ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    D&D (Devil & Demon)

    ลำดับตอนที่ #10 : ผู้ถือเหรียญ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 438
      0
      25 ส.ค. 49

    ตอนที่ 10 ผู้ถือเหรียญ


     

                    ............เป็นอะไรไปเหรอ ทำหน้าไม่สบายใจเลยแคลอรีนถามขึ้นขณะจ้องหน้าที่บึ้งตึงของผมเขม็ง

     

                    นั้นสิเนอะ พึ่งจัดการแวนเดลฮาร์ดไปได้ตัวหนึ่งแล้วแท้ๆ แต่ว่า............พวกเราจะขึ้นไปได้อย่างไงกันล่ะเนี่ยผมชี้ไปยังขอบถ้ำด้านบนที่อยู่สูงขึ้นไป มันเป็นจุดที่พวกเราตกลงมาข้างล่างนี้ซึ่งจากที่ลองปีนดูแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลับขึ้นไปเพราะพนังถ้ำทุกด้านมีตะไคร่น้ำเกาะจนลื่นแถมยังชันตั้งฉากกับพื้นไม่นับว่ามันเป็นหินเรียบที่แทบไม่มีรอยแยกให้เกาะได้เลย

     

                    ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้เจ้าซีราวูคงไปตามคนอื่นมาช่วยพวกเราแล้ว ดูท่ามันคงไม่ยอมปล่อยให้เธอตายตอนนี้หรอกแคลอรีนบอกอย่างสบายใจพลางใช้เท้าตีน้ำเล่น

     

                    ........แผลที่ขาเป็นอย่างไงบ้างผมถามอย่างเป็นห่วงและรู้สึกผิดเพราะมันเกิดจากความอ่อนหัดของผมแท้ๆ

     

                    ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่ถากๆ ไปเท่านั้น ว่าแต่ที่คอเธอนั้นล่ะไม่เป็นไรเหรอ เสียเลือดไปทั้งขนาดนั้นแคลอรีนหันมาถามกลับจริงๆ ตัวผมเองก็หวิดไปเหมือนกันถ้าถูกรัฟเรเซียกัดแรงกว่านี้นิดเดียวเส้นเลือดใหญ่คงขาดเลือดออกหมดตัวไปแล้ว

     

                    ไม่ลึกเท่าไรหรอก อีกอย่างฉันก็เสียเลือดแบบนี้จนชินแล้วผมตอบก่อนจะนั่งลงข้างๆ แคลอรีนพลางนึกถึงเพลงที่เธอร้องขึ้นมาตะกี้แต่กลับรู้สึกแปลกๆ ที่จะต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง

     

                    เพลงนั้น..........ที่เธอร้องตะกี้

     

                    บทเพลงคานาเลีย.......ท่วงทำนองของการลาจากแคลอรีนบอกแต่ผมก็ไม่รู้จักหรอก ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อนี่มาก่อนด้วยซ้ำ

     

                    ถึงว่าฟังดูเศร้าๆผมเอ่ยขึ้นแต่กลับเป็นหัวใจที่เจ็บแปลบขึ้นมาทันที

     

                    ..........คีวิลแคลอรีนทักขึ้นจนผมสะดุ้งแล้วหันมามองเธออย่างตื่นๆ เพราะกลัวเธอจะรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไงอยู่ตอนนี้

     

                    อะ อะไรเหรอ

     

                    .........เปล่า ไม่มีอะไรแคลอรีนจ้องหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าไปด้วยแววตาเศร้าๆ

     

                    แกรนครูเซสเป็นคนอย่างไงเหรอจู่ๆ ผมก็หลุดปากถามออกมาโดยไม่ตั้งใจแต่แคลอรีนมีปฏิกิริยาโต้ตอบทันทีเธอหันมาจ้องผมอีกครั้งด้วยสายตาแปลกๆ

     

                    เป็นอย่างไงเหรอ...........เซ่อซ่า ทึ่ม ไม่เอาไหนแคลอรีนพูดมาแต่ล่ะอย่างนี้ถ้าไม่รู้คงคิดว่าเธอกำลังพูดถึงคนธรรมดาคนหนึ่งจนตอนนี้ผมเองก็สงสัยแล้วว่าทำไมคนแบบนั้นถึงได้มาเป็นแกรนครูเซสได้

     

                    แต่ว่า.........เขาเข้มแข็งแล้วก็อ่อนโยนมากแคลอรีนพูดพลางหลับตาลงเหมือนกันจะนึกถึงแกรนครูเซสคนนั้นที่มีตัวตนอยู่ในใจเธอเสมอแล้วรอยยิ้มที่อ่อนหวานก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอมันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นรอยยิ้มเช่นนี้

     

                    แคลอรีนผมถูกรอยยิ้มของเธอสะกดจนเผลอยื่นมือออกไปจนเกือบจะสัมผัสใบหน้าเนียนใสนั้นแต่เธอกลับลืมตาโพร่งขึ้นมาซะก่อน

     

                    จริงสิ เกือบลืมไปเลย!!?? คีวิล รีบไปดูที่ศพนักบวชที่โดนรัฟเรเซียสิงเร็วเข้าแคลอรีนตะโกนบอกพร้อมเดินลุยน้ำกลับลงมา แต่ศพยังจมอยู่ใต้น้ำคงอีกหลายชั่วโมงกว่าจะลอยอึดขึ้นมา แต่โชคยังดีที่น้ำไม่ลึกมากเลยพอจะลงไปงมเอาศพได้อยู่แต่ก็เสียเวลาไปมากเพราะมันมืดจนมองอะไรแทบไม่เห็น

     

                    หนักวุยผมบ่นขณะลากศพกลับขึ้นมาที่แผ่นหินเหนือน้ำที่แคลอรีนนั่งรออยู่ พอเธอเห็นศพก็รีบตรงเข้ามาค้นตามเสื้อผ้าและทุกซอกทุกมุมของร่างกายนักบวชคนนั้นเหมือนกับกำลังหาอะไรอยู่

     

                    มีอะไรเหรอแคลอรีนผมถามอย่างสงสัย

     

                    เหรียญแห่งราคะไงล่ะ เครื่องมือสื่อพลังของรัฟเรเซีย ตราบใดถ้ายังไม่ทำลายเหรียญนั้นเรื่องมันก็ยังไม่จบหรอกนะแคลอรีนร้องบอกทำให้ผมต้องรีบไปช่วยค้นอีกคนทันที แต่ว่าก็ไม่พบเหรียญที่ว่าในศพเลย

     

                    อาจจะไม่ได้อยู่ที่นี้ก็ได้ผมบอกแต่แคลอรีนส่ายหน้า

     

                    ปกติรัฟเรเซียจะเก็บเหรียญนั้นไว้กับตัวตลอดเวลาไม่ยอมให้ห่างเลย........นอกจากเธอจะใช้เหรียญนั้นไปแล้วแคลอรีนยกนิ้วขึ้นมากัดพลางทำหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก

                   

                    ใช้??”คำพูดนี้ทำให้ผมต้องถ้วนคำอย่างไม่เข้าใจ

     

                    เหรียญนั้นน่ะถึงมันไม่ส่งมอบพลังให้กับมนุษย์ธรรมดาก็จริง แต่ว่ามันยังมีวิธีใช้อีกแบบ หากรัฟเรเซียส่งมอบเหรียญทองนั้นให้กับผู้ใดมันผู้นั้นจะถูกสะกดอยู่ภายใต้เงาแห่งราคะที่ไม่มีวันหนีพ้น.......พูดอีกอย่างก็คือเหรียญทองนั้นสามารถควบคุมคนอื่นได้แคลอรีนพูดจบผมก็เห็นภาพอะไรขึ้นมาลางๆ หญิงสาวใบหน้าเลื่อนลางแต่รู้สึกคุ้นเคยกำลังถือบางอย่างที่ส่องประกายสีทองอยู่

                   

                    เหรียญทองงั้นเหรอ..........ผมรำพึงขึ้นอย่างไม่ได้สติ แต่เมื่อภาพนั้นค่อยๆ ชัดขึ้นผมก็ต้องรีบสะบัดหน้าลืมมันลงเพราะความรู้สึกกลัวที่จะเห็นมัน

     

                    คีวิล เป็นอะไรไปแคลอรีนถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นหน้าที่ซีดเผือกของผม

     

                    ปะ เปล่า บางทีเหรียญนั้นอาจตกอยู่ที่ไหนที่หนึ่งในถ้ำนี้ตอนสู้กันก็ได้ผมเอ่ยขึ้นพลางมองไปที่แผ่นน้ำซึ่งถ้าจะหาเหรียญจากในนี้ล่ะก็คงยากเอาการ

     

                    แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะอยู่กับศพแรกที่มันสิง ถึงจะผิดปกติที่มันทิ้งเหรียญไว้ก็เถอะแคลอรีนบอกเสร็จก็ถอนหายใจเหมือนกับจะบอกกลายๆ ว่าไม่ได้หวังให้หาเหรียญเจอแล้ว

     

                    ไม่นานหลังจากนั้นพวกเฟอเมสก็ตามเข้ามาช่วยเราทั้งสองคนออกจากถ้ำไปได้ซึ่งสภาพก็ดูไม่แตกต่างกันเท่าไรหลังจากสู้กับพวกปีศาจที่สิงสู่ร่างพวกลูกวัดเข้าโจมตี

     

                    หลังจากฟังเรื่องราวทางนั้นแล้วดูเหมือนจะกลายเป็นปัญหาใหญ่เพราะมีลูกวัดตายไปเป็นจำนวนมากทั้งที่กลายเป็นร่างสิงสู่และถูกร่างสิงสู่ฆ่าตาย ตอนนี้ทางนักบวชอาวุโสเลยบอกให้พวกเรารีบออกจากวัดไปซะเพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก พวกเราเลยจำต้องเดินออกมาทั้งในสภาพโทรมปางตาย

     

                    คิดในแง่ดีอย่างน้อยพวกนั้นก็ไม่โทษว่าเป็นความผิดพวกเราเจรินบอกขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ แต่ผมกลับคิดว่าคราวหน้าที่มีโฮลี่ ไกด์โผล่มาที่นี้อีกจะได้รับการต้อนรับแบบไหนกันน่า

     

                    ยังกังวลเรื่องเหรียญอยู่เหรอ แคลอรีนผมหันมาถามแคลอรีนที่ยังคงทำหน้าคิดหนักอยู่ตั้งแต่ออกจากถ้ำมา

     

                    อืมเธอพยักหน้าตอบก่อนจะหันไปมองหน้าทุกคนอีกรอบ

     

                    ขออย่าให้เป็นใครในกลุ่มพวกเราที่เป็นคนเก็บเหรียญนั้นไว้เลยแคอลรีนยกมือขึ้นมาประสานทำท่าวิงวอน โดยที่มีซีราวูที่ลอยตามหลังมาหัวเราะยิ้มเยาะชอบใจอยู่

     

                                                                    ...............................

     

                    หลังจากเดินเท้ามากันจนถึงตัวเมืองแห่งหนึ่งพวกเราจึ่งมาปรึกษาเรื่องแผนการเดินทางขั้นต่อไปกันต่อ โดยที่เจรินนั้นอาสากลับไปสืบข่าวเรื่องมาเวลให้เองซึ่งทั้งผมและแคลอรีนก็เห็นว่ามันอันตรายมากแต่ก็ห้ามเธอไว้ไม่อยู่ เจรินออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นโดยไม่บอกลาใครซึ่งเป็นสไตร์ประจำที่ชอบหายตัวไปเงียบๆ ของเธออยู่แล้ว

     

                    พวกเราจะไปหาจีวานนี่ที่อิตาลีกัน ซีราวูสามารถแยกได้ว่าใครเป็นตัวแทนของฝ่ายซาตานเพราะงั้นเราแค่แอบไปดูเขาก็จะรู้แล้วว่าใช่หรือเปล่า โชคดีน่ะที่เขาอยู่ประจำเป็นที่ดูแลสาขาแมกดาเรียที่อิตาลีไว้แคลอรีนบอกตอนอาหารเช้าซึ่งพอพูดถึงอิตาลีผมก็เหงื่อตกทันทีเพราะที่นั้นมีความทรงจำที่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไรสำหรับผม

     

                    ว่าแต่จะไว้เจ้านี้ได้เหรอ เกิดมันมั่วนิ่มขึ้นมาจะว่าไงผมเหลือบไปยังซีราวูที่ไปยืนค้ำหัวหญิงสาวนักท่องเที่ยวคนหนึ่งดวงสายตาหิวกระหาย

     

                    ไม่เป็นไรหรอก มันช่วยเราจัดการแวนเดลฮาร์ดไปแล้วคนหนึ่งนะ แค่นั้นก็พิสูจน์ได้แล้วแคลอรีนบอกพลางยกกาแฟขึ้นมาจิบ แต่ทันในนั้นเจ้าซีราวูก็โผล่หน้าขึ้นมาตรงหน้าผมพร้อมกับทำท่าร้องขอ

                   

                    โวแมน ผู้หญิงคนนั้นน่ากินเป็นบ้าเลยว่ะ ขอสิงร่างหน่อยดิสิ่งที่มันร้องขอแทบจะทำให้ผมควักปืนมายิงมันให้ดิ้นตรงนั้นเลย

     

                    ฝันไปเถอะผมตอบด้วยความอดกลั้น

     

                    เฮ้ย พูดงี้ไม่ได้น่ะ รู้ไหมหายากแค่ไหนผู้หญิงเนื้อนิ่มๆ รูปร่างดีไม่มีไขมัน แล้วก็ไม่ใส่เครื่องหอมให้ฉุนจมูกจนแทบสลบ แล้วดู ดูสิดู ดูคอหล่อนเรียบเนียนขาวผ่องขนาดกำลังพอดีคำ โอย~~~ แค่เห็นก็น้ำลายไหลแล้วซีราวูพยายามอธิบายแล้วชี้ไปที่เจ้าหล่อนอย่างเอาเป็นเอาตายแต่มันทำให้อาหารเช้าของผมกร่อยไปเลย สายตาทุกคนก็จ้องมาที่ผมเหมือนกับกำลังชั่งอยู่ว่าความอดทนของผมจะหมดลงเมื่อไร

     

                    ขืนทำแบบนั้นถ้าคีวิลโดนจับขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะแคลอรีนพูดแทรกขึ้นมาจนซีราวูสะดุดกึกแล้วทำท่าคอก่อนจะจมพื้นหายไป

     

                    อย่าไปใส่ใจเลยคีวิล มันเองก็กำลังอดทนอยู่เหมือนกัน หายากนะปีศาจที่จะอดทนอดกลั้นไม่กินคนได้นานแบบนั้นเนี่ยแคลอรีนช่วยพูดให้ผมคิดมากเรื่องซีราวู แต่แค่เห็นหน้ามันอารมณ์ผมก็เดือดปุดๆ แล้ว

     

                    กินข้าวซะสายนี้เราต้องออกเดินทางกันต่อแล้วแคลอรีนสั่งเพราะเห็นผมไม่ได้แตะอาหารเลย

     

                    อืมผมพยักหน้ารับถึงแม้ในปากจะรู้สึกเค็มๆ และสะอิดสะเอื้อนคาวเลือดขึ้นมาก็เถอะ

     

                    ฉันขอออกไปโทรศัพท์ก่อนนะ ออกมาตั้งหลายวันแล้วไม่รู้ว่าที่บริษัทจะเป็นไงบ้างเออซองลากูรีบลุกขึ้นเดินไปหาโทรศัพท์ที่ใช้โทรทางไกลได้ซึ่งคงจะหายากหน่อยในเมืองเล็กๆ แบบนี้ แต่ก็มีจีเวลตามไปด้วยเลยไม่น่าเป็นห่วง

     

                    ส่วนแคลอรีนตอนนี้ก็หันไปคุยกับเฟอเมสถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวัดบนเขา ดูท่าเธอจะยังติดใจเรื่องเหรียญแห่งราคะนั้นไม่เลิก แต่พอฟังๆ ไปผมก็เริ่มตาปรือแล้วพล่อยหลับไปเนื่องจากเพลียจากการเสียเลือดมากและยังต้องมาเดินทางไกลติดๆ กันอีก แต่ตอนนี้คงไม่เป็นไรแล้วผมคิดแบบนั้นก่อนจะหลับตาลงด้วยความสบายใจ

     

                                                                    ...........................

     

                    งั้นเดี๋ยวจะรีบกลับไปล่ะกันเออซองลากูวางสายลงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขามีข่าวร้ายเกิดขึ้นหลายอย่างจนต้องรีบกลับไปดูแลจัดการเอง

     

                    จะกลับเหรอค่ะจีเวลถามขณะยืนกินเนื้อเสียบไม้ย่างรออยู่

     

                    อืม เห็นว่ามีคนที่ถูกสิงสู่แล้วรอดมาได้จะลองกลับไปดูสักหน่อย ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวจะตามไปสมทบที่อิตาลีที่หลังเออซองลากูบอกพลางลูบหัวจีเวลอย่างเอ็นดูก่อนจะพากันเดินกลับมายังโรงแรมที่พัก

     

                    อ่ะ ดูนั้นสิ สวยจังเลยจีเวลหันไปเห็นด้านข้างเมืองด้านหนึ่งซึ่งเป็นแอ่งขนาดใหญ่ พวกชาวเมืองใช้ที่นี้ขุดแร่ขึ้นมาขายหินที่ขุดขึ้นมาบางก้อนเลยจะมีลักษณะใสสะท้อนแสงพอกระทบกับแสงแดงเลยสะท้อนสีสันอย่างสวยงาม

     

                    จีเวล.........พ่อรู้ว่าห้ามลูกไม่ได้ แต่การเดินทางไปกับคีวิลมันอันตรายมากถ้าเห็นว่าไม่ไหวก็ให้รีบหนีออกมาซะนะเออซองลากูบอกอย่างเป็นห่วง

     

                    ค่ะจีเวลพนักหน้ารับแต่สายตาก็ยังคงจ้องยังข้างล่างอยู่

     

                    เอาล่ะ รีบกลับไปหาทุกคนกันดีกว่าเออซองพูดเสร็จแถมที่จะหันกลับเดินออกมาแต่ตอนนี้เขายืนนิ่งด้วยดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับก้มลงดูไม้เสียบเนื้อย่างที่พักคาอกตรงหัวใจพอดี เขามองมาที่จีเวลซึ่งยืนยิ้มแบบไร้เดียงสาในมืออีกข้างของเธอกำลังลูบคล้ำเหรียญทองอย่างหลงใหล

     

                    เหรียญแห่งราคะ!!?? จีเวลนี่ลูก........เออซองลากูมองลูกสาวด้วยความเสียใจสุดขีดก่อนจะล้มไปข้างหน้าร่างของเขากลิ้งตรงไปยังบ่อแร่เบื้องร่างในสภาพมีแผลฉีกขาดตามร่างกายหลายแห่ง จีเวลยังคงจ้องมองอยู่ต่ออีกพักใหญ่จนแน่ใจว่าเออซองลากูจะไม่สามารถขยับตัวได้อีกแล้ว เธอจึ่งหันหน้ากลับมา

     

                    อะเด๋ แล้วพ่อไปไหนแล้วล่ะเนี่ย แย่จริงถึงจะรีบก็ไม่น่าไปโดยไม่บอกทุกคนแบบนี้นะ เจอกันคราวหน้าต้องว่ากันสักหน่อยล่ะจีเวลร้องบ่นไปโดยไม่รู้ว่าจะไม่มีโอกาสได้พบกับเออซองลากูอีกต่อไปแล้ว เธอเดินกลับไปที่โรงแรมตามลำพังและคิดไปว่าพวกเธอจะไปกันที่อิตาลีกันได้อย่างไง

     

                                                                    ..........................

     

                    ผมกำลังฝันถึงแต่ภาพเดิมๆ ที่ตัวเองกำลังเดินอยู่บนถนนสีเทาไกลสุดขอบฟ้า ย้ำเดินไปอย่างไร้ชีวิตชีวาพร้อมกับหิมะสีแดงที่โปรยปรายลงมารอบๆ ตามสองข้างทางก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ฆ่ามากำลังยืนโบกมือเรียกให้เข้าไปหา

     

                    แต่คราวนี้แตกต่างกันออกไป บนถนนที่อยู่บนยอดเนินซึ่งกำลังเดินขึ้นไปอยู่นั้นได้มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนรออยู่พร้อมกับช่อดอกลิลลี่สีแดงในอ้อมแขน หมวกฝางที่ส่วมอยู่ทำให้ไม่เห็นใบหน้าแต่เรือนผมสีแดงที่พลิ้วไหวอยู่นั้นทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่าเธอคือใคร

     

                    ไม่ใช่ เธอตายไปแล้ว ตายไป.........แล้วผมร้องบอกกับตัวเองก่อนจะก้าวเดินต่อไปใกล้เธอขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่จ้องมองดูแต่พื้นกลับค่อยๆ เหลือบขึ้นมองหญิงสาวคนนั้นอย่างห้ามไม่อยู่ มุมปากที่ค่อยๆ ฉีกยิ้มขึ้นทำให้ใจหายวาบ ผมหยุดเดินลงพร้อมกับวิญญาณของคนที่ผมฆ่าไปก้าวเข้ามาในถนนพวกเขาต้องการลากผมให้ถอยกลับไป เพื่อไม่ให้ไปถึงปลายทางได้สำเร็จดังนั้นผมจึ่งต้องรีบก้าวเท้าออกเดินต่อ ผมหยุดไม่ได้ ผมมาไกลเกินกว่าจะหยุดได้อีกแล้ว

     

                    ผมใกล้หญิงสาวคนนั้นมากขึ้นจนอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เมตรด้านหลังเธอก็ยังคงเป็นถนนที่ถอดตัวยาวไปเรื่อยๆ ราวกับไม่มีวันสิ้นสุด ผมหลับตาลงแล้วย้ำเท้าเร็วขึ้นเพื่อให้ผ่านเธอไป ทั้งๆ ที่ยังร้องถามตัวเองอยู่ว่าทำไมถึงไม่กล้าสู้หน้าหล่อน ทำไมไม่กล้าแม้แต่จะสบตา หรือเอ่อปากพูด แต่สิ่งที่ใจผมตอบกลับมานั้นก็คือความหวั่นกลัวอย่างสุดขั้วหัวใจ

     

                    กลิ่นหอมจางๆ ลอยมาเตะจมูกผมขณะเดินผ่านเธอเส้นผมที่ถูกลมพัดปลิ้วมาโลมเลียตามใบหน้า เท้าผมหนักขึ้นพอๆ กับหัวใจที่หล่นวูบ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกว่าหล่อนหายไปแล้ว แต่ทว่าเธอกลับมายืนอยู่ข้างหนึ่งของผมพร้อมกับเอ่ยขึ้นที่ข้างหูเบาๆ

     

                    ไม่ต้องกลัวเซบัสเตียนเสียงใสดังกังวานสะท้านไปทุกส่วนของร่างกายสะกดให้ผมแข็งเป็นหิน

     

                    เหยียบให้แรงๆ กว่านี้หน่อยสิ เซบัสเตียน แบบนี้ทำให้มันพ้นทุกข์ไม่ได้หรอกนะจ๊ะเสียงหล่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้งทำให้ผมมองไปที่เท้าตัวเองจึ่งเห็นว่ากำลังเหยียบอยู่ที่ลูกหมาตัวหนึ่งอยู่ มันนอนสั่นกระตุกมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด

     

                    ไม่นะ ตอนนั้นมัน  ไม่ใช่ ผมไม่ตั้งใจ ผะ ผม

     

                    ไม่อะไรเหรอจ๊ะ เซบัสเตียนหล่อนกระซิบข้างหูผมอีกครั้งผมรีบหลับตาลงและร้องบอกตัวเองให้ตื่นจากฝันร้ายนี้ซะ แต่กลับเป็นว่าตัวเองได้ย้อนกลับมายังอดีตเมื่อสมัยยังเด็ก ตอนนั้นผมมีอายุแค่เพียง 12 กำลังยืนมองลูกสุนัขที่ถูกรถชนจนใกล้จะตายอยู่แล้ว

     

                    น่าสงสารจริงๆ มันคงจะทรมานมากพี่สาวของผมก้มลงอุ้มมันขึ้นมากอดไว้โดยไม่สนใจเลือดที่ไหลเปรอะชุดสวยของเธอและสายตารังเกียจจากคนรอบข้าง

     

                    ช่วยมันได้ไหมครับพี่ปากผมขยับออกไปเอง

     

                    .......แย่หน่อยนะ เซบัสเตียน นี่ก็คงเป็นอีกพระประสงค์ของท่าน ท่านคงต้องการเอาเด็กคนนี้ไปอยู่ด้วยเลยต้องพรากชีวิตไปจากมันซะก่อนพี่สาวผมยิ้มบอกอย่างอ่อนหวาน

     

                    แต่เราช่วยมันได้พี่สาวเอ่ยขึ้นต่อพร้อมกับทิ้งร่างลูกหมาตัวนั้นลงพื้นผมตะลึงมองด้วยความตกใจแต่พี่กลับค่อยๆ ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผม

     

                    ช่วยมันสิเซบัสเตียน ช่วยให้มันพ้นจากความเจ็บปวด แสดงอำนาจของเราที่มีเหนือพระเจ้าออกมาเสียงกระซิบของพี่เหมือนดังมนต์สะกด ผมไม่อาจขัดขืนหรือแม้แต่คิดสิ่งอื่นนอกเหนือจากที่พี่บอกได้ ผมก้าวเข้าไปหาลูกหมาที่ใช้สายตาอันบริสุทธิ์จ้องประสานตากัน เท้าผมยกขึ้นทั้งๆ ที่สั่นระรั่ว

     

                    ผมทำไม่ได้ผมร้องออกมา

     

                    ไม่เชื่อพี่แล้วเหรอจ๊ะ เซบัสเตียน น้องกำลังทำให้พี่เสียใจนะเธอบอกด้วยเสียงเศร้าสลดทำให้ผมเร่งกระตุ้นตัวเองอย่างแรงให้เหยียบเท้าลงไปยังลูกหมาตัวนั้น หนึ่งครั้ง สองครั้ง มากกว่านั้น ผมเหยียบมันจนเลือดกระเด็นเปรอะไปทั้งตัว

     

                    แรงกว่านี้อีกเซบัสเตียน มันยังไม่ตายเลยนะ น้องอยากจะช่วยมันไม่ใช่เหรอเธอกระซิบบอกผมอีกครั้ง

     

                    ไม่ พอได้แล้ว หยุดนะ หยุดสิ หยุด~~~~~”ผมตะโกนออกมาอย่างเสียสติ หลังจากตอนนั้นสิ่งที่ผมจำได้คือตัวเองถูกพ่อลงโทษโดยการจับขังไว้ในห้องเก็บของมืดๆ อยู่หลายวัน พ่อหวังว่าผมจะสามารถสำนึกความผิดของตัวเองได้ในความมืดนี้ แต่ผิดซะแล้วสิ่งที่ผมได้เห็นในความมืดนี้ก็คือ สัจจะธรรม ไม่มีพระเจ้า ไม่ใครมีอำนาจเหนือไปกว่ามนุษย์ เราคือผู้สร้างและผู้ทำลาย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมก็พร่ำบอกกับตัวเองเช่นนั้นมาเสมอ

     

                    นายก็เลยหันสามารถทำผิดได้โดยไม่ละอายใจแบบนั้นใช่ไหม เพราะมันเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ทำกันเสียงชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นในความมืดนั้น

     

                    เปล่า ไม่ใช่นะ แต่ถ้าพระเจ้ามีอยู่จริงทำไมถึงต้องให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นด้วยผมร้องเถียงกลับไป

     

                    ก็จริงของนายนะ ทั้งๆ ที่ผู้คนต่างศรัทธาหวังความเมตตาจากท่านแท้ๆ แต่กลับทำแต่เรื่องโหดร้ายทั้งนั้นเลยเสียงชายหนุ่มเหมือนกับจะสนับสนุนความคิดผม

     

                    แต่ว่า นายรู้ได้อย่างไงว่านั้นคือพระประสงค์ ไม่ใช่ สิ่งสกปรกโสมมในใจที่มักจะโยนความผิดไปหาสิ่งอื่น อย่างเช่น........พระเจ้า

     

                    โยนความผิด!!??”ผมสะดุ้งกับคำๆ นี้ มันบาดลึกจนเจ็บแปลบในใจเสียเหลือเกิน

     

                    มนุษย์อ่อนแอเกินกว่าจะยอมรับบาปของตัวเองได้ เพราะอย่างนั้นพระองค์ถึงต้องมีตัวตนในจิตใจของมนุษย์ไงล่ะ เพื่อให้เป็นที่รองรับความผิดบาปนั้นเอาไว้กับตัว........พระองค์ก็เป็นได้แค่นั้นเองสำหรับมนุษย์เสียงชายหนุ่มเอ่ยขึ้นต่อจนผมต้องลุกขึ้นเพื่อเดินตามเสียงนั้นไป ใครกันน่ะที่สามารถพูดจาแบบนี้ได้ ด้วยความคิดนั้นทำให้ผมก้าวออกไป

     

                    ผมเดินมาจนถึงประตูไม้มีสายลมอ่อนๆ พัดมาจากอีกด้านพร้อมกับแสงที่รอดมาตามช่อง ไม่มีความลังเลหรือกลัวขณะเปิดประตูออก มีแต่ความว่างเปล่าในจิตใจที่ทำให้สงบ สิ่งที่อยู่อีกด้านก็คือชายหนุ่มที่กำลังพาฝูงแกะออกมากินหญ้าอยู่ เขาจ้องมาที่ผมด้วยรอยยิ้มและยื่นมือออกมาชักชวนให้เข้าไปนั่งคุยด้วย

     

                    นายเป็นใครผมถามขณะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เขามองดูฝูงแกะเล็มหญ้าไปเรื่อยๆ

                   

                    เป็นใครหาได้สำคัญไม่ นายใส่ใจกับทุกสิ่งมากเกินไป ปล่อยใจซะบ้างสิ อย่างที่นายคิดว่าตัวเองไม่ยึดติดกับพระเจ้าแต่หารู้ไม่ว่าตัวเองนั้นล่ะกำลังยึดติดกับความคิดของตัวเองอยู่ชายหนุ่มบอกทั้งๆ ที่ผมน่าจะเถียงเขาออกไปแต่กลับพยักหน้ารับแล้วคิดตามคำพูดนั้น

     

                    ...........ทำไมนายถึงไม่ออกมาให้เร็วกว่านี้ ถ้านายออกมาเร็วกว่านี้ ตอนนั้นฉันก็คง ฉัน

     

                    อะไรกัน กำลังจะโยนความผิดอีกแล้วหรือไง อย่าลืมสิ ว่าคนที่ฆ่าลูกสุนัขตัวนั้นคือเจ้า ไมว่าใครจะพูดอะไร แต่ความจริงก็คือคนที่ลงมือชายหนุ่มบอกพลางใช้ไม้ในมือเคาะหัวผม

     

                    น่าสมเพชจริงๆ เลยนะ ตัวฉันตอนนี้ผมมองดูมือตัวเองที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนกลับมาเป็นตัวตนปัจจุบันอีกครั้งซึ่งเวลายิ่งผ่านไปมือคู่นี้ก็มีแต่จะเปื้อนเลือดมากขึ้นทุกที

     

                    ...........เพราะเจ้าบริสุทธิ์เกินไปเด็กน้อย ความสงสารที่มีให้แก่สุนัขตัวนั้นทำให้เจ้าอยากจะช่วยเหลือมัน ความสงสารที่ไม่อาจทนเห็นสุนัขตัวนั้นเผชิญหน้ากับความตายตามลำพัง นายเลยยื่นมือเข้าไปเพื่อแบกรับความตายนั้นไว้เองชายหนุ่มเอ่ยขึ้นซึ่งมันเป็นถ้อยคำที่โอบอุ้มจิตใจผมไว้ได้เป็นอย่างดี แต่แล้วเสียงของพี่ก็ดังขึ้นมาในหัวผมอีก

     

                    ไม่จริง ตอนนั้นเพราะผมฟังเสียงของพี่ เพราะเสียงนั้นผมซุกหน้าตัวเองไว้ตรงเข่าเพื่อต้องการหนีจากความกลัวในตอนนี้

     

                    ไม่ว่าจะเพราะอะไร นายก็แค่ทำตามที่หัวใจตัวเองต้องการ..........จงอย่ากลัวผิดบาปของตัวเอง จงอย่างแบกรับความตายไว้กับตัว อย่างที่เจ้าไม่สามารถแบกโลกนี้ไว้ได้ด้วยตัวเอง ปล่อยมันไปตามวิถีทางซะ ชำระใจตัวเองด้วยตัวเอง นั้นถึงจะทำให้เจ้าหลุดพ้นได้ชายหนุ่มเอ่ยเสร็จก็ลุกขึ้นยืนสั่นกระดิ่งที่ผูกอยู่ตรงปลายไม้เพื่อเรียกพวกแกะให้เดินตามมา

     

                    เดี๋ยวก่อน คุณเป็นใครกันแน่ แล้วคุณกำลังจะไปไหน

     

                    ฉันเป็นแค่เพียงคนเลี้ยงแกะ ผู้นำพาเหล่าแกะที่หลงทางให้กลับมายังเส้นทาง........ในใจของนายยังมีรูโหว่อีกเยอะ แต่สักวันหนึ่งมันจะกลับมาสมบูรณ์พร้อม เมื่อนั้นนายจะได้พบกับสิ่งที่ตัวเองศรัทธาผมลุกขึ้นวิ่งตามเขาไปแต่เหมือนกับยิ่งวิ่งก็ยิ่งห่างออกมาเรื่อยๆ

     

                    อย่าพึ่งไปฉันมีเรื่องอยากจะถามอยู่อีก รอก่อน........แกรนครูเซสผมวิ่งตามไปจนถึงแสงสว่างจ้ายื่นมือเข้าไปพร้อมกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนโซฟาในห้องรับแขกของโรงแรมที่พักอยู่ท่ามกลางสายตาแปลกใจของแคลอรีนกับเฟอเมสที่จ้องมองมา

     

                    ฝันร้ายเหรอแคอลรีนถามพลางยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้เพราะผมเหงื่อแตกท่วมตัวทั้งๆ ที่แอร์เย็นเฉียบ

     

                    มีคำที่แย่กว่านั้นไหมล่ะผมบอกก่อนจะมองไปรอบๆ เลยเห็นว่าเวลาผ่านมานานมากแล้วตอนนี้ทุกคนเตรียมของมานั่งรอกันที่นี้หมดที่จะไม่เห็นก็มีแต่เออซองลากูเท่านั้น

     

                    เออเซ่ล่ะจีเวลผมหันมาถามจีเวลที่กำลังนั่งเล่นไพ่กับเฟอเมสอยู่

     

                    พ่อกลับไปทำงานแล้วล่ะจีเวลตอบแบบไม่ใส่ใจ แต่ผมรู้สึกแปลกๆ ปกติเออซองลากูเป็นพวกตระกูลผู้ดี เวลาไปมาอย่างน้อยก็ต้องมีการบอกกล่าวตามมารยาทอยู่บ้าง แต่การจากไปเฉยๆ แบบนี้ไม่ใช่แบบของเขาเลย

     

                    ฉันโทรไปจ้องตั๋วเครื่องบินไว้ให้แล้วนะ ส่วนเฟอเมสก็หารถที่จะใช้ไปสนามบินได้แล้วด้วยจีเวลเสริมขึ้นต่อแต่ยังไม่ทันถามอะไรต่อเจ้าซีราวูก็มาปรากฏตัวตรงหน้าผม

     

                    ขอแค่คำเดียวได้ป่ะ ไม่ถึงตายหรอกมันบอกพลางชี้นิ้วไปที่หญิงสาวนักท่องเที่ยวคนเดิมซึ่งนั่งอยู่ในห้องรับแขกเหมือนกัน

     

                    ไม่ต่างกันหรอกแบบนั้น ถ้าแกหิวขนาดนั้นก็มาสิงตอนฉันกินอาหารปกติก็ได้นี่ผมพูดกับซีราวูแต่กลับถูกแคลอรีนจ้องเขม็งด้วยสายตาที่แปลกใจยิ่งกว่าเดิม

     

                    เป็นอะไรหรือเปล่า คีวิลแคลอรีนถามเพราะคงแปลกใจที่ผมเห็นพูดดีกับเจ้าซีราวูมัน

     

                    ปกติดี ก็แค่........พึ่งตื่นจากฝันร้ายมา

     

                    ทนไม่ไหวแล้วโวย ขอข้าสิงหน่อยเถอะ~~~”ซีราวูร้องแบบสติแตกก่อนจะพุ่งพรวดเข้ามาในตัวผม

     

                    เฮ้ย!!?? ออกไป นี่มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงเฟ้ยผมตะโกนไล่มันขณะแย่งกันควบคุมร่างอยู่

     

                    ไอ้เนรคุณ ข้าอุสาจัดการรัฟเรเซียให้แล้วนะ รู้จักตอบแทนบ้างสิว่ะซีราวูร้องว่า

     

                    ตอบแทนทำแมวอะไร แกก็ทำเพื่อตัวเองอยู่แล้วไม่ใช่เหรอผมร้องเถียงกับซีราวูเสียงดังจนคนอื่นเริ่มหันมามอง สุดท้ายแคลอรีนทนไม่ไหวลุกขึ้นมาใช้หนังสือเล่มโตในมือฟาดเข้าหลังหัวผมจนซีราวูปลิ้วออกมาจากตัวผม

     

                    ได้เวลาออกเดินทางกันแล้วเธอบอกพร้อมกับหันไปจ้องหน้าซีราวู

     

                    ถ้ายังจะอยากได้พานบรรจุปัญญาอยู่ล่ะก็ ห้ามกินคนระหว่างที่อยู่กับพวกเรา เข้าใจไหม

     

                    ชิ ยายสมองเน่าตัวร้ายซีราวูสบทด่าแคลอรีนก่อนจะหายตัวไปอีกครั้ง

     

                    หนอยเจ้าซีราวู เล่นเอาซะปวดแขนปวดขาไปหมดเลยผมบ่นกับตัวเองเพราะการต่อสู้แย่งชิงร่างกันมันทำให้ฝืนร่างกายจนปวดไปหมด แต่ตอนจะลุกขึ้นนั้นเองผมก็ได้กลิ่นเลือดลอยมาเตะจมูกเข้าจนหันไปมองทางแคลอรีนซึ่งกำลังส่งกระเป๋าไปให้จีเวลช่วยถือ

     

                    .........บ้าน่าเรา ก็พึ่งเกิดเรื่องในวัดนั้นมา จะมีกลิ่นแบบนี้ก็ไม่แปลกผมยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นไปช่วยพวกเขาขนของขึ้นรถ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าจมูกของผมสามารถแยกแยะได้แม้กระทั่งความสดใหม่ของเลือดที่แตกต่างกันได้

     

                                                                    ..............................

     

                    เราเดินทางมายังสนามบินแล้วต่อด้วยเครื่องบินเพื่อมายังอิตาลีทันที ซึ่งเป็นการเดินทางที่ราบรื่นผิดคาด ไม่มีแม้แต่ปีศาจธรรมดาโผล่มาให้เห็นหน้า ซีราวูก็ทำตัวสงบเสงี่ยมดีส่วนใหญ่มันจะใช้เวลาไปจดๆ จ้องๆ อยู่แต่กับแคลอรีนที่ชอบอ่านหนังสือฆ่าเวลา จนบางครั้งที่แคอลรีนพลิกหน้าเร็วไปจนมันต้องร้องโวยขึ้นมา

     

                    เฟอเมสตอนนี้ก็เงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัดเขาไม่พูดมากเหมือนเมื่อก่อน เวลาส่วนใหญ่ก็จะใช้ฝึกท่องบทสวดจนจีเวลแซวอยู่บ่อยๆ ว่าทำท่าเหมือนพวกเด็กเก็บกดชอบพูดกับตัวเอง แต่ในสายตาผมเห็นแล้วล่ะว่าสักวันเฟอเมสจะต้องก้าวขึ้นมาเป็นบาทหลวงที่ดีอย่างคาโรโร่ได้แน่

     

                    แล้วคนที่ทำให้ผมผิดคาดมากที่สุดก็คือจีเวล การที่มีเธอร่วมเดินทางด้วยนอกจากจะช่วยได้ในหลายๆ เรื่องแล้วที่สำคัญเธอยังสร้างบรรยากาศดีๆ ขึ้นมาด้วยความร่าเริงของเธอ จะว่าไปในตอนนี้พวกเรามีแต่พวกชอบอมทุกข์ทำตัวเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจากัน ทั้งผมที่เป็นมานานแล้ว หรือเฟอเมสที่พึ่งจะเป็น แคลอรีนก็พูดน้อยและทำหน้าตายตลอดไม่รู้ว่าเวลาไหนเธอจะปล่อยมุขขึ้นมา

     

                    กว่าจะถึงก็เช้าพอดี นอนเอาแรงกันหน่อยเถอะแคลอรีนหันมาบอกแต่จริงๆ เธอกำลังจะช่วยเฟอเมสที่กำลังจะเสียไพ่ให้จีเวลหมดตัวแล้ว

     

                    ห้ามาสิงร่างตอนฉันหลับเด็ดขาด เข้าใจน่ะซีราวูผมหันมาย้ำกับซีราวูที่เอาหัวทิ่มออกไปนอกเครื่องอยู่

     

                    เอ่อ รู้แล้วล่ะน่ามันหันกลับมาตอบแบบเซงๆ ก่อนจะเอาหัวกลับทิ่มออกไปนอกเครื่องบินตามเดิม

     

                    จะไหวไหมเนี่ยผมมองซีราวูด้วยความสงสัย พอได้เห็นมันแบบนี้ก็ยิ่งอ่านมันไม่ออกว่าเจ้าปีศาจตัวนี้คิดอะไรกันอยู่แน่ มันออกจะต๊องๆ ไม่ค่อยเต็ม แต่บทจะฉลาดขึ้นมาก็น่ากลัวเอาเรื่อง

     

                    หือ จีเวล นั้นยังจะกินอยู่อีกเหรอผมหันมาเห็นแอร์ที่พึ่งเดินเอาอาหารมาเสริฟให้กับจีเวล

     

                    จะว่าฉันอ้วนเหรอ คนกำลังอยู่ในวัยกำลังโตก็ต้องกินเยอะๆ สิจีเวลหันมาว่าพลางใช้มีดหั่นเนื้อในมือชี้หน้าผม

     

                    เอ่อๆ ตามสบายเถอะผมไม่อยากเถียงด้วยเลยหันพลิกหน้าหันกลับมาอีกข้างแต่กลับเจอแคลอรีนที่จ้องหน้าผมอยู่

     

                    มะ มีอะไรเหรอผมถามด้วยใจที่เต้นโครมคราม

     

                    .......ราตรีสวัสดิ์แคลอรีนพูดแค่นั้นแล้วก็หลับไปเลยเล่นเอาผมงงไปพักใหญ่ แต่ก็ยังร้องว่าตัวเองอยู่ไม่เลิกว่าทำไมต้องมาใจเต้นกับยัยเด็กเปี้ยกนี้ด้วย

     

                    เอ่อ จะว่าไป แคลอรีนก็แก่กว่าเราเยอะเลยนี่น่าผมงึมงำขึ้นเบาๆ แต่กลับถูกมือของแคลอรีนยกมือมาตบที่หน้าทันที

     

                    เสียมารยาทเธอว่าก่อนจะพลิกหน้าหลบไปอีกข้าง

     

                    ผมหลับตาอยู่แต่ก็ยังนอนไม่หลับ ในหัวมีเรื่องคิดอยู่มากมายทั้งเรื่องในอดีตแล้วเรื่องที่จะทำต่อไป อีกเหตุผลหนึ่งที่ยังหลับไม่ลงก็เพราะยังมีเสียงกรนดังของเฟอเมสกับเสียงมีดส้อมกระทบจานของจีเวลดังแกรกๆ ให้ได้ยินไม่เลิก ไหนจะยังเจ้าซีราวูที่ชอบเดินผ่านไปผ่านมาอยู่นิ่งไม่ได้เหมือนกับเด็กๆ

     

                    ........กินเสร็จแล้วล่ะมั่งผมคิดในใจเพราะไม่ได้ยินเสียงกระทบจานของจีเวลแล้ว ตอนนั้นเองที่ผมก็เริ่มเคลิ้มๆ จะหลับแล้ว แต่ว่ากลับมีอีกเสียงที่ดังขึ้นมาแทน

     

                    ฆ่ามัน ฆ่ามัน ตัดหัวมันซะเสียงแหบต่ำดังสะท้อนในหูผมจนต้องลืมตาโพล่งตื่นขึ้นมาจึ่งเห็นจีเวลที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ แคลอรีน

     

                    มีอะไรเหรอ จีเวลผมถามขึ้นซึ่งเธอก็หันมายิ้มให้

     

                    มีดตกอ่ะ เลยว่าจะไปขอเปลี่ยนสักหน่อยเธอบอกก่อนจะเดินต่อไปข้างหลัง

     

                    ........หูแว่วไปเองมั่งเรา สงสัยแป็นเพราะถูกเจ้าซีราวูสิงแน่เลยผมบ่นขึ้นมาพลางดึงผ้าที่เลื่อนลงมาถึงเข่าขึ้นมาห่มให้กับแคลอรีนที่ยังหลับอยู่

     

                    แต่เพราะเสียงนั้นเลยทำให้ผมนั่งตาสว่างไปทั้งคืนจนถึงสนามบินปลายทางเลยพร้อมกับความรู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรบางอย่าง

     

                    ว้ายๆ หิมะเต็มไปหมดเลยจีเวลที่พอออกมาจากสนามบินแล้วเห็นหิมะขาวโพล่นไปหมดก็วิ่งออกไปอย่างดีใจตรงกันข้ามกับผมที่ยืนมองด้วยสีหน้าที่บอกบุญไม่รับ บอกไปคงถูกหัวเราะแน่ว่าจริงๆ แล้วผมขอให้หน้าหนาวนี้มันจบลงเร็วสักที

     

                    เราจะไปหา จีวานนี่กันเลยหรือเปล่าผมถามแคลอรีนที่กำลังให้เฟอเมสโบกแท็กซี่ให้อยู่

     

                    ยัง เราต้องไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็น มาเวลคงมีสายอยู่ในแมกดาเรียทุกสาขาล่ะแคลอรีนบอกทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเพราะอยากจะให้มันเสร็จๆ เรื่องแล้วรีบๆ ออกไปจากที่นี้ซะ ซึ่งอาการกระสับกระส่ายของผมก็ถูกแคลอรีนสังเกตเห็นด้วยเธอเลยเอ่ยขึ้นมา

     

                    ..........จริงสิ ที่นี้มันบ้านเกิดเธอใช่ไหม คีวิล

     

                                                                    ..............................




     

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×