ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    D&D (Devil & Demon)

    ลำดับตอนที่ #7 : สายสัมพันธ์เลือด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 526
      0
      8 ส.ค. 49

    ตอนที่ 7 สายสัมพันธ์เลือด


     

                    ทิเบต!!??”ผมร้องอย่างตกใจเมื่อได้ยินว่าเป้าหมายที่พวกเราต้องมุ่งหน้าไปคือทิเบตซึ่งอยู่แทบเอเชียซึ่งผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าคาโรโร่เคยเหยียบไปในโซนเอเชียด้วย เขาเคยบอกว่ามีปัญหาเรื่องภาษาการพูดเลยไม่ชอบไปในที่สื่อสารกันไม่เข้าใจ แถมด้วยวัฒนธรรมศาสนาที่แตกต่างทำให้ถูกต้อนรับแบบที่ไม่ค่อยดีนัก

     

                    จริงสิ คีวิลไม่เคยไปที่ทิเบตใช่ไหมเจรินถามพลางยิ้มแบบไม่ชอบมาพากล

     

                    ปัญหาไม่ใช่เคยไปไม่ไป แต่เพราะฉันไม่คิดจะไปเหยียบเอเชีย ทั้งประวัติสำรอง ที่อยู่ ภาษา แทบทุกอย่างไม่มีอยู่เลยสักอย่างผมยักไหล่เพราะก็อย่างที่พูดเพราะไม่คิดจะไปก็เลยไม่คิดจะเตรียมตัวไว้เลยสักนิด

     

                    แล้วมาคุยว่าเคยไปมาแล้วทั่วโลกเจรินเริ่มมองผมอย่างดูแคลนซึ่งเธอรู้ว่าจุดอ่อนของผมคือการไม่ชอบให้คนอื่นมาดูถูก

     

                    คนเราก็ต้องมีข้อยกเว้นบ้างสิผมเสริมเพราะเธอตีกว้างไปหน่อย อย่างแถวตะวันออกกลางก็เคยไปมาแล้วถึงจะเพียงแค่ครั้งเดียวก็เถอะ

     

                    เรื่องประวัติที่จะใช้ผ่านเข้าประเทศไม่ต้องห่วงหรอก เราจะแอบเข้าไปกันด้วยเครื่องบินส่วนตัวเพราะตอนนี้ทางพวกฟรีเมนกับบาทหลวงขาวมาเวลคงกางตะข่ายดักรอพวกเราไว้หมดแล้ว อีกอย่างมีฉันนำทางไม่ต้องกลัวหรอก ฉันรู้เส้นทางที่ใช้เล็ดรอดเข้าได้ทุกประเทศแบบไม่ต้องผ่านด่านอะไรเลยเจรินทุบอกอย่างมั่นใจ

     

                    สมแล้วอยู่มานานและแล้วผมก็เห็นประโยชน์ของการอยู่ในนานเป็นไดโนเสารุ่นทวดของเจรินจนได้

     

                    ว่าแต่เธอมีด้วยเหรอ ไอ้เครื่องบินส่วนตัวนะ........ถ้าจำไม่ผิดเธอยังติดหนี้ทั้งกับธนาคารแล้วก็แมกดาเรียอยู่อีกตั้งหลายสิบล้านเลยนะแคลอรีนหันมาถามจนเจรินต้องเหงื่อตกและพูดเสียงต่ำๆ ออกมา

     

                    เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยๆ หาเอา

     

                    .........เจรินไปทำอะไรมาเหรอ ทำไมถึงมีหนี้ท่วมหัวแบบนั้นล่ะผมกระซิบถามกับแคลอรีนที่ดูท่าจะรู้ทุกอย่างของเจรินดี

     

                    หล่อนเป็นพวกติดการพนันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ขนาดเคยเสียพนันให้กับคาโรโร่จนต้องแก้ผ้าเดินกลับบ้านมาแล้วด้วยนะแคลอรีนกระซิบให้ฟังแต่เจรินก็หูดีจนต้องรีบหันมาร้องห้ามเอาไว้

     

                    ........แก่กะโหลกกะลาจริงๆผมถอนหายใจก่อนจะเดินไปหาจีเวลเพื่อปรึกษาเรื่องเครื่องบินเพราะอย่างเธอคงหาให้ได้ไม่ยาก แต่เจรินก็ยังตามกัดผมไม่ปล่อย

     

                    คีวิล พูดงี้หมายความว่าไงหา~~~”

     

                    หนวกหูน่า ถ้าว่างมากก็ช่วยพาแคลอรีนไปซื้อของในเมืองหน่อยล่ะกัน เดี๋ยวพอหาเครื่องได้แล้วเราจะออกเดินทางกันเลยผมรู้ว่าแคลอรีนมาแบบตัวเปล่าเพราะเรื่องชุลหุกเลยทำให้ลืมกระเป๋าทิ้งเอาไว้ และผมก็คิดว่าเธอจะทนใส่ชุดเดียวได้ตลอดทั้งเดือนหรอก

     

                    จะบ้าเหรอหน้าที่คุ้มกันท่านแคลอรีนเป็นของนายนะ ถึงจะเป็นในถิ่นตัวเองก็เถอะมันก็ไม่ปลอดภัยหรอกเจรินร้องว่าแต่มันก็จริงอย่างที่เธอพูดแถมยิ่งเป็นถิ่นของเราศัตรูก็ต้องรู้ว่าเราต้องกลับมาที่นี้แน่ แต่ระหว่างที่ผมกำลังปวดหัวที่ต้องทำทุกอย่างไปซะหมดแคลอรีนก็ช่วยเข้ามาจัดการให้

     

                    ฉันไม่ไปไหนหรอก ว่าแต่เธอนั้นล่ะต้องไปซื้อของตามรายการนี้มาให้แคลอรีนบอกพลางยื่นสมุดซึ่งเขียนรายการของที่อยากได้ไว้เต็มเล่ม

     

                    เงินล่ะเจ้าค่ะเจรินรีบแบมือขอเงินซึ่งแคลอรีนยิ้มแบบเย็นชาใส่

     

                    มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะที่ยอมให้เธอถือเงินให้ ใช้เงินตัวเองนั้นล่ะกลับมาแล้วฉันจะใช้คืนให้แคลอรีนพูดดักทางไว้จนเจรินต้องทำหน้าเจ็บใจเดินกระทืบเท้าออกจากบ้านพักไป

     

                    ถึงว่าทำงานที่แมกดาเรียให้มาทีไรไม่เคยได้รับค่าจ้างเลยผมพึ่งแก้ปริศนาคาใจออกได้อีกหนึ่งอย่าง

     

                    แล้วคงเข้าใจแล้วสินะว่าทำไมเจรินถึงตามเธอติดเลย เพราะเธอเป็นตัวทำเงินที่ไม่เคยมีปากมีเสียเรื่องเงินด้วยแคลอรีนเสริมให้ก่อนจะชี้ให้ไปที่จีเวลที่กำลังลงมาจากชั้นบนพอดี

     

                    และก็อย่างที่คิดไว้ตระกูลร่ำรวยเช่นนี้สำหรับเครื่องบินสักลำเป็นอะไรที่หาง่ายมาก แถมจีเวลเองก็ยังเก่งเรื่องการขับพาหนะทุกอย่างซะด้วยต่อให้เป็นเครื่องบินจัมโบ้ก็เถอะ แต่ปัญหาบางอย่างก็ยังไม่หมดไปหลังจากที่พวกเราตรวจดูแผนที่กันแล้วจึ่งพบว่าจากนี้ไปยังทิเบตต้องใช้เวลากว่า 15 ชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะถึง ซึ่งระหว่างนั้นเราจะไม่สามารถลงจอดที่ไหนได้เลย

     

                    น้ำมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ให้ฉันขับเครื่องคนเดียว 15 ชั่วโมงมีสิทธิ์โหม่งพสุธาได้นะจีเวลบอกเสร็จก็หันมามองหน้าผมราวกับเห็นผมเห็นนักบินมืออาชีพ

     

                    แค่เรือยังพอไหว แต่เครื่องบินชาตินี้ฝันไปเถอะผมรีบยกมือออกตัวไว้ก่อนจนจีเวลต้องหันไปมองแคลอรีนที่เป็นความหวังต่อไป

     

                    คงไม่คิดว่าคนที่ตัวเท่าเด็กอายุ 13 อย่างฉันจะขับเครื่องบินได้หรอกนะ อ้อ แล้วไม่ต้องไปหวังกับเจรินหรอก แค่รถหล่อนยังขับไม่เป็นเลยแคลอรีนบอกเสร็จพวกเราก็ต้องคิดหนักว่าจะหาใครมาเป็นนักบินให้อีกคนดี เฟอเมสเองก็ขับไม่ได้แน่แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะยังไปต่อกับพวกเราหรือเปล่า

     

                    เฮ้ๆ พวกเราลืมใครไปหรือเปล่าจีเวลทำท่านึกขึ้นได้ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

     

                    .......ให้ตายเถอะ ลืมเขาไปได้ไงนะผมเองก็นึกออกแล้วและไม่อยากเชื่อเลยว่าจะลืมคนที่อยู่ใต้จมูกตัวเองไปได้

     

                    ใครเหรอ??”แคลอรีนกระตุกเสื้อถาม

     

                    ก็เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ แล้วก็หัวหน้าตระกูลซูเลย์มาเรสคนปัจจุบัน เคราน์ เออซองลากู ปีเซซาโร่ที่ 17 หรือพูดง่ายๆ ก็คือ พ่อของจีเวลนั้นล่ะผมตอบโดยที่พึ่งนึกออกเหมือนกันว่าตั้งแต่มาที่นี้ก็หลายวันแล้วแต่ยังไม่ได้เจอหน้าเขาเลย

     

                    ตอนนี้พ่อไม่อยู่ที่บ้านนี้หรอก แต่ไม่ต้องห่วงฉันมีวิธีตามตัวเขาแบบเร่งด่วนจีเวลบอกพลางหยิบมือถือขึ้นมากดเหมือนกับส่งเมล์ไปหา แต่ท่าทางที่เธอยิ้มแบบมีเลสนัยตอนกดโทรศัพท์เล่นเอาผมใจคอไม่ค่อยดีเลย

     

                    และก็หน้าเหลือเชื่อที่เย็นวันนั้นเออซองลากูก็กลับมาถึงบ้านราวกับเหาะมาจากฟ้า เออซองลากู เป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมบางแต่ถึงจะอายุเข้าวัย 40 แล้วแต่ใบหน้าก็ยังคงดูหนุ่มแน่นผิวเขาขาวซีดเหมือนกับผีดูดเลือดแถมเขี้ยวของเขาก็ยาวจนบางทีหลงคิดไปว่าคนนี้อาจมีเชื้อสายมาจากผีดูดเลือดจริงๆ ก็ได้ และก็น่าทึ่งมากที่เขาเป็นคนเดียวในตระกูลนักฆ่าที่มือไม่เคยเปื้อนเลือดเลย สาเหตุน่ะเหรอเพราะเขาเป็นคนกลัวเลือดอย่าแรงแค่เห็นก็เป็นลมแล้ว แต่สายเลือดนักฆ่าในตัวเขาก็ยังเข้มข้นอยู่ทุกวันนี้จึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่เลือดเย็นทำลายคู่แข่งมานักต่อนัก ทั้งขายอาวุธสงครามและจ้างวานฆ่าคนดังอีกนับไม่ถ้วน และยิ่งหลังจากที่ภรรยาเขาตายไปเขาจึ่งเร่งสะสมทรัพย์สินโดยไม่เลือกวิธีการเพื่อใช้สร้างเครือข่ายในการกำจัดพวกปีศาจจนถึงทุกวันนี้

     

                    จีเวล!!?? ไอ้เวรที่ไหนมันทำลูกพ่อท้อง~~~”คำแรกที่เขาโผล่หน้าออกมาเล่นเอาทั้งผมกับแคลอรีนแทบสำลักน้ำชาที่ดื่มกันอยู่

                   

                    คีวิลค่ะ แถมบอกว่าจะไม่รับผิดชอบด้วย แงง~~~”เธอชี้นิ้วป้ายความผิดมาใส่ผมแบบหน้าด้านๆ แถมยังแกล้งร้องไห้ขึ้นมาอีกสงสัยเธอคงยังไม่หายแค้นผมเรื่องที่ทิ้งเธอไว้เมื่อคราวก่อนแน่ๆ

     

                    คุณคีวิล~~~ ถ้าคุณเอ่ยปากอยากได้ลูกสาวผม ผมก็จะยกให้ทันทีอยู่แล้วแท้ๆ แต่เรื่องท้องก่อนแต่งนี้ผมรับไม่ได้~~~~”เออซองลากูร้องโหยหวนแต่เขาก็ยังคงให้ความเคารพผมอยู่มากไม่ใช่เพราะว่าผมอายุมากว่าพ่อของเขา แต่ว่าเพราะผมเป็นคนที่ช่วยให้ภรรยาเขาหลุดพ้นจากการสิงสู่ของพวกปีศาจ ถึงแม้สำหรับผมจะไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองมันจะดีเลิศแบบที่พวกเขาคิดอยู่ก็ตามที

     

                    เออซอง ต่อให้ฉันเมาจนไม่ได้สติ หรือนายยกสมบัติทั้งหมดมากองตรงหน้า.........แต่ยังก็ไม่มีวันไปยุ่งกะยายเด็กกะโปโลคนนี้เด็ดขาดจำไว้ผมร้องว่ากลับอย่างฉุนขาด

     

                    ใจร้าย~~~”จีเวลแกล้งทำมารยาร้องไห้หนักขึ้นจนเออซองลากูยังมามองผมอย่างพยาบาท

     

                    ทำให้ลูกสาวที่แสนน่ารักของผมต้องร้องไห้ ยอมไม่ได้แล้วเออซองลากูเริ่มโกรธจัดจนคว้าปืนขึ้นมาถือไว้และผมก็รู้ล่ะว่านี้คือสิ่งที่จีเวลหวังไว้

     

                    เลิกเล่นได้แล้วจีเวล เดี๋ยวพ่อเธอก็หลุดโลกไปอีกหรอกผมรีบดึงจีเวลขึ้นมากระซิบบอกก่อนที่เออซองจะเริ่มหลุดโลกไปจริงๆ

     

                    งั้นต้องสัญญาก่อนว่าคราวนี้ห้ามทิ้งฉันไว้คนเดียวอีกจีเวลชูนิ้วก้อยขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มเยาะเพราะเธอรู้ว่าผมไม่มีทางเลือก

     

                    ......ยายบ้า เอาก็ได้แต่อย่ามาเป็นตัวถ่วงนะผมจำใจต้องสัญญาไป

     

                    ไม่มีทาง อย่าลืมสิใครเป็นคนช่วยพวกนายเอาไว้ตั้งสองครั้งแล้วนะจีเวลรีบทวงบุญคุณแต่ก็อย่างที่เธอพูดจริงๆ ถ้าไม่ได้จีเวลผมก็คงตายไปแล้วสองรอบ

     

                    การเจรจากับเออซองลากูเป็นไปอย่างราบรื่นถึงเขาจะติดงานอยู่หลายแห่งแต่เมื่อถูกขอร้องจากจีเวลคนที่เป็นคนบ้าลูกสาวอย่างเขาจึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ลง และต้องยอมรับอีกเรื่องหนึ่งว่าการที่มีเออซองลากูมาร่วมเดินทางด้วยทำให้ผมอุ่นใจมาก เพราะถึงเขาจะยังไม่เคยฆ่าคนด้วยมือตัวเองมาก่อนแต่ฝีมือยิงปืนของเขาแม่นจนหาตัวจับยากเลยทีเดียว ปัญหาที่เหลืออยู่ตอนนี้จึ่งอยู่ที่ตัวเฟอเมสเท่านั้นว่าเขาจะสามารถก้าวผ่านความเศร้าแล้วมุ่งหน้าไปกับพวกเราได้ต่อหรือเปล่า

     

                                                    ................................

     

                    ที่ตึกสาขาใหญ่ของแมกดาเรียในตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นแหล่งกบดาลของเปล่าปีศาจจากทั่วสารทิศไปแล้ว ผู้ที่ต่อต้านจะถูกฆ่าอย่างไม่ปราณีคนที่พอจะมีฝีมือหน่อยก็สามารถหนีไปได้บ้างแต่ส่วนใหญ่ก็ไปไม่ได้ไกล

     

                    แถมมาเวลยังจะวางตัวเป็นบาทหลวงขาวผู้นำสูงสุดของแมกดาเรียต่อไป ใช้ความน่าเชื่อถือของตัวเองหลอกคนอื่นๆ ถึงแม้จะมีข่าวลือเล็ดรอดออกไปถึงหูภายนอกบ้างแล้วแต่ก็ยังหาหลักฐานที่จะใช้ยืนยันไม่ได้ แถมมาเวลยังคอยระวังเรื่องการเรียกระดมพลโดยจะสั่งให้พวกโฮลี่ ไกด์ออกทำงานแต่หารู้ไมว่านั้นคือกับดักที่จะหลอกพวกโฮลี่ ไกด์ไปฆ่าทีล่ะคนๆ

     

                    แผนของมาเวลดูเหมือนจะใช้กับโฮลี่ ไกด์ระดับไนท์ขึ้นไปไม่ได้นะ พวกมันจมูกไวมาก ไหวตัวจนหลบหนีจากสายตาพวกเราไปหมดแล้ว

     

                    พวกโฮลี่ ไกด์นะปล่อยมันไปเถอะ คราวนี้ขอเพียงเราเข้าถึงตัวแคลอรีนได้ทุกอย่างก็จบแล้ว

     

                    มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก ตอนนี้หล่อนเจอกับแกรนครูเซสแล้ว ถึงจะดูไม่เก่งกาจเหมือนคนก่อนก็เถอะ แต่อย่าพึ่งประมาทไปเชี่ยวพวกแวนเดลฮาร์ดกำลังถกเถียงกันอยู่ในห้องมึดๆ กันเพียง 3 คน แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคนที่สี่เดินเข้ามาในห้อง

     

                    ......แล้วฟิซิโอ้ล่ะมาเวลเอ่ยถามขึ้นขณะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ

     

                    ยังไม่ตาย แต่คงเสียตาไปข้างหนึ่ง ดีที่กระสุนไปทะลุไปถึงสมอง เท่าที่ดูอาการคงต้องพักไปอีกสักระยะเสียงหนึ่งตอบกลับมา

     

                    งั้นแบบนี้ฉันก็ไม่ต้องหาร่างฟรีเมนใหม่ให้กับโอโนมุดแล้วสินะมาเวลพูดอย่างปัดรำคาญพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบทิ้งมาดบาทหลวงผู้ยิ้มอย่างอบอุ่นไปในทันที

     

                    ถึงหามาเจ้าโอโนมุดมันก็ไม่ยอมหรอก เพราะนอกจากฟิซิโอ้เป็นร่างที่เข้ากับมันได้ดีที่สุดแล้ว พวกเรายังจำเป็นต้องใช้ความฉลาดของเขาอยู่อีกมาก.......แถมฟิซิโอ้กับโอโนมุดพวกนั้นมีสายใยความสัมพันธ์ที่เหนี่ยวแน่นแบบที่นายไม่มีวันเข้าใจหรอก

     

                    เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ว่าแต่เรื่องการหาสิ่งนั้นล่ะ ตกลงไปถึงไหนแล้ว

     

                    อ้อ เครื่องประดับของพวกแกใช่ไหมมาเวลทำหน้าแบบพึ่งนึกออก

     

                    ก็ถ้าไม่นับเหรียญแห่งราคะที่ถูกเก็บไว้กับศพของอัสวินแกรนครูเซสที่พวกเราหาเจอแล้ว ที่เหลืออีก 3 ชิ้นก็ถูกแยกกันเก็บไว้ในที่ต่างๆ เท่าที่รู้นะ ก็มีแหวนแห่งพลังที่แคลอรีนส่วมอยู่ติดตัวตลอดเวลา ก็ถ้าฆ่าเธอไม่ได้คงจะหาทางเอามาลำบาก ส่วนสร้อยคอแห่งอำนาจเห็นว่าเพราะไม่สามารถมีใครถือครองมันไว้ได้เลยถูกนำไปทิ้งไว้ที่ก้นทะเลแต่ตอนนี้กำลังให้คนกู้มันขึ้นมาให้อยู่ อันสุดท้ายที่พวกนายเรียกว่าปากกากระดูกแห่งซะตากรรม ถึงตอนนี้เท่าที่รู้มันหายสาบสูญไปแล้วเราตามรอยมันมาได้ถึงเมื่อประมาณ 200 ปีก่อนจากผู้ครอบครองคนสุดท้ายหลังจากนั้นเหมือนกับว่ามันหายไปซะเฉยๆ ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกซ่อนหรือเก็บไว้ที่ใครมาเวลพูดจบพวกแวนเดลฮาร์ดก็ทำเสียงหึมๆ เหมือนกับหนักใจที่ยังไม่สามารถหาของที่ต้องการกลับคืนมาได้

     

                    แล้วพานบรรจุปัญญาล่ะ ได้ข่าวของมันบ้างไหม

     

                    พานบรรจุปัญญา.........ไม่รู้เหมือนกัน แม้แต่ในพระคัมภีร์เองก็มีเขียนถึงแค่ 4 อย่าง ไม่เคยมีบันทึกเกี่ยวกับ พาน ที่ว่าเลยมาเวลยักไหล่แบบจบปัญญา

     

                    มันต้องมีอยู่แน่ๆ มันเป็นของซีราวู ถึงมันจะไม่ยอมร่วมมือกับพวกเราก็เถอะ แต่ถ้าเราได้พานบรรจุปัญญามาครอบครองไว้มันจะยิ่งช่วยเพิ่มอำนาจพลังให้กับเรามากขึ้น

     

                    ถ้างั้นคงต้องไปหาซีราวูที่ว่านั้นแล้วล่ะ เพราะแบบนี้คงอยู่กับเจ้าตัวเขาแล้วล่ะมั่งเมเวลบอกแต่พวกแวนเดลฮาร์ดไม่คิดแบบนั้น

     

                    ซีราวูเองก็เหมือนกับพวกเราถูกแกรนครูเซสแย่งเอาเครื่องมือสื่อพลังไป เพราะงั้นในสงครามครั้งที่สองซีราวูถึงไม่ยอมเข้าร่วมด้วย

     

                    .......งั้นก็พอดีเลย ท่านผู้นั้นที่พึ่งตื่นขึ้นมาได้มอบหมายงานใหม่ให้พวกนายพอดี ไม่แน่ว่าอาจจะได้เบาะแสอะไรจากงานนี้ก็ได้มาเวลบอกพร้อมกับโยนซองเอกสารไว้บนโต๊ะ

     

                    งานอะไร??”

     

                    ไปตามฆ่าแคลอรีนน่ะสิ เป้าหมายกำลังมุ่งหน้าไปที่ทิเบตมาเวลร้องบอกด้วยแววตาลุกวาวเพราะตราบใดแคลอรีนยังไม่ตายเขาเองก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้สนิท

     

                    ........งานนี้ข้าทำเองเสียงแวนเดลฮาร์ดคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับดึงซองเอกสารไปถือไว้และลุกขึ้นเดินออกจากห้องมา

     

                    ฝากด้วยล่ะ อย่างไงคนที่ได้เครื่องมือสื่อพลังกลับคืนมาแล้วอย่างเธอก็เหมาะสมกับงานนี้ที่สุดแล้วแวนเดลฮาร์ดอีกคนบอก

     

                    แน่นอน ข้ารัฟเรเซียนิ้วนางของซาตาน ศิลปินผู้หยิบยื่นเหรียญแห่งราคะ จะเป็นคนฆ่าตัวแทนของพระเจ้าเองเสียงตอบนั้นจากเสียงผู้หญิงก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเสียงนุ่มลึกของมาเวลและทันทีที่รัฟเรเซียหันหน้ากลับมาทั้งรูปร่างหน้าตาก็กลายเป็นของมาเวลที่นั่งมองอย่างตกตะลึงกับปีศาจที่แปลงโฉมได้เหมือนเขาทุกระเบียดนิ้ว

     

                    อย่าลืมเอาแหวนแห่งพลังที่อยู่กับหล่อนมาคืนให้ข้าด้วยล่ะเสียงแวนเดลฮาร์ดที่แทบไม่พูดเลยเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะดังกึกก้อง

     

                    แล้วจะแถมนิ้วของแคลอรีนมาเป็นของฝากให้ด้วยรัฟเรเซียพูดจบก็ปิดประตูตามหลังดังโครมในห้องจึ่งกลับมาสู่ความมืดมิดอีกครั้งเหลือเพียงไฟจากบุหรี่ที่ส่องแสงวูบๆ ที่อยู่บนปากที่แสยะยิ้มกว้างของมาเวล

     

                                                                    ..................................

     

                    ทางด้านพวกคีวิลก็เตรียมตัวจะออกเดินทางกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนเออซองลากูจะถูกใจเจรินเป็นพิเศษทั้งๆ ที่ในสายตาของคีวิลเธอเป็นผู้หญิงที่แทบไม่มีอะไรให้น่าสนใจเลยตั้งแต่หัวจรดเท้า

     

                    คุณผู้หญิงเรียกผมว่า เออเซ่ ก็ได้นะครับเออซองลากูเริ่มเข้าไปทำการเอาอกเอาใจเจรินซึ่งก็ยิ้มรับเป็นอย่างดี

     

                    .......ทำเรื่องหย่ากับสามีเก่าเรียบร้อยแล้วเหรอแคลอรีนเดินผ่านมาพร้อมกับเอ่ยขึ้นเป็นการดักคอเจรินไว้เพราะหล่อนทำท่าจ้องตระคลุบเหยื่ออยู่ยิ่งรวยๆ แบบเออซองลากูด้วยแล้ว

     

                    กรี๊ด~~ พูดอะไรนะแคลอรีนอีตานั้นฉันฟ้องหย่าจนหมดตัวไปตั้งนานแล้วเจรินรีบเข้ามาร้องว่าก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเออซองลากู

     

                    แฮะๆ ยังโสดค่ะ เด็กคนนี้เขาล้อเล่นเจรินรีบผลักให้แคลอรีนรีบเดินออกไปห่างๆ แต่แคลอรีนก็หันมามองอย่างยิ้มๆ ให้กับผมที่กำลังยืนอยู่หลังเออซองลากู

     

                    ทำตัวแบบนี้ แม่ของจีเวลจะเสียใจเอานะดูเหมือนคำพูดผมจะแทงใจเออซองลากูน่าดูเพราะเขาทรุดฮวบลงไปนั่งกอดเข่าร้องไห้ทันที

     

                    นี่เลิกเล่นกันได้แล้ว รีบขนของไปขึ้นเครื่องเร็ว แล้วนี่มีใครขึ้นไปตามเฟอเมสยังจีเวลที่แต่งชุดนักบินเต็มยศอย่างกะกำลังจะออกไปรบวิ่งเข้ามาในบ้านและร้องโวยวายโหวกเหวกทันที

     

                    ฉันไปตามเองผมอาสาเพราะในฐานะที่ต้องดูแลเขาต่อจากคาโรโร่จึ่งไม่สมควรจะทิ้งไว้เฉยๆ แบบนี้ แต่ยังไม่ทันก้าวขึ้นบันไดไป เฟอเมสก็เดินลงมา แต่ชุดที่เขาส่วมอยู่เล่นเอาพวกเราทุกคนอ้าปากค้างไปตามๆ กัน เพราะมันเป็นชุดบาทหลวงสีดำที่คาโรโร่ใส่อยู่ประจำ

     

                    จะไปทิเบตเหรอ......ผมพอพูดภาษาพื้นเมืองที่นั้นได้เฟอเมสบอก ในตอนนี้เขาดูสงบลงอย่างประหลาด และมีบางส่วนในตัวเฟอเมสที่ดันไปคลายกับคาโรโร่จนทำให้พวกเราต่างจ้องเขาแบบลืมตัว

     

                    “?? เป็นอะไรกันไปเหรอเฟอเมสถามเมื่อเห็นพวกเรายืนนิ่งไม่พูดอะไร

                   

                    ชุดนั้น.........ผมชี้นิ้วไปที่ชุดแล้วถามอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

     

                    อืม ชุดของหลวงพ่อคาโรโร่ไง........ผมตัดสินใจแล้ว ต่อไปนี้ผมจะวางปืนและจะเดินตามรอยเท้าของท่านอย่างเต็มตัว อีกอย่างในแฟมิรี่ของพวกเราตอนนี้ยังไม่มีคนที่เก่งเรื่องบทสวดแบบจริงๆ จังๆ สักคนเลยไม่ใช่เหรอเฟอเมสบอกก่อนจะหยิบปืนของตัวเองออกมาและยื่นให้ผม

     

                    ช่วยถือมันแทนผมด้วยนะ เพราะสักวัน........คุณอาจต้องใช้มันกับผมเหมือนกับที่ใช้กับท่านคาโรโร่คำพูดของเฟอเมสยากจะบอกได้ว่ารู้สึกอย่างไงกันแน่ ระหว่างไว้เนื้อเชื่อใจผมแบบเดียวกับคาโรโร่ หรือ ต้องการประชดสิ่งที่ผมทำลงไปเลยจะย้ำหัวตะปูให้ผมรู้สึกเจ็บยิ่งขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไงผมก็รู้สึกโล่งอกที่เห็นเขาเดินต่อได้ด้วยตัวเอง

     

                    เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันแคลอรีนเองก็คิดแบบนั้นเลยเดินมาสะกิดผมให้บอกทุกคนให้ออกเดินทางได้แล้ว

     

                    ไปกันเถอะ ไปดูกันว่าคาโรโร่ทิ้งอะไรไว้ให้พวกเราที่ทิเบต

     

                    และแล้วพวกเราก็มุ่งหน้า 15 ชั่วโมงสู่ทิเบต ระหว่างการเดินทางพวกเราต่างใช้เวลาอย่างเต็มที่โดยที่ผมได้ฟังเรื่องราวรายละเอียดของสงครามศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติมจากปากของแคลอรีน ส่วนเจรินเองก็คอยใช้โน้ตบุ๊ตของเธอตามข่าวของโฮลี่ ไกด์คนอื่นๆ ที่ยังรอดอยู่ ที่ออกจะแปลกตาไปสักหน่อยก็คงเห็นจะเป็นเฟอเมสที่นั่งฝึกบทสอดอยู่คนเดียวตลอดเวลาถึงแคลอรีนจะมีคำแนะนำเยอะแยะที่พอสามารถจะสอนให้ได้ แต่เขากลับเลือกที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองเสียมากกว่า

     

                    อีก 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ไม่งีบหน่อยเหรอจีเวลหันมาถามผมซึ่งตอนนี้เหลือเพียงผมกับเธอเท่านั้นที่ยังไม่หลับ

     

                    กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นะผมตอบเพราะยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งคิดหนักว่าสิ่งที่คาโรโร่ทิ้งไว้ให้มันคืออะไร

     

                    ........อาจารย์ ฉันขอถามอะไรหน่อยสิจีเวลเริ่มพูดแปลกๆ

                   

                    ปกติคนอย่างเธอชอบเค้นคอถามไม่ใช่เหรอ.........อยากยึกยักจะถามอะไรก็ถามเลย

     

                    ........อาจารย์แน่ใจแล้วเหรอที่จะช่วยเธอ เอ่อ......แคลอรีนน่ะจีเวลก็คงกลัวผมโกรธที่ถามแบบนี้เลยพูดแบบเกรงใจเป็นพิเศษ

     

                    ทุกวันนี้ฉันยังไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่.........แต่ว่า ฉันรู้สึกว่ามันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่จะทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ อีกอย่างข้อความในจดหมายของคาโรโร่มันก็ทำให้ฉันคิดว่าอาจมีความหมายบางอย่างอยู่อย่างเช่นทำไมถ้าต้องการให้ฉันเป็นแค่บอดี้การ์ดก็ไม่น่าควรให้แคลอรีนเข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตฉันเลยในฐานะคนในแฟมิรี่ คงเข้าใจนะ มันเหมือนกับนายจ้างกับลูกจ้างนั้นล่ะ ทำงานโดยไม่มีความรู้สึกส่วนตัวมันจะดีกว่าอยู่แล้ว.....แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งใด ถ้าฉันยังตามคุ้มครองแคลอรีนต่อไปพวกมันต้องโผล่มาอีกแน่ และนั้นก็จะช่วยให้ฉันล้างแค้นพวกมันได้ พวกฟรีเมนที่ก่อเรื่องขึ้นจนทำให้ฉันต้องยิงคาโรโร่ผมพูดอย่างปกติแต่จีเวลคงดูออกว่าข้างในผมมันเดือดดาลแค่ไหนเธอเลยไม่ถามอะไรต่ออีก

     

                    ........ตอนนี้เธออาจจะยังไม่รู้ แต่ฉันรู้ดีที่สุดสาเหตุที่ทำให้พวกเรามาพบกัน วันเวลาที่ถูกหยุดไว้เมื่อตอนนั้นของฉันที่ตอนนี้กลับเริ่มเดินต่ออีกครั้ง........เพราะเธอสาบานไว้กับฉันแล้วว่าจะกลับมาเมื่อถึงเวลา........แกรนครูเซสแคลอรีนที่แอบฟังคีวิลอยู่พอได้ยินก็ยิ้มจางๆ และพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงนอนต่อ

     

                                                                    .........................

     

                    เจริน เจริน ตื่นเถอะผมเขย่าปลุกเจรินให้ตื่นขึ้นมาซึ่งเธอนอนน้ำลายยืดได้น่าเกลียดมาก

     

                    อ่ะๆ อยู่ไหนกันแล้วเธอลุกขึ้นมาแบบสะลึมสะลือ

     

                    ถึงที่เธอบอกแล้วแต่ไม่เห็นมีรันเวย์ที่จะใช้ลงจอดได้เลยผมรีบถามเพราะน้ำมันมันใกล้จะหมดแล้วแล้วจากบินวนดูหลายรอบ

     

                    อ้อ รันเวย์ที่ใช้ลงน่ะเหรอ มันจะไปมีได้ไงล่ะ ไม่เห็นเหรอมันมีแต่ภูเขาแบบนี้อ่ะเจรินชี้ไปนอกหน้าต่างซึ่งอย่างที่เธอพูดจริงๆ มันเต็มไปด้วยเขาหาที่เรียบๆ ยาวๆ ไม่ได้เลย

     

                    แล้วจะให้ลงจอดไงล่ะเฟ้ยแบบนี้ผมเริ่มโมโหเพราะเหมือนโดนหลอกมาอย่างไงก็ไม่รู้

     

                    ไม่ต้องห่วงๆ ฉันเตรียมไว้แล้วเจรินยิ้มบอกพลางโยนร่มชูชีพแจกให้กับทุกคน

     

                    อย่าบอกนะว่า........ผมชี้มาที่ร่มชูชีพในมือและไม่อยากจะเชื่อว่าหล่อนจะคิดวิธีได้สิ้นคิดแบบนี้

     

                    ชัวร์.........เราจะโดดลงไปเจรินพยักหน้าให้ก่อนจะเปิดประตูเครื่องออก

     

                    เอ่อ ขอประทานโทษนะครับ แล้วเครื่องบินของผมล่ะเออซองลากูหันมาถามแบบพอมีความหวัง แต่เจรินกับตบไหล่ปลอบใจ

     

                    ทำประกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ

     

                    .........พวกเรานิ่งเงียบเพื่อไว้อาลัยให้กับซะตากรรมของเครื่องบินลำนี้

     

                    ฉันเริ่มอยากรู้แล้วสิ ว่าเธอใช้ชีวิตตลอดพันกว่าปีนี้มายังไงผมถามขณะออกมายืนอยู่ขอบประตูเครื่องเตรียมจะโดดลงไปเป็นคู่สุดท้ายพร้อมกับเจริน

     

                    เชื่อเถอะ.........นายไม่อยากรู้แน่เจรินตอบก่อนจะผลักผมโดดลงมาจากเครื่องพร้อมกัน

     

                    ทุกคนลงถึงพื้นได้ยากปลอดภัยและมองดูควันไฟที่เกิดขึ้นจากเครื่องบินที่พึ่งพุ่งลงโหม่งพื้นพวกเราต่างหวังว่ามันคงไม่ทิ่มหัวลงใส่หลังคาบ้านใครเข้า แต่เนื่องจากเจรินคำนวนผิดทำให้พวกเราลงผิดจุดต้องเสียเวลาเดินข้ามเขาเป็นลูกๆ เสียเวลาวันหนึ่งเพื่อไปยังเป้าหมาย

     

                    หา~~~ วัดของพระลามะงั้นเหรอผมอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเจรินอธิบายถึงสถานที่ที่จะไปให้ฟัง

                   

                    ไม่ผิดแน่ ที่อยู่ที่คาโรโร่เขียนบอกฉันมันเป็นที่นั้นแน่เจรินบอกขณะกลับมาจากการถามทางชาวบ้านระแวกนั้น

     

                    แล้วเขาจะให้พวกเราเข้าไปเหรอเฟอเมสถามขึ้นเพราะเขาใส่ชุดบาทหลวงอยู่แบบนี้แค่ในหมู่บ้านก็มองเขาแบบแปลกๆ แล้ว

     

                    ก็ต้องลองดู เดินไปอีก 10 นาทีก็น่าจะถึงแล้วเจรินยักไหล่ก่อนจะเดินนำทางไปเพราะมาถึงที่นี้แล้วไม่ไปต่อก็ไม่มีความหมายอะไร

     

                    แต่ระหว่างเดินกันไปผมจัดแจ้งให้แคลอรีนใช้ผ้าคลุมศีรษะและใบหน้าไว้ เพราะสีผมของเธอมันดูสะดุดตาไหนจะยังรูปร่างใบหน้าที่เหมือนกับตุ๊กตาตัวน้อยที่เรียกให้คนอื่นหันมาดูทุกครั้งที่เดินผ่านอีก

     

                    ไม่ต้องห่วงหรอก คีวิล ตั้งแต่มาที่นี้ยังไม่รู้สึกถึงพวกปีศาจเลยแคลอรีนบอกพลาจับมือผมไว้เพื่อให้หายกังวล

     

                    กันไว้ก่อน ฉันไม่เคยไว้ใจอะไรทั้งนั้นล่ะผมพูดอย่างที่คิดและเป็นคติประจำใจที่มองทุกอย่างตรงหน้าเป็นเพียงภาพลวงใครจะไปรู้ล่ะว่าอีกไม่กี่ก้าวข้างหน้าพวกเราอาจจะเป็นประตูนรกก็ได้ และสิ่งที่ผมคิดไว้ก็เกิดขึ้นเร็วเกินคาดเมื่อมีกลุ่มคนวิ่งออกมาจากซอกซอยสองข้างตรงมาล้อมพร้อมกับเรา และคนพวกนี้ท่าทางไม่น่าไว้ใจอย่างที่สุดก็เล่นใช้ผ้าปิดหน้าปิดตาไว้หมดเลย

                   

                    เขาถามว่าพวกเราเป็นใครเฟอเมสหันมาบอกหลังจากฟังพวกมันแหกปากโวยวายใส่

     

                    บอกมันพวกเราเป็นแค่นักเดินทางมารับของที่เพื่อนคนหนึ่งทิ้งไว้ที่นี้ แล้วก็ช่วยบอกพวกมันไปต่อด้วยว่า ไม่ต้องตะโกนแหกปากเหมือนคนป่าก็ได้แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็เชื่อได้เลยว่าเฟอเมสไม่ได้แปลประโยคหลังให้พวกมันฟังด้วยแน่ๆ ไม่งั้นพวกมันคงไม่ยอมยืนทนฟังแบบนี้หรอก

     

                    โฮลี่ ไกด์........โฮลี่ ไกด์พวกมันเริ่มเรียกพวกเราเบาๆ แถมพูดไม่ค่อยชัดอีกต่างหาก

     

                    ใช่ พวกเราคือโฮลี่ ไกด์ผมตอบเพราะพอเข้าใจว่าพวกมันกำลังจะสื่ออะไร พร้อมกับหยิบตาทาลอนที่เป็นสัญลักษณ์ของโฮลี่ ไกด์ให้มันดู

     

                    โฮลี่ ไกด์ๆพวกมันเริ่มซุบซิบกันอย่างแตกตื่นจนมีคนหนึ่งเดินแหวกเข้ามาหา

     

                    พวกคุณเป็นเพื่อนกับท่านคาโรโร่ใช่ไหมเขาพูดภาษาเดียวกับพวกเราได้ โอ้ว ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

     

                    ใช่ แล้วคุณคือ.........ผมเดินออกไปเป็นตัวแทนยื่นมือไปจับทักทาย

     

                    ผมชื่อ ฟา กุติ ท่านคาโรโร่ช่วยเหลือผมไว้หลายอย่าง จริงสิคุยกันที่นี้คงไม่สะดวกตามผมมาทางนี้ครับฟา กุติรีบเดินนำทางพลางหันไปตะโกนบอกกับคนอื่นๆ จนมีบางส่วนแยกย้ายกันไปส่วนที่เหลือก็เดินตามหลังพวกเรามาพลางคอยอธิบายให้กับพวกชาวบ้านที่เดินเข้ามาถามด้วย

     

                    ฟา กุติเป็นหนุ่มผิวสีโกนหัวแบบพระแต่แต่งตัวแบบชาวบ้านทั่วไป ดวงตาเล็กยี่และตาดำเล็กเลยทำให้ดูเป็นคนที่ค่อนข้างน่ากลัวแต่การพูดการจาเขาเข้าหูเลยทีเดียว แขนขาใหญ่ขัดกับรูปร่างเล็กตันของเขา ในที่นี้ดูเหมือนฟา กุติจะเป็นเหมือนหัวหน้าหรือแกนนำของพวกที่โผกหน้าอยู่เพราะดูพวกมันฟังเขาทุกอย่างเลย

     

                    ขออภัยด้วย แต่ผมคงพาพวกท่านเข้าไปทางหน้าวัดไม่ได้ พวกชาวบ้านไม่ชอบให้คนต่างชาติเข้าไปยุ่งที่วัดเท่าไร แต่ไม่ต้องห่วงผมจะพาเข้าทางด้านหลังเองฟา กุติหันมาบอกพลางพาเดินอ้อมลัดเลาะมาตามเชิงเขาเรื่อยๆ ซึ่งวัดที่ว่าถูกสร้างไว้ที่ยอดเขาซึ่งอยู่สูงขึ้นไปอีก

     

                    ของที่คาโรโร่ฝากไว้อยู่ที่วัดจริงๆ เหรอผมถามเพราะคิดว่าฟา กุติน่าจะรู้เรื่องอยู่บ้าง

     

                    ของ?? ผมไม่ทราบว่าของอะไร แต่ท่านคาโรโร่เคยบอกไว้ว่าถ้ามีโฮลี่ ไกด์มาที่นี้ ให้พาไปพบกับท่านเจ้าอาวาส บางทีพวกคุณต้องไปถามท่านดูแทนนะครับฟา กุติบอกก่อนจะชี้ให้ดูบันไดที่คดเคี้ยวซึ่งพาไปสู่ยอดเขาแต่แค่เห็นพวกผมก็รู้สึกปวดขาขึ้นมาแล้ว และก็อย่างที่คิดไว้เพียงขึ้นมาได้ครึ่งทางแคลอรีนก็เริ่มออกอาการให้เห็น

     

                    ..........ขึ้นมาสิผมนั่งย่องๆ ให้แคลอรีนขึ้นขี่หลัง

     

                    อย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กๆ สิแคลอรีนพูดแบบไม่พอใจก่อนจะรีบเดินแซงหน้าผมไปแต่แค่ไม่กี่ขั้นเธอก็ทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง

     

                    ไม่ต้องฝืนหรอก ขึ้นมาเถอะผมดึงแขนแคลอรีนขึ้นมาจนในที่สุดเธอก็ยอมขึ้นขี่หลังผมจนได้

     

                    ไหวไหมเฟอเมสหันมาถามพลางช่วยรับสัมภาระไปช่วยถือให้

     

                    สบาย แต่ว่า.......แคลอรีนนี้หนักกว่าที่คิดแฮะผมแกล้งแซวเล่นๆ ถึงแม้ตัวเธอจะเบาเท่าลูกแมวก็ตามทีแต่ก็ไม่วายจะทำให้เธอโมโหจนเขกหัวผมตลอดทางไม่ยอมหยุด

     

                    สองคนนั้นเข้ากันได้เร็วจังเลยเนอะจีเวลเดินมาถามเจรินแต่เธอก็อมยิ้ม

     

                    นั้นสิเนอะไม่รู้ทำไมเจรินตอบแบบเป็นนัยๆ จนจีเวลต้องขมวดคิ้วแบบคิดหนัก

     

                     พอมาถึงที่แล้วพวกเราก็ต้องตกใจกับความละเอียดละออและความสวยงามของสิ่งปลูกสร้างด้านบนนี้ มันเป็นสิ่งที่ได้นำเอาวัฒนธรรมและความเชื่อมาผสมสร้างเป็นรูปแบบออกมาได้อย่างตระการตา แต่ระหว่างที่พวกเรากำลังชมกันเพลินตาอยู่ก็มีลุงแก่ๆ ในชุดนักบวชเดินเข้ามาหา

     

                    ท่านผู้นี้คือ เจ้าอาวาสของวัดนี้ ชื่อ อี๋เฉินฟา กุติรีบแนะนำพลางยกมือไหว้เจ้าอาวาสอย่างนอบน้อมจนทำให้พวกเราต้องทำตามเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท

     

                    ........คนไหนที่ชื่อ คีวิล หรือเจ้าอาวาสเอ่ยถามแถมยังพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื้อ

     

                    ผมเองครับ

     

                    ........คาโรโร่เป็นคนดี เขาก็ชอบพูดเรื่องเธอให้ฟังอยู่บ่อยๆเจ้าอาวาสบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะแบมือมาที่ผม

                   

                    เขาบอกว่าหนี้ทั้งหมดของเขาให้มาเก็บที่เธอแนะจู่ๆ ก็มาเจอทวงหนี้ใส่แบบนี้ถึงจะเป็นผมก็เถอะก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกันแต่เจรินกับแคลอรีนกลับหัวเราะคิกคักอยู่ข้างหลังแทน

     

                    ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ พวกเจ้ามากันที่นี้ก็แปลว่าคาโรโร่คงตายไปแล้วใช่ไหมล่ะ........เอาเถอะในเมื่อตายไปแล้วก็ถือว่ายกหนี้กันไป พวกเจ้ามาตามสิจะมาเอาของที่คาโรโร่ทิ้งไว้ให้ไม่ใช่เหรอเจ้าอาวาสหัวเราะชอบใจเหมือนกับต้องการจะเห็นสีหน้าผมเมื่อกี้มากกว่า แต่ก็ยังดีที่เขาดูเป็นคนที่พูดจาเข้าใจง่ายไม่รีรอถ่วงเวลาพวกเราไว้กับรีบพาไปแทน

     

                    หลังจากเดินผ่านอาคารหลายแห่งพวกเราก็มาถึงที่ฟา กุติเรียกว่าเรือนรับรองแขกที่ซึ่งคาโรโร่เคยมาพักอาศัยอยู่ตอนมาที่นี้ มันอยู่ห่างจากอาคารอื่นค่อนข้างไกลและไม่มีลูกวัดคนไหนเข้ามาใกล้ด้วย เพราะข้างในไม่มีอะไรเลยนอกจากพื้นไม้เรียบๆ มีเพียงพระพุทธรูปสูงหลายเมตรตั้งอยู่ด้านใน

     

                    เจ้าอาวาสเดินเข้ามาจนถึงด้านหลังพระพุทธรูปและบอกให้ฟา กุติเปิดพื้นไม้ออก ซึ่งมีช่องลับลงไปข้างใต้ หลังจากเดินลงกันมาหลายเมตรพวกเราก็พบห้องใต้ดินที่กว้างเอาการ มันถูกกักไว้เป็นห้องๆ เหมือนเดินอยู่ในคอนโด ซึ่งฟา กุติมาอธิบายให้ฟังว่าคาโรโร่ใช้ที่นี้ในการค้นคว้าวิจัยอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก่อนจะได้ฟังอะไรมากไปกว่านั้น เจ้าอาวาสก็หยุดเดินนำทางเพราะมาถึงห้องสุดท้ายที่อยู่ด้านในสุด

     

                    .......ระวังตัวด้วย มีปีศาจอยู่ข้างในผมรีบหันไปกระซิบบอกทุกคน ซึ่งดูเหมือนว่าแคลอรีนกับเจรินจะรู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว

                   

                    ขอถามท่านเจ้าอาวาส อะไรอยู่ข้างหลังประตูนั้นผมร้องถามอย่างไม่กลัวเสียมารยาทเพราะมันเหมือนพวกเรากำลังถูกหลอกให้มาติดกับซะแล้ว

     

                    ........คงรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่ข้างในประตูนี้ใช่ไหม......ไม่ต้องกลัวเพราะซะตากรรมอย่างไงก็ต้องทำให้พวกเจ้าต้องมาพบกันอยู่แล้วเจ้าอาวาสเริ่มพูดอะไรแปลกจนผมไม่เข้าใจ

     

                    ทุกคนถอยไป เฟอเมสดูแลแคลอรีนด้วยผมร้องบอกพลางชักปืนออกมา

     

                    ใจเย็นไว้ก่อนครับฟา กุติรีบร้องห้ามแต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นพวกใครกันแน่เลยหันปืนเล็งไปทางเขาด้วย

     

                    ที่อยู่ข้างหลังประตูนี้คือของที่คาโรโร่ฝากให้เธอไม่ผิดหรอก อาตมาทำหน้าที่นำทางให้เสร็จสิ้นแล้ว ส่วนจะเปิดเข้าไปดูเองหรือจะเดินกลับออกไปก็เป็นเรื่องที่พวกเจ้าต้องตัดสินใจแล้ว อาตมาขอตัวเจ้าอาวาสบอกเสร็จก็เดินผ่านผมไปอย่างไม่หยี่หรา และคนแบบนี้ผมก็เคยเจอมาบ้างเลยรู้ว่าเขาไมได้พูดโกหกแน่เลยยอมลดปืนลง

     

                    .........เปิดประตูดูเถอะคีวิลแคลอรีนพยักหน้าบอกเพราะถึงตอนนี้แล้วก็น่าจะเสี่ยงดวงดูดีกว่ากลับออกไปมือเปล่า

     

                    อืม...ผมรับคำเพราะก็คิดแบบนั้น จะเป็นปีศาจหรืออะไรผมก็ไม่กลัวหรอก แต่ถ้ามีของที่คาโรโร่คิดว่าจะมีประโยชน์กับพวกเราทิ้งไว้ผมก็จะขอรับมันไป

     

                    มือของผมค่อยๆ ดันประตูออก มันเป็นประตูเหล็กที่ไม่มีกลอนหรือลูกบิดประตู แค่ผลักเบาๆ มันก็เปิดออกแล้วไม่เหมือนกับห้องที่ใช้เก็บของสำคัญที่ควรจะมีการใส่กุญแจให้ดูแน่นหนาเลย ผมชะงักมือไว้ก่อนจะผลักมันออกไปสุดบาน ปลายประสาทสัมผัสของผมได้เกิดการตอบสนองบางอย่างที่อยู่หลังประตูบานนี้ บางอย่างที่สันชาตญาณผมกำลังร้องบอกว่าอันตรายและควรถอยกลับออกมา แต่กลับเป็นหัวใจที่เต้นแรงอย่างลิงโลด รอยยิ้มแบบไร้สาเหตุผุดขึ้นมาบนใบหน้าผมเปลี่ยนให้กลายเป็นอีกคนทันที

     

                    สวัสดี เจ้าผู้มีกรรมเสียงปีศาจเอ่ยทักอย่างเย็นยะเยือก ปีศาจหนุ่มรูปงามในชุดสูทสีน้ำเงินสะอาดตากำลังนั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ที่เป็นของสิ่งเดียวที่อยู่ในห้องนั้น ดวงตาที่แหลมเสี้ยวจ้องมองมาอย่างเลือดเย็นพอๆ กับรอยยิ้มแสนชั่วร้ายบนใบหน้านั้น และต่อให้ต้องตายไปสักกี่ครั้งผมก็ไม่มีวันลืมสายตาคู่นี้กับสูทสีน้ำเงินของมันไปได้เด็ดขาด

     

                    ซีราวู~~~~~”

     

                                                                    ..............................


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×