คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : วิหารกลาง
วิหารกลางแห่งนครพิพากษา เป็นวิหารสำหรับประกอบพิธีสำคัญ และใช้เป็นศาลพิจารณาคดี ถือเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของแอสโทเรีย โครงสร้างของวิหารเป็นสถาปัตยกรรมกรีกโบราณผสมผสานกับอารยธรรมลุ่มน้ำไนล์ ตัววิหารทำด้วยหินอ่อน ลักษณะภายนอกจะคล้ายกับมหาวิหารของเทพซูส แต่การตกแต่งภายในจะค่อนไปทางอียิปต์โบราณ วิหารกลางเป็นวิหารเก่าแก่ที่ค่อนข้างใหญ่เอาการ กินเนื้อที่กว่าร้อยเอเคอร์ เนื่องจากเป็นแหล่งชุมนุมของชาวแอสโทเรีย และขณะนี้ก็มีการชุมนุมเกิดขึ้นแล้ว...
"นี่ ตอนนี้กี่โมงแล้วน่ะ อีกไกลมั้ยกว่าจะถึงวิหารที่ว่านั่น??" กลอร่าถามด้วยความหงุดหงิด เนื่องจากอากาศค่อนข้างร้อน แม้ว่าการเดินทางไปวิหารกลางจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้ย่างเท้าออกจากเคหาสถ์แสงจันทร์ และสิ่งแปลกใหม่รอบตัวก็ดึงความสนใจเธอได้มากโขอยู่ แต่มันก็ไม่สามารถทำให้เธอลืมอากาศร้อนนี่ได้อยู่ดี
"ตอนนี้ก็ใกล้จะ 10 โมงเช้าแล้วล่ะ อีกไม่ไกลก็ถึงวิหารแล้วด้วย น่าจะไปทันเวลานะคะท่านพี่" คลอเดียบอก พร้อมหันไปพูดประโยคสุดท้ายกับอีรีส
"ยิ่งใกล้ถึงวิหาร คนยิ่งเริ่มเยอะขึ้น ถึงพวกเราจะใช้รถม้า แต่ถ้าคนเยอะแบบนี้ก็คงฝ่าไปไม่ได้" อีรีสมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อสังเกตการณ์ แล้วตอบน้องสาว
"ช่วยไม่ได้ ก็พวกเราออกมากันช้าเอง ฉันว่าเปิดประตูมิติเวลาดีกว่า สะดวกกว่ากันเยอะ" ไคล์เสนอ
"อืมม นั่นสิ เพราะถ้าให้ลงไปเดิน อาจจะถึงเร็วขึ้นก็จริง แต่คงไปไม่ทันอยู่ดี" อลันสนับสนุน
"พูดเรื่องอะไรกันน่ะ ประตูมิติเวลาอะไร??" กลอร่าถามเพราะเริ่มงง
"เดี๋ยวก็รู้เอง" อีรีสพูด พร้อมทำสีหน้าเบื่อหน่าย และบอกตัวเองว่าคงต้องสอนการใช้ชีวิตที่นี่ให้เจ้าหล่อนก่อนเป็นอย่างแรก แบบนี้ฉันคงปล่อยเธอคลาดสายตาไม่ได้ อีรีสคิดแล้วก็ถอนหายใจ
"ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้เลยนะ แล้วก็อย่ามามองหน้าฉัน แล้วถอนหายใจด้วย" กลอร่าเริ่มฉุน
"ไม่เอาน่า พวกนายนี่ว่างเป็นไม่ได้เลยนะ หาเรื่องทะเลาะได้ทุกนาที เป็นคู่หมั้นกันแท้ๆ ถ้าแต่งงานไปแล้วจะเป็นไงเนี่ยะ??" ไคล์บ่นเพราะเริ่มเอือมระอา แต่ก็ไม่วายโดนกลอร่าชำระโทษด้วยการชกหน้าอันหล่อเหลา (ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะยะ) และต้องรับมือสายตาอันเย็นชาของอีรีสที่บอกว่ายุ่งไม่เรื่อง
"พอเถอะ ไปกันดีกว่า" คลอเดียห้ามทัพ แล้วรีบเปิดประตูมิติเวลา เพราะขืนปล่อยไว้แบบนี้ คงไปไม่ถึงวิหารกันแน่
พอคลอเดียพูดจบ เธอก็พึมพำอะไรบางอย่าง แล้วแสงสว่างก็เกิดขึ้นบนมือ มันค่อยๆ ขยายใหญ่ไปเรื่อยๆ จนกลืนรถม้าไปทั้งคัน และแล้วรถม้าของตระกูลเดอ ลูนก็หายไปจากท้องถนน สร้างความแตกตื่นให้ผู้คนที่ต่างมุ่งหน้าไปวิหารกลาง
บริเวณด้านหน้าวิหารกลาง ชาวบ้านเริ่มหนาตา เพราะใกล้เวลาตามที่ประกาศไว้เต็มที แต่แล้วจู่ๆ รถม้าตระกูลเดอ ลูนก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาสาธารณชน
"เฮ้... นี่มันตราประจำตระกูลเดอ ลูนนี่" หนุ่มชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นสัญลักษณ์คันชั่งทองคำบนรถม้าสีดำสนิท คนอื่นๆ เริ่มสังเกตตาม แล้วเสียงพูดคุยซ่อกแซ่กก็ดังขึ้น
ไคล์เปิดประตูรถม้าแล้วลงมาคนแรก ตามด้วยอลันที่กำลังส่งมือให้คลอเดีย
"กรี๊ดดดดดดด นั่นท่านอลันกับคุณไคล์นี่นา" สาวๆ ส่งเสียงคล้ายจะเป็นลม (เฮ้ยยยย.. ไม่ใช่ๆ) ส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นตะหาก
"ไม่ว่าจะมองยังไง ท่านอลันก็สวยไม่มีที่ติจริงๆ เสียดายจังไม่น่ามีเจ้าของแล้วเลย" สาวคนหนึ่งรำพัน
"ช่างท่านอลันเถอะน่า ยังไงซะก็ถือว่าเป็นอาหารตาได้แล้วกัน สนใจคุณไคล์ดีกว่า เพราะยังไม่มีใครจอง" แม่สาวอีกคนหนึ่งพูด (ผู้หญิงก็มองผู้ชายเป็นอาหารตาได้เหมือนกัน เนอะๆ)
"ว้ายยยยยย ตายแล้วววว ท่านเทพบุตรอีรีสล่ะเธอ วันนี้ก็หล่ออีกแล้ว ดูดวงตาท่านสิ กรี๊ดดดด จะละลายแล้ววว" สาวนางหนึ่งส่งเสียงร้องพอเห็นอีรีสตามคลอเดียลงมา (แต่แหมมม เขาไม่ได้มองเธอซะหน่อย จะละลายไปไหนกันยะ)
ฝ่ายอีรีสกำลังส่งมือให้กลอร่าเพื่อช่วยเธอลงจากรถม้า กลอร่าเห็นดังนั้นก็ยอมส่งมือให้โดยดีพร้อมแก้มขึ้นสีแดงเรื่อนิดๆ ด้วยความเขินอายบวกดีใจหน่อยๆ แต่ก็ไม่วายปากไวพูดออกไปว่า "นายนี่ก็เป็นสุภาพบุรุษเหมือนกันนะ นึกว่าจะป่าเถื่อนกว่านี้ซะอีก" แล้วก็รีบเอามือปิดปาก
"ถ้าเธอชอบแบบป่าเถื่อนล่ะก็ ได้นะ จัดให้" อีรีสตอบ นัยน์ตาระริกส่อประกายอะไรบางอย่าง ว่าแล้วก็อุ้มกลอร่าขึ้นพาดบ่า เดินนำหน้าเข้าวิหารกลางไป ปล่อยให้คนที่เหลืออึ้งเพราะนึกไม่ถึง แล้วรีบเดินตาม
ส่วนพวกสาวๆ พอเห็นฉากนั้นก็ตกใจ เงียบไปสักพัก แต่พอพวกอีรีสลับหายไปในวิหาร เสียงโวยวายที่หายไปกลับดังยิ่งกว่าเดิม
"กรี๊ดดดดดดดด แม่นั่นใครกันน่ะ ทำไมท่านอีรีสต้องไปอุ้มมันด้วยยยย!!!"
"ตายแล้วววว!!! ยอมไม่ได้ ท่านอีรีสเป็นของช้านนนนนะ"
"คอยดู ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าหล่อนเป็นใคร อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขน่ะ"
บรรดาสาวๆ ที่เป็นแฟนคลับอีรีสต่างอดรนทนไม่ได้กับสิ่งที่เห็น พร้อมส่งสายตาอาฆาตตามกลอร่าที่ไม่รู้เรื่องด้วย ขณะเดียวกันพวกผู้ชายที่เห็นกลอร่ากลับมีปฏิกิริยาต่างกับพวกผู้หญิงโดยสิ้นเชิง
"แม่เจ้าโว้ยยยย ใครกันวะนั่น อย่างกับนางฟ้าแน่ะ"
"ข้าว่าท่านคลอเดียสวยแล้วนะ แต่หญิงสาวเมื่อครู่สวยยิ่งกว่าอีก"
"หวังว่าคงไม่ใช่ผู้หญิงของท่านอีรีสหรอกนะ ไม่งั้นข้าคงอกหัก"
ความลับไม่มีในโลก (ก็ไม่คิดจะให้เป็นความลับนี่หว่า) ยิ่งมีคนเห็นมากเท่าไหร่ ข่าวเรื่องอีรีสกับกลอร่าก็ยิ่งกระพือไปไกลมากเท่านั้น ตามสัจธรรมที่ว่า ปากคนนั้นยาวกว่าปากกา และยิ่งเล่ากันไปแบบปากต่อปาก ก้อกลายเป็นข่าวลือที่ใส่สีตีไข่จนเป็นว่า อีรีสรับสาวงามปานเทพธิดานางหนึ่งลงจากรถม้า แล้วบรรจงอุ้มเธอเดินเข้าไปในวิหาร พร้อมส่งสายตาหวานซึ้งให้กันและกัน ราวกับว่ามีเพียงเธอและเขาเท่านั้นในโลกใบนี้ (อิอิอิ ว่าเข้าไปนั่น หุหุหุ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คนเขียนจะขอเป็นกลอร่าเองเรยยย)
ความคิดเห็น