ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] As You Wish on Christmas

    ลำดับตอนที่ #1 : 7 Days Before Christmas

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 55


      

     7 Days Before Christmas

     

     

     

     

    ยกโทษให้ฉันเถอะนะโจคยูฮยอน...

     

    เสียงทุ้มๆ เริ่มสั่น เจ้าของคำพูดโอดครวญอย่างเหนื่อยอ่อน แต่แววตาน่าสงสารหลังแว่นหนาและน้ำใสๆ ที่เอ่ออยู่ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มนามว่าโจคยูฮยอนคนนี้หวั่นไหวเลยสักนิด ริมฝีปากบางยกขึ้นและแสยะยิ้มอย่างพอใจ

    ทำงานต่อไป ห้ามบ่นนะคุณคิม คุณจะได้รู้ซะบ้างว่าเวลาโดนสั่งงานเยอะๆ น่ะ มันเจ็บปวดขนาดไหน!”

    โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว เมตตาฉันเถอะ คังอินวางปากกาและทรุดตัวลงบนพื้น คลานเข้ามาหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ หรูหรา

    หึหึ หมดสภาพเชียวนะ น่าสงสารจังเลย ผมจะทำยังไงดีล่ะ

    คยูฮยอนยกนิ้วแตะริมฝีปากอย่างใช้ความคิด จากนั้นก็ค่อยยกปลายเท้าขึ้น ช้อนคางคนที่สยบอยู่ตรงนั้นให้เงยหน้า คังอินมองเขาตาละห้อย และพึมพำเบาๆ

    ได้โปรด...ปล่อยฉันไปเถอะ ต่อไปฉันจะไม่สั่งงานนายเยอะๆ จะไม่บังคับให้นายทำงานจนเลยเวลาเลิกงาน...

    ต้องขึ้นเงินเดือนแล้วให้โบนัสเยอะๆ ด้วย คยูฮยอนเสริมอย่างเย็นชา

    ได้ยินดังนั้น คังอินก็รีบพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น เขาคว้า   ข้อเท้าของโจคยูฮยอนและพรมจูบลงไป ได้สิ ฉันจะยอมเป็นทาสนายตลอดไป นายสั่งอะไร...ฉันจะทำให้หมดเลย ได้โปรด...อย่าให้ฉันทำงานหนักแบบนี้อีกเลย

    แต่งานยังไม่เสร็จเลยนะ กลับไปทำต่อให้เสร็จ!” คยูฮยอนชักเท้าออกและเบ้ปากใส่ตรงหน้า ต้องทำให้เสร็จคืนนี้! เข้าใจใช่มั้ย!”

    ได้...ฉันจะทำ แต่ตอนนี้ขอพักหน่อยเถอะ ฉันอยากได้กาแฟ

    คังอินต่อรองด้วยน้ำตา คยูฮยอนจึงหยิบแก้วกาแฟของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะมาชูตรงหน้า คังอินเบิกตากว้าง ยิ้มอย่างดีใจ

    แต่แล้วคยูฮยอนก็เทมันราดลงบนพื้น ก่อนจะเหลือบตามองร่างสูงที่ทำหน้าเจ็บปวดเพราะถูกกลั่นแกล้ง

    เอาสิ เลียให้หมด

    คยูฮยอนหัวเราะอยู่ในลำคอ และนั่งดูอีกฝ่ายที่ตรงเข้าเลียคราบกาแฟบนพื้นอย่างสะใจ เขาอดไม่ได้ที่จะปล่อยหัวเราะเสียงดัง พลางลอบมองใบหน้าแสนคุ้นเคยที่ตอนนี้ก้มต่ำติดอยู่กับพื้น แว่นตาที่สวมอยู่จึงเปรอะกาแฟ








      ป้าบ!

    เสียงวัตถุแบนๆ กระทบเข้าที่ศีรษะของร่างที่ฟุบอยู่กับโต๊ะ

    โจคยูฮยอนสะดุ้งเฮือกจนแทบตกเก้าอี้ เขาเงยหน้าขึ้นมอง และภาพตรงหน้าก็สยดสยองเกินกว่าจะยอมรับได้

     

    หะ...หัวหน้าคิม

     

    ตอนนี้ใบหน้านั้นไม่ได้ดูน่าสงสารและก้มต่ำติดพื้น ไม่มีน้ำตา ไม่มีน้ำเสียงสั่นๆ ร่างสูงยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา และโยนอาวุธที่ใช้ลอบทำร้ายเมื่อครู่ลงที่โต๊ะ

    สรุปรูปแบบผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ต้องผลิตในปีหน้าแล้วก็ร่างมาส่งภายในวันนี้น้ำเสียงนั้นแข็งกระด้างและเย็นชา คนที่แทบจะร้องไห้กลับเป็นเขาเสียเองเมื่อเหลือบตาลงเห็นกระดาษปึกใหญ่นั่น เพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างเคียงพากันก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างตั้งใจ ไม่มีใครช่วยเขาได้สักคน

    หนาจังนะครับ...

    เด็กหนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อนและหยิบขึ้นมาเปิดๆ ดู

    ถ้าไม่อยากโดนรายงานการประชุมเล่มหนากว่านี้ฟาดหัวอีก ก็ทำให้เสร็จแล้วรีบเอามาส่ง

    หัวหน้า คือผม...

    คยูฮยอนโอดครวญ แต่ก็ต้องเงียบกริบเมื่อสายตาคมปาดมาตำหนิ เขารีบส่ายหน้า แล้วหยิบดินสอขึ้นมาเริ่มทำงานทันที คังอินยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง เขาขยับแว่นตา แล้วเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

    ถ้าแอบหลับในเวลางานอีก...ฉันจะตัดเงินเดือนนาย

     

    คยูฮยอนอ้าปากค้างขณะมองตามหัวหน้าที่เดินหายเข้าไปหลังประตูห้องทำงาน เขากัดริมฝีปากอย่างสุดจะอดกลั้น! จากนั้นก็   เขวี้ยงดินสอลงกับพื้น นั่งกอดอกมองกระดาษปึกใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ

     

    ฝันกลางวันไม่ช่วยอะไร แถมเกือบทำให้เขาโดนหักเงินเดือนที่ก็ได้น้อยอยู่แล้ว เพราะไม่ทางเลือกหรอก...เขาถึงได้มาทำงานที่นี่ และกลับมาอยู่กับหัวหน้าสุดโหดคนนี้

    เมื่อปีก่อนเขาเคยมาฝึกงานขณะยังเรียนมหาวิทยาลัย ที่นี่ก็ไม่ได้น่าประทับใจอะไรนัก แต่เพราะเขาชอบทำงานเกี่ยวกับการออกแบบ จึงรู้สึกว่างานที่นี่เหมาะกับเขา อีกทั้งงานสมัยนี้ก็ไม่ได้หาง่ายๆ เมื่อบริษัทเสนอจะรับเขาเข้าทำงานต่อ เขาจึงรีบตกลงทันที แล้วมันก็ดีตรงที่เพื่อนสนิทของเขาสมัยเรียนก็ทำงานที่นี่ด้วยเช่นกัน

    คยูฮยอนทำงานเป็นดีไซเนอร์ในฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตเซรามิคแห่งนี้ มีหัวหน้าฝ่ายจอมโหดและแสนจะเย็นชาชื่อว่าคังอิน แต่คนที่บริษัทมักเรียกกันว่า หัวหน้าคิม

    คยูฮยอนไม่ปฏิเสธหรอกว่าหัวหน้าคิมเป็นคนทำงานเก่งและค่อนข้างดูดีคนหนึ่ง แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องเย็นชาและเข้าถึงยาก คงเพราะบางครั้งรายนั้นก็จริงจังกับเรื่องงานจนน่าโมโห

    เกือบปีกว่าที่คยูฮยอนทำงานที่นี่ เขามักโดนใช้งานหนักกว่าคนอื่น เพื่อนร่วมงานหลายคนบอกว่าเพราะหัวหน้าคิมถูกใจฝีมือเขา แล้วก็พากันยกยอให้เขาภาคภูมิใจในตำแหน่ง คนโปรดของหัวหน้า

    ไม่เลย! นั่นไม่จริง! พวกนั้นก็แค่ดีใจที่รอดตัว ไม่ต้องโดนใช้งานหนักเท่าเขา และพยายามพูดให้เขาเต็มใจทำงานนี้ต่อไป

    เด็กหนุ่มนั่งนิ่งมองงานที่หัวหน้าเพิ่งเอามาโยนให้ถึงโต๊ะ เขาเริ่มใจเย็นลง จึงคลายมือที่กอดอก และก้มลงหยิบดินสอบนพื้นขึ้นมาหมุนเล่น จากนั้นก็เปิดดูกระดาษปึกหนานั่นทีละหน้าสองหน้า

    คยูฮยอนไม่เคยเกี่ยงงานหนัก แต่ถ้าคนสั่งงานจะช่วยใจดีและพูดดีๆ กับเขาบ้าง เขาก็คงเต็มใจทำให้มากกว่านี้ ระยะหลังเขายิ่งไม่อยากเจอหน้าฝ่ายนั้นเลย เจอทีไรก็จะพาลหงุดหงิด เห็นเซรามิคที่ไหนก็อยากหยิบมาปาเล่น เขาเคยมีความคิดพิเรนทร์ๆ กระทั่งอยากเขียนป้ายติดโต๊ะว่า อะไรๆ ก็กู

    เยอะขนาดนี้ทำเสร็จภายในวันเดียวก็บ้าแล้ว นี่คนนะเว้ย! ไม่ใช่เทวดา!” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำแต่มือที่จับดินสอก็ยังคงทำงานต่อเนื่อง เขาร่างแบบลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เสร็จไปหลายหน้า

    แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีสมาธิทำงานเพราะหิวข้าว เขาขยับดินสอลงเคาะโต๊ะ เหลือบมองนาฬิกาตลอด 5 นาที รอให้ถึงเวลาพักกลางวัน ไม่นานนักเสียงกริ่งก็ดังขึ้น คยูฮยอนวางดินสอและผุดลุก รีบวิ่งออกไปจากออฟฟิศก่อนที่หัวหน้าจะออกมาทวงงาน

    ไม่อย่างนั้นล่ะก็...เขาคงไม่ได้กินข้าวกลางวันเป็นแน่

     

    เย็นวันนี้หัวหน้าคิมออกมาป้วนเปี้ยนอยู่ในออฟฟิศพนักงาน คยูฮยอนรู้ทันทีว่าฝ่ายนั้นจงใจมากดดันเขา และไม่มีทางยอมให้เขากลับบ้านตรงเวลาอีกแน่หากงานไม่เสร็จ

     

    หัวหน้าคิมคะ ดิฉันเอารายงานการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาให้ ช่วยเซ็นรับด้วยค่ะ เลขาฯ ของประธานบริษัทเดินเข้ามา เธอสวยสง่าและโปรยเสน่ห์ด้วยรอยยิ้มจนพนักงานทั้งห้องไม่เป็นอันทำงาน แต่หัวหน้าคิมเพียงแต่เซ็นรับเอกสารและยื่นปากกาคืนให้เธอ เขามีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม

    ขอบคุณนะครับ เลขาฯ ลี

    เอ่อ หัวหน้าคิมคะ ดิฉันมีเรื่องจะคุยด้วย แต่ขอเป็นส่วนตัวหน่อยนะคะ เลขาฯ สาวผายมือไปทางห้องทำงานของเขา

    หัวหน้าคิมชั่งใจเล็กน้อย และเอ่ยถาม

    ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือว่าเรื่องงาน

    ทุกคนในห้องได้แต่ฮือฮาอยู่ในใจ หลายคนมองหน้ากัน อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าผู้หญิงในบริษัทส่วนมากปลื้มหัวหน้าคิม รวมทั้งเลขาฯ ของท่านประธานคนนี้ด้วย แต่หัวหน้าคิมไม่มีทีท่าจะสนใจใครเลย

    เรื่องงานน่ะค่ะ... เธอตอบอย่างมีเลศนัย แต่เพราะเธอพูดออกมาว่าเป็นเรื่องงาน หัวหน้าคิมจึงปฏิเสธไม่ได้ เขาพยักหน้าน้อยๆ และผายมือเชิญเธอเข้าไปในห้องทำงาน

     

    ตื่อดือดื๊อ!

    เสียง MSN ดังออกมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของโจคยูฮยอน หัวหน้าคิมหันขวับ แต่เจ้าของเครื่องรีบตะครุบคีย์บอร์ด กดโหมด Sleep และทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

     

    นี่เวลางานนะ

     

    เสียงของคังอินลอยมาตามลม ทะลุหูซ้ายของโจคยูฮยอนและออกไปทางหูขวา เด็กหนุ่มแกล้งทำเป็นง่วนกับการร่างแบบผลิตภัณฑ์ และโชคดีที่ฝ่ายนั้นกำลังจะไปคุยธุระ เขาจึงรอดตัวไปโดยปริยาย เพราะตอนนี้หัวหน้าไม่ได้ตรงเข้ามาตบโต๊ะเขา หรืออาจจะตบหัวเขา ร่างสูงก็แค่พูดตำหนิและเดินกลับเข้าห้องทำงานไปพร้อมกับเลขาฯ ท่านประธาน

    เมื่อทั้งคู่หายเข้าไปในห้องแล้ว คยูฮยอนก็รีบเปิดคอมฯ เช็คข้อความจากเอ็มเอสเอ็นเมื่อครู่ เขาสะเพร่าไปหน่อยที่เปิดลำโพงทิ้งไว้ และลืมปิดเสียงโปรแกรมสนทนา เขาจึงทำตอนนี้ จากนั้นก็ค่อยอ่านข้อความ

    Lee Hyukjae        Choi Siwon, says: เลิกงานแล้วไปกินข้าวกันมั้ย

    คยูฮยอนเหลือบมองนาฬิกาและพิมพ์ตอบกลับไป

    Cutie Kyuhyunnie, I hate my fucking boss says: งานไม่เสร็จว่ะ ทำไงดี?

    Lee Hyukjae        Choi Siwon, says: รอได้ กี่โมงล่ะ?

    Cutie Kyuhyunnie, I hate my fucking boss says: เที่ยงคืน รอได้ปะ?

    Lee Hyukjae        Choi Siwon, says: แกจะบ้าเหรอ งานอะไรวะ นานป่านนั้น

    Cutie Kyuhyunnie, I hate my fucking boss says: หัวหน้าจอมโหดเอามาโยนให้เมื่อเช้า งานของปีหน้า แต่ให้ทำวันนี้ส่งวันนี้ ร่างแบบผลิตภัณฑ์ 60 กว่าชิ้น ใครจะทำเสร็จ แม่ง...น่าโมโห

    Lee Hyukjae        Choi Siwon, says: เออว่ะ โดนแบบนี้อีกแล้วสินะแก น่าสงสารชะมัด วันนี้ซีวอนไม่อยู่ ฉันเลยเหงาๆ อยากเลี้ยงข้าวแก แต่ถ้าแกไม่ว่างก็ไม่เป็นไร

    คยูฮยอนตาโต รีบพิมพ์ตอบกลับไปโดยไม่คิด

     

    Cutie Kyuhyunnie, I hate my fucking boss says: ไป!!! เดี๋ยวเลิกงานแล้วจะชิ่งออกไปเลย

    Lee Hyukjae        Choi Siwon, says: ได้เหรอ? แล้วงานล่ะ

    Cutie Kyuhyunnie, I hate my fucking boss says: ช่างมัน...นั่งอยู่ที่ทำงานถึงตีสองฉันก็ไม่มีทางทำเสร็จอยู่ดี

    Lee Hyukjae        Choi Siwon, says: อ้อ โอเค งั้นเจอกันที่ร้านเดิม

    Cutie Kyuhyunnie, I hate my fucking boss says: ได้เลย แล้วเจอกัน บาย

    Lee Hyukjae        Choi Siwon, says: บาย

     

    เมื่อเลขาฯ ท่านประธานเข้าไปคุยในห้องหัวหน้าคิมนานเกิน 15 นาทีแล้ว พนักงานหลายคนจึงหันไปซุบซิบกัน

     

    คยูฮยอนไม่สนใจเลยสักนิด เขาฉวยโอกาสนี้รีบเก็บของใส่กระเป๋า ภาวนาให้ทั้งสองคนคุยกันนานๆ นานจนเลยแวลาเลิกงาน สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องไปที่เข็มวินาทีของนาฬิกา ไม่นานมันก็เดินมาถึงเวลาที่เขารอคอย

    สิบ...เก้า...แปด...เจ็ด...หก...ห้า...สี่...สะ...สาม...สอง........หนึ่ง..........ศูนย์!!!!

    เสียงกริ่งเลิกงานดังลั่น คยูฮยอนคว้ากระเป๋าและวิ่งออกจากออฟฟิศด้วยความเร็วสูง ก่อนประตูห้องของคังอินจะเปิดออกเพียงไม่กี่วินาที เลขาฯ สาวเดินออกมาด้วยท่าทีเรียบเฉย และเดินออกไปจากฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์โดยไม่พูดอะไร คังอินออกมาส่ง เขามองไปที่โต๊ะของโจคยูฮยอนและพบว่ามันว่างเปล่าเสียแล้ว

    เร็วจริงนะ พรุ่งนี้เจอตัวล่ะน่าดู!” เขาพึมพำอย่างนึกเจ็บใจ

     

    ยัยนั่นน่ะนะจะคุยเรื่องงาน ฉันได้ยินสาวๆ ในแผนกบริหารซุบซิบกันว่ายัยเลขาฯ นั่นมารยาจะตาย ฮยอกแจพูดขณะยกน้ำขึ้นดื่ม คยูฮยอนมองเพื่อนและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

    เค้าอาจจะคุยเรื่องงานจริงๆ ก็ได้นี่นา

    งานอะไรล่ะ...งานคริสต์มาส...งานปาร์ตี้...งานเลี้ยงของบริษัท ฉันว่ายัยนั่นต้องวางแผนจะชวนหัวหน้าคิมมาเป็นคู่ออกงานสุดสัปดาห์นี้แน่

    คยูฮยอนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาถามเพราะไม่เคยรู้มาก่อน งานอะไรวะ มีด้วยเหรอ

    เออสิ ไปอยู่ไหนมาวะ ที่บริษัทประกาศแล้วว่าจะมีงานเลี้ยงภายใน ตอนค่ำๆ วันที่ 25 ธันวา ให้แต่ละคนพาคู่ของตัวเองมาด้วย จะเป็นคนนอกหรือคนในบริษัทก็ได้

    ดีจัง! แล้วนายจะพาใครมาล่ะ ซีวอนเหรอคยูฮยอนถามอย่างตื่นเต้น เพื่อนจึงยิ้มและพยักหน้า

    เออสิ มีแฟนก็ต้องพาแฟนมาสิวะ

    เห็นคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนปีสองแล้ว ไม่เบื่อกันบ้างรึไง

    ฮยอกแจเลิกคิ้วใส่คนปากดี และแกล้งทำเป็นไม่สนใจตอบ แต่คยูฮยอนยังรอคำตอบเขาอยู่ เขาจึงเงยหน้าขึ้นและพูดแซว

     

    ทำไม? อิจฉาเหรอ...คนโสด

    ถึงจะแทงใจดำแต่คยูฮยอนก็ยังยิ้มกลบเกลื่อนได้อย่างแนบเนียน เขาหยิบส้อมขึ้นมาเขี่ยสปาเกตตี้ในจานและหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของเพื่อน

    ใครจะอิจฉา นายต่างหากที่น่าจะอิจฉาฉัน โสดแล้วดีจะตาย มีอิสระ ทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่ต้องแคร์ใคร เด็กหนุ่มยักคิ้วใส่และยิ้มอย่างเหนือกว่า เขานึกได้ หยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดอัลบั้มภาพ นี่ๆ เมื่ออาทิตย์ก่อนไปกินไอศกรีมมา มีโปรโมชั่นวันคริสต์มาส เป็นไง น่ารักมั้ย คุ้กกี้รูปสโนว์แมนอันนี้อร่อยด้วยนะ แล้วนี่! แก้วสตาร์บัคส์ลายสโนว์เฟล็ค ถ้ากาแฟร้อนจะเป็นลายนี้ สวยมากเลย อ้อ...แล้ววันก่อนฉันก็ไปเดินดูไฟกระพริบที่จัตุรัสหลังมหาลัยมา สวยมากเลยนะ ต้นคริสต์มาสใหญ่เบ่อเริ่มเลย นี่ไง...นายชอบมั้ย

    ฮยอกแจเท้าคางลงกับโต๊ะ เหลือบตามองรูปในมือถือที่เพื่อนยื่นมาให้ดู เขาพยักหน้าพร้อมทั้งส่งเสียงอืมๆ อยู่ในลำคอ

    ไปกินไอศกรีมกับใคร ฮยอกแจถามเรียบๆ

    ไปคนเดียว

    แล้วสตาร์บัคส์ล่ะ

    ก็ไปคนเดียว

    แล้วก็ไปเดินดูไฟคริสต์มาส...คนเดียว?

    คยูฮยอนนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า เขานึกฉุนเมื่อสบตากันแล้วรู้ว่าอีกฝ่ายถามเพราะอะไร

    ใช่ ทำไมเหรอ ไปคนเดียวมันแปลกรึไง ก็เพื่อนไม่ว่างซักคน ไปเที่ยวกับแฟนกันหมด แบบนายนี่ไง ฉันเลยต้องไปคนเดียว

    นี่...ไม่ต้องมาพูดให้รู้สึกผิด โตๆ กันแล้วนะเว้ย ไม่ใช่เด็กสองขวบ จะได้เสียอกเสียใจที่เพื่อนทิ้งไปมีแฟน ถ้าเหงานักแกก็มีบ้างสิวะ หาซักคน จะได้ไม่ต้องไปไหนคนเดียว

    คยูฮยอนทำหน้ามึนใส่เพื่อน ถ้ามันหาง่ายขนาดนั้นก็คงมีไปแล้วล่ะ หรือว่าเดี๋ยวนี้มีขายในตลาด ฉันจะได้ไปซื้อ

    พอเถอะ หยุดประชดได้แล้ว ฉันไม่พูดแล้ว ฮยอกแจหัวเราะและกินข้าวต่อ

    อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้เหงา ไม่ได้อยากมี พี่สาวฉันก็ยังไม่มี ก็ออกแนวแอบชอบเพื่อนสนิท แต่ไม่สมหวังน่ะ ก็ดี...ฉันเลยสบายใจว่าอย่างน้อยก็ยังมีพี่ เวลาจะไปไหนก็ไปกับพี่ได้ เนี่ย! เดี๋ยวคริสต์มาสอีฟปีนี้ว่าจะชวนไปเดินเที่ยวด้วยกัน อาจจะซื้ออะไรไปดื่มฉลองกันที่บ้านด้วย แกอยากไปมั้ย

    ฮยอกแจส่ายหน้าดิก ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเที่ยวต่างประเทศกับซีวอน อืม...แล้วจะกลับมาให้ทันงานปาร์ตี้นะ

    จะไปไหนกันอีกแล้วน่ะ!”

    อาจจะไปญี่ปุ่น ไปเล่นสกี

    คยูฮยอนไม่รู้หรอกว่าทำไมจู่ๆ เพื่อนถึงกระแดะอยากไปเล่นสกีที่ญี่ปุ่นทั้งๆ ที่เกาหลีก็มีให้เล่น แต่ก็คิดว่าฮยอกแจโชคดีชะมัดที่ได้แฟนรวยๆ อย่างชเวซีวอน สองคนนี้คบกันมาตั้งแต่อยู่มหาลัยปีสอง ตอนเรียนอยู่คนละคณะและเมื่อเรียนจบก็ทำงานคนละที่ ซีวอนเองเป็นหนุ่มหล่อเสน่ห์แรง ส่วนฮยอกแจก็มีหนุ่มมาจีบเยอะพอควร แต่อย่างไรทั้งคู่ก็คบกันและรักกันดีจนถึงทุกวันนี้

    เออ แล้วแบบนี้นายจะพาใครมางานปาร์ตี้ที่บริษัทวะ

    คำถามนั้นทำให้คยูฮยอนกลุ้มใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังมีตัวเลือก พี่อาราไง! ฉันจะชวนพี่อารามา

    ให้ตายเถอะ...เอางี้ดีมั้ย ฉันจะหาปาร์ตี้จับคู่ดีๆ ให้แกก่อนหน้านั้น แล้วแกก็หาคนที่ถูกใจสักคน ไว้ควงมางาน

    ไม่เป็นไร ฉันไม่ว่างหรอก มีงานอีกเยอะต้องรีบเคลียร์ให้เสร็จ ไม่งั้นอย่าว่าแต่จะไม่มีคู่ควงไปงานเลย...ฉันจะมีชีวิตรอดไปถึงวันนั้นรึเปล่าก็ยังไม่รู้  คยูฮยอนรีบปฏิเสธแถมยังพาดพิงไปถึงบุคคลที่สาม ฮยอกแจจึงหัวเราะ

    กลัวอะไรเล่า! โธ่ อย่าทำตัวเป็นพวกบ้างานนักเลย เดี๋ยวก็เหมือนหัวหน้าคิมหรอก ทำงานอยู่กับเซรามิคทั้งวันทั้งคืน เลยเย็นชา แข็งกระด้าง เหมือนเซรามิคเข้าไปทุกทีแล้ว

    คยูฮยอนหัวเราะพรืดเพราะมุกของเพื่อน เขาพึมพำทวนประโยคนั้นและยิ้มร่า ยืมไปใช้นะ รับรองว่าประโยคนี้ต้องกลายเป็นคติพจน์ประจำออฟฟิศ

    จะบ้าเหรอ เดี๋ยวก็เจอดีหรอก ฉันว่าหัวหน้าคิมเค้ารู้ตัวน่า แต่เค้าก็เป็นแบบนั้นแหละ อย่ายุ่งกับเค้าเลย

    เด็กหนุ่มนิ่งคิด เพราะคำพูดของฮยอกแจ เขาเลยสงสัยขึ้นมาเรื่องหนึ่ง แกว่า...หัวหน้าคิมมีแฟนรึยัง

    ไม่รู้สิ รู้แต่เค้าออกจะเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ที่บริษัท หลายคนก็บอกว่าเค้าคงมีแฟนแล้ว ก็เลยไม่สนใจผู้หญิงที่เข้ามาจีบ หลายคนก็ลือว่าเค้ายังไม่มีแฟน และที่ไม่สนใจสาวๆ พวกนั้นก็เพราะ...

    คยูฮยอนไม่เข้าใจว่าเพื่อนสนิทลากเสียงทำไม เขาอยากรู้ จึงเซ้าซี้ถาม อะไรเล่า! เพราะอะไร?

    เพราะว่าเค้าไม่ชอบผู้หญิงน่ะสิ

    เด็กหนุ่มนิ่งอึ้ง จากนั้นก็เริ่มหัวเราะและส่ายหน้า

    บ้า...คนอย่างนั้นน่ะเหรอจะเป็น...เอ่อ...เป็น...

    เป็นแบบเรา?

     

    คยูฮยอนอึ้งไปอีกรอบเพราะสิ่งที่ฮยอกแจพูดออกมา เขานิ่ง และเริ่มมีสีหน้ากังวล เดี๋ยวนะ...แกก็รู้ว่าฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ ฉันไม่ได้รังเกียจแกกับซีวอนก็จริง แต่ฉันก็ไม่เคยชอบผู้ชายคนไหน ฉันเคยชอบผู้หญิง เคยจีบผู้หญิง ถึงจะจีบไม่ติดก็เถอะ แต่ฉันก็ยังคิดว่าตัวเองชอบผู้หญิง ฉันก็แค่...ยังไม่เคยคบใครก็เท่านั้น

    ฮยอกแจพยักหน้าแบบขอไปที เขาสบตาอีกฝ่าย และพูดขึ้น

    สมัยเรียนมีผู้ชายมาจีบแกเยอะแยะไปหมด ฉันรู้ว่าแกสนใจ แต่เพราะแกคิดว่าตัวเองชอบผู้หญิง แกก็เลยไม่กล้าเปิดใจกับผู้ชายคนไหน แกบอกว่าชอบผู้หญิง แต่แกไม่คบกับผู้หญิงเพราะจริงๆ แล้วแกทำใจไม่ได้ แกอยากมีคนดูแล ไม่ใช่ดูแลคนอื่น

    คยูฮยอนอ้าปากจะเถียง แต่แล้วก็เงียบไป เปลี่ยนเป็นพูดเบาๆ คือที่แกพูดมา...ฉันเถียงไม่ออกแค่ตอนท้ายๆ เอง แต่การอยากมีคนดูแล มันไม่จำเป็นว่าฉันต้องชอบผู้ชายไม่ใช่รึไง

    อืม...มั้ง แกคาดหวังจะให้ผู้หญิงมาดูแลแกเหรอ ก็ได้...ถ้าพวกเธอยอม

    นี่เราพูดถึงหัวหน้าคิมกันอยู่ไม่ใช่รึไง แล้วทำไมมาถึงเรื่องฉันได้ล่ะ พอแล้ว...นอกประเด็นแล้ว คยูฮยอนรีบตัดบทและดูดน้ำส้มจากหลอดแก้เก้อ ฮยอกแจมองนิ่งๆ แล้วยกยิ้ม เปลี่ยนประเด็นกลับไปเรื่องเดิมให้ตามต้องการ

    แล้วถามถึงเค้าทำไม อยากได้เค้าเป็นแฟนรึไง

    คยูฮยอนสำลักน้ำส้ม ไอแค่กๆ และรีบหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาซับ จะบ้าเหรอ! คนแบบนั้น...ใครจะอยากได้เป็นแฟน

    อ้าว! ไม่รู้สิ นึกว่าแกชอบแบบซาดิสม์ โดนโขกสับทุกวันก็เลยมีอารมณ์...

    เฮ้ย! นี่แกพูดอะไรออกมาเนี่ย!” คยูฮยอนหน้าแดง พูดตะกุกตะกักอย่างรับไม่ได้กับคำพูดร้ายกาจของเพื่อน ลามกที่สุดเลย ฉันจะฟ้องซีวอน หมอนั่นไม่ชอบใจแน่

    ไม่หรอก ฉันก็พูดแบบนี้กับเค้าประจำ เซ็กซี่ดีออกนะ

    ครู่หนึ่งโทรศัพท์ดัง ฮยอกแจหยิบขึ้นมาและยิ้มขณะดูเบอร์ที่โชว์หน้าจอ เขากดรับสาย คยูฮยอนรู้ทันทีว่าใครโทรมา เพราะนอกจากจะเรียกกันว่าที่รักแล้ว รายนั้นยังพูดพาดพิงถึงเขาอีกด้วย

    อือ อยู่กับไอ้คยูฮยอน กินข้าวกันอยู่ เนี่ย...นั่งหน้างออยู่ตรงนี้แหละ เปล่านะ...ไม่ได้ทะเลาะกัน อืม...อะไรนะ...กลับมาถึงแล้วเหรอ ได้ๆ เดี๋ยวไปหา โอเค จะรีบนะ บาย ฮยอกแจวางสายและหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา เขาเรียกพนักงานมาเช็คบิล

    คยูฮยอนยืดตัวขึ้น และมองการกระทำของเพื่อน

    นายจะไปไหนน่ะ

    ไปหาซีวอนที่สนามบิน เพิ่งกลับมาถึงเนี่ย เร็วกว่าที่คิดไว้แฮะ นึกว่าเครื่องจะดีเลย์ซะอีก

    อ้าว แล้วนี่จะไปเลยเหรอ ฉันยังกินไม่หมด...

    แกก็นั่งกินต่อไปนะ อะ! ฉันจ่ายให้เรียบร้อยแล้ว ขอบใจที่มาให้เลี้ยง ฮยอกแจวางบัตรเครดิตใบหนึ่งลงบนถาดหลังจากเช็คดูรายการอาหารและราคาเรียบร้อยแล้ว คยูฮยอนจ้องบัตรสีทองอร่าม ใบนั้น และเอ่ยขึ้น

    แกดูสบายใจที่ได้ใช้เงินนะ...

    แน่นอน ไม่ใช่บัตรตัวเองนี่ แถมรูดได้ในวงเงินไม่จำกัดด้วย 

    ...

    ฮยอกแจเห็นอีกฝ่ายเงียบไป จึงพูดยั่ว

    อิจฉาเหรอ คนโสด

    คยูฮยอนหัวเราะฝืดๆ อย่างนึกแค้น นอกจาก โสดแล้ว ยัง จนอีกด้วยนะเว้ย เออ! อิจฉามาก! เพราะฉะนั้นจะไปไหนก็ไปเลย!”

    ฮยอกแจหยิบกระเป๋ามาสะพายและเลิกคิ้วใส่เพื่อน เขารับบัตรเครดิตคืนจากพนักงาน พลางลงลายเซ็นอย่างสบายใจ

    จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น และโบกมือไว้เจอกันคราวหน้า

    อืม แล้วเจอกัน คยูฮยอนโบกมือตอบ มองตามจนรายนั้นเดินออกไปจากร้าน

     

    เกิดเป็นลีฮยอกแจนี่โชคดีจังเลยนะ ได้แฟนที่ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมยังนิสัยดี เขาไม่เคยมีแฟนก็จริง แต่เคยคิดว่าถ้าจะมีแฟนล่ะก็ เขาอยากจะได้อย่างชเวซีวอนบ้าง แต่ก็เป็นแค่ฝันเฟื่องเท่านั้น เขาคิดว่าตัวเองไม่เคยชอบผู้ชาย แต่เขาก็เผลอนึกอิจฉาฮยอกแจทุกครั้งที่เห็นรายนั้นอยู่กับซีวอน คงเพราะซีวอนเป็นคนที่เพอร์เฟคในสายตาเขาล่ะมั้ง แต่ถ้าเขาอยากจะมีใครสักคนอยู่เคียงข้างจริงๆ แค่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข...ก็น่าจะพอแล้ว

    คยูฮยอนก้มลงกินสปาเกตตี้ในจาน ระหว่างนั้นก็มองออกไปนอกหน้าต่าง เขารู้สึกเหงาๆ ทุกครั้งที่กินข้าวคนเดียว ขณะที่เห็นโต๊ะข้างๆ มากับคนรัก เขาคงถึงคราวที่ต้องการใครสักคนบ้าง แต่ก็ใช่จะหาได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่

    ตอนนี้อากาศหนาว และมีหิมะตก คยูฮยอนนั่งเท้าคาง หยิบมือถือบนโต๊ะขึ้นมาเปิดดูรูปอีกรอบ ตอนไปคนเดียวน่ะไม่เคยเหงาหรอก เพิ่งมาเหงาเอาตอนที่โดนฮยอกแจถาม

    ยิ่งอากาศหนาวๆ แบบนี้...ยิ่งเหงาเข้าไปใหญ่

    มีคนมานั่งโต๊ะตรงข้าม คยูฮยอนไม่ได้สนใจ แต่เมื่อได้ยินเสียงรายนั้นสั่งอาหาร เขาก็หันไปมองเพราะรู้สึกคุ้นๆ

     

    หัวหน้าคิม!’

    คยูฮยอนรีบคว้าเมนูมาปิดหน้า นั่งตัวแข็งเพราะกลัวจะโดนด่าเรื่องหนีกลับโดยที่งานไม่เสร็จ พนักงานเดินกลับไปสั่งอาหารในครัว เด็กหนุ่มจึงค่อยโผล่ลูกกะตาออกไป ลอบมองคนที่นั่งอยู่โต๊ะริมหน้าต่างฝั่งตรงข้าม

     รายนั้นมาคนเดียว เขานั่งกอดอกเพราะรู้สึกหนาว ขณะที่สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จับจ้องที่หิมะขาวๆ ด้านนอก ดวงตาที่อยู่ภายใต้แว่นดูหม่นลงเล็กน้อย คังอินเม้มริมฝีปากและหันมาหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะ จังหวะนั้นก็รู้สึกเหมือนมีใครจ้องอยู่

    คยูฮยอนผลุบศีรษะกลับเข้าไปหลังสมุดเมนู คังอินหันมามอง แต่ไม่ได้ติดใจอะไร เขายกน้ำขึ้นดื่ม และมองออกไปทางเดิม คยูฮยอนลดสมุดลง มองท่าทีของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจนัก ครู่หนึ่งคังอินก็หยิบมือถือออกมา กดถ่ายภาพบรรยากาศด้านนอก

     

    อา...

    ทำไมคยูฮยอนถึงได้รู้สึกใจหายและเศร้าใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเห็นภาพตัวเองสะท้อนจากโต๊ะตรงข้ามนั่น เขาเห็นหัวหน้าคิมมองรูปที่เพิ่งถ่ายเสร็จและยิ้มอยู่คนเดียว

    ไม่ต่างอะไรจากเขาเลย

     

    คยูฮยอนได้แต่นั่งมอง เขาไม่นึกเลยว่าหัวหน้าคิมจะมีมุมแบบนี้บ้างเหมือนกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาร่างสูงยิ้มแล้วดูน่ารัก ไม่ได้เย็นชาอย่างตอนทำงานเลย ที่แปลกเพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นรอยยิ้มของห้วหน้าคิมบ่อยนัก ครั้งแรกเห็นจะเป็นตอนที่เอาของขวัญมาให้เขาในงานอำลาจบการฝึกงาน และนี่ก็เป็นครั้งที่สอง...ที่เขาได้เห็น

    ถ้ารู้ว่าถ้ายิ้มแล้วจะดูดีขนาดนี้ เขาคงจะหลอกให้ยิ้มบ่อยๆ

     

    คังอินหันมาเพราะรู้สึกว่ามีคนจ้องอีกแล้ว คราวนี้เขาสบตาเข้ากับเด็กหนุ่มที่นั่งเหม่อมองมาทางเขา คยูฮยอนเริ่มรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นฝ่ายนั้นมองอย่างตั้งคำถาม เขาจึงระลึกได้ว่างานเข้าเสียแล้ว

     

    เด็กหนุ่มใจเต้นรัวเพราะความตกใจ เขาเห็นหัวหน้าคิมกำลังอ้าปากจะเรียก จึงรีบคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกไปนอกร้าน ถึงจะรู้สึกผิดแต่ก็คิดว่าจำเป็น เพราะขืนไม่หลบก็คงโดนทวงงาน และต้องถูกลากตัวกลับไปนั่งทำจนสว่างแน่นอน

     

     

    คยูฮยอนกลับมาถึงบ้าน เขาเปิดประตูเข้าไป และเห็นพี่สาวนั่งร้องไห้อยู่ที่โซฟา

    พี่อารา...

    รายนั้นหันมาตามเสียง เธอปล่อยโฮและวิ่งมาโผกอดเขา

    คยูฮยอน! พี่...ฮึก...คือว่าพี่...สะ...พี่...

    เดี๋ยวๆ ผมว่าพี่ใจเย็นๆ ก่อนนะ หายใจลึกๆ แล้วค่อยพูด

    คยูฮยอนลูบหลังพี่สาว และรอจนเธอสงบ อาราสูดหายใจเข้าปอดและผละออก เธอมองเขาอย่างจริงจัง ก่อนจะเริ่มเล่า

    พี่สารภาพรักกับเค้าแล้ว

    หา...พี่ทำได้ไงเนี่ย พี่เป็นผู้หญิงนะ ไปสารภาพกับผู้ชายก่อนได้ยังไง คยูฮยอนยกมือเท้าสะเอวและแกล้งทำหน้าลำบากใจ รู้สึกว่าตัวเองเลวที่แอบสะใจอยู่ลึกๆ อย่างน้อยพี่สาวเขาก็จะยังโสดในวันคริสต์มาสปีนี้ แต่อย่างไรเขาก็ต้องทำตัวเป็นน้องชายที่ดี ปลอบใจเสียหน่อย แล้วนี่ถูกปฏิเสธล่ะสิ ไม่เป็นไร...ร้องไห้ออกมาให้หมดเลยพี่ ไม่เป็นไรนะ พี่ยังมีน้องชายอย่างผมอยู่ทั้งคน เอาเถอะ ร้องแล้วก็ลืมเค้าซะ คนอย่างนั้นน่ะ...

    เค้าชอบพี่! คยูฮยอน! เค้าบอกว่าเค้าก็ชอบพี่!”

    เด็กหนุ่มชะงัก พลางอ้าปากค้าง อะ...อะไรนะ?   

    อาราร้องกรี๊ดอย่างดีใจ แล้วโผเข้ากอดน้องชายอีกรอบ เธอตะโกนลั่น พี่มีแฟนแล้ว! ในที่สุดเค้าก็ใจตรงกับพี่ พี่ดีใจจังเลย!”

    คยูฮยอนหน้าเจื่อน เขาต้องเก็บอาการไม่พอใจเอาไว้เมื่อพี่สาวผละออกมามองหน้าเขา

    ดีนะที่พี่ตัดสินใจพูดออกไป พี่บอกเค้าว่าคริสต์มาสมอบความกล้าหาญให้พี่ พี่อยากมีใครซักคนฉลองคริสต์มาสปีนี้ด้วยกัน และคนๆ นั้นก็ต้องเป็นเค้าคนเดียวเท่านั้น เค้าอึ้งไปเหมือนกันนะ จากนั้นเค้าก็ยิ้ม แล้วบอกว่า โจอารา ขอบใจนะที่มาบอกฉัน ฉันเองก็ชอบเธอมานานแล้ว แต่ฉันไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่าถ้าเธอไม่ชอบฉัน เราจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ได้ ตอนนี้ฉันสารภาพกับเธอแล้ว ได้โปรดคบกับฉันนะ เราจะฉลองคริสต์มาสด้วยกันสุดยอดเลยใช่มั้ยล่ะ อย่างกับฝันไปแหน่ะ! พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเค้าเองก็แอบชอบพี่...

    อืม ดีใจด้วย ปากของโจคยูฮยอนไม่ได้ตรงกับใจเลยสักนิด เขาไม่ได้หวงพี่สาว แต่เขาห่วงว่าปีนี้เขาจะไม่เหลือใคร

    อารายิ้มกริ่ม และเริ่มเลียบๆ เคียงๆ พูดเข้าประเด็น

    คืองี้นะ...พี่กับเค้าก็เลยวางแผนกันว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน 3-4 วันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และเราจะไปฉลองคริสต์มาสกันที่โน่น

    สิ่งที่กังวลเป็นจริงอย่างรวดเร็วและทันใจเสียด้วย เด็กหนุ่มพูดอะไรไม่ออก เขากำลังจะค้าน แต่พี่สาวไม่เปิดช่อง

    สรุปว่าตั้งแต่ปลายสัปดาห์นี้พี่ไม่อยู่บ้านนะจ้ะ แล้วจะกลับมาวันที่ 26 ตอนเช้าๆ เป็นเด็กดีนะ

    “พี่จะทิ้งผมไปเที่ยวเนี่ยนะ! พี่ก็รู้ว่าผมอยู่คนเดียวไม่ได้ แล้วถ้าเกิดจู่ๆ ไฟดับขึ้นมา...” คยูฮยอนพูดออกมาเพียงเท่านั้นแล้วก็เงียบ เขาไม่ควรทำให้พี่สาวเป็นกังวลเลยจริงๆ เขาไม่น่าพูดออกมา

    โจอาราผ่อนลมหายใจแล้วฝืนยิ้ม “จริงสินะ...นายกลัวความมืดนี่นา พี่ไม่ควรให้นายอยู่คนเดียวจริงๆ นั่นแหละ”

    คยูฮยอนหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นพี่สาวเขาก็โพล่งออกมา “เอางี้ดีมั้ย! พี่จะลงทุนจองโรงแรมให้นายสักห้อง รับรองว่าที่นั่นไฟไม่ดับแน่นอน!

    คยูฮยอนเบิกตากว้าง “โจอารา! พี่นี่มันเห็นแก่ตัวที่สุดเลย!

                    “ก็นานๆ พี่จะมีโอกาสไปเที่ยวกับแฟนแบบนี้สักที แล้วนายจะใจร้ายกักตัวพี่ไว้แค่เพราะว่านายกลัวไฟดับเนี่ยน่ะเหรอ แล้วก็ไม่ต้องขอไปด้วยเลยนะ พี่อยากอยู่กับแฟนสองต่อสอง...”

    อะไรนะ! พี่จะไปกับแฟนสองคนเหรอ! เพิ่งคบกันวันนี้แล้วจะไปค้างด้วยกันเนี่ยนะ คิดได้ยังไงน่ะ!” คยูฮยอนโพล่งใส่พี่สาว แต่รายนั้นกลับยิ้มกว้างและส่ายหน้าแทนคำตอบ

    เปล่า! ก็ไปกับเพื่อนที่ทำงานอีกหลายคน แต่ก็ไปเป็นคู่น่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ทำตัวเป็นแม่พี่ไปได้ อีกอย่าง...ถ้าพี่จะมีอะไรกับแฟนมันก็ไม่แปลกนะ เรารู้จักกันมานานแล้ว และตอนนี้พี่ก็ทำงานมาหลายปีแล้วด้วย โตพอจะมีเซ็กส์ได้แล้วย่ะ พ่อหนุ่มหัวโบราณ

    นี่พี่จะเสียตัวให้เค้าโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานเหรอ!” คยูฮยอนนึกโมโหและยิ่งทำตัวเหมือนเด็กหัวโบราณเข้าไปใหญ่ พี่สาวของเขาหัวเราะคิกคักและวิ่งหนีเข้าห้อง คยูฮยอนตามไปเคาะ

    ห้ามมีอะไรกับแฟนนะ พี่ต้องรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนถึงวันแต่งงาน รู้มั้ย! พี่อารา! โจอารา! ฟังผมอยู่รึเปล่า!”

     

    โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่นครืดๆ คยูฮยอนหยิบมาดูเบอร์โทรเข้าด้วยความอารมณ์เสีย เขาใจหายวาบเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของคังอิน หัวหน้าจอมเฮี้ยบที่เขาเพิ่งวิ่งหนีมาสองครั้งรวดในวันนี้

    ถ้าไม่รับจะโดนฆ่ามั้ยวะ เด็กหนุ่มกัดริมฝีปาก และชั่งใจอยู่นาน กว่าจะทำใจกล้ารับสาย

    สะ...สวัสดีครับหัวหน้า

    อืม วันนี้เป็นอะไร ดูชีวิตนายรีบๆ นะ ฉันว่าจะทวงงานสักหน่อย แต่นายไม่อยู่ให้ทวง ฉันเลยต้องโทรมา

    คยูฮยอนนึกเสียวไส้ เขาเดินเข้าไปคุยในห้องนอน และรีบแก้ตัว คือวันนี้พี่สาวผมปวดท้องผมเลยต้องรีบกลับมาพาเธอไปส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะกำเริบน่ะครับ

    เหรอ แล้วยังมีกะจิตกะใจแวะกินข้าวก่อนจะพาพี่ไปส่งโรงพยาบาลเนี่ยนะ

    โดนดักทุกทางขนาดนี้ คยูฮยอนจะแถต่ออย่างไรไหว

    เปล่านะครับ พี่สาวเพิ่งโทรมาหลังจากผมกินข้าวเสร็จต่างหาก ผมก็เลยไม่ทันได้ทักหัวหน้า ผมรีบมากเลยครับ เป็นห่วงกลัวว่าพี่สาวจะเป็นอะไรไป...

    คังอินเงียบไปครู่ใหญ่ เด็กหนุ่มจึงเริ่มไม่แน่ใจในผลลัพธ์ เขาคงพูดอะไรไม่น่าเชื่อออกไป และหัวหน้าก็อาจจะโกรธ

    แล้วตอนนี้พี่สาวเป็นยังไงบ้าง

    เอ่อ ดีขึ้นแล้วครับ ตอนนี้พักผ่อนอยู่ คยูฮยอนแกล้งพูดไปตามเรื่อง เขารู้สึกว่าคังอินเชื่อ แต่มันจะง่ายเกินไปรึเปล่านะ

    นายถึงบ้านแล้วใช่มั้ย ตอนนี้มีพายุหิมะ ลมแรงมาก

    ครับ เอ่อ...หัวหน้าโทรมาเพราะเรื่องนี้เหรอครับ

    คังอินกระแอมออกมาเล็กน้อยและพูดเสียงแข็งกว่าเดิม เปล่า! แต่ก็ดีแล้ว อย่าลืมทำงานที่ค้างไว้ ถ้าพรุ่งนี้ไม่เสร็จล่ะน่าดู

    มันต้องใช้เวลานะครับหัวหน้า คิดดูสิ...ร่างแบบผลิตภัณฑ์เยอะขนาดนั้น ทำเสร็จในวันสองวันก็บ้าแล้ว!” คยูฮยอนเผลอพูดออกไปตามที่คิด จากนั้นก็ได้สติ รีบปิดปากตัวเอง

    เมื่อไหร่จะเลิกกวนประสาทฉันซักทีนะคยูฮยอน บริษัทจ้างนายมาทำงาน นี่เป็นหน้าที่ของนาย เพราะฉะนั้นถ้านายจะทำเสร็จแล้วต้องเป็นบ้าไป ฉันก็จะขอให้บริษัทช่วยจ่ายค่ารักษาแล้วส่งตัวนายไปอยู่โรงพยาบาลบ้าก็แล้วกัน

    คยูฮยอนโอดครวญ เขาเห็นว่าเถียงไปก็แพ้ หัวหน้าคิมร้ายกาจเกินไป ผมจะพยายามนะครับ ถึงจะไม่ได้นอน...

    นั่นมันก็เรื่องของนาย แต่ตื่นมาทำงานให้ตรงเวลาแล้วก็เอางานมาส่งฉันที่ห้องทันทีที่มาถึงด้วยนะ คังอินลั่นวาจาและกดตัดสาย

    คยูฮยอนมองโทรศัพท์ และปาลงบนที่นอน

     

    ฮึ่ย! คนอะไรใจร้ายชะมัดเด็กหนุ่มบ่นพึมพำขณะเดินไปเปิดกระเป๋าและหยิบงานออกมานั่งทำต่อ

     

     

    คืนนี้คยูฮยอนลืมตาขึ้นเพราะความรู้สึกเจ็บแปลบที่แผ่นหลัง เขากำลังจะเอื้อมมือไปแตะ แต่ข้อมือข้างหนึ่งขยับไม่ได้ เพราะถูกล็อคด้วยกุญแจมือ อีกมือที่ถือดินสอค้างไว้ก็ถูกล็อคไว้กับโต๊ะเช่นกัน   

    เด็กหนุ่มกรีดร้องเมื่อรู้สึกเหมือนโดนอะไรฟาดอีกครั้ง เขาเอี้ยวศีรษะไปมอง และเห็นผู้ชายตัวสูง ใส่หน้ากากสีดำ และใส่แว่นตาทับหน้ากากอีกที กำลังถือแส้เฆี่ยนเขาอยู่

    แอบหลับในเวลางานอีกแล้วเหรอโจคยูฮยอน! งั้นต้องโดนแบบนี้!” แส้เส้นเล็กฟาดเปรี๊ยะเข้ากลางหลัง คยูฮยอนร้องลั่นและพยายามดิ้นให้หลุดจากกุญแจมือ ทำงานต่อไป! ถ้าทำไม่เสร็จภายในสิบวินาทีนี้ฉันจะเฆี่ยนนายให้ตาย!”

    อะไรนะ เดี๋ยวสิ...

    สิบ...เก้า...แปด...เจ็ด แล้วรายนั้นก็เริ่มนับ คยูฮยอนกลัวจนลนลาน เขารีบก้มหน้าร่างแบบผลิตภัณฑ์ต่อ แต่วาดเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จเสียที หน้ากระดาษเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และรอยดินสอที่ร่างไว้ก่อนหน้าก็จางหายไปทีละเส้น

    หก...ห้า...สี่...

    อย่า! ผมทำไม่ได้ ผมทำไม่ได้! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย! ช่วยด้วย!”            คยูฮยอนเริ่มร้องโวยวาย เขาพยายามดิ้นให้หลุดจากตรวนที่ล็อคข้อมือทั้งสองข้างไว้ แต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด กลับเจ็บข้อมือไปหมด

    สาม...

    หัวหน้า! ไว้ชีวิตผมเถอะ! ผมจะไม่หลับในเวลางานอีกแล้ว ผมจะทำงานให้เสร็จ ผมจะไม่ไปทำงานสาย...ต่อไปผมจะเป็นเด็กดี!”

    สอง...

    ไม่นะ...เชื่อผมเถอะ เชื่อผมสิ!”

    หนึ่ง!” คังอินกระชับแส้ในมือและเงื้อขึ้นสุดแขน คยูฮยอนมองตาค้าง จากนั้นก็ตะโกนลั่น

    อย่า! อย่าทำอะไรผมเลย!”

    ร่างสูงยิ้มเหี้ยมเกรียม และพูดออกมาอย่างเย็นชา ศูนย์

    ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

    แส้คมแหวกอากาศและปะทะเข้ากับแผ่นหลังของโจคยูฮยอน เลือดสีสดสาดเปรอะผนัง เด็กหนุ่มกรีดร้อง และพอรู้สึกตัวอีกที...ในฝันของเขาก็มืดสนิท คยูฮยอนหันมองไปรอบๆ แต่ทุกอย่างก็มืดไปหมด

    “...ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยผมด้วย”

    แล้วเขาก็กรีดร้องเสียงดังกว่าตอนโดนแส้ฟาด แต่แล้วก็เสียงแหบ กระทั่งไม่มีเสียงใดๆ ออกมาพ้นลำคอ คยูฮยอนร้องไห้ออกมาเพราะกลัวมาก เขากอดตัวเองเพื่อให้หายสั่น

     

    และเขาก็หมดสติไปทั้งแบบนั้น โดยที่คราบน้ำตายังเปียกเต็มแก้มตอนที่เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนเช้า...ที่ไม่เช้านัก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×