คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro : Cat's Cafe
Intro : Cats' Cafe
“กลางดึกของคืนวันที่ 9 ได้เกิดเหตุโจรกรรมปิ่นปักผมประดับเพทายสมัยกษัติรย์มุนจง เจ้าของพิพิธภัณฑ์ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นสมบัติที่ได้รับมอบมาเพื่อแสดงโชว์ในงานนิทรรศการวัตถุโบราณ ซึ่งจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตำรวจท้องที่สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของนักโจรกรรมมืออาชีพ”
ใบหน้าที่ก้มต่ำค่อยๆ เงยขึ้นเมื่อรายงานข่าวทางวิทยุจบลง เสียงเพลงที่เปิดต่อจากนั้นเป็นเพลง Love me tender ที่ร่างบางชอบฟัง นิ้วเรียวจึงพุ่งไปแตะปุ่มปรับเสียงและหมุนให้ดังขึ้นอีก
หลังจากเสิร์ฟกาแฟแก้วล่าสุดไปเมื่อสองสามนาทีก่อน คยูฮยอนก็ว่างงาน
นอกจากนั่งฟังวิทยุอยู่ที่เคาน์เตอร์แล้ว...สิ่งที่ชอบทำอีกอย่างก็คงจะเป็นการไล่สายตาไปตามชั้นวางแก้วกาแฟและนึกอยู่ในใจว่าวันนี้จะเลือกแก้วใบไหนให้คนๆ นั้น
‘ลูกค้าขาประจำที่แวะมาทุกวัน’
ร่างบางเหลือบมองนาฬิกาอย่างใจลอย นี่ก็ใกล้เวลาพักของสถานีตำรวจแล้ว...คิดเล่นๆ ว่าเขาคนนั้นจะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแบบไหนกัน
เสียงกรุ๊งกริ๊งที่ประตูทำให้คยูฮยอนผุดลุกโดยอัตโนมัติ
ทงเฮบอกว่า...เอากระดิ่งมาติดไว้ที่ประตู พอมีคนเข้ามา กระดิ่งก็จะสั่นเบาๆ ทำให้รู้ตัวก่อน แต่พอได้ยินเสียงกระดิ่งประตูในตอนบ่ายๆ ทีไร หัวใจของคยูก็สั่นตามไปด้วยเสียทุกครั้ง เพราะแบบนี้ถึงได้รู้ตัว
รู้...ว่าหลงรักคนๆ นั้นเข้าแล้ว คยูฮยอนได้แต่คิด...สรุปว่าการรู้ตัวก่อนที่ทงเฮบอกนี่ดีหรือเปล่านะ
“เหมือนเดิมนะ คยู”
“ครับ” ริมฝีปากบางเอ่ยออกมาได้แค่นั้น เมื่อเงยหน้ามองร่างสูงที่มานั่งตรงหน้าแล้ว...คยูก็ปิดบังรอยยิ้มเขินอายด้วยการแกล้งทำเป็นหันหลังไปหยิบถ้วยกาแฟ ‘ใบนี้เองที่นั่งเล็งไว้ตอนว่างๆ หวังว่าร่างสูงคงจะชอบ’
“วันนี้เฝ้าร้านคนเดียวเหรอ แล้วนี่พี่ๆ ของนายไปไหนหมด”
“พี่ฮีชอลออกไปซื้อของน่ะครับ ส่วนพี่ทงเฮคงง่วนอยู่ในครัว ทำไมล่ะครับ...พี่คังอินอยากเจอเหรอ”
ฝ่ายนั้นหัวเราะและปฏิเสธตะกุกตะกัก “เปล่าๆ ไม่อยู่ก็ดีแล้วล่ะ...เอ่อ พี่หมายถึง...อืม...ไม่มีอะไรหรอก”
คยูฮยอนลอบยิ้มอย่างรู้ทัน เขาวางแก้วเซรามิคสีน้ำตาลอ่อนลงบนโต๊ะก่อนจะชงเอสเพรสโซ่แล้วรินนมอุ่นวาดลวดลายลาเต้อาร์ตที่ตั้งใจฝึกเป็นพิเศษลงในแก้วใบนั้น กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟทำให้บรรยากาศในร้านอบอุ่นและผ่อนคลาย เข้ากับเพลงยุค 60 จากวิทยุที่เปิดคลอเบาๆ
“วันนี้มาคนเดียวเหรอครับ” คยูฮยอนละสายตาจากการชงกาแฟชั่วครู่แล้วพยายามชวนฝ่ายนั้นพูดคุย
“พอดีเครียดๆ เรื่องประชุมน่ะ...ยังไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น” เมื่อเห็นร่างบางหน้าเจื่อน คังอินก็รีบแกล้งหัวเราะแล้วบอกปัด “หมายถึงเพื่อนร่วมงานในกองปราบน่ะ...”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” คยูฮยอนยิ้มให้ “ถ้าพี่คังอินไม่อยากให้ใครกวนใจ...ผมจะไม่ถามอีกก็ได้”
“เฮ้ย...ไม่ใช่” ร่างสูงส่ายหน้าดิก “ถ้าเป็นนายล่ะก็ พี่ออกจะดีใจที่ได้ยินเสียงนาย เพราะปกติแล้วนายไม่ค่อยพูด”
คยูฮยอนเลิกคิ้วเล็กน้อยเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่า จากนั้นก็ก้มลงหยิบถ้วยลาเต้วางบนจานรอง ยกขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าคังอิน
“เป็นยังไงบ้างครับ” ร่างบางถามอย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่คังอินกำลังยกถ้วยขึ้นจิบหลังมองลวดลายจากนมบนผิวหน้าของกาแฟหอมกรุ่น
“ก็เหมือนเดิม...” คังอินตอบ พลางแกล้งสบตาอีกฝ่ายที่เริ่มจะหน้าเสีย
“...”
“รสชาติดีเหมือนเดิม” คำตอบนั้นทำให้คยูฮยอนหุบยิ้มไม่ลง ฝ่ายขี้แกล้งเลยพลอยยิ้มกริ่มไปด้วย ราวกับว่าดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของกันและกัน
เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อร่างบางเหลียวไปมอง...ก็เห็นชายในชุดสูทที่รู้จักดี ก้าวเข้ามาภายในร้าน
“หนีมาดื่มกาแฟอยู่ที่นี่เอง...” สารวัตรสุดเฮี้ยบประจำกองปราบพูดประชดคังอิน “สงสัยว่ากาแฟร้านนี้คงอร่อยสุดๆ นายถึงได้รีบตัดบทในที่ประชุม แล้วหนีมาหาที่พักพิงใจแบบนี้”
“ผมไม่ได้หนี” ร่างสูงตอบโดยไม่ได้หันไปมองคนข้างๆ “เรื่องนั้นสารวัตรไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมพูดไว้ยังไง...ก็ต้องทำได้แบบนั้น ผมจะทำให้ได้”
“งั้นเหรอ” ชายสูงอายุคนนั้นเท้าแขนลงกับเคาน์เตอร์ คยูเหลือบตามองคังอินแล้วเอาใจช่วยอยู่เงียบๆ “ท่าดีทีเหลวมากี่ครั้งแล้วล่ะ คดีโจรกรรมที่ให้รับผิดชอบน่ะ!”
ร่างบางเม้มริมฝีปากขณะที่แกล้งทำเป็นคว้าผ้ามาเช็ดเคาน์เตอร์ สารวัตรหันมามอง...จากนั้นก็เคาะนิ้วลงเสียงดัง
“เอสเปรสโซ่แก้วนึงซิ! เอากลับนะ...จะรีบกลับโรงพัก มีงานต้องทำอีกเยอะ ไม่มีเวลามานั่งจิบกาแฟสบายใจเหมือนใครบางคน ทั้งๆ ที่คดีเก่าก็ยังมืดแปดด้าน ไหนจะคดีใหม่เมื่อวานอีก ปิ่นปักผมนั่นมูลค่ามหาศาลแค่ไหน คนไร้ศิลปะอย่างนายคงไม่รู้หรอกใช่มั้ย คังอิน” สารวัตรหัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงใจโจคยูฮยอนบ้างเลย ยิ่งเหลือบไปเห็นท่าทางเสียอารมณ์ของร่างสูง คยูฮยอนก็ยิ่งอึดอัด
‘เอสเปรสโซ่ที่ชงอยู่จึงเป็นที่ระบาย...’
“ก็พวกแมวขโมยไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้นี่ครับ พวกมันทำงานแนบเนียนมากจนเราสืบหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย” คังอินเถียงตามความรู้สึกของเขา แต่ฝ่ายที่ฟังกลับไม่พอใจ
“นี่นายกำลังชื่นชมผู้ร้ายอยู่นะ!” สารวัตรยกนิ้วชี้หน้า
“ผมก็แค่...”
“หุบปากแล้วรีบไปสืบหาตัวคนร้ายมาให้ได้ดีกว่า! ไม่อย่างนั้น...นายเดือดร้อนแน่”
คยูฮยอนหลบตาลงไปยังมุมชงกาแฟด้านในของเคาน์เตอร์แล้วหยิบปิ่นปักผมสีเงินประดับเพทายออกมาจากลิ้นชัก จุ่มมันลงในถ้วยชงกาแฟแล้วใช้คนแทนช้อนอย่างหน้าตาเฉย
“นายต้องหาของที่โดนขโมยมาคืนพิพิธภัณฑ์ให้ได้! โดยเฉพาะปิ่นปักผมอันนั้น มันต้องอยู่ในตู้โชว์ก่อนวันงานนิทรรศการ เพราะนั่นเป็นของล้ำค่าที่ทุกคนใฝ่ฝันจะได้เห็น มันสำคัญมากๆ ประเมินค่าแทบไม่ได้!” สารวัตรทำท่าทางประกอบเสียใหญ่โต คยูฮยอนชายตามองแล้วยักไหล่เล็กน้อย มือบางยังจับด้ามปิ่นปักผมคนกาแฟต่อไปอย่างใจเย็น
“ฉันเตือนนายแล้วนะ! ถ้าไม่อยากโดนปลดกลางอากาศ...ก็รีบจับตัวคนร้ายมาให้ได้โดยเร็วที่สุด!” สารวัตรแสยะยิ้มใส่ร่างสูงก่อนจะหันมาแหวคยูฮยอน “กาแฟล่ะ! ช้าจริง!”
“เอ่อ...ได้แล้วครับ!” ร่างบางโยนปักปักผมกลับเข้าไปในลิ้นชักอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกแก้วกระดาษหนามาวางบนเคาน์เตอร์แล้วเก็บธนบัตรที่ฝ่ายนั้นยื่นให้อย่างเสแสร้งว่ารีบร้อน เมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของคยูฮยอน สารวัตรก็หัวเราะร่วนราวกับมองเป็นเรื่องตลก เขาหยิบแก้วกาแฟแล้วเดินออกไป
เมื่อตัวทำลายบรรยากาศเดินออกไปจากร้านแล้ว คังอินก็นั่งก้มหน้า คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเพราะความเครียด กาแฟในแก้วเย็นชืดหมดแล้ว...คนที่ตั้งใจชงให้อย่างสุดฝีมือก็ได้แต่นึกสงสารตัวเอง
มือบางเอื้อมมาคว้าแก้วใบนั้น แต่คังอินสังเกตเห็นเสียก่อน เลยจะยื้อคืนไว้ มือนั้นจึงวางลงไปบนมือของคยูฮยอนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย ขณะที่คังอินไม่ได้คิดอะไร...จึงถามออกมา
“จะเอาไปไหน”
“ผม...เอ่อ...ผมจะชงให้ใหม่ มันเย็นหมดแล้ว...ไม่อร่อยแล้วล่ะครับ”
“ไม่เป็นไร...ไม่ต้องลำบากหรอก” คังอินบอกอย่างหนักแน่น ร่างบางพยักหน้าแล้วเสียหลายครั้ง แต่เขาก็ยังไม่รู้ตัวว่าต้องปล่อยมือ กระทั่งเห็นสีหน้าหวั่นๆ ของคยูฮยอน คังอินจึงเหลือบตาลงมองแล้วรีบถอนมือออก
“ขอโทษนะ...”
“ไม่เป็นไรครับ” ร่างบางยิ้มอายๆ
คังอินยกกาแฟดื่มจนหมดแก้ว จากนั้นก็ดื่มน้ำเปล่าเย็นๆ ที่ร่างบางเตรียมไว้ให้ทุกครั้งราวกับรู้ใจ คยูฮยอนมองอีกฝ่ายที่กำลังหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาและนับเหรียญมาวางให้
“ไปก่อนนะ...แล้วจะแวะมาอีก” คังอินบอกเขาแบบนี้ทุกครั้ง...และนี่เองที่ทำให้คยูต้องรอคอยเสียงกระดิ่งยามบ่ายของทุกวัน รอว่าเมื่อไหร่ร่างสูงจะมาตามสัญญา
“กาแฟเลอะมุมปากน่ะครับ” คยูฮยอนได้แต่บอกให้อีกฝ่ายรู้ ไม่กล้าจะทำมากกว่านั้น
“อ๋อ...ขอบใจนะ”
“...”
“ช่วยเช็ดให้หน่อยได้มั้ย”
หัวใจของคยูฮยอนเต้นรัวผิดจังหวะ มือที่เอื้อมไปหยิบทิชชู่สั่นจนเกือบควบคุมไม่ได้ แต่ก็ต้องทำเพราะร่างสูงรออยู่ เมื่อหยิบมาแล้ว ทันทีที่สบตาฝ่ายตรงข้าม ทิชชู่แผ่นนั้นก็หนักขึ้นเกินกว่าจะยกขึ้นไปแตะที่มุมปากของฝ่ายนั้นได้
คังอินเห็นท่าทางของร่างบางแล้วก็ได้แต่ฝืนยิ้ม “ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะ...ขอบใจมาก”
เขาเอื้อมมาหยิบทิชชู่ไปจากมือของคยูฮยอน แล้วเดินออกจากร้านโดยไม่หันกลับมามองอีก คยูฮยอนพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ และเมื่อประตูร้านปิดคล้อยหลังร่างสูง...น้ำตาก็พาลจะไหลออกมาดื้อๆ
ทำไมเป็นแบบนี้อีกแล้วนะ ทำไมต้องดีใจจนทำอะไรไม่ถูก...พี่คังอินเข้าใจผิดก็เพราะแบบนี้แหละ คยูฮยอนได้แต่ตำหนิตัวเองที่ไม่กล้าพอจะเปิดเผยความรู้สึก และสุดท้ายก็เป็นตัวเองที่ต้องมานั่งเสียใจซ้ำๆ
ทงเฮเคยแซวว่าคังอินเองก็มีใจให้คยูฮยอน เตือนคยูฮยอนว่าให้วางตัวดีๆ ดีแล้วสินะที่ปล่อยให้เค้าเข้าใจผิดไปแบบนั้น ให้เค้าคิดไปว่า...เด็กขี้อายคนนี้ไม่เคยรักเค้า เพราะว่าเค้ากับเรา...เลือกทางเดินคนละทาง
‘บรรจบกันเมื่อไหร่...บรรลัยเมื่อนั้น’ ทงเฮพูดประโยคนี้กรอกหูตลอดเวลา
แน่ล่ะ...ตำรวจที่ไหนจะอยากมีคนรักเป็นหัวขโมย
ความคิดเห็น