คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [04] Reality & Visitor
“ไอ้คังอิน กูกลับมาแล้ว ซื้อของมาเยอะเลย”
เสียงของเพื่อนสนิทปลุกให้คังอินตื่นขึ้น เขาปรือตา แต่พอนึกได้ว่าก่อนที่จะหลับไปเขาภาวนาให้ทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน คังอินตื่นเต้น เขาหลับตาปี๋อีกรอบ นับ 1 2 3 แล้วจึงเปิดเปลือกตาขึ้น
‘ฝัน....................ร้ายน่ะสิวะ ตอนนี้ท้องเขาโตขึ้นกว่าเดิมอีก!!!!’
“นี่ๆ มีซุปไก่ รังนก ยาจีน แล้วก็น้ำมันปลา” ซีวอนเดินเข้ามาข้างเตียงแล้วนั่งแหมะลงบนพื้น หยิบของในถุงจากซูเปอร์มาร์เกตออกมากองทีละอย่าง “แล้วก็นี่...ชุดคลุมท้องระยะใกล้คลอด! สีเขียวด้วยนะเว้ย สีที่มึงชอบไง!”
คังอินทำหน้าเซ็งสุดขีด เขากลัวจนเลิกกลัว และตอนนี้กลับรู้สึกสมเพชในชะตาชีวิตของตัวเองแทน และยิ่งสมเพชหนักขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสนิทกระดี๊กระด๊าเลือกของให้เขา เหมือนว่ามันดีใจเหลือเกินที่จะได้เลี้ยงหลาน คังอินเหลือบมองชุดกระโปรงยาวสีเขียวอ่อนพร้อมกับลอบพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด แค่คิดว่าต้องใส่กระโปรงก็แทบทนไม่ได้แล้ว นี่ยังเป็นสีเขียวอีก
“มึงรีบเอาไปใส่เร็ว ห่อผ้าเช็ดตัวไว้แบบนี้เดี๋ยวลูกมึงอึดอัด” ซีวอนพูดพลางยื่นชุดคลุมให้คนที่นอนอยู่ แต่กลับถูกมองหน้า
“ตกลงมึงเป็นห่วงใครกันแน่วะเนี่ย อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ลูกกูสักหน่อย!”
“เฮ้ย! มึงพูดเบาๆ สิ ไม่กลัวลูกมึงอาละวาดเหรอ”
คังอินกลอกตาเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเพื่อน เขาจนใจจะพูดจึงเสียงอ่อยเต็มที “ย้ำอีกรอบนะ มัน...ไม่ใช่ลูกกู”
ซีวอนถอนหายใจเฮือก เขาโยนชุดคลุมท้องใส่หน้าฝ่ายนั้นและเริ่มเก็บของบนพื้นใส่ถุงตามเดิม คังอินคว้าชุดคลุมที่ปิดหน้าอยู่ และโยนกลับไป
“ตกลงว่ามึงจะไม่ใส่?” ซีวอนถามอีกครั้ง และคังอินก็เริ่มลังเล “ตกลงว่ามึงจะนุ่งผ้าเช็ดตัว...หรือมึงจะโป๊...หรือจะรอให้ท้องมึงยุบเอง...หรือจะ...”
“โอเคๆ กูใส่ก็ได้วะ! กูยอมแพ้!”
คังอินเอื้อมมือมาคว้าชุดไป เขาพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ยากลำบาก ซีวอนจึงช่วยพยุง และดึงให้ลุกขึ้นมาจนได้
“ไม่ต้อง!” คังอินสะบัดแขนออกเมื่ออีกฝ่ายดูตั้งใจจะพาเขาไปถึงห้องน้ำ
ซีวอนแค่ยักไหล่ และมองเพื่อนเดินอุ้ยอ้ายไปที่ประตูห้องน้ำ คังอินมองชุดสีเขียวที่ถือมาด้วยอีกรอบ ถึงทำใจไม่ได้ก็ไม่มีทางเลือก เพราะเขาไม่สามารถใส่ชุดไหนได้อีกนอกจากชุดนี้ และไม่ว่าจะหลับแล้วตื่นอีกกี่รอบ เขาก็ไม่ได้ฝันแน่นอน
หลายนาทีต่อมาคังอินแอบแง้มประตูและโผล่เพียงลูกกะตาออกมาพ้นประตูห้องน้ำ ซีวอนไม่อยู่ในห้องนอนแล้ว คงเอาของไปเก็บในครัว เขาจึงเดินออกมา และลังเลอย่างมากที่จะพิจารณาสภาพตัวเองในกระจก
“เป็นไงวะ”
จู่ๆ ซีวอนก็โผล่เข้ามา คังอินจึงตกใจ และพยายามหาที่ซ่อนตัวแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขายืนหลบตาคนตรงหน้าพลางอึกอัก ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้อย่างไรดี ซีวอนมองเขา ไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ
“ก็...ดูดีนี่หว่า”
“มึงไม่ต้องมาโกหก กูรู้สึกเหมือน...เหมือนดักแด้!” คังอินพูดออกมาอย่างเหลืออด ซีวอนฟังแล้วก็รู้สึกงงๆ ไม่รู้ว่าเพื่อนคับข้องใจอะไรกับชุดที่เขาซื้อมาให้นัก
“อะไรนะ ดักแด้?”
“ดักแด้อ้วนๆ ที่ห่อด้วยใบไม้สีเขียว...และอีกไม่นานก็จะมีผีเสื้อแหวกรังดักแด้ออกมา” คังอินบรรยายได้เห็นภาพ ซีวอนจึงเผลอทำหน้าสยดสยองโดยไม่ได้ตั้งใจ ถ้าจากที่เคยเห็นในหนัง...บางทีไอ้ตัวที่อยู่ในท้องเพื่อนเขาอาจจะมีปีกจริงๆ
“คือ...กูว่ามึงเปลี่ยนมาคิดเรื่องอะไรดีๆ ในชีวิตดีกว่า! อย่างเช่น...ลูกมึงอาจจะน่ารัก หน้าตาคล้ายมึง เป็นเด็กทารกปกติทั่วไป...”
“มันไม่ใช่ลูกกู...”
ซีวอนจ้องหน้าเพื่อนและเดินไปดึงเก้าอี้หมุนจากโต๊ะทำงานมาตั้งข้างๆ เขาฉุดให้รายนั้นนั่งลง และจึงกอดอก ยืนค้ำหัว
“ในฐานะที่กูเป็นเพื่อนสนิทมึง กูไม่ได้อยากจะเทศน์นะเว้ย แต่มันก็อดพูดไม่ได้” ว่าพลางคลายมือออก และเอื้อมมาหาคนที่นั่งอยู่
คังอินขมวดคิ้วมอง ขณะที่ซีวอนเริ่มเอานิ้วจิ้มพุงเขา
“นี่...” ซีวอนชี้ไปท้องป่องๆ ของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลจากการกระทำของมึง มึงควรจจะยอมรับว่ามึงนั่นแหละที่เป็นฝ่ายหาเรื่องใส่ตัว ถ้ามึงไม่หิ้วใครที่ไหนก็ไม่รู้มานอนด้วย...มึงจะท้องมั้ย”
“มึง...นี่กูท้องนะเว้ย ไม่ได้เป็นเอดส์! แล้วนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นตอนผู้ชายมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน!”
“ก็ถ้ามึงไม่นอนกับเค้า มึงก็จะไม่ท้องใช่มั้ยล่ะ”
คราวนี้คังอินเถียงไม่ออกแล้ว ทว่าก็ยังไม่อยากยอมรับ
“แต่...แต่กูว่า...กูแค่...ก็แค่...โธ่เว้ย!”
ซีวอนได้ทีจึงรีบสรุปอย่างเด็ดขาด “ใช่มั้ยล่ะ...งั้นมึงก็ควรจะต้องยอมรับความจริงว่านี่คือลูกมึง ถึงมึงจะไม่ได้ตั้งใจให้เค้าเกิดมาก็เถอะ”
คังอินกุมขมับ เขารู้สึกท้อแท้ที่จะต่อต้าน และเริ่มปลงกับชะตากรรมในขณะนี้ “ถ้ากูยอมรับแล้วจะมีผลอะไรวะ สุดท้ายกูก็ต้องตายอยู่ดี”
ซีวอนส่ายหน้าและจับไหล่เพื่อน “มึงห้ามพูดเรื่องตายอีก มันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ กูจะช่วยมึงเอง แต่มึงต้องให้ความร่วมมือด้วยนะเว้ย”
“ไปหาหมอใช่มั้ย กูไม่ไป!” คังอินพูดเสียงแข็ง
“แล้วมึงจะทำยังไง อยู่เฉยๆ ท้องมึงก็คงไม่ยุบเองหรอกนะ”
สุดท้ายคังอินก็ถอนหายใจยาว และหมุนเก้าอี้หนีไปอีกทาง ซีวอนเห็นดังนั้นจึงคิดว่าเขาควรจะออกไปข้างนอก ปล่อยให้เพื่อนได้มีเวลาคิด
“กูไปทำอะไรให้มึงกินดีกว่า...”
“กูไม่หิว”
“งั้นทำใส่ตู้เย็นไว้ มึงหิวเมื่อไหร่ก็ค่อยออกไปกิน”
เมื่อคังอินไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ซีวอนจึงเดินออกไปจากห้อง
พอทุกอย่างเงียบเชียบ คังอินก็ก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่ มองหน้าท้องที่ป่องออกมาจนน่าเกลียด ถ้าเขาจะตายก็คงเพราะทนสภาพตัวเองไม่ไหวจนต้องชิงฆ่าตัวตายก่อนที่ไอ้เจ้าตัวนี้จะฆ่าเขากระมัง
จริงๆ แล้วคิมยองอุนคิดมาตลอดว่า หากเลือกได้ก็อยากตายอย่างมีความสุข ได้นอนหนุนตักคนที่ตัวเองรักและจูบกันอย่างหวานชื่นเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนพระเอกในนิยายรักอมตะหลายๆ เรื่อง
แต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เขายังไม่เคยรู้จักความรัก ยังไม่มีคนที่รัก ฉากโศกนาฏกรรมในอุดมคติจึงไม่มีจริง ความจริงคือเขาต้องตายด้วยสภาพทุเรศ โดยมีเอเลี่ยนแหวกท้องออกมา เขาอาจจะอ้าปากค้างและเบิกตากว้างด้วยความตระหนกตอนที่เห็นหน้าตัวประหลาดนั่น พร้อมกับความเจ็บปวดตอนที่เลือดไหลทะลัก ไม่ก็พุ่งกระฉูดเหมือนท่อประปาแตก เอเลี่ยนตัวน้อยอาจจะทักทายเขาด้วยการงับหัว หรือไม่ก็ใช้ลิ้นแข็งๆ พุ่งเจาะกะโหลกเขาเหมือนในหนัง
‘แม่ง...สยองชะมัด’ แบบนี้ชิงตายก่อนน่าจะมีความสุขกว่า
คิดแล้วก็หันไปมองมีดคัตเตอร์บนโต๊ะอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนเก้าอี้ไปใกล้ และเอื้อมมือหยิบ
“มึงอยากกินไข่ดาวหรือว่าไข่ต้ม...”
ซีวอนพรวดพราดเข้ามาในห้อง คังอินจึงสะดุ้งรีบชักมือกลับ
“กูบอกกูไม่หิวไง”
ซีวอนมองดูก็รู้ว่าคังอินคิดจะทำอะไร เขารีบเดินเข้ามาแล้วเก็บคัตเตอร์ใส่ลิ้นชักโต๊ะที่มีกุญแจดอกเล็กเสียบคาอยู่ เขาจัดการล็อค แล้วก็ดึงกุญแจออกมา “มึงจะทำอะไร” คังอินถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นก็มีเสียงกดชักโครก เมื่อเดินออกมากุญแจก็ไม่อยู่ในมือเสียแล้ว เห็นอย่างนั้นคังอินจึงแค่นหัวเราะ “มึงทำอย่างกับวิธีฆ่าตัวตายมีอยู่วิธีเดียว กูมีทางเลือกอื่นนอกจากกรีดข้อมือหรือว่าปาดคอตัวเองโว้ย!”
“มึงเลือกที่จะไม่ตายก็ได้นี่หว่า ทำไมมึงต้องทำแบบนี้ด้วย”
ซีวอนตรงเข้ากระชากคอเสื้ออีกฝ่าย แต่เพราะเป็นชุดคลุมแบบคอปาด เมื่อถูกดึง ปลายกระโปรงจึงเลิกขึ้นเล็กน้อย คังอินร้องลั่นและรีบผลักซีวอนออก ก่อนจะรีบดึงกระโปรงลงปิดต้นขาตามเดิม
“เซ็กซี่เชียวนะมึง” ซีวอนหลุดขำ และอดไม่ได้ที่จะแซว
“มึงก็ลองมาใส่ชุดนี้สิ...”
“เอ่อ กูขอโทษ” ซีวอนรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาอาฆาตของเพื่อนสนิท “แต่...มึงก็ไม่ควรคิดสั้นฆ่าตัวตาย ออกไปกินข้าวกับกูดีกว่า แล้วค่อยช่วยกันคิดหาทาง ปัญหาทุกอย่างมีแก้ กูเชื่อว่ามึงต้องไม่เป็นอะไร...”
คังอินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเครียด
“กูกินอะไรไม่ลงหรอก ปล่อยกูไว้แบบนี้เถอะ”
“งั้นออกไปนั่งข้างนอกเป็นเพื่อนกูหน่อยก็ยังดี”
คังอินรู้ทัน จึงหัวเราะและพูดออกไปตรงๆ “นี่มึงกลัวว่ากูจะพยายามฆ่าตัวตายอีกล่ะสิ...กูจะไม่ทำแล้ว กูสัญญา”
“ออกไปนั่งข้างนอกเป็นเพื่อนกูหน่อย”
ซีวอนย้ำอีกครั้งโดยไม่สนใจคำสัญญาพล่อยๆ นั่น คังอินหลบสายตาเพื่อน จากนั้นก็ตัดสินใจลุกขึ้น ซีวอนเห็นว่าอีกฝ่ายลุกไม่ไหว จึงรีบเข้าไปช่วยพยุง “กูบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง! กูเดินเองได้”
“แต่มึงต้องระวังนะ”
“เออ!” คังอินสุดจะทน เขารีบเดินไปที่ประตู แต่ก็เกือบล้มหน้าคว่ำ ซีวอนถลาเข้ามา แต่เพราะเขายังทรงตัวได้ ฝ่ายนั้นจึงชะงักก่อนจะถึงตัว
คังอินหันมอง และส่งสายตาปราม เขายอมเดินแบบระมัดระวังมากขึ้น จนไปถึงโต๊ะอาหารในห้องครัว ก็คงดีกว่าจะทนทุเรศตัวเองที่ต้องให้เพื่อนคอยช่วย
“นี่...ซุปเห็ดร้อนๆ กูซื้อผงซุปมาเคี่ยวเองเลยนะ”
คังอินมองอาหารที่อีกฝ่ายวางลงตรงหน้า เขานึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน สงสัยว่าจะเป็นอาการปกติของคนท้องหรือไม่คงเพราะเห็นสภาพซุปเละๆ ตรงหน้า
“มึงกินเถอะ กูไม่หิวจริงๆ” คังอินไสชามกลับไป และนั่งมองท้องตัวเอง
“ตามใจ แต่กูหิวแล้วว่ะ งั้นกูกินก่อนแล้วกัน ถ้ามึงหิวก็รีบบอกกูเลยนะ อื้ม...อันนี้อร่อยมาก ไม่เคยกินอะไรอร่อยแบบนี้มาก่อนเลย” หลังจากตักอาหารเข้าปากไปคำแรก ซีวอนก็โฆษณาเกินจริงเผื่อเพื่อนจะอยากกินขึ้นมาบ้าง
คังอินเห็นความพยายามนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“มึงไม่ต้องสนใจกูก็ได้ ถามจริง...ทำไมไม่ปล่อยให้กูตายๆ ไปซะ กูไม่รู้จะทำยังไงแล้วเว้ย เรื่องแบบนี้มันไม่น่าเกิดขึ้นได้ กู...กูไม่รู้ว่ะ กูแค่ไม่เข้าใจ ถ้ามึงยอมให้กูฆ่าตัวตาย กูอาจจะทรมานน้อยกว่าตายตอนที่เอเลี่ยนนั่นแหวกท้องกูออกมา ว่าไง...ตกลงมั้ย”
ซีวอนนิ่งไปพักหนึ่งแล้วหลบตาลงส่ายหน้า คังอินจึงถาม
“ทำไม”
“ก็มึงเป็นเพื่อนกู...”
“เหมือนกูจะจำได้ว่ามึงกับกูเลิกคบกันแล้วตั้งแต่เมื่อวาน”
ซีวอนถือช้อนค้างไว้ในขณะที่เคี้ยวอาหารและกลืนลงคอไปอย่างยากลำบาก เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอาช้อนชี้หน้าเพื่อน “ใช่...กูขอเลิกคบกับมึง แต่ขอโทษเถอะ ถ้ามึงตกลงเลิกคบกับกูแล้ว...มึงโทรหากูทำไม”
“อะไรนะ” คังอินไม่เข้าใจ
“เพราะกูขอเลิกฝ่ายเดียว แต่มึงไม่ยอม มึงยังโทรหากูอยู่ ทุกอย่างก็เลยเป็นโมฆะ กูกับมึงก็เลยยังเป็นเพื่อนกันอยู่...”
“แต่มึงไม่เต็มใจ...ว่างั้น?”
“ก็เปล่า...” ซีวอนปฏิเสธเสียงอ่อยและเริ่มก้มลงกินข้าวต่อ คังอินนั่งมองอยู่ครู่หนึ่ง เขานึกสงสัยจึงถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“กูไม่เข้าใจว่ะ กูก็แค่เพื่อนที่มึงไม่อยากคบด้วยแล้วไม่ใช่รึไง แล้ว....ทำไมมึงต้องดีกับกูขนาดนี้ด้วย”
“เพราะยังไงก็เป็นเพื่อนกัน” ซีวอนตอบ
คังอินเงียบไปครู่หนึ่ง เขาแอบสังเกตท่าทางแปลกๆ ของคนตรงข้าม จากนั้นจึงแกล้งผิวปากแซวและพูดออกมา
“มึงแอบชอบกูล่ะสิ”
ซีวอนสำลักซุปออกมาทางจมูก แถมเผลอเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนทันที เขากำช้อนไว้แน่น พยายามจะคิดหาคำตอบที่ดีพอสำหรับสถานการณ์นี้ แต่เพราะสบตากันอยู่ เขาจึงคิดอะไรไม่ออก
“แหม...ก็ไม่ได้เกลียดนี่หว่า ถ้ากูไม่ชอบมึง...กูจะเป็นเพื่อนกับมึงได้เหรอ ชะ...ใช่มั้ยล่ะ...” เพราะคังอินนั่งจ้อง ความมั่นใจเลยลดลงกว่าครึ่ง ซีวอนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดจาตะกุกตะกัก ไม่เป็นธรรมชาติ
“กูล้อเล่นน่า!”
จู่ๆ คังอินก็โพล่งใส่ ซีวอนจึงสะดุ้งอีกรอบ
“กูรู้ว่ามึงไม่มีทางคิดอะไรกับกูหรอก มึงไม่ได้ชอบผู้ชายนี่หว่า” คังอินพูดพลางหัวเราะร่า เขาหยิบทิชชู่บนโต๊ะส่งให้ซีวอน “เอ้า! เช็ดซะ ซุปไหลออกมาจากจมูกมึงอีกแล้ว แม่งโครตทุเรศ”
พูดไปก็หัวเราะไป ซีวอนคว้าทิชชู่มา เขาลุกไปที่อ่างล่างจานแล้วเปิดน้ำล้างหน้า เมื่อหันกลับมาอีกที ไอ้คังอินก็ลุกจากเก้าอี้และเดินออกไปนั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่นแล้ว ซีวอนกลับมานั่งที่โต๊ะอย่างเดิม เขานั่งในตำแหน่งที่มองผ่านบานประตูแล้วเห็นอีกฝ่ายได้พอดี แต่ต้องคุยกันแบบกึ่งตะโกนพอสมควร
“แล้วนี่มึงจะยอมไปหาหมอมั้ย ก็มีเท่านี้แหละที่กูพอจะช่วยมึงได้”
คังอินหันมาสบตาเพื่อนและส่ายหน้าดิก
“กูไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ว่ะ เดี๋ยวจะพากันแตกตื่นหมด มึงก็รู้ว่านี่มันเป็นเรื่องแปลกสุดๆ คงไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นไปได้หรอก”
“แต่ก็ดีกว่าให้แตกตื่นกันตอนที่เอเลี่ยนนั่นออกมาแล้วนะเว้ย”
คังอินหันหลบสายตาซีวอนด้วยท่าทางหงุดหงิด “ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่มีทางอื่น! มึงน่าจะให้กูตายๆ ไปซะ แล้วจะได้จบเรื่องกัน!”
ซีวอนรีบวางช้อนและลุกออกมาที่ห้องนั่งเล่น เขามองคังอินที่หลบสายตาไปอีกรอบ เรื่องแบบนี้เป็นใครก็ต้องเครียดและสับสน
เขาเองในฐานะเพื่อนสนิทก็มืดแปดด้านไม่แพ้กัน ทว่าเขาจะไม่ยอมแพ้!
“ไอ้คังอิน...กูก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกนะเว้ย แต่กูว่าหมอบางคนอาจจะรู้ก็ได้ เค้าจะบอกมึงได้ว่าควรทำยังไงต่อไป มึงแน่ใจเหรอว่าถ้ามึงฆ่าตัวตายแล้ว ลูกมึงจะตายตามไปด้วย ไม่ออกมาสร้างปัญหา”
คังอินแค่นหัวเราะและเบะปากใส่ “จะตายหรือไม่ตายก็ช่างหัวมันสิวะ! หลังจากกูตายไป...กูก็ไม่ต้องรับรู้อะไรแล้ว”
“เห็นแก่ตัว...”
“อะไรนะ” คังอินสวนอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
ซีวอนเม้มริมฝีปากและมองคนตรงหน้าอย่างเย็นชา เขาเดินกลับเข้าไปในครัว และหยิบมีดออกมา โยนเคร้งลงบนโต๊ะหน้าโซฟา
คังอินสะดุ้งเฮือก มองมีดอย่างหวาดๆ
“เอ้า! จะทำอะไรก็ทำ กูแนะนำว่ากระซวกท้องก่อน ปักมีดลึกๆ เลยนะ แล้วก็ค่อยๆ คว้านแบบทำฮาราคีรี เคยเห็นในหนังใช่มั้ย เอาแบบนั้นแหละ! ต้องให้แน่ใจว่าลูกมึงถูกแทงเละแล้ว...มึงค่อยตายนะ รีบๆ ทำ กูจะได้รีบไปสารภาพบาป”
คังอินกลืนน้ำลายลงคอ และจ้องมีดเล่มนั้นสลับกับเพื่อนที่ยืนอยู่ เผื่อมันจะเกิดหน้ามืด หยิบมีดมากระซวกท้องเขาเสียเอง “เดี๋ยวนะ...คือ...”
“ลังเลอะไรอีกล่ะ เมื่อกี๊ยังบอกว่าอยากจะตาย เอาดิ! กูยอมแล้ว!”
“โธ่! มีวิธีที่ตายแบบไม่เจ็บมั้ยวะ” คังอินมองหน้าเพื่อนแล้วเริ่มโอดครวญ
“แล้วมีวิธีที่มึงจะตาย แต่กูไม่เจ็บบ้างมั้ยวะ”
เมื่อซีวอนถามกลับ คังอินก็นิ่งไป เขาไม่ค่อยเข้าใจนักในทีแรก แต่พอสบตากันครู่หนึ่ง เขาก็พอจะรู้สึกได้ ซีวอนมองเขาอย่างเจ็บปวด และเมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจดีแล้ว...ก็รีบฉวยมีดเล่มนั้นคืนไป
“มึงเลิกพูดว่าอยากตายซะทีเถอะ”
คังอินหลบตาลง และไม่นานก็แกล้งหัวเราะออกมา “กูก็ไม่ได้อยากตายขนาดนั้น มึงจริงจังไปได้ กูแค่...หงุดหงิดเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี มึงเข้าใจมั้ย กูก็อยากจะคิดว่าตัวเองฝันไป ตื่นมาพรุ่งนี้ทุกอย่างมันก็อาจจะเป็นแค่ฝันบ้าบอที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง กูอาจจะไม่ได้ไปเที่ยวผับ ไม่เจอเด็กคนนั้น ไม่ได้มีอะไรกับเค้าและเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ไม่ว่ากูจะตบหน้าตัวเองอีกกี่รอบ กูก็รู้ว่ากูไม่ได้ฝัน”
ขอบตาร้อนผ่าว และน้ำตาก็ไหลออกมาเอง ต่อให้ต้องเจอเรื่องแย่ๆ ในชีวิตครั้งไหนก็ไม่จนปัญญาจะแก้เท่าครั้งนี้ เขาไม่รู้จะรับมือกับเรื่องเหนือธรรมชาตินี้อย่างไร ไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ และยิ่งซีวอนทำดีกับเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิด
ซีวอนตกใจที่เห็นเพื่อนร้องไห้ เขารีบวางมีดไว้บนโต๊ะ และเดินเข้าไป กะจะปลอบ “มึง...อย่าร้องสิวะ ถึงมึงจะท้องได้เหมือนผู้หญิง แต่มึงก็ไม่จำเป็นต้องร้องไห้งอแงเหมือนพวกผู้หญิงนี่หว่า”
คังอินไม่คิดว่านั่นคือคำปลอบใจ เขาโมโหแล้วสวนกลับทันที “แล้วผู้ชายร้องไห้ไม่ได้เหรอวะ ทีเมื่อวานมึงยังร้องเลย!”
“เฮ้ย! กูไม่ได้ร้อง”
“มึงคงโกรธมากที่กูทิ้งคยูฮยอน แล้วตอนนี้สะใจรึยัง กูต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกทิ้งให้อยู่กับปัญหาใหญ่...ใหญ่มาก!” คังอินเอาศอกทั้งสองวางบนท้องตัวเอง แล้วซบหน้าลงกับฝ่ามืออีกที เขาเริ่มปล่อยโฮ
ซีวอนลนลานและทำอะไรไม่ถูก เขาชั่งใจอยู่นาน ก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆ และเอื้อมมือไปโอบไหล่เพื่อน
“มันต้องมีทางออกสิน่า! กูจะอยู่กับมึง ช่วยมึงทุกอย่าง มึงไม่ต้องกังวล”
คังอินสูดจมูก รีบยกมือปาดน้ำตา น่าอายชะมัดที่ทำตัวอ่อนแอขนาดนี้ และน่าสมเพชที่ต้องให้เพื่อนมาปลอบเหมือนเด็กๆ เพราะฉะนั้นเขาต้องเข้มแข็งไว้
“เออ! กูไม่เป็นไรหรอก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
“ใช่! กูดีใจที่มึงคิดได้แบบนี้ แต่มึงก็ต้องทำอะไรสักอย่างด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องมันเลวร้ายโดยที่ไม่พยายามทำอะไรเลย” ซีวอนย้ำอีกครั้ง และพูดรีบรวบรัดพาวกเข้าเรื่องเดิม “เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปหาหมอกัน...”
คังอินถอนหายใจ และเบือนหน้าหนี เขากำลังคิด แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
“ใครมาวะ” คังอินนึกสงสัย ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะเป็นคยูฮยอน
“เดี๋ยวกูไปดูก่อนนะ” ซีวอนลุกขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ และมองไปที่ประตู เขาเองก็เกิดหวั่นใจว่าถ้าคนที่อยู่หน้าประตูคือโจคยูฮยอน เขาทั้งสองจะทำอย่างไร
แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก ซีวอนสูดหายใจลึกๆ ก่อนเดินไปที่ประตู เขาค่อยๆ ลอบมองลอดทางตาแมว เมื่อเห็นร่างที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาก็เบิกตากว้างและรีบหันหลังให้ประตูด้วยท่าทางตื่นตระหนก คังอินเองก็พลอยตกใจไปด้วย
“ใคร? ทำไมมึงต้องตกใจขนาดนั้น คยูฮยอนเหรอ! เค้ากลับมาเหรอวะ!”
“คือ...” ซีวอนอ้ำอึ้ง จริงๆ ก็ไม่ใช่อย่างที่คังอินและไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่จะให้บอกได้อย่างไรล่ะว่าคนที่อยู่ตรงนั้น ก็คือ ‘ผู้ชายที่พวกเขาเคยเจอในผับ’
“แล้วนี่จะทำยังไงดีวะ!”
คังอินตระหนกไปอีกคน ซีวอนจึงต้องรีบอธิบาย
“เปล่าๆ ไม่ใช่โจคยูฮยอน คือ...เป็นคนอื่นน่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาทำไม แต่ถ้านี่เป็นห้องมึง เค้าก็คงต้องมาหามึงนั่นแหละ แต่...”
“อ้าวเหรอ งั้นก็เปิดสิ แต่บอกว่ากูไม่อยู่นะ”
“อ้าว...คุณ?”
ทันทีที่สบตากัน กลายเป็นผู้มาเยือนที่ต้องอุทานด้วยความแปลกใจ!
ความคิดเห็น