คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : [10] forgotten
ซีวอนลืมตาขึ้นอีกครั้งและเห็นหลอดไฟบนเพดานเป็นสิ่งแรก พอรู้สึกตัวและรู้ว่านอนหงายอยู่จึงดันตัวลุกขึ้นอย่างร้อนรน เขาจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหมดสติได้ และนั่นทำให้เขาตระหนกว่าเหตุการณ์ตอนนี้จะเป็นอย่างไรแล้ว
“คุณแทคยอน”
ซีวอนขมวดคิ้วเมื่อหันไปเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แทคยอนยิ้มให้แล้วรีบห้ามเมื่อเขากำลังจะผุดลุกขึ้น
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ นอนพักอย่างเดิมดีกว่า”
ซีวอนกวาดสายไปรอบๆ เขาเพิ่งเห็นว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องในโรงแรมห้องเดิมที่เกิดเรื่องก่อนหน้านี้ แต่คงเป็นห้องพิเศษในโรงพยาบาลสักแห่ง
“ทำไม...ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่”
ซีวอนหันไปคาดคั้นจากแทคยอน ใจของเขาเต้นรัวแรงเมื่อนึกถึงใครบางคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย
“ไอ้คังอินล่ะครับ...ไอ้คังอินไปไหน”
เขาน้ำตาคลอทันทีที่ถาม แววตาสิ้นหวังของเขาทำให้แทคยอนต้องถอนหายใจ รายนั้นเอื้อมมือมากุมมือเขาไว้ และบีบเพื่อให้กำลังใจ
“อย่าร้องไห้เลยครับ”
แทคยอนพูดปลอบ ซีวอนเม้มริมฝีปากแน่น เขาไม่ได้พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ มันจึงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
“คุณช่วยออกไปก่อนได้มั้ย” เขาบอกแทคยอน แต่ฝ่ายนั้นยังไม่ยอมปล่อยมือเขา เขาจึงปล่อยโฮออกมา “ขอร้องล่ะ! ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว ผมต้องการเวลาทำใจ!”
“แต่คุณยองอุนปลอดภัยดีนะครับ”
ซีวอนแทบสำลักน้ำตา เขาทำตาเขียวใส่ แทคยอนที่กำลังตีหน้าซื่อราวกับจะแก้ต่างให้ตัวเองว่าไม่ได้บอกช้าไป
“คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย ไอ้คังอินยังไม่ตายเหรอ”
“ครับ ยังไม่ตาย ผมให้เค้าพักอยู่ห้องตรงข้ามคุณนี่เอง”
แทคยอนพูดอย่างจริงจัง ซีวอนจึงหัวเราะออกมาได้ เขารีบเช็ดน้ำตาแล้วจะก้าวลงจากเตียง แต่แทคยอนดันตัวเขาไว้
“คุณซีวอนจะไปไหนเหรอครับ”
“ไปหาไอ้คังอินไง ผมอยากไปดูให้แน่ใจว่ามันปลอดภัยดี”
แทคยอนระบายลมหายใจเบาๆ แล้วพูดขึ้น “แต่ก่อนที่คุณจะไปพบคุณยองอุน ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณเล็กน้อยน่ะครับ เป็นเรื่องสำคัญมาก คุณจะต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากคุณหมดสติไป”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
ซีวอนยอมนั่งนิ่งอยู่บนเตียงเพื่อรอฟังคำตอบ เมื่อครู่เขาเป็นห่วงไอ้คังอินมากจนไม่ได้ฉุกคิดในทีแรกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร
“ดูเหมือนว่าโจคยูฮยอนจะเอาเด็กในท้องคุณยองอุนออกไป แล้วพากลับดาวไปด้วยแล้วน่ะครับ คุณเก่งมากที่สุดท้ายก็ทำให้เค้าเปลี่ยนใจได้” แทคยอนยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าดีใจของซีวอน “ถือเป็นความผิดพลาดของทางองค์กรที่ไม่สามารถกำจัดคยูฮยอนกับลูกได้ แต่ก็คงเป็นไปในแบบที่คุณต้องการแล้วใช่มั้ยล่ะครับ”
“สุดท้ายก็ไม่มีใครต้องตาย...ไม่น่าเชื่อเลย” ซีวอนพึมพำกับตัวเองด้วยความดีใจ และหันไปบอกแทคยอน “ขอบคุณมากนะครับ คุณแทคยอน เพราะคุณช่วยผม...”
แทคยอนรีบขัด “ไม่หรอกครับ ผมทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดได้เท่านี้ ทีมของผมถูกตำหนิที่ทำงานผิดพลาด แต่สุดท้ายแล้วที่ประชุมขององค์กรก็แค่ลงมติให้เพิ่มมาตรการสอดส่องและออกคำสั่งห้ามคยูฮยอนกลับมาที่โลกอีก”
“เค้าไม่กลับมาหรอกครับ...วางใจได้” ซีวอนหลบตาลงและยิ้มเศร้าๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ “เออ...ว่าแต่คุณแทคยอนมีอะไรจะบอกผมอีก รึเปล่าครับ ไม่อย่างนั้นผมจะขอตัวไปดูอาการไอ้คังอิน”
แทคยอนเงียบไปครู่หนึ่งและหันมองทางอื่น
“ทุกอย่างจบลงด้วยดีจริงๆ ครับคุณซีวอน ไม่มีใครตาย ไม่มีการสูญเสีย น่าแปลกที่ผมเองก็สบายใจ นี่เป็นครั้งแรกนะครับที่ผมทำงานพลาดแต่มันรู้สึกดีเป็นบ้า” เขาหันมามองซีวอนและยกนิ้วแตะริมฝีปากตัวเอง “แต่คุณอย่าบอกใครในองค์กรนะครับ เดี๋ยวผมโดนไล่ออก”
“ไม่หรอกครับ” ซีวอนหัวเราะและทบทวนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ “ผมเองก็ดีใจที่ทุกอย่างจบลงด้วยดี ผมอยากเจอไอ้คังอิน...อยากถามมันให้แน่ใจว่าผมไม่ได้ฝันไป ผมพูดออกไปหมดแล้วล่ะครับคุณแทคยอน มันน่าอายแต่ผมก็รู้สึกว่าคงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้พูด ตลกดีนะครับ ข้อสังเกตของคุณถูกต้องเลยล่ะ ไอ้คังอินเองก็ใจตรงกับผม อย่าโทษมันเลยนะครับที่เสียมารยาทกับคุณเอาไว้มาก นั่นเป็นเพราะมันหึงที่คุณเข้าใกล้ผมน่ะ บ้าจริงๆ เลย”
แทคยอนยิ้มแค่รูปปาก แต่สายตาบ่งบอกว่ามีเรื่องน่าหนักใจซ่อนอยู่ เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วหัวเราะเบาๆ
“ดีจังนะครับ ดูคุณสบายใจที่ได้บอกความจริงกับคุณยองอุนแล้ว และผมก็คงต้องบอกว่ายินดีด้วยที่เค้าเองก็ใจตรงกับคุณ...”
“แล้วไงครับ” ซีวอนเริ่มสงสัยเมื่อเห็นท่าทีอึดอัดของฝ่ายนั้น ดูเหมือนว่าแทคยอนมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกเขา
“คุณแทคยอน นี่คุณกำลังจะพูดอะไรกันแน่”
รายนั้นชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วสบตาเขา
“เพื่อความเป็นปกติสุขจากนี้ไป ทางองค์กรมีมติสั่งลบความทรงจำของคุณยองอุนตั้งแต่ตอนที่เจอคยูฮยอน...จนถึงปัจจุบัน”
จบประโยคนั้นซีวอนก็อึ้งจนพูดไม่ออก เขาจ้องหน้าแทคยอนแล้วได้แต่ตั้งคำถามมากมายอยู่ในใจ
“เพราะฉะนั้น...ผมหมายความว่าเมื่อคุณเข้าไปเจอคุณยองอุนแล้ว เค้าจะจำเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย ทางองค์กรจำเป็นต้องทำเพื่อให้คุณยองอุน กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และจะดีกว่าถ้าเค้าไม่เคยรู้ว่ามีเอเลี่ยนอยู่จริง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และทางองค์กรต้องอาศัยความร่วมมือจากคุณ เพื่ออธิบายว่าช่วงที่เค้าหมดสติไปนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
แทคยอนพยายามอธิบายตามหน้าที่ เขารู้ว่าซีวอนกำลังช็อคกับสิ่งที่เพิ่งได้รู้ แต่ไม่ช้าก็คงทำใจได้
“ลบความทรงจำงั้นเหรอ”
ซีวอนแค่นหัวเราะและหันมองแทคยอนด้วยสายตาตำหนิ
“แล้วทำไมคุณไม่ลบความทรงจำผมของด้วยล่ะ! คิดว่าผมอยากจำเรื่องงี่เง่านี่ได้นักเหรอ ทำไมผมต้องได้บทเรียนบ้าๆ นี่แทนที่จะเป็นไอ้คังอิน ทำไม!”
แทคยอนรู้ว่าซีวอนไม่ได้จะถามเอาคำตอบ แต่เขาเองก็มีคำตอบที่ซีวอนควรจะรู้ไว้ “ที่เราไม่ลบความทรงจำของคุณ ก็เพราะคุณเป็นคนเดียวที่จะช่วยอธิบายกับคุณยองอุนได้ว่าเค้าหมดสติไปเพราะอะไร และช่วยให้เค้ากลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ”
ซีวอนก้มหน้าลงซบกับฝ่ามือ ในที่สุดเขาก็เริ่มหัวเราะ พลางพูดเสียงอู้อี้ “ตลกเป็นบ้าเลย คุณคิดดูสิ...มันเปล่าประโยชน์ชะมัด ผมเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างมันมาตลอดในเวลาที่มันลำบาก แล้วทุกอย่างที่ผ่านมาก็ทำให้มันรักผม แต่ตอนนี้มันลืมทุกอย่างหมดแล้ว โธ่เว้ย! สุดท้ายก็ต้องกลับไปเป็นแบบเดิม”
“ผมเชื่อว่าถ้าคุณยองอุนชอบคุณบ้างเหมือนกัน เค้าก็คงจะรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนจะเกิดเรื่องแล้ว ทำไมคุณไม่ลองบอกเค้าอีกครั้งล่ะครับ” แทคยอนเสนอ แต่ซีวอนเงยหน้าขึ้นมองเขาราวกับจะหาเรื่อง
“จู่ๆ คุณจะให้ผมพูดทุกอย่างไปโดยที่ไม่มีสาเหตุเนี่ยนะ ผมทำไม่ได้หรอก แล้วคุณคิดว่าไอ้คังอินมันจะชอบผมตอบจริงๆ น่ะเหรอ มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมทำอะไรเพื่อมันบ้างตอนที่มันเจอเรื่องร้ายๆ คุณว่าผมยังจะหวังอะไรได้อีกงั้นเหรอ”
แทคยอนทำใจเย็นกับการระบายอารมณ์ของเขา
“แปลกนะครับ ทั้งที่รู้แล้วว่าสาเหตุที่ทำให้คุณเป็นทุกข์คืออะไร แต่ตอนนี้คุณก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว จริงๆ คุณอาจจะคิดไปเองเพราะคุณไม่กล้าสารภาพความจริงและต้องมองหน้าเค้าต่อไป คุณกลัวว่าถ้าคำตอบไม่ได้เป็นแบบที่คุณคาดหวัง คุณจะต้องอยู่โดยไม่มีเค้าอีก คุณก็แค่คิดไปเองว่าคุณอยู่ไม่ได้โดยไม่มีเค้า...ใช่มั้ยล่ะครับ”
ซีวอนหลบสายตาอีกฝ่ายแล้วนิ่งคิด ระหว่างนั้นแทคยอนถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน “คุณซีวอนครับ ถึงคุณยองอุนจะจำผมไม่ได้ แต่คุณเองยังจำผมได้ เพราะฉะนั้นถ้าคุณผิดหวังจากเค้าล่ะก็...กรุณาจำไว้ว่าคุณยังมีผมนะครับ”
“ผมคงไม่เลือกคุณหรอก” ซีวอนพูดออกมาทันที
แทคยอนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะและส่ายหน้า
“คุณไม่ได้ต้องเลือกระหว่างคุณยองอุนหรือผม คุณน่าจะรู้นะครับว่าอะไรที่คุณต้องเลือก...”
ซีวอนไม่ค่อยเข้าใจคำพูดกำกวมของฝ่ายนั้นสักเท่าไหร่ เขามองแทคยอนเดินไปที่ประตู และสบตากันเมื่อร่างสูงหันมาบอกเขา
“ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้คุณแล้ว วางอยู่บนโต๊ะนั่นนะครับ ทำตัวให้ปกติที่สุด แล้วเจอกันที่ห้องตรงข้ามเมื่อคุณพร้อมนะ”
ซีวอนเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยตามที่แทคยอนบอก เขาออกมาจากห้องและเห็นว่าแทคยอนยืนรออยู่หน้าประตูห้องตรงข้าม ยิ้มให้เขา
“พร้อมจะแต่งเรื่องแล้วใช่มั้ยครับ”
ซีวอนแค่นหัวเราะ “คุณจะให้ผมบอกไอ้คังอินยังไงก็ว่ามาเลย”
“ผมนัดแนะกับหมอเจ้าของไข้ให้ลงรายละเอียดว่าคุณยองอุน ล้มหัวฟาดพื้นเพราะดื่มจนเมาในคืนนั้น คุณเองก็ควรพูดตรงกัน”
ซีวอนรู้สึกว่าช่างน่าอนาจชะมัด แต่ก็ดูจะเป็นเหตุการณ์ที่สมเหตุสมผลกับไอ้คังอินดี
“ได้ครับ” เขาเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตู และเมื่อเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็เห็นไอ้คังอินนอนอยู่บนเตียง
พอเห็นหน้าเขา...มันก็ดันตัวขึ้นอย่างรีบร้อน สีหน้างุนงง
“ไอ้ซีวอน...เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมกูถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
ซีวอนแสร้งทำตัวตามปกติ เขาเดินไปนั่งข้างเตียงแล้วชี้ไปที่ผ้าพันแผลซึ่งโพกศีรษะฝ่ายนั้นอยู่ แต่แวบหนึ่งเขาลอบมองไปทางอื่น ยอมรับว่าตัวเองเกือบจะร้องไห้ออกมาเมื่อได้เห็นหน้าไอ้คังอินอีกครั้ง
“มึงเดาไม่ออกเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น”
“กูจำได้ว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ในผับ จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องแล้วว่ะ”
“ก็นั่นแหละ มึงเต้นอยู่กลางฟลอร์ แต่จู่ๆ ก็เมาแอ๋ ล้มหัวฟาดพื้น มึงสลบไปเกือบสองอาทิตย์ ยังดีที่ไม่ได้ความจำเสื่อม”
ซีวอนแกล้งกุเรื่องอย่างแนบเนียนจนทำให้เพื่อนนึกไปแล้วก็เชื่อโดยง่าย
“กูเมาขนาดนั้นเลยเหรอวะ” คังอินยกมือกุมศีรษะอย่างงงๆ
“เมาเหมือนหมาเลยล่ะ” ซีวอนแกล้งบอก
จากนั้นทั้งคู่ก็เงียบไป คังอินพยายามนึกเหตุการณ์ก่อนหน้าแต่ก็นึกไม่ออก แสดงว่าเขาคงหมดสติไปนานจริงๆ อย่างที่ซีวอนพูด
“แต่กูดีใจนะที่มึงไม่ได้เป็นอะไรมาก...อย่างน้อยมึงก็ปลอดภัย”
ซีวอนสบตาอีกฝ่ายแล้วยิ้มอย่างจริงใจ เขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆ โชคดีเหลือเกินที่ไอ้คังอินปลอดภัย และยังหัวเราะใส่เขาได้อยู่
“กูมันอึดอยู่แล้ว ไม่ตายง่ายๆ หรอก ว่าแต่เมาแล้วล้มหัวฟาดนี่มันน่าอายชะมัดเลยว่ะ กูคงต้องเปลี่ยนร้านประจำซะแล้วล่ะ สงสัยเด็กจะหนีหมดถ้ารู้ว่ากูแม่งงี่เง่าทำตัวเองล้มหัวฟาด”
ซีวอนขำไม่ออกเพราะสิ่งที่คังอินพูด เขารู้สึกได้ว่าทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ไอ้คังอินก็จะทำตัวแบบเดิม แบบที่ทำให้เขาต้องเจ็บปวดมาตลอด
“นั่นสิ...งี่เง่าจริงๆ” ซีวอนพึมพำ
“กูจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่วะ” คังอินถาม
“เดี๋ยวนี้เลยก็ได้...หมอบอกว่าถ้ามึงฟื้นเมื่อไหร่ก็จะให้กลับบ้านได้เพราะดูแล้วอาการก็ไม่ได้น่าเป็นห่วงอะไรมาก”
คังอินขมวดคิ้วแล้วตั้งข้อสังเกต “จริงเหรอวะ แต่กูสลบไปตั้งสองอาทิตย์เนี่ยนะ...จะไม่เป็นอะไรมากจริงๆ เหรอ”
“แล้วมึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นอะไรมากรึเปล่าล่ะ”
“เอ่อ...ไม่ว่ะ” คังอินเห็นจริงตามนั้น เขาสำรวจดูอีกทีว่ามีอาการบาดเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายตัวบ้างรึเปล่า แต่เขาก็ไม่รู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่นิดเดียว
ขณะนั้นแทคยอนเปิดประตูเข้ามา และยืนมองอยู่ห่างๆ คังอินมองหน้าแล้วรู้สึกไม่ถูกชะตาพิลึก เขาจึงถามซีวอนด้วยความสงสัย
“นั่นใครวะ”
ซีวอนหันไปมอง เขาสบตากับแทคยอนครู่หนึ่ง
“นั่นคุณแทคยอน เค้าเป็นคนที่ช่วยกูพามึงมาส่งโรงพยาบาล”
“เหรอ” คังอินมองแทคยอนอย่างไม่เชื่อใจนัก “แต่นี่ก็ผ่านมาตั้งเกือบสองอาทิตย์แล้ว ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ”
แทคยอนหัวเราะแล้วยกมือกอดอก
“ผมกับคุณซีวอนเป็นเพื่อนกันแล้วน่ะครับ เพราะตลอดเวลาที่คุณซีวอนมาเฝ้าคุณที่โรงพยาบาล ผมก็มาอยู่เป็นเพื่อนคุย กลัวว่าคุณ ซีวอนจะเหงา...”
คังอินเบิกตาขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ดึงแขนซีวอนเข้ามากระซิบ
“ไอ้บ้านี่จีบมึงชัดๆ มึงรีบไล่มันไปเลย”
ซีวอนผ่อนลมหายใจ แล้วพูดตามปกติ “กูรู้แล้วว่าเค้าจีบกู”
“แล้วทำไมมึง...”
“คุณแทคยอนครับ” ซีวอนทำเป็นไม่สนใจคังอินที่ดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนใหญ่โต เขาหันไปยิ้มให้แทคยอน “วันนี้ไอ้คังอินจะออกจากโรงพยาบาลเลย คุณช่วยไปบอกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ เผื่อว่าจะสั่งยาอะไรให้เพิ่ม”
“ได้ครับ” แทคยอนยิ้มตอบ จากนั้นก็เดินออกไป คังอินมองตาขวาง พอแทคยอนปิดประตูแล้ว เขาก็แหวใส่เพื่อนสนิท
“มึงรู้ว่ามันจีบมึงแล้วทำไมไม่บอกไปตรงๆ ว่ามึงไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น กูเคยบอกมึงแล้วไงว่าไอ้พวกนี้ไม่ได้หวังอะไรนอกจากเรื่องอย่างว่า ถ้ามึงรำคาญล่ะก็ทำไมไม่ไล่ไปซะ ปล่อยให้มันตามจีบอยู่ได้!”
“คุณแทคยอนเป็นคนดี”
คังอินเอะใจกับคำพูดเรียบเฉยนั้น “แล้วมึงก็เลยชอบมันเหรอ”
ซีวอนเงยหน้าขึ้นสบตาคังอิน แต่ยังไม่ทันจะได้คิดตอบอะไร ประตูห้องก็เปิดออก แพทย์เจ้าของไข้เดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาล ซีวอนก้มศีรษะให้เล็กน้อย เขาถอยออกไปยืนห่างจากเตียง เพื่อให้หมอได้เข้ามาตรวจอาการไอ้คังอินอีกครั้ง
แทคยอนเดินเข้ามาและหยุดอยู่ที่ประตู ส่งสัญญาณบอกซีวอนว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ซีวอนยิ้มรับ แต่พอหันไปมองคังอินอีกครั้ง เขาก็เห็นว่าสายตาหม่นๆ ของรายนั้นกำลังตัดพ้อเขาอย่างยากจะเข้าใจ
“ขอบคุณนะครับคุณแทคยอน เดี๋ยวผมจะไปส่งไอ้คังอินที่คอนโดก่อน แล้วก็คงจะกลับบ้านเลย เอาไว้โทรคุยกันนะครับ”
ซีวอนพูดกับแทคยอนแบบนี้ ตั้งใจจะหมายถึงเรื่องที่ทางองค์กรจะขอติดตามผลการลบความทรงจำของคังอิน และแทคยอนเองก็เข้าใจตรงกัน รายนั้นพยักหน้ารับและยิ้มให้
“ครับ โชคดีนะครับ แล้วไว้เจอกัน” แทคยอนบอกซีวอน และหันไปเพื่อบอกลาคังอินอีกครั้ง “โชคดีนะครับคุณยองอุน หวังว่าเราคงจะได้เจอกันที่ผับอีก”
คังอินไม่พูดอะไร เอาแต่มองแทคยอนตาขวาง
กระทั่งแทคยอนกลับไปแล้ว ซีวอนหันมามองคังอิน และเริ่มไม่สบอารมณ์ที่ฝ่ายนั้นทำหน้าบึ้งใส่มาตลอด
“เป็นอะไร...” เขาถาม
คังอินจ้องหน้าเขาและพูดช้าๆ “ไอ้แทคยอน...เป็นเกย์”
“กูรู้แล้ว” ซีวอนบอก
“อ้อ...เหรอ รู้แล้วเหรอ รู้แล้วแต่มึงก็ยังเต็มใจให้มันจีบมึงแบบสบายๆ แล้วดูท่าทางมึงก็จะชอบด้วยนะเนี่ย เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอวะ”
ซีวอนไม่สนใจคำพูดของคังอิน เขาเดินไปที่รถ “ถ้าจะกลับก็รีบมาขึ้นรถ ไม่งั้นกูจะทิ้งมึงไว้ตรงนี้แหละ ขึ้นแท็กซี่กลับเองก็แล้วกัน”
“เหอะ! ทำเย็นชาใส่กู เดี๋ยวพอมึงคบกับไอ้แทคยอนนั่นแล้วมึงก็คงจะลืมกูไปเลยสินะ กูว่าแล้วเชียวไอ้ซีวอน มึงต้องเป็นคนประเภทที่เห็นแฟนดีกว่าเพื่อน”
ซีวอนหันมามองคังอินอย่างนึกโมโห “ทำไม! มึงหึงรึไง”
เมื่อถามออกไปแล้วก็รู้สึกว่าหน้าแดงเอง แต่แล้วไอ้คังอินก็หัวเราะออกมาแก้สถานการณ์ให้เขา แล้วจากที่หน้าแดงเพราะอาย จึงกลายเป็นโกรธ เพราะเพื่อนสนิทพูดแบบไม่รักษาน้ำใจ
“กูเนี่ยนะหึง...มึงนี่ตลกดีว่ะ นี่กลายเป็นเรื่องรักสามเส้ากันไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ มึงอย่าคิดว่าทำให้กูขำแล้วกูจะไม่ด่ามึงสิ นี่กูกำลังจะโดนแย่งเพื่อนสนิทนะเว้ย แล้วกูก็จะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่ กูรู้ว่ามึงไม่ได้ชอบผู้ชาย...แต่เพราะไอ้แทคยอนนั่นมันเอาใจเก่ง แล้วมันก็อยู่เป็นเพื่อนมึงตลอดตอนที่กูสลบไป มึงไม่ได้ชอบไอ้แทคยอนหรอก มึงแค่เหงาแล้วก็เผลอคิดว่าไอ้หมอนั่นดีไปซะทุกอย่าง มึงเคยติดกูจะตาย แล้วกูว่ามึงก็คงจะติดไอ้แทคยอนนั่นด้วยเหตุผลเดียวกัน มึงเป็นพวกคุณหนู พ่อแม่คอยโอ๋คอยเอาใจ แล้วก็อยู่ในกฎระเบียบมาตลอด มึงดื่มเหล้าครั้งแรกก็เพราะกูชวน มึงเข้าผับครั้งแรกก็เพราะกูพาไป มึงจีบสาวคนแรกติดก็เพราะกูช่วย มึงคิดว่าการได้ทำอะไรแหกกฎของบ้านเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แล้วก็เป็นสีสันในชีวิตมึงใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นมึงก็เลยคิดว่าถ้ามึงลองเปิดใจกับไอ้แทคยอนดูบ้าง...ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร แต่เพราะมึงเป็นเพื่อนรักของกู กูบอกไว้เลยนะ...กูสนับสนุนให้มึงทำเรื่องสุดโต่งได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องคบกับผู้ชาย”
ซีวอนแปลกใจที่ตัวเองยอมยืนฟังไอ้คังอินพล่ามจนจบ เขาหัวเราะออกมาเบาๆ และหันไปมองหน้าเพื่อน
“ไหนบอกว่าซิว่าทำไม...”
“เพราะว่านี่เป็นเงื่อนไขที่มึงต้องทำ ถ้ามึงอยากจะเป็นเพื่อนกับกูต่อไป” จริงๆ แล้วซีวอนอยากจะถามว่า แค่เขาพูดเรื่องหึงหวง ทำไมไอ้คังอินจะต้องแก้ตัวยืดยาวและโยนความผิดมาให้เขาด้วย แต่เมื่ออีกฝ่ายชิงตอบเป็นอย่างอื่น เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เมื่อได้ฟังคำตอบที่ชัดเจนจากคังอิน เขาก็รู้สึกเจ็บกว่าตอนที่ฟังมันพล่ามเมื่อครู่หลายเท่า ไม่เลย...เขาไม่อยากเป็นเพื่อนกับมันอีกแล้ว แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาไม่สามารถเป็นอิสระได้เหมือนคยูฮยอน เพราะเขากลัว เขาไม่อาจจะเลิกคบไอ้คังอินเป็นเพื่อนได้ เพราะเขาไม่มีทางได้เป็นอย่างอื่น
ทุกคำสารภาพที่พรั่งพรูออกมาเมื่อคืนก่อน ความในใจของไอ้คังอิน และแม้แต่ที่พวกเขาจูบกัน มันไม่มีความหมายอะไรเลย เมื่อไม่มีช่วงเวลาที่นานพอให้เขาได้พิสูจน์ ไม่มีสถานการณ์เลวร้ายใดที่ทำให้ไอ้คังอินได้รู้ว่าเขาคือคนที่อยู่ข้างมันมาตลอด ไม่มีบทเรียนไหนที่ทำให้เขาทั้งสองคนได้เรียนรู้กันและกันนานพอจะเกิดความเข้าใจ เมื่อไม่มีอะไรแบบนั้น...เขาเองก็คงต้องยอมรับความจริง
ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพยายามเริ่มนับหนึ่งใหม่
เขาเข้าใจแล้วว่าทางเลือกของเขาอย่างที่แทคยอนบอกคืออะไร มันก็คือสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ ได้เรียนรู้มาแล้ว...แต่ก็แกล้งทำเป็นลืม
ซีวอนเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถและเริ่มสตาร์ท ไอ้คังอินรีบวิ่งมาเพราะกลัวจะถูกทิ้งให้กลับแท็กซี่จริงอย่างที่เขาขู่ไว้ อยากจะทำจริงๆ อยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วซีวอนก็ใจอ่อน ยอมเปิดประตูให้คังอินเข้ามานั่ง เมื่อเห็นว่าเขาเกือบเอาจริง รายนั้นก็รีบง้อเขา
“ไม่เอาน่า...อย่าโมโหดิ กูก็แค่หวังดีกับมึง กูไม่อยากให้มึงถูกไอ้แทคยอนนั่นหลอก กูเองก็รสนิยมแบบเดียวกับมันนะเว้ย กูมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่ามันคิดอะไร”
ซีวอนไม่พูดตอบ เขาตั้งใจปิดปากเงียบและออกรถ
ความคิดเห็น