คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [01] I will survive
เสียงดนตรีในผับดังกระหึ่ม ซีวอนพยายามนั่งตัวลีบติดโซฟาเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ เขาเกลียดที่นี่ เกลียดผับที่มีแต่ผู้ชาย แถมยังเป็นพวกที่ชอบผู้ชายด้วยกัน เกลียดเวลาหันไปเจอผู้ชายสองคนยืนจูบกัน หรือผู้ชายสามคนนัวเนียกัน เกลียดสายตาแทะโลม เกลียดเวลาปวดฉี่เพราะไม่กล้าลุกไปเข้าห้องน้ำ เกลียดไอ้คังอินเพราะมันทิ้งเขาไว้ที่โต๊ะ เกลียดกลิ่นน้ำหอมหวานๆ เกลียดเด็กผู้ชายใส่กางเกงขาสั้น เกลียดเพลงแดนซ์สไตล์คลับบาบิโลน เกลียดเพลง I will survive!
First I was afraid
I was petrified
อีกแล้ว...
Kept thinking I could never live without you by my side
คังอินเหลือบตามองคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่มุมโซฟา เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ซีวอนหันมาทันเห็นรอยยิ้มนั้นพอดี เขาจึงขมวดคิ้ว
“มึงยิ้มทำไมวะ”
“เปล่า...” คังอินตอบห้วนๆ จากนั้นก็แกล้งมองไปทางอื่น
ซีวอนชักไม่แน่ใจและเริ่มร้อนตัวขึ้นมาก่อน
“เพราะมึงนั่นแหละ กูบอกว่าไม่ชอบ ไม่อยากมา มึงก็บังคับ”
“ไม่ชอบแต่ก็ไม่จำเป็นต้องนั่งกระสับกระส่ายตอนเพลง I will survive เลยนี่หว่า มึงอยากเต้นก็บอกกูมาเถอะ”
“ไอ้!” ซีวอนคว้าแก้วเหล้าบนโต๊ะ กะเขวี้ยงใส่หัวคนข้างๆ ถ้ายังไม่หยุดปากหมา คังอินรีบลุกจากที่นั่ง ถือแก้วเหล้าหนีไปด้วย
“กูไปเล็งเด็กก่อน มึงนั่งฟัง I will survive ไปเรื่อยๆ แล้วกัน แต่ถ้าอยากลุกขึ้นเต้นล่ะก็...ออกไปกลางฟลอร์ได้นะเว้ย”
“มึงจะไปไหนก็ไป!”
คังอินหัวเราะร่าแล้วเดินหายไปท่ามกลางกลุ่มคนที่มาเที่ยว ซีวอนวางแก้วลงบนโต๊ะตามเดิม เขานึกหงุดหงิดที่โดนแซว ไอ้คังอินมันไม่เคยสำนึกบุญคุณ นี่เขายอมมาด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว จะกลับเดี๋ยวนี้ก็กลับได้ แต่แค่ไม่กลับเท่านั้นเอง
“สวัสดี ครับ”
เสียงหนึ่งเอ่ยทักในระยะใกล้ ซีวอนเงยหน้ามอง และเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งถือแก้วค็อกเทลยืนค้ำหัวเขาอยู่
“สวัสดีครับ...” เขาตอบตามมารยาท
“ดื่มนี่สิครับ จะได้ใจเย็นลง”
“เอ่อ...ครับ... เอ้ย! ไม่ครับ ขอบคุณ” ซีวอนทำหน้าเลิ่กลั่ก แต่อีกฝ่ายไม่ยอมถอย กลับเบียดตัวนั่งลงข้างๆ ซีวอนขยับหนีตามสัญชาตญาณ ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองคงหน้าซีดจนแทบขาวเป็นกระดาษ
ฝ่ายนั้นรีบทำความรู้จักโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดปฏิเสธ "ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อแทคยอน แล้วคุณชื่ออะไร"
จะไม่ตอบก็ดูไร้มารยาทเกินไปเพราะอีกฝ่ายแนะนำตัวแล้ว
"ซีวอนครับ ชเวซีวอน"
“เอ...แล้วคุณซีวอนทะเลาะกับแฟนเหรอครับ”
“หา?” ซีวอนงง
“ก็เมื่อกี๊ไง...ท่าเขวี้ยงแก้วได้ใจผมมากเลย”
ซีวอนหลุดขำออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็รีบส่ายหน้า “ไม่ ใช่แฟนหรอกครับ ผมกับมันเป็นแค่เพื่อนกัน”
“ตอบเหมือนดาราเลยนะ” ฝ่ายนั้นแซว
ซีวอนหัวเราะฝืดๆ เขามองแก้วค็อกเทลที่อีกฝ่ายยื่นมาตรงหน้า
“เอ่อ...ผม ไม่ดื่มดีกว่า ขอบคุณมากนะครับ แล้วถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณจนเกินไป ผมอยากนั่งคนเดียวระหว่างที่...รอเพื่อน”
“ผมไม่ได้ใส่อะไรลงไปในนี้หรอกนะ ถ้าคุณเชื่อใจผม...ผมแค่อยากเลี้ยงเครื่องดื่มคุณ แล้วก็อยากนั่งดื่มเป็นเพื่อนคุณด้วยก็เท่านั้น”
อีกฝ่ายสุภาพขนาดนี้ ใครจะกล้าออกปากไล่ ซีวอนสบตาคนข้างๆ แล้วเอื้อมมือไปรับแก้วมาเพื่อไม่ให้ดูไร้มารยาทเกินไป
“เอ่อ ขอบคุณนะครับ ผมไม่ได้ระแวงอะไรหรอก แต่...”
แววตาที่แสนจริงใจทำให้เขาไม่กล้าปฏิเสธ สาบานว่าไม่ได้หวั่นไหว แต่ดูแล้วผู้ชายตรงหน้าคงไม่ได้ ประสงค์ร้ายกับเขาหรอก แค่ค็อกเทลแก้วเดียว...กลิ่นแอลกอฮอล์ก็ไม่ได้แรงมากนัก
‘เอาวะ...ดื่มๆ ไปแล้วกัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ’
ซีวอนพิจารณาอยู่อีกครู่หนึ่งแล้วจึงลองจิบ จนรู้สึกได้ถึงรสชาติหวานปนขมของค็อกเทลแก้วนั้น คนด้านข้างนั่งมองเขา แล้วเอ่ยปากถาม
“เป็นไงครับ รสชาติของความรัก”
คำพูดของฝ่ายนั้นทำให้ซีวอนแทบสำลัก แต่แล้วเขาก็หัวเราะ “นี่คุณพูดแบบนี้กับคนที่เพิ่งเจอครั้งแรกเหรอ เลี่ยนชะมัด”
“หรือคุณว่ามันไม่จริงล่ะ”
ซีวอนชะงัก เขาหลบตาผู้ชายคนนั้น และครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง พักหนึ่งเขาก็ยกค็อกเทลขึ้นจิบอีกครั้ง พร้อมทั้งตัดสินใจเริ่มต้นการสนทนาครั้งใหม่
“แล้วคุณแทคยอนมาเที่ยวที่นี่บ่อยมั้ยครับ” ซีวอนถามพลางหันไปสบตาฝ่ายนั้น
แล้วยิ้ม
เสียงเพลงเปลี่ยนเป็นจังหวะช้า คังอินเดินจิบเหล้าเรื่อยเปื่อย แต่สายตาแอบสังเกตเด็กหนุ่มน่ารักที่อยู่บริเวณนั้น หลายคนต้องตาเขา แต่ยังไม่ต้องใจเสียทีเดียว เขามาหยุดพิงเคาน์เตอร์บาร์และมองออกไปกลางฟลอร์ กวาดสายตาไปเรื่อยๆ กระทั่งสะดุดเข้ากับร่างหนึ่งที่กำลังขยับตามจังหวะเพลงช้าๆ อย่างเคอะเขิน แม้ดูแวบแรกจะเป็นคนที่ไม่น่าสนใจอะไร แต่กลับตรงสเปคเขาได้อย่างเหลือเชื่อ
สายตา รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ช่างดูน่ารักและไร้เดียงสา
คังอินประเมินด้วยสายตาคร่าวๆ เขาแน่ใจว่าเด็กคนนั้นคงมากับกลุ่มเพื่อน และคงยังไม่มีเจ้าของอย่างเป็นทางการ คังอินเห็นว่าสายตาอีกหลายคู่จากคนรอบๆ ก็เล็งเด็กหนุ่มเป็นเป้าหมายอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเขาจะมัวช้าไม่ได้
คังอินกระดิกนิ้วลงบนแก้วเหล้าของตัวเองอย่างใช้ความคิด เขาพยายามหาวิธีที่จะเข้าไปทำความรู้จัก แต่เพราะตอนนี้ร่างบางยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน เขาคงเข้าไปได้ยาก คนอื่นที่เล็งอยู่ก็คงคิดอย่างนั้น
แต่จู่ๆ เป้าหมายของเขาก็เคลื่อนไหว ผละออกมาจากกลุ่ม และเดินตรงมาหาเขา คังอินยืนนิ่ง ใจเต้นเบาๆ ขณะอีกฝ่ายก้าวเข้ามาใกล้ เขาเห็นใบหน้านั้นชัดขึ้นตามลำดับ ใบหน้าน่ารักไร้ที่ติ
เด็กหนุ่มเดินผ่านเขาไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ คังอินผ่อนลมหายใจ และเหลือบมองไปด้านข้าง ฝ่ายนั้นยืนอยู่ไม่ห่างจากเขานัก และกำลังดูเมนูเครื่องดื่ม น่าหงุดหงิดที่ตอนนี้เขามองเด็กหนุ่มเต็มตาไม่ได้ เพราะต้องคอยปะทะสายตากันท่าคู่แข่งรายอื่นที่ทำท่าจะข้ามเขตเข้ามาเสียหลายคน
“ขอเอเวอร์กรีนครับ”
นอกจากจะน่ารักแล้ว ยังสั่งเครื่องดื่มได้ไร้เดียงสาถูกใจเขาเสียด้วย คังอินอดใจไม่ไหว แอบไล่สายตาไปตามเรือนร่างของเด็กหนุ่ม หยุดที่สะโพกและบั้นท้าย เขายกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก กระดกเหล้าอึกสุดท้ายจนหมด
บาร์เทนเดอร์ส่งแก้วค็อกเทลให้กับร่างบาง รายนั้นเปิดกระเป๋าตังค์ จ่ายเงิน และคว้าแก้วจะเดินกลับไปที่กลางฟลอร์ จังหวะที่หมุนตัวออกมาจากเคาน์เตอร์ คังอินก็แวบแผนการตีสนิทขึ้นมาได้ในวินาทีนั้น
เขาก้าวเท้าสวนกับร่างที่หมุนตัวออกมา และวินาทีนั้น...ทั้งคู่ก็เดินชนกัน
ค็อกเทลสีเขียวหกรดเสื้อของคังอิน เด็กหนุ่มถือแก้วเปล่าค้างไว้ท่าเดิม ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ คังอินแกล้งก้มมองเสื้ออย่างอารมณ์เสีย และฝ่ายนั้นก็หน้าซีดเมื่อเห็นสีหน้าที่เขาแกล้งทำ
“ขะ...ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
คังอินแอบยิ้มกับท่าทางร้อนรนของอีกฝ่าย เขาแสร้งพึมพำเบาๆ
“ซุ่มซ่ามชะมัด”
“ครับ ใช่ครับ ผมยอมรับผิด ถ้ายังไง...ให้ผมจ่ายค่าซักรีดให้คุณนะ” ร่างบางเปิดกระเป๋าตังค์อย่างรีบร้อน
“แล้ววันนี้ฉันก็ต้องใส่เสื้อเปื้อนๆ เหม็นกลิ่นแอลกอฮอล์กลับบ้านเหรอ?”
เด็กหนุ่มชะงัก สีหน้ากระวนกระวายมากกว่าเดิม
“แล้ว...แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ”
คังอินยกยิ้ม เขาปรายตามองไปที่เสื้อเชิ้ตสีขาวบางของอีกฝ่ายและพูดลองเชิง “ถอดเสื้อนายมาให้ฉันใส่สิ เรา...แลกเสื้อกันใส่น่ะ เข้าใจมั้ย”
“เอ่อ...” ฝ่ายนั้นก้มลงมองเสื้อตัวเอง และมองขนาดตัวของคังอิน “แต่คุณจะใส่เสื้อผมได้เหรอครับ”
คังอินแทบหลุดขำ นี่ถ้าเขากับเด็กหนุ่มขนาดตัวพอๆ กัน รายนั้นคงกุลีกุจอถอดเปลี่ยนให้เขาตรงนี้เลยกระมัง
“ฉันพูดเล่นน่ะ ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ”
เสียงเพลงเปลี่ยนเป็นเพลงเร็ว และเปิดกระหึ่ม คังอินรู้สึกว่าวันนี้โชคเข้าข้างเขาเสียเหลือเกิน ว่าแล้วก็พูดอะไรบางอย่างออกไป แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ยิน เขาจึงต้องก้มลงกระซิบ
“นายชื่ออะไรเหรอ”
เด็กหนุ่มมีปฏิกิริยากับลมหายใจอุ่นๆ ของเขา ก่อนจะกระซิบตอบ
“โจคยูฮยอนครับ แล้วคุณ...”
เพราะเพลงดังจนระดับเสียงพูดคุยในระยะปกติใช้การไม่ได้ การสนทนาแบบแนบชิดจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับที่นี่
“คิมยองอุน...เรียกพี่คังอินก็ได้”
คยูฮยอนพยักหน้า และผละออก เขาหันไปมองกลุ่มเพื่อน คังอินรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายหาเรื่องจะปลีกตัวออกไป ขณะนั้นสายตาคมบังเอิญเหลือบลงเห็นแก้วเปล่าในมือของเด็กหนุ่ม
“ฉันซื้อให้นายใหม่อีกแก้วดีกว่านะ”
คังอินคว้าแก้วไปวางบนเคาน์เตอร์ กวักมือสั่งบาร์เทนเดอร์เสร็จสรรพ คยูฮยอนร้องห้าม แต่คังอินก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“ผมทำเสื้อคุณเลอะ ผมน่าจะเป็นคนจ่าย...”
“ว่าไงนะ” คังอินเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ทำเอาร่างบางชะงัก เมื่อรู้ตัวว่าหน้าแดง คยูฮยอนก็หลบตาเขา และส่ายหน้าแทนคำตอบ คังอินลอบยิ้ม เขาวางแผน พยายามชวนคุยระหว่างที่รอค็อกเทล
“มาเที่ยวที่นี่บ่อยมั้ย”
“ครับ?” เด็กหนุ่มได้ยินไม่ถนัด จึงขยับเข้ามาใกล้ คังอินก้มลงกระซิบอีกที
“คยูฮยอนมาเที่ยวที่นี่บ่อยมั้ยครับ?”
“อ่อ...ไม่หรอกครับ เพิ่งมาครั้งแรก พอดีเพื่อนๆ ชวนมา”
“มากับเพื่อน...แล้วแฟนไม่มาด้วยเหรอครับ” คังอินแกล้งถาม
คยูฮยอนยิ้มเล็กน้อย และส่ายหน้า “ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับ เอ่อ...ว่าแต่พี่คังอิน...มากับแฟนรึเปล่าครับ”
“เปล่า คือ...เราเพิ่งเลิกกันวันนี้เอง” คังอินตีหน้าเศร้า
“เอ๋?” เด็กหนุ่มทำหน้าสงสัย ทีแรกก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรถาม แต่สุดท้ายก็อยากรู้อยู่ดี “ทำไมถึงเลิกกันล่ะครับ”
บาร์เทนเดอร์ชงค็อกเทลเสร็จพอดี คังอินจึงหันไปจ่ายเงิน เขาหยิบ เอเวอร์กรีนแก้วนั้นส่งให้ร่างบาง
“ฉันโดนทิ้งน่ะ...”
“...”
“เชื่อมั้ยล่ะ”
ร่างบางส่ายหน้า คังอินจึงหัวเราะ ไม่นานทั้งสองก็หัวเราะไปด้วยกัน
“แล้ว...ความจริงคืออะไรล่ะครับ?”
คยูแกล้งถามลองเชิง คังอินจึงวางฟอร์ม ตอบแบบมีหลักการ
“ฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้ชอบเขาจริงจังน่ะ เพราะว่าไม่เคยได้สบตาแวบแรกแล้วประทับใจ ไม่ได้เห็นรอยยิ้มแล้วรู้สึกใจสั่น...แบบนี้” เขาจงใจสบตาคยูฮยอน และมันก็ได้ผลเมื่อความหมายนั้นส่งไปถึงเด็กหนุ่ม
“เหรอ...เหรอครับ ผม...เอ่อ...คือว่าต้องไปแล้วล่ะครับ เพื่อนๆ รออยู่”
ท่าทางขัดเขินชัดเจนของฝ่ายนั้นทำให้คังอินวางใจ เขาพยักหน้า และยอมปล่อยให้คยูฮยอนกลับไปหาเพื่อนๆ
เด็กหนุ่มมองเสื้อที่เลอะเอเวอร์กรีนเพราะฝีมือตัวเองอีกรอบ
“แล้วเสื้อของพี่คังอิน...”
“ช่างมันเถอะ อย่าคิดมากน่า”
คังอินบอกปัดแล้วแกล้งเดินหนีไปก่อน คยูฮยอนมองตามอย่างสนใจ ทั้งที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก แต่เขากลับรู้สึกประทับใจอย่างประหลาด
ราวกับว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่เขาตามหามาตลอด...เป็นคนที่เขาอยากรักและผูกพันไปจนตลอดชีวิต เด็กหนุ่มมองตามคังอินจนลับสายตา ก่อนจะยกแก้ว เอเวอร์กรีนขึ้นจิบด้วยรอยยิ้ม
คังอินเดินกลับมาที่โต๊ะ เขาแปลกใจที่เห็นซีวอนนั่งดื่มอยู่กับผู้ชายอีกคน คุยกันท่าทางสนิทสนม
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอวะ”
ไหนจะคำทักทายแบบร่าเริง ผิดวิสัยเพื่อนสนิทขี้โวยวาย ผู้ชายข้างๆ เลิกคิ้วใส่คังอิน และยกแก้วเหล้าขึ้นจิบโดยไม่สนใจว่าที่ๆ นั่งอยู่จะเป็นของใคร
“ขอโทษนะ คุณเป็นใคร”
“ผมเหรอ” รายนั้นหันมายิ้มกวนๆ “ผมก็เป็นคนที่ใส่ใจดูแลแฟนคุณ ตอนคุณทิ้งเขาไว้ที่โต๊ะคนเดียวน่ะสิ”
คังอินทำหน้างง เขายกนิ้วชี้หน้าตัวเอง และชี้หน้าซีวอน สลับไปมา
“เฮ้ย...กูบอกเค้าแล้วนะเว้ย ว่ากูกับมึงไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เค้าไม่เชื่อ กูจนใจจะพูด” ซีวอนรีบแก้ตัวแล้วหันไปจิบค็อกเทลต่อ คังอินเหลือบตาลงมอง เขาตัดสินใจฉวยแก้วออกมาจากมือเพื่อน และทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
“โอเค! ในเมื่อแฟนกลับมาแล้วก็ไล่ผู้ชายคนอื่นไปซะสิ”
คังอินเอื้อมมือโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของ ซีวอนหันขวับมามองเขา ทีแรกก็ตกใจ แต่พอได้สติก็ถลึงตาใส่
เมื่อเห็นซีวอนอึกอัก ผู้ชายที่นั่งข้างๆ ก็ยักไหล่แล้วยอมลุกออกไปโดยดี
“ดีใจที่ได้คุยกันนะครับ เสียดายที่คุณไม่ยอมให้เบอร์ผม ถ้าเลิกกับแฟนเมื่อไหร่ ก็มาที่นี่ได้นะ ผมมาบ่อย คงได้เจอกัน”
“ไปเลยไป!”
คังอินพูดเสียงแข็ง รายนั้นจึงชะงัก และกระตุกยิ้มใส่ก่อนเดินจากไป
พอขจัดคนนอกออกไปได้แล้ว คังอินก็หันขวับไปมองซีวอนทันที
“อะไร...กูไม่รู้เรื่อง” ซีวอนหันหน้าหนีตามฟอร์ม
“นี่กูแซวเรื่อง I will survive หน่อยเดียว มึงเอาจริงเลยเหรอวะ พอๆ มึงไม่ต้องพยายามแอ๊บเกย์ประชดกู ไม่เข้ากับมึงโครตๆ” คังอินตีหน้าเครียด แล้วยกแก้วค็อกเทลในมือขึ้นดื่ม เขาเพิ่งรู้สึกแปลกๆ ก็ตอนที่หันไปมองอีกทีเพราะเห็น ซีวอนนั่งเงียบ ไม่โวยวายใส่เขาเหมือนเคย
“เป็นอะไรวะ”
“เมา...” ซีวอนตอบ
คังอินรีบหันแหวใส่ทันที “เฮ้ย! ไม่ได้ มึงอย่าเพิ่งเมา เดี๋ยวมึงต้องช่วยทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กูเหมือนเดิมไง!”
ซีวอนหันมาสบตาเพื่อน สีหน้าเซ็งสุดขีด “อะไร...นี่มึงเจอเหยื่อแล้วเหรอ”
“อย่าเรียกอย่างนั้นสิ เอาเป็นว่า เจอคนถูกใจดีกว่า ใช่...คนนี้น่ารักโคตรๆ กูไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือ”
คังอินยกแก้วขึ้นดื่ม พลางทอดสายตาออกไปยังมุมหนึ่งของแดนซ์ฟลอร์ ซีวอนมองตาม เขาเดาสเปคของเพื่อนได้ไม่ยาก จึงรู้ทันทีว่าคังอินกำลังเล็งคนไหน
“ชื่ออะไร” เขาถาม
“โจคยูฮยอน”
ซีวอนรีบซักต่อ “อายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน”
“กูไม่ได้ถาม”
กลุ่มเด็กหนุ่มตรงนั้นพากันเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด หายลับไปจากสายตาของทั้งคู่ คังอินชะเง้อมองและเม้มริมฝีปากอย่างมีแผน
“แล้วนี่มึงไปอาบเหล้าที่ไหนมา”
ซีวอนทำหน้ายู่เมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ และเห็นว่าเสื้อที่คังอินใส่อยู่มีรอยเปียก อีกฝ่ายหันมายิ้มแล้วเลิกคิ้ว
“แผนเข้าหาเหยื่อไง...”
คำตอบนั้นทำเอาซีวอนแค่นหัวเราะ “อย่าบอกนะว่ามึงแกล้งเดินชนเค้า”
“ก็เออสิวะ อะ...เอานี่ไป!” คังอินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วยัดใส่มือเพื่อน อีกทั้งขยิบตาให้เป็นของแถม “ต่อจากนี้เป็นหน้าที่มึง เอาแบบทุกครั้งนะเว้ย แต่ครั้งนี้เล่นให้เนียนๆ หน่อย อย่าให้พลาดเชียว”
ซีวอนมองหน้าอีกฝ่ายและลุกออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก เขาเดินตรงไปที่โต๊ะของเป้าหมาย และซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในมือที่ทำท่าไพล่หลัง
‘ก็แค่ทำให้จบๆ ไป ฝืนใจทำ...เพื่อความสุขของไอ้เพื่อนตัวดี’
“โจคยูฮยอนใช่มั้ยครับ”
เขามองจนแน่ใจ และเอ่ยทักเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่นั่งจิบค็อกเทลอยู่ รายนั้นพยักหน้าอย่างงงๆ ซีวอนจึงยิ้มแล้วเริ่มแนะนำตัว
“ผมชื่อชเวซีวอน เป็นคนขับรถของคุณคิมยองอุนครับ”
คยูฮยอนอ้าปากค้าง จากนั้นก็หน้าแดงเรื่อ กลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่จึงพากันแซวไม่หยุด เด็กหนุ่มทำตัวไม่ถูกจึงยิ้มเจื่อนๆ ตอบเขา แล้วเริ่มพูดอย่างระมัดระวัง
“เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ไม่ทราบว่า...พี่คังอินเปลี่ยนใจ ให้คุณซีวอนมาตามทวงค่าซักรีดจากผมใช่มั้ยครับ”
หากคยูฮยอนจะแกล้งถาม แววตาและรอยยิ้มก็คงจะติดเจ้าเล่ห์ให้เห็นบ้าง แต่เมื่อประเมินคร่าวๆ แล้วซีวอนก็รู้สึกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าแค่ถามออกมาซื่อๆ ราวกับอยากจ่ายค่าเสียหายให้เพื่อนเขาเสียเหลือเกิน
“ก็ใช่ครับ มูลค่าทั้งหมดก็...ราวๆ เลขสิบหลัก”
ซีวอนแกล้งพูด อีกฝ่ายจึงหน้าเสีย
“เสื้อของพี่คังอิน...แพงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
ซีวอนหัวเราะในความไร้เดียงสาของคยูฮยอน เขาคลายมือที่ไพล่กันอยู่ด้านหลัง แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นให้
“หมายถึงเบอร์โทรฯ สิบหลักน่ะครับ”
เพื่อนๆ ในกลุ่มเป่าปากแซว บ้างก็เอาศอกกระทุ้งสีข้างคยูฮยอน เชียร์ให้รีบกดเบอร์โทรฯ เด็กหนุ่มหน้าแดงจัด แต่ก็ตัดสินใจรับมือถือจากเขาไปกดเบอร์ฯ ตัวเองลงเครื่องให้ทั้งที่ยังก้มหน้างุด จากนั้นก็ส่งคืน
“ขอบคุณครับ” ซีวอนบอก
คยูฮยอนก้มศีรษะให้เขาอย่างระมัดระวัง และขยับยิ้มตอบ
“เค้าว่าไงบ้างวะ”
คังอินรับมือถือที่ซีวอนโยนให้ เขารีบกดบันทึกเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่หน้าจอด้วยอาการร่าเริง จากนั้นก็เอาแต่นั่งยิ้มและกดพิมพ์ข้อความ ซีวอนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ เพราะเห็นจะมีแต่โทรศัพท์ตรงหน้าเท่านั้นที่ไอ้คังอินสนใจ
“เค้าก็ไม่ว่าไง แค่เอาเบอร์มาได้ก็พอแล้วนี่ มึงจะกลับรึยังล่ะ กูง่วงแล้ว”
คังอินยังคงมุ่งมั่นกับการพิมพ์ข้อความจนไม่ได้ฟังสิ่งที่ซีวอนพูด คนถูกเมินจึงอารมณ์เสีย ตะโกนย้ำอีกรอบ “กูบอกว่ากูอยากกลับแล้ว!”
“เฮ่ย...เดี๋ยวสิวะ กูไม่ยอมกลับแน่ถ้ากูไม่ได้เด็กคนนั้นไปนอนด้วย”
“อะไรนะ!” ซีวอนโพล่งใส่
“กูไม่รอให้ถึงพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้หรอกเว้ย กูจะเอาคืนนี้!” คังอินพูดพลางกดดูข้อความที่ได้รับตอบกลับมา เขายิ้มและส่งไปอีกรอบ ระหว่างนั้นก็นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างรอคอย ซีวอนเพิ่งหายอึ้ง เขาแค่นหัวเราะกลบเกลื่อน
“มึงจะบ้ารึไงวะ เด็กคนนั้นไม่ยอมไปกับมึงตั้งแต่เจอกันครั้งแรกหรอก!”
คังอินหันมายักคิ้วใส่เพื่อน “เดี๋ยวก็รู้...”
“มึงบอกเค้าว่าไง” ซีวอนเริ่มไม่มั่นใจเพราะอีกฝ่ายแผนสูงกว่าที่เขาคิด
“บอกว่ากูจะไปส่ง แต่เดี๋ยวกูจะแกล้งชวนเค้าไปดื่มชาที่คอนโดก่อน”
“ดื่มชาเนี่ยนะ!” ซีวอนขมวดคิ้ว
คังอินวางแผนไว้อย่างเป็นระบบ และแล้วความสำเร็จขั้นต้นๆ ก็มาพร้อมเสียงข้อความที่เพิ่งได้รับตอบกลับมา เขาเลียริมฝีปากพลางกดเปิดอ่าน
ซีวอนส่ายหน้า “กูว่าเค้าคงไม่...”
“เค้าไม่...” คังอินลากเสียง จากนั้นหันมาตะโกนใส่ซีวอน
“ไม่ปฎิเสธเว้ย!”
“อะไรนะ!” ซีวอนตะโกนกลับ คังอินหัวเราะร่าแล้วชูหน้าจอมือถือให้ ซีวอนดู เป็นข้อความของคยูฮยอนที่ส่งตอบมาว่า ‘ตกลงครับ’ ซีวอนขมวดคิ้วและมองเพื่อนที่ลุกจากโต๊ะด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง
“ปะ...”
“ไปไหน” ซีวอนเงยหน้ามองเพื่อนอย่างงุนงง
ทั้งสองสบตากัน และไม่นานนักเด็กหนุ่มที่ชื่อโจคยูฮยอนก็เดินเข้ามา
ตอนนี้ซีวอนกำลังขับรถ เขาเหลือบตาขึ้นมองกระจกมองหลัง นึกอึดอัดกับผู้โดยสารสองคนที่นั่งคลอเคลียกันอยู่ ไอ้คังอินแสร้งทำตัวเป็นคุณหนู และหลอกคยูฮยอนว่าเขาเป็นคนขับรถ เท่านั้นไม่พอ...ตอนนี้เขากลายเป็นคนขับรถจริงๆ แถมยังต้องมานั่งดูลีลาการจีบหนุ่มของเพื่อนสนิทอีก
แต่ช่างเถอะ...นี่มันครั้งแรกเสียเมื่อไหร่
คังอินก็แค่เสนอตัวจะไปส่งคยูฮยอนที่บ้าน และรายนั้นก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย นั่นคงเพราะหลงคารมเพลย์บอยตัวฉกาจอย่างคังอินเข้าแล้วแน่ๆ ซีวอนได้แต่นึกสงสารคยูฮยอนอยู่ในใจ ทว่าก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเด็กหนุ่มไร้เดียงสาคนนี้จึง ‘ง่าย’ กับคนแปลกหน้านัก
“หนาวเหรอ” คังอินกระซิบถามร่างที่กอดกระชับตัวเอง
“ครับ แอร์เย็นจัง” คยูฮยอนตอบอ้อมแอ้ม คงเพราะเกรงใจคนขับรถอย่างซีวอน และไม่กล้าบอกตรงๆ ว่าให้ปรับอุณหภูมิแอร์ คังอินจึงบอกแทน
“ซีวอน เบาแอร์หน่อยสิ”
“ครับ” เขาตอบ และเอื้อมมือไปหมุนปุ่มปรับอุณหภูมิ ปรับ...ให้เย็นลงอีก คังอินสบตาเขาผ่านกระจกมองหลัง และแอบยกนิ้วโป้งให้
‘คร้าบ...คุณชาย ชเวซีวอนคนนี้รู้ใจคุณชายหมดทุกอย่างนั่นแหละคร้าบ’
ซีวอนได้แต่นึกประชดอยู่ในใจ
ขณะที่รถติดไฟแดง คังอินหยิบเสื้อคลุมที่อยู่บนเบาะมาห่มให้คยูฮยอน ร่างบางตอบเบาๆ ว่าขอบคุณแล้วเบียดตัวเข้าหา ซีวอนปรายตามองผ่านกระจก เขาเพิ่งเห็นว่าเสื้อคลุมตัวนั้นคือเสื้อของเขาที่ลืมทิ้งไว้ในรถตั้งแต่เมื่อวันก่อน
‘รถก็รถกู เสื้อก็เสื้อกู’ ไอ้คังอินจะไม่ลงทุนอะไรเลยใช่ไหมเนี่ย
“มึนหัวรึเปล่า” คังอินถามคยูฮยอนอย่างเป็นห่วง รายนั้นพยักหน้าและเอนศีรษะลงซบไหล่เขา
ให้ตายเถอะ! เด็กคนนี้น่ารักจนเขาแทบทนเก็บอาการไม่ไหว แต่เขาต้องใจเย็นอีกหน่อยเพื่อรอโอกาส อีกไม่นานนักหรอก ไม่นานคยูฮยอนก็จะเป็นของเขา
คังอินเอื้อมมือโอบร่างนั้นให้อยู่ในอ้อมแขน ลูบลงเบาๆ ที่ไหล่บาง
“ไม่รู้ว่าวันนี้มีข่าวอะไรบ้าง เปิดวิทยุหน่อยสิ”
คังอินบอก ซีวอนก็จัดให้ เขารู้ว่าไอ้คังอินไม่ได้ตั้งใจจะฟังข่าวจริงๆ หรอก เพราะฉะนั้นเขาเลยเปิดซีดีแทน ด้วยเหตุที่รถเขามีแต่เพลงคลาสสิค ช้าๆ เพราะๆ อีกฝ่ายจึงโชคดีที่ได้เพลงเหมาะกับบรรยากาศ แน่ล่ะ! ขึ้นชื่อว่าเด็กหนุ่มไร้เดียงสา ร้อยทั้งร้อยก็แพ้สิ่งที่เรียกว่า ‘บรรยากาศพาไป’
ซีวอนเห็นว่าคังอินกอดกระชับร่างของคยูฮยอนและคอยคลอเคลียไม่ห่าง
แหม มันช่าง...น่าหมั่นไส้เสียจริง
“คยูฮยอนรีบกลับบ้านรึเปล่าครับ”
“ทำไมเหรอครับ...”
“ถ้ายังไง...แวะไปดื่มชาที่คอนโดพี่ก่อนดีมั้ย” คังอินเริ่มทำตามแผนอย่างแนบเนียน ขณะที่คยูฮยอนเหลือบตามองเขา และแสดงอาการไม่แน่ใจ
“เอ่อ...ชาเหรอครับ”
“ใช่ ชาจากอังกฤษอุ่นๆ ดื่มแล้วหายหนาว ช่วยแก้อาการเมา แล้วก็ยังมีสมุนไพรที่มีสรรพคุณทำให้หายปวดหัวด้วยนะ...”
‘...ดื่มแล้วจะเสียตัวล่ะสิไม่ว่า’ ซีวอนนึกเยาะ
เขาก็แค่แอบคาดหวังอยู่ในใจว่าคยูฮยอนน่าจะคิดได้
ไปถึงคอนโด ถึงห้อง ถึงเตียง หลังจากดื่มชาแล้วก็คงรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือไม่อาจจะยังไม่ได้ดื่มเลยด้วยซ้ำ เขาหวังว่ารายนั้นจะระวังตัวและไม่ตอบตกลง
“ก็ได้ครับ...”
หลังได้ยินคำตอบ ซีวอนก็เหลือบตามองกระจกหลัง เขาเห็นทั้งสองสบตากันหวานซึ้ง และจบลงที่ริมฝีปากเคลื่อนเข้าหากัน
สัญญาณไฟเขียว ซีวอนออกรถอีกครั้ง ขับมุ่งหน้าไปที่คอนโดของคังอิน เขาพยายามไม่มองกระจกนั่นอีก แต่ครู่หนึ่งบทสนทนาก็เงียบไปนาน แทนด้วยเสียงแปลกๆ ที่ดังมาจากด้านหลัง ซีวอนสะดุ้ง เขาจึงแอบเหลือบตาขึ้นมอง
ไอ้คังอินยังคงจูบคยูฮยอนอยู่ แต่รุนแรงขึ้น และเต็มไปด้วยความต้องการมากขึ้น เสียงครางเบาหวิวของเด็กหนุ่มทำให้ซีวอนเริ่มไม่มีสมาธิ เขาเหลือบกระจกเป็นพักๆ รู้สึกว่าคยูฮยอนเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่เพื่อนของเขามอบให้ และเมื่อทุกอย่างไต่ระดับอย่างลงตัว ไอ้คังอินก็สอดมือเข้าไปใต้เสื้อของร่างนั้น
“ยะ...อย่าครับ” คยูฮยอนผลักร่างสูงไว้ และเหลือบตามองคนขับรถที่นั่งอยู่เบาะหน้า “อายคุณซีวอน...”
คังอินหัวเราะอย่างนึกเอ็นดู เขาประคองร่างนั้นไว้ และพรมจูบลงที่ต้นคออีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอกน่า เค้าไม่หันมามองหรอก จริงมั้ย ซีวอน”
“ครับ” ถึงไม่พอใจแค่ไหนก็ไม่กล้าขัดใจเพื่อน
อย่างไรเสียตอนนี้ชเวซีวอนก็เป็นแค่คนขับรถ! และมีคังอินเป็นเจ้านาย
เมื่อคยูฮยอนเชื่อคำคังอิน มือที่ดันแผ่นอกของฝ่ายนั้นไว้ก็เริ่มอ่อนแรง ร่างบางถูกผลักให้นอนราบลงกับเบาะรถ ตามด้วยสัมผัสร้อนแรง แนบชิด เสียงลมหายใจขาดเป็นห้วงหลุดออกมาจากริมฝีปากเป็นระยะ และเริ่มดังกว่าเสียงเพลงที่เปิดอยู่ ซีวอนบีบพวงมาลัยรถแน่น เขาเหลือบตามองกระจก และเห็นว่าไอ้คังอินกำลังจะถอดเสื้อตัวเอง
เส้นความอดทนขาดผึง ซีวอนหักพวงมาลัยกะทันหัน รถจึงเข้าโค้ง แรงเหวี่ยงทำเอาสองคนด้านหลังผวาเฮือก
“อะไรวะ!”
คังอินดันตัวขึ้นมานั่งแล้วตะโกนใส่เขา
“หลบหลุม” ซีวอนตอบหน้าตาเฉยและบังคับรถเข้าเส้นทางปกติ
เขาเงยหน้ามองกระจกหลัง และสบตาเข้ากับคยูฮยอนที่มองเขาผ่านกระจกนั้นเช่นกัน จู่ๆ คยูฮยอนก็สะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นมานั่ง
“โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวนะครับ” คังอินพูดปลอบและเข้าไปโอบไหล่
ซีวอนแอบเบ้ปาก คงเป็นมารยาออดอ้อนมากกว่าล่ะมั้ง...มีอย่างที่ไหนออกอาการกลัวได้ดีเลย์ขนาดนี้
คังอินมองร่างบางที่เมื่อลุกขึ้นมาได้ก็นั่งเงียบแถมยังตัวสั่นน้อยๆ นั่งกอดตัวเองและเบือนหน้ามองไปทางอื่น อารมณ์ที่ไต่ระดับจึงลดฮวบลงเกือบเป็นศูนย์ เขาได้แต่หงุดหงิดเพราะต่อไม่ติด จึงส่งสายตาผ่านกระจกไปตำหนิซีวอน และเมื่อรถติดไฟแดง เขาก็แอบส่งข้อความไป
เสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้น ซีวอนหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาดู และจึงเปิดอ่านข้อความที่คนด้านหลังเพิ่งส่งมา
‘มึงทำบ้าอะไร’
เขาอ่านมันด้วยความไม่พอใจ และพิมพ์ส่งกลับไป
‘มึงจะเอากันบนรถกูเลยเหรอ’
คังอินรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมรับผิดเสียทีเดียว เขาส่งข้อความไปอีก
‘งั้นมึงก็รีบๆ ขับไปคอนโดกูสิ กูไม่ไหวแล้วโว้ย’
ไฟเขียวพอดี ซีวอนจึงไม่ได้ตอบข้อความอีก เขาออกรถ และขับเร็วขึ้นราวกับจะประชด คังอินเอี้ยวตัวไปกระซิบกับคยูฮยอน ฝ่ายนั้นหน้าแดง และเริ่มพยักหน้าช้าๆ ซีวอนรู้ทันทีว่าคยูฮยอนตกลงไปนอนกับคังอินอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่ใช่แค่ไปดื่มชาตามที่พูด
อย่างที่คิดไว้ไม่ผิด! มันง่ายดายและรวดเร็วจนเขาไม่แน่ใจว่าควรจะมอง โจคยูฮยอนอย่างไรดี ในเมื่อท่าทางก็ดูไม่ประสีประสา แต่กลับยอมตอบตกลงไปค้างกับคนแปลกหน้าง่ายๆ หรือไอ้คังอินจะโชคดีบังเอิญเจอเด็กอยากรู้อยากลอง
ซีวอนขับรถเข้ามาจอดที่คอนโดของคังอิน เจ้าของห้องรีบลงจากรถไปก่อน แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้เด็กหนุ่ม
ไอ้คังอินแอบเดินมากระซิบบอกเขาพลางขยิบตา
“ขอบใจนะเว้ย...ไอ้ซีวอน”
ก็เท่านี้แหละที่เขาต้องการ
เจ้าของชื่อฝืนยิ้มและพยักหน้าให้ คังอินเดินโอบคยูฮยอนหายเข้าไปในตึกโดยไม่สนใจเขาอีก เมื่อนึกถึงใบหน้าและรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของฝ่ายนั้นแล้ว ซีวอนก็อดกังวลใจไม่ได้ อีกไม่นานคยูฮยอนก็จะถูกคังอินเขี่ยทิ้งเหมือนเด็กคนก่อนๆ ถูกบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใย ไร้ความรัก และตอกย้ำความง่ายด้วยเหตุผลไร้สาระที่ใครฟังก็ต้องเจ็บใจ
แต่เอาเถอะ...คงดีแล้วกระมัง
อย่างน้อยโจคยูฮยอนก็จะได้บทเรียนว่า อย่าเชื่อใจใครง่ายๆ แบบนี้อีก!
ซีวอนมองประตูคอนโดที่ทั้งคู่เพิ่งเดินเข้าไป ตอนนี้เขารู้สึกแปลกๆ เขาสับสนและผิดหวัง เขาเริ่มคิดไปเรื่อยเปื่อยและเหม่อลอย เขาสงสัยเหลือเกินว่าคนอย่างไอ้คังอินเคยรักใครจริงบ้างไหม เพราะจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยเห็นเพื่อนจริงจังกับใครเสียที เขาคิดว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครกัน คนที่จะทำให้ไอ้คังอินเลิกทำตัวไร้จุดหมายแบบตอนนี้ได้ หรือจะไม่มีใครทำได้เลย
ไอ้คังอินคงเป็นเพลย์บอยนิสัยแย่ๆ ตลอดไป และเขา...ก็อาจต้องเลือกว่าจะทนต่อไปแบบนี้ หรือจะไม่ทนอีกต่อไป
ซีวอนรีบหยุดความคิดตัวเอง เขาตัดใจปลดเบรกมือเพื่อออกรถ
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนิ่งอยู่ตรงนี้ในเมื่อเขาทำอะไรไม่ได้ อย่างเขาน่ะหรือจะวิ่งขึ้นไปเคาะประตูห้องของไอ้คังอิน แล้วห้ามมันไม่ให้มีอะไรกับโจคยูฮยอน หรือว่าแอบเข้าไปกดสัญญาณเตือนภัย หรือไม่ก็จุดไฟแช็กจ่อระบบเซ็นเซอร์เตือนภัยเพื่อให้มันจ่ายน้ำฉุกเฉินแล้วตะโกนว่าไฟไหม้
คิดเล่นๆ ก็ละอายใจจะแย่ ชเวซีวอนทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก...ไม่ได้เลยจริงๆ
น่าสงสารคยูฮยอนหรือจะบอกว่าสมเพชดี อะไรก็ช่าง...ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ความจริง...เขาก็แอบสงสาร และสมเพชตัวเองอยู่บ้างเหมือนกัน
ความคิดเห็น