ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] No Playboy - KangWon (Kangin X Siwon)

    ลำดับตอนที่ #12 : [08] Fall in

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 55


    /> /> />

     

     

     

                    ซีวอนนัดคยูฮยอนมาเจอกันอีกครั้ง เขาคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะต่อรองกับฝ่ายนั้นได้บ้าง แน่นอนว่าเพื่อนเขาเป็นฝ่ายผิด แต่จากที่เขา คุยกับคุณแทคยอน...หากคยูฮยอนเคยรักไอ้คังอินจริงๆ ก็น่าจะไม่ใจร้ายปล่อยให้มันกับลูกในท้องต้องตายทั้งคู่

     

                    เขาเดินเข้ามาในร้านกาแฟที่บรรยากาศเงียบสงบและตกแต่งสไตล์ยุโรป น่าแปลกเพราะคยูฮยอนเป็นคนเลือกสถานที่ ซึ่งดูแล้วไม่เข้ากับบุคลิกเลยแม้น้อย เขาขยับแว่นกันแดดที่สวมอยู่ และมองหาคยูฮยอน

     

                    ทางนี้ครับ

                    เสียงหนึ่งเรียกเขา ซีวอนจึงหันไปมอง เขาเพิ่งเห็นว่าเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่คือโจคยูฮยอน...คนที่เขามองเลยผ่านไปเมื่อครู่เพราะคิดว่าไม่ใช่

     

                    คยูฮยอนดูเปลี่ยนไปอีกแล้ว

                    รายนั้นใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีสะอาดตาที่รีดจนเรียบไร้ที่ติ มีแผงลูกไม้เย็บเป็นระบายตามคอเสื้อ จงใจติดกระดุมทุกเม็ดแม้แต่กระดุมเม็ดบนสุดที่ต้นคอ อีกทั้งผมสีน้ำตาลที่หยักศกเล็กน้อยไม่ได้จัดแต่งด้วยเจลใส่ผมแบบวันก่อน แต่ถูกหวีให้สลวย ดูเป็นธรรมชาติ เด็กหนุ่มหลบตาลง ใช้นิ้วปัดปอยผมที่ระข้างแก้มไปทัดหูอย่างนุ่มนวล 

                    หลังจากเอ่ยเรียกเขา คยูฮยอนก็ยกถ้วยชาอังกฤษขึ้นจิบด้วยท่วงท่าแบบผู้ดี

     

                    อะไรของนายเนี่ย!” ซีวอนอดไม่ได้ที่จะโพล่งอุทาน “จากเด็กหนุ่มไร้เดียงสากลายเป็นหนุ่มน้อยเซ็กซี่ท่าทางไวไฟแล้วตอนนี้ก็กลายเป็นพวกคุณหนูลูกผู้ดี ตกลงตัวจริงของนายเป็นยังไงกันแน่

    คยูฮยอนผละริมฝีปากจากขอบถ้วย พลางเหลือบตามองเขา

                    เสียมารยาทจริงๆ เลยนะครับ คุณไม่ควรถามใครด้วยคำถามที่น่าเกลียดแบบนี้ แต่ช่างเถอะครับ...ผมไม่ถือสา เชิญคุณนั่งลงเถอะ

     

                    ผายมือให้นั่ง จากนั้นก็หลบตาลงจิบชาต่อ

                    ซีวอนยกมือลูบท้ายทอยตัวเอง เขามายืนเก้อนานแล้วจึงคิดจะนั่งตามคำเชิญ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายกำลังเล่นบทผู้ดีอยู่ เขาก็ควรเล่นด้วยสักหน่อย ว่าแล้วแกล้งระบายยิ้ม และค้อมศีรษะพอประมาณ

                    ขอบคุณครับ งั้นผมขออนุญาตนั่งนะครับคุณหนู

                    คยูฮยอนวางถ้วยชาลงอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากบางขยับยิ้มเล็กน้อยและผายมือไปที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามอีกครั้ง เชิญสิครับ

                    อื้อหือ...เล่นเหมือนขนาดนี้เกือบเผลอเชื่อเลยล่ะ!’

     

                    ซีวอนนั่งลง เขาหยิบเมนูเครื่องดื่มมาเปิดดูผ่านๆ จากนั้นก็เอ่ยปากถาม       ทำไมนายต้องทำแบบนี้ด้วย            

                    อะไรเหรอครับ คยูฮยอนดูจะไม่เข้าใจคำถาม

                    ก็เปลี่ยนบุคลิกตัวเองไปเรื่อยๆ เปลี่ยนการแต่งตัว เปลี่ยนวิธีการพูด แล้วก็เปลี่ยนนิสัยด้วย ถามหน่อยเถอะ นายทำแบบนี้ทำไม

                    คยูฮยอนนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบ ผมไม่ใช่แบบที่คุณเห็น แล้วก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าตัวตนของผมเป็นแบบไหน เพราะผมสามารถเป็นได้ทุกอย่างที่อยากเป็น ผมเปลี่ยนเพศ และเปลี่ยนรสนิยมทางเพศเพื่อความหลากหลาย เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาตัวเองเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนบุคลิกและนิสัยตามลักษณะสังคมที่ซับซ้อน ผมต้องยอมรับว่าโลกมนุษย์เป็นแห่งเดียวที่ผมสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ เพราะว่าดาวอื่นๆ ไม่มีอะไรที่วิปริตขนาดนี้

                    ซีวอนสะอึกเพราะคำพูดเจ็บแสบนั้น แต่ก็เบาใจที่อย่างน้อย คยูฮยอนยังสุภาพกับเขาอยู่มาก ปากร้ายไปหน่อยแต่ก็เอาเถอะ นายเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่น่ากลัวเท่าวันก่อน เอ...แต่พอมาคิดว่าจริงๆ แล้วนายไม่ได้เป็นแบบที่เห็น คืออาจจะเป็นเมือกๆ วุ้นๆ แล้วเปลี่ยนร่างไปได้เรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ไม่ไหวนะ นายจะเปลี่ยนร่างเป็นอะไรก็เปลี่ยนเถอะ แต่อย่าให้ฉันได้เห็นร่างจริงของนายก็แล้วกัน

                    คยูฮยอนยิ้มน้อยๆ ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่ามนุษย์หรอกครับ มนุษย์เองก็ปกปิดร่างจริงที่น่ารังเกียจเอาไว้ ซ่อนมันไว้ใต้หน้ากากที่งดงาม มนุษย์โกหก ตลบตะแลง และหลอกลวงผู้อื่นเพื่อจะได้ในสิ่งที่ต้องการ บางคนก็โกหกได้แม้กระทั่งตัวเอง...

                    พูดพลางสบตาราวกับจะสื่อความหมายถึง ซีวอนแน่ใจว่าเขาสวมแว่นสีดำสนิทอยู่ รายนั้นไม่น่าจะอ่านใจเขาผ่านสายตาได้

     

                    ไม่ยักรู้ว่าบุคลิกแบบนี้นอกจากจะเป็นผู้ดีแล้วยังดูมีการศึกษาด้วยนะ พูดอะไรได้เป็นปรัชญามากๆ เลย งั้นไหนลองบอกมาซิว่า ถ้ามนุษย์มันแย่ขนาดนั้น แล้วทำไมต้องมามีลูกกับมนุษย์ด้วย ซีวอนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้และสวนกลับด้วยประโยคที่คิดว่าเจ็บแสบพอกัน

                    อีกฝ่ายหลบตาลง มองมือตัวเองที่ประสานกันที่หน้าตัก

     

    ผมไม่รู้หรอก...

                    อย่ามาโกหกน่า ฉันรู้ว่านายเองก็มีหัวใจ รักได้เกลียดได้ นายรักไอ้คังอินใช่มั้ยล่ะ นายโกหกใจตัวเองไม่ได้หรอก ซีวอนบอก

                    อย่าพูดแบบนี้นะ รายนั้นยกมือกอดตัวเอง พยายามบังคับร่างกายไม่ให้สั่น ซีวอนขยับเก้าอี้ถอย เขาหันมองรอบร้านและหวังว่า คยูฮยอนจะไม่เปลี่ยนร่างกลับเป็นเอเลี่ยนตอนนี้

                    นายเป็นอะไรน่ะ เขาถาม

                    ผมจะไปห้องน้ำ...

    เด็กหนุ่มพูดพลางลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปทางหลังร้านอย่างเชื่องช้า ซีวอนผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้เมื่อครู่ โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาก็กลัวว่าคยูฮยอนจะหนีหายไป ไม่ยอมกลับมาคุยกับเขาอีก

     

                    ซีวอนสั่งเครื่องดื่มระหว่างรอ เขาถามเด็กเสิร์ฟจนแน่ใจว่าหลังร้านไม่มีทางออกอื่น หากออกจากห้องน้ำแล้วทางเดียวที่จะออกจากร้านได้คือเดินกลับมาผ่านหน้าร้าน แต่กระนั้นเขาก็หวั่นใจอยู่ว่าคยูฮยอนอาจจะเปลี่ยนร่างเป็นอย่างอื่นแล้วหายออกไปได้โดยไม่ต้องผ่านประตู

     

                    ทว่าไม่นานนักฝ่ายนั้นก็เดินออกมา แต่เมื่อมองชัดๆ ก็เห็นว่าไม่ได้แต่งตัวเหมือนเดิม ซีวอนสูดหายใจลึก เขาแน่ใจแล้วว่าโจคยูฮยอนเปลี่ยนบุคลิกตัวเองเพื่อมารับมือกับเขา โดยเปลี่ยนกลับเป็นหนุ่มน้อยเจนโลกคนเดิมที่เคยเจอ

                    เราคุยกันถึงไหนแล้วนะครับ

    รายนั้นนั่งลงที่เดิมและสบตาเขาอย่างยั่วยวน ทั้งจงใจสะบัดไหล่ให้เสื้อคลุมสีน้ำตาลร่นลงมากองอยู่ที่ต้นแขน

                    นี่...ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้านายจะเปลี่ยนเป็นแบบเดิม แต่ที่นี่มันร้านกาแฟนะ ไม่ใช่ผับ! นายน่าจะแต่งตัวให้มันดูเรียบร้อยกว่านี้หน่อย ซีวอนโมโหที่อีกฝ่ายใช้ลูกเล่นนี้กับเขา “นายต้องการอะไรเนี่ย”

    เอาวะ! ตอนนี้เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น! จะเปลี่ยนเป็นอะไรมาก็ช่าง ไม่เป็นเมือกเป็นวุ้นเขาก็พอใจแล้ว

    “เมื่อกี๊บุคลิกนั้นอ่อนแอไปหน่อย ผมคงยังศึกษาได้ไม่มากพอ ต้องขอโทษด้วย แต่ตอนนี้ผมพร้อมแล้ว และอยากพูดถึงข้อแลกเปลี่ยนของเรา...ที่คุณยังไม่ได้ตัดสินใจ” คยูฮยอนบอกเขา

    “ฉัน...ไม่ไว้ใจนาย” ซีวอนตอบไปแบบนั้นเพราะแค่จะยื้อเวลาตัดสินใจ ถึงเขาจะอยากช่วยไอ้คังอินแค่ไหน แต่จะให้เขายอมมีอะไรกับ    เอเลี่ยนมันก็ออกจะทำใจลำบาก “ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่า...”

    “อย่ายื้อเวลาเลยครับ ผมรู้ว่าคุณไม่ตกลง”

    ซีวอนกระชับแว่นกันแดดเพื่อให้แน่ใจว่ามันยังปกปิดดวงตาเขาได้สนิท คยูฮยอนเห็นท่าทางนั้น จึงหัวเราะและพูดขึ้น

                    เรื่องแค่นี้ไม่ต้องอ่านใจคุณหรอก เห็นได้ชัดว่าคุณกลัวที่จะต้องมีเซ็กส์กับผม คุณพยายามจะหาทางช่วยพี่คังอิน แต่ก็ไม่อยากมีเซ็กส์กับผมอยู่ดี ทำไมล่ะครับ ข้อเสนอนี้ยากเกินไปเหรอ

                    ดูจากแววตาก็รู้ โจคยูฮยอนกำลังสนุกที่เห็นเขาจนมุม เขาน่าจะรู้ตัวก่อนหน้านี้ว่าถูกปั่นหัว มีหรือที่อีกฝ่ายจะเสนออะไรง่ายๆ ให้ ถ้าไม่คิดว่ามันยากสำหรับเขา

                    “นายรู้ว่าฉันจะไม่ตกลงเหรอ” เขาถามออกมาโง่ๆ

                    ปัญหาของคุณไม่ใช่เรื่องที่ผมเป็นเอเลี่ยนหรอก แต่เพราะว่าในใจคุณมีคนที่ชอบอยู่แล้ว...จริงมั้ย” และเมื่อเห็นสีหน้านิ่งอึ้งของซีวอน เด็กหนุ่มก็พูดต่อราวกับจะอธิบาย “อย่าลืมสิว่าผมได้เจอคุณก่อนหน้านี้ ตอนที่เจอพี่คังอินครั้งแรก ตอนนั้นน่ะผมเผลอแอบอ่านใจคุณไปนิดหน่อย แต่มันน่ากลัว...ผมเลยไม่กล้าอ่านต่อ

                    อะไรนะ!” ซีวอนโพล่งใส่

                    เด็กหนุ่มยกยิ้มอย่างใจเย็น ตอนที่ผมอยู่ในรถคุณ ผมเผลอสบตาคุณผ่านกระจก ผมไม่เข้าใจเรื่องที่คุณแกล้งหักพวงมาลัยรถ เลยลองอ่านใจคุณดู...แล้วมันก็น่ากลัวมาก ผมเจอความรู้สึกที่น่ากลัวมาก มันทำให้ผมสะดุ้งและตัวสั่นไปหมด คยูฮยอนไม่ได้มีทีท่าหวาดกลัวเหมือนอย่างที่เล่าอีกแล้ว เขามองซีวอนด้วยแววตาเป็นประกาย จากนั้นก็แกล้งพูด นั่นแหละที่ทำให้ผมรู้ว่าคุณเกลียดผม เพราะว่าพี่คังอิน...

                    ฉัน...ฉันมาที่นี่เพื่อตกลงกับนายให้รู้เรื่อง ซีวอนขัดเพื่อเข้าประเด็น น่าแปลกที่เขาใจเต้นรัวเมื่อรู้สึกว่าการเปลี่ยนเรื่องของเขาช่างไม่แนบเนียน อย่าใจร้ายไปหน่อยเลยน่า คยูฮยอน ไอ้คังอินมันรู้สึกผิดมากที่ทำให้นายเสียใจ นายก็รู้ว่าถ้านายไม่เอาลูกนายกลับไปเค้าก็จะต้องตาย ไอ้คังอินมันยอมแลกชีวิตตัวเองได้ แต่จะเปล่าประโยชน์ถ้าสุดท้ายเด็กนั่นก็อยู่บนโลกไม่ได้อยู่ดี   

    คยูฮยอนเลิกคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกมาอย่างไร้ความรู้สึกพี่คังอินเป็นความผิดพลาดของผม เด็กนั่นก็เหมือนกัน

                    ถ้านายคิดอย่างนั้น แล้วทำไมนายไม่หัดรับผิดชอบในสิ่งที่นายทำพลาดล่ะ นายเลือกจะมีอะไรกับไอ้คังอินเอง นายเลือกจะมีลูกกับมัน นายทำให้เด็กไร้เดียงสาคนนึง หรือว่าตัวนึง เออ...ช่างแม่ง! จะอะไรก็ช่าง นายทำให้เค้าเกิดมา แต่นายจะมาบอกว่าเค้าเกิดจากความผิดพลาดแล้วไม่สนใจชีวิตเค้าอีกเลยน่ะเหรอ แบบนี้จะเห็นแก่ตัวไปหน่อยมั้ง!” ซีวอนพูดด้วยอารมณ์ และคยูฮยอนก็ไม่พอใจคำพูดของเขา

                    สิ่งที่คุณเรียกว่าความเห็นแก่ตัวน่ะ...มันก็เริ่มจากพี่คังอินไม่ใช่เหรอ แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็เข้าข้างเค้า คุณก็รู้ว่าสิ่งที่เค้าทำกับผมมันยากจะให้อภัย ในเมื่อเค้าร้ายกับผม...ผมก็มีสิทธิ์เอาคืนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมผมจะต้องช่วยเค้า นี่แหละคือสิ่งที่เค้าสมควรได้รับ!”  

                    แล้วเด็กล่ะ! เด็กนั่นเกิดมาจากความรักของนายไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นเค้าก็เป็นลูกนาย นายจะปล่อยให้เค้าตายที่นี่ส่วนนายก็กลับดาวไปแบบสบายๆ งั้นเหรอ โลกนี้ไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะเว้ย...เอเลี่ยนอย่างนายไม่มีสิทธิ์จะมาหาความสนุกแล้วก็ทิ้งปัญหาไว้แบบนี้

                    แล้วก็เก็บความเงียบชั่วครู่ เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมเถียงกลับทันที โจคยูฮยอนเท้าคางลงกับโต๊ะและจ้องหน้าเขา จากนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปาก

                    คุณมันก็ดีแต่พูด...คุณพูดเหมือนเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับผม มันก็น่าประทับใจดีนะครับ แต่ถ้าคุณแน่จริง ทำไมไม่ถอดแว่นออกล่ะ

                    ซีวอนชะงัก จากที่โมโหกลับกลายเป็นกระอักกระอ่วน เขาจะต้องไม่หวั่นใจกับคำท้า เพราะหากเขาถอดแว่นออก เขาจะเสียเปรียบทันที อีกทั้งสายตาของคยูฮยอนที่มองมาก็น่ากลัวราวกับว่าไม่นานจะจ้องทะลุผ่านเลนส์แว่นมาสบตาเขาได้

                    ฉันอยากจะใส่มันไว้แบบนี้ นายมีปัญหาอะไรเหรอ เอาแบบนี้ดีกว่า! เรามาตกลงกันจริงๆ จังๆ เลยดีกว่านะ ฉันอยากขอร้องนาย ให้นายไว้ชีวิตไอ้คังอิน แล้วเอาลูกนายกลับไป

                    งั้นบอกว่าซิว่าทำไมผมต้องทำตามที่คุณบอกด้วยล่ะ

    คยูฮยอนเบือนหน้าหนี แกล้งไม่สนใจ ซีวอนจึงตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญที่คุณแทคยอนขอให้เขาเก็บเป็นความลับ

                    เพราะนายอาจจะไม่ได้กลับดาวถ้าไม่ทำตามที่ฉันแนะนำ ตอนนี้องค์กรปราบปรามเอเลี่ยนกำลังตามล่าตัวนาย นายทำผิดกฎด้วยการทำให้มนุษย์ท้อง นายรู้ใช่มั้ยว่าโทษมันร้ายแรงแค่ไหน นายจะต้องถูกกำจัด รวมทั้งลูกของนายด้วย แต่ถ้านายทำตามที่เราตกลงกัน...ฉันจะช่วยให้นายกับลูกได้กลับดาวไปอย่างปลอดภัย ฉันสัญญา

    ซีวอนพูดอย่างจริงจัง แต่อีกฝ่ายไม่แสดงท่าทีอะไร ยังคงมองไปนอกหน้าต่าง และดูจะไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องพวกนั้น

                    เรื่ององก์กรนั่นผมรู้แล้ว และผมเอาตัวรอดได้เอง ขอบคุณ!”

                    ซีวอนทุบโต๊ะดังปังจนคนในร้านหันมามอง แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว

                    โธ่เว้ย! นายจะเป็นยังไงก็ช่างสิ อ้อ...แล้วลูกเอเลี่ยนของนายด้วย จะเป็นตายร้ายดียังไงฉันไม่สนหรอก ฉันไม่สนใจสักนิด! ฉันรู้แค่ว่าไอ้คังอินจะต้องปลอดภัย มันจะต้องปลอดภัย เข้าใจมั้ย!” 

                    คยูฮยอนไม่พูดอะไร และซีวอนก็เห็นว่าเปล่าประโยชน์ที่จะต่อรองอีก เขาคงเปลี่ยนใจคยูฮยอนไม่ได้ และเสียเวลาถ้าจะนั่งอยู่ที่นี่

    ก็ได้ ถ้านายยืนยันจะไม่ช่วยไอ้คังอินกับลูก ฉันก็จะหาวิธีอื่น

                    ซีวอนลุกขึ้นและจะเดินออกไป แต่ระหว่างนั้นเสียงเรียกเข้าเพลง I will survive จากโทรศัพท์มือถือโต๊ะข้างเคียงก็ดังขึ้น เสียงนั้นทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย

     

                    ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคยูฮยอน และเล้วเด็กหนุ่มก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด เพราะรู้ดีว่าโดยธรรมชาติของมนุษย์...ต่างก็พยายามทำอะไรมากมายเพียงเพื่อจะหนีสิ่งที่ตัวเองกลัว

                    ผมว่านะ...คุณก็แค่ต้องยอมรับความจริง

     

                    ซีวอนหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่พูดกับเขาเมื่อครู่ รายนั้นหลบตาลง และเริ่มหยิบถุงชาที่เคยวางเอาไว้บนจานรองจุ่มลงในถ้วยชาอีกครั้ง เหมือนจะแค่หาอะไรทำระหว่างที่พูด...หรือแค่จะกวนประสาทเขา

                    คิดดูสิครับว่ามันมีจะประโยชน์อะไรถ้าคุณช่วยชีวิตเพื่อนสนิทของคุณไว้ได้ แต่ทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เค้าจะให้คุณแกล้งสวมบทบาทเป็นโน่นเป็นนี่ หรือใช้คุณเป็นสะพานเชื่อมไปหาคนที่เค้าถูกใจ และสุดท้าย...คุณก็จะต้องเจ็บปวดแบบเดิมๆ

                    นาย... ซีวอนแปลกใจที่คยูฮยอนจับได้แล้วว่าเขากับคังอินไม่ได้เป็นเจ้านายกับคนขับรถ และรู้ถึงขนาดว่าเขาถูกมันใช้เป็นสะพาน

                    ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณไม่บอกความจริงกับเค้าไป...

                   

                    ...

     

     

     

                    ...ว่าคุณเองก็เป็นเกย์

     

                    ซีวอนเบิกตาอยู่ภายใต้แว่นกันแดด เขามองคยูฮยอนที่ไม่ได้สบตาเขาเลยระหว่างพูด รายนั้นยังคงเขี่ยถุงชาเล่นไปเรื่อยๆ

                    ถึงจะไม่สบตาคุณผมก็อ่านคุณออกหมด การกระทำของคุณมันชัดเจนจะตายไป ป่านนี้คุณยังจะปฏิเสธอีกเหรอ คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นและแสร้งถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย เฮ้อ น่าสงสารนะครับ ที่ผ่านมาเดาว่าคุณคงเหนื่อยจะแย่กับการพยายามปกปิดตัวตน นั่นเพราะคุณขี้ขลาด คุณไม่ยอมเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง คุณกลัวว่าถ้าเค้ารู้ เค้าจะเลิกคบกับคุณ คุณยอมตามใจเค้าทุกอย่างเพราะคุณไม่อยากไร้ค่าในสายตาเค้า คุณพยายามเป็นทุกอย่างที่เค้าอยากให้คุณเป็น เพราะคุณคิดว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอื่นที่จะทำให้ได้เข้าใกล้เค้า เพราะฉะนั้นถ้าเค้าอยากให้คุณเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง...คุณก็ยอมเป็น ถ้าเค้าอยากให้คุณเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างเค้า...คุณก็ยอมเป็น ถึงจะเป็นได้แค่เพื่อนสนิท คุณก็คิดว่ายังดีกว่าถูกเกลียดและจะไม่ได้อยู่ใกล้เค้าอีก คุณรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าอายที่ตกหลุมรักเพื่อนสนิทของตัวเอง...แต่คุณก็ทำไปแล้ว

                    รู้ดีนักนะ!”

                    ซีวอนกระชากแว่นกันแดดโยนลงบนโต๊ะ สบตากับอีกฝ่ายโดยตรงเพราะไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าอ่านใจคนเก่งนักล่ะก็ทำไมไม่อ่านใจไอ้คังอินก่อนที่จะไปนอนกับมันล่ะ! จะได้ไม่ต้องโง่โดนมันหลอกแล้วสร้างปัญหาแบบนี้ไง!”

                    คยูฮยอนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วยกมือกอดอก เขามองเข้าไปในดวงตาของซีวอน ครู่หนึ่งก็พูดออกมา ปากคุณโทษว่าผมเป็นตัวปัญหา แต่จริงๆ แล้วใจคุณคิดอีกอย่าง คุณรู้ดีว่าตัวเองมีส่วนผิด เพราะคุณตามใจเค้า แม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเค้าต้องการอะไร...คุณก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะช่วย คุณทำให้เค้าเป็นแบบนี้ และคุณก็ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากคุณทั้งนั้น สุดท้ายแล้วคุณก็โทษใครไม่ได้ เพราะคุณรู้แก่ใจว่าคุณเองเป็นต้นเหตุที่จะทำให้เค้าตาย

                    ซีวอนสู้หน้าคยูฮยอนไม่ได้อีกแล้ว เขารีบเบือนหน้าหลบสายตานั้นอย่างเจ็บปวด ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต้องทนยอมรับฟังความจริงจากปากคนอื่นแบบนี้ ยิ่งเขาเกลียดโจคยูฮยอน เขาก็ยิ่งเกลียดตัวเอง

     

                    ไอ้คังอินจะต้องไม่ตาย... เขาพึมพำแล้วหันมามองเด็กหนุ่มอีกครั้ง ฉันจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด นายจะไม่ช่วยก็ตามใจ แต่ฉันจะไม่สนใจเรื่องนายกับลูกเอเลี่ยนของนายอีก ลาขาดเลยแล้วกัน!”

                    เขากำลังจะเดินออกไป แต่จู่ๆ โจคยูฮยอนก็พูดขึ้น

                    คืนพรุ่งนี้ตอนสี่ทุ่มตรง ผมจะอยู่ที่ผับนั่น คงเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ผมจะอยู่ ลองพาเค้าไปหาผมสิ เผื่อผมจะเปลี่ยนใจ

     

                    ซีวอนเห็นว่าคยูฮยอนไม่ได้ยิ้มเยาะเขาอีก สายตาที่มองมาราวกับเห็นใจ และเข้าใจความรู้สึกของเขา

                    ผมไม่ได้เห็นใจคุณ...เด็กหนุ่มบอก

                    นี่เลิกอ่านใจฉันสักทีได้มั้ย น่ารำคาญชะมัด ซีวอนพูดด้วยความโมโห อีกฝ่ายจึงนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหลบตาลงพยักหน้า

                    ก็ได้ ผมก็ไม่อยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับคุณนักหรอก แต่ครู่หนึ่งรายนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา สบตากันโดยบังเอิญอีกรอบ แล้วผมก็ไม่ได้คิดอยากเจอพี่คังอินด้วย!”

                    ซีวอนแค่นหัวเราะเพราะเขาก็ถูกอ่านใจอยู่เรื่อยๆ

                    ฉันก็ไม่รู้หรอกว่านายต้องการอะไร แต่ฉันอยากช่วยเพื่อนฉัน เอาเป็นว่าคืนพรุ่งนี้ฉันจะพามันไปหานาย เผื่อนายจะเปลี่ยนใจ แล้วฉันเองหวังว่านายจะเปลี่ยนใจจริงๆ นะ

                    คยูฮยอนยักไหล่ จากนั้นก็ดึงเสื้อที่ร่นลงให้กลับมาคลุมมิดชิด เขาลุกขึ้น และเดินผ่านซีวอน

                    จ่ายค่าเครื่องดื่มให้ด้วยนะครับ

     

                    เด็กหนุ่มเดินหายออกไปจากร้านทางประตูหน้า ซีวอนถอนหายใจเฮือกแล้วเปิดกระเป๋าตังค์ ปากก็บ่นพึมพำว่าหมั่นไส้โจคยูฮยอนมากแค่ไหน แล้วเสียงริงโทนเพลง I will survive ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    น่าแปลกที่คราวนี้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรกับมันอีกแล้ว

     

     

     

                    ซีวอนกลับมาที่คอนโดของคังอินตอนค่ำๆ เขาซื้ออาหารเย็นกลับมาเหมือนเคย พอเห็นว่าคังอินกำลังนั่งดูทีวีตามปกติ เขาก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีเหลือเกินที่ได้เห็นว่าเพื่อนยังสบายดี ไม่ได้ลงไปนอนกับพื้น ทำให้เขาตกอกตกใจเหมือนคราวก่อน

     

                    ดูอะไรอยู่วะ เขาไม่รู้จะทักทายว่าอย่างไรดีจึงถามเรื่องทั่วไป

                    คังอินไม่ตอบ รายนั้นหันมามองเขา หน้าซีดและดวงตาเบิกขึ้นเล็กน้อย  ซีวอนเริ่มเอะใจ เขากำลังจะเดินเข้าไปดูอาการเพื่อน แต่แล้วก็ต้องร้องลั่นเมื่อเห็นเลือดไหลออกมาตามมุมปากของคังอิน

     

                    ไอ้คังอิน! มึงเป็นอะไรวะเนี่ย

                    เขาถลาเข้ามาที่โซฟา แต่แล้วคังอินก็กระอักเลือดอีก เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากริมฝีปากของฝ่ายนั้น กระฉอกออกมาเกือบโดนหน้าเขา ไอ้คังอินเอื้อมมือออกมาราวกับจะร้องขอให้เขาช่วย แต่เมื่ออ้าปากพูดก็มีแต่เลือดข้นๆ ทะลักออกมา ซีวอนผงะถอย เขาจ้องมองภาพนั้นอย่างตะลึงงัน และหน้าซีดเพราะตกใจกลัว

     

                    ฮึก...ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”

                    จู่ๆ คังอินก็ระเบิดหัวเราะดังลั่น ซีวอนยืนงง เขายังตกใจอยู่ระหว่างที่รายนั้นกำลังหยิบทิชชู่มาเช็ดปาก แล้วเริ่มพูดอย่างอารมณ์ดี

                    ตกใจล่ะสิ! โอย ไม่มีอะไรหรอก...กูแค่ลองทำเหมือนในหนังที่ดูเมื่อกี๊ว่ะ กระอักเลือดได้น่ากลัวชิบหาย ว่าแต่น้ำหวานสีแดงที่มึงซื้อมานี่โคตรหวานเลยว่ะ กูอยากจะอ้วก ทั้งหวานทั้งเหนียว งั้นเดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนนะ เปื้อนหมดแล้ว คังอินพูดยิ้มๆ พลางพยุงตัวเองลุกจากโซฟา แต่เมื่อเห็นเพื่อนเงียบ จึงลองถาม อ้อ! แล้วนี่มึงไปไหนมาวะ ทำไมถึงมาช้า กูหิวจะแย่แล้วเนี่ย มึง...

                    ยังไม่ทันจะพูดจบซีวอนก็หน้าบึ้ง เดินปึงปังหนีเข้าไปในครัว  คังอินจึงยืนเก้อ เขาก็แค่ล้อเล่นแบบมีอารมณ์ขัน ไม่เห็นต้องโมโหกันเลย

     

     

                    กูน่าจะปล่อยให้มึงตายๆ ไปซะ ไม่มีหัวคิดรึไงวะ! โง่ชิบหาย! หรือเพราะมึงเป็นคนแบบนี้ เวรกรรมอะไรของกูวะเนี่ย! ทำไมกูจะต้องหลงรักคนอย่างมึงด้วย กูจะไม่สนใจมึงแล้ว! กูจะไม่ยอมทำตัวงี่เง่าหลอกตัวเองไปเรื่อยๆ อีกแล้ว!”

    ซีวอนบ่นเสียงดังขณะแกะข้าวต้มใส่ชาม เขาเหลือบมองไปที่ประตูครัวเป็นระยะเพื่อดูให้แน่ใจว่าไอ้คังอินจะยังไม่โผล่มาแถวนี้

                    คยูฮยอนแม่งพูดถูก ตอนนี้ดูเค้าก็มีความสุขดี คงเพราะเค้าตัดสินใจถูกที่เลิกสนใจคนอย่างมึงไง มีแต่กูนี่แหละที่ต้องกังวลไปซะทุกเรื่องเพราะตัดใจจากมึงไม่ได้ แล้วมึงก็ยังโง่ ไม่เข้าใจว่ากูคิดยังไง แล้วยังแกล้งให้กูตกใจอีก หลังจากแกะขนมหวานใส่จานเป็นอย่างสุดท้ายแล้ว ซีวอนก็กระแทกตัวนั่งบนเก้าอี้ เขาเอนตัวพิงพนักแล้วหลับตาลงเพื่อตั้งสติอีกครั้ง พอใจเย็นลงแล้วก็ได้แต่นึกละอายที่คุมอารมณ์ไม่อยู่

     

                    มีอะไรกินบ้างวะ

                    คังอินเดินเข้ามาในครัวด้วยชุดกระโปรงสีเหลืองชุดใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อให้เมื่อวันก่อน ซีวอนรีบผุดลุกขึ้น และทำเป็นจัดโต๊ะกลบเกลื่อนอาการฟุ้งซ่านเมื่อครู่ เพราะรู้สึกละอายในสิ่งที่เคยระบายออกมา เขาจึงลืมเรื่องที่ยังโกรธอยู่ไปเสียสนิท          

    ก็อย่างที่เห็น มึงรีบกินซะ จะได้รีบพักผ่อน

                    คังอินนั่งลงที่เก้าอี้ และต้องเลื่อนตัวออกห่างจากโต๊ะเล็กน้อยเพราะหน้าท้องใหญ่ๆ นั่นเป็นอุปสรรค ซีวอนหยิบถ้วยข้าวต้มส่งให้ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม

                    ระวังร้อนนะเว้ย เขาบอก

                    คังอินเงยหน้ามองเขาและถามตรงๆ อ้าว! มึงหายโกรธกูแล้วเหรอวะ

                    จริงๆ แล้วก็ยัง แต่เพราะหลวมตัวพูดดีด้วยไปแล้ว จึงต้องแกล้งหัวเราะแล้วส่ายหน้าตอบไป เฮ่ย...กูไม่ได้โกรธสักหน่อย! มุกกระอักเลือดของมึงก็ตลกดีนี่ ไม่เป็นไรหรอกน่า อย่าคิดมากเลย แค่กูไม่ช็อคตายก็บุญแล้ว กูไม่โกรธมึงหรอก

                    หมายความว่าไงวะ คังอินไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายประชด

                    เออ ช่างมันเถอะ มึงรีบกินข้าว ซีวอนตัดบท

                    คังอินพยักหน้าเออออแล้วกินข้าวต้มต่อ กินไปมองท้องตัวเองไป จากนั้นก็ยิ้ม เป็นแบบนี้อยู่เรื่อยจนซีวอนรำคาญ

                    เดี๋ยวนี้มึงไม่อายที่ต้องใส่ชุดกระโปรงคลุมท้อง ไม่บ่นที่ต้องอุ้มท้องหนักๆ เดินไปเดินมา แล้วมึงก็ดูมีความสุขกับการท้องได้ สมมติว่าถ้าเลือกเกิดได้ มึงจะเลือกเกิดเป็นผู้หญิง แล้วอยากมีลูกได้จริงๆ มั้ยวะ

                    ซีวอนเท้าคางลงกับโต๊ะพร้อมตั้งคำถาม คังอินมองหน้าเขา และส่ายหน้าแทนคำตอบ

                    อ้าว ทำไมล่ะ

                    กูไม่ได้อยากมีลูก แต่ในเมื่อมีแล้วก็จะทำยังไงได้วะ กูต้องรับผิดชอบชีวิตเค้าในฐานะคนที่ทำให้เค้าเกิดมา คังอินบอก

                    มึงไม่ได้รักเค้าเข้าแล้วหรอกเหรอ

                    ใคร? คังอินถามกลับ

                    ก็ทั้งลูกมึง ทั้งคยูฮยอน... ซีวอนถามโดยไม่ได้คาดหวังคำตอบ จริงๆ แล้วเขาก็กลัว กลัวว่าคำตอบที่ได้รับจะตรงกับที่ใจคิด และเขาจะทำใจไม่ได้

                    คังอินถือช้อนค้างไว้แล้วขมวดคิ้วระหว่างที่คิดหาคำตอบ

    เอ่อ...ก็ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่ามันก็แค่ความผูกพัน กูไม่รู้หรอกว่าแบบไหนเรียกว่ารัก กูไม่เคยเจอ

                    ซีวอนหลบตาลงแล้วไม่พูดอะไร เขาปล่อยให้คังอินกินข้าวไปเรื่อยๆ เพราะลังเลที่จะถามบางอย่างออกไป

                    คือ...จริงๆ แล้วกูอยากรู้ว่า... ซีวอนอ้ำอึ้ง แต่เพราะคังอินจ้องรอฟังอยู่ เขาจึงรวบรวมความกล้าและถามออกไป สมมติอีกเรื่องนะ สมมติว่าถ้าคยูฮยอนตัดสินใจจะพามึงกับลูกไปอยู่ดาวดวงอื่นด้วยกัน มึงจะไปมั้ยวะ

                    ไปดิ อยากไป... คังอินตอบซื่อๆ โดยไม่คิด ทำให้ซีวอนนิ่งอึ้ง

    กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกมนุษย์ต่างดาวอยู่กันยังไง คงเป็นประสบการณ์ที่ดีนะถ้าได้ลองไปใช้ชีวิตแบบนั้นบ้าง คังอินบอก             

                    แต่มึงอาจจะตาย มึงไม่รู้หรอกว่ามึงต้องเจออะไร

    ซีวอนรีบขัด แต่คังอินกลับหัวเราะ

                    ช่างสิ กูแค่อยากอยู่กับลูกกู

                    มึงแน่ใจเหรอว่าจะได้อยู่กับลูก! โจคยูฮยอนอาจจะปล่อยให้มึงตายก็ได้ มึงไว้ใจเค้าเหรอ มึงคิดว่าเค้าจะดีกับมึงเหมือนอย่างกูรึไง 

                    ซีวอนระบายออกมาด้วยความคับข้องใจ คังอินจึงสบตาเขาแล้วยิ้ม เออว่ะ มึงดีกับกูจริงๆ ขอบใจนะเว้ย กูไม่รู้จะตอบแทนมึงยังไง

                    ซีวอนรู้สึกว่าคำขอบคุณนั้นไม่ใช่อย่างที่เขาต้องการอีกต่อไปแล้ว มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีหรือมีค่า และเขาก็ผิดหวังที่คังอินไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร        

                    “เพราะมึงดีกับกูมาก กูเลยกลัวว่าถ้าสักวันมึงทิ้งกูไป กูคงจะต้องแย่แน่” คังอินพูดออกมาเบาๆ และหันมามองหน้าซีวอนด้วยสายตาตัดพ้อ “ที่มึงพูด...กูนึกว่ามึงอยากให้กูไปอยู่กับคยูฮยอนซะอีก มึงคงไม่ต้องการเพื่อนอย่างกูอีกแล้วนี่ ไม่ดีใจเหรอที่กูอยากไปอยู่ที่อื่น”

                    ซีวอนไม่รู้ว่าคังอินพูดเรื่องอะไร จู่ๆ มันก็เหมือนจะน้อยใจเขา จะบ้ารึไง! เขาต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายน้อยใจน่ะ!

                    “อะไรของมึงวะ ทำไมกูจะต้องดีใจด้วย”

                    “กูรู้ว่ามึงไปเจอไอ้แทคยอนนั่นบ่อยๆ คิดจะคบกับมันใช่มั้ย”

    “หา...”

    ไม่แน่ใจว่าเพื่อนถามจะเอาคำตอบหรือเปล่า แต่มันก็ไม่ได้สบตาเขา แถมยังแกล้งทำเป็นไม่สนใจสีหน้างุนงงของเขาอีก

    “กูกับคุณแทคยอน...”

    “ช่างเถอะ! กูไม่อยากรู้หรอก มึงจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ อีกไม่นานกูก็จะตายแล้ว...”

    ซีวอนเอะใจ เขาชะโงกไปมองหน้าเพื่อน เห็นว่ามันตาแดงๆ เขาจึงใจอ่อนยอมพูดดีด้วย

    ถ้าไม่อยากตายก็ช่วยเลิกทำตัวงี่เง่าแล้วทำตามที่กูบอกเถอะ กูหวังดีกับมึงนะเว้ย กูไม่อยากให้มึงตาย มึงเชื่อกูสิ! ยอมให้ทางองค์กรเอาเด็กออกซะ กูขอร้อง

    เขาอ้อนวอนเพื่อนอีกครั้ง แต่เหมือนผลลัพธ์จะไม่ต่างจากเดิม

                    คังอินวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะและฉวยแก้วน้ำมาดื่ม หลังจากนั้นก็เริ่มพยุงตัวเองลุกขึ้น กูอิ่มแล้ว...ไปดูทีวีนะ

                    เดี๋ยว! คุยกันให้รู้เรื่องก่อนได้มั้ย ถ้ามึงตาย...

                    ถ้ากูตายมึง...มึงอยากได้อะไรก็เอาไปเลย กูรู้ว่ามึงก็รวยแต่ถ้ามึงอยากได้ของชิ้นไหนในห้องกูก็บอกได้ กูจะเขียนพินัยกรรมไว้ให้ดีมั้ย หรือไม่เผื่อมึงจะอยากเอาไปบริจาคให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มูลนิธิ หรือ องค์กรอะไรนั่น คังอินพูดราวกับหวังจะให้เป็นเรื่องตลก แต่ซีวอนไม่ขำด้วย เขากำลังโมโหมากๆ เพราะความดื้อด้านของอีกฝ่าย

                    มุกนี้แม่งห่วยแตกยิ่งกว่ามุกกระอักเลือดของมึงอีก ทำไม! ทำไมมึงไม่เห็นใจกูบ้างวะ มึงรู้มั้ยว่าทำไมกูถึงไม่ยอมให้มึงตาย...

                    คังอินรีบพูด เพราะกูเป็นเพื่อนมึง

     

                   ประโยคนั้นทำให้ซีวอนอารมณ์เย็นลงได้ เขารู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเรียกร้องอะไรจากไอ้คังอินอีกในเมื่อมันก็คงให้เขาได้แค่นี้ ซึ่งดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว     

    ใช่...เพราะมึงเป็นเพื่อนกู เขาพูดสวนทางกับใจคิด

                    คังอินลอบผ่อนลมหายใจเบาๆ น่าแปลกที่เขาเองก็รู้สึกกลัวคำตอบของอีกฝ่าย แต่ในเมื่อมันตอบมาแบบนี้ เขาก็โล่งใจ

    เห็นมั้ย กูรู้ว่ามึงเป็นเพื่อนที่ดีของกู มึงเป็นห่วงกู กูดีใจมากๆ แต่กูก็อยากให้มึงยอมรับในการตัดสินใจของกู คังอินปั้นยิ้ม

     

                    ไม่เลย...ซีวอนคิดว่าคังอินไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ เขายอมอยู่ในฐานะเพื่อนที่ดีของไอ้คังอินทั้งที่ฝืนใจ แต่ต่อให้ทำดีกว่านี้อีกกี่ร้อยเท่า ถึงอย่างไรเขาก็คงเป็นได้เท่าเดิม แม้จะเจ็บปวด แต่เขาก็คงต้องยอมรับความจริงเสียที

                    มึงนั่งลงก่อน กูมีเรื่องสำคัญจะบอกมึง

    ซีวอนพูดพลางบุ้ยใบ้ให้คังอินกลับมานั่งที่เก้าอี้ รายนั้นงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี

                    เรื่องอะไรวะ

     

                    วันนี้กูไปเจอคยูฮยอนมา

     

                    คังอินเบิกตากว้างแล้วละล่ำละลักถาม มึงไปเจอเค้าทำไม แล้วเจอได้ยังไงวะ แล้วตอนนี้เค้าเป็นยังไงบ้าง เค้าพูดถึงกูกับลูกรึเปล่า

                    พรุ่งนี้เค้าจะกลับแล้ว เค้าอยากเจอมึง กูจะพามึงไปหาเค้าที่ร้านประจำของมึง ที่ๆ มึงเจอเค้าครั้งแรกไง ซีวอนบอกพลางสูดหายใจลึกๆ เพื่อบังคับให้ตัวเองพูดในสิ่งที่ไม่อยากพูด มึงต้องพูดดีๆ กับเค้านะเว้ย ขอโทษเค้าแล้วก็ปรับความเข้าใจกันซะ บอกเค้าว่ามึงรู้สึกผิดแค่ไหน แล้วถ้ามึงรักเค้า...มึงก็บอกเค้าซะ           

    คังอินมองไปทางอื่นเพราะกำลังครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง

                    กูไม่รู้ว่ามันคือความรักรึเปล่า แต่กูว่าไม่...

                    มึงบอกเค้าไปเถอะน่า! มึงก็แค่พูดว่ารัก พูดออกไปง่ายๆ เหมือนทุกครั้งไง แล้วเค้าก็จะใจอ่อนกับมึงเอง

                     ซีวอนบอกพลางจงใจไม่สบตาอีกฝ่าย เขาคิดว่านี่คงเป็นทางเดียวที่จะเกลี้ยกล่อมให้คยูฮยอนไว้ชีวิตไอ้คังอินกับลูกได้

                    ตอนเค้าบอกรักกู กูยังไม่รู้สึกอะไรเลย มันก็แค่คำพูดคำนึง กูเชื่อนะว่าเค้ารักกูจริง แต่ถ้ากูต้องเป็นฝ่ายพูดบ้าง เค้าคงไม่เชื่อกูหรอก

                    เค้าบอกรักมึงเหรอ ซีวอนหันมามอง

                    อืม...เค้าบอกว่ารักกู แล้วก็อยากใช้ชีวิตอยู่กับกูตลอดไป

                    ซีวอนรีบเบือนหน้าหนีเพราะรู้ตัวว่าเจ็บจนน้ำตาคลอ เขาก็แค่รู้สึกได้ว่าโจคยูฮยอนคงจะรักไอ้คังอินจริง แต่ไม่นึกเลยว่ารายนั้นจะพูดออกมาแล้ว และได้พูดในสิ่งที่เขาอยากพูด แต่ไม่เคยกล้าพอ

    ประโยคนั้นทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของโจคยูฮยอนอย่างชัดเจนแล้ว เด็กคนนั้นคงเป็นภาพสะท้อนของตัวเขาเองหากเข้มแข็งพอจะตัดใจจากไอ้คังอิน

                    ซีวอนหลุดขำออกมา ก่อนจะตัดใจบอก ถึงเค้าจะไม่เชื่อแต่กูคิดว่าเค้าคงอยากฟัง เพราะยังไงเค้าก็เคยรักมึง มันไม่มีหรอกว่ะคนที่จะรักมึง ยอมเอาใจมึงโดยไม่หวังให้มึงรักตอบ ใครที่พูดแบบนั้นแม่งโกหก แล้วก็คงไม่มีใครยอมทนทำดีกับมึงไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่มีหวัง เพราะมันทั้งเสียเซลฟ์ แล้วก็เสียเวลา ใครที่ทนทำแบบนั้นน่ะ...โคตรโง่เลย

                    คังอินหลบตาลงมองพื้น “กูต่างหากที่โง่...”

                    ซีวอนไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน เขาหันกลับมามองคังอินอีกครั้ง และรอฟังสิ่งที่รายนั้นจะพูดต่อ

                    “กูถือว่าตัวเองสำคัญกับมึงทั้งๆ ที่ความจริงแล้วกูไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะมึงเป็นคนดี มึงเลยทนคบกับกูได้ แต่กูทำให้มึงเสียใจมาตลอด พอมึงจะทิ้งกูไปกูถึงได้รู้...”

                    คังอินสบตาซีวอน และฝืนพูดความในใจที่เขาคิดว่าน่าอาย

                    “...ว่าจริงๆ แล้วกูไม่มีใครเลยนอกจากมึง”

                    ซีวอนทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นอีกฝ่ายสูดจมูกเบาๆ เหมือนจะร้องไห้ ครู่หนึ่งเขาก็ขยับเก้าอี้เข้าไปหา

                    “กูไม่เข้าใจที่มึงพูดว่ะ มึงน้อยใจกูเรื่องอะไรเหรอ”

                   คังอินส่ายหน้าแบบขอไปที “คงเป็นภาวะของคนใกล้ตายล่ะมั้ง พอรู้ว่ายังอยากทำอะไรอีกตั้งมากมายแต่ไม่มีโอกาสได้ทำ มันก็เลย...”

                    “ตอบไม่ตรงคำถามนี่หว่า!

                    “ตรงเว้ย! ก็กูอยากอยู่กับมึงให้นานกว่านี้ จะได้...” คังอินหยุดคำพูดตัวเอง แล้วรีบหันหน้าหนี

                    ซีวอนไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้โอกาสแบบนี้ผ่านไป “อยู่กับกูให้นานกว่านี้แล้วจะได้อะไร?”

                    “เปล่า!

                    “อะไรที่มึงอยากได้ กูให้มึงได้ตอนนี้เลย เพราะฉะนั้นมึงพูดมา”

                    “ไม่มีอะไรนี่” คังอินไม่กล้าสบตาซีวอนตรงๆ เมื่อถูกจ้องนานเข้าก็อึดอัด รีบลุกขึ้นเพื่อตัดบท “กูไปนอนล่ะ”

    การกระทำของคังอินทำให้ซีวอนผุดลุกด้วยความหงุดหงิด “ไอ้คังอิน! ถ้ามึงมีอะไรในใจ  ก็พูดมาตรงๆ สิวะ!

                    แทนที่อีกฝ่ายจะหน้าสลด กลับแค่นยิ้มและเลิกคิ้วใส่เขา จากนั้นก็โต้ตอบด้วยประโยคที่เจ็บแสบยิ่งกว่า

     

                    “ทีมึงยังไม่พูดเลย...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×