ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : รักต้องห้าม
รักต้องห้าม
เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้นในช่วงบ่าย คยูฮยอนชะเง้อรออยู่แล้ว เขารีบผลุบกลับเข้าไปหลังเคาน์เตอร์และแกล้งทำเป็นเช็ดจานรองแก้วเมื่อร่างสูงเดินเข้ามานั่ง แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของรายนั้น คยูฮยอนก็ไม่สบายใจ จึงอดไม่ได้ที่จะเปิดประเด็นถาม
“เรื่องงานราบรื่นดีใช่มั้ยครับ”
คังอินผ่อนลมหายใจช้าๆ เขายิ้ม และเริ่มสั่งกาแฟ “เอาเหมือนเดิมนะ...”
“ครับ” คยูฮยอนรับคำและจัดแจงชงกาแฟให้ เขาเหลือบมองฝ่ายที่นั่งหน้ามุ่ยแล้วก็ได้แต่นึกเป็นห่วง คงเป็นเพราะคดีโจรกรรมเมื่อคืน ในเมื่อสร้อยคอลูกปัดโบราณถูกขโมยฉกไปได้ง่ายๆ ตำรวจเจ้าของคดีก็คงไม่พ้นจะโดนติเตียน
“ครับ” คยูฮยอนรับคำและจัดแจงชงกาแฟให้ เขาเหลือบมองฝ่ายที่นั่งหน้ามุ่ยแล้วก็ได้แต่นึกเป็นห่วง คงเป็นเพราะคดีโจรกรรมเมื่อคืน ในเมื่อสร้อยคอลูกปัดโบราณถูกขโมยฉกไปได้ง่ายๆ ตำรวจเจ้าของคดีก็คงไม่พ้นจะโดนติเตียน
“เสียใจด้วยนะครับ ผมเพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้า พวกตำรวจที่มาดื่มกาแฟพูดกันว่าแคทส์ขโมยของไปได้อีกแล้ว แต่พี่คังอินอย่าสนใจที่สารวัตรหรือใครๆ พูดตำหนิเลยนะครับ ผมแน่ใจว่าพี่คังอินจะต้องจับพวกมันได้” คยูฮยอนพูดให้กำลังใจร่างสูงพร้อมด้วยถ้วยกาแฟกรุ่นๆ
คังอินส่ายหน้า เขารับกาแฟไปดื่มและยังคงไม่ร่าเริงเหมือนทุกวัน
คังอินส่ายหน้า เขารับกาแฟไปดื่มและยังคงไม่ร่าเริงเหมือนทุกวัน
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก พี่แค่กำลังสับสน พี่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรับมืออยู่กับอะไร”
“พี่คังอินหมายถึงอะไรล่ะครับ” คยูฮยอนนึกสงสัย อีกฝ่ายเหมือนจะพูดออกมา แต่แล้วก็บอกปัด
“ไม่มีอะไรหรอก...”
คยูฮยอนเห็นความหวาดหวั่นในสายตาร่างสูง เขาค่อนข้างแน่ใจว่าคงเป็นเรื่องแมวตัวนั้น แม้พี่ฮีชอลกับพี่ทงเฮจะไม่ได้บอกอะไรเขามากหลังจากตื่นมา แต่คยูฮยอนก็มั่นใจว่าพี่คังอินคงปะทะกับแคทส์เข้าแล้วเมื่อคืน
“คยู นายเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติมั้ย” คังอินเปรยเรียบๆ เพราะไม่อาจเก็บความคับข้องใจไว้คนเดียวได้ “อย่างเช่น...พวกอมนุษย์ ครึ่งคนครึ่งสัตว์ หรือไม่ก็เอเลี่ยน ภูตพราย”
“ไม่มีจริงหรอกครับของแบบนั้น พี่คังอินจะหลอกให้ผมกลัวใช่มั้ยล่ะ” คยูฮยอนบังคับตัวเองให้หัวเราะ
“เปล่าๆ พี่แค่ไม่มั่นใจ เรื่องแคทส์น่ะ...พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ แต่ตอนนั้นพี่รู้สึกได้ พี่มั่นใจเลยว่ามันเป็นแมว”
คยูฮยอนเงยหน้ามองคังอินอย่างนึกหวั่นใจ เมื่อคืนนี้เขาถูกฮีชอลตำหนิเพราะเข้าใกล้ร่างสูงมากเกินไปทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องทำแบบนั้น พี่ฮีชอลต้องเป็นฝ่ายไปโฉบสร้อยคอมาเสียเอง และยังต้องลำบากวกกลับมาลากตัวแคทส์ออกมาจากที่นั่นด้วย การกระทำนั้นคยูฮยอนไม่มีส่วนรู้เห็น แต่พี่ทงเฮบอกว่าสาเหตุทั้งหมดมาจากเขา
แคทส์ทำลงไปโดยไม่มีเหตุผล...และคยูฮยอนก็รู้แค่ว่าเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ณ ตอนนั้น
ฮีชอลโมโหมากที่แคทส์ทำงานพลาดเป็นครั้งแรกแล้วทงเฮก็แทบหัวใจวายเพราะเวลาหลบหนีล่าช้าผิดไปจากที่คำนวณเอาไว้มาก แต่สุดท้ายคนที่ถูกกล่าวโทษกลับเป็นคยูฮยอน ฐานที่จิตใจไม่หนักแน่นมั่นคงพอ จึงส่งผลทำให้แคทส์ไขว้เขว คยูฮยอนไม่เคยเข้าใจสิ่งที่ฮีชอลกับทงเฮพูด เขาแค่กินยานั่นตามที่ทั้งสองบอก จากนั้นก็คล้ายว่าหลับไป พอตื่นมาอีกครั้งก็จำอะไรไม่ได้เสียแล้ว น่าแปลกที่เขาไม่เคยรับรู้ถึงสิ่งที่แคทส์ ‘ตัวตนอีกด้านของเขา’ ทำลงไป แต่เขารู้จักแคทส์ดีราวกับเป็นพี่น้อง ทั้งนิสัย บุคลิก และทัศนคติ คยูฮยอนหาเหตุผลให้แคทส์ได้เสมอแม้จะเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลที่สุด
เช่นเมื่อคืน...หากพูดกันตามตรงแล้วเรื่องที่คยูฮยอนชอบคังอินก็คงส่งผลกระทบต่อแคทส์เช่นกัน
“คงต้องรีบกลับโรงพักแล้วล่ะ วันนี้คงไม่แวะเข้ามาแล้ว ขอโทษนะ” คังอินหยิบธนบัตรวางลงบนเคาน์เตอร์ คยูฮยอนเผลอทำหน้าเศร้า อีกฝ่ายจึงแปลกใจ “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคยู ทิปน้อยไปเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ” ร่างบางค้อนใส่ แต่ครู่หนึ่งก็มีสีหน้าจริงจัง “ผมไม่ชอบให้พี่คังอินทำหน้าเครียดเลย ผมชอบพี่คังอินคนที่ร่าเริง ขี้เล่น แล้วก็ทำให้ผมหัวเราะได้ตลอด ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยให้พี่คังอินรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง...”
“อะไรนะ เมื่อกี๊บอกว่าชอบพี่เหรอ”
คยูฮยอนหยุดคำพูดตัวเองแทบไม่ทัน เขาทำตาโต หน้าแดงเพราะเขินจัด แต่ปากกลับพูดออกไปอีกอย่าง “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ผมแค่...ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย พี่คังอินบ้า!”
เมื่อเห็นร่างบางแก้ตัวละล่ำละลัก คังอินก็หลุดขำ เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะฝ่ายนั้น
“พี่แซวเล่นน่า”
คยูฮยอนหลบตาลงเพื่อตั้งสติ หวังว่าเขาคงไม่ได้ทำให้ร่างสูงเข้าใจผิดเหมือนทุกครั้ง
คังอินลอบมองใบหน้าที่ก้มต่ำ เขาเผลอพูดออกมาโดยไม่คิดอะไร “แต่ถ้านายชอบพี่จริงๆ ก็คงจะดีนะ”
ร่างบางเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ทั้งสองสบตากัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครคิดคำพูดได้ก่อน ต่างคนจึงต่างเงียบ คยูฮยอนรู้สึกแปลกๆ ที่สายตาของคังอินจริงจังกว่าทุกครั้ง แต่ไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนตอนคิดเรื่องงาน
มือหนาที่วางอยู่บนศีรษะเขาเลื่อนลงตามแนวไรผม ร่างบางยืนนิ่ง เขาหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว ปล่อยให้นิ้วของอีกฝ่ายระลงที่ข้างแก้ม สัมผัสที่เกินเลยทำให้ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้า แวบหนึ่งคยูฮยอนลืมตาโพลง เขารีบก้าวถอยออกไป
สัญชาตญาณทำให้เขารู้สึกกลัวเมื่ออีกฝ่ายแตะต้อง ขณะเดียวกัน...เขาจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้
สัญชาตญาณทำให้เขารู้สึกกลัวเมื่ออีกฝ่ายแตะต้อง ขณะเดียวกัน...เขาจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้
“คยูฮยอน...ช่วยพี่ยกของหน่อย”
ฮีชอลโผล่มาทางประตูหลังร้าน แกล้งทำเป็นเพิ่งเข้ามาและไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น คังอินสูดหายใจ เขาเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อคลุม และยิ้มทักทายตามปกติ ขณะที่คยูฮยอนเก็บอาการมีพิรุธเอาไว้ รีบเดินไปหาฮีชอล แต่ด้วยความประหม่า
ฮีชอลโผล่มาทางประตูหลังร้าน แกล้งทำเป็นเพิ่งเข้ามาและไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น คังอินสูดหายใจ เขาเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อคลุม และยิ้มทักทายตามปกติ ขณะที่คยูฮยอนเก็บอาการมีพิรุธเอาไว้ รีบเดินไปหาฮีชอล แต่ด้วยความประหม่า
“เอาไปไว้ในห้องเก็บของ...” ฮีชอลสบตาน้องชายอย่างตำหนิ สายตาของเขาพูดคนละเรื่องกับที่ออกคำสั่ง คยูฮยอนตัวสั่นเล็กน้อยขณะพยักหน้ารับ ร่างบางก้มลงจะยกของไปเก็บ แต่คังอินก็เดินเข้ามาขวาง
“ลังนี่คงจะหนัก ผมช่วยยกดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอกคุณตำรวจ พวกเรายกกันเองมา 7-8 ปี แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ใครช่วย แล้วนี่คุณไม่มีการมีงานต้องทำรึไงล่ะ ถึงมาขลุกอยู่ที่นี่” ฮีชอลด่าเจ็บแสบ คังอินจึงได้แต่ยิ้มสู้ ยังดีที่คยูฮยอนมองเขาด้วยความเป็นห่วง
“ผมว่าจะกลับพอดีเลย แต่ส่วนที่คยูฮยอนต้องยก...ให้ผมช่วยเถอะนะครับ ถ้าคุณอยากยกส่วนของตัวเองก็ยกไป”
ฮีชอลถลึงตาใส่ แต่คังอินไม่สะทกสะท้าน เขายกลังไม้หนักๆ ขึ้น แล้วหันไปถามคยูฮยอนว่าจะให้เอาวางไว้ตรงไหน ร่างบางตกใจ รีบเดินนำเข้าไปในห้องเก็บของอีกด้าน ฮีชอลจึงได้แต่ยืนมองด้วยความเจ็บใจ
ฮีชอลถลึงตาใส่ แต่คังอินไม่สะทกสะท้าน เขายกลังไม้หนักๆ ขึ้น แล้วหันไปถามคยูฮยอนว่าจะให้เอาวางไว้ตรงไหน ร่างบางตกใจ รีบเดินนำเข้าไปในห้องเก็บของอีกด้าน ฮีชอลจึงได้แต่ยืนมองด้วยความเจ็บใจ
“พี่ทงเฮ...”
คยูฮยอนวิ่งเข้าไปในห้องพี่ชาย ฝ่ายนั้นแปลกใจที่เห็นเขาร้องไห้
“ร้องไห้ทำไมคยู เกิดอะไรขึ้น” ทงเฮจับไหล่คยูฮยอนไว้ ขณะที่ฝ่ายนั้นยังร้องไห้ไม่หยุด เขาจึงลูบหลังและดึงตัวเข้ามากอดปลอบ “เรื่องแคทส์ใช่มั้ย พี่ฮีชอลว่าอะไรนายอีก”
คยูฮยอนวิ่งเข้าไปในห้องพี่ชาย ฝ่ายนั้นแปลกใจที่เห็นเขาร้องไห้
“ร้องไห้ทำไมคยู เกิดอะไรขึ้น” ทงเฮจับไหล่คยูฮยอนไว้ ขณะที่ฝ่ายนั้นยังร้องไห้ไม่หยุด เขาจึงลูบหลังและดึงตัวเข้ามากอดปลอบ “เรื่องแคทส์ใช่มั้ย พี่ฮีชอลว่าอะไรนายอีก”
คยูฮยอนเอาแต่ส่ายหน้า จากนั้นก็เริ่มพึมพำ “ไม่ใช่เรื่องแคทส์...เรื่องพี่คังอิน”
“อะไรกัน นี่พี่ฮีชอลรู้เรื่องแล้วเหรอ” ทงเฮขมวดคิ้ว และเมื่อน้องพยักหน้ารับ เขาก็อดหวาดเสียวไม่ได้ พี่ฮีชอลคงต้องตำหนิเขาด้วยเรื่องที่ให้ท้ายกันมาตลอด ทงเฮจะแก้ตัวว่าอย่างไรดีถ้าฮีชอลถาม
ที่ผ่านมาเขาอยู่ตรงกลางระหว่างฮีชอลกับคยูฮยอนในเรื่องนี้ เขาเป็นคนที่น้องชายไว้ใจเล่าให้ฟัง แต่ถึงเขาจะเข้าใจความรู้สึกของน้อง เขาก็แอบเห็นด้วยกับฮีชอลว่าความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับโจรมันเป็นไปไม่ได้
“ไร้สาระที่สุดเลย!” ฮีชอลเปิดประตูตามเข้ามาในห้อง คยูฮยอนสะดุ้งเฮือกรีบยกมือเช็ดน้ำตา ท่าทางพี่ชายของเขาจะโกรธจัดเรื่องผู้กองคังอิน “พี่ไม่คิดเลยนะว่านายจะทำตัวแบบนี้ ไอ้ผู้กองนั่นมันเป็นศัตรูของพวกเรา มันจ้องจะจับเราอยู่ทุกวี่ทุกวัน นายเคยคิดบ้างมั้ยว่ากำลังจะทำให้เราเดือดร้อนกันหมด นายมีใจให้มันทำไม!”
“พี่คังอินเป็นคนดี...” ร่างบางรวบรวมความกล้าเถียงออกไป
“ใช่! มันเป็นคนดี แต่พวกเราไงล่ะที่เลว ชื่นชมมันเข้าไปสิ...ไม่นานหรอกมันจะจับเราเข้าคุก” ที่ฮีชอลพูดถูกต้องทุกอย่าง คยูฮยอนไม่มีทางเลือกเลยนอกจากต้องตัดใจ พี่คังอินเป็นคนดี และไม่คู่ควรกับคนเลวๆ อย่างเขา
“คิดว่าพี่ไม่รู้เหรอคยู ที่ผ่านมานายให้ท่าไอ้ตำรวจนั่นอยู่ตลอด เห็นแล้วมันอึดอัด มันเป็นลูกค้าพิเศษรึไงถึงต้องบริการมันอย่างดีขนาดนั้น คอยดูเถอะ เมื่อไหร่ที่มันรู้ว่านายคือแคทส์...มันจะไม่มีวันมองนายด้วยสายตาแบบตอนนี้อีก”
คยูฮยอนไม่เถียง เขาเจ็บปวดกับทุกคำพูดของฮีชอล พี่ทงเฮคงจะรับรู้ได้และเกิดสงสารเขา จึงช่วยแก้ต่าง
“คยูไม่เคยให้ท่าผู้กองคังอินเลยนะครับพี่ฮีชอล พี่เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ยังไงพวกเราก็ต้องดีกับลูกค้าทุกคนไม่ใช่เหรอ คยูก็แค่ทำตามที่พี่บอก” ทงเฮพยายามอธิบาย แต่ก็โดนฮีชอลกล่าวหาด้วยอีกที
“นายนั่นแหละตัวดีเลย ทงเฮ นายรู้เรื่องนี้แต่ไม่ยอมบอกพี่ใช่มั้ย เป็นพี่ชายที่ดีจริงๆ เลยนะ อยากช่วยให้น้องสมหวังกับคนที่รัก ไม่รู้รึไงว่านายกำลังจะฆ่าคยูฮยอนทางอ้อม นายจะทำให้น้องทุกข์ทรมานใจจนตาย”
“ผม...” ทงเฮพูดไม่ออก
ฮีชอลเห็นคยูฮยอนร้องไห้หนักขึ้น เขารู้สึกแย่ที่ใจร้อน จึงเริ่มตั้งสติและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “คยูฮยอน พี่เตือนนายก็เพราะพี่รักนาย พี่ไม่อยากให้เจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว คิดว่าพี่ไม่เข้าใจแล้วเอาแต่ห้ามเหรอ นายคิดผิดแล้วล่ะ พี่แค่เห็นว่านายควรตัดใจตอนนี้ ดีกว่าต้องเจ็บเจียนตายตอนเค้ารู้ความจริง นายคงไม่อยากให้คนนายรักเกลียดนายหรอกใช่มั้ย ยิ่งเค้ารักนาย...เค้าก็ยิ่งเจ็บปวดตอนที่ต้องเกลียดนาย แล้วทำไมไม่เลือกจบเรื่องนี้โดยที่เค้ายังรู้สึกดีๆ กับนายล่ะ”
ทงเฮหลบตาลง เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ฮีชอลพูดและไม่อาจจะหาคำไหนมาปลอบใจคยูฮยอนได้อีก เขาได้แต่เตือนให้คยูฮยอนระวังตัว ไม่ให้เผลอรักผู้กองคังอินจนหมดหัวใจ แต่นับวันคำเตือนของเขาก็ยิ่งไร้ประโยชน์ คยูฮยอนอาจห้ามใจตัวเองได้ แต่ไม่มีทางใดจะห้ามใจผู้กองคังอินได้ นั่นต่างหากคือปัญหา
“สักวันเค้าจะรู้ตัวตนจริงของนาย แล้วถ้าเค้ารู้ว่านายคือแคทส์ คิดเหรอว่าเค้าจะยอมรับได้” ฮีชอลเอ่ยเรียบๆ แล้วเปลี่ยนไปสบตาทงเฮบ้าง “นายก็เหมือนกัน เราเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน สมบัติก็ยังเก็บไม่ครบ อย่าก่อเรื่องจนแผนเราพัง”
“ครับ พี่ฮีชอล” ทงเฮรับคำอย่างไม่เต็มปากนัก
“เดี๋ยวนายไปคุยกับฉันที่ห้องนะทงเฮ เราจะพูดเรื่องงานครั้งต่อไป” ฮีชอลทิ้งท้ายและเดินออกไปจากห้อง ทงเฮถอนหายใจเฮือก เขามองคยูฮยอนที่ยังร้องไห้อยู่เงียบๆ จากนั้นก็ลูบหลังปลอบ
“พี่ฮีชอลพูดถูกนะ คิดดูสิคยู...พอเสร็จงานที่นี่เราก็ต้องย้ายไปที่อื่น ถึงเวลานั้นนายจะยิ่งทำใจไม่ได้” ทงเฮบอกตรงๆ แม้ร่างบางจะรับฟัง แต่ก็ยากจะยอมรับความจริงได้
“พี่ทงเฮครับ โจรเป็นคนดีไม่ได้เหรอ” คยูฮยอนถามปนสะอื้น ทงเฮยกมือเกาศีรษะ คำถามนี้ตอบยาก
“พี่เชื่อว่าพวกเราเป็นคนดี ถึงคนอื่นจะไม่ได้มองอย่างนั้นก็เถอะ” ทงเฮบอกพลางตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ “เรามีเหตุผลที่ต้องทำนี่นา นายอย่าคิดมากเลยนะ ถ้าเลือกทางนี้แล้ว...ก็จำเป็นต้องสละทางอื่น”
“เลือก...เหรอ” คยูฮยอนเม้มริมฝีปาก น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงข้างแก้ม “แล้วต่อไปนี้ผมจะทำยังไง ทุกครั้งที่เจอหน้าพี่คังอินผมก็จะรู้สึกกลัวทุกที ผมกลัวว่าตัวเองจะยอมสละทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับเค้า”
“คยู!” ทงเฮตกใจที่อีกฝ่ายพูดเช่นนั้น เพราะมันหมายถึงการทรยศ
“ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ผมควรจะทำยังไงล่ะพี่ทงเฮ ทำยังไงถึงจะตัดใจจากเค้าได้” คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นและเขย่าตัวทงเฮเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ ทงเฮนิ่งไปนาน เขารู้สึกไม่ดีที่ต้องพูดออกไป นั่นเป็นทางเลือกที่น่ากลัว
“ฆ่าเค้าซะคยู...”
“อะไรนะ!” ร่างบางโพล่งถามเสียงแหบแห้ง
“ให้แคทส์ฆ่าผู้กองคังอินซะ นายจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเค้าอีก ถ้าไม่มีเค้า...นายก็จะได้ไม่ต้องรักเค้า แล้วงานของเราก็จะสำเร็จง่ายๆ เราจะทำงานกันได้เร็วขึ้นและไม่มี...”
“พี่ทงเฮ!” คยูฮยอนตวาดใส่อีกฝ่ายทั้งน้ำตา จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นและวิ่งร้องไห้ออกไปจากห้อง
ทงเฮมองประตูที่กระแทกปิด แววตาของเขามีน้ำใสๆ เอ่ออยู่ น่าแปลกที่เขาเองก็หวาดกลัวไม่แพ้คยูฮยอน เขารู้ดีว่าอานุภาพของสิ่งที่เรียกว่าความรักนั้นช่างร้ายกาจ มันทำให้ใครบางคนเลือกจะมีชีวิตอยู่และจบชีวิตได้โดยง่าย
ทงเฮเช็ดน้ำตาและบอกให้ตัวเองเข้มแข็ง
เขาฝืนใจพูดคำที่เขาเกลียดกลัวที่สุดในชีวิตก็เพื่อปกป้องคยูฮยอน แม้ทงเฮจะเกลียดการทำร้ายผู้อื่นและไม่เหมือนฮีชอลที่ยินดีกับการกำจัดคนทีขวางทาง แต่ครั้งนี้เขากลับเห็นว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ไม่มีทางใดอีกแล้วที่จะได้คยูฮยอนกลับคืนมาจากผู้กองคังอินนอกจากวิธีนี้ ทงเฮเชื่อว่าคยูฮยอนจะต้องปลอดภัย
เหมือนตอนที่เขาลั่นไกเพื่อช่วยชีวิตฮีชอล
TBC
รู้สึกผิดนะที่ไม่ได้มาอัพ แค่นี้แหละ อะฮึก T T
เขาฝืนใจพูดคำที่เขาเกลียดกลัวที่สุดในชีวิตก็เพื่อปกป้องคยูฮยอน แม้ทงเฮจะเกลียดการทำร้ายผู้อื่นและไม่เหมือนฮีชอลที่ยินดีกับการกำจัดคนทีขวางทาง แต่ครั้งนี้เขากลับเห็นว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ไม่มีทางใดอีกแล้วที่จะได้คยูฮยอนกลับคืนมาจากผู้กองคังอินนอกจากวิธีนี้ ทงเฮเชื่อว่าคยูฮยอนจะต้องปลอดภัย
เหมือนตอนที่เขาลั่นไกเพื่อช่วยชีวิตฮีชอล
TBC
รู้สึกผิดนะที่ไม่ได้มาอัพ แค่นี้แหละ อะฮึก T T
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น