ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Dreamsia

    ลำดับตอนที่ #4 : การตื่น

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 49


    ตอนที่ 4  การตื่น



        “ว่าไงโรสวันนี้มาช้าจังเลยนะ”เสียงเอกริสม่าร้องทักโรสที่พึ่งลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เปลือกไข่



        “อ่ะ คุณกิมม่า ที่มาช้าก็เพราะการบ้านมันกองท่วมหัวน่ะสิค่ะ กว่าจะจัดการเสร็จได้”โรสทำท่าจะบ่นอย่างยืดยาวแต่พอก้มลงดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือแล้วก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นกรี๊ดด้วยความดีใจที่เห็นมันเปลี่ยนมาเป็น 8 ชั่วโมงแล้ว



        “ขอบคุณมากคะ คุณกิมม่า”โรสทำท่าจะตรงเข้ามากอดเป็นการขอบคุณแต่เอกริสม่ายกมือและยิ้มให้เป็นเชิงบอกว่าเรื่องเล็ก



        “แล้ววันนี้จะทำอะไรดีล่ะ”เอกริสม่าถามคำถามเดิมๆ ที่ใช้ถามโรสทุกครั้งที่เธอเข้ามา



        “ฮิๆๆ แน่นอนอยู่แล้วคะ.........ก็ต้องตามหาเจ้าเมจิกแล้วซัดคืนให้หายแค้นที่มันทำให้หนูต้องลำบากเมื่อสองวันก่อน”โรสกำหมัดขึ้นมาแน่นด้วยแววตาที่ส่องประกายความแค้นเล็กๆ ออกมาให้เห็น



        “ฮะๆๆ น่าสนุกดีนะ แต่ก็ระวังๆ อย่าให้ถึงตายล่ะกัน เพราะเมจิกเองก็เป็นพาทีของฉันเหมือนกันคงไม่เหมาะถ้าจะปล่อยให้ตายไปแบบนี้”เอกริสม่าบอกพลางขยับหมวกปีกและเดินหายไปอีกทางเหมือนดังเช่นที่ทำเป็นประจำคือมารอรับและทักทายด้วยคำพูดคำถามเดิมๆ และก็จากไป



        “อะไรของเขาหว่า”โรสหันมามองทางที่เอกริสม่าหายไปด้วยความสงสัยก่อนจะหันกลับรีบวิ่งเข้าเมืองไปเพื่อตามล่าตัวของเมจิก



        หลังจากที่เมื่อวานโรสได้เที่ยวตามหาเมจิกอยู่รอบนอกแต่ก็ไม่ได้เจอตัว วันนี้เธอเลยตั้งใจจะกลับเข้าไปในพื้นที่ของกิลเลี่ยนเพื่อตามหาตัวเมจิกดูใหม่ แต่ระหว่างที่เธอผ่านกลับไปยังทางเก่าอยู่นั้นก็ได้ไปเจอกับโจทก์เก่าที่คือคู่ชายร่างใหญ่กำยำกับชายร่างอ้วนที่เธอเคยขโมยกระเป๋ามา ทำให้โรสต้องรีบซ่อนหลังเสาไฟและฟังสิ่งที่ทั้งคู่คุยกันออกมา



        “เสียดายเป็นบ้า เงินเป็นล้านๆ หายไปในพริบตาเลย”คนร่างอ้วนเอ่ยขึ้นก่อน



        “ช่างเถอะ”อีกคนตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเสียดายไม่ต่างกัน



        “ลองไปหาแจ๊คแล้วขอมันดูใหม่ดีไหม ก็มันบอกรู้วิธีทำนี้”คนร่างอ้วนพูดต่อพลางหันกลับมาเพื่อเดินไปยังบาร์เหล้าที่เดิมซึ่งเคยเจอแจ๊ค



        “อ่ะฮะ ถ้าตามเจ้าพวกนี้ไปก็จะเจอแจ๊คเจ้าตัวต้นเหตุ ถ้าจับมันส่งให้กับกิมม่าได้บางทีเราอาจได้สิทธิ์เพิ่มอีก ฮิๆๆๆ โชคดีจริงๆ แฮะ”พอคิดแบบนั้นโรสเลยเปลี่ยนความคิดที่จะไปตามหาเมจิกแต่ตั้งหน้าแอบตามมาอย่างเงียบๆ แทน



                    ................................



        “คุณคือ”เมจิกที่มองหน้าชายแปลกหน้าด้วยความระแวดระวัง แต่แล้วพอเขาเห็นมือของชายคนนั้นขยับนิดเดียวก็ชิงกระโดดเต็มแรงจนตัวเองลอยถอยหลังมานั่งย่องๆ อยู่บนเสาไฟที่อยู่ในสวนย่อมนั้นซึ่งสูงจากพื้นไม่ต่ำกว่า 5 เมตรเล่นเอาแจ๊คถึงกับถลึงตามองด้วยความตกใจ



        “.........นี้มันเกินกว่าระดับคนปกตินี้น่า ขนาดพวกเราที่มีมาสเตอร์ซี๊ดเองก็กระโดดให้สูงแบบนั้นไม่ได้”แจ๊คสงสัยหนักกว่าเดิมจนอยากจะแยกส่วนของเมจิกออกมาดูให้รู้



        “เฮ้ เมจิก ลงมาคุยกันก่อนได้ไหม ฉันชื่อ แจ๊ค เพียงแค่อยากรู้จักเธอเท่านั้น”แจ๊คตะโกนบอกขึ้นซึ่งเมจิกก็มองเขาอย่างไม่ไว้ใจอยู่ดี



        “ไม่เอา มีอะไรก็คุยกันแบบนี้ล่ะ”เมจิกตะโกนกลับลงมา



        “แบบนั้นก็ได้อยู่หรอกน่ะ แต่กลัวว่าพวกเราจะไม่ได้คุยกันตามลำพังซะสิ”แจ๊คบอกพลางมองไปคนในสวนย่อมที่หันมามองพวกเขาอย่างสนอกสนใจ



        “........ได้ งั้นตามผมมา”เมจิกมีประสบการณ์ครั้งแรกไม่ค่อยดีในการมาสู่โลกทรีเอ็น ต่อให้เป็นในเขตของกิลเลี่ยนที่สุภาพและมีระดับสติปัญญาชนมากกว่า แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้เขาเลยพยายามหาที่เวลาคุยกันแล้วตัวเองจะปลอดภัยที่สุดนั้นก็คือสะพานข้ามแม่น้ำที่สูงเอาเรื่อง



        “เข้าใจหาที่คุยนะ.........นี้คงคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นมาก็จะกระโดดหนีลงไปล่ะสิ”แจ๊คเพียงมองแวบแรกก็มองออกในทันที



        “คุณเป็นใคร รู้จักชื่อผมได้อย่างไง”เมจิกถามแต่ก็คงรักษาระยะห่างจากแจ๊คเอาไว้



        “ฉันชื่อแจ๊ค อยู่ที่นี้มาสองปีกว่าแล้ว พอดีผมมีอะไรที่สนใจเกี่ยวกับตัวนายนิดหน่อย”แจ๊คแนะนำตัวอีกครั้งก่อนจะรีบเข้าเรื่อง



        “เมจิก ทัวรีนัวของนายใช่ เอกริสม่าหรือเปล่า”แจ๊คเริ่มต้นถามถึงปกติจะไม่มีใครยอมบอกเรื่องนี้กันง่ายๆ ก็ตามทีเถอะ



        “คุณรู้ได้อย่างไง!!??”ถึงไม่ตอบแต่เมจิกก็แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน



        “........ใช่จริงด้วยแฮะ แถมเด็กคนนี้ก็ดูซื่อผิดจากที่คิดไว้ซะด้วย คงเป็นประเภทคิดอย่างไงแสดงออกมาอย่างนั้นล่ะมั่ง แต่จะว่าไปกิมม่าเคยบอกไว้ว่าคนใหม่ไม่มีมาสเตอร์ซี๊ดนี่น่า แล้วความสามารถของเด็กนี้มาจากไหนกัน”แจ๊คคิดอย่างวุ่นวายใจจนไม่ได้ฟังเมจิกร้องถามเขาป่าวๆ กระทั่งขึ้นเสียงดังเพื่อเรียกให้เขาตอบ



        “หือ ตะกี้นายว่าอะไรนะ”แจ๊คถามซ้ำ



        “..........เปล่า แต่ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะ”เมจิกรู้สึกไม่ค่อยเป็นมิตรกันชายคนนี้เท่าไรเลยพยายามปลีกตัวออกมาให้เร็วที่สุด



        “เดี๋ยวสิ ธุระของพวกเรายังไม่จบเลย”แจ๊คเอ่ยพลางก้าวเข้าหาเมจิกหนึ่งก้าว



        “ผมว่าหมดแล้วล่ะ เพราะตอนนี้คุณก็รู้จักผมแล้ว”เมจิกไม่ใส่ใจจะให้ความสำคัญกับเขามากขนาดจะชวนไปเที่ยวหรือชวนกินข้าวด้วย และยิ่งท่าทางตอนนี้ของแจ๊คทำให้รู้ได้ในทันทีเลยว่าไม่ได้มาเพราะเพียงต้องการรู้จักอย่างเดียวแน่



        “ยังเลย ฉันอยากรู้จักนายให้มากกว่านี้อีก อย่างเช่น นายใช้ซี๊ดแบบนี้กันแน่ถึงได้กระโดดได้สูงขนาดนั้น”คำพูดของแจ๊คช่างแสดงออกมาอย่างโจ้งแจ้งมากกว่าต้องการอะไรและสิ่งนั้นก็ทำให้เมจิกรู้สึกไม่ดีเอามากๆ เลยตัดสินใจจะสะบัดให้หลุดจากชายคนนี้ให้ได้จึ่งได้กระโดดลงมาจากสะพานทันที



        พอเมจิกถึงพื้นได้นิ่มนวลราวกับขนนกก็รีบหันขึ้นไปมองแจ๊คบนสะพานแต่ว่าก็ไม่เห็นแล้ว “อย่าให้เจอกันอีกเลย” เมจิกพูดไม่ทันจบก็มีเสียงของแจ๊คดังขึ้นมาจากข้างหลังเขา



        “ไม่หรอก เมจิก ถ้าฉันอยากเจอนายไม่ว่าอยู่ซอกมุมไหนในทรีเอ็น พวกเราได้เจอกันแน่”แจ๊คพูดพร้อมกับยื่นมือออกมาบีบปากของเมจิกอย่างรวดเร็วจนไม่มีเวลาให้หลบเลี่ยงได้เลย



        “ฉันว่าตรงนี้คนออกจะผ่านไปผ่านมาเยอะสักหน่อย ย้ายที่ไปที่เงียบๆ กันดีกว่า”แจ๊คพูดจบที่เท้าพวกเขาก็มีประตูบานใหญ่ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับเปิดออกจนพวกเขาล่วงตกเข้าไปในข้าง



        แต่ก่อนที่จะได้ส่งเสียงร้องออกมาสักแอะเท้าของเมจิกก็ได้สัมผัสพื้นอีกครั้ง ทว่าสถานณ์ที่รอบตัวมันได้กลายเป็นที่อื่นซึ่งมีกำแพงสูงล้อมรอบในพื้นที่ไม่เล็กไม่กว้างหลังตึกแห่งหนึ่ง ที่นี้ก็คือหลังบาร์เหล้าที่แจ๊คใช้เป็นรังของตัวเองมาโดยตลอด



        “บอกมานายได้รับซี๊ดแบบไหนจากทัวรีนัวที่นำทางนายเข้ามา”แจ๊คถามขณะปล่อยมือออกจากปากของเมจิก



        “ไม่รู้”เมจิกร้องตอบออกไปก่อนจะถอยออกมาจนติดกำแพง



        “ไม่รู้งั้นเหรอ.......ไม่เป็นไร ฉันมีวิธีทำให้รู้”แจ๊คยิ้มอย่างเลือดเย็นก่อนจะก้าวเข้าหาเมจิกด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมและใช้มือกระแทกเข้าเต็มอกของเขาและพอถอนมือออกไปก็ได้มีเหมือนใยเรืองแสงเป็นยวงๆ ติดมือของแจ๊คออกไปด้วย ซึ่งพอเมจิกมองดูดีๆ ใยพวกนั้นก็คือตัวเลข ตัวหนังสือ หรือสัญลักษณ์แปลกๆ ที่บีบอัดกันอยู่และถ้าเขาตาไม่ฝาดไป แจ๊คกำลังอ่านสิ่งเหล่านั้นอย่างสนใจ



        “หือ ไม่มีบันทึกไว้ เป็นไปได้ไง”แจ๊คขมวดคิ้วก่อนจะออกแรงดึงยวงใยนั้นอีกครั้งจนส่วนที่ติดกับแผ่นอกของเมจิกขยับเลื่อนออกไปอีก นั้นทำให้เมจิกรู้สึกเย็นวาบและอ่อนแรงลงในทันที แต่ก่อนจะเป็นห่วงเรื่องนั้นเมจิกก็ต้องร้องออกมาสุดเสียงเมื่อตรงแผ่นอกของเขามันได้หายไปจนกลายเป็นรูกรวงที่แสนว่างเปล่าไปแล้ว



        “ไม่ต้องโวยวายไปหรอก ฉันก็แค่เปลี่ยนร่างกายของนายให้กลายเป็นฐานข้อมูลเดิมเท่านั้นล่ะ”แจ๊คพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เหมือนกับการบวกลบเลข



        “แต่ดูจากค่าที่ส่งออกมาจากซี๊ด มันก็ปกติดีนี้น่า ร่างสมมุติในโลกทรีเอ็นของเจ้านี้ก็ไม่ต่างจากคนอื่นเลย แล้วแบบนั้นพลังมันมาจากไหนกันล่ะนี้”แจ๊คเกาคางพลางมองไปที่ขาของเมจิกและคิดว่าคงต้องแปรงมันเป็นข้อมูลมาดู



        “เอาคืนมา”เมจิกวิ่งเข้ามาหาแจ๊คอย่างเดือดดาลและควงหมัดเข้าใส่ แต่แจ๊คกลับใช้เพียงหลังมือดันตรงข้อมือของเมจิกให้เขาเหวี่ยงหมัดพลาดตัวเขาไปอีกทางอย่างง่ายดาย ก่อนจะใช้เท้าขัดขาจนเมจิกล้มกลิ้งไปกับพื้น



        “............นี้ขนาดไม่ได้รับหมัดตรงๆ นะ”แจ๊คคิดจนหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมาขณะมองดูหลังมือของตัวเองเป็นรอยแดงช้ำขึ้นมาซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงของเมจิกมันผิดผู้ผิดคนเกินมาตรฐานไปแล้ว



        “ร่างกายของนายนี้มันแปลกจริงๆ นั้นล่ะ เมจิก งั้นฉันคงต้องขอขานายมาดูสักข้างด้วยล่ะนะ”แจ๊คพูดจบก็แตะเข้าทีขาของเมจิกพร้อมกับใช้พลังของกุญแจเปลี่ยนมันเป็นข้อมูลเหมือนกับที่ทำตรงหน้าอกของเมจิกและนั้นก็ทำให้ขาของเมจิกหายไปเลย เหลือเพียงเท้าที่มีรองเท้าผ้าใบสีฟ้าใส่อยู่



        “ขะ ขาของฉัน”ดวงตาของเมจิกเบิกกว้าง เสียงที่รอดออกมาจากปากอย่างยากเย็นแสดงให้รู้ว่าเขากำลังช็อคตกใจแค่ไหน



        “แปลกมากๆ ดูแล้วนี้มันไม่เห็นต่างจากคนอื่นเลย ไม่น่าเชื่อ จะบอกว่าเจ้าเด็กคนนี้สามารถมีพลังที่แตกต่างจากคนอื่นได้ด้วยพื้นฐานของจิตใจและสามัญสำนึกล้วนๆ เลยงั้นเหรอ..........ไม่สิมันเป็นไปได้อยู่ เหมือนกับเคยได้ยินเรื่องนี้จากที่ไหนมาก่อนนะ”ระหว่างที่แจ๊คกำลังใช้ความคิดไปเรื่อยๆ ก็ไม่ทันสังเกตเห็นเมจิกที่ลุกยืนขึ้นมาอยู่ข้างหลังเขาแล้ว



        “เอาคืนมา เอาขาคู่สำคัญของฉันคืนมา”เมจิกตะโกนลั่นด้วยสีหน้าเหมือนกับคนเสียสติ ก็จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้อย่างไงกัน ในเมื่อขาคู่ที่เขาปรารถนาที่สุดในชีวิตถูกคนอื่นเอาไปแบบนี้ เป็นธรรมดาที่เมจิกต้องโกรธและต้องการมันกลับมามากกว่าคนปกติทั่วไป ดวงตาที่เบิกกว้างแต่มีน้ำตาไหลนองจ้องแจ๊คราวจะกินเลือดกินเนื้อ



        “เอ่อ โทษทีจะเปลี่ยนกลับให้เดี๋ยว......!!??”แจ๊คหันกลับมากำลังจะบอกแต่ก็ต้องรีบหลบหมัดของเมจิกที่เหวี่ยงใส่ทั้งแรงและเร็วกว่าเดิม



        “หือ โกรธขนาดนี้เลยเหรอ แต่ก็น่าสนใจดี ลองดูสิว่าพลังของเด็กนี้จะมีแค่ไหนกัน”แจ๊คยิ้มอย่างพอใจเพราะเหมือนกับได้สู้กับคนที่เก่งๆ ที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับเขาได้ตามที่เฝ้าใฝ่หา



        กำปั้นของเมจิกเหวี่ยงเข้าใส่อย่างมั่วซั่วซึ่งคนที่เชี่ยวการทะเลาะวิวาทอย่างแจ๊คมองปราดเดียวก็รู้ทันที เลยใช้เพียงหลังมือผลักไปเหมือนเดิมแต่ว่าคราวนี้เมจิกกับทิ้งตัวลงมาข้างหน้าในท่าตีลังกาใส่ส้นเท้าเล็งฟาดใส่กลางหัว



        “เจ้านี้!!??”แจ๊คทิ้งตัวมาด้านหลังหลบส้นเท้าเมจิกได้หวุดหวิดแต่มันได้กรีดผ่านตรงแก้มเขาจนมีเลือดไหลออกมาเป็นทาง แถมทันทีที่เท้าของเมจิกกระแทกลงพื้นกระเบื้องหินที่แข็งแรงก็ถึงกับแตกร้าวยุบลงไปเหมือนถูกทุบด้วยค้อนปอน



        แต่เมจิกก็ยังคงไม่หยุดและดูบ้าคลั่งยิ่งกว่าเก่าพอเห็นแจ๊คเสียหลักขณะที่ทิ้งตัวไปข้างหลังก็รีบพุ่งไปตะคลุบตัวไว้และใช้ทั้งปากและมือทึ้งร่างของแจ๊คเหมือนกับสัตว์ป่าที่ไร้ความปราณี



        “เอาคืนมา เอาขาฉันคืนมาเดี๋ยวนี้”เมจิกตะโกนบอกอย่างไร้สติขณะใช้แขนทั้งสองข้างระดมทุบใส่แจ๊คที่ได้แต่ยกแขนที่เนื้อขาดรุ่งริ่งขึ้นมารับไว้



        “รู้แล้วน่า”แจ๊คตะโกนบอกก่อนจะใช้เท้ายันตัวและออกแรงถีบจนเมจิกลอยถอยออกไปจากร่างเขา



        “ฉันทำให้ร่างกายนายกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว เลิกบ้าสักที”แจ๊คเห็นว่าเมจิกอันตรายเกินกว่าจะเล่นสนุกด้วยต่อได้เลยรีบหาทางหยุดลงโดยเร็ว เพราะการต่อสู้ของเมจิกมันไม่ใช่การทะเลาะวิวาทแต่เหมือนกับสัตว์ป่าที่กำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดมากกว่า



        “เจ้านี้ในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นตัวอะไรกันแน่นะ ตะกี้ตอนพุ่งเข้ามากัดมันเล็งที่คอยหอยเราเลยนี้น่า ถ้าเป็นคนอื่นป่านี้คงได้ตายไปแล้วแน่ๆ”แจ๊คคิดอย่างเสียวไส้พลางมองดูแขนตัวเองที่มีสภาพดูไม่ได้เลย ส่วนทางเมจิกพอได้ร่างกายกลับเป็นเหมือนเดิมแล้วก็ดีใจจนน้ำตาไหลพรากและก้มลงลูบขาอย่างหวงแหน



        แต่ก่อนที่แจ๊คจะได้เริ่มพูดอะไรขึ้นมาก็มีเสียงตุบตับดังออกมาจากตรอกเร็วๆ ข้างบาร์เหล้าเหมือนมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น เพียงไม่ถึงนาทีเสียงนั้นก็เงียบลงกลายเป็นเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาแทน ทั้งแจ๊คกับเมจิกก็ได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน จนต้องหันไปจ้องว่าใครกำลังเดินมาทางพวกเขา



        “ที่นี้เองสินะ”เสียงของโรสเอ่ยขึ้นขณะลากร่างของชายสองคนที่เธอพึ่งอัดสลบไปตามหลังมาด้วย และพอเธอเดินพ้นหัวมุมออกมา ทั้งสามก็ได้เห็นหน้ากันในทันที



        “อ่ะ เธอ!!??”ทุกคนต่างชี้หน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย



                    ........................



        “เริ่มล่ะ ในที่สุดทั้งสามคนก็ได้มาอยู่กันพร้อมหน้ากัน”เอกริสม่าที่ยืนดูอยู่บนที่สูงๆ และห่างออกไปตามแบบของเขายิ้มออกมาอย่างพอใจที่เห็นทั้งสามมาเจอกันได้แล้ว



        “.......ออกมาสิ นามุ ทัวทีเนียระดับร่างอย่างนายทำให้ต้องมาหาฉันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ด้วย”เอกริสม่าสลายรอยยิ้มไปก่อนจะหันกลับมาพูดกับเงาของตัวเองที่พาดทับอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง



        “กิมม่า ฉัน.......คิดว่า ไม่สิ รู้ว่า ไม่สิ..........เอาเป็นว่า ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นมา ฉันคิดว่า ไม่สิ เอ๋ นี้ฉันกำลังสับสนกับคำพูดตัวเองหรือนี้”ทัวทีเนียที่ท่าทางพูดไม่ค่อยรู้เรื่องปรากฎตัวขึ้นมาจากเงาด้วยชุดคลุมสีน้ำเงินพร้อมกับร่มสีเขียวเข้มกางอยู่เหนือศีรษะ



        “นายคงทำงานหนักมากเกินไป จนติดคำพูดของมนุษย์เข้ามาด้วยนะ พักสักระยะน่าจะช่วยให้หายได้”เอกริสม่าแนะนำขณะกระโดดลงมาหานามุ



        “ขอบใจ ไม่สิ ขอบคุณ ไม่สิ โอย ช่างเถอะ แต่คงทำตามที่นายแนะนำไม่ได้แล้วล่ะ เกิดเรื่องขึ้นกับราชินีเอวาอีกแล้ว”นามุพูดพลางหมุนร่มเร็วจี๋



        “เอวา คราวนี้หล่อนทำอะไรอีกล่ะ”เอกริสม่าพอได้ยินชื่อนี้ก็ทำเสียงเหมือนปวดท้องขึ้นมาทันที



        “ราชินี กิม่า”นามุย้ำเสียงเขียวแต่เอกริสม่าก็เพียงยักไหล่



        “เรายังไม่รู้สาเหตุ แต่ตอนนี้ราชินีเอวาตื่นขึ้นมาอีกแล้วล่ะ”ความไม่สบายใจที่ทัวทีเนียพยายามซ่อนไว้ออกมากับน้ำเสียงอย่างชัดเจน



        “ก่อนเวลาตั้ง........458 ชั่วโมง คราวที่แล้วที่หล่อนตื่นขึ้นมาก็เล่นซะพวกเราต้องปิดส่วนพื้นที่ในทรีเอ็นไปกว่าครึ่งแนะ”เอกริสม่าบอกพลางหยิบนาฬิกาพกอันหนึ่งในจำนวนกว่าสิบอันที่เขามีขึ้นมาดู



        “ก็ใช่ แต่คราวนี้ปัญหาอยู่ที่ทำไม เอวา ถึงตื่นขึ้นมา”



        “ราชินีเอวา นามุ”เอกริสม่าขัดขึ้นเตือนบ้างจนนามุใช้หัวตัวเองกระแทกกับด้ามร่มเป็นการใหญ่



        “ทำไม ราชินีเอวา ถึงตื่นขึ้นมาก่อนเวลา มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยนะว่าไหม”นามุถามความคิดเห็นของเอกริสม่าพลางรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ



        “อืม นั้นสินะ แต่ถ้าจะให้ฉันไปค้นดูคงไม่ได้หรอก เพราะตามหน้าที่ของฉันพอ เอวา รู้ล่ะๆ ราชินีเอวา”เอกริสม่ารีบแก้ให้ถูกหลังจากถูกสายตาไม่พอใจของนามุจ้องผ่านหน้ากากออกมา



        “ต่อนะ พอราชินีเอวา ตื่นขึ้นมาฉันก็ต้องกลับไปเฝ้า แกน ไว้ เรื่องหาสาเหตุคงช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ ว่าแต่ตอนนี้ราชินีทำอะไรอยู่ล่ะ”เอกริสม่าถามแต่สายตากลับหันกลับไปจ้องมองพวกเมจิกต่อ



        “ก็กำลังรับข้อมูลต่างๆ ในทรีเอ็นระหว่างช่วงเวลาที่เธอหลับไป ไม่สิ นิทรา ไม่สิ สลบ โอยแย่ๆ ทำไมในหัวฉันถึงได้มีแต่คำพูดที่สับสนแบบนี้นะ”นามุพูดพลางให้หัวกระแทกคันร่มต่อ จนตอนนี้มันหงิกงอไปหมดแล้ว



        “ฮะๆๆ นั้นก็เป็นหลักฐานว่านายควรต้องรีบกลับไปพักผ่อนซะตั้งแต่ตอนมีเวลา”เอกริสม่าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับหมวกปีกลงมาจนเหลือแต่รอยยิ้มตรงปาก



        “......บางทีฉันอาจหาคนที่จะช่วยสืบเรื่องการตื่นของราชินีเอวามาให้นายได้ล่ะ นามุ”เอกริสม่าบอกจนามุเงยหน้าขึ้นมาจ้องด้วยดวงตาเป็นประกาย



        “จริงสิ งั้นดีเลย ไม่สิ ประเสริฐ ยอดเยี่ยม อะไรก็แล้วแต่ ตามนั้นเลย กิมม่า ส่วนฉันตอนนี้คงต้องขอตัวก่อนล่ะ”ว่าแล้วนามุก็จมลงไปในเงาตามเดิม



        “ถึงเวลาใช้งานพวกนี้เร็วกว่าที่คิดซะอีกแฮะ แต่เอาเถอะช้าเร็วคงไม่ต่างกันมากเท่าไร”เอกริสม่าขยับหมวกอีกครั้งก่อนจะตรงไปหาพวกเมจิกอย่างเชื่องช้า



                    ...........................



                    “เฮ้ย!!?? เธอ”ทั้งเมจิกกับแจ๊คที่ชี้นิ้วและร้องทักไปทางโรสต่างหันกลับมาจ้องหน้ากันอย่างงงๆ ว่าอีกฝ่ายรู้จักกันด้วยเหรอ แต่ก่อนจะได้ทันถามให้หายข้องใจ โรสกลับชิงจังหวะลงมือก่อนเลย



        “เดี๋ยวก่อนๆ ฉันว่า”แจ๊คนึกอะไรขึ้นมาได้เลยกำลังจะร้องบอกแต่พอหันกลับมาก็เห็นอะไรบางอย่างเป็นเงาดำๆ พุ่งมากระแทกเขาเต็มหน้าเลือดไหลกระซูดออกมาพร้อมกับร่างเขาเซไปชนกับกำแพง



        แต่โรสก็หันกลับมาทางเมจิกที่กำลังจะออกขยับตัวไม่ว่าจะวิ่งหนีหรือวิ่งมาหาเธอก็ตาม เธอเลยเปลี่ยนกระบอกใหญ่ยักษ์ในมือที่ใช้ฟาดแจ๊คเมื่อครู่มาเป็นแส้และฟาดไปรับรอบตัวเขาไว้



        “อย่างนายแค่นั้นคงจะยังไม่พอหรอก”โรสวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับคว้าลังไม้ขึ้นมาและเปลี่ยนสภาพมันกลายเป็นยางซึ่งมีขนาดยาวมาก เธอเหวี่ยงพันไปรอบตัวของเมจิกอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นเหล็ก



        “กับนายฉันยังต้องเอาคืนอีกเยอะ แต่ไว้ก่อน”โรสใช้นิ้วดีดใส่จมูกของเมจิกอย่างยอกล้อ ก่อนจะหันกลับไปทางแจ๊คที่ตอนนี้หายไปจากตำแหน่งเดิมแล้ว



        “แสบนักนะ”เสียงของแจ๊คเอ่ยขึ้นข้างหูของโรสจากด้านหลังจนเธอรีบกระโจนออกห่างแต่ไม่ทันแล้วแจ๊คคว้าที่ข้อมือของเธอและใช้พลังจ้าวแห่งกุญแจของตัวเองทำให้ย่อยข้อมูลของโรสจนแขนของเธอหายไปจนถึงข้อศอก



        “กรี๊ด~~~”โรสกรีดร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองซึ่งมันไม่เคยเกิดแบบนี้กับเธอมาก่อน



        “เฮ้ย เมจิก จะอยู่แบบนั้นอีกนานไหม ของแค่นั้นคงไม่ต้องให้ฉันช่วยหรอกนะ”แจ๊คหันมาร้องบอกเมจิกที่ยืนดูแบบไม่ค่อยใส่ใจนัก แต่พอเจอแจ๊คร้องว่าอย่างดีเลยรู้สึกฉุนๆ ขึ้นมาเลยออกแรงกระชากสิ่งที่โรสพัฒนาการเขาไว้จนแตกกระจายออกไปอย่างง่ายดาย



        “เรื่องความแข็งหรือเหนียวฉันว่าไม่ค่อยมีผลกับเจ้านี้หรอกนะ”แจ๊คหันไปเตือนโรสเพราะเขาเริ่มเข้าใจความต่างของเมจิกขึ้นมาแล้ว



        “หน่อยแนะ พวกแก~~~~”โรสเริ่มเลือดขึ้นหน้าเลยหันไปกระชากท่อรางน้ำออกมาและเปลี่ยนมันเป็นแขนข้างใหม่ แถมยังถอยหลับไปพิงกำแพงและใช้มือแตะมันแต่คราวนี้เธอเปลี่ยนทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกเขาทั้งสามคนให้มันขยับยุกยิกไปมาเหมือนกับมีชีวิตขึ้นมาได้



        “ยายบ้านี้ พลังไม่ธรรมดาเลย แถมยังไม่เกี่ยวกับการจัดระเบียบข้อมูลด้วย ราวกับพอคิดอะไรข้อมูลของวัตถุรอบตัวก็จะเปลี่ยนตามไปด้วยอย่างงั้นล่ะ”แจ๊คคิดอย่างตื่นตะหนกพลางเตรียมใช้พลังเปิดประตูหลบออกไป



        “อะแฮ่ม ถ้าไม่ว่าอะไร ฉันอยากให้หยุดแค่นั้นนะโรส”เสียงเอกริสม่าขัดขึ้นขณะกระโดดลงมาจากกำแพงด้านหลังของโรสมาหยุดยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสามคน



        “กิมม่า!!??”ทั้งสามร้องเรียกพร้อมกัน



        “ใช่ ฉันเอง”เอกริสม่ายิ้มรับหน้าบานต่างจากทั้งสามที่เริ่มมองหน้ากันอย่างงงๆ อีกครั้ง



        “เดี๋ยวก่อน พวกคุณทั้งสองคนก็รู้จักกับกิมม่าด้วยเหรอ”เมจิกเป็นคนแรกที่หันไปมองทั้งแจ๊คและโรสซึ่งต่างก็พยักรับ



        “กิมม่ามาพอดีเลย ฉันกำลังจะจับเจ้าโจรลักลอบสร้างซี๊ดปลอมไปส่งคุณอยู่พอดี”โรสร้องบอกพลางชี้นิ้วไปที่แจ๊ค



        “เฮ้ย ว่าใครเป็นโจร ยายสัตว์ประหลาด”แจ๊คร้องเถียง



        “ใจร้าย มาว่าเค้าเป็นสัตว์ประหลาด”โรสแสร้งทำเป็นกระเทือนใจกับคำนี้มาก



        “นี้มันเรื่องอะไรกันครับ กิมม่า”เมจิกไม่สนใจที่ทั้งสองเริ่มทะเลาะกันแต่เดินเข้ามาถามกิมม่าแทน



        “แหม เรื่องนี้..........มันเล่ายากสักหน่อย”เอกริสม่าบอกพลางขยับหมวกปีกนิดหน่อย แต่เขาก็เริ่มเล่าออกมาว่าทั้งสามคนนั้นต่างเป็นพาทีของเขา ทั้งเมจิกและโรสถึงกับอ้าปากค้างตรงข้ามกับแจ๊คที่พอรู้เรื่องบ้างแล้วเลยทำหน้าเฉยๆ



        “ก็อย่างที่เล่า พวกเดียวกันทั้งนั้น รักๆ กันไว้เถอะนะ”เอกริสม่าบอกอย่างร่าเริงพลางโอบเมจิกและโรสเข้าหากัน



        “เดี๋ยวก่อน ถ้าคุณเป็นทัวรีนัวของเจ้าโจรห้าร้อยนี้”โรสยังไม่ยอมรับพลางชี้นิ้วไปที่แจ๊คอีกหน



        “ไม่ใช่โจรเฟ้ย”แจ๊คเถียงเสียงแข็ง



        “แหมๆ เขาไม่ใช่โจรหรอกโรส เขาคือ ยอดนักโจรกรรมข้อมูลอันดับหนึ่งแห่งโลกทรีเอ็น ฉายา มาสเตอร์คีย์ แจ๊ค”เอกริสม่าช่วยแก้ต่างให้



        “นั้นล่ะ ที่เขาเรียกว่าโจร”ทั้งเมจิกกับโรสต่างร้องเป็นเสียงเดียวกัน

        

        “บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ โจร อย่ามาลดฉันไปรวมกับพวกโจรกระจอกสิเฟ้ย”แจ๊คเถียงหน้าดำค่ำเครียดต่างจากเอกริสม่าที่ยืนขำอยู่คนเดียว



        “เวลาที่จะทะเลาะต่อเถียงมีอีกเยอะ แต่ตอนนี้ฉันมีงานจะมาเสนอพวกเธอให้ทำร่วมกัน ว่าไงสนไหม”เอกริสม่าเปลี่ยนขึ้นมาทันควันเมื่อเห็นสายตาของทุกคนเริ่มมาลงที่เขา



        “งานเหรอค่ะ ถ้ามีงานก็มีค่าตอบแทน ทำอย่างไม่ต้องคิดเลยเจ้าคะ..........แต่ว่า ถ้าต้องร่วมมือกับเจ้าโจรนี้หนูขอบายนะค่ะ”ประโยคท้ายโรสลดเสียงลดพลางมองอย่างเหยียดๆ ไปที่แจ๊ค



        “เหมือนกันล่ะน่า ใครจะทำงานร่วมกันคนที่เจอหน้ากันครั้งแรกก็ทุบหัวจนแตกแบบนี้ล่ะ ยายสัตว์ประหลาดบ้าเลือด”แจ๊คชี้ให้ดูหัวตัวเองที่ยังมีคราบเลือดไหลเปรอะหน้าอยู่เลย



        “ฮะๆๆ เรื่องเล็กๆ ขอแบบนี้แก้ไขได้”เอกริสม่าหัวเราะแบบไม่ใส่ใจเหมือนเดิม



        “แต่ว่าพวกเราจะได้อะไรตอบแทนเหรอค่ะ”โรสรีบหันกลับมาถามเอกริสม่า



        “อ้อ เรื่องนั้น สำหรับโรสและเมจิก พวกเพิ่มจะได้เพิ่มชั่วโมงในทรีเอ็น แต่สำหรับส่วนของแจ๊ค ฉันว่าคุณน่าจะชอบนะ เพราะถ้างานนี้สำเร็จคุณจะมีถูกลดความผิดล่ะและแน่นอน รอยสักผิดร้ายแรงนั้นก็จะถูกออกไปด้วย”เอกริสม่าชี้มาที่รอยสักบนแขนของแจ๊คจนเขาก็ต้องรีบซ่อนมันใต้แขนเสื้อเพื่อหลบให้พ้นสายตาของโรสกับเมจิก



        “น่าสน แต่เหมือนเดิม ฉันชอบทำงานคนเดียว”แจ๊คตอบพลางทำท่าจะไปที่อื่น แต่เอกริสม่าพูดดักขึ้นก่อน



        “ไม่ได้หรอก แจ๊ค งานนี้ต้องทำสามคน มันเป็นข้อตกลง ไม่งั้นคุณก็ไม่ต้องทำ”ทำพูดของเอกริสม่าทำเอาแจ๊คหยุดกึกแต่ก็ไม่ร้องเถียงอะไรออกมา ระหว่างของทั้งสองคนรู้จักกันมาเป็นเวลานานจนรู้ว่าเวลาไหนควรจะต่อรองได้



        “ถ้าไม่ตอบผมถือว่าตกลงน่ะ โรสก็เหมือนกันคงไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธใช่ไหม”เอกริสม่าก้มลงมามองโรสและส่งยิ้มให้ซึ่งเธอก็รีบพยักหน้ารับทันที



        “จะสิบนาทีหรือนาทีเดียวก็เอาหมดล่ะคะ”โรสตอบเสียงใส



        “แล้วเธอล่ะ เมจิก”เอกริสม่าหันไปถามเมจิกที่ยืนกอดออกจ้องเขาเป็นคนสุดท้าย



        “............ไม่ เรื่องเพิ่มเวลาอะไรนั้นผมไม่สนใจหรอก และผมก็เข้ามาในทรีเอ็นเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อทำงานให้ใคร”เมจิกตอบพลางหันหลังเตรียมจะเดินออกไปตรงซอกข้างๆ



        “งั้นถ้าฉันเปลี่ยนรางวัลเป็น........การให้เธอได้เห็นหน้าพี่ชายเธอแทนล่ะ เธอไม่เคยเห็นเลยไม่ใช่เหรอ”คำพูดที่เอ่ยขึ้นของเอกริสม่าราวกับเป็นทองก้อนโตที่เป็นใครก็ต้องหันมาสนใจ และเมจิกเองก็เห็นว่าค่าของพี่ชายเขามากกว่าของมีค่าแน่นอน



        “คุณทำไม่ได้ ผมจะรู้ได้ไงว่านั้นคือพี่ชายผมจริงๆ คุณสร้างอะไรขึ้นมาให้ผมเห็นก็ได้นี้ จริงไหม กิมม่า”เมจิกเองก็ไม่ได้โง่และไร้สติเขาคิดขึ้นมาได้ก่อนจะรีบตอบตกลงแบบคนโลภ



        “จริงของเธอเมจิก แต่เธอคงไม่ลืมครั้งแรกที่พวกเราเจอกันได้ใช่ไหม ที่บ้านของเธอ ที่รั้วนั้น และเธอคงรู้ว่าฉันรู้จักเธอดีแค่ไหน จริงไหม เมจิก”เอกริสม่าย้อนถามกลับแต่คำพูดของเขาแม้แต่แจ๊คกับโรสก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังข่มขู่เมจิกอยู่กลายๆ



        “ใช่........ก็ได้ผมจะทำ แต่ขอบอกว่า ถ้าผมเห็นว่ามันอันตรายต่อตัวผมหรือชีวิตคนอื่นผมจะเลิกทำทันที”เมจิกยื่นเงื่อนไขทันทีซึ่งเอกริสม่ายิ้มตอบ



        “แน่นอนเมจิก ฉันไม่ให้เธอทำแบบนั้นแน่ งานคราวนี้คือการหาข้อมูล ซึ่งเธอมีบุคลากรเก่งด้านนี้อยู่ตั้งสองคนแล้ว”เอกริสม่ากางมือไปทั้งทางโรสและแจ๊ค



        “อย่าพล่ามมากเลย กิมม่า บอกรายละเอียดของงานมา”แจ๊คร้องถามอย่างรำคาญเขาไม่ค่อยชอบวิธีชมเชยของเอกริสม่าเท่าไรนัก

        

        “ตามนั้นแจ๊ค แต่ก่อนอื่น งานนี้มันเกี่ยวข้องกับการตื่นของราชินีเอวา”พอคำว่าเอวาหลุดออกมาแจ๊คถึงกับหน้าซีดทันที



        “เอวาตื่นแล้วเหรอ!!??”แจ๊คร้องถามที่ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าเป็นเรื่องไม่ดีแน่



        “ใช่ ตอนนี้เธอกำลังเก็บข้อมูลใหม่ๆ อยู่ จากที่ประมาณไว้จากเวลาที่ผ่านมาจากการหลับครั้งก่อน เธอคงจะเริ่มเคลื่อนไหวตัวในอีกประมาณ 30-31 ชั่วโมง”เอกริสม่าหันมาตอบ



        “เอวา นี้ใครเหรอ”เมจิกขยับมากระซิบถามโรสเพราะไม่อยากเข้าไปขัดที่เอกริสม่าคุยกับแจ๊ค



        “เป็นผู้ปกครองทรีเอ็นนะ แต่แค่ปกครองในนามเท่านั้น ฉันเองก็รู้ไม่มากหรอก เห็นว่าเธอจะหลับครั้งล่ะนานๆ แต่พอตื่นขึ้นมาทีก็จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ฉันเคยได้ยินมาอีกทีว่าเมื่อครั้งก่อนที่เธอตื่นขึ้นประมาณปีหนึ่งมาได้ล่ะ เธอทำการสร้างแบบโปรกแกรมจำลองของมนุษย์เทียมขึ้นมาแลปล่อยให้เดินในเมืองกันให้ว่อน”โรสเล่าแต่ด้วยที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลยไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวแบบแจ๊คออกมาให้เห็น



        “แล้วไงต่อ”เมจิกถามอย่างสนใจ



        “มันเพี้ยนนะสิ แย่ยิ่งกว่าพวกไร้จิตใต้สำนึกที่อยู่รอบนอกเมโทโปลิสซะอีก เห็นว่ามีคนตาย........เยอะซะด้วย สุดท้าย แกน เลยตัดสินใจปิดทรีเอ็นไปหนึ่งวันและทำลายเมืองที่พวกมนุษย์เทียมอยู่เดิมไป ตอนนั้นเมืองหายไปกว่าครึ่งเลย แต่อย่างว่ามันก็แค่ข้อมูลเพียงวันเดียวพวกนั้นก็ซ่อมทุกอย่างเสร็จ......ไม่มี มนุษย์เทียม ไม่มี ราชินีเอวา เธอหลับอีกหลังจากสร้างเรื่องเดือดร้อนร้ายแรง”โรสตอบก่อนจะเหลือบมามองเมจิกที่ทำหน้าไม่เข้าใจสักเรื่องที่เธอพูด



        “ตายจริง เธอคงพึ่งเข้ามาในทรีเอ็น ฉันลืมไป กิมม่าเป็นพวกแปลกๆ ด้วย เขาไม่ชอบบอกอะไรที่ทัวรีนัวสมควรบอกคนมาใหม่ ฉันนะกว่าจะรู้อะไรเป็นอะไรก็เที่ยวไปฟังคนนู้นทีคนนี้ทีตั้งเป็นเดือนๆ แนะ”โรสใช้มือแตะหน้าผากตัวเองเบาๆ พลางนึกถึงอดีตที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก



        “คืองี้นะ เมจิก ที่นี้คือโลกที่เรียกได้ว่า เป็นข้อมูลล้วนๆ เลย เหมือนกับโปรแกรมอย่างหนึ่งที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ เมล็ดซี๊ดที่พวกเรากินเข้าไปมันคือตัวส่งข้อมูล แปรงข้อมูลจากกายเนื้อมาเป็นฐานข้อมูลที่ถูกจัดเรียงตัวขึ้นมาใหม่ในโลกแห่งนี้”โรสอธิบายและยิ่งเมจิกทำหน้าชื่นชมความรู้ของเธอก็ยิ่งจะรู้สึกพออกพอใจและเล่าให้มากขึ้น



        “แล้ว แกน คือ”เมจิกรอฟังอย่างตั้งใจ



        “แกน เอ่อ อันนี้”โรสพอเจอสิ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันก็ทำหน้าอึกอักขึ้นมาแทน แต่พอเห็นสายตาที่คาดหวังจากเมจิกก็ต้องบอกเท่าทีตัวเองรู้ออกไป



        “แกน เป็นผู้มีอำนาจ คือ.....เหมือนกับผู้คุม และ และ เอ่อ มีอำนาจพอๆ กับ ราชินีเอวา แต่คนะล่ะด้านกัน ฉันคิดว่า.....เขาน่าจะเป็นโปรแกรมหลักที่มีหน้าที่ดูแลทรีเอ็นหรืออาจมีตัวตนเปล่าอันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ดูจากที่คนอย่างกิมม่ายอมเชื่อฟังอย่างไม่โต้แย้งเลย ก็น่าจะใหญ่เอาเรื่องล่ะนะ”



        “โรส ฉันภูมิใจที่ความรู้ของเธอมีมากจนน่าเหลือเชื่อ แต่ประเด็นของพวกเราอยู่ที่ราชินีเอวา ไม่ใช่ แกน นะ ถ้าจะช่วยมาฟังด้วยกันทางนี้”เอกริสม่าหันมาขัดขึ้นจนโรสยิ้มแก้มแดงและยอมเดินเข้าไปร่วมกลุ่มฟังรายละเอียดแต่ก็อดหันมากระซิบบอกกับเมจิกไม่ได้



        “เขาไม่ชอบให้เราพูดถึง แกน ไม่ว่าตอนไหน”



        “งานนี้ก็แค่สืบดูว่า ราชินีตื่นขึ้นมาก่อนเวลาได้อย่างไง มีอะไรเป็นตัวกระตุ้น หรือมีใครอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า จำไว้ว่ามีเวลาแค่ 30 ชั่วโมง และถ้าได้ข้อมูลอะไรมาก็แจ้งให้ฉันรู้เท่านั้น ห้ามบอกใครห้ามให้ใครรู้ อ้อ แล้วไม่ต้องทำตัวเป็นผู้กล้าไปหยุดการตื่นของราชินีเลยนะ รอบๆ หล่อนมีทั้งพวกทัวทีเนียและก็ยังมีตัวร้ายๆ อีกเพียบเลย”เอกริสม่าอธิบายอย่างสั้นๆ



        “แล้วเราจะเริ่มจากไหนล่ะ เหตุผลมีเป็นร้อยๆ”แจ๊คยักไหล่



        “เรื่องนั้น ฉันแนะนำให้ไปหาคนที่ชื่อ อาเคเรส”เอกริสม่าแนะ



        “ทำไมล่ะ เขาเป็นพวกทีมงานที่ควบคุมทรีเอ็นด้วยเหรอ”โรสถามอย่างตื่นเต้น



        “เปล่า ก็แค่พลเมืองธรรมดา เพียงแต่ว่า..........เขาเป็นสาเหตุการตื่นครั้งก่อนของราชินีเอวา”



                    ..................................



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×