่ผมคิดว่าจะพูดเรื่องที่อยากพูดให้จบๆ ไป

    คราวนี้กลายเป็นซีวอนที่นึกหวั่น แต่ก็ยอมรับว่าเขาใจเย็นลงหลังจากที่แทคยอนพูดตรงๆ กับเขาเมื่อครู่

     

                    คุณแทคยอนจะพูดอะไรเหรอครับ

                    แทคยอนชั่งใจเล็กน้อย แล้วสบตาเขา ผมอยากจะบอกคุณว่าผมชอบคุณมาก และอยากจะลองคบกับคุณ...

                    ผม... ซีวอนกำลังจะปฎิเสธ

                    ถึงคุณจะยอมคบกับผมเพราะประชดคุณยองอุน ผมก็ยินดี

                    นี่คุณ... ซีวอนค่อนข้างตกใจที่ฝ่ายนั้นเสนอทางเลือกให้เขา และมันก็เป็นทางที่เขาเคยคิดไว้ แต่มันไม่ควรเกิดขึ้น

                    ผมไม่อยากเห็นคุณทรมานตัวเองอีกต่อไปแล้ว ถ้าคุณไม่กล้าบอกความรู้สึกจริงๆ ให้คุณยองอุนได้รู้ คุณก็ยังเป็นอิสระด้วยวิธีนี้ได้นะครับ ผมรู้ว่ายังไงคุณก็เลิกแคร์คุณยองอุนไม่ได้ แต่อย่างน้อย...เค้าก็จะได้รู้ไว้ว่าคุณมีทางเลือก คุณมีชีวิตเป็นของตัวเอง และไม่จำเป็นจะต้องขึ้นอยู่กับคุณยองอุน

                    เลิกพูดเถอะครับ ซีวอนตัดบท

                    คุณไม่เกลียดตัวเองบ้างเหรอที่เป็นแบบนี้ แทคยอนจ้องหน้าเขาและพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ที่คุณรู้แก่ใจว่าควรทำยังไง แต่ก็ไม่ทำ

                    ซีวอนตวัดสายตาไปทางอื่น เขาต้องไม่ร้องไห้เพราะคำพูดแค่นี้ ไม่เห็นจะเจ็บตรงไหนเลย เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เขาเลือกเอง

                    คุณซีวอนครับ ผมอยากรู้ว่า...จะมีอะไรบ้างที่ทำให้คุณกล้าพูดความจริงกับคุณยองอุนเสียที ในเมื่อครั้งนั้นคุณก็พูดออกไปแล้ว ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง คุณก็จะได้รู้ และรับมือกับมันได้ แต่ตอนนี้วิธีที่คุณทำอยู่...มันผิด!”

                    ซีวอนทนไม่ได้ที่แทคยอนตำหนิเขา เขาจึงโมโห ตวาดฝ่ายนั้นไปตามจริง ก็ครั้งนั้นผมไม่มีอะไรจะเสียแล้วไงล่ะ ไอ้คังอินกำลังจะตาย ลูกเอเลี่ยนของมันกำลังจะแหวกท้องออกมาแล้วอาจจะฆ่าผมทิ้งด้วย!”

                    หมายความว่าถ้าไม่มีเอเลี่ยนอยู่จริง หรือคุณยองอุนยังไม่ปางตาย หรือคุณยังไม่ใกล้ตาย คุณก็คงจะไม่บอกความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองใช่มั้ยล่ะครับ

                    ซีวอนสะอึก จากนั้นเขาก็พูดอะไรไม่ออก

                    แทคยอนมองเขา คุณกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัวมากๆ อย่างเอเลี่ยนมาแล้ว กะแค่ความรู้สึกของคุณยองอุน ทำไมคุณถึงไม่กล้ายอมรับล่ะครับ แล้วคุณไม่กลัวเหรอว่า...สักวันมันอาจจะสายเกินไป!”

                    พอที!” ซีวอนถลึงตาใส่แทคยอน ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณพูดแบบนี้ทำไมและคุณต้องการอะไร คุณคิดว่าผมต้องผิดหวังแน่ๆ ใช่มั้ย คุณคิดว่าไอ้คังอินจะปฏิเสธผมและผมก็ต้องกลับมาหาคุณ

                    ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ผมเองก็เหนื่อยและอึดอัดที่ต้องรอคุณ ถ้าคุณยองอุนชอบคุณเหมือนกัน ผมก็จะได้รู้ไว้และตัดใจ แต่ถ้าไม่...ผมก็ต้องการคำตอบจากคุณ เผื่อว่าคุณจะอยากลองคบกับผม นี่คือสาเหตุที่ผมอยากให้คุณทำอะไรให้เด็ดขาดไปซะที แทคยอนสบตาซีวอนอย่างแข็งกร้าว และส่ายหน้าช้าๆ นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณคนเดียว อย่าคิดถึงแต่ตัวเองสิครับคุณซีวอน กรุณาอย่าทำร้ายผม อย่างที่คุณยองอุนทำกับคุณ 

     

                    ทันใดนั้นซีวอนก็ผุดลุกขึ้น และจะเดินออกไป แต่เขาก็ชนกับร่างหนึ่งที่เดินสวนมาเสียก่อน และเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็แทบปรับสีหน้าของตัวเองไม่ถูก

     

                    มึงจะไปไหนวะ

     

                    ไอ้คังอินคว้าแขนเขาไว้ และเมื่อเห็นน้ำตาของเขา คังอินก็หันขวับไปมองแทคยอน ซีวอนรีบสะบัดแขนออกและเดินจ้ำออกไปนอกร้าน

     

                    นี่คุณทำไอ้ซีวอนร้องไห้เหรอ!” คังอินแหวใส่แทคยอน

                    แล้วคุณกลับเข้ามาทำไมเหรอครับคุณยองอุน แทคยอนไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับด้วยอีกคำถามอย่างใจเย็น

                    คังอินขยับยิ้มให้ฝ่ายนั้นแล้วแกล้งพูด อ้อ! โทษทีนะ พอดีผมเปลี่ยนใจนิดหน่อย แต่ดูท่าทางคุณจะทำให้ไอ้ซีวอนรับรักไม่สำเร็จสินะ แหม...ผมเสียใจด้วยจริงๆ

                    มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกครับ ผมจะพยายามทุกวัน...จนกว่าคุณซีวอนจะใจอ่อนกับผม คุณยองอุนไม่ต้องห่วง แทคยอนยิ้มตอบ

                    คังอินจ้องหน้าฝ่ายนั้นโดยไม่มีรอยยิ้ม เขาหยิบธนบัตรออกมาวางบนโต๊ะในจำนวนที่คิดว่าพอจ่ายค่าอาหารทั้งหมด และพูดทิ้งท้าย ดินเนอร์ต่อให้สนุกนะครับคุณแทคยอน มื้อนี้ผมเลี้ยง ถือว่าผมฉลองให้กับความโสดของคุณก็แล้วกัน

                    คังอินหัวเราะร่าและรีบวิ่งตามซีวอนออกไป

     

     

     

                    ไอ้ซีวอน...เดี๋ยวก่อน! มึงจะกลับยังไงวะ เดี๋ยวกูไปส่ง!”

                    ซีวอนรีบเดิน เขากะว่าจะออกไปเรียกแท็กซี่ แต่ระหว่างที่เดินผ่านลานจอดรถ ไอ้คังอินก็ตามมาทันดึงตัวเขาไว้

                    ซีวอนสะบัดออกอีกรอบ และหันไปผลักอีกฝ่ายจนเซถอย

    ทำไมไม่เชียร์ให้คุณแทคยอนไปส่งกูด้วยเลยล่ะ! มึงเป็นอะไรจู่ๆ เป็นคนดีอะไรขึ้นมาวะ ถึงได้อยากให้กูสมหวัง นึกว่ากูจะซาบซึ้งน้ำใจมึงรึไง!”

                    คังอินขมวดคิ้วเมื่อถูกเพื่อนตะโกนใส่

    ก็แล้วทำไมมึงต้องโกรธขนาดนี้ด้วยวะ มึงเคยเป็นพ่อสื่อให้กู ช่วยให้กูสมหวังตั้งหลายครั้ง กูก็อยากตอบแทนมึงบ้าง กูอุตส่าห์มีเหตุผลแล้วนะเว้ย ถ้ามึงชอบไอ้แทคยอน...กูก็จะไม่ห้ามมึงอีกแล้ว แต่กูก็รู้แล้วว่ามึงไม่ได้ชอบไอ้หมอนั่น ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่ามึงจะรู้สึกยังไง มึงก็ควรจะรีบๆ เคลียร์ให้จบไป จะได้ไม่ต้องอึดอัด...

                    ขอเหตุผลจริงๆ ที่ทำแบบนี้ได้มั้ยวะ ซีวอนจ้องหน้าอีกฝ่าย

                    อะไรของมึง

                    ที่มึงนัดคุณแทคยอนออกมาเจอกู แล้วให้กูรีบปฏิเสธเค้าไง

                    คังอินนิ่งไปครู่หนึ่ง เกิดร้อนตัวนิดๆ ว่าซีวอนจะรู้ทัน อ้อ...ก็นี่แหละ กูไม่อยากให้มึงเกรงใจคนอื่นไปเรื่อยๆ กลัวว่ามึงจะอึดอัด...

                    แน่ใจเหรอ ซีวอนเลิกคิ้วใส่เขา

                    เอ่อ...ก็กูไม่ชอบขี้หน้าไอ้แทคยอนนั่น แล้วก็ไม่อยากให้มันตามจีบมึงไปเรื่อยๆ แบบนี้ กูรู้ว่ามึงไม่ชอบมันหรอก เลยอยากให้ตัดขาดไปซะ คังอินรู้สึกว่าอธิบายไปก็วกเข้าเรื่องเดิม ทำไมเขาไม่ตอบว่า แน่ใจไปตั้งแต่เมื่อกี๊นะ

                    ตอนนี้ก็สมใจมึงแล้วงั้นสิ

                    คังอินมองหน้าเพื่อนอย่างไม่มั่นใจนัก แต่ก็ปั้นยิ้มใส่

     

                    เออ! กูก็ดีใจนะที่มึงกล้าพูดตรงๆ กับไอ้แทคยอนนั่นซะที กูว่าที่ผ่านมามึงขี้เกรงใจคนอื่นมากไป มันถึงได้กล้ามาตอแยมึง เอาเถอะ! จบเรื่องแล้ว ทีนี้กูกับมึงก็ไปฉลองกันดีกว่า ฉลองที่เพื่อนสนิทสุดที่รักของกูเขี่ยผู้ชายคนอื่นออกไปจากชีวิตได้สำเร...

                    คังอินหยุดคำพูดของตัวเอง ขณะที่ซีวอนขมวดคิ้วใส่เขา

     

                    ผู้ชายคนอื่น?

     

                    คังอินรู้ตัวว่าหลุดปากออกไป และเขาก็ใจเต้นแรงทั้งที่ไม่มีสาเหตุชัดเจน พอตั้งสติได้ก็แกล้งลืมว่าพูดแบบนั้นออกไปเพราะอะไร และหัวเราะกลบเกลื่อน

                    ก็นั่นแหละ มึงคงไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมายุ่งกับมึงอีกหรอกใช่มั้ยล่ะ งั้นมึงน่าจะบอกจุดยืนของตัวเองให้ชัดๆ ตั้งแต่แรกว่ามึงไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วที่มึงสนิทกับกูก็เพราะว่ากูเป็นเพื่อน...กูเป็นผู้ชายคนเดียวที่มึงคบได้

                    ก็จริง ซีวอนเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างครุ่นคิด และจู่ๆ เขาก็แค่นหัวเราะ เออว่ะ...ถูกของมึง กูแม่งโง่ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้ กูกลัวอะไรอยู่วะ

                    คังอินแปลกใจที่ซีวอนหันมาจ้องหน้าเขา

    อะไรเล่า..มึงก็ทำไปแล้วไง! มึงเคลียร์กับไอ้แทคยอนเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ ทีหลังก็ระวังตัวด้วย ถ้าใครมาจีบ...

                    กูโคตรเกลียดมึงเลยว่ะไอ้คังอิน

     

                    อะไรนะ...

                    นอกจากเสียงไวโอลินที่แว่วมาจากร้านอาหารแล้ว บริเวณลานจอดรถแห่งนี้ก็เกือบจะเงียบสงัด แสงสีส้มมากมายจากไฟประดับตามต้นไม้ทำให้ทั่วบริเวณมีแสงสว่าง และทำให้คังอินเห็นแววตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน คำพูดของซีวอนเมื่อครู่ทำให้ทุกอย่างเงียบ คังอินแทบไม่ได้ยินเสียงไวโอลิน ไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง เขาได้ยินแต่ประโยคนั้นดังก้องอยู่ในหัวซ้ำๆ และยิ่งสบตากัน...เขาก็ยิ่งแน่ใจ ซีวอนมองเขา และพูดย้ำอีกครั้ง

     

                    กูเกลียดมึง

     

                    คังอินเบิกตาขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เดี๋ยว...นี่มันอะไรกันเนี่ย

                    พอกันที...กูทนไม่ไหวอีกแล้ว มึงพูดได้แค่นี้ใช่มั้ย แค่บอกว่าดีแล้วที่กูปฏิเสธคุณแทคยอนไป แล้วมึงก็จะได้เป็น ผู้ชายคนเดียวของกู แต่มึงพูดให้จบสิ แล้วจากนี้กูกับมึงจะเป็นยังไงต่อ!” ซีวอนถามเสียงแข็ง และเมื่อคังอินอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง เขาก็รีบดักคอไว้

                    ถ้าขืนมึงบอกว่าก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมล่ะก็...

                    มึงพูดอะไรวะ แล้วจะให้กูตอบมึงว่าอะไรเล่า คังอินแกล้งวางฟอร์มว่าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ซีวอนไม่เชื่อเสียแล้ว

                    กูก็เพิ่งเข้าใจ...ตอนที่มึงเรียกคุณแทคยอนว่าผู้ชายคนอื่น มึงจะถามกูก็ถามตรงๆ สิวะ มึงจะบีบให้กูพูดออกมาด้วยวิธีแบบนี้ทำไม!”

                    กูไม่เข้าใจที่มึงพูด...

     

                    หมัดขวาของซีวอนตรงเข้าปะทะใบหน้าของอีกฝ่าย คังอินไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลง เขายกมือแตะริมฝีปากและเห็นว่ามีเลือดติดปลายนิ้ว

                    ทำบ้าอะไรของมึงวะ! กูเจ็บนะเว้ย!”

                    แล้วที่มึงลองใจกูแบบนี้...คิดว่ากูไม่เจ็บเหรอวะ

     

                    คังอินแหงนหน้ามองคนที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ แววตานั้นหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด และคลอบางๆ ด้วยน้ำตา คังอินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว  

                    อะไรที่มึงอยากรู้...วันนี้มึงจะได้รู้ แล้วถ้ามึงไม่ขี้ขลาดจนเกินไป...ก็ช่วยรับผิดชอบกับสิ่งที่มึงรับรู้ด้วย ซีวอนพูดอย่างยากลำบากเพราะกำลังพยายามฝืนไม่ให้เสียงสั่น เพราะถ้าพูดออกไปแล้ว กูคงจะไม่มีวันเป็นเพื่อนมึงเหมือนเดิมได้      

    ไอ้ซีวอน...

                    อย่าพยายามขอร้องให้กูเป็นเหมือนเดิม...

                    คังอินหลบสายตาแข็งกร้าวแต่จวนเจียนจะร้องไห้ของเพื่อนสนิท เขาเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองขี้ขลาดจริงๆ ก็ตอนนี้ แต่พอคิดดูแล้ว...เขาก็เป็นคนขี้ขลาดมาตลอด

                    ลุกขึ้นมา แล้วมองหน้ากู ซีวอนสั่ง

                    คังอินยอมทำตาม แต่เขาก็ไม่เต็มใจนัก ไอ้ซีวอน ขอร้องล่ะ...

                    ขอร้องอะไร...มึงรู้แล้วเหรอว่ากูจะพูดอะไร เดาออกงั้นเหรอ มึงไม่อยากให้กูพูดแล้ว เพราะมึงกลัวว่าจะเสียเพื่อนดีๆ อย่างกูไปใช่มั้ย เพื่อนที่ยอมทำตามใจมึงทุกอย่าง ยอมให้มึงหลอกใช้ได้ทุกเรื่อง เสียดายล่ะสิ...ถ้ากูยอมเสแสร้งต่อไปเรื่อยๆ มึงก็คงจะรู้สึกดีใช่มั้ย มึงลองใจกูเพราะแค่อยากให้แน่ใจว่ากูจะไม่ไปไหน มึงรู้ว่ากูคงไม่กล้าพูด แต่มึงคิดผิดแล้ว...ซีวอนสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดออกมา

     

                    มึงไม่เคยรู้เลยเหรอว่ากูคิดยังไง มึงไม่รู้เหรอว่ากูไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนเลยตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมึง เออ! กูเป็นเกย์! เป็นมาตั้งนานแล้ว เพราะว่ากูชอบมึง...ไม่ใช่แบบเพื่อน แต่เป็นแบบที่มึงชอบเด็กผู้ชายพวกนั้น แล้วก็แบบที่คุณแทคยอนชอบกู

     

                    ...

     

                    ...ที่กูยอมเป็นพ่อสื่อให้มึง ยอมตามใจมึงทุกอย่าง นั่นก็เพราะว่ากูรักมึง อยากอยู่กับมึง กูแค่ไม่อยากขัดใจมึงแล้วถูกเขี่ยทิ้งเหมือนเด็กๆ ที่มึงเคยคบ

     

                    เขาร้องไห้จนได้ แต่เพราะรู้สึกโล่งที่ได้พูด นี่น่ะเหรอสิ่งที่เขาเก็บไว้ในใจและต้องทนทรมานเพราะมันมานานเป็นปี

                    “มึงเข้าใจรึยัง กูจะเป็นบ้าก็เพราะมึงนี่แหละ...” ซีวอนแค่นหัวเราะและยกมือเช็ดน้ำตา

    พอที...จบเรื่องแล้ว เขาได้พูดแล้ว หยุดเถอะ

     

                    คังอินยืนมองฝ่ายนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินเข้าไปหา ครั้นจะพูดปลอบก็ไม่กล้า จะตอบรับหรือปฏิเสธก็ยังไม่พร้อม

                    ถ้ามึงไม่อยากเที่ยวต่อก็ให้กูไปส่งที่บ้านเถอะนะ...

     

    คังอินพูดออกมาเบาๆ พร้อมทั้งแกล้งยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองตรงตำแหน่งที่โดนชก

     

                    ...แล้วก็ทำแผลให้กูด้วยล่ะ 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×