ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] No Playboy - KangWon (Kangin X Siwon)

    ลำดับตอนที่ #16 : [11] The Memorial

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 55


               

                ซีวอนมาส่งคังอินที่คอนโด พอมาถึงห้อง คนเป็นเจ้าของก็กระโดดไปนั่งบนโซฟา เอนหลังและเปิดโทรทัศน์ดูอย่างสบายอารมณ์

     

                    กูรู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนเดิมเลยว่ะ เออ...แปลกแฮะ! อุบัติเหตุนั่นมันไม่กระทบกระเทือนชีวิตกูบ้างเลยรึไงวะ

     

    คังอินทำท่าครุ่นคิด หากแต่ไม่นานก็เลิกทำ เขากดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ กระทั่งสะดุดตากับละครภาคค่ำที่มีเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักเป็นนักแสดง คังอินเหลือบตามองเพื่อนที่กำลังเก็บของในห้อง เขาเริ่มวางแผนชวนเที่ยวอยู่ในหัว จากนั้นก็แกล้งพูดออกมาดังๆ

                    ดาราคนนี้โคตรน่ารักเลยว่ะ เห็นแล้วก็นึกอยากไปเที่ยว อยากไปหาเด็กน่ารักๆ แบบนี้มานอนด้วย เออ! งั้นคืนพรุ่งนี้ต้องไปซะหน่อยแล้ว ไอ้ซีวอน...มึงไปกับกูมั้ย

                    ประโยคหลังเขาหันไปถามซีวอน ฝ่ายนั้นแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เก็บของต่อไปเรื่อยๆ แต่คังอินไม่ละความพยายาม

                    น่า...มึงก็ช่วยไปเป็นพ่อสื่อให้กูเหมือนทุกครั้งไง

                    มึงไม่เข็ดใช่มั้ย!” ซีวอนหันมาโพล่งถามอย่างอดไม่ได้

                    คังอินไม่เข้าใจท่าทางเคร่งเครียดนั้น เขานึกว่าเพื่อนแกล้งพูด

    ที่กูเมาล้มหัวฟาดพื้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับจีบเด็กไม่ใช่เหรอวะ คราวนี้กูไม่ดื่มมากแล้วก็ได้ ปกติกูก็ไม่เคยเมาจนเสียฟอร์มนะ ไม่รู้ว่าทำไมวันนั้นถึงได้...

                    กูจะกลับบ้านล่ะ

                    เดี๋ยวสิ! วันนี้มึงค้างที่คอนโดกูมั้ยล่ะ ไหนๆ ก็เป็นช่วงปิดเทอม พรุ่งนี้ไปทะเลกันดีมั้ยวะ พอกลางคืนก็ไปเที่ยวงานปาร์ตี้ จะได้รื้อทักษะจีบเด็กกันอีกรอบไง

     

                    ซีวอนคว้ากุญแจรถที่วางเอาไว้ แล้วเดินออกจากห้อง กระแทกประตูปิดดังปัง คังอินนั่งงง พอได้สติก็รีบผุดลุกขึ้น เปิดประตูตามออกไป

     

                    มึงเป็นอะไรวะไอ้ซีวอน เมนส์ไม่มารึไง

                    เขาแกล้งพูดจากวนๆ เผื่ออีกฝ่ายจะเล่นกลับและอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แต่ซีวอนไม่พูดอะไรเลย ไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำ คังอินเริ่มรู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่ เขาจึงวิ่งไปหยุดฝ่ายนั้นไว้ที่หน้าลิฟต์

                    นี่มึงโมโหอะไรวะ กูทำอะไรผิดเหรอ หรือมึงไม่พอใจที่กูล้มหัวฟาด สลบอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบสองอาทิตย์แล้วเป็นภาระให้มึง

    คังอินพยายามเดา

                    เปล่า ซีวอนตอบเรียบๆ จากนั้นก็กดลิฟต์ กูก็แค่ไม่อยากไปเที่ยวกับมึงแล้ว ไม่อยากเป็นพ่อสื่อให้มึงด้วย ต่อไปนี้ถ้ามึงจะจีบใครก็ ใช้ความสามารถของมึงเองแล้วกัน อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องโทรมาเล่าให้กูฟังหรอกนะ กูไม่อยากรู้ว่ามึงชอบเด็กคนไหนหรือไปนอนกับใครมาบ้าง ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ไม่ต้องโทรมาหากู

                    คังอินมองหน้าเพื่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็พยายามคิดในแง่ดี มึงต้องเครียดเรื่องอะไรแล้วมาลงที่กูแน่เลย เพราะเมื่อก่อนมึงไม่เคยพูดกับกูแบบนี้...

                    ก็เพราะกูไม่เคยพูด...กูถึงต้องเสียใจแบบนี้ไง!”

     

                    คังอินชะงักเมื่อถูกซีวอนตวาด เขาเกือบจะโกรธเพราะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายโมโหเขาเรื่องอะไร แต่แล้วเขาก็รู้สึกใจหายแทน

     

                    ไอ้ซีวอน...มึงร้องไห้ทำไมวะ

                    ซีวอนไม่มีกะจิตกะใจจะตอบคำถาม เขาแค่เบือนหน้าหนีระหว่างรอลิฟต์ คังอินเห็นเช่นนั้นจึงแกล้งพูดเหมือนทุกครั้ง

                    ทำไมวะ...แม่มึงจับได้ว่ามึงพานางแบบสาวไปนอนที่บ้านรึไง เฮ่ย! นี่ถ้ามึงมีปัญหาชีวิตอะไรก็เล่าให้กูฟังได้นะเว้ย กูว่ามึงคงแค่อารมณ์ไม่ดี กูเองก็เคยเป็นแบบนี้นะ แต่เดี๋ยวก็ดีขึ้นน่า เอางี้! กลับไปนั่งกินเหล้าที่ห้องกูกันดีกว่า

                    ลิฟต์มาถึงพอดี และซีวอนก็ไม่ได้ตอบรับคำเชิญ              เขาลงลิฟต์ไปโดยไม่พูดไม่จา ปล่อยให้คังอินยืนงง

     

     

                    คังอินไม่กล้าโทรไปหาซีวอนอีก เขาจึงส่งข้อความไปแทน และถามแบบเดิมๆ ว่าโกรธเขาเรื่องอะไร แต่รายนั้นก็ไม่ตอบ เขานึกโมโหที่ถึงจะยอมง้อขนาดนี้แล้วแต่เพื่อนก็ยังเย็นชา ทำเหมือนว่าเขาทำผิดอะไรร้ายแรงอย่างนั้นแหละ

                    แต่เขาก็เป็นห่วงไอ้ซีวอนมากกว่าจะคิดเรื่องอื่น เขาไม่เคยเห็นมันร้องไห้มาตั้งนานแล้ว และถ้าจะเป็นเพราะเขา เขาก็ควรจะได้รู้เหตุผล

     

                    คังอินกดส่งข้อความไปเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ เมื่อส่งแล้วเขาก็เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า เปลี่ยนไปหยิบแก้วเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม ตอนนี้เขาอยู่ที่ไนต์คลับเจ้าประจำ แต่เขามาคนเดียว ไม่ได้กะมาหาเด็กที่ไหนหรอก ก็แค่อยากมานั่งดื่ม เขาไม่มีกะจิตกะใจมองใครด้วยซ้ำในตอนนี้

                    ถือว่าผิดปกติ...ผิดปกติมากทีเดียว

     

     

                    สวัสดีครับ

     

                    ใครบางคนเดินมาทักเขา คังอินลดแก้วลงจากริมฝีปาก แล้วเงยหน้ามองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

     

                    อ้อ คุณนั่นเอง ชื่อแทคยอนใช่มั้ย คังอินวางแก้วลงบนโต๊ะแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจนัก มาเที่ยวที่นี่บ่อยเหรอครับ...ถึงได้บังเอิญเจอกันแบบนี้

                    ครับ ผมเป็นขาประจำที่นี่เหมือนคุณนั่นแหละ ขอนั่งด้วยสักเดี๋ยวนะครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อย แทคยอนบอกพลางนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามโดยไม่รอให้คังอินอนุญาตก่อน ว่าแต่คุณซีวอนเพื่อนคุณไม่มาด้วยเหรอครับ

                    ถ้ามันมาคุณก็คงเห็นแล้วล่ะ อยากเจอก็โทรไปนัดสิ ติดต่อกันบ่อยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ สองอาทิตย์ที่ผ่านมานี่คงสนิทกันมากเลยสินะ

                    คังอินประชดพลางแค่นยิ้ม จากนั้นก็เบือนหน้าไปจิบเหล้า

                    ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ คุณซีวอนไม่ค่อยสนใจผมหรอก เค้าห่วงแต่คุณ คอยไปเฝ้าคุณที่โรงพยาบาลทุกวันเลย

                    คังอินนิ่งฟัง แล้วเขาก็พูดขึ้น นี่น่ะเหรอเรื่องที่คุณจะคุยกับผม

                    ยังไม่ใช่ครับ ผมก็แค่อยากชวนคุณคุยเรื่องคุณซีวอน...ผมชอบคุณซีวอนมากนะครับ เค้าดีกับผมมาก แต่ก็ไม่เคยมากเกินเพื่อน คุณพอจะรู้มั้ยว่า...ทำไมคุณซีวอนถึงได้เย็นชากับผมนัก แทคยอนถาม

                    ว่าแล้วเชียว ผมมองคุณแวบแรกก็รู้ว่าคุณต้องคิดไม่ดีกับเพื่อนผมแน่ๆ แต่เสียใจด้วยนะไอ้ซีวอนมันไม่ชอบคุณหรอก มันไม่ชอบผู้ชาย...คุณคงหมดสิทธิ์แล้วล่ะ ตัดใจเถอะ

     

    คังอินพูดพลางหัวเราะหึหึแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีก แทคยอนลอบมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแกล้งอุทานออกมาอย่างเสียดาย

                    จริงเหรอครับ ว้า...แย่จัง แต่ไม่เป็นไร ผมอยากจะลองขอคุณ ซีวอนเป็นแฟนน่ะครับ ไหนๆ ก็ชอบแล้ว ลองขอคบก็ไม่น่าจะเสียหาย แต่ว่าก่อนอื่นคงต้องนัดเดทให้ได้ก่อน นี่แหละครับเรื่องที่ผมอยากจะคุยกับคุณ คุณยองอุนเองเป็นเพื่อนสนิทของคุณซีวอน ไม่ทราบว่าพอจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ผมได้บ้างมั้ยครับ

                    คังอินได้ฟังก็นึกโมโห แต่ก็ยังเก็บอาการไว้ได้

    เสียเวลาเปล่า ผมว่านะ ต่อให้คุณเป็นมนุษย์คนสุดท้ายที่อยู่บนโลก ไอ้ซีวอนมันก็ไม่ยอมคบกับคุณหรอก

                    ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ ถึงยังไงผมก็ยังอยากลองดู แต่หวังว่าคุณยองอุนคงไม่ได้หวงเพื่อนแล้วก็พยายามกีดกันผมใช่มั้ยครับ

                    คังอินปราดสายตามองคนตรงหน้า เขาหงุดหงิดกับรอยยิ้มที่มีเลศนัยของฝ่ายนั้น และพอจะเดาออกว่านัยยะนั้นคืออะไร เขาจึงแกล้งยกยิ้มแล้วพูดยั่วกลับ

     

                    ถ้าหวงแล้วจะทำไม

     

                    แทคยอนหัวเราะและพูดตามจริง ไม่ทำไมหรอกครับ ผมแค่อยากถามให้แน่ใจก่อนว่าคุณยองอุนไม่ได้คิดอะไรกับคุณซีวอนเกินเลยไปกว่าเพื่อนจริงๆ ไม่งั้นผมคงไม่สบายใจถ้ามารู้ทีหลังว่าผมเป็นต้นเหตุทำให้คนรักผิดใจกัน

                    นี่คุณ... คังอินฟังทนไม่ได้ เขากระแทกแก้วเหล้าลงกับโต๊ะอย่างหาเรื่อง ...พูดพล่ามอะไรของคุณน่ะ ผมกับไอ้ซีวอนเป็นแค่เพื่อนกัน แต่เพราะผมเป็นห่วงเพื่อนมาก แล้วผมก็ไม่อยากให้มันลำบากใจเพราะมีผู้ชายอย่างคุณมายุ่งวุ่นวาย บอกแล้วไงว่ามันไม่ชอบคุณหรอก

                    คุณดูออกเหรอครับว่าคุณซีวอนไม่ชอบผม

                    แทคยอนถามซื่อๆ คังอินจึงแค่นหัวเราะและพยักหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ        แน่สิ! ผมเป็นเพื่อนสนิทของมันนะ ผมมองแวบเดียวก็รู้แล้ว!”

                    ได้ฟังดังนั้นแทคยอนก็ยิ้ม

                    แหม...งั้นคุณก็น่าจะดูออกด้วยนะครับว่าคุณซีวอนชอบใคร

                    คังอินชะงักเหมือนเพิ่งได้หยุดคิดเป็นครั้งแรก และแทคยอนก็รู้ว่าตนเองบรรลุจุดประสงค์ที่เข้ามาคุยกับคังอินแล้ว เขาลุกขึ้น และหยิบนามบัตรออกมาวางไว้ให้

                    นี่นามบัตรของผมนะครับ เผื่อเราจะได้ติดต่อกันในโอกาสอื่น ถึงคุณจะไม่ยอมช่วยเป็นพ่อสื่อให้ผมก็ไม่เป็นไรครับ ผมจะลองพยายามด้วยตัวเอง บางทีคุณซีวอนอาจจะประทับใจที่ผมกล้าสารภาพรัก กล้าขอเค้าคบ แล้วก็กล้ายอมรับความผิดหวัง...

    แทคยอนยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วเดินจากไป

     

                    หลังๆ คังอินไม่ได้สนใจคำพูดของแทคยอนมากนัก เพราะเขามัวแต่ใส่ใจกับระเบิดที่แทคยอนทิ้งไว้ เขายอมรับว่าก็เคยเอะใจเรื่องไอ้    ซีวอนอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่กล้าจะคิดเข้าข้างตัวเอง เขารู้ว่ามันเป็นเพื่อนที่ยอมเขาเสมอและมักตามใจเขาทุกเรื่อง ถึงจะโดนมันด่าบ้าง ตำหนิบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นว่ามันจะเคยปฏิเสธเขาได้สักที

    เท่าที่รู้จักกันมา...คนอย่างไอ้ซีวอนไม่เคยง้อใคร ไม่เคยไว้หน้าคนที่มันไม่อยากญาติดีด้วย

                    มันเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบ รูปหล่อ พ่อแม่รวย เรียนเก่ง เป็นที่รู้จักในมหาวิทยาลัย และเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ หรืออาจจะหนุ่มๆ บางคนด้วย แต่ไอ้ซีวอนไม่สนใจใคร มันให้เหตุผลกับเขาว่าเพราะสเปคของมันคือนางแบบสาวประสบการณ์สูง เขาเองก็เคยเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น แต่มาคิดๆ ดูแล้ว เขายังไม่เคยเห็นไอ้ซีวอนควงนางแบบหน้าไหนจริงๆ เสียที

     

                    แต่ไอ้ซีวอนจะชอบเขาได้อย่างไร เขาต้องไม่คิดเข้าข้างตัวเองเด็ดขาด เพราะนั่นอาจจะทำให้เขาพูดอะไร หรือทำอะไรโง่ๆ ออกไป และถ้าไอ้ซีวอนไม่ได้ชอบเขาอย่างที่คิด เขาจะต้องเสียเพื่อนสนิทที่สุดคนนี้ ไปแน่ เขาคงทำใจไม่ได้...หากรายนั้นจะไปจากเขา

     

                    และแน่นอนว่าเขาจะต้องกำจัดแทคยอนออกไปให้เร็วที่สุด เพราะถึงแม้จะมั่นใจว่าไอ้ซีวอนไม่ชอบฝ่ายนั้น แต่หากปล่อยไว้นานๆ เขาก็เกรงว่าไอ้ซีวอนจะใจอ่อน เขาเองก็ยอมรับว่าแทคยอนเป็นคนที่น่าคบคนหนึ่ง และนั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเกลียดแทคยอน

    เพราะยิ่งคิดว่าฝ่ายนั้นดีเท่าไหร่...เขาก็ยิ่งรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตัวเองช่างเป็นเพื่อนที่แย่เสียเหลือเกิน

     

                    ระหว่างเพื่อนแย่ๆ ที่ชอบสร้างปัญหาให้ตามแก้ กับผู้ชายดีๆ ที่เสนอตัวจะเข้ามาดูแลเอาใจใส่

     

    คังอินแทบไม่อยากคิดแทนไอ้ซีวอนเลยว่ามันควรจะเลือกใคร

                    คังอินกลับมาที่คอนโด เขาเห็นจดหมายหลายฉบับสอดไว้ในช่องเก็บจดหมายของห้องเขา คังอินหยิบมันออกมาและถือขึ้นห้องโดยไม่ได้สนใจนัก แต่เมื่อมาถึงห้องแล้ว เขาก็นั่งลงที่โซฟาและเช็คจดหมายเหล่านั้นแบบผ่านๆ

                    “อะไรวะเนี่ย”

                    แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นจดหมายจากทางมหาวิทยาลัย เขาเปิดออกดู และพบว่ามันเป็นจดหมายแจ้งผลการสอบ ส่วนมากเขาก็ผ่านแค่ในระดับที่ได้เกรด D เป็นผลการเรียนปกติของเขา ทว่าเกรด D ในรายวิชาหนึ่งทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว วิชานั้นลงวันที่ 3 ตุลาคมเป็นวันสอบปลายภาค และคะแนนสอบของเขาก็ประกาศออกมาว่าไม่ผ่านถึงครึ่ง แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดนัก

                    คังอินพับจดหมายฉบับนั้นเก็บไว้ตามเดิม แล้วครุ่นคิด

                   

                    เขาเปลี่ยนไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูปฏิทิน ระหว่างที่หยิบขึ้นมาเขาซุ่มซ่ามปัดโดนกองหนังสือที่วางสุมบนโต๊ะ หนังสือหลายเล่มร่วงลงพื้น เขามองอย่างอารมณ์เสียและเก็บมันขึ้นมา

                    แล้วก็ต้องชะงักอีกเมื่อเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่สาบานได้ว่าเขาไม่เคยคิดจะซื้อและไม่จำเป็นต้องยืมใครมาอ่านไม่ว่ากรณีใดๆ เขาจึงสงสัยเหลือเกินว่าทำไมถึงมีหนังสือคู่มือแม่และเด็กอยู่ในห้องเขา

                    ถ้ามันไม่ใช่ของเขา ก็แน่นอนว่าต้องเป็นของไอ้ซีวอน!

    คังอินขับรถมาที่บ้านของซีวอนกลางดึก หญิงรับใช้ประจำบ้านรีบวิ่งมาเปิดประตูรับ และเมื่อเห็นหน้าเขา เธอก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย

     

                    คุณยองอุน ทำไมมาดึกดื่นล่ะคะ มาหาคุณหนูรึเปล่า

                    ครับ แล้วนี่ทุกคนนอนหมดแล้วเหรอ

                    คุณท่านทั้งสองไม่อยู่ค่ะ ไปทำงานต่างประเทศตั้งแต่หลายวันก่อน กว่าจะกลับก็คงอาทิตย์หน้า แต่คุณหนูเข้านอนเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าจะมากะทันหันแบบนี้ก็น่าจะโทรบอกคุณหนูก่อนสิคะ นี่จะให้ป้าปลุกคุณหนูกลางดึกป้าไม่เอาด้วยหรอกนะคะ เดี๋ยวคุณท่านรู้เข้าป้าก็...

                    คังอินไม่รอให้เธอบ่นจนจบ เขาเดินสวนเข้าไปในบ้าน และวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสองทันที หญิงรับใช้ร้องด้วยความตกใจ แต่จะให้ขึ้นไปห้ามก็คงยาก

                    โธ่! คุณยองอุนคะ! อย่าทำแบบนี้สิคะ

                    แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายวิ่งขึ้นไปเคาะประตูห้องคุณหนูของเธอแล้ว เธอก็เห็นว่าคงจะทำอะไรไม่ได้ เฮ้อ! เอาเถอะค่ะ...ถือว่าป้าไม่รู้ไม่เห็นแล้วกัน คราวหลังอย่ามาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้อีกนะคะ!”

                    แล้วเธอก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง คังอินหันมามองครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ระดมทุบประตูห้องไอ้ซีวอนต่อ

     

                    ไอ้ซีวอน นี่กูเอง เปิดประตูหน่อย ไอ้ซีวอน! เปิดสิวะ

                    เคาะอยู่ไม่นานประตูก็เปิดออกเพราะเจ้าของห้องนึกรำคาญ คังอินไม่ได้สนใจสีหน้าหงุดหงิดของฝ่ายนั้น เขารู้ว่าซีวอนแค่แกล้งทำ จริงๆ แล้วมันคงยังไม่เข้านอนด้วยซ้ำ แค่ไม่อยากเปิดประตูให้เขาเลยแกล้งว่านอนแล้วเท่านั้นเอง

                    ซีวอนจ้องหน้าเพื่อน เขาถามเสียงแข็ง มึงมาทำไม

                    กูมีเรื่องจะถาม คังอินบอกพลางเหลียวซ้ายแลขวา เหมือนว่าเรื่องที่พูดจะเป็นความลับ เข้าไปคุยในห้องมึงดีกว่านะ     

    ไม่ต้อง! คุยตรงนี้แหละซีวอนเอาตัวขวางประตูไว้ ไม่ยอมให้คังอินแทรกเข้ามาในห้อง เขาอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องทำเป็นเย็นชาใส่ไอ้คังอิน แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาไม่อยากคุยกับมันด้วยซ้ำ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องบุกมาที่บ้านของเขากลางดึกแบบนี้

    เอ้า! มึงมีเรื่องอะไรก็พูดมาสิ

                    คังอินยื่นจดหมายให้ซีวอนพลางจ้องหน้าอย่างสงสัย กูคิดว่ามึงน่าจะช่วยอธิบายเรื่องนี้ได้

     

                    ซีวอนเหลือบตาลงมองจดหมายที่มีตราประทับจากทางมหาวิทยาลัย เขารู้ว่านี่คือความผิดพลาดอย่างหนึ่งของเขาเอง เขาลืมบอกคุณแทคยอนเรื่องนี้เสียสนิท แต่ถึงอย่างนั้นซีวอนก็พยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ เขาฉวยมันมาคลี่ออกดู

                    ทำไมวะ แปลกใจที่เทอมนี้ไม่ติดเอฟเหรอ

    เขาแกล้งหัวเราะและส่งมันคืนให้ไอ้คังอิน แต่รายนั้นไม่ขำด้วย กลับจ้องหน้าเขา และไม่รับจดหมายคืน

                    ใช่ เพราะว่าเกรดวิชาสุดท้ายที่กูได้ มันแปลกว่ะ กูจำได้ว่ากูกับมึงไปเที่ยวที่ผับนั่นคืนวันที่ 2 ตุลาฯ แล้วหลังจากคืนนั้นกูก็สลบไปสองอาทิตย์ ตามที่มึงบอกกู แต่ในใบนี้มันรายงานผลคะแนนสอบของวันที่ 3 ตุลาฯ ให้กู บอกว่ากูได้ 39 คะแนนจาก 100 ก็แสดงว่าวันนั้นกูไปสอบ แล้วกูจะไปได้ยังไงวะถ้ากูสลบอยู่ที่โรงพยาบาล คังอินพูดเสียงเครียด แต่ซีวอนก็แกล้งตีหน้าเซ็งกลับไป

                    ก็นั่นน่ะสิ มึงสลบอยู่แล้วมึงจะไปสอบได้ยังไงล่ะ แต่ในเมื่อคะแนนมึงออกมาแบบนี้ ที่สำคัญคือมึงสอบผ่าน ไม่ต้องเรียนซ้ำอีก มึงจะโวยวายหาอะไรวะ นี่แสดงว่าอาจารย์เค้าเมตตาช่วยกรอกคะแนนมั่วให้มึงไง มึงจะโง่ไปท้วงเค้าเหรอว่ามึงไม่ได้เข้าสอบ

                    แต่อาจารย์จะช่วยกูทำไม เค้าไม่ได้ชอบกูสักนิดเลย

                    เค้าอาจจะไม่อยากเจอมึงอีกเทอมหน้าล่ะมั้งซีวอนเห็นว่า คังอินเงียบไป เขาจึงแกล้งหาวเพื่อจะตัดบท มึงจะสงสัยอะไรนักหนาวะ นี่ก็ดึกแล้ว...กูไปนอนล่ะ

     

                    พอจะงับประตูปิด คังอินก็รีบสอดหนังสือเล่มหนึ่งมาคั่นเอาไว้      ซีวอนเห็นปกแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นหนังสืออะไร เขารีบดึงมันเข้ามา และแกล้งทำเป็นดีใจ พูดกับอีกฝ่ายผ่านช่องประตูที่ยังงับไม่สนิท

                    เฮ้ย...ขอบใจมาก หนังสือนี่กูยืมเพื่อนมาทำรายงาน นึกว่าทำหายไปซะแล้ว ที่แท้ก็ลืมทิ้งไว้ห้องมึงนี่เอง

    ซีวอนตีหน้าซื่อแต่คังอินไม่เชื่อ

                    รายงานวิชาอะไรของมึงต้องใช้หนังสือแบบนี้วะ

                    วิชา... ซีวอนพยายามนึกขึ้นมาให้ได้สักชื่อ วิชานอกคณะ...วิชาสรีระวิทยา แล้วกูต้องทำรายงานเกี่ยวกับสรีระของเพศหญิงตอนตั้งครรภ์ก็เลยต้องใช้หนังสือแบบนี้...

                    มั่ว!” ไอ้คังอินด่าเขา

                    เปล่านะเว้ย! มันมีวิชานี้จริงๆ ซีวอนเถียง

                    แต่กูไม่เห็นมีในตารางเรียนมึงเทอมนี้นี่หว่า

                    พอพูดออกไปก็เพิ่งรู้สึกว่าแปลก คังอินรีบหยุดคำพูดตัวเอง เขาหลบสายตาตั้งคำถามของซีวอนที่มองมา จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องไปเฉยๆ

     

                    กูถามมึงจริงๆ นะ กูสลบไปสองอาทิตย์จริงเหรอวะ

                    ซีวอนแค่นหัวเราะแล้วอธิบายอย่างหมดความอดทน

    มึงคิดว่ากูโกหกมึงเหรอ! กูจะทำแบบนั้นเพื่ออะไรวะ แล้วถามจริงๆ เหมือนกันนะ ถ้าสองอาทิตย์ที่ผ่านมามึงออกมาเดินเพ่นพ่านได้    ใช้ชีวิตตามปกติได้ มึงจะจำไม่ได้เชียวเหรอวะ

                    คังอินนิ่งคิดและเห็นว่าจริงตามนั้น ถ้าเขาไม่ได้สลบไปจริงๆ ทำไมเขาจะจำเรื่องราวในสองสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังรู้สึกแปลกๆ เขาตั้งคำถามว่าทำไมตัวเองถึงได้สงสัยเรื่องนี้นัก และคำตอบก็คือคงเป็นเพราะสัญชาตญาณบอกเขาว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่

                    กูคงคิดมากไปเอง คังอินสรุปออกมาดังๆ ทำให้ซีวอนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก กูขอโทษที่มากวนมึงกลางดึก กูกลับล่ะ

                    “เดี๋ยว!” ซีวอนเรียกเอาไว้เพราะข้องใจ “มึงแอบดูตารางเรียนของกูเหรอวะ ดูไปทำไม”

                    “หืม? แล้วดูไม่ได้รึไง” คังอินถามกลับ และซีวอนก็ตอบไม่ได้ เห็นแบบนั้นคังอินก็ยิ้ม “งั้นไปล่ะ...แล้วเจอกัน”  

     

                    คังอินบอกลาและเดินลงบันไดไป ซีวอนมองตามเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเลที่จะตะโกน เขาจึงเปิดประตูและก้าวตามคังอินไประยะหนึ่ง    

    เอ่อ ไอ้คังอิน... เขาเอ่ยเรียก และฝ่ายนั้นก็หันมา ซีวอนยืนอยู่เชิงบันไดด้านบน เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกไป

     

    มึง...ขับรถกลับดีๆ นะเว้ย

     

                    ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่พักหนึ่ง กระทั่งซีวอนทนไม่ได้ ต้องหลบตาก่อน เขาคงพูดอะไรแปลกๆ ออกไป แล้วไอ้คังอินก็คงจะหัวเราะ แต่แล้วก็เปล่า มันแค่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงปกติ และยิ้มให้เขา

                    เอาอย่างนี้ดีมั้ย...ถ้ามึงเป็นห่วงกู แล้วก็อยากรู้ว่ากูจะกลับถึงคอนโดปลอดภัยรึเปล่า เดี๋ยวพอกลับถึงแล้ว กูจะโทรบอกแล้วกันนะ รับโทรศัพท์กูด้วยล่ะ

     

                    ซีวอนหน้าขึ้นสีเพราะเสียรู้อีกฝ่าย เขาจึงทำเป็นโมโหใส่เพื่อกลบเกลื่อนอาการร้อนตัวที่ปิดบังอย่างไรก็แทบไม่เนียน

                    ไม่ได้เป็นห่วง แล้วก็ไม่อยากรู้เว้ย!”

                    แล้วเขาก็รีบผลุนผลันกลับเข้าไปในห้องและกระแทกประตูปิด โดยลืมไปว่าเขาอาจทำเสียงดังจนคนในบ้านตื่น

                   

                    คังอินยืนมอง เขาลอบยิ้มกับท่าทางของเพื่อน จากนั้นก็กำลังจะกลับ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวลงบันไดต่อ เสียงหญิงรับใช้ของบ้านก็โวยวายมาแต่ไกล

     

                    อะไรกันคะ! ป้าได้ยินเสียงโครมคราม เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ

                    ไม่มีอะไรนี่ครับ แค่เสียงประตู คังอินบอกเธอ

                    นี่คุณยองอุนกระแทกประตูใส่หน้าคุณหนูเหรอคะ!” หญิงรับใช้ท่าทางโมโหมาก ดูก็รู้ว่าไม่ช้าเขาคงโดนตีด้วยไม้ปัดขนไก่ที่เธอถือมาเป็นอาวุธประจำตัว คังอินรีบส่ายหน้าดิกและชี้แจง

                    เปล่าครับ! ไอ้ซีวอนมันปิดเอง

                    ไม่จริงค่ะ ปกติคุณหนูไม่เคยทำเสียงปึงปังแบบนี้ คุณหนูได้รับการอบรมมารยาทมาอย่างดีนะคะ ไม่มีทางปิดประตูเสียงดังแบบไร้ความเกรงใจหรอกค่ะ!”

                   

                    ซีวอนได้ยินเสียงจากในห้อง แต่เขาก็ไม่อยากโผล่หน้าออกไปพูดอะไรกับคุณป้าแม่บ้านในเวลานี้ เขาจึงเอาตัวรอด รีบปิดไฟเข้านอน

     

                     ถึงแม้หลังจากนั้นจะได้ยินเสียงเหมือนไอ้คังอินโดนตีด้วยไม้ขนไก่ก็เถอะ แต่ก็สมน้ำหน้าแล้วที่โผล่มารบกวนเขากลางดึกแบบนี้ เขาฟังกระทั่งเสียงรถของคังอินแล่นออกไป เขาจึงเปิดโคมไฟที่หัวเตียงและล้มตัวลงนอน เขาแค่หวังว่าไม่นานไอ้คังอินจะลืมเรื่องจดหมายจากทางมหาวิทยาลัยกับหนังสือแม่และเด็กนั่นได้ คิดแล้วก็หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง ทว่าเขาก็ทำใจไม่ได้ รีบเก็บมันใส่ลิ้นชัก

     

                    หากเป็นอย่างนี้ต่อไปก็คงแย่กันทั้งสองฝ่าย เพราะในขณะที่ไอ้คังอินทรมานเมื่อเจอร่องรอยความทรงจำแต่นึกอะไรไม่ออก เขาเองก็เจ็บปวดเพราะต้องถูกบังคับให้นึกถึงมันซ้ำๆ

    ก่อนจะต้องแกล้งทำเป็นลืม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×