ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Cats' Eyes, หรือแมวไม่มีหัวใจ (KangKyu, Kihae, ?Chul)

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro : Cat's Cafe

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 54


              Intro : Cats' Cafe

     

                    กลางดึกของคืนวันที่ 9 ได้เกิดเหตุโจรกรรมปิ่นปักผมประดับเพทายสมัยกษัติรย์มุนจง เจ้าของพิพิธภัณฑ์ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นสมบัติที่ได้รับมอบมาเพื่อแสดงโชว์ในงานนิทรรศการวัตถุโบราณ ซึ่งจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตำรวจท้องที่สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของนักโจรกรรมมืออาชีพ” 

                    ใบหน้าที่ก้มต่ำค่อยๆ เงยขึ้นเมื่อรายงานข่าวทางวิทยุจบลง เสียงเพลงที่เปิดต่อจากนั้นเป็นเพลง Love me tender ที่ร่างบางชอบฟัง นิ้วเรียวจึงพุ่งไปแตะปุ่มปรับเสียงและหมุนให้ดังขึ้นอีก 

                    หลังจากเสิร์ฟกาแฟแก้วล่าสุดไปเมื่อสองสามนาทีก่อน คยูฮยอนก็ว่างงาน  

                    นอกจากนั่งฟังวิทยุอยู่ที่เคาน์เตอร์แล้ว...สิ่งที่ชอบทำอีกอย่างก็คงจะเป็นการไล่สายตาไปตามชั้นวางแก้วกาแฟและนึกอยู่ในใจว่าวันนี้จะเลือกแก้วใบไหนให้คนๆ นั้น 

                    ลูกค้าขาประจำที่แวะมาทุกวัน’ 

                    ร่างบางเหลือบมองนาฬิกาอย่างใจลอย นี่ก็ใกล้เวลาพักของสถานีตำรวจแล้ว...คิดเล่นๆ ว่าเขาคนนั้นจะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแบบไหนกัน

                    เสียงกรุ๊งกริ๊งที่ประตูทำให้คยูฮยอนผุดลุกโดยอัตโนมัติ 

                    ทงเฮบอกว่า...เอากระดิ่งมาติดไว้ที่ประตู พอมีคนเข้ามา กระดิ่งก็จะสั่นเบาๆ ทำให้รู้ตัวก่อน
     แต่พอได้ยินเสียงกระดิ่งประตูในตอนบ่ายๆ ทีไร หัวใจของคยูก็สั่นตามไปด้วยเสียทุกครั้ง เพราะแบบนี้ถึงได้รู้ตัว 

                    รู้...ว่าหลงรักคนๆ นั้นเข้าแล้ว คยูฮยอนได้แต่คิด...สรุปว่าการรู้ตัวก่อนที่ทงเฮบอกนี่ดีหรือเปล่านะ

                    เหมือนเดิมนะ คยู” 

                    ครับริมฝีปากบางเอ่ยออกมาได้แค่นั้น เมื่อเงยหน้ามองร่างสูงที่มานั่งตรงหน้าแล้ว...คยูก็ปิดบังรอยยิ้มเขินอายด้วยการแกล้งทำเป็นหันหลังไปหยิบถ้วยกาแฟใบนี้เองที่นั่งเล็งไว้ตอนว่างๆ หวังว่าร่างสูงคงจะชอบ’ 

                    วันนี้เฝ้าร้านคนเดียวเหรอ แล้วนี่พี่ๆ ของนายไปไหนหมด 

                    พี่ฮีชอลออกไปซื้อของน่ะครับ ส่วนพี่ทงเฮคงง่วนอยู่ในครัว ทำไมล่ะครับ...พี่คังอินอยากเจอเหรอ 

                    ฝ่ายนั้นหัวเราะและปฏิเสธตะกุกตะกัก เปล่าๆ ไม่อยู่ก็ดีแล้วล่ะ...เอ่อ พี่หมายถึง...อืม...ไม่มีอะไรหรอก 

                    คยูฮยอนลอบยิ้มอย่างรู้ทัน เขาวางแก้วเซรามิคสีน้ำตาลอ่อนลงบนโต๊ะก่อนจะชงเอสเพรสโซ่แล้วรินนมอุ่นวาดลวดลายลาเต้อาร์ตที่ตั้งใจฝึกเป็นพิเศษลงในแก้วใบนั้น กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟทำให้บรรยากาศในร้านอบอุ่นและผ่อนคลาย เข้ากับเพลงยุค
    60 จากวิทยุที่เปิดคลอเบาๆ 

                    วันนี้มาคนเดียวเหรอครับคยูฮยอนละสายตาจากการชงกาแฟชั่วครู่แล้วพยายามชวนฝ่ายนั้นพูดคุย

                    พอดีเครียดๆ เรื่องประชุมน่ะ...ยังไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้นเมื่อเห็นร่างบางหน้าเจื่อน คังอินก็รีบแกล้งหัวเราะแล้วบอกปัด หมายถึงเพื่อนร่วมงานในกองปราบน่ะ...” 

                    ไม่เป็นไรหรอกครับคยูฮยอนยิ้มให้ถ้าพี่คังอินไม่อยากให้ใครกวนใจ...ผมจะไม่ถามอีกก็ได้

                    เฮ้ย...ไม่ใช่ร่างสูงส่ายหน้าดิก ถ้าเป็นนายล่ะก็ พี่ออกจะดีใจที่ได้ยินเสียงนาย เพราะปกติแล้วนายไม่ค่อยพูด
                    คยูฮยอนเลิกคิ้วเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่า จากนั้นก็ก้มลงหยิบถ้วยลาเต้วางบนจานรอง ยกขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าคังอิน 

                    เป็นยังไงบ้างครับร่างบางถามอย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่คังอินกำลังยกถ้วยขึ้นจิบหลังมองลวดลายจากนมบนผิวหน้าของกาแฟหอมกรุ่น 

                    ก็เหมือนเดิม...คังอินตอบ พลางแกล้งสบตาอีกฝ่ายที่เริ่มจะหน้าเสีย 

                    “...” 

                    รสชาติดีเหมือนเดิมคำตอบนั้นทำให้คยูฮยอนหุบยิ้มไม่ลง ฝ่ายขี้แกล้งเลยพลอยยิ้มกริ่มไปด้วย ราวกับว่าดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของกันและกัน 

                    เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อร่างบางเหลียวไปมอง...ก็เห็นชายในชุดสูทที่รู้จักดี ก้าวเข้ามาภายในร้าน 

                    หนีมาดื่มกาแฟอยู่ที่นี่เอง...สารวัตรสุดเฮี้ยบประจำกองปราบพูดประชดคังอิน สงสัยว่ากาแฟร้านนี้คงอร่อยสุดๆ นายถึงได้รีบตัดบทในที่ประชุม แล้วหนีมาหาที่พักพิงใจแบบนี้” 

                    ผมไม่ได้หนีร่างสูงตอบโดยไม่ได้หันไปมองคนข้างๆเรื่องนั้นสารวัตรไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมพูดไว้ยังไง...ก็ต้องทำได้แบบนั้น ผมจะทำให้ได้” 

                    งั้นเหรอชายสูงอายุคนนั้นเท้าแขนลงกับเคาน์เตอร์ คยูเหลือบตามองคังอินแล้วเอาใจช่วยอยู่เงียบๆ ท่าดีทีเหลวมากี่ครั้งแล้วล่ะ คดีโจรกรรมที่ให้รับผิดชอบน่ะ!” 

                    ร่างบางเม้มริมฝีปากขณะที่แกล้งทำเป็นคว้าผ้ามาเช็ดเคาน์เตอร์ สารวัตรหันมามอง...จากนั้นก็เคาะนิ้วลงเสียงดัง

                   
    เอสเปรสโซ่แก้วนึงซิ! เอากลับนะ...จะรีบกลับโรงพัก มีงานต้องทำอีกเยอะ ไม่มีเวลามานั่งจิบกาแฟสบายใจเหมือนใครบางคน ทั้งๆ ที่คดีเก่าก็ยังมืดแปดด้าน ไหนจะคดีใหม่เมื่อวานอีก ปิ่นปักผมนั่นมูลค่ามหาศาลแค่ไหน คนไร้ศิลปะอย่างนายคงไม่รู้หรอกใช่มั้ย คังอินสารวัตรหัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงใจโจคยูฮยอนบ้างเลย ยิ่งเหลือบไปเห็นท่าทางเสียอารมณ์ของร่างสูง คยูฮยอนก็ยิ่งอึดอัด 

                    เอสเปรสโซ่ที่ชงอยู่จึงเป็นที่ระบาย...’ 

                    ก็พวกแมวขโมยไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้นี่ครับ พวกมันทำงานแนบเนียนมากจนเราสืบหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลยคังอินเถียง
    ตามความรู้สึกของเขา แต่ฝ่ายที่ฟังกลับไม่พอใจ

                    นี่นายกำลังชื่นชมผู้ร้ายอยู่นะ!สารวัตรยกนิ้วชี้หน้า

                    ผมก็แค่...” 

                    หุบปากแล้วรีบไปสืบหาตัวคนร้ายมาให้ได้ดีกว่า! ไม่อย่างนั้น...นายเดือดร้อนแน่” 

                   
    คยูฮยอนหลบตาลงไปยังมุมชงกาแฟด้านในของเคาน์เตอร์แล้วหยิบปิ่นปักผมสีเงินประดับเพทายออกมาจากลิ้นชัก จุ่มมันลงในถ้วยชงกาแฟแล้วใช้คนแทนช้อนอย่างหน้าตาเฉย 

                    นายต้องหาของที่โดนขโมยมาคืนพิพิธภัณฑ์ให้ได้! โดยเฉพาะปิ่นปักผมอันนั้น มันต้องอยู่ในตู้โชว์ก่อนวันงานนิทรรศการ เพราะนั่นเป็นของล้ำค่าที่ทุกคนใฝ่ฝันจะได้เห็น มันสำคัญมากๆ ประเมินค่าแทบไม่ได้!” สารวัตรทำท่าทางประกอบเสียใหญ่โต คยูฮยอนชายตามองแล้วยักไหล่เล็กน้อย มือบางยังจับด้ามปิ่นปักผมคนกาแฟต่อไปอย่างใจเย็น 

                   
    ฉันเตือนนายแล้วนะ! ถ้าไม่อยากโดนปลดกลางอากาศ...ก็รีบจับตัวคนร้ายมาให้ได้โดยเร็วที่สุด!สารวัตรแสยะยิ้มใส่ร่างสูงก่อนจะหันมาแหวคยูฮยอน กาแฟล่ะ! ช้าจริง!” 

                    เอ่อ...ได้แล้วครับ!ร่างบางโยนปักปักผมกลับเข้าไปในลิ้นชักอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกแก้วกระดาษหนามาวางบนเคาน์เตอร์แล้วเก็บธนบัตรที่ฝ่ายนั้นยื่นให้อย่างเสแสร้งว่ารีบร้อน เมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของคยูฮยอน สารวัตรก็หัวเราะร่วนราวกับมองเป็นเรื่องตลก เขาหยิบแก้วกาแฟแล้วเดินออกไป 

                    เมื่อตัวทำลายบรรยากาศเดินออกไปจากร้านแล้ว คังอินก็นั่งก้มหน้า คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเพราะความเครียด กาแฟในแก้วเย็นชืดหมดแล้ว...คนที่ตั้งใจชงให้อย่างสุดฝีมือก็ได้แต่นึกสงสารตัวเอง 

                    มือบางเอื้อมมาคว้าแก้วใบนั้น แต่คังอินสังเกตเห็นเสียก่อน เลยจะยื้อคืนไว้ มือนั้นจึงวางลงไปบนมือของคยูฮยอนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย ขณะที่คังอินไม่ได้คิดอะไร...จึงถามออกมา 

                    จะเอาไปไหน” 

                    ผม...เอ่อ...ผมจะชงให้ใหม่ มันเย็นหมดแล้ว...ไม่อร่อยแล้วล่ะครับ” 

                    ไม่เป็นไร...ไม่ต้องลำบากหรอกคังอินบอกอย่างหนักแน่น ร่างบางพยักหน้าแล้วเสียหลายครั้ง แต่เขาก็ยังไม่รู้ตัวว่าต้องปล่อยมือ กระทั่งเห็นสีหน้าหวั่นๆ ของคยูฮยอน คังอินจึงเหลือบตาลงมองแล้วรีบถอนมือออก 

                    ขอโทษนะ...” 

                    ไม่เป็นไรครับร่างบางยิ้มอายๆ 

                    คังอินยกกาแฟดื่มจนหมดแก้ว จากนั้นก็ดื่มน้ำเปล่าเย็นๆ ที่ร่างบางเตรียมไว้ให้ทุกครั้งราวกับรู้ใจ คยูฮยอนมองอีกฝ่ายที่กำลังหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาและนับเหรียญมาวางให้ 

                    ไปก่อนนะ...แล้วจะแวะมาอีกคังอินบอกเขาแบบนี้ทุกครั้ง...และนี่เองที่ทำให้คยูต้องรอคอยเสียงกระดิ่งยามบ่ายของทุกวัน รอว่าเมื่อไหร่ร่างสูงจะมาตามสัญญา 

                    กาแฟเลอะมุมปากน่ะครับคยูฮยอนได้แต่บอกให้อีกฝ่ายรู้ ไม่กล้าจะทำมากกว่านั้น

                    อ๋อ...ขอบใจนะ” 

                    “...” 

                    ช่วยเช็ดให้หน่อยได้มั้ย” 

                    หัวใจของคยูฮยอนเต้นรัวผิดจังหวะ มือที่เอื้อมไปหยิบทิชชู่สั่นจนเกือบควบคุมไม่ได้ แต่ก็ต้องทำเพราะร่างสูงรออยู่ เมื่อหยิบมาแล้ว ทันทีที่สบตาฝ่ายตรงข้าม ทิชชู่แผ่นนั้นก็หนักขึ้นเกินกว่าจะยกขึ้นไปแตะที่มุมปากของฝ่ายนั้นได้ 

                    คังอินเห็นท่าทางของร่างบางแล้วก็ได้แต่ฝืนยิ้ม
    ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะ...ขอบใจมาก” 

                    เขาเอื้อมมาหยิบทิชชู่ไปจากมือของคยูฮยอน แล้วเดินออกจากร้านโดยไม่หันกลับมามองอีก คยูฮยอนพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ และเมื่อประตูร้านปิดคล้อยหลังร่างสูง...น้ำตาก็พาลจะไหลออกมาดื้อๆ 

                    ทำไมเป็นแบบนี้อีกแล้วนะ ทำไมต้องดีใจจนทำอะไรไม่ถูก...พี่คังอินเข้าใจผิดก็เพราะแบบนี้แหละ
    คยูฮยอนได้แต่ตำหนิตัวเองที่ไม่กล้าพอจะเปิดเผยความรู้สึก และสุดท้ายก็เป็นตัวเองที่ต้องมานั่งเสียใจซ้ำๆ 

                    ทงเฮเคยแซวว่าคังอินเองก็มีใจให้คยูฮยอน เตือนคยูฮยอนว่าให้วางตัวดีๆ ดีแล้วสินะที่ปล่อยให้เค้าเข้าใจผิดไปแบบนั้น ให้เค้าคิดไปว่า...เด็กขี้อายคนนี้ไม่เคยรักเค้า เพราะว่าเค้ากับเรา...เลือกทางเดินคนละทาง 

                    บรรจบกันเมื่อไหร่...บรรลัยเมื่อนั้นทงเฮพูดประโยคนี้กรอกหูตลอดเวลา 


     

                    แน่ล่ะ...ตำรวจที่ไหนจะอยากมีคนรักเป็นหัวขโมย 



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×