ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    D&D (Devil & Demon)

    ลำดับตอนที่ #2 : เที่ยวบินมรณะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 670
      3
      28 มิ.ย. 49

    ตอนที่ 2 เที่ยวบินมรณะ


     

                ปัจจุบัน ปี ค.ศ. 2052

     

                80 ปี ที่ผ่านมาได้เดินข้ามศพมาหลายร้อยหลายพัน

     

                80 ฤดูหนาวที่เกลียดผ่านไปจนลืมไปแล้วว่าทำไมถึงเกลียดมัน

     

                ภารกิจวันนี้ก็ไม่ใช่อีกแล้ว เป็นปีศาจที่พึ่งขึ้นมาบนโลกเป็นครั้งแรก ไม่มีความร้ายกาจ ไม่มีแผน ไม่มีลูกเล่น แค่เดินเข้าไป แล้วยิงมัน ทุกอย่างก็จบ

     

                คาโรโร่เคยบอกว่าซีราวูฉลาดมันจะไม่สิงเหยื่อนาน มันจมูกไวพอได้กลิ่นโฮลี่ ไกด์ก็จะรีบหนีไปที่อื่นแทน เท่าที่ผ่านมาหลายร้อยปียังไม่เคยมีใครได้เผชิญหน้ากับซีราวูตรงๆ มันเป็นปีศาจที่ไม่สร้างปัญหาให้กับองค์กรมาก มีพฤติกรรมเรียบร้อย กินแต่พอประมาณ ไม่สู้กับพวกโฮลี่ ไกด์ จะมีบางครั้งที่มันโมโหขึ้นมาเนื่องจากถูกขัดขวางการกินอย่างในกรณีผม มันเลยอาระวาดหนักเพื่อแสดงให้เห็นว่าการที่มายุ่งกับมันจะได้ผลอย่างไง

     

                องค์กรแมกดาเรีย เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีบริษัทใหญ่บังหน้าหลายพันแห่งทั่วโลกมีฐานะการเงินและบุคลากรหลายหลากอาชีพเรื่องอำนาจก็น่ากลัวขนาดรัฐบาลประเทศยักษ์ใหญ่ยังไม่กล้าแตะต้อง ทว่าถึงจะเป็นองค์กรใหญ่แต่ว่ากลับมีโฮลี่ ไกด์อยู่เพียงแค่หยิบมือเท่านั้น หน่วยงามเสริมที่คอยช่วยเหลือเหล่าโฮลี่ ไกด์ก็น้อยพอๆ กัน

     

                ในหมู่โฮลี่ ไกด์มักจะมีคำพูดที่ว่า ใครมีชีวิตล่วงเลยปีที่ 50 ไปแล้วถึงจะเรียกได้ว่าเป็นนักบุญเต็มตัว แต่ส่วนใหญ่มักจะตายก่อนถึงเวลานั้น พอนานๆ ไปจึงเป็นธรรมเนียมที่จะแบ่งชั้นระดับตามอายุ

     

                คนใหม่จนถึงตอนปีที่ 50 จะถูกเรียกว่า ทาลอน แต่หลังปีที่ 50 ไปแล้วจะถูกเรียกว่า โฮลี่ แฟรงค์ พอนานกว่านั้นคือปีที่ 80 จะเรียกว่า โฮลี่ ไนท์ ส่วนคนที่อยู่มานานเกิน 100 ปี จะถูกเรียกว่า โฮลี่ วินเซอร์ แต่เหนือกว่าระดับวินเซอร์ยังมีอีกชั้น ซึ่งมีเพียงคนกลุ่มเล็กๆ ที่เป็นกลุ่มระดับผู้นำของโฮลี่ ไกด์ อย่างโคโรโร่ ซึ่งจะถูกยกย่องให้เป็น โฮลี่ มาสเตอร์

     

                วงการนักล่าปีศาจมีคนอยู่หลายประเภททั้งพวกทำงานด้วยความแค้นส่วนตัว และประเภทที่นักล่ารับจ้างที่ส่วนใหญ่เข้ามาทำงานโดยหวังชีวิตที่ไม่แก่ มีกระทั่งพวกที่อยู่มานานมีลูกมีหลานตั้งเป็นตระกูลขึ้นมาเลย

     

                ส่วนตัวผมเองตอนนี้ก็ยังทำงานอยู่ตามลำพัง ไม่มีคู่หู ไม่มีทีมงานประจำ ไม่มีหน่วยงานช่วย เพราะเนื่องจากวิธีการที่ต้องย้ายเมืองเยอะกว่าโฮลี่ ไกด์คนอื่นๆ เป็นเท่าตัว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังมีอยู่คนหนึ่งที่มักจะตามตัวผมเจอได้อยู่เสมอ เธอชื่อ เจริน

               

                เธอทำงานอยู่หน่วยข่าวกรอง ไม่ได้เป็นโฮลี่ ไกด์ แต่กลับมีชีวิตที่สองเหมือนกัน ข่าวที่มาจากเธอเชื่อถือได้ แถมยังต้องพึ่งพาเธอเรื่องอาวุธและเรื่องการทำข้อมูลส่วนตัวขึ้นใหม่ โดยเฉพาะผมมักจะถูกขึ้นชื่ออยู่ในแบล็กลิสของตำรวจทุกประเทศทั่วโลก การเปลี่ยนชื่อเลยต้องเปลี่ยนบ่อยกว่าคนอื่นๆ โดยจาก 50 ปีต่อครั้ง แต่สำหรับตอนนี้ผมเปลี่ยนชื่อไปแล้วกว่าสิบครั้ง

     

                ส่วนใหญ่เธอจะเป็นฝ่ายมาหาผมพร้อมกับข่าวคืบหน้าหรือเรื่องสำคัญต่างๆ ไม่ก็ภารกิจด่วนที่ต้องการจะใช้ให้ทำ และคราวนี้ก็เช่นกันเธอก็มารอผมที่พักในตึกเก่าที่ปล่อยร้างไว้โดยเป็นที่ขององค์กรแมกดาเรียเลยไม่มีใครเข้ามายุ่ง เป็นที่ซ่อนตัวได้เป็นอย่างดีที่โคโรโร่แนะนำให้ใช้ในกรณีที่หาที่พักอื่นไม่ได้

     

                ไง คีวิลเจรินร้องทักเสียงใสขณะนั่งอยู่หน้าจอคอมในห้อง เธอเป็นคนสง่า ส่วมแว่นตาอยู่ตลอดเวลา ผมสีทองที่ไม่เคยปล่อยยาวออกมาเลย

     

                ......ชื่อนั้นตั้งกี่สิบปีมาแล้ว ตอนนี้ฉันชื่อ เทโรทีน

     

                โอย เดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนอีกนั้นล่ะ เรียกคีวิลนั้นล่ะ จำง่ายดี

     

                มาคราวนี้ มีเรื่องอะไรอีกล่ะผมถามอย่างรำคาญก่อนจะตรงไปนอนบนเตียงที่เป็นเฟอนิเจอร์เพียงอย่างเดียวในห้องไม่นับโต๊ะคอมที่เธอเป็นคนยกมาเอง

     

                พูดอะไรอย่างนั้น เจ้าเด็กไร้มารยาท นายเป็นคนให้ฉันหาร่องลอยของ ซีราวู ไม่ใช่เหรอเจรินร้องว่าแต่ก็ยังคงนั่งหาข้อมูลในคอมของเธอต่อไป

     

                แล้วได้อะไรมาบ้างล่ะ

     

                ........ไม่เลย

     

                .......ก็ว่างั้นล่ะ

     

                แต่ฉันได้รับข้อความจากมาสเตอร์ โคโรโร่ฝากมาถึงนายด้วยนะเจรินบอกพลางหันมายิ้มให้ด้วยท่าทางเหนือกว่า

     

                อะไร เจ้านั้นยังไม่ตายอีกเหรอ

     

                คนที่พูดถึงนี้อาจารย์ของนายนะย่ะ

     

                อาจารย์บ้าที่ไหนทิ้งลูกศิษย์ตัวเองไปแล้วหายหัวตลอด 80 ปีโดยไม่มีการส่งข่าวให้กันเลย

     

                แล้วตกลงอยากรู้หรือเปล่าว่าเขาฝากอะไรมาถึงนายเจรินแกล้งถามพลางดึงซอกจดหมายออกมาจากในกระเป๋าถือและโบกยั่วไปมา

     

                ........ไม่ผมตอบอย่างไม่ลังเลเพราะคิดไปคิดมาก็พอรู้ว่าในจดหมายนั้นเขียนไว้ว่าอย่างไงตามนิสัยบ้าๆ บอๆ ของเจ้าบาทหลวงขี้เมาคนนั้น

     

                นายเนี่ยน่า นอกจากไม่สังคมกะใครแล้วแม้แต่อาจารย์ตัวเองยังไม่เห็นหัวอีก แต่เอาเถอะเพราะไงคราวนี้นายควรจะรู้ไว้ฉันจะอ่านให้ฟังล่ะกันเจรินพูดเองเอ่อเองแต่ผมก็ชินกับนิสัยแบบนี้ของเธอแล้ว

     

                ไง เจ้าเด็กไม่ได้เรื่อง คงไม่ได้กลายเป็นพวกปีศาจไปซะเองแล้วล่ะ ได้ข่าวว่าไม่ได้ติดต่อเข้าไปที่องค์กรเลยไม่ใช่เหรอถึงตรงนี้ผมอดคิดในใจไม่ได้ว่าเจ้าบาทหลวงบ้ามันเอาอะไรมาพูดเพราะเขาเองก็ไม่ได้ติดต่อเข้าไปที่องค์กรเหมือนกันจนคนเขาคิดว่าคงตายไปซะแล้ว

     

                แต่ปีนี้อย่างไงก็ต้องกลับไปที่สาขาใหญ่ของแมกดาเรียให้ได้ นี้เป็นคำสั่ง เพราะมันครบ 80 ปีที่นายเป็น โฮลี่ ไกด์ ที่สาขาใหญ่เตรียมจะมอบตราพร้อมกับเลื่อนขั้นนายให้เป็น โฮลี่ ไนท์ แล้วเจรินหยุดอ่านและหันมามองหน้าผมราวกับไม่แน่ใจว่าจะรู้จักเรื่องการเลื่อนขั้นหรือเปล่า

     

                ฉันไม่โง่นะ เจริน เรื่องแค่นั้นฉันรู้หรอกน่า

               

                เหรอ.......แต่นายยังใส่ตราของ ทาลอน อยู่เลยนะเจรินบอกพลางชี้นิ้วมายังเหรียญตราสีเงินสลักรูปเล็บสัตว์เอาไว้

     

                จะทาลอน หรือ แฟรงค์ มันก็เหมือนกันนั้นล่ะ

     

                ไม่เหมือนย่ะ ตั้งแต่ระดับไนท์เป็นต้นไปจะได้รับอภิสิทธิ์พิเศษด้วยนะ โดยเฉพาะนายนะสมควรจะใช้มากกว่าใครเลย ฆ่าคนเป็นว่าเล่นโดนตำรวจหมายหัวจนต้องลำบากฉันต้องมาสร้างประวัติใหม่ให้นายวุ่นวายไปหมดเจรินร้องว่าจนพอใจแล้วก็หันกลับไปอ่านจดหมายต่อ

     

                อีกอย่าง ฉันมีงานหนึ่งที่อยากจะให้นายรับไปรับผิดชอบต่อแทน รายละเอียดไว้ไปถามเอาที่สาขาใหญ่ แล้วห้ามปฏิเสธเด็ดขาดถือว่านี้คือการฝึกขั้นต่อไปของนายล่ะกัน เท่านี้ล่ะ อย่าพึ่งรีบตายจนกว่าจะได้เจอกันน่ะเจรินอ่านจบก็โยนจดมหายพร้อมกับตั๋วเดินทางมาให้

     

                เครื่องออกพรุ่งนี้ ฉันรู้ว่านายไม่ชอบออกไปไหนมาไหนตอนกลางวันเพราะงั้นเลยเลือกเวลาตอนกลางคืนไว้ให้แล้ว ส่วนปืนก็ถอดทิ้งไว้ให้ฉันซะด้วยขืนพกมันไปกับตัวเดี๋ยวจะอดขึ้นเครื่อง

     

                แล้วถ้าเจอปีศาจบนเครื่องล่ะ

     

                เจ้าบ้า ปีศาจที่ไหนจะขึ้นไปจัดปาร์ตี้บนเครื่องบินย่ะ เอาปืนมาฉันต้องรีบไปหาโฮลี่ ไกด์คนอื่นอีกเจรินเดินมาแบมือโดยไม่ฟังคำโต้แย้งของผมเลยสักคำ หลังกจากเธอปลดอาวุธผมเรียบร้อยแล้วก็เปิดหายไปอย่างรวดเร็วจนผมยังไม่ทันถามเลยว่าจะได้ปืนคืนเมื่อไร

     

                ........กี่ปีแล้วน่า ที่ไม่ได้ไปที่นั้น

     

                สาขาใหญ่ของแมกดาเรีย ผมเคยไปที่นั้นพร้อมกับโคโรโร่เมื่อตอนที่เคยฝึกอยู่กับเขา ดูเหมือนที่นั้นจะไม่มีอะไรไปมากกว่าตึกที่อยู่ของพวกตาแก่ที่ทำงานชักช้า จะว่าไปก็ไม่ได้รู้เรื่องราวของสาขาใหญ่มากไปกว่านั้นตอนจากที่สั่งงานและประกอบพิธีมอบตราเลื่อนชั้นเท่านั้น แต่ว่าพรุ่งนี้ก็จะได้กลับไปที่นั้นอีกครั้งมันอาจทำให้เราคิดอะไรบางอย่างที่ลืมไปกับกาลเวลากลับมาก็ได้

     

                                                                .............................

     

                วันใหม่ของผมเริ่มต้นที่ตอนพระอาทิตย์ตกดินเที่ยวบินที่จะไปสาขาใหญ่ออกตอนสี่ทุ่ม....... เวลาไม่ดีเลย สี่ทุ่มเป็นเวลาที่พวกปีศาจจะเริ่มหิว เวลาที่สมาชิกในบ้านจะมาพร้อมหน้าพร้อมตา หาตอนไหนเหมาะจะจัดปาร์ตี้เลือดเท่านี้อีกไม่ได้อีกแล้ว

     

                ปีศาจ หรือ กลุ่มก้อนพลังงานอันเบาบาง พบเห็นได้ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเป็นกลางคืน มันอยู่ทุกที แต่ล่ะตัวมีการกระทำต่างกันออกไป บ้างเฝ้าดูโลกด้วยความสนุก บ้างพึ่งอพยพมาเพื่อหาแหล่งอาหาร แต่ส่วนใหญ่มันจะอยู่กันตามลำพังตัวเดียวหรือไม่เกินสอง.......ทว่าวันนี้มันต่างออกไป

     

                ทันทีที่ก้าวเข้าไปในสนามบินก็ได้เห็นพวกมันเป็นับสิบถึงมันจะยังไม่ได้สิงใครก็เถอะ แต่ท่าทางไม่น่าไว้ใจอย่างที่สุด ไม่ดีเลยด้วยกลิ่นของความอันตรายโชยหึ่งมาแต่ไกล แต่จะหันหลังกลับก็ใช่เรื่อง เอาน่าทำเป็นไม่เห็นพวกมันสักวัน หวังว่ามันคงไม่บ้าจี้ขึ้นเครื่องบินกันหรอก

     

                แต่ดูท่าผมจะคิดผิด เพราะถึงตอนนี้กำลังก้าวขึ้นเครื่องก็ยังมีพวกมันล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เพียบเลย ตอนนั้นเองที่มารู้สึกตัวว่าพวกมันกำลังตามมาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ก่อนที่จะทันทดสอบให้แน่ใจก็ได้ยินเสียงเหมือนนาฬิกาดังอยู่ข้างๆ พอหันก็ได้เห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังถือเครื่องมือตรงจับปีศาจที่เป็นแป้นทรงกลมเหมือนเรดาห์สที่พวกโฮลี่ ไกด์ส่วนใหญ่ที่มองไม่เป็นปีศาจใช้กัน

     

                มองอะไรน้องชายชายหนุ่มหันมาถามอย่างไม่เป็นมิตรพลางซุกเครื่องตรวจจับเข้าไปในแขนเสื้อตามเดิม

     

                .......เปล่าผมมองโฮลี่ ไกด์คนนั้นพลางคิดว่าหมอนี้มันรู้หรือเปล่าว่าเครื่องตรวจจับมันช่วยได้แค่ระบุจำนวนของพวกปีศาจ แต่ถ้าลองมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแล้วก็จะสามารถมองออกถึงความฉลาดและพิษสงรอบตัวของปีศาจแต่ล่ะตัว

     

                บางตัวดูง่ายมากว่าพึ่งได้มาบนโลกไม่นาน พวกนี้มันจะเดินตัวเปล่าและคงรูปร่างได้ไม่คงทีเหมือนกับกลุ่มควันที่ปกคลุมอยู่รอบตัว ทำอะไรชักช้ามันจะถูกดึงความสนใจได้ง่าย ส่วนพวกที่เก่งกล้ารู้มากขึ้นมาหน่อย พวกนี้จะรู้จักปรับตัวให้ดูเหมือนคนมากขึ้นตามสังคมที่มันไปปะปนอยู่ด้วย แต่ก็มีพวกเนียบที่ยากจะหยั่งถึงอย่างเจ้า ซีราวู และปีศาจที่เจออยู่ตรงนี้ถึงจะไม่ได้เป็นระดับสูงอย่างเจ้าซีราวู แต่มันก็ท่าทางเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย ขนาดทำตัวให้เหมือนคนอย่างไงยังส่งประกายอันน่าสะพรึงออกมาจนขนหัวลุก

     

                ทว่าเรื่องมันจะดูยุ่งยากขึ้นมาเพราะดูเหมือนว่าเจ้าโฮลี่ ไกด์มือใหม่ที่อยู่ข้างผมมันทำท่าจะก่อเรื่องขึ้นซะเอง เพราะไม่ทันไรมันก็เล่นล้วงปืนออกมาซะแล้ว แต่เอ๋!!?? มันเอาปืนข้ามเครื่องตรวจอาวุธของสนามบินมาได้ไงล่ะเนี่ย แต่ตอนนี้อย่าพึ่งคิดจุกคิดจิกเลย

     

                พี่ใหญ่ช่วยเก็บปืนก่อนเถอะ พวกมันยังไม่ได้สิงใครขืนลงมือตอนนี้เดี๋ยวก็ถูกเตะลงจากเครื่องหรอกผมเตือนเขาอย่างหวังดีพลางแบะอกเสื้อออกให้เห็นตราทาลอนของผมเพื่อเราจะคุยกันได้ง่ายขึ้น

     

                เป็นแค่ทาลอนมือใหม่นะเงียบไปเถอะ

     

                .........ดูมัน ปล่อยให้ถูกเตะลงเครื่องซะเลยดีไหมเนี่ย เอาน่าๆ มีคนช่วยเพิ่มอีกคนดีกว่าต้องเจอพวกปีศาจตามลำพังคนเดียวแถมมือเปล่าซะด้วย

     

                ว่าแต่ พี่ใหญ่ก็ทาลอนเหมือนกันนี้ครับ

     

                ใช่ แต่ฉันอยู่มาตั้ง 20 ปีแล้วนะเฟ้ย 20 ปีเชี่ยว แถมยังไม่พลาดด้วยสักครั้ง

     

                โห น่าสงสารพวกปีศาจที่เจอไอ้เซ่อนี้ฆ่าจัง แต่เอาน่าอยู่มาได้ 20 ปีโดยไม่ตายเลยสักครั้งฝีมือคงพอตัว

     

                ครับๆ ทราบแล้ว แต่ช่วยเก็บปืนก่อนได้ไหม รอบเรามีคนอื่นอยู่ด้วยนะ ยิงไปไม่ระวังเดี๋ยวก็โดนคนหรอก

     

                ..........ก็จริงของนาย ฉันชื่อ เฟอเมส นายล่ะชื่ออะไรชายหนุ่มแนะนำตัวแต่ว่าหน้าก็ยังไม่มองกันเลย

     

                ฉัน เทโรทีนผมยื่นมือไปหวังจะทำความรู้จักอย่างเป็นมิตรแต่มันก็เมินอีกจนได้

     

                ว่าแต่นายมีวิธีอะไรจัดการกับพวกมันไหมเฟอเมสถามอย่างไว้ท่า

     

                เฮ้ยๆ นายพึ่งว่าฉันเป็นมือใหม่ไม่ใช่เหรอ เจ้าหมอนี้ได้อาจารย์แบบไหนอบรมมากันแน่นะทำไมถึงได้หยิ่งยะโสแบบนี้ แต่จะว่าไปเราเองก็ใช่ว่าจะดีกว่าเลย ให้ตายเถอะคิดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ เพราะเจ้าบาทหลวงขี้เหล้านั้นแท้ๆ

     

                ไม่มีหรอก ปีศาจทั้งโขยงแบบนี้ แถมดูเหมือนมันจะตามพวกเรามาซะด้วย ถึงจะเปลี่ยนเที่ยวบินก็คงไม่ต่างกันผมพยายามช่วยเจ้าหมอนี้แล้วเชื่อเถอะ

     

                งั้นใช้วิธีฉัน ขึ้นเครื่องนั่งรอ เห็นมันสิงใครก็ยิงทิ้งเลยเฟอเมสบอก แต่ก็ทำให้ผมคิดว่าเจ้านี้มันคิดเผื่อตอนขาลงบ้างหรือเปล่าว่าจะมีตำรวจกี่ร้อยคนมาล้อมจับ

     

                ขออย่าให้ทำอย่างที่พูดเลย

     

                จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ต้องมานั่งติดกันกับเจ้าจอมโอหังเฟอเมสด้วย แต่คิดๆ ไปนี้คงเป็นฝีมือของเจรินแน่ๆ ที่บอกว่าจะไปหาโฮลี่ ไกด์คงอื่นคงเป็นเจ้าหมอนี้กระมั่ง........ให้ตาย หาโฮลี่ ไกด์เก่งๆ กว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไงน่า

     

                จริงสิ นายเป็นนักบุญแบบไหนกันเฟอเมสหันมาถามผมฆ่าเวลารอเครื่องออก

     

                แบบ!!?? เอ๋ เป็นนักบุญนี้มันมีแบบด้วยเหรอผมไม่ได้แกล้งนะ แต่ไม่รู้ว่ามันมีแบ่งแยกย่อยไปเยอะขนาดไหน

     

                นี้นายเป็นโฮลี่ ไกด์จริงๆ เหรอ เอ่อ แต่คงเป็นมือใหม่ไม่รู้ก็คงว่าไม่ได้หรอก นักบุญแต่ล่ะคนจะมีความสามารถไม่เหมือนกัน อย่างที่ใช้บทสวดเพื่อขับไล่พวกปีศาจเรียกว่า เอ็กคลูส ส่วนพวกใช้เครื่องมือปลุกเสกอุปกรณ์ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้เรียกว่า ออนาเม็น หรือแบบฉันที่ใช้ปืนฆ่าร่างที่สิงสู่โดยตรง เรียกว่า กันคีส

     

                ........ฉันก็คงจะเป็นแบบนายล่ะมั่ง ถึงบังเอิญว่าตอนนี้จะไม่มีปืนติดตัวสักกระบอกเลยก็ตามทีเถอะผมบอกไปตรงๆ แต่ว่าสมัยนี้เขามีแยกกลุ่มกันขนาดนี้แล้วเหรอแค่ไอ้การเลื่อนชั้นมันก็วุ่นวายไม่พออีกเหรอไงกัน

     

                อะไร เป็นกันคีส แต่ไม่พกปืน ถึงจะเป็นมือใหม่ก็เถอะ แต่แบบนี้นายอยู่ไม่ถึงเป็น แฟรงค์ แน่เฟอเมสถึงจะบอกแบบนั้น แต่ขืนบอกไปว่าตัวผมกำลังจะเกินระดับแฟรงค์ไปแล้วมันคงเลิกคุยกับผมไปตลอดชีวิตแน่ กว่าที่ผมจะคิดหาคำตอบดีๆ ตอบกลับไปพวกปีศาจดูท่ามันจะใจร้อนรอไม่ไหวขึ้นมาซะแล้วเพราะมีพวกมันตัวหนึ่งพึ่งเข้าสิงหญิงร่างอ้วนที่นั่งอยู่ถัดไปสองที่

     

                เฟอเมส มันลงมือแล้ว ค่อยๆ ลุกไปห้องน้ำนะ

     

                นายรู้ได้ไงเฟอเมสหันมาจ้องผมแบบไม่เชื่อใจเลย ก็แน่ล่ะเครื่องตรวจจับอะไรก็ไม่มีเลยสักชิ้น แถมยังเป็นไอ้ไก่อ่อนในสายตาเขาอีก

     

                ฉันมองเห็นพวกมัน ช่วยเลิกถามนู้นถามนี้แล้วลุกไปห้องน้ำเร็วเข้าผมเริ่มจะหมดความอดทนกับเจ้าหมอนี้ขึ้นทุกที แต่คราวนี้ก็ค่อยยังชั่วขึ้นหน่อยที่ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี พวกเราลุกจากที่นั่งและตรงไปห้องน้ำด้านหลังและก็อย่างที่คาดไว้ หญิงร่างอ้วนที่ถูกสิงก็ลุกตามพวกเรามาจริงๆ ซะด้วย

     

                เฟอเมส อย่ายิงนะเสียงปืนจะทำให้ทุกคนแตกตื่น ดีไม่ดีพวกปีศาจตัวอื่นจะฉวยโอกาสสิงร่างแล้วเข้ามาผสมโรงด้วยผมเตือนเพราะเห็นเฟอเมสเตรียมควักปืนขึ้นมาแล้ว

     

                ไม่ให้ใช้ปืน แล้วนายมีวิธีรับมืออย่างอื่นเหรอเฟอเมสหันมามองคงจะหวังว่าผมจะควักดาบเล่มโตๆ ขนาดจะหั่นเจ้าครึ่งผีครึ่งคนที่กำลังจะมาขย้ำพวกเราล่ะมั่ง

     

                แล้วนายคิดว่าฉันกล้าเดินขึ้นเครื่องที่รู้ว่าจะมีพวกปีศาจตามมาขึ้นด้วยเป็นโขยงแบบนี้โดยไม่มีอะไรจะใช้ป้องกันตัวเลยเหรอผมคิดว่านี้จะเป็นการเดินทางที่สบายๆ ซะอีก แต่งานนี้คงเหนื่อยกว่าเดิมแน่ไหนจะพวกปีศาจ ไหนจะเจ้าเด็กบ้องตื้นนี่อีกก

     

                เดี๋ยวพอเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปิดประตูทิ้งไว้ ส่วนนายก็ยืนเฝ้าประตูไว้คอยดูพวกแอร์ฮอสสเตรจผมบอกไปโดยที่ไม่หวังว่าจะได้รับความร่วมมือในทันที แต่ผิดคาดแฮะเฟอเมสว่าง่ายกว่านิสัยภายนอกเยอะ เขาทำตามทุกอย่างที่บอกไปโดยไม่ซักถามอะไรมาก

     

                ผมจึ่งได้ทำอย่างอื่นได้ง่ายขึ้นโดยเปิดน้ำในอ่างล้างหน้าทำเป็นล้างมือและมองผ่านกระจกดูหญิงร่างอ้วนค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้องน้ำด้วยดวงตาที่กลอกขึ้นไปจนเป็นตาขาวหมดแล้ว ผิดหนังม่วงคล้ำเนื่องจากการเกรงตัวของกล้ามเนื้อ มันเป็นอาการของคนที่ถูกสิง

     

                มันเดินตรงมาที่ผมในทันทีเพราะเฟอเมสแอบอยู่หลังประตูห้องน้ำและคงกำลังจับตาดูอยู่ว่าผมจะใช้วิธีไหน แต่ตอนนี้บอกตามตรงว่าเจ้าปีศาจตัวนี้อาจจะเซ่อซ่าและโง่กว่าเฟอเมสสักร้อยเท่าได้ เพราะแทนที่จะสิงผู้ชายที่มีร่างกายแข็งแรงหน่อยกลับเหลือสิงหญิงร่างอ้วนแถมยังเดินเข้ามาหาด้วยมือเปล่าๆ อีก

     

                .......ด้วยนามศักดิ์สิทธิ์โปรดประทานพร แบ่งปั่นพลังของท่านสู่ข้า ขับไล่ความชั่วร้ายสู่ทางสว่างผมท่องบทสวดบทหนึ่งก่อนจะตวัดมือกลับหลังไปทางหญิงที่ถูกสิง หยดน้ำที่เกาะมืออยู่พุ่งเข้าใส่ใบหน้านั้นพร้อมกับควันที่พวยพุ่งออกมาราวกับมันเป็นน้ำกรด แต่นั้นยังไม่เพียงพอผมรีบวิ่งเข้าไปใช้มือกดใบหน้านั้นเหวี่ยงไปกระแทกกับฝาห้องน้ำด้านหนึ่งพร้อมกับเริ่มบทสวดที่ใช้ขับไล่ปีศาจต่อ

     

                เมตตาปีศาจผู้หลงทาง โอบอุ้มด้วยมือทั้งสองดุจทารกแรกเกิด นำเขาไป นำเขาไปสู่ท่าน นำไปหาแสงสว่างภายใต้การดิ้นรนอย่างหนักหน่วงก็ได้เฟอเมสที่เข้ามาช่วยกดแขนเอาไว้ ไม่นานหลังจากที่ร่างสิงสู่สงบลงทุกอย่างกลับมาสู่สภาพปกติ ปีศาจได้ถูกขับไล่ออกไป และมันคงกลับไปสู่ที่ที่มันมาไปอีกพักใหญ่

     

                ........ไหนนายบอกว่าเป็นกันคีสไง ทำไมถึงได้ใช้บทสวดแบบพวกเอ็กคลูสได้ด้วยล่ะเฟอเมสหันมาถามด้วยสีหน้าที่แสดงความเหลือเชื่ออย่างเกินเหตุ

     

                ก็ใช่ ฉันถนัดใช้ปืน แต่บังเอิญอาจารย์ที่สอนฉันมาเขาเป็นพวกบาทหลวงที่ถนัดบทสวดอย่างที่นายเรียกว่า เอ็กคลูสอะไรนั้นล่ะ

     

                แต่นายเสกน้ำมนต์ได้ แถมยังใช้บทสวดส่งวิญญาณอีก ถ้าไม่ใช่เอ็กคลูสระดับไนท์แล้วทำไม่ได้หรอกเฟอเมสเข้ามาจ้องหน้าผมเป็นครั้งแรกซึ่งก็น่าขำอยู่ไม่น้อยเลย

     

                ........แย่หน่อยที่ฉันเป็นลูกของบาทหลวง ชีวิตฉันถูกปกป้องใต้เงาศักดิ์สิทธิ์ ที่ฉันไม่เคยศรัทธามันเลย........ที่นี้นายมาช่วยฉันแบกยัยป้านี้กลับไปที่นั่งเขากันดีไหมผมกำลังคิดว่ามันคงจะดีถ้าพวกปีศาจตัวอื่นๆ มันจะโง่ขนาดใช้ร่างยัยป้าอ้วนพุงพุ่ยคนนี้ให้ผมจัดการได้ง่ายๆ อีก

     

                สุดยอด สุดยอดที่สุด นี้นายเป็นทั้งกันคีสแล้วก็เอ็กคลูสในตัวเลย พึ่งจะเคยเห็นนี้ล่ะเฟอเมสโวกเวกตั้งแต่ออกจากห้องน้ำมาไม่ยอมหยุดมันทำอย่างกับไม่เคยเจอโฮลี่ ไกด์คนอื่นมาก่อนเลยอย่างไงอย่างงั้น

     

                ช่วยหุบปากทีได้ไหม ฉันไม่ดีใจหรอกน่ะที่จะนายจะประกาศให้พวกปีศาจมันรู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้างการพยายามปรามให้เฟอเมสเงียบลงดูท่าจะยากกว่าตอนที่ไล่ปีศาจไปซะอีก

     

                มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะเสียงสวรรค์เอ่ยขึ้นขณะที่แอร์ฮอสสเตรจผมทองเดินเข้ามาถาม

     

                อ้อ มีแน่ครับ ผู้หญิงคนนี้เขาเป็นลมในห้องน้ำ พวกผมพยายามแบกเธอกลับไปนั่งที่พอได้จังหวะผมเลยรีบผละออกมาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกแอร์ไป เรื่องมันดูเหมือนจะง่ายแต่ตอนนี้พวกปีศาจตัวอื่นๆ ดูเหมือนจะรู้ล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของมันที่สิงอยู่ในร่างของหญิงร่างอ้วน

     

                งานนี้หนักแน่ความรู้สึกผมบอกเช่นนั้น ราวกับว่าตะกี้มันส่งตัวที่กระจอกที่สุดมาลองเชิงดูอย่างไงอย่างงั้น คนที่ประเมินสถานการณ์ไม่ใช่เรา แต่เป็นพวกมัน ตอนนี้มันมีเบี้ยที่จะใช้เล่นได้อีกโขต่างจากเราที่ไม่มีอะไรที่จะใช้ได้เลย

     

                นายคิดว่าไงถ้าเกิดว่ามันไปสิงนักบินแล้วบังคับให้เครื่องตกหลังจากที่เฟอเมสกลับมานั่งที่ก็ถามคำถามที่น่าสนใจขึ้นมา

     

                จริงของนาย.......งั้นเอานี้ไปไปโรยไว้ตรงพื้นหน้าประตูแล้วระวังอย่าให้พวกแอร์เห็นล่ะผมส่งหลอดแก้วขนาดเท่านิ้วก้อยให้กับเฟอเมสไป

     

                อะไรน่ะ เกลือปลุกเสกเหรอพึ่งรู้ว่าเจ้านี้พูดตลกก็เป็น

     

                อัฐิของนักบุญต่างหากล่ะ เป็นของที่ใกล้เคียงกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้ารู้แล้วก็รีบไปลงมือซะผมล่ะกลุ้มจริงๆ ที่ต้องมาสอนเจ้าหมอนี้ซะทุกเรื่อง

     

                หลังจากนั้นพวกปีศาจก็ยังไม่ลงมือ ราวกับจะสร้างแรงกดดันให้ทางเราเครียดขึ้นเรื่อยๆ ถึงมันจะใช้กับผมไม่ได้ก็ตามที แต่กับเฟอเมสนั้นได้ผลอย่างรวดเร็ว เพราะเขาเริ่มนั่งเฉยๆ ไม่เป็นค่อยแต่หยิบเอาเครื่องตรวจจับออกมาดู แต่ลุกขึ้นพรวดทุกครั้งที่พวกปีศาจขยับตัวผ่านข้างไป

     

                เฮ้ เทโรทีน นี้นายไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ เอาแต่นั่งเหม่อไปนอกหน้าต่างอยู่ได้เฟอเมสเริ่มหันมาคุยกับผมหลังจากที่เงียบไปได้ไม่ถึงสิบนาที

     

                ไม่

     

                ถึงนายจะมีตาทิพย์มองเห็นพวกปีศาจก็เถอะ แต่ถ้าเอาแต่มองไปข้างนอกแบบนั้นมันก็ไม่เห็นพวกปีศาจสิเฟ้ย

     

                ก็ไม่จำเป็นต้องมองตลอดนี้

     

                โธ่ นายน่าจะรู้จักเดือดเนื้อร้อนใจมั่งนะ พวกเรากำลังจะถูกพวกปีศาจเล่นงานเมื่อไรก็ไม่รู้ ต้องตื่นตัวเอาไว้สิเฟอเมสแสดงอาการสติแตกออกมาแล้ว และผมคิดว่าน่าจะช่วยเขาหน่อยเพราะเที่ยวบินนี้คงอีกนาน

     

                เฟอเมส นายรู้ไหมว่าพวกโฮลี่ ไกด์ ชั้น แฟรงค์ เขาไม่พกเครื่องตรวจจับกัน

     

                ไม่อ่ะ เอ๋ แต่ถ้าไม่พกไว้แล้วจะรู้ตำแหน่งของพวกปีศาจได้ไงเฟอเมสเริ่มหันมาสนใจหัวข้อมที่ผมพูดแทนที่เอาแต่ผะวงกับพวกปีศาจ

     

                รู้ได้สิ ปีศาจมันก็เป็นแค่กลุ่มก้อนพลังงานอย่างหนึ่ง ถ้าเจอมันบ่อยๆ อย่างน้อยก็จะสัมผัสความต่างของบรรยากาศรอบตัวได้ อุณหภูมิที่เย็นลง ภาพมัวๆ ตรงที่มันอยู่ และยิ่งเวลามันจะสิงใคร ถ้านายตั้งใจเงี่ยหูฟัง.......นายจะได้ยินเสียง.........เสียงร้องอย่างน่าสังเวชของคนที่ถูกมันช่วงชิงร่างไปผมเล่าให้ฟังจบก็หันมามองหน้าเฟอเมสที่ทำหน้าราวกับพึ่งฟังเรื่องผีมาก็ปานเล่นเอาผมกลั้นหัวเราะไว้แทบไม่ไหว

     

                เสียงเหรอเฟอเมสเริ่มสงบและนั่งหลับตาเงี่ยหูฟัง ซึ่งนั้นทำให้ผมรู้สึกขำเข้าไปใหญ่ที่เขาเชื่อเรื่องที่ผมกุขึ้นมาเอง เสียงร้องนั้นมันจะไปมีได้อย่างไงเพราะคนที่ถูกสิงจะไม่มีทางรู้ตัวได้เลย แต่ที่กุเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเพราะจะทำให้เฟอเมสไม่เครียดสติแตกไปซะก่อน

     

                แต่สิ่งที่ทำให้รู้ว่าพวกปีศาจมันคิดจะลงมือเมื่อไรก็คือความรู้สึกที่เย็นวาบจนทำให้ขนลุก คนที่ตามพวกปีศาจอยู่บ่อยๆ จนเคยชินกับความรู้สึกแบบนี้จนเป็นเหมือนสัญญาณเตือนไปในตัวว่าพวกปีศาจมันมีความคิดจะลงมือเมื่อไร

     

                เที่ยวบินนี้ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ถ้าจะลงมือก็ยังมีเวลาอีกเพียบ แต่มันจะเลือกเวลาไหนล่ะ ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คำตอบมันก็ลอยมากระแทกใส่ทันที อากาศหนาวจนเกือบเยือกแข็ง ขนลุกไปทั่วตัว บรรยากาศเริ่มเหม็นคลุ้ง ความรู้สึกขมๆ ในปากแผ่ซ่านไปถึงคอ

     

                ผมรีบกวาดตามองไปยังพวกปีศาจที่ยืนอยู่จุดต่างๆ ทั่วเครื่องหาตัวที่น่าจะกำลังจะลงมือ แต่ก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยที่ยังไม่เห็นพวกมันคนไหนเริ่มการสิงสู่เลย มีเพียงชายหนุ่มวัยกลางคนท่าทางดีคนหนึ่งลุกขึ้นและเดินตรงมาทางผม

     

                ขอโทษครับ แต่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม.........คุณโฮลี่ ไกด์เขาทักอย่างสุภาพก่อนจะเดินนำมายังที่นั่งด้านหลังที่ว่างอยู่เยอะ จะเป็นใครไม่รู้ล่ะแต่ลองรู้จักโฮลี่ ไกด์ด้วยก็แปลว่ามีค่าพอจะเสวนาด้วยอยู่แล้ว ผมเดินตามไปนั่งข้างๆ เขาส่วนเฟอเมสสงสัยจะใช้สมาธิมากไปจนอาจหลับไปแล้วก็ได้

     

                รับเครื่องดื่มไหมครับ

     

                ไม่

     

                โฮลี่ ไกด์นี้พูดน้อยจังเลยน่า อ้อ ลืมแนะนำตัว ผมชื่อ ฟิซิโอ้ ยินดีที่ได้รู้จักครับเขาเริ่มต้นทักทายพลางยื่นมือออกมาทำความรู้จัก

     

                .........แล้วเพื่อนของนายล่ะชื่ออะไรผมเองไม่อยากจะรู้จักเขามากไปกว่าเจ้าปีศาจที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเลย และจากสัญชาตญาณมันบอกผมว่าพวกมันรู้จักกัน

     

                ว่าแล้ว ว่าคุณเป็นพวกพิเศษที่มองเห็นปีศาจได้ งั้นขอแนะนำให้รู้จักกับคู่หูของผม โอโนมุด

     

                ถ้าผมหูไม่ฝาดไปเจ้านี้พึ่งบอกว่าปีศาจนั้นเป็นคู่หูเหรอ!!?? เดี๋ยวก่อนปีศาจกับมนุษย์เนี่ยนะเหรอ มันหมายความว่าอย่างไงกันแน่ ชายหนุ่มท่าทางดีผมสีน้ำตาลเข้ม กับ ปีศาจเด็กผมขาวที่ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่ไปจนถึงเข่า

     

                โอโนมุด อย่าพึ่งได้ไหม ขอฉันคุยกับเขาก่อนฟิชิโอ้ หันไปคุยกับเจ้าปีศาจจนมันยอมนิ่งเฉยพร้อมกับความรู้สึกอยากสังหารของมันจางหายไป

     

                คนที่คบค้าสมาคมกับปีศาจ ไม่เป็นพวกนอกรีดก็ฆาตกรไร้หัวใจ ว่าแต่นายเป็นประเภทไหนล่ะผมถามเพื่อกระตุ้นให้โกรธเพื่อจะดูเป้าหมายของมันแต่ผิดคาดอีกแล้ว เจ้านี้นิ่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อมันยิ้มและตอบอย่างนิ่มนวล

     

                ไม่ใช่ทั้งสองอย่างครับ ผมเป็นนักธุรกิจมีครอบครัว มีลูกแล้วสองคนด้วย ไม่เคยลงมือฆ่าคนเอง ไม่เคยแม้แต่จะต่อยกับใคร ขนาดภารยาผมยังไม่กล้าเถียงด้วยเลยครับ ฮ่าๆฟิซิโอ้เล่าให้ฟังซึ่งดูท่าทางจะไม่โกหกซะด้วยดูได้จากเสียงหัวเราะที่ออกมาจากใจจริง

     

                แล้วไงต่อผมรู้ว่าคนมีที่ชีวิตปกติไม่ยอมทิ้งด้านสว่างมาสู่ด้านมือแน่

     

                ผมเข้าโบสถ์ทุกเสาร์ ทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาส ชอบกินฮอตด๊อกไม่ใส่มายองเนส งานที่ทำก็ราบรื่นเป็นถึงหัวหน้าสาขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง ไม่เคยนอกจากภรรยา ไม่เคยผิดนัดลูกๆ เอ่อ แล้วอะไรอีกนะฟิซิโอ้เท่าที่ฟังมันเหมือนกับประชาชนตัวอย่างก็ไม่ปานแต่แย่หน่อยที่ผมอยู่มานานพอจะแยกความผิดแปลกของคนธรรมดาออกได้

     

                งั้นงานอดิเรกของนายก็คงจะเป็นกินคนเป็นอาหารว่างล่ะสินะ กลิ่นเลือดที่ติดตัวนายนะ ต่อให้ล้างอย่างไงก็ไม่ออกหรอกนะจะบอกให้ผมพูดจี้ใจดำของมันจนไม่อาจเอ่ยปากเถียงอะไรออกมาได้นอกจากยิ้มรับ

     

                ที่มือของนายมีแผลเป็นอยู่เต็มไปหมด คงเกิดจากตอนที่ถูกสิงแล้วคู่หูนายใช้ร่างไปล่าเหยื่ออย่างไม่ระวัง อ้อ เล็บนายมีเศษดินติดอยู่ด้วยนี้คงช่วยขุดฝั่งกลบเกลื้อนหลักฐานให้เจ้าปีศาจด้วยสิ.........เป็นไงบ้างล่ะชีวิตในโลกมืด สนุกดีไหม

     

                .......สมแล้วที่เป็นโฮลี่ ไกด์ คุณพูดไม่ผิดเลยแม้แต่คำเดียว ผมเองก็เหมือนกับคุณนั้นล่ะ เป็นพวกพิเศษที่มองเห็นปีศาจได้ตั้งแต่เด็กๆ อย่างโอโนมุดผมรู้จักเขามาตั้ง 20 กว่าปีแล้ว ครั้งแรกที่ผมถูกสิงเพราะถูกพวกติดยาแทงแล้วชิงทรัพย์ โอโนมุดเลยทนไม่ไหวสิงผมแล้วกินมันซะเลยฟิซิโอ้คุยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวซึ่งก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย

     

                แล้วครอบครัวนายล่ะ

     

                ผมตกลงกับโอโนมุดไว้ว่าจะเป็นร่างสิงสู่ให้ แต่ต้องไม่แตะต้องครอบครัวกับเพื่อนๆ ผม และเรื่องมันก็ลงตัว เราช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถึงแรกๆ ผมจะไม่ชอบที่ตอนตื่นขึ้นมาจะมีรสเลือดอยู่เต็มปากเต็มคอ หนักท้องและพะอืดพะอม ทั่วตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด แต่พอหลายๆ ทีเข้ามันก็เริ่มเข้าใจรสชาติที่โอโนมุดชื่นชอบ........ถึงตอนนี้ผมก็เลิกไม่ได้แล้วล่ะชั่วพริบตานั้นฟิซิโอ้ก็เผยธาตุแท้ออกมาจนได้ ความวิปราศที่ฉายอยู่ในแววตามันบอกถึงแรงปรารถนาที่ถูกเติมเต็ม รอยยิ้มที่เหมือนการได้เสพติดสิ่งที่โปรดปรานจนเต็มอิ่ม

     

                ชีวิตนายน่าสนุกดีนี้ คุณฟิซิโอ้.........ว่าแต่อยากจะเริ่มปาร์ตี้เลือดกันแล้วหรือยังล่ะ

     

                ไม่ต้องรีบร้อนโฮลี่ ไกด์ ผมแค่อยากจะมาเตือนคุณสองสามเรื่องแล้วจะกลับไปนอนต่อ ผมและร่างสิงสู่คนอื่นๆ อีก 3 คนที่อยู่บนเครื่องนี้ต่างก็อยากจะมุ่งหน้าไปให้ถึงสนามบินปลายทาง ไม่ต้องห่วงเราจะไม่แตะต้องนักบินหรือทำอะไรกับตัวเครื่องบิน และคุณและเพื่อนก็ห้ามยิงปืนบนเครื่องนี้เด็ดขาด ส่วนปีศาจตัวอื่นๆ ผมก็สั่งไว้แล้วว่าถ้าอยากจะเล่นกับพวกคุณก็ให้ไปจัดการกันในที่ลับตาคนหน่อย อย่างห้องเก็บของท้ายเครื่อง เอาล่ะหวังว่าคุณจะชอบเที่ยวบินนี้นะฟิซิโอ้บอกเสร็จก็ลุกขึ้นและเดินกลับไปนั่งที่พร้อมกับคู่หูปีศาจของเขา ถ้าตอนนี้ผมมีปืนสักระบอกในมือคงจะไม่ลังเลที่จะยิงเขาแน่ๆ ไอ้คนอันตรายแบบนี้

     

                พระเจ้าช่วย ผมลืมไป.......คุณโฮลี่ ไกด์ อีกเรื่องที่คุณต้องระวัง ก็คือ..........อย่ามาทำให้ผมกับเพื่อนๆ ต้องโมโหจนต้องลงมือเองล่ะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคุณได้ตายแน่ ร่างสิงสู่แบบพวกผมนะต่างจากที่คุณเคยเจอมา อย่าอยากรู้เลยว่าผมทำอะไรได้บ้าง และอย่าคิดจะลองเป็นอันขาดฟิซิโอ้หันกลับมาขู่ด้วยดวงตาที่แดงเรืองๆ มันน่ากลัวยิ่งกว่าตอนถูกพวกปีศาจสิงซะอีก

     

                แล้วทำไมนายถึงคิดว่าฉันไม่ควรจะลองล่ะผมเองก็รู้ว่าพวกนี้ไม่ธรรมดา แต่มันก็ยิ่งน่าลองไม่ใช่หรือไงกัน

     

                .......โฮลี่ ไกล์ นอกสังกัด ลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของ โฮลี่มาสเตอร์ คาโรโร่ ฆ่าปีศาจมาแล้วนับพันตัว มากที่สุดที่โฮลี่ ไกด์คนไหนๆ จะเคยทำ แถมตลอด 80 ปีที่ผ่านมายังไม่เคยตายจนสูญเสียวิญญาณที่เป็นบ่วงกรรมไปเลยด้วย มีความสามารถรอบตัว ทั้งสืบเสาะ ค้นหา ติดตาม และทำลาย มีตาทิพย์มองเห็นปีศาจ มีพลังศักดิ์สิทธิ์ติดตัว ใช้ได้ทั้งบทสวด การปลุกเสก หรือฝีมือยิงปืนที่แม่นยำ ถึงปัจจุบันเป็นแค่ ทาลอน แต่ความสามารถถูกยกย่องให้อยู่ชั้น วินเซอร์ ไปแล้วฟิซิโอ้บอกประวัติผมได้ตรงมากกว่าที่ผมรู้จักตัวเองซะอีก

     

                อย่าคิดว่า พวกคุณจะรู้เรื่องฝ่ายเราเพียงอย่างเดียวสิ พวกเราเองก็รู้เรื่องทางฝ่ายคุณเหมือนกันนะ คุณโฮลี่ ไกด์ผู้ทิ้งนาม

     

                                                    ...................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×