ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Dreamsia

    ลำดับตอนที่ #5 : พี่น้องสตริงเกอร์

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 49


    ตอนที่ 5 พี่น้องสตริงเกอร์



        “เอ๋!!??~~~~”เสียงร้องอย่างตกใจของโรสและเมจิกดังขึ้นสะท้อนอยู่หลังบาร์เหล้า เมื่อพวกเขาถึงได้ยินเรื่องหน้าผิดหวังจากปากของแจ๊คหลังจากเขาตรวจสอบดูล่ะว่า คนที่ชื่อ อาเคเรส นั้น หายตัวไปหรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่าไม่ยอมเข้ามาในทรีเอ็นเลยนับตั้งแต่เหตุการณ์การตื่นครั้งก่อนของราชินีเอวา



        “ไม่ผิดแน่”แจ๊คตอบก่อนจะปิดโนตบุ๊คลงเพราะดูต่อไปก็ไม่มีอะไรให้รู้มากขึ้นเลย



        “ถ้าไม่เข้ามาแบบนี้ก็คุยด้วยไม่ได้สินะ”โรสทำขมวดคิ้วพลางเดินไปเดินมาอย่างใช้ความคิด



        “งั้นก็ไปหาตัวจริงข้างนอกสิ”เมจิกเอ่ยขึ้นขณะยืนดูวิธีเก็บของโดยการสร้างช่องเก็บของส่วนตัวขึ้นมาตรงกำแพงหรือส่วนไหนก็ได้ที่แจ๊คต้องการจะเก็บมันไว้



        “โอย ขำมากเลยเมจิก ไปหาตัวจริงข้างนอก พูดมาได้ ฉันรู้ว่ากิมม่าประหลาด เอ่อ ประหลาดมาก”เธอรีบเสริมเมื่อเห็นสายตาของแจ๊คที่เหมือนจะบอกว่าแค่ประหลาดยังน้อยไป “แต่เขาก็น่าจะบอกเรื่องกฎกับเธอไม่ใช่เหรอ”



        “บอกครับ เรื่องไม่ให้คนอื่นรู้ชื่อในโลกแห่งความจริงของตัวเอง แต่ถึงแบบนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่ไม่รู้ไม่ใช่เหรอครับ”เมจิกพยายามจะบอกแต่โรสก็มองด้วยสายตาที่คิดว่าเขายังคงเป็นเด็กอยู่ดี



        “งั้นจะไปถามใครล่ะ อย่าบอกน่ะว่าต้องไปถามจากพวกทัวทีเนียนะ ไม่มีทาง และไม่มีวัน”โรสร้องว่าราวกับแค่ความคิดของเมจิกก็อันตรายแล้ว



        “ไม่ใช่ไม่มีทางหรอก”แจ๊คเอ่ยขึ้นหลังจากฟังอยู่นาน



        “อ้อ งั้นจะบอกว่านายจะไปถามเจ้าพวกทัวทีเนียเองใช่ไหม เชิญเลย โชคดีนะ”โรสบอกด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะใส่ความจริงใจในการไล่ให้แจ๊คไปตายลงไปมากที่สุดเท่าที่จะทำได้



        “ไม่ต้องถึงเจ้าพวกนั้นหรอก ตามมาสิ”แจ๊คไม่ใส่ใจท่าทางโอเวอร์เกินเหตุของโรสแต่หันไปพยักหน้าเหมือนกับจะเชิญเมจิกให้ตามเขาไปแค่คนเดียว



        แล้วแจ๊คก็พาออกจากซอยตรงเข้าสู่ถนนที่มีคนท่าทางดุร้ายอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งเป็นลักษณะปกติของพวกที่อาศัยอยู่รอบนอก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาระรานหรือแม้แต่จะร้องทักแจ๊คเลยสักคน พวกเขาพอเห็นรอยสักที่แขนแจ๊คก็พากันหันไปทางอื่นหรือไม่ก็เดินหนีไปเลย



        “ท่าทางใหญ่โตจริงนะ พอคนเก่ง”โรสทำหน้าเยาะเย้ยแต่แจ๊คก็ดูไม่ใส่ใจแต่หันกลับไปคุยกับเมจิกแทน

        

        “ทำไมนายถึงคิดว่ามีคนอื่นรู้ชื่อจริงของคนอื่นล่ะ”แจ๊คถามขณะพาเดินตัดขึ้นมาบนสะพานที่พาขึ้นสู่ทางด่วนแต่มันก็เป็นทางด่วนที่ไม่มีรถเลยสักคัน



        “ก็ในกฎมันมีช่องโหว่นี้ครับ เห็นกันอยู่ว่าถึงตัวเองถึงจะจำชื่อไม่ได้แต่ก็ยังจำบ้านและที่อยู่ทุกอย่างในโลกปกติได้ เพราะงั้นเพียงแค่บอกสิ่งเหล่านี้ออกไปกับคนอื่นหาคนที่มีที่อยู่ใกล้กัน นัดเจอกัน แลกเปลี่ยนชื่อกัน และนำมาบอกต่อกันในทรีเอ็น ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้.......ถ้ามีคนคิดว่าทำแบบนั้นแล้วจะมีประโยชน์ร่วมกันนะครับ”เมจิกอธิบายทฤษฎีของตัวเองออกมาได้อย่างน่าฟังจนแม้แต่โรสยังต้องเงียบฟัง



        “ฉันก็คิดแบบเดียวกัน และก็........มีคนที่จะยืนยันเรื่องนี้กับพวกเราได้ซะด้วย”แจ๊คยิ้มกริ่ม



        “เอ่อ ขอโทษนะเจ้าค่ะ หนุ่มๆ แต่ฉันอยากรู้ว่า ในเมื่อคุณแจ๊คมีพลังจ้าวแห่งกุญแจที่จะเปิดไปไหนต่อไหนได้ แล้วทำไมพวกเราถึงต้องมาเดินกันด้วยล่ะ”โรสแทรกขึ้นแต่แจ๊คหันมามองอย่างขำขัน



        “เห็นกิมม่าบอกว่าเธอฉลาด แต่เท่าที่เห็นเธอก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยนะ”แจ๊คสบปรามาศจนโรสโกรธควันแทบออกหู



        “ฉันรู้ว่าตอนนี้พวกเรากำลังมีทัวทีเนียจับตาดูอยู่ เพราะงั้นล่ะถึงสงสัยว่าทำไมไม่รีบหลบไปให้พ้นสายตาพวกมัน”โรสตะคอกใส่



        “อ้อ แล้วไงล่ะ พวกนั้นก็จะรู้ว่าพวกเรามีมาสเตอร์ซี๊ด และถ้าความจำฉันไม่หล่นหายไปที่ไหน ฉันว่าพวกนั้นไม่ชอบคนที่มีมาสเตอร์ซี๊ดแบบพวกเราซะด้วย กิมม่าไม่ได้เล่าเหรอว่า พวกมันอิจฉาและกระหายอยากได้สิ่งที่พวกเรามีขนาดไหน



        “เรื่องนั้น”โรสอ่ำอึ้งไปเพราะปกติเธอไม่เคยมีพวกทัวทีเนียมาตามจับตามองด้วยตลอดเวลาแบบนี้ ต่างจากแจ๊คที่มักจะถูกจับตามองอยู่บ่อยๆ ไม่นับว่าตั้งแต่นี้ไปพวกเขากำลังปฏิบัติงานที่สำคัญและแน่นอนพวกนั้นรู้อยู่แล้ว



        “เดินไปนั้นล่ะ อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เพราะตอนนี้เบาะแสก็ไม่มีเดินไปคิดไปฉันว่ามันจะช่วยได้นะ”แจ๊คพอเห็นสีหน้าของโรสแล้วก็ไม่อยากต่อความเลยบอกต่อก่อนจะเดินนำไปกับเมจิกต่อ



        “........พลังมาสเตอร์ซี๊ดของโรสคืออะไรเหรอครับ”เมจิกเดินเข้ามาใกล้ๆ เพื่อกระซิบถามแจ๊ค



        “ไม่ต้องครับกับฉันหรอก พูดธรรมดานั้นล่ะ..........แล้วก็มาสเตอร์ซี๊ดของโรสนะ ถ้าจากที่เห็นก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็น มาสเตอร์ซี๊ดจ้าวแห่งจิตนาการนะ เปลี่ยนความคิดเป็นข้อมูลอย่างฉับไว และก่อรูปหรือเปลี่ยนวัตถุอื่นที่สัมผัส อืม ใช่ๆ”แจ๊คพูดซะจนเมจิกไม่แน่ใจว่าระหว่างแจ๊คกกับโรสใครที่รู้เยอะกว่ากันแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไงการได้อยู่กับสองคนนี้ก็ทำให้เมจิกเองรู้มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า



        “แล้วรู้หรือเปล่าว่า มาสเตอร์ซี๊ดเม็ดสุดท้ายเป็นอะไร”โรสพอได้ยินแจ๊คพูดถึงพลังของตัวเองได้อย่างถูกต้องเลยเร่งเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย



        “ไม่รู้เหมือนกัน กิมม่าไม่ยอมเปิดปากพูดเรื่องนี้เลย และเท่าที่เห็นก็ยังไม่เห็นมีวี่แววของคนที่ครอบครองมันด้วย ที่มีก็ฉันกับเธอเท่านั้นล่ะ”แจ๊คพอพูดเสร็จก็เห็นสายตาของโรสที่มองไปที่เมจิกอย่างสงสัย



        “ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่เมจิกฉันตรวจดูแล้ว กิมม่าก็บอกเองเหมือนกัน เขาไม่มีมาสเตอร์ซี๊ด”แจ๊คกล่าวแต่เมจิกไม่มีท่าทีเสียใจหรืออยากได้มาสเตอร์ซี๊ดเลย เขาพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ ได้เห็นด้วยตา ได้พูดด้วยปาก และได้เดินด้วยสองเท้าอีกครั้ง เขาไม่ปรารถนาอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว



        “อ่ะ ถึงล่ะ”แจ๊คร้องบอกพลางชี้ไปดูถนนที่เข้าสู่กิลเลี่ยนแถมผู้คนก็หนาตามากขึ้นตาม



        “น่าจะอยู่แถมๆ นี้กัน ไม่ผิดแน่ๆ”แจ๊คบ่นกับตัวเองไปเรื่อยขณะเดินแหวกฝูงชนจนโรสกับเมจิกต้องรีบมุดตามมาให้ทัน



        “นั้นๆ เจอตัวล่ะ”แจ๊คบอกขณะพยักเพยิบหน้าไปยังชายหนุ่มสองคนที่มีผมสีแดงลอยเด่นมาแต่ไกลซึ่งกำลังยืนจีบสาวอยู่ตรงหัวโค้งตัดผ่านสี่แยก



        “ลูกน้องโจรของนายหรือไง”โรสพูดแบบเย้ยๆ จนเมจิกเห็นว่ามันจะทำลายบรรยากาศจึ่งกระตุกแขนเสื้อเธอและส่ายหน้าปรามไว้ ซึ่งโรสก็พอจะรู้ตัวเหมือนกันและเธอก็ตั้งใจจะให้งานมาก่อนจึ่งยอมเงียบและเดินตามแจ๊คไป



        “พวกเขาคือ มาสเตอร์เมมเบอร์”แจ๊คเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ถามกลางความเงียบ โรสยืนตัวแข็งทันทีจนเมจิกเธอชนเธอหงายหลังกลับมา



        “ตะ ตัวจริงเหรอ”โรสถามเสียงสั่น



        “ลองคุยดูก็จะรู้”แจ๊ครีบก้าวเท้าเข้าไปหาจนอยู่ในระยะสายตา และดูเหมือนพี่น้องสตริงเกอร์จะเห็นเขาด้วยเหมือนกันเลยรีบผละออกมาจากหญิงสาว



        “ตามมา มีพวกทัวทีเนียจอมสอดรู้ตามนายมาเป็นฝูงเลย”พี่น้องสตริงเกอร์กระซิบผ่านหูของแจ๊คขณะเดินสวนกัน



        “เดินตามพวกเขาไป แล้วอย่าพึ่งพูดอะไร”แจ๊คหันกลับมาบอกกับโรสและเมจิกก่อนจะเดินตามพี่น้องผมแดงตรงหน้าไป



        ทางที่พี่น้องสตริงเกอร์พามาเริ่มห่างออกจากถนนสายหลักไปเรื่อยๆ มันเป็นถนนที่เล็กกว่าและมีสิ่งปลูกสร้างขึ้นรกไม่เป็นระเบียบเหมือนที่ควรจะเป็นในเขตของกิลเลี่ยน ผู้คนก็เริ่มน้อยลงจนมีแต่พวกที่จับกลุ่มกันอยู่ตรงข้างถนนคุยซุบซิบกันเบาๆ แทน



        “พวกนั้นดูแปลกๆไปนะ”เมจิกหันกลับไปชำเหลืองมองพวกทัวทีเนียที่แอบตามมาอยู่บนหลังคาตึกด้านหลังเงียบๆ แต่พวกมันเริ่มมีอาการกระสับกระส่ายและอยู่ไม่สุขมากกว่าเดิม



        “อย่าหันไปมองมันเมจิก”แจ๊คคำรามบอกเบาๆ พลางดันเขาให้เร่งฝีเท้าเดินตามพวกพี่น้องสตริงเกอร์ไป



        “เฮ้ แจ๊คพวกมันแปลกไปจริงๆ ด้วยล่ะ”โรสบอกด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีเลย จนแจ๊คต้องหันมามองมั่ง และเขาก็เห็นแล้วว่าพวกทัวทีเนียเริ่มไหลมาตามตึกจนเกือบจะถึงพื้นแล้ว แถมมันยังปรากฎตัวให้คนทั่วไปเห็นด้วยซึ่งนั้นไม่ใช่การกระทำปกติที่ชอบเฝ้ามองอยู่แต่ที่สูงๆ เลย



        “สตริงเกอร์ วิ่ง~~~~”แจ๊ครีบตะโกนสุดเสียงพร้อมกับผลักให้เมจิกกับโรสออกวิ่งตามไป



        “ซวยแล้วไง พี่ชาย”สตริงเกอร์คนน้องหันกลับมามองขณะเริ่มออกวิ่งเยาะๆ และเริ่มเร่งขึ้นเรื่อยๆ



        “มันคงรู้ว่าเราจะพาพวกมันหลบไปในโลกด้านหลัง เลยรีบมาสกัดไว้ก่อนล่ะมั่ง รีบวิ่งตามมาเร็วเข้า”สตริงเกอร์คนพี่รีบหันมาโบกมือเร่งให้ตามมาเร็วๆ ด้วยถนนที่โล่งไร้ผู้คนเลยทำให้พวกเขาตรงเป็นเป้าหมายอย่างชัดเจน



        “แจ๊ค!!??”เมจิกไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าแจ๊คตามมาด้วยเลยรีบหันไปดู ภาพที่เห็นคือแจ๊คกำลังยืนปักหลักเผชิญหน้าอยู่กับพวกทัวทีเนีย 4 ตัวที่ไหลลงมายืนอยู่บนพื้นถนนแล้ว และยังมีอีกหลายคนที่กำลังลงมาจากด้านบนอีก



        “ไป~~~~”แจ๊คตะโกนไล่เพราะเมจิกกำลังทำท่าจะตรงเข้ามาช่วย



        “มาเถอะ เมจิก แจ๊คไม่เป็นอะไรหรอก”โรสรีบคว้าแขนของเมจิกและออกวิ่งเต็มที่จนตามพวกสตริงเกอร์ที่พึ่งเลี้ยวไปยังตรอกข้างตึกเก่าๆ ได้ทัน



        “เข้าไปๆ”พี่น้องสตริงเกอร์รีบผลักให้โรสลงไปในฝาท่อที่เปิดทิ้งรอไว้แล้ว



        “........ผมจะไปช่วยแจ๊ค”พอโรสปล่อยมือเมจิกก็หันควับและวิ่งย้อนกลับไปอย่างรวดเร็วจนพี่น้องสตริงเกอร์ตะครุบตัวไว้ไม่ทัน



        “เฮ้ย!!?? เจ้าหนูปล่อยแจ๊คเถอะ กลับมา”ถึงเมจิกจะได้ยินเสียงของพี่น้องสตริงเกอร์อย่างชัดเจนแต่เขาก็คิดว่าไม่สมควรปล่อยแจ๊คไว้กับพวกทัวทีเนียที่โหดร้ายที่สุดในแห่งนี้ ทว่าพอเห็นแจ๊คตรงหน้าอีกครั้งเขากลับอยากจะเปลี่ยนความคิดนั้นไปในทันที



        ที่เขากำลังมองดูอยู่คือการต่อสู้อย่างน่าตื่นใจของแจ๊คซึ่งไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็ล้วนดูสง่างามและลื่นไหล ถึงแม้พวกทัวทีเนียจะพยายามรุมเข้ามาจากหลายทางแต่แจ๊คก็จัดการได้ด้วยการขยับตัวเพียงสองหรือสามครั้ง



        ถึงแม้เมจิกพอจะแยกออกว่าพวกนี้เป็นเพียงทัวทีเนียระดับแสงไม่มีพลังหรือความเร็วเหมือนกับมาทาที่เป็นระดับเงา แต่ก็ใช่ว่ามันจะมีปัญหากับการจะฆ่าใครสักคนด้วยมือข้างเดียว แต่ที่ดูว่าพวกมันดูไม่เก่งกว่าที่ควรจะเป็นเพราะการลงมือของแจ๊คมากกว่า



        ครั้งหนึ่งที่แจ๊คสามารถกระโดดขึ้นไปเตะใส่ทัวทีเนียได้ตัวหนึ่งแต่ก็ยังสามารถเปลี่ยนท่าเตะได้กลางอากาศจัดการได้อีกสองตัวก่อนถึงพื้น และการลงมือที่ดูว่าสง่างามนั้นก็มีจุดที่แฝงความแข็งกร้าวเอาไว้ด้วย



        แจ๊คเอ่นตัวไปพร้อมกับใช้นิ้วเข้าตรงลูกตาซึ่งเป็นช่องว่างเดียวบนหน้ากากแข็งที่ใส่อยู่และยังออกแรงเหวี่ยงจนร่างนั้นลอยม้วนเป็นวงกลมข้ามหัวของเขาไป และอีกครั้งที่แจ๊คใช้เท้ายันหลังไปที่หัวเข่าทัวทีเนียที่เข้ามาด้านหลังจนขามันงอกลับเข้าไปอย่างผิดรูป

        

        แต่พอสู้ไปได้เพียงครู่เดียวเมจิกก็เริ่มสังเกตว่าความได้เปรียบของแจ๊คลดลง หรืออีกแง่ฝีมือของพวกทัวทีเนียมันเพิ่มแทน แจ๊คเริ่มตึงมือจนต้องถอยออกมาจากวงล้อมแต่ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวดีว่าทำอะไรอยู่



        “เก่งจัง นี้ขนาดไม่ได้ใช้พลังของซี๊ดเลย”เมจิกรู้สึกชื่นชมขึ้นมาจับใจเพราะนอกจากท่าทางแล้วสีหน้าของแจ๊คในตอนนี้มันราบเรียบมีแต่ดวงตาส่องประกายลุกวาวเหมือนกับรูปปั้นที่แกะสลักขึ้นมา ตอนนั้นเองที่เมจิกเห็นทัวทีเนียอีกตัวที่กำลังไหลลงมาจากตึกด้านหลังของแจ๊คและมันเกือบจะถึงตัวเขาอยู่แล้ว



        “แจ๊ค ข้างหลัง!!??”เมจิกตะโกนเตือนออกไปซึ่งทำให้แจ๊คหันมาเห็นได้ทันเวลาและเตะอัดมันจนจมเข้าไปในตึก



        “เมจิก!!?? ทำไมถึงอยู่นี้อีก”แจ๊ครีบวิ่งมาทางเมจิกอย่างงุนงง



        “คะ คือ ผมกลับมาช่วยคุณ”เมจิกตอบแต่ตอนนี้เขารู้ล่ะว่าไม่จำเป็นเลย



        “........ขอบใจ”แจ๊คไม่ตำหนิเมจิกเลยแต่กลับเอ่ยขึ้นเบาๆ แทนเหมือนไม่ต้องการให้เมจิกได้ยิน



        “แย่เลยนะแบบนี้”แจ๊ครีบหันกลับมาบ่นแทนเมื่อเมจิกหันมามองหน้าเขา



        “ทำไมล่ะ คุณสู้ได้ดีมากเลยนะ”เมจิกทำท่าเลียนแบบแจ๊คเมื่อครู่โดยที่ตอนนี้พวกทัวทีเนียต่างล้อมเขาไว้ทุกด้านแล้ว



        “ใช่ดี แต่ยังดีไม่พอ เจ้าพวกนี้มันเป็นโปรแกรมที่เรียนรู้ได้นะเมจิก ไม่ว่าฉันจะเก่งแค่ไหนไม่นานมันก็ปรับตัวเองให้เก่งตามขึ้นมาได้”แจ๊คตอบแบบไม่สบอารมณ์



        “ไม่มีทางเลือก.......เห็นที่ต้องใช้พลังซี๊ดซะแล้ว”แจ๊ครู้ว่าการพาสองคนหนีมันไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วเลยคิดจะเปิดประตูหนีแทน



        “เดี๋ยว”เมจิกคว้ามือแจ๊คเอาไว้ก่อนที่เขาจะได้แตะพื้นเพื่อเปลี่ยนเป็นประตู



        “แค่วิ่งหนีพวกมันให้พ้นก็พอแล้วนี้”เมจิกมองแจ๊คอย่างสงสัยแต่ไม่เท่ากับที่แจ๊คมองเขาตอนนี้



        “ก็ใช่ แต่เรื่องนั้น”แจ๊คยังพูดไม่จบเมจิกก็คว้าข้อมือเขาและโยนข้ามวงล้อมของทัวทีเนียไปราวกับพึ่งปาลูกบอลที่เบาหวิว



        และวินาทีนั้นเองสิ่งที่แจ๊คแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองก็เกิดขึ้น เมจิกวิ่งเข้าหาทัวทีเนียที่ยืนขวางทางอยู่และเบียงตัวหลบได้เพียงแค่ปลายนิ้ว ทว่าแจ๊คได้เห็นสายตาของเมจิกจับจ้องอยู่ที่ปลายมือหรืออะไรก็ตามที่ทัวทีเนียื่นออกมาเพื่อจะจับเขาเอาไว้ เขามองราวกับเห็นมันเป็นภาพสโลโมชั่น และเมื่อถึงทัวทีเนียตัวสุดท้ายที่ขวางอยู่เขาก็ได้เหวี่ยงหมัดออกกว้างๆ ซึ่งมันเหมือนพวกพึ่งหัดต่อยตีทำกัน แต่มันก็เข้าเป้าได้อย่างหน้าเหลือเชื่อ



        หน้ากากแข็งแตกกระจายแต่ก่อนจะได้เห็นหน้าของทัวทีเนียหัวของมันก็พลิกอย่างตลกและฟาดหายไปกับพื้นถนน การต่อยของเมจิกไม่ทั้งเทคนิกหรืออะไรเลยนอกจากอัดด้วยแรงล้วนๆ แต่กลับได้ผลอย่างเกินคาด และสิ่งที่น่าตะหนกกว่านั้นก็เกิดขึ้นเมจิกออกวิ่งแบบเต็มฝีเท้าเข้ามารับร่างของแจ๊คไว้บนหลังก่อนจะวิ่งต่อไปด้วยความเร็วที่ทัวทีเนียไม่อาจย่นระยะให้เข้ามาใกล้ได้เลย



        “พระเจ้า ดูสิเจ้าหนูคนนี้ทำอะไรได้”สตริงเกอร์คนพี่ได้เห็นเมจิกวิ่งแบกแจ๊คมาด้วยความเร็วที่เหมือนรถซิ่งก็ต้องอ้าปากค้างแต่พอเห็นแจ๊ครีบโบกมือโบกไม้ให้สัญญาณพวกเขาก็รีบกระโดดลงท่อไปก่อนที่เมจิกจะกระโจนลงตามไปโดยห่างกันเพียงเสี้ยววินาที



        “แจ๊ค ปิดฝาดีแล้วนะ”สตริงเกอร์คนน้องหันมาถามแจ๊คที่กำลังกดล็อคฝาท่อไว้ตามเดิม



        “เรียบร้อย”แจ๊คตอบก่อนจะกระโดดลงมาที่เรือเร็วซึ่งจอดไว้ในท่อระบายน้ำที่ทั้งมืดและส่งกลิ่นขยะน้ำเน่าหึ่งไปทั่ว



        “งั้นก็ได้เวลาเผ่นกันแล้ว”



                    ............................



                    เรือเร็ววิ่งฝ่าแผ่นน้ำสีดำมาอย่างรวดเร็วถึงแม้มันจะแคบมากแต่ก็เป็นเส้นตรงเลยไม่มีปัญหาต่อความเร็วเท่าไรนัก พอยิ่งเข้าไปลึกเท่าไรทางก็เริ่มมืดลงจนกระทั่งไม่เหลือแสงไฟอีกนอกจากไฟที่ส่องออกมาจากเรือ



        “พวกมันไม่ตามมาแล้วเหรอ”เมจิกถามพลางหันไปมองข้างหลังเป็นระยะ



        “ไม่หรอก พวกมันลงมาในนี้ไม่ได้ ที่นี้เป็นส่วนที่ไม่มีบันทึกไว้ หรือพูดง่ายๆ ตรงนี้เป็นดินแดนลับแลสำหรับพวกทัวทีเนียมัน”สตริงเกอร์คนพี่บอกพลางสลอเรือลงและชี้ให้ดูกลุ่มคนที่เหมือนกับคนจรจัดซ่อนตัวอยู่สองข้างทางเต็มไปหมด



        “พวกติดค้างอย่างถาวร”แจ๊คพูดด้วยสีหน้าเหมือนกับกำลังมองดูอะไรที่ไม่ใช่คน



        “ใช่ พวกเขาจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีก ดูแล้วก็พึ่งสังวรไว้ด้วยล่ะ”สตริงเกอร์พูดจบก็ออกเรือไปต่อจนมาถึงทางตันที่มีแต่กำแพงอิฐ



        “หือ!!?? ตรงนี้มัน”โรสสังเกตเห็นอะไรแปลกออกไปเลยยืดตัวขึ้นและมองไปรอบๆ



        “อ่ะ คุณหนูคนนี้รู้ตัวด้วยแฮะ”สตริงเกอร์คนน้องหันไปสนใจโรสอย่างออกหน้า



        “ไม่รู้ก็แปลกล่ะ นี้มันสุดเขตของทรีเอ็นแล้วไม่ใช่เหรอ”โรสเอ่ยขึ้นพลางจ้องมองพวกพี่น้องสตริงเกอร์แบบไม่ค่อยไว้ใจ



        “อ่ะ!!??”เมจิกเริ่มรู้ตัวเป็นคนต่อมาเมื่อเขาไม่ได้กลิ่นเหม็นๆ อย่างที่ควรจะเป็น



        “ไม่ต้องตกใจ ตรงนี้เป็นจุดสุดเขต ข้อมูลบางอย่างเลยส่งมาไม่ถึง ประสาทสัมผัสบางอย่างเลยจะหายไป”แจ๊คกดไหล่เมจิกแล้วบอกเพราะกลัวเขาจะสติแตกขึ้นมาอีก



        “เอาล่ะๆ เข้าไปคุยกันในบ้านพวกกระผมดีกว่า ยิ่งดีต้อนรับสู่คฤหาสน์อันหรูหราที่สุดแห่งทรีเอ็น บ้านพักปลายทางของพี่น้องสตริงเกอร์”สองพี่น้องร้องบอกอย่างโอเวอร์พลางยื่นขึ้นและกดมือไปที่กดแพงทันใดนั้นมันก็เปิดออกและดูดเรือทั้งลำเข้าไป



        “ว้าย!!?? ที่ไหนกัน ทำไมมืดแบบนี้”เสียงโรสดังขึ้นเป็นคนแรก



        “ใจเย็นๆ คุณหนูพวกเรากำลังหาสวิสท์ไฟอยู่”เสียงพี่น้องสตริงเกอร์ร้องบอกมา

        

        “เมจิกอย่างพึ่งลงจากเรือ”เสียงแจ๊คตะโกนพร้อมกับเสียงกุกกักๆ ที่เป็นเสียงของเมจิกซึ่งพึ่งถูกดึงเสื้อจนล้มกลิ้ง



        “แงง~~~ ไม่เอาที่มืดๆ รีบๆ เปิดไฟสิ”โรสเริ่มร้องอย่างงอแงเมื่อผ่านไปยังไม่ถึงนาที



        “สักครู่”พี่น้องสตริงเกอร์บอกท่ามกลางเสียงเหมือนกับกำลังลื้อข้าวของอยู่



        “ได้แล้วๆ”ไฟสว่างพรึบมาจนทุกคนต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่าง แต่เมจิกดูไม่ค่อยมีปัญหากับเรื่องแสงสว่างเหมือนคนอื่นเลยได้เห็นห้องที่............แคบที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา



        ภายในห้องเป็นร่องน้ำอยู่ตรงกลางพอให้เรือเร็วเข้ามาจอดได้ พื้นที่สองข้างก็เต็มไปด้วยลังที่เก็บของตั้งไว้อย่างระเกระกะ พื้นที่ที่พอจะขึ้นไปยืนได้ก็มีแต่ข้างหน้าที่เป็นพื้นตะแกงเหล็ก มีโซฟายาวสีแดงพอๆ กับสีผมของพี่น้องสตริงเกอร์ตั้งอยู่ ถัดไปก็เป็นจอคอมพิวเตอร์หลายจอแต่สภาพดูออกเก่าๆ



        “ไหนบอกว่า ปรับปรุง แล้วไง”แจ๊คพูดเหมือนกับไม่ได้คาดหวังว่าให้มันเปลี่ยนไปจากที่มาครั้งก่อน



        “แจ๊ค~~~”สองพี่น้องตะโกนลั่นพร้อมกับยื่นหน้ามาเกือบติด



        “ไม่เห็นเหรอ.......ดู.......มีบันไดไว้สำหรับขึ้นจากเรือแล้ว”สองพี่น้องชี้ไปที่บันไดเหล็กสามขั้นที่อยู่ข้างลำเรือ



        “โฮะ เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ ด้วย”แจ๊คพูดน้ำเสียงแกล้งแปลกใจสุดๆ



        “รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ คุณหนู”พวกพี่น้องรีบตรงเข้ามาเอาอกเอาใจโรสทั้งทีตั้งแต่ช่วยดึงมือเพื่อขึ้นจากเรือ



        “เอ่อ ไม่ดีกว่าคะ”โรสหันไปเห็นลังที่กองอยู่แล้วก็รู้สึกไม่อยากจะกินอะไรที่อยู่ในห้องลับนี้เลย



        “งั้นเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ไหนบอกสิ แจ๊คคนเก่ง ทำไมพวกทัวทีเนียถึงได้แห่ตามพวกนายมาเยอะขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าในกลุ่มพวกนายมีคนติดค้างอยู่ด้วย”สตริงเกอร์คนพี่เป็นคนเริ่มพลางสอดส่ายสายตามาที่เมจิก



        “เปล่าๆ ไม่ใช่หรอก แต่สงสัยเป็นเพราะงานที่พวกเรารับทำมาจากเจ้าทัวรีนัวของฉันนั้นล่ะ”แจ๊คบอกอย่างไม่ชอบใจขณะทิ้งตัวลงนั่งลงบนโซฟาที่แสนนุ่มนิ่มจนตัวเขาเด้งขึ้นเด้งลงอยู่หลายทีซึ่งพอเมจิกเห็นก็รีบตรงไปนั่งเด้งขึ้นเด้งลงอย่างสนุกตาม



        “งานอะไรมิทราบ”สองพี่น้องสตริงเกอร์ประสานเสียงพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างชั่วร้ายเหมือนกับจมูกพวกเขาได้กลิ่นอะไรที่มีค่าขึ้นมา



        “หาคน”แจ๊คตอบ

        

        “แจ๊ค!!??”โรสขัดขึ้นเพราะต้องการเตือนแจ๊คว่าไม่สมควรให้คนอื่นรู้เรื่องงานที่ทำอยู่ด้วยตามที่เอกริสม่าสั่งไว้



        “ไม่เป็นไรๆ สองคนนี้ไว้ใจได้ หรือไม่ก็เป็นพวกที่จะจัดการได้ง่ายที่สุดถ้าเกิดความลับพวกเราแตก”แจ๊คเอ่ยพร้อมกับยิ้มแบบเดียวกับสองพี่น้องที่ตอนนี้กลับไปทำหน้าบูดบึ้ง



        “..........สองคนนี้ใช่ไหม ที่บอกว่าเป็นสิ่งยืนยันเรื่องการนำชื่อตัวเองเข้ามาในทรีเอ็น”เมจิกจ้องพี่น้องสตริงเกอร์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแน่ใจ



        “ใช่แล้ว หัวไวมากเมจิก เจ้าพวกนี้มันเป็นพี่น้องกันจริงๆ ทั้งข้างในทรีเอ็นและข้างนอก ซึ่งพวกเขาก็นำชื่อของอีกคนมาบอกข้างใน เรื่องง่ายๆ ที่บังเอิญเกิดขึ้นได้”



        “เป็นไปได้อย่างไง ต่อให้เป็นพี่น้องกัน แต่ตอนเข้ามาในทรีเอ็นก็น่าจะอยู่คนล่ะ.......เอ่อ อ้อเข้าใจล่ะ”โรสมองหน้าพี่น้องสตริงเกอร์อีกครั้งก่อนจะกลืนคำสงสัยหายลงท้องไปเพราะหน้าทั้งคู่เหมือนกันราวกับแกะพิมพ์เดียวกันมา



        “พี่น้องส่วนใหญ่จะมีพื้นฐานความคิดคลายครึงกัน และก็จะไม่มีความลับต่อกันด้วยเมื่ออีกคนเข้ามาได้ก็จะบอกอีกคนเพื่อนัดเจอกัน หรือวิธีต่างๆ อีกมากมาย”แจ๊คอธิบายเพิ่ม



        “แจ๊ค พวกเราก็ภูมิใจอยู่หรอกนะที่เป็นพวกฝ่าฝืนกฎได้แบบครบถ้วนกระบวนความ แต่ที่มานี้คงไม่ใช่เพราะต้องการมาให้พวกเราโชว์ตัวอย่างเดียวหรอก จริงไหม”พี่น้องสตริงเกอร์บอกด้วยสีหน้าภูมิอกภูมิใจกับวีรกรรมด้านลบของตัวเองซะเหลือเกิน



        “แน่นอน”แจ๊คตอบพลางลุกขึ้นไปที่คอมพิวเตอร์



        “ฉันต้องการหาคนชื่อ อาเคเรส.........เขาไมได้เข้ามาในทรีเอ็นได้ประมาณปีหนึ่งแล้ว ฉันต้องการชื่อจริงเขาและที่อยู่ที่ติดต่อได้”แจ๊คบอกพลางเริ่มใช้คอมของพวกพี่น้องสตริงเกอร์เจาะหาข้อมูลที่ต้องการ



        “ยากนะนั้น”ถึงปากจะบ่นอย่างนู้นอย่างนี้แต่พี่น้องสตริงเกอร์ก็รีบลงมานั่งตามและช่วยกันอย่างคึกคัก



        “จะหาได้เหรอ ก็ขนาดแจ๊คมี.........”โรสไม่แน่ใจว่าจะพูดเรื่องพลังของมาสเตอร์ซี๊ดออกมาต่อหน้าสองพี่น้องนี้ดีไหม



        “พลังมาสเตอร์ซี๊ดจ้าวแห่งกุญแจ ไม่ต้องห่วงเจ้าสองคนนี้รู้เรื่องของฉันดีร่วมถึงเธอด้วยโรส”แจ๊คบอกโดยไม่ทันมามองส่วนพี่น้องสตริงเกอร์ก็เพียงหันข้างมาให้เห็นรอยยิ้มครึ่งหน้า



        “พลังของฉันอย่างเดียวก็สามารถหาได้เฉพาะข้อมูลที่มีอยู่บนทรีเอ็น แต่.........ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยู่ที่ทรีเอ็นแล้ว”แจ๊คพูดจบโรสก็ทำท่าจะร้องตกใจออกมาแต่พี่น้องสตริงเกอร์รีบอธิบายต่อทันที



        “ห้องนี้ถูกสร้างขึ้นมาข้างนอกฐานข้อมูลของทรีเอ็น มันเคยเป็นส่วนห้องทำงานของทีมงานบางคนที่สร้างทรีเอ็น แต่ก็นั้นล่ะตั้งแต่พวกเราหาห้องนี้เจอก็ไม่เห็นใครอยู่แล้ว ทว่าห้องนี้น่ะมันพิเศษตรงสามารถหาข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้ถูกบันทึกในทรีเอ็นได้”



        “หมายความว่าไง ก็คนที่เรากำลังหาเขาเคยอยู่ในทรีเอ็นไม่ใช่เหรอ”โรสสงสัยแต่เมจิกลุกขึ้นมาฟังด้วยอย่างสนอกสนใจ



        “ใช่ๆ แต่ ก็มีบางอย่างที่ไม่มีบันทึกไม่ใช่เหรอ อย่างเรื่องชื่อจริง ลองคิดๆ ดูทำไมกันถึงได้ไม่สามารถนำชื่อจริงเข้ามาได้ เปล่าเลยๆ มันเอาเข้ามาได้ เพียงแต่มันมีตัวกรองข้อมูลที่ไม่พึ่งประสงค์ไม่ให้เข้าสู่ทรีเอ็น และไอ้สิ่งที่พวกนั้นกรองออกมามันก็อยู่ที่นี้หมดแล้ว”พี่น้องสตริงเกอร์บอกอย่างร่าเริงพร้อมกับรูปใบหน้าของอาเคเรสปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ



        อาเคเรสเป็นชายกลางคนอายุราว 35 ใบหน้าใหญ่แต่แก้มตอบซูบ คิ้วสีหน้าตาลเช่นเดียวกับผมรองทรงที่เรียบมัน แต่นั้นเป็นใบหน้าที่ถูกสมมุติขึ้นมาใช้ในโลกทรีเอ็นยังไม่ใช่ใบหน้าจริงๆ ของชายคนนี้



        “อืม จริงของนาย แจ๊ค คนนี้หายออกไปจากทรีเอ็นได้ปีหนึ่งแล้ว แถมยังออกไปแบบ........แบบอะไรนะน้องชาย”สตริงเกอร์คนพี่หันไปถามน้องชาย



        “แบบตัดขาด ข้อมูลของคนที่ชื่ออาเคเรสถูกลบทิ้งมาไว้ที่นี้หมดเลย ถึงซี๊ดจะยังคงส่งสัญญาณมาได้ แต่เขาก็ต้องเข้ามาเป็นบุคคลอื่นแทน ในทรีเอ็น ไม่มีคนชื่อ อาเคเรส นับแต่วันนั้น”สตริงเกอร์คนน้องตอบพลางพยายามมองดูรายละเอียดที่ขึ้นมายุบยับเต็มหน้าจอ



        “อืม~~~ ไม่มีสัญญาณแบบเดียวกับซี๊ดของอาเคเรสส่งกลับมาอีกเลยก็แปลว่าไม่ได้กลับมาอีก ส่วนชื่อจริงของเขา........ไม่มีว่ะ แจ๊ค”สตริงเกอร์บอกพลางชี้ให้ดู “NO NAME”



        “ถูกลบออกก่อน มีคนเข้ามาลบมันไปแน่ๆ”สตริงเกอร์คนพี่วิเคราะห์



        “ถูกลบ!!?? แบบนี้ก็หมดหนทางแล้วสิ”โรสทำหน้าแบบผิดหวังสุดๆ เพราะทั้งเสียเวลาและก็ยังหนีการไล่ตามของพวกทัวทีเนียมาอีกแต่กลับไม่ได้อะไรเลย นอกจากชายไม่ทราบชื่อหนึ่งคนที่หายไปจากทรีเอ็นมาแล้วหนึ่งปี



        “..........ไม่หรอก”แจ๊คนั่งเคาะนิ้วพลางใช้ความคิดอย่างใจเย็น



        “มาคิดๆ ดู ถ้าจะลบชื่อของชายคนนี้ทำไมคนที่ลบถึงไม่ลบทั้งหมดเลยล่ะ ทำไมถึงลบแค่ชื่อจริงๆ เท่านั้น”แจ๊คพูดลอยๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ



        “อ่ะ........”แต่กลับเป็นโรสที่ทำหน้านึกออก “หรือว่าลบไม่ได้ แต่ใช้วิธีย้ายข้อมูลแทน”พอคำพูดของโรสเอ่ยออกมาพี่น้องสตริงเกอร์ก็อ้าปากค้างก่อนจะรีบก้มหน้าหาใหม่



        “มีจริงๆ ด้วย”พี่น้องสตริงเกอร์รีบร้องบอกก่อนจะมีรูปชายหญิงหลายสิบคนปรากฏขึ้นมาบนจอ



        “เอ่อ แล้วทำไมมีเยอะแบบนี้ล่ะครับ”เมจิกยิ้มแห้งๆ เพราะถ้าจะให้ไปตามหมดนี้เวลาคงไม่พอแน่



        “คือพวกฉันทำได้ก็แค่ตามรอยของคนที่ทำไว้ก่อนหน้านะ ภายในกลุ่มคนพวกนี้จะมีแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นล่ะที่มีชื่อจริงของอาเคเรสอยู่ แต่คนทำรอบคอบมากเลยต่อผ่านข้อมูลต่อหลายๆ ทอดเพื่อไม่ให้รู้ว่าเป็นคนไหน”พี่น้องสติเกอร์เอ่นหลังออกมาเพราะรู้ว่ามาได้แค่นี้



        “งั้นก็ต้องเทียบกับพวกที่ไม่ได้เข้ามาหนึ่งปี”โรสบอก



        “ไม่ได้หรอก บอกแล้วไงนี้มันข้อมูลที่กรองไว้ไม่ได้เกี่ยวกับทรีเอ็น ถึงคนพวกนี้ถูกเปลี่ยนชื่อจริงสลับกับคนที่ชื่อ อาเคเรส มันก็ไม่ได้กระทบกับตัวตนของทรีเอ็นหรือโลกความเป็นจริงเลย”แจ๊คกส่ายหน้าแต่สายหน้ายังคงจับจ้องอยู่บนจออย่างไม่วางตา



        “...........สตริงเกอร์ สองคนนั้นไม่ใช่”แจ๊คชี้นิ้วไปที่วัยรุ่นชายสองคนที่อยู่มุมขวาบนก่อนที่พี่น้องสตริงเกอร์จะลบออกไปจากจอภาพ



        “อ้าว ใช้อะไรตัดสินว่าไม่ใช่ล่ะ”โรสรีบตรงเข้ามาเข่นคอถาม



        “ก็เพราะฉันรู้จักและก็รู้ชื่อจริงของพวกมันนะสิ”แจ๊คตอบเสียงราบเรียบ



        “คุณหนู แจ๊คนะอยู่ที่นี้มาตั้งสองปีกว่าแล้วนะครับเป็นคนแรกๆ ที่ได้มาเหยียบเลยก็ว่าได้ มันรู้จักเกือบทุกคนที่ทรีเอ็นเกือบหมดนั้นล่ะ”พี่น้องสตริงเกอร์บอกพลางหัวเราะหึๆ



        “พวกผู้หญิง 5 คนนั้นด้วย ลบออกไปด้วย”แจ๊คเพ่งมองอีกครู่หนึ่งก่อนจะชี้นิ้วบอก



        “แหม กับผู้หญิงนี้จำแม่นจังนะ”โรสแซวเหมือนกับจะว่าแจ๊คเจ้าชู้



        “หือ หรือเธอคิดว่ารู้จักผู้ชายที่ไหนจะมีชื่อจริงว่า แคทธี มานีซ่า หรือ คริสตี้ บ้างล่ะ”แจ๊คตอบแบบกวนโอยจนโรสต้องยืนปั้นหน้านิ่วคิ้วขมวด



        “เฮ้ แจ๊คๆ ไอ้เบื้อกนั้นมันใช่ที่ก่อคดีแอบเอายาเสพติดมาขายในทรีเอ็นหรือเปล่า”พี่น้องสติงเกอร์พอจ้องไปสักพักก็เริ่มจำใครบางคนบนรูปที่เหลือขึ้นมาได้



        “อ่า ใช่จริงๆ ด้วยรู้สึกชื่อจริงของหมอนั้นจะเป็น.........ลบทิ้งเลย ชื่อนั้นของมันเองไม่ผิดแน่ฉันจำได้จากหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวมันโดนจับ”แจ๊คบอกพลางมองรูปอื่นต่อไปอีก



        แต่ระหว่างที่แจ๊คค่อยๆ คัดผู้ต้องสงสัยออกไปที่ล่ะคนสองคน เมจิกก็เริ่มอ้าปากฮ้าวด้วยความเบื่อที่ตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากนั่งดู ถึงความคืบหน้าจะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงมีภาพอยู่บนจออีกกว่าครึ่ง ทว่าจู่ๆ เมจิกก็จำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขารีบลุกพรวดขึ้นมาและจ้องไปยังชื่อที่อยู่ใต้รูปที่เหลือ



        “มีอะไรเหรอ เมจิก มีคนที่นายรู้จักหรือเปล่า”แจ๊คถามแต่เมจิกส่ายหน้าเพราะเขาพึ่งเข้ามาได้เพียงสองวันเอง แต่ตอนนี้เมจิกกลับชี้นิ้วไปที่รูปชายคนหนึ่ง



        “คนนี้ครับ”เมจิกบอกเล่นทำทุกคนต่างงุนงงหันมามองเขา



        “ละเมอหรือเปล่าเมจิก”โรสใช้มือมาโบกตรงหน้าเมจิกเพื่อตรวจดูให้มั่นใจ



        “เปล่าๆ ดูชื่อสิครับ อาเคเรส เป็นชื่อภาษาโรมันนะครับ แล้วในรูปพวกนี้คนที่มีชื่อเป็นภาษาโรมันก็มีอยู่คนเดียวซะด้วย”เมจิกบอกจนแจ๊คต้องลุกขึ้นจ้องไปที่ชื่อนั้นและก็ต้องร้องอ้อออกมา



        “ใช่จริงๆ ด้วยแฮะ”แจ๊คร้องด้วยความดีใจออกมาอีกคน



        “อืมๆ แบบนี้เอง ถึงแม้จะตั้งชื่อใหม่ แต่จิตใจสำนึกหรือความรู้เรื่องภาษาก็เป็นของติดตัว เวลาตั้งชื่อก็จะเป็นเอกลักษณ์และจะมีส่วนคลายคลึงกับชื่อจริง ไม่เบาเลยเจ้าหนู สนใจจะมาทำงานด้วยกันไหม พวกเราสามารถทำเงินจากข้อมูลพวกนี้ได้มากเลยนะ”พี่น้องสตริงเกอร์พอเห็นไหวพริบและความช่างสังเกตของเมจิกแล้วก็รีบออกปากชวนทันทีแต่เมจิกก็รีบปฎิเสธไปทันควัน



        “แมกคาเรียส เหรอ อืมท่าจะไม่ดีแฮะ”แจ๊คพอนึกถึงปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้ก็เริ่มวิตก



        “มีปัญหาเรื่องหาที่อยู่เขาเหรอ”โรสถาม

        

        “เปล่าเลย ถ้าได้ชื่อมาเรื่องหาที่อยู่ก็ง่ายแล้วล่ะ แต่ที่กลัวคือเขาจะอยู่คนล่ะประเทศกับฉันนะซิ ต่อให้นั่งเครื่องบินไปแต่เวลาของพวกเราจำกัดแค่........27 ชั่วโมงนะ”พอแจ๊คบอกโรสก็เริ่มมีสีหน้าวิตกตามเหมือนกัน



        “มีอะไรให้ช่วยอีกไหมแจ๊ค”พี่น้องสติงเกอร์หันมายิ้ม



        “มี........ช่วยหุบปากเรื่องนี้ให้มิดด้วย”



                                         .....................................





                                  (จบตอน)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×