คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [06] Need to
“คยูฮยอนยังอยู่แถวๆ นี้ครับ ผมคิดว่าคงหาตัวได้ไม่ยาก แต่ปัญหาคือถ้าเจอตัวแล้วจะทำยังไงนี่สิ”
หลังจากสรุปแล้วแทคยอนก็ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ หันมาสบตาคนด้านข้าง “ผมคิดว่ามันคงไม่เหมาะที่จะบุ่มบ่ามทำอะไรรุนแรง เพราะถึงจะกำจัดคยูฮยอนได้ตอนนี้ ก็ใช่ว่าจะช่วยคุณยองอุนได้”
ซีวอนพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วพอจะมีทางอื่นมั้ยครับคุณแทคยอน”
“ผมไม่รู้ว่าพวกเอเลี่ยนมีวิธีเอาเด็กออกมาจากท้องมนุษย์โดยที่ไม่เป็นอันตรายกับผู้ที่ตั้งท้องรึเปล่า เพราะที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีใครรอดชีวิตเลย แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ นั่นเพราะว่าพวกเรารู้ข่าวช้าไป เลยช่วยเหลือเหยื่อไว้ไม่ได้ แต่ถ้าคุณยองอุนอยู่ในความดูแลของเราแล้วล่ะก็ รับรองว่าจะไม่เป็นอันตราย”
“แต่คุณก็ไม่รับรองความปลอดภัยของเด็กในท้องใช่มั้ยครับ” ซีวอนพูดสวนขึ้นมาทันที เขายกมือกอดอกอย่างหงุดหงิด “นั่นแหละที่ไอ้คังอินจะไม่ยอม...”
แทคยอนถอดแว่นสายตาออกวางบนโต๊ะ เขาหมุนเก้าอี้มาคุยกับซีวอนอย่างจริงจังมากขึ้น “ครับ ผมเข้าใจดี ผมเลยจะเสนอให้คุณ ซีวอนลองเจรจากับคยูฮยอนดู บางทีเค้าอาจจะมีวิธีเอาเด็กออกไปและยอมไว้ชีวิตคุณยองอุน”
“อะไรนะ! ผมเนี่ยนะ...จะเจรจากับเอเลี่ยน!” ซีวอนร้องเสียงหลง จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างขยาด “ไม่เอาหรอก น่ากลัวจะตาย! เกิดเค้าไม่พอใจแล้วฆ่าผมทิ้งล่ะ นั่นน่ะเอเลี่ยนะครับ! เอเลี่ยนเชียวนะ!”
“มันก็เสี่ยงนิดหน่อยน่ะครับ แต่นอกจากคุณยองอุนแล้ว คุณบอกผมเองว่าคุณเป็นคนเดียวที่เคยเห็นหน้าแล้วก็เคยคุยกับโจคยูฮยอน เพราะฉะนั้นเค้าเองก็ต้องรู้จักคุณ วางใจเถอะครับ การฆ่าคนพร่ำเพรื่อไม่ใช่นิสัยของเอเลี่ยน ที่คุณเห็นในหนังสยองขวัญมันก็เกินจริงไปหน่อย”
แทคยอนยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่เมื่อเห็นว่าซีวอนยังหวาดๆ อยู่ เขาก็พูดถึงความจำเป็นที่แท้จริง
“คุณซีวอน คุณอยากช่วยเพื่อนคุณไม่ใช่เหรอครับ นี่อาจจะเป็นทางเดียว คุณจะไม่ลองดูหน่อยเหรอ”
ซีวอนหันมามองอีกฝ่าย และนึกเจ็บใจตัวเองที่ปฏิเสธไม่ได้
“ตกลงครับ ผมจะลองคุยกับคยูฮยอน แค่คุยเฉยๆ ใช่มั้ยล่ะครับ คงไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ผมจะติดต่อเค้าได้ยังไง”
แทคยอนส่งโทรศัพท์มือถือของซีวอนคืนเจ้าของ
“คุณก็บันทึกเบอร์โทร. ของเค้าไว้แล้วนี่ครับ โทรไปสิ”
ซีวอนลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดใจคว้าโทรศัพท์ไป กดโทรออกหาคยูฮยอน เสียงสัญญาณดังเป็นจังหวะอยู่นาน เขาภาวนาอย่าให้ฝ่ายนั้นรับสายเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี แต่แล้วสัญญาณรอสายก็ถูกตัดและมีเสียงพูดที่คุ้นเคยดังขึ้นแทน
“สวัสดีครับ”
ซีวอนใจหายวูบ เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่น จากนั้นก็ใจเต้นแรง แทคยอนเอื้อมมือมากดเปิดลำโพงโทรศัพท์ และพยักหน้าให้เขาเริ่มพูด
“เอ่อ...สวัสดีครับ โจคยูฮยอนใช่มั้ยครับ” ซีวอนถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เขาพยายามคุมไม่ให้สั่น
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง “ใช่...แล้วนั่นใครพูด”
น่าแปลกที่ตอนนี้น้ำเสียงของโจคยูฮยอนแข็งกร้าวและเย็นชา ฟังแล้วไม่นึกว่าจะเป็นคนเดียวกับเด็กหนุ่มไร้เดียงสาที่เขาไปขอเบอร์โทรศัพท์มาเมื่อหลายวันก่อน
“เอ่อ ผม...ชเวซีวอน คนขับรถของคุณคิมยองอุน” พูดออกไปแล้วก็กลั้นหายใจระหว่างรออีกฝ่ายตอบกลับ คยูฮยอนเงียบไปนานมาก ก่อนจะแค่นหัวเราะ
“อ๋อ! คุณนั่นเอง...คนขับรถของผู้ชายเลวๆ คนนั้น”
ซีวอนหน้าซีด “ผม...คือผมต้องขอโทษแทนคุณยองอุนด้วย”
“เค้าให้คุณโทรมาเหรอ” คยูฮยอนถามเสียงแข็ง
“เปล่าครับ ผมโทรมาเอง จริงๆ แล้วผมกับ ไอ้ เอ้ย! คุณยองอุน ค่อนข้างสนิทกันน่ะครับ เรียกว่าเป็นเพื่อนกันเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นผมอยากขอโทษคุณแทนเพื่อนผม...และขอร้องให้คุณช่วยเมตตาไอ้ยองอุนเอ้ย! ผมหมายถึงคุณยองอุนน่ะครับ” ซีวอนพยายามเรียบเรียงคำพูดทั้งที่กำลังจะสติแตก โดยมีแทคยอนคอยลุ้นอยู่ข้างๆ
“ทำไมผมจะต้องเมตตาเค้า ในเมื่อเค้าใจร้ายกับผม”
“แต่...ตอนนี้คุณยองอุนกำลังลำบากนะครับ มันไม่ใช่เรื่องปกติที่ผู้ชายจะตั้งท้องได้ และถ้าคุณไม่ช่วยเค้า...ลูกสาวคุณก็อาจจะฆ่าเค้า”
ซีวอนเริ่มพูดไปตามอารมณ์ ส่วนคยูฮยอนเงียบไปเป็นพักๆ
“หืม? นี่คุณรู้ว่าเค้าตั้งท้องเพราะผม แล้วก็รู้ถึงขั้นว่าลูกในท้องของเค้าเป็นลูกสาว...งั้นตอนนี้คุณก็คงรู้ว่าผมเป็นอะไรด้วยใช่มั้ย”
ซีวอนผ่อนลมหายใจช้าๆ และตอบรับ “ใช่...ผมรู้”
“แล้วคุณก็โทรมาหาผม เพื่อที่จะให้ผมช่วยเอาลูกสาวออกจากท้องผู้ชายเลวๆ คนนั้น โดยที่เค้าไม่เป็นอันตราย” คยูฮยอนเปรยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ใช่ ผมอยากให้คุณช่วย”
“ไม่มีทาง คุณก็น่าจะรู้ว่าผมอยากให้เค้าตาย ผมเกลียดเค้า!”
ซีวอนพยายามต่อรอง “ผมรู้ว่าคุณเกลียดเขา แต่...”
“คุณน่าจะขอบคุณผมนะ ผมกำลังจะช่วยกำจัดคนเลวๆ ออกไปจากโลกได้ตั้ง 1 คน” คยูฮยอนไม่ฟัง แถมยังพูดจาโอ้อวดเหมือนกับว่าทำสิ่งที่ถูกต้อง ซีวอนสูดหายใจลึกๆ คราวนี้เพื่อบอกให้ตัวเองใจเย็นๆ และพูดเสียงหวานกลับไป
“แต่คุณยองอุนก็...”
คยูฮยอนขัดขึ้นมาเสียก่อน “ผมไม่อยากคุยกับคุณแล้ว คุณจะปกป้องผู้ชายเลวๆ คนนั้นทำไมกัน โง่ชะมัดเลย!”
“ว่าใครโง่วะ! ไอ้คังอินมันอาจจะเป็นผู้ชายเลวๆ แต่มันเป็นเพื่อนฉัน! ฉันจะไม่ยอมให้มันตาย เข้าใจมั้ย! นายมันฉลาดตายล่ะ! เป็นเอเลี่ยนแล้วคิดว่าจะทำร้ายใครก็ได้งั้นเหรอ! ถ้านายฆ่าคน นายเองก็จะขึ้นชื่อว่าเลวเหมือนกันแหละน่า!” ด้วยความโมโหจึงเผลอตวาดใส่เป็นชุด อีกทั้งเขายังหลุดปาก เปลี่ยนคำสรรพนามเสร็จสรรพ แทคยอนนั่งอึ้ง มองซีวอนที่กำลังหอบเพราะลืมหายใจ
คยูฮยอนส่งเสียงฮึดฮัดมาตามสายและโต้กลับ
“แล้วคุณล่ะ คุณเข้าข้างคนเลวๆ แบบนั้น คุณเองก็คงจะเป็นเพลย์บอยเหมือนกันล่ะสิ เห็นท่าทางซื่อๆ แต่คุณคงเลวไม่ต่างจากเค้าหรอก ผมจะไม่ยอมช่วยเค้า และจะรอดูวันที่เค้าตาย ไม่ต้องโทรมาอีกนะ! ไม่งั้นคุณเองจะเจอดี!”
ซีวอนกำโทรศัพท์แน่น โมโหจนเลือดขึ้นหน้า “อย่าเก่งแต่พูดสิวะ! มาเจอกันซึ่งๆ หน้าเลยดีกว่ามั้ย คุณเอเลี่ยน!”
ปลายสายเงียบ จากนั้นจึงพูดอย่างเย็นชา
“อ้อ งั้นเหรอ คุณอยากเจอผมเหรอ...ได้สิ เอางั้นก็ได้”
ซีวอนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป เขาอึกอักและจะแก้คำพูดตัวเอง แต่ดูท่าจะสายเกินไป คยูฮยอนถือว่านั่นเป็นการนัดพบเสียแล้ว
“ถ้าคุณต้องการแบบนั้น...วันนี้คุณมาเจอผมที่เดิมตอนสี่ทุ่มสิ จากนั้นเราค่อยคุยเรื่องพี่คังอินกัน”
สายถูกตัดไป ซีวอนลดโทรศัพท์ลงเพราะสติหลุด เขามองหน้าแทคยอนและกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ
“แล้วผมจะทำยังไงดีเนี่ย” เขาถามอีกฝ่ายอย่างขอความเห็นใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคิดว่าโจคยูฮยอนคงไม่ได้จะทำร้ายคุณ ดีเสียอีกที่คุณจะได้เจอเค้า นี่เป็นโอกาสดีเชียวล่ะ ผมอยากให้คุณลองเจรจากับเค้าดูอีกครั้ง” แทคยอนบอกเรียบๆ
“ผมไม่ชอบเค้าเลย ทีแรกก็ไร้เดียงสาจนน่าหมั่นไส้ คราวนี้ก็ปากร้ายจนน่าโมโห เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก ผมควรจะไปเจอเค้าเหรอครับ”
แทคยอนหลุดขำ และพยักหน้า
“คุณไม่มีทางเลือกมากนักนี่ครับ เพราะนอกจากจะพาตัวคุณยองอุนมาส่งให้เราแล้ว นี่ก็เป็นทางเดียวที่คุณจะเลือกได้”
ซีวอนถอนหายใจเฮือก “ทำไมผมต้องทำเพื่อมันขนาดนี้ด้วยนะ มันเองก็ไม่เคยจะเห็นค่าผมเลย บ้าชะมัด ทั้งบ้าทั้งโง่”
พอบ่นออกไปก็เพิ่งตระหนักได้ว่าไม่ควร เขาเห็นว่าแทคยอนตั้งใจฟังอยู่ จึงยิ้มเจื่อน จากนั้นก็แก้ตัวเป็นพัลวัน “คือ...ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกนะ ผมหมายถึง...เราเป็นเพื่อนกัน เอ่อ...แต่ไอ้คังอินมันไม่ค่อยเห็นความสำคัญของผมน่ะ”
“อืม...ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ” แทคยอนยกมือกอดอกแล้วยิ้ม ซีวอนจึงเสียหน้าเพราะร้อนตัวทั้งที่ไม่จำเป็น
“ผมจะกลับแล้ว” เขารีบลุกขึ้นและเก็บมือถือใส่กระเป๋า
แทคยอนลุกขึ้นส่ง “ขอบคุณที่แวะมานะครับ คืนนี้ผมคงไปด้วยไม่ได้เพราะเกรงว่าพวกมันจะรู้ตัว คุณเองก็ต้องระวัง พยายามอย่าคิดอะไรเรื่ององค์กรของผม หรือว่าเกี่ยวกับผมเด็ดขาด หรือถ้าคิดก็อย่าสบตาคยูฮยอน เพราะเค้าจะอ่านใจคุณได้”
“หา! อ่านใจได้ด้วยเหรอ”
ซีวอนงุนงงกับความรู้ใหม่เกี่ยวกับเอเลี่ยน
“ครับ แต่ก็เฉพาะเมื่อสบตากันเท่านั้น” แทคยอนบอก “ยังไงก็กันไว้ก่อนดีกว่า คุณช่วยหาแว่นกันแดดทึบๆ ใส่ไปด้วยนะครับ”
ซีวอนกลับมาถึงคอนโดของคังอินในตอนเย็น หลังจากค้นแว่นกันแดดในลิ้นชักได้ เขาก็แอบเก็บใส่กระเป๋า ไว้เตรียมรับมือกับคยูฮยอนในคืนนี้
ไอ้คังอินยังหลับกลางวันอยู่ เขาจึงนั่งเล่นที่โซฟาเพราะไม่มีอะไรทำ ระหว่างนั้นก็เห็นหนังสือแม่และเด็กที่วางอยู่บนโต๊ะ ซีวอนลองหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน ไม่นานนักเขาก็อ่านไปเรื่อยๆ อย่างติดลม คงจะดีถ้าลูกสาวของไอ้คังอินเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เอเลี่ยน เขาเองก็อยากมีลูกน่ารักๆ หรืออย่างน้อยก็อยากเลี้ยงลูกของไอ้คังอิน
คิดแล้วแววตาก็หม่นลง ชีวิตจริงคงไม่ง่ายอย่างที่จินตนาการไว้ และถ้าเวลานั้นมาถึง...เขาก็คงจะทำใจยอมรับได้ไม่ง่ายนักเช่นกัน แต่แค่สถานการณ์ที่เขาเจออยู่ตอนนี้ก็ลำบากใจจะแย่อยู่แล้ว เขาจะต้องทำอย่างไรจึงจะช่วยไอ้คังอินได้ และรักษาชีวิตลูกสาวของมันไว้ให้ได้ด้วย
ซีวอนนอนลงบนโซฟาแล้วอ่านหนังสือต่อ เขาเองก็อยากให้เพื่อนมีความสุข แต่บางทีก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาเป็นทุกข์ เขาถอนหายใจออกมา แล้วบอกตัวเองให้เลิกคิด ตอนนี้เขาแค่อยากอ่านหนังสือ และจินตนาการเล่นๆ ว่าเขาอาจจะต้องศึกษาเรื่องนี้ไว้...เผื่อว่าต้องเลี้ยงเอเลี่ยนขึ้นมาจริงๆ
คังอินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาจากห้องนอนในตอนค่ำเพื่อหาอะไรกิน เขานึกว่าซีวอนออกไปข้างนอกยังไม่กลับจึงไม่ได้เรียกหา แต่เมื่อเดินผ่านห้องนั่งเล่นก็ชะงักเมื่อเห็นร่างหนึ่งนอนหงายอยู่บนโซฟาและมีหนังสือแม่และเด็กกางปิดหน้าอยู่ เขาเดินเข้าไปใกล้ และหยิบหนังสือออกอย่างเบามือ
เมื่อเห็นเพื่อนสนิทนอนหลับตาพริ้มเขาก็เกือบหลุดหัวเราะ และมองหน้ารายนั้นสลับกับหนังสือในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ มันพยายามแทบตายให้เขาตัดใจเรื่องลูกในท้อง แต่กลับมาอ่านหนังสือคู่มือเลี้ยงเด็กจนหลับไปแบบนี้ คังอินนิ่งอยู่สักพัก เขายิ้มออกมาขณะมองคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่อง น่าแปลกที่ริมฝีปากตรงหน้าเพิ่งสะดุดตาเขาเป็นครั้งแรก อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยได้จ้องมองอีกฝ่ายนานขนาดนี้
ความคิดแปลกๆ แวบเข้ามา จะว่าไปก็ไม่แปลกนัก เพราะใช่ว่าจะไม่เคยคิด คังอินหรี่ตาลง คิดเอาเองว่าไหนๆ มันก็หลับไม่รู้เรื่องแล้ว นี่ถ้าเขาจะแอบขโมยจูบสักครั้ง ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรกระมัง
ก็แค่ครั้งเดียว...อย่างที่เขาเคยคิดอยากลองทำก่อนหน้านี้
คังอินโน้มตัวลง หัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนเด็กๆ ที่กำลังแอบทำผิด หากเป็นคนอื่นคังอินคงไม่ลังเล แต่เพราะเป็นชเวซีวอน...เพื่อนสนิทที่สุดที่คบกันนานหลายปีแล้ว ทว่าตอนนี้เขากำลังจะฝ่าฝืนกฎของความเป็นเพื่อน ยิ่งเข้าใกล้และเห็นใบหน้านั้นชัดขึ้นเท่าไหร่ คังอินก็ยิ่งรู้สึกละอายใจทวีคูณ
แต่แค่ครั้งเดียวน่า...ครั้งเดียวเท่านั้น และอีกฝ่ายก็ไม่มีทางรู้
กึก!
ร่างสูงชะงักเมื่อหน้าท้องของเขาชนเข้ากับลำตัวของคนที่นอนอยู่ เขารีบผละออกขณะที่ซีวอนงัวเงียตื่นขึ้นมา
“ไอ้คังอิน...” ซีวอนขยี้ตาแล้วมองคนตรงหน้าแบบชัดๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองลืมอะไรไปสักอย่าง คงเป็น...อาหารเย็นของไอ้คังอินกระมัง มันถึงได้ออกจากห้องมาสะกิดเรียกให้เขาไปทำอะไรให้กิน
“โทษที กูเผลอหลับไปว่ะ นี่มันกี่โมงแล้ววะเนี่ย” เขาบิดขี้เกียจถามพลาง
“จะสี่ทุ่มแล้ว”
“สี่ทุ่ม?.................”
ตายล่ะ!!! นอกจากจะลืมอาหารเย็นไอ้คังอินแล้ว เขายังลืมไปว่านัดโจคยูฮยอนเอาไว้ที่ผับ แล้วนี่ก็ใกล้เวลานัดแล้ว ซีวอนรีบดีดตัวขึ้นจากโซฟา ลนลานเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพื่อนสนิทเองก็งุนงงที่เขาตกใจขนาดนี้ เมื่อเห็นสีหน้าของคังอิน เขาจึงรีบยิ้มกลบเกลื่อน
“เอ้อ! นี่มึงกินอะไรรึยังวะ” ซีวอนรีบถาม
“กินตั้งแต่ตอนเย็น ก่อนมึงกลับมา” คังอินบอก
“งั้นดีเลย! กูต้องรีบออกไปข้างนอก ถ้าดึกๆ เกิดหิวขึ้นมาอีกก็โทรหากูได้นะเว้ย เดี๋ยวซื้อเข้ามาฝาก” ซีวอนหยิบเสื้อคลุมที่วางพาดพนักโซฟา ตวัดสวมแบบลวกๆ แล้วรีบมองหากระเป๋าตังค์ หากุญแจรถ
คังอินยกมือกอดอก มองอีกฝ่ายราวกับจะประชด
“นี่ก็ดึกแล้ว...”
“เออ...จริง งั้นมึงไปนอน”
“กูเพิ่งตื่น”
ซีวอนหันไปมองเพื่อนที่หน้าบูดเอาเรื่อง “เอ้า! งั้นมึงจะทำอะไรก็ทำ จะดูทีวี ดูซีดี หรือดูเอวี มึงก็ดูไปเลย ตามสบายเลยนะ กูไปไม่นานหรอก เดี๋ยวกลับมา...”
“มึงจะไปไหน” คังอินถาม
“กู...มีนัด” ซีวอนแกล้งทำเป็นไม่ได้เดือดร้อนอะไรที่ต้องบอกความจริง เพราะไอ้คังอินเองก็คงว่าอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว
“กับสาวๆ ของมึงน่ะเหรอ”
ซีวอนยักไหล่ “ประมาณนั้น...ไปก่อนนะ”
คังอินเดินมาดักหน้าขณะซีวอนกำลังจะเดินไปที่ประตู
“ถ้ามึงมีเดทกับผู้หญิงมึงก็น่าจะแต่งตัวดีกว่านี้นะ บอกกูมาตรงๆ เถอะ มึงนัดกับไอ้แทคยอนใช่มั้ย”
“โอ๊ย! อะไรของมึงวะเนี่ย ถ้ามึงไม่ชอบคุณแทคยอนกูก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แต่อย่าพาลมาถึงกู...เข้าใจมั้ย” เขาหงุดหงิดเพราะต้องรีบออกไปให้ทันเวลานัด ไม่อย่างนั้นโจคยูฮยอนอาจจะหายตัวไป และเขาคงพลาดโอกาสได้เจรจา
“นั่นไง! สรุปว่ามึงจะไปหามันจริงๆ กูว่าแล้ว!”
“เปล่า! กูไม่ได้จะไปหาคุณแทคยอน แต่กูกำลังรีบ...จะดีมากถ้ามึงช่วยหลีกไปจากหน้าประตู” ซีวอนเอื้อมมือไปแตะไหล่เพื่อนจะผลักออก แต่รายนั้นกลับปัดมือเขา และชี้หน้าคาดโทษ
“อย่าให้กูรู้นะว่ามึงเปลี่ยนรสนิยมมาชอบผู้ชาย ไม่งั้นกูเลิกคบกับมึงแน่ กูเคยบอกมึงแล้วว่า...” ยังไม่ทันพูดจบ ซีวอนก็เถียงกลับ
“อะไรของมึงวะ! กูนึกว่ามึงรู้จักกูดีพอแล้วซะอีก กูเป็นเพื่อนกับมึงได้ แล้วทำไมจะเป็นเพื่อนกับคุณแทคยอนไม่ได้”
คังอินจ้องตอบ “กูไม่อยากให้มึงเป็นเพื่อนกับหมอนั่น เพราะกูมองแวบเดียวก็รู้ว่ามันไม่อยากเป็นแค่เพื่อน”
“แม่ง! ทีคนอื่นมึงมองออก”
ซีวอนเผลอตะโกนใส่ พอเห็นสายตาของคังอิน เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป เขารีบเม้มริมฝีปาก เบือนหน้าหนีจากอีกฝ่าย
“มึงหมายความว่าไง” มันถามเขาทันที ไม่เปิดโอกาสให้อธิบายก่อน ซีวอนหลบตาลงมองพื้น เขาแก้ตัวไม่ได้ ไม่มีเหตุผลใดที่เหมาะสม
“กูต้องไปแล้ว...เดี๋ยวจะเลยเวลานัด” คังอินไม่พูดอะไร ซีวอนจึงเงยหน้ามอง และพูดย้ำ “ให้กูไปเถอะ มันสำคัญจริงๆ”
“สำคัญเหรอ งั้นก็เชิญ!”
ซีวอนมองตามคนที่กระฟัดกระเฟียดเดินเข้าห้องนอนไป เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจที่ไอ้คังอินไม่ได้คาดคั้นอะไรเรื่องที่เขาหลุดปาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าที่เขาต้องรีบออกไปเจอโจคยูฮยอน และไม่มีเวลาสำหรับนั่งน้อยใจหรืออธิบายอะไรให้ไอ้คังอินฟัง ซีวอนลอบถอนหายใจเบาๆ ขณะออกไปจากห้อง
เรื่องสำคัญที่ว่า ไอ้คังอินคงเข้าใจว่าเขาออกไปหาคุณแทคยอน แต่มันจะรู้บ้างไหมว่าจริงๆ แล้ว ก็มีแค่เรื่องของมันเท่านั้นแหละที่สำคัญสำหรับเขา
ความคิดเห็น