ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Dreamsia

    ลำดับตอนที่ #3 : เรื่องของฮันซ์

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 49


    ตอนที่ 3 เรื่องของฮันซ์



        “.........น่าเบื่อ”ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำคิดในใจขณะขึ้นรับถ้วยรางวัลการกีฬาที่พึ่งชนะเลิศ



        “.......นี้ก็เหมือนกัน มีอะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้อีกไหม”เขาคิดขึ้นอีกครั้งขณะนั่งเล่นเกมส์จบได้ในการเล่นเพียงครั้งเดียว



        “ทำไมชีวิตถึงได้น่าเบื่อแบบนี้ ใครก็ได้ทำให้ฉันรู้สึกสนุกกว่านี้หน่อยสิ”เสียงร้องคร่ำครวญอย่างเศร้าใจดังขึ้นขณะที่เขานั่งสูบบุหรี่อยู่บนกองร่างนักเลงนับสิบที่เขาพึ่งอัดคว่ำไป



        “เบื่อเหรอ ฮันซ์”เสียงร้องทักเอ่ยขึ้นมาจากแสงสว่างตรงหน้าเขา



        “รุ่นพี่!!??”ฮันซ์รีบลุกขึ้นและจ้องเขม็งเข้าไปยังใบหน้าที่เลือนรางท่ามกลางแสงสว่างนั้น



        “ถ้าเบื่อมากับฉันสิ ฉันจะพานายไปยังที่ปรารถนา”เสียงชายหนุ่มเอ่ยต่อพลางยื่นมือออกมาหาฮันซ์



        “รุ่นพี่ครับ”ฮันซ์รีบก้าวเข้าไปหาอย่างดีใจ



        “มากับฉัน ฮันซ์”เสียงชายหนุ่มร้องเรียกดังขึ้นพร้อมกับแสงส่องสว่างจ้าจนฮันซ์ต้องรีบปิดตาลง



        “รุ่นพี่!!!??”



        ปังๆๆๆๆ



        “เจ้าพี่บ้า รีบตื่นได้แล้วเดี๋ยวรถก็มารับแล้วนะ”เสียงเคาะประตูดังระรัวพร้อมกับเสียงเรียกของน้องสาวปลุกให้ฮันซ์ลืมตาตื่นขึ้นมาโดยอยู่ในท่าที่กำลังยื่นมือข้างหนึ่งออกมาเหมือนกับละเมอ



        “บ้าชะมัด ตั้ง 2 ปีแล้วยังฝันแบบนี้อยู่อีก”ฮันซ์ใช้มือก่ายหน้าผากพลางถอนหายใจออกมา แต่ก็ต้องรีบลุกจากเตียงก่อนจะมีเสียงเคาะประตูโครมครามจากน้องสาวที่แสนน่าชัง



        “ฮันซ์ ที่มหาลัยส่งจดหมายมาบอกเรื่องลูกไม่ยอมไปซ้อมกีฬา เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าลูก”เสียงผู้เป็นแม่ถามอย่างเป็นห่วงขณะเห็นฮันซ์เดินลงบันไดมาด้วยท่าทางเบื่อหน่าย



        “ไม่มีอะไรหรอกแม่ ผมแค่.........เบื่อ”ฮันซ์ตอบก่อนจะคว้าเอาจดหมายมาเช็ดรองเท้าและขยำโยนลงถังอย่างไม่ใส่ใจ



        “เจ้าพวกอาจารย์ที่มหาลัยคงคิดว่าถ้าเราไม่ได้ทุนจากด้านกีฬาแล้วจะไม่มีปัญญาจ่ายหรือไงนะ”ฮันซ์นึกอย่างเซงๆ ขณะออกจากบ้านและก้าวขึ้นรถรับส่งนักเรียนโดยทุกคนบนรถนั้นต้องหันมาจ้องเขาเป็นตาเดียวราวกับได้เห็นวีรบุรุษที่พึ่งผ่านสมรภูมิรบมาก็ไม่ปานทั้งๆ ที่ฮันซ์ก็ขึ้นรถคันนี้และเจอหน้าคนพวกนี้เป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ล่ะสองครั้ง



        “ช่วยจอดให้ผมลงที่เดิมด้วยนะ”ฮันซ์หันไปบอกกับคนขับรถซึ่งเป็นที่รู้กันว่าฮันซ์จะไม่เข้ามหาลัยตรงเวลาเหมือนคนปกติ เขาจะแวะลงก่อนจะถึงเดินหรือหาอะไรทำฆ่าเวลาไปเรื่อยจนกว่าจะหมดชั่วโมงเรียนแรกนั้นถึงจะเป็นเวลาที่เขาจะก้าวเข้ารั้วมหาลัย



        “วันนี้จะทำอะไรดีนะ..........หรือว่าจะเป็นอีกวันที่น่าเบื่อ”ฮันซ์นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยที่มีสายตาของคนอื่นยังคงจับจ้องมาที่เขาอยู่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาทักหรือมานั่งด้วยเพราะด้วยท่าทางที่เงียบขรึมและน่ากลัวของฮันซ์เอง



        “.........ถ้าเราหลับไปตอนนี้ จะไปที่.......ได้หรือเปล่า......นะ”ฮันซ์คิดต่อขณะที่ตาเริ่มปิดลงมาอย่างช้าๆ แต่ก็ต้องสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนเพราะเสียงบีบแตรรถเพื่อเรียกใครคนหนึ่งมาขึ้นรถ



        “บ้านของเซร่าสินะ ตอนนี้........คงยังแต่งตัวไม่เสร็จเลยมั่ง”ฮันซ์นึกในใจพลางก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือราวกับจะรู้หมดเลยว่าเวลาตอนไหนเซร่ากำลังทำอะไรอยู่



        “ยัยเซร่านี้ช้าประจำเลย ให้ตายเถอะ”พวกนักเรียนบนรถบ่นเป็นเสียงเดียวกันยกเว้นแต่ฮันซ์ที่ไม่เกี่ยงว่าเซร่าจะใช้เวลาตลอดทั้งเช้าเพื่อหวีผมหรือทำอะไร เพราะเขาพึ่งพอใจที่จะนั่งเฝ้ามองบ้านข้างๆ ที่ติดกับบ้านของเซร่า



        “โนรีน เห็นไหมฮันซ์มองไปที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว ต้องมีอะไรที่เขาสนใจอยู่แน่ๆ เลย”นักเรียนที่นั่งหน้าของโนรีนหันมาบอกโนรีนที่นั่งจ้องฮันซ์ด้วยสายตาเม่อลอยเหมือนกำลังฝันกลางวันว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ข้างฮันซ์และคุยยอกล้อเช่นคนรักกัน



        “นั้นสินะ”โนรีนพยักรับแต่ก็ไม่ลืมที่จะถามเซล่าเรื่องนี้แน่ๆ



        “ทริซ.........”ฮันซ์เอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อมองเห็นเงาบนห้องนอนชั้น 3 ของบ้าน แต่ก่อนจะได้คิดอะไรในหัวของฮันซ์ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นมาเหมือนกับเสียงที่ลอยมาจากที่ไกลๆ



        “ฮันซ์นี้น้องของฉัน ชื่อทริซ สักวันหนึ่งพวกนาย.........”แล้วเสียงพูดนั้นก็หายไปเพราะฮันซ์ได้ส่ายหน้าเพื่อไล่ทุกอย่างในหัวออกและหันกลับมามองเซล่าที่กำลังวิ่งหัวกระเซิงมาขึ้นรถแทน



        “ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่อีกไม่นานหรอก รอหน่อยนะ........ทริซ”



                    .............................



        ชีวิตในมหาลัยของฮันซ์ก็ผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่ายเช่นดังทุกวัน ถึงเขาจะมีสังคมที่มีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังคอยปล่อยสารพัดมุขให้ขำ แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้เข้าหัวของเขาเลยแม้แต่น้อย หรือพวกรุ่นน้องที่ต่างนิยมชมชอบเขากันนั้นกลับทำให้ฮันซ์คิดอยู่ลึกๆ ว่า ถ้าเกิดเขาไม่ได้เป็นคนเก่งคนดังแล้วจะยังมีใครหันมามองเขาแบบนี้อีกไหม



        แต่สิ่งที่ดูจะดีไปซะทุกอย่างสำหรับคนอื่นแล้ว ทว่าสำหรับฮันซ์มันก็แค่ “เปลือก” เพราะเขาคิดว่าวันไหนที่เขาถอดเปลือกนั้นออก พวกคนที่ห้อมล้อมเขาอยู่ตอนนี้ยังจะเหลืออีกไหม ถ้าเขาไม่ใช่นักกีฬาดังมีชื่อเสียงจนเพื่อนๆ อยากจะตีสนิทเพื่อจะได้รับอนิสงค์ด้วย



        นั้นไม่ได้เป็นที่ฮันซ์คิดไปเองแต่เขาก็ฉลาดพอจะสังเกตเห็นได้ด้วยตัวเอง หลายครั้งที่ถูกทำตัวเหมือนเป็นคนนอก หรือไม่ก็หลายหนที่ถูกคนอื่นแสดงท่าทางเกรงใจหรือให้สิทธิ์อะไรเขาบางอย่างโดยที่เขาไม่ต้องการ



        หลายปีที่ฮันซ์หนักใจกับชีวิตที่มีแต่เปลือกจนกระทั่งวันหนึ่งได้มีผู้หญิงคนหนึ่งได้ถามกับเขาในสิ่งที่ไม่เคยมีใครถามมาก่อน



        “คุณฮันซ์กำลังเศร้าอยู่เหรอค่ะ”เสียงเซร่าถามขึ้นด้วยดวงตาที่เหมือนกับได้มองทะลุเข้าไปในใจของเขา



        “...........”ไม่มีคำตอบใดออกมาจากปากเขาเลย ไม่ใช่เพราะโกรธหรือไม่พอใจที่ถูกถามแบบนี้ แต่เขากำลังตกใจและดีใจจนไม่รู้ว่าจะหาคำพูดอะไรออกมาดี ได้แต่ปั้นหน้าคิดหนักจนคิ้วขมวดและจ้องเขม็งกลับไป



        เลยกลายเป็นเซร่าที่ตกใจกลัวจนถอยไปชนประตูห้องน้ำหักล้มหงายหลังไปพร้อมกันด้วยท่าทางเหมือนกับเจอแมงสาบ หลังจากนั้นมาฮันซ์ก็คิดว่าเซร่าเป็นคนหนึ่งที่มองเขาจากด้านในแทนที่จะมองแต่เปลือก เพื่อตอบแทนมิตรภาพเล็กๆ ของเขากับเซร่าเอาไว้ ตั้งแต่นั้นฮันซ์เลยพยายามจะช่วยและเป็นกันชนให้กับเซล่าเพื่อไม่ให้ถูกคนคนอื่นแกล้ง



        แต่ยิ่งพอฮันซ์ได้รู้จักกับเซร่ามากขึ้นเขาก็เริ่มเห็นข้อดีของเธอตามมาเรื่อยๆ อย่างเช่น การเป็นคนที่ยิ้มรับได้กับทุกสถานการณ์ จะว่าเป็นคนใจเย็นหรือเป็นคนที่ไม่ทุกข์ร้อนอะไรก็ตามที่เถอะ แต่ฮันซ์ก็รู้สึกนับถือและชอบจุดนี้ของเซล่ามากเพราะถ้าเป็นเขามีใครมาแกล้งแบบที่เซร่าโดนล่ะก็คนนั้นได้เป็นศพขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์เช้าวันรุ่งขึ้นแน่ๆ



        อีกเรื่องหนึ่งที่ฮันซ์เห็นในตัวของเซร่าก็คือ จิตนาการอันแสนสนุก เซร่าจะเล่าเรื่องการ์ตูนที่อ่านหรือที่พึ่งดูมาให้ฟังในแบบของเธอ ซึ่งมีมุมมองและแนวความคิดที่ทำให้คนฟังรู้สึกสนุกและเข้าใจได้มากขึ้นมากกว่าอ่านเองซะอีก โดยที่เซร่าไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของฮันซ์นั้นถูกซ่อนอยู่หลังประตูห้องน้ำที่กั้นระหว่างเธอกับเขาเอาไว้



                    .....................



        “อานิต้า”ฮันซ์ที่พึ่งเดินสวนกับน้องสาวหน้าห้องเรียนร้องทักขึ้น



        “มีอะไรพี่ คนยิ่งรีบๆ อยู่”อานิต้าพูดเสียงกระด้าง



        “.........เปล่า ไม่มีอะไร”ฮันซ์กำลังนึกอยู่ว่าน่าจะห้ามไม่ให้อานิต้าไปแกล้งเซร่าอีกแต่ก็เปลี่ยนใจ เพราะขืนเขาเป็นคนออกปากห้ามไปแบบนั้นจะยิ่งเป็นการเติมไฟให้อานิต้ารู้สึกหมั่นไส้ในตัวของเซร่าจนอยากแกล้งหนักกว่าเดิมเป็นแน่



        “..........มีแต่ต้องขึ้นรถคันเดียวล่ะมั่ง”ฮันซ์นึกในใจขณะพยายามหาทางช่วยเซร่าโดยหารู้ไม่ว่านั้นเป็นวิธีที่จะทำให้เธอรู้สึกแย่หนักกว่าเดิม



                    ..........................



        อีกวันที่ฮันซ์กลับมาบ้านและตรงขึ้นห้องนอนพร้อมกับอาหารเต็มจาน ด้วยที่พ่อของเขาต้องทำงานจนดึกเลยไม่มีเวลาให้ส่วนแม่ก็ชอบแสดงท่าทางที่เหมือนกับฮันซ์เป็นเด็กอายุ 5 ขวบเลยทำให้เขาอึดอัดที่จะคุยด้วย



        ทั้งๆ ที่ในห้องนอนของฮันซ์นั้นแทบจะว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย นอกจากโต๊ะเขียนหนังสือตัวหนึ่งกับตู้เสื้อผ้าและชั้นหนังสือ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นฮันซ์ก็ชอบจะหมกตัวอยู่แต่ในห้องจนใครๆ คิดว่าเขาขยันท่องหนังสือ



        ทว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่เลย พอจัดแจ้งกับอาหารจนเต็มท้องแล้วฮันซ์ก็จะรีบอาบน้ำและกลับมาทิ้งตัวลงบนเตียงทันทีตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินด้วยซ้ำ แต่สำหรับฮันซ์แล้วยิ่งได้เข้านอนเร็วแค่ไหนเวลาที่เขาจะได้หลุดออกจากโลกที่น่าเบื่อนี้ก็จะยิ่งเร็วมากขึ้นเท่านั้น เพราะนี้เป็นเวลาแห่งโลกของ ทรีเอ็น



                    ............................



        “ชิ ได้แค่ 10 ชั่วโมงเองเหรอ”ฮันซ์ร้องอย่างไม่พอใจเมื่อเข้ามาในโลกแห่งฝันแล้วก้มดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ



        “แหมๆ คนอื่นเขาได้แค่ 6 ชั่วโมงเองนะ”เสียงทัวรีนัวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะเกาะอยู่หลังเก้าอี้ปุน่วมรูปเปลือกไข่ที่ฮันซ์นั่งอยู่



        “อย่ามามั่วเลย กิมม่า ฉันรู้นะลิมิตของ เมมเบอร์อยู่ที่ 12 ชั่วโมง”ฮันซ์กล่าวพลางลุกจากเก้าอี้และเดินไปที่กำแพงห้องแทนที่จะเป็นที่บันไดแต่จู่ๆ ที่กำลังก็กลายเป็นประตูซึ่งพาฮันซ์ออกมายังหลังร้านเหล้าเงียบๆ แห่งหนึ่งได้ในทันที



        “นั้นสำหรับ มาสเตอร์เมมเบอร์เท่านั้น ว่าแต่ชั่วโมงที่ได้เพิ่มมานี้คงไม่ได้เข้าไปทำอะไรกับระบบของทรีเอ็นมาเองนะ”เอกริสม่าถามราวกับเตือนฮันซ์กลายๆ



        “ฉันไม่โง่ขนาดนั้นหรอก ชั่วโมงที่ได้เพิ่มมาฉันทำตามเงื่อนไขหมด ไม่เชื่อก็ไปตรวจดูเอาเอง”ฮันซ์เอ่ยต่อขณะยื่นมือไปที่กำแพงอีกครั้งแต่คราวนี้มันกลายเป็นช่องเก็บของเล็กๆ เปิดออกมาและมีโนตบุ๊คสีเทาวางไว้อยู่ด้านใน



        “ดูเหมือนจะใช้พลังได้คล่องดีแล้วนี้”เอกริสม่าที่ยืนดูอยู่เงียบๆ ร้องชมขึ้นมา



        “.............กิมม่า ทำไมฉันถึงไม่ได้เป็นมาสเตอร์เมมเบอร์ล่ะทั้งๆ ที่ฉันก็เป็นผู้ถูกเลือกร้อยคนแรกตามเงื่อนไขเหมือนกัน”ฮันซ์ถามขึ้นลอยๆ ขณะคีย์ข้อมูลในโนตบุ๊คอย่างรวดเร็ว



        “เรื่องนั้นเพราะว่า แกน สั่งห้ามไว้ครับ คำสั่งห้ามละเมิดเกี่ยวกับมาสเตอร์ซี๊ด”เอกริสม่ายิ้มตอบ



        “งั้นอีกเรื่อง ปกติทัวรีนัวจะมี พาที (ผู้มาใหม่) ได้เพียงหนึ่งคนจนกว่าจะครบ 1 ปีถึงจะรับ พาที คนใหม่ได้ถูกไหม.........แต่ทำไมนายถึงได้มี พาที ถึงสองคนล่ะ กิมม่า”ฮันซ์ถามขณะชำเหลืองตาขึ้นมาจากโน้ตบุ๊คเพื่อจ้องจับผิดเอกริสม่า



        “ก็กฎข้อเดิม เกี่ยวกับผู้ครอบครองมาสเตอร์ สำหรับคุณเป็นพาทีฉันมาตั้ง 2 ปีกว่าแล้วก็ถือว่า หมดหน้าที่กับคุณ ส่วนสำหรับโรส เธอเองก็เป็นผู้ครอบครองมาสเตอร์ซี๊ดเหมือนกัน ตามกฎแล้วถือว่าเป็นบุคคลที่อยู่นอกระบบไม่นับรวมกับการรับพาทีคนใหม่ เพราะงั้นตอนนี้ถึงฉันพึ่งเป็นทัวรีนัวให้กับโรสมาได้แค่ 5 เดือนแต่ว่าก็ยังสามารถรับ พาที คนอื่นได้อีกคนอยู่”เอกริสม่าตอบอย่างไม่ติดขัดราวกับท่องบทพูดไว้จนขึ้นใจ



        “คนใหม่นายก็จะให้มาสเตอร์ซี๊ดเม็ดสุดท้ายด้วยหรือเปล่า”ฮันซ์ถามต่อแต่ก็หันกลับมาจ้องโน้ตบุ๊คตามเดิม



        “ไม่”คำตอบของเอกรีสม่าทำให้ฮันซ์ตาลุกวาวขึ้นมาทันที



        “งั้นขอฉันได้ไหม มาสเตอร์ซี๊ดเม็ดสุดท้ายนั้น ขอให้ฉันเถอะ”ฮันซ์รีบลุกขึ้นเดิมาขอด้วยท่าทางอยากได้ทันที



        “..........คุณมีแล้วนี้”เอกรีสม่าถามโดยยังคงรักษารอยยิ้มที่ใบหน้าอยู่



        “ไม่...............ช่างเถอะ ถือว่าฉันไม่ได้พูดล่ะกัน”ฮันซ์พอนึกขึ้นได้ว่าไม่สมควรบอกเลยทำเป็นไม่มีอะไร



        “การนำซี๊ดออกนอกทรีเอ็นถือเป็นความผิดร้ายแรง ยิ่งถ้าเป็นมาสเตอร์ซี๊ดแล้วด้วย โทษมันคงไม่แค่ไล่ออกจากทรีเอ็นหรอกนะ”เอกรีสม่าพูดราวกับรู้ว่าฮันซ์กำลังจะทำอะไร



        “รู้มากสมกับเป็นนายเลยนะ กิมม่า แต่ว่าถ้ารู้แล้วทำไมถึงไม่คิดจะห้ามฉันเลยล่ะ แล้วนี้คงรู้สินะว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่”ฮันซ์หันกลับมายิ้มมุมปากให้กับเอกริสม่า แต่ก็ยังมีอาการของการหวั่นเกรงอยู่เหมือนกัน



        “คิดว่ารู้นะ เพื่อเมื่อเร็วๆ นี้มีคนเข้าไปขโมยข้อมูลการสร้างซี๊ด คิดๆ ดูข้อมูลระดับนั้นถ้าไม่ใช่พลังของคุณแล้วล่ะก็ ไม่มีใครเข้าไปเอาได้แน่ๆ ส่วนเรื่องห้ามฉันคงไม่ห้ามหรอก.......ไม่งั้นจะมอบมาสเตอร์ซี๊ดเม็ดนั้นให้คุณทำไมกันล่ะ”เอกรีสม่าพูดพลางขยับหมวกลงมาปิดหน้าและฉีกยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม



        “ต้องแบบนั้นสิ คอยสมกับเป็นคนที่รุ่นพี่ฉันที่เสียไปแนะนำให้มาเป็นทัวรีนัวให้”ฮันซ์หัวเราะเพราะเมื่อได้ยินแบบนี้ก็เท่ากับว่างานของเขายังราบรื่นอยู่



        “ไม่หรอก ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า มาสเตอร์ซี๊ดจ้าวแห่งกุญแจ จะสามารถไขความลับทุกอย่างในทรีเอ็นนี้ได้หรือเปล่า ฉันหวังไว้กับคุณมากนะ..........มาสเตอร์คีย์.........แจ๊ค”



                    ................................



        มาสเตอร์ซี๊ดจ้าวแห่งกุญแจคือสิ่งที่มอบพลังในการเปิดทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะในโลกของทรีเอ็นทุกอย่างคือข้อมูลที่ถูกส่งมาจากซี๊ดซึ่งทุกกินเข้าไปตรงมายังที่แห่งนี้ แต่ในข้อมูลที่ถูกส่งมานั้นเพื่อให้ปรับสภาพให้เข้ากับของคนอื่นได้เลยจำเป็นต้องมีข้อมูลตัวกลางซึ่งเรียกกันในชื่อ เมมเฟรม



        และข้อมูลตัวกลางนี้เองก็ได้ถูกก๊อปปี้สร้างขึ้นมาเป็นมาสเตอร์ซี๊ดจ้าวแห่งกุญแจที่ใช้เปิดเข้าสู่ระบบข้อมูลที่จัดเรียงตัวจนกลายเป็นโลกทรีเอ็นขึ้นมาได้ แต่นั้นก็ยังมีขีดจำกัดของมันอยู่เพราะสมองของมนุษย์ไม่สามารถรับข้อมูลจากคนจำนวนมากได้เหมือนกับฐานข้อมูลหลักในทรีเอ็นซึ่งเปรียบได้กับซูปเปอร์คอมพิวเตอร์หลายร้อยเครื่อง



        “จุดที่อันตรายของพลังเราคือการไหลของข้อมูลที่ส่งตัวเข้าสู่ตัวเอง เพราะเราไม่สามารถรับข้อมูลโดยตรงเข้าสู่ตัวเองได้ แต่มันมีวิธีใช้อีกหลายทาง อย่างเช่น เชื่อมโยงข้อมูลบางส่วนเข้าด้วยกัน”อ้างอิงได้จากที่ฮันซ์ใช้พลังของตัวเองสร้างประตูจากที่หนึ่งเพื่อพาตัวเองไปยังอีกที่หนึ่ง หรือใช้มันพลังของตัวเองเปิดรหัสลับเพื่อเข้าดูข้อมูลลับในการสร้างซี๊ดได้



        “แจ๊ค ทำไมคุณถึงได้ยึดติดกับโลกแห่งนี้จังเลย ก็อยู่มานานจนรู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าว่าที่นี้มันเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น ยิ่งใช้ชีวิตในนี้นานเท่าไรโลกข้างนอกก็จะยิ่งจืดจางลงตาม ปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอ”เอกริสม่าเอ่ยขึ้นหลังจากที่ยืนนิ่งดูแจ็คอยู่นาน



        “นั้นสินะ ยิ่งวันฉันก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตในความเป็นจริงมากขึ้นทุกวัน แต่ว่าความรู้สึกนั้นนะมันก่อนที่ฉันจะได้เข้ามาในทรีเอ็นซะอีก เพราะงั้นถ้าเกิดวันใดที่ฉันต้องกลายเป็นข้อมูลตกค้างในนี้ไปตลอดกาลก็คงไม่น่าแปลกอะไร และก็นะ..........บางทีนั้นอาจทำให้ฉันเข้าใกล้ อีกด้าน ของทรีเอ็นมากขึ้นก็ได้”แจ๊คบอกแต่ท่าทางก็บอกว่ากำลังคิดมากกับเรื่องนี้อยู่ถึงขนาดหยุดการกระทำทุกอย่างลงทันที



        “คงยากหน่อยล่ะ เพราะ แกน ไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่.......โดยเฉพาะกับคุณ”เอกริสม่าขยับหมวกราวกับตั้งใจจะให้มันบดบังเสียงตัวเองเอาไว้พร้อมกับใบหน้า



        “เหอะๆ โดยเฉพาะกับฉันงั้นเหรอ พูดซะอย่างกับรู้จักมักคุ้นกันงั้นล่ะ..........เอ๋!!?? เดี๋ยวก่อน นายพูดแบบนี้เหมือนกับแกนรู้จักฉันอย่างนั้นล่ะ ตกลง แกน เป็นใครกันแน่”แจ๊คหยุดจากการลักลอบหาข้อมูลจากโน้ตบุ๊คพลางหันมาสนใจเอกรีสม่าแบบตั้งใจเป็นครั้งแรก



        “แกน ก็คือ แกนกลางที่สร้างโลกของทรีเอ็นขึ้นมา เพราะงั้นเราถึงเรียกเขาว่าแกน และแบบนั้นล่ะเขาถึงได้รู้ทุกเรื่องในทรีเอ็นด้วย”เอกรีสม่าตอบ



        “ช้าก่อน ไหนเคยบอกฉันว่าผู้ที่ปกครองโลกทรีเอ็นอยู่ก็คือ ราชินีไร้สำนึก เอวา ไง แล้วไหนมี แกน โผล่มาอีกคนล่ะ”แจ๊คขัดขึ้นมา



        “เอวาคือผู้ปกครอง แต่ แกน คือผู้สร้าง”เอกรีสม่าตอบอย่างไม่ติดขัด



        “แบบนี้เอง.............งั้นโครงสร้างต่างๆ ในทรีเอ็น ก็มาจาก แกน สินะ ถ้าเป็นแบบนั้น...........”แจ๊คนึกอะไรขึ้นมาได้เลยรี่ตาไปจ้องเอกรีสม่า



        “ขอฉันพบ แกน”แจ๊คขอแต่ก็เหมือนกับข่มขู่



        “ทำไม่ได้”เอกรีสม่าตอบในทันใด



        “เพราะอะไรล่ะ ไหนบอกว่าฉันสามารถไปได้ทุกทีในทรีเอ็นไง แค่บอกว่าก็ได้ว่า แกน อยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันไปหาเองก็ได้”แจ๊คเริ่มร้อนใจ



        “บอกก็ได้..........แต่ว่า”เอกรีสม่าบอกพลางยื่นนิ้วมาแตะที่หน้าอกของแจ๊ค



        “ฉันคงต้องจัดการลบคุณออกจากระบบทันทีที่บอกไป”คำพูดของเอกรีสม่าไม่มีท่าทางล้อเล่นอยู่เลย ถึงกับทำเอาแจ๊คเหงื่อตกออกมาแบบไม่รู้ตัว



        “นายทำได้เหรอ ทัวรีนัว ไม่มีหน้าที่แบบนั้นนะ แล้วก็อย่าลืมซะล่ะว่า ฉันเองก็มีพลังของมาสเตอร์ซี๊ดอยู่ด้วย”แจ๊คทำใจกล้าท้าสู้แต่บางอย่างบอกกับเขาว่าตรงหน้านั้นคือสิ่งอันตรายที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา



        “แต่ในกฎก็ไม่มีบอกว่า ทัวรีนัว ไม่มีสิทธิ์จะลบใครสักคนให้หายไปซะด้วยนะ อีกอย่างฉันก็เก่งซะด้วยสิ คุณก็น่าจะรู้นะแจ๊คหรืออยากจะลองสู้กับฉันดูอีกครั้งล่ะ”คำพูดของเอกริสม่าทำให้นึกถึงเรื่องที่เลวร้ายขึ้นได้ครั้งแรกที่เขาได้รับมาสเตอร์ซี๊ดมาและคิดจะลองของกับทัวรีนัวดู



        “คงไม่ฉลาดเลยสินะ ที่คิดจะลงมือกับนาย”แจ๊คถามไปแต่เอกริสม่าเพียงยิ้มกลับมาเหมือนกับจะบอกว่านั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว



        “ถ้าแบบนั้น นายบอกอะไรเกี่ยวกับแกนให้ฉันรู้ได้บ้างล่ะ”แจ๊คยังคงไม่ยอมแพ้หาทางเรียบเคียงถามต่อเรื่อยๆ



        “สิ่งที่ฉันบอกได้ก็บอกไปหมดแล้ว”



        “เจ้าบ้า ไอ้นู้นก็บอกไม่ได้ไอ้นี้ก็ห้าม แล้วแกจะให้ฉันไขความลับสุดท้ายแห่งทรีเอ็นได้อย่างไงกันล่ะ บอกมาสิ ทัวรีนัว เอกริสม่า”แจ๊คตะโกนและกระชากคอเสื้อของเอกริสม่าอย่างโกรธสุดๆ



        “ก็นั้นคือความตื่นเต้นท้าทายที่คุณแสวงหาอยู่ไม่ใช่หรือไง แจ๊ค”เสียงที่เสียดแทงเข้าไปในใจเล่นเอาแจ๊คมืออ่อนจนต้องปล่อยเสื้อของเอกริสม่าที่เขากระชากขึ้นมาลงทันที



        “วันนี้คุณดูเครียดๆ ฉันว่าปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวท่าจะดีกว่า”เอกริสม่าขยับหมวกปีกของเขาให้เขาที่



        “จะไปไหนก็ไปเถอะ”แจ๊คร้องไล่อย่างไม่สนใจ



        “จริงสิ เกือบลืมนี้เลย”เอกริสม่าทำท่านึกขึ้นได้ก่อนจะล้วงเอากระเป๋าเป้ออกมาจากเสื้อโคตรสีดำตัวใหญ่และโยนลงบนลังไม้ตรงหน้าของแจ๊คซึ่งพอเขาเห็นก็รู้ในทันทีว่ามันเป็นของเขาที่ให้คนอื่นไปเพื่อให้นำของข้างในไปสู่โลกความเป็นจริง



        “ระวังหน่อยสิแจ๊ค ถ้าเกิดทัวรีนัวคนอื่นหรือพวกทัวทีเนียมาเจอมันคงไม่จบง่ายๆ หรอกนะ แล้วก็น่ะพวกซี๊ดที่คุณสร้างมาพวกนี้นะ มันนำออกนอกทรีเอ็นไม่ได้หรอกนะ เพราะนี้ใกล้เคียงกับของจริงมากที่เดียวเพราะงั้นมันจึ่งมีการป้องกันไม่ให้หลุดรอดออกไปจากทรีเอ็นไว้อย่างหนาแน่น”เอกริสม่าพูดจบก็ใช้มือแตะไปที่กระเป๋าอีกครั้งจนมันสลายกลายเป็นละอองแสงเหมือนกับหิ้งห้อยลอยหายขึ้นในอากาศ



        “ก็พยายามต่อไปนะ ฉันกำลังเฝ้ามองความสำเร็จของคุณอยู่”หลังจากเสร็จเรื่องแล้วเอกริสม่าก็เดินหายไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้แจ๊คยืนตัวสั่นเทาด้วยความโกรธจัด



        “โธ่เว้ย~~~ ต้องเริ่มต้นใหม่อีกแล้วเหรอ”เขาเริ่มระบายความโกรธออกมาโดยการขว้างปาทำลายทุกสิ่งที่คว้าฉวยได้



        “อุตสาห์คิดว่าสร้างซี๊ดและหาทางนำมันออกไปสู่โลกความเป็นจริงได้แล้วเชี่ยว อีกเพียงก้าวเดียวเราก็สามารถพาทริซมาสู่ทรีเอ็นได้แล้วเชี่ยว อีกก้าวเดียวแท้ๆ”หลังจากแจ๊คอาราวาดจนเหนื่อยหอบเขาก็เริ่มสงบสติอารมณ์ได้ และนั่งลงใช้ความคิดอย่างเยือกเย็นอีกครั้ง



        “ต่อให้ต้องล้มเหลวพันหน หรือต้องให้เริ่มใหม่หมื่นครั้ง แต่ฉันก็ต้องทำต่อไปรุ่นพี่ครับผมจะทำรักษาสัญญานั้นไว้ให้ได้”



        “............ต้องแบบนั้น ลุกขึ้นและเดินต่อไปตามทางเถอะ”เอกริสม่าที่ยืนดูแจ๊คอยู่บนเสาไฟหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างพอใจ ก่อนจะหันไปมองที่ห้องรับแขกซึ่งตอนนี้เขารู้ว่ากำลังมีพาทีของเขาสองคนพึ่งมาถึง



        “แต่แบบนี้ผู้ถูกเลือกทั้งหมดก็มากันครบแล้วสินะ ฮิๆๆ เริ่มสนุกแล้วสิ”เอกริสม่าคิดอย่างขำขันก่อนจะหายตัวไปอย่างเงียบกริบ



                    ............................



        “ไม่ไหวแฮะ ถึงจะบอกว่ามีกุญแจที่จะไขเอาข้อมูลทุกอย่างมาได้ก็เถอะ แต่ว่าข้อมูลมันเปลี่ยนไปทุกวันแบบนี้จะตามสิ่งที่หาเจอได้อย่างไงกัน”แจ๊คร้องพลางขยี้หัวตัวเองเพื่อมันเริ่มตื้อไปหมดแล้วหลังจากนั่งจ้องโนตบุ๊คมาเกือบสองชั่วโมง



        “ซี๊ดที่เราสร้างนำออกไปไม่ได้เหรอ หมายความว่าไงกันนะ ก็ปกติพวกทัวรีนัวจะต้องนำซี๊ดออกไปยังโลกความเป็นจริงเพื่อให้ผู้ถูกเลือกกินถึงจะทำการ เชื่อมต่อ กับที่นี้ได้.........หรือว่าซี๊ดที่เราสร้างยังขาดอะไรไป ไม่ใช่สิ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ซี๊ด แต่อยู่ที่ผู้จะนำออกไปแทน อ้อ!!?? แบบนี้เอง ต้องเป็นทัวรีนัวถึงจะนำซี๊ดออกไปได้สินะ”แจ๊คดีดตัวลุกขึ้นหลังจากคิดขึ้นได้



        “แต่ว่าถึงจะรู้แบบนี้ก็ยิ่งมืดมนกว่าเดิมอีก ทัวรีนัวที่พอพึ่งได้ก็มีแต่เจ้ากิมม่า ซึ่งมันไม่ยอมให้ความร่วมมือซะด้วย จะทำอย่างไงดีหว่า...............หรือว่า เราจะต้องเป็นทัวรีนัวซะเอง”พอคิดถึงตรงนี้แจ๊คก็ทำสีหน้าเศร้าซึมขึ้นมาราวกับนึกถึงเรื่องที่แย่ๆ อยู่



        “ไม่ไหวแล้วแฮะ ในหัวมึนไปหมดเลย วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า”แจ๊คส่ายหน้าไล่ความยุ่งเหยิงในหัวออกไปก่อนจะคิดเข้าไปเปลี่ยนบรรยากาศในเมืองดูแทนเลยเปิดประตูเพื่อพาตัวเองไปสู่ถนนโดยไม่ต้องเดินให้เสียเวลา



        “ถึงจะออกมาที่มีคนอยู่เยอะแล้วก็เถอะนะ แต่มันก็ต่างจากโลกข้างนอกเลยไม่ใช่หรือไงเนี่ย”แจ๊คบ่นกับตัวเองขณะนั่งพักที่ร้านกาแฟนข้างทางแห่งหนึ่งในเขตกิลเลี่ยนพลางจ้องมองผู้คนที่จับกลุ่มคุยกันร่าเริง



        “ที่เขตด้านนอกเราก็ไปอารวาดไว้ซะเยอะจนรู้จักกันไปทั่วแล้ว คงจะไปแกล้งหาเรื่องให้มาอัดแก้เซงก็คงยากแล้ว........สุดท้ายเราก็มีแต่ต้องมาคิดเรื่องไขความลับของทรีเอ็นต่ออยู่ดีล่ะนะ”แจ๊คถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ



        “ไม่ว่าอย่างไงก็ต้องไปหา แกน อย่างเดียวนะล่ะก็เขาเป็นคนสร้างที่นี้ขึ้นมานี้นะ แต่ถ้าเป็นคนที่อยู่ในเขตรอบนอกหรือเขตกิลเลี่ยนเราก็น่าจะหาข้อมูลจากชื่อได้ แต่นี้ไม่มีอะไรเลย ก็แปลว่า ไม่ได้อยู่ทั้งรอบนอกและในกิลเลี่ยน แบบนั้นเขาอยู่ไหนกันล่ะ”ระหว่างที่ในหัวของแจ๊คกำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงอยู่สายตาเขาก็มีร่างของชายหนุ่มหน้ามลผมสีแดงแป๊ดเดินตัดหน้าไป นั้นทำให้เขาต้องรีบลุกขึ้นและร้องเรียกทั้งสองเอาไว้



        “ช้าก่อน พี่น้องสตริงเกอร์”



        “โอ๋ ดูสิเราเจอใครน้องรัก”สตริงเกอร์คนพี่ร้องบอกน้องชายขณะหันกลับมามองหน้าแจ๊คที่เป็นเด็กหนุ่มผมยาวสีดำสนิทดวงตาคมเข้มรูปร่างสง่าและแข็งแรง



        “เสียงแบบนี้จะเป็นใครได้นอกจากแจ๊ค ผู้เลื่องชื่อ จริงไหมพี่ชาย”สตริงเกอร์คนน้องบอกโดยไม่ต้องหันกลับมามอง



        “มานั่งคุยกันก่อนสิ”แจ๊คเชิญอย่างสุภาพซึ่งพี่น้องคู่นี้ก็ไม่คิดจะปฎิเสธเลย



        “มีอะไรให้พวกเราสตริงเกอร์รับใช้ครับ ท่านแจ๊คผู้เลื่องชื่อ”คำพูดแดกดันเริ่มต้นทันที



        “อย่ามากวนน่า ว่าแต่พวกนายมีข่าวอะไรใหม่ๆ บ้างไหมตอนนี้”แจ๊ครีบถามเข้าเรื่องอย่างไม่รอช้า แต่พี่น้องสตริงเกอร์ก็เพียงหันมามองหน้ากันและยักไหล่ให้



        “ก็มีแต่เรื่องข่าวซี๊ดปลอมรั่วไหลอยู่ในทรีเอ็นล่ะมั่ง”สตริงเกอร์คนพี่ตอบ



        “นั้นเป็นฝีมือฉันเอง เอาเรื่องอื่น”แจ๊คตอบพลางคว้าแก้วที่ใส่กาแฟขึ้นมาดื่มราวกับพึ่งบอกสารทุกข์สุกดิบตามปกติ



        “ก็ไม่มีอะไรนะ สัปดาห์นี้มีพวกติดค้างจนกลายเป็นเรื่องขนาดที่ทัวทีเนียระดับเงาออกโรงเองอยู่หนหนึ่ง คนที่ก่อเรื่องมีชื่อว่า โรส แต่รายละเอียดพวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน”



        “โรส หรือว่าจะเป็นโรสที่เป็นผู้มีมาสเตอร์ซี๊ดอีกคนที่กิมม่าเคยเล่าให้ฟัง”แจ๊คนึกในใจด้วยสีหน้าสงบราวไม่แสดงท่าทางว่ารู้จักออกมาให้ทั้งสองพี่น้องสตริงเกอร์ที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ผิดสังเกตขึ้นมา



        “แล้ว พาที ที่เข้ามาใหม่ล่ะ”แจ๊คเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อเปลี่ยนประเด็นไปจากเรื่องใกล้ตัว



        “ก็เยอะเหมือนเดิมนั้นล่ะ แต่คราวนี้ก็มีพวกแปลกๆ หลุดเข้ามาด้วยเหมือนกัน”พอพูดถึงเรื่องนี้สตริงเกอร์คนน้องก็แสดงท่าทีสนใจมาอย่างออกนอกหน้าพร้อมกับหยิบรูปของเด็กหนุ่มคนหนึ่งออกมาให้แจ๊คดูด้วย



        “แปลก?? แปลกอย่างไงเหรอ”แจ๊คถามขณะมองดูรูปที่ก็ไม่เห็นว่าเด็กคนนี้ต่างคนปกติตรงไหน



        “ไม่แปลกได้ไงก็พอเข้ามาวันแรกก็ไปมีเรื่องกับทัวทีเนียระดับเงาเลย เห็นว่าถูกซัดเข้าด้วยนะแต่อีกวันก็กลับเข้ามาเดินปร๋อเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี้ล่ะแปลกแล้ว”



        “ไปมีเรื่องกับทัวทีเนียระดับเงาเหรอ..........โรส เองก็มีเรื่องเร็วๆ นี้เหมือนกัน หรือว่า........”แจ๊ควางแก้วลงและขยับหน้าเข้ามากระซิบถามพี่น้องสตริงเกอร์ต่ออย่างระวัง



        “ทั้งสองคนนี้มีทัวรีนัวคนเดียวกันใช่ไหม”คำถามของแจ๊คทำเอาสองพี่น้องอึ้งไปครู่หนึ่ง



        “........ขอเวลา สองวัน แล้วจะกลับมาบอก”สองพี่น้องสตริงเกอร์บอกเสร็จก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่แจ๊ครีบร้องทักไว้อีกครั้ง



        “เดี๋ยวก่อน มีอีกเรื่องที่ฉันอยากให้พวกนายไปตรวจสอบดูให้หน่อย”แจ๊คลุกขึ้นมาและเดินไปกระซิบถึงหูเลยในคราวนี้



        “ช่วยไปหาข้อมูลเกี่ยวกับ แกน มาให้ฉัน เอาทุกอย่างที่เกี่ยวกับ แกน ไม่ว่าจะเล็กแค่ไหน”แจ๊คบอกเสร็จก็กลับลงมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม



        “คนระดับแจ๊คถึงมาออกปากแบบนี้ แสดงว่าคงเป็นเรื่องลึกลับน่าดูเลยสินะ”



        “ใช่ ระดับความลับสุดยอดเลยล่ะ แต่คงไม่พ้นความสามารถในการหาข่าววงในของพวกนายทั้งสองคนล่ะมั่ง”แจ๊คพูดแกลมประชด



        “ค่าข่าวแพงนะ”พี่น้องสตริงเกอร์ฉีกยิ้มอย่างหิวเงิน



        “เรื่องเงินไม่ต้องห่วง หาข่าวมาให้ได้ล่ะกัน”แจ๊คย้ำเสร็จแล้วพี่น้องสตริงเกอร์ก็เดินหายเข้าไปในกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว



        “จริงๆ เรื่องพาทีคนใหม่ถามจากกิมม่าก็ได้นิน่ะ แต่ลองเกิดเรื่องแบบนี้เจ้านั้นคงปิดปากเงียบและตีหน้าใสซื่อไม่รู้เรื่องด้วยอีกแน่ ให้สองคนนั้นไปสืบดูน่าจะดีที่สุดแล้ว........นี้ถ้าได้เรื่อง แกน ติดมาด้วยก็ดีสินะ”แจ๊คคิดโดยพยายามไม่หวังอะไรมากนัก แต่ระวังใช้ ความคิดอยู่เพลินๆ สายตาเขาก็เหลือบลงมาเห็นรูปเด็กหนุ่มที่มาใหม่อยู่บนโต๊ะซึ่งพวกพี่น้องสตริงเกอร์ลืมเก็บไปด้วยวางไว้



        “ไหนๆ วันนี้ก็ว่าง ลองไปดูหน่อยก็คงไม่เป็นไรมั่ง”แจ๊คนึกสนุกขึ้นมาเลยลุกขึ้นเพื่อออกตามหาพาทีในรูปดูทันที



        “ถึงจะบอกว่าอยากจะเจอก็เถอะนะ แต่ไม่รู้จักชื่อแบบนี้ต่อให้มีพลังของกุญแจอยู่ก็คงหาตัวไม่ได้แน่”แจ๊คเดินไปเรื่อยๆ ขณะใช้ความคิดในการตามหาตัวของพาทีดู



        “จริงนะ เจ้านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรสก็แปลว่าเวลาในการเชื่อมต่อก็น่าจะไล่ๆ กัน ถ้าดูจากส่วนของเวลานั้นก็คงตีวงให้แคบลงมาได้”แจ๊คไม่คิดเฉยๆ แต่กลับดึงเอาโน้ตบุ๊คออกมาจากกระเป๋าของคนที่พึ่งเดินผ่านมาได้โดยที่เจ้าตัวก็ยังหันมามองแจ๊คอย่างงงๆ ว่า เขาเอามันไปได้อย่างไงก็ในเมื่อตัวเองไม่เคยมีโน้ตบุ๊คนั้นมาก่อน

        

        “อืม มีเป็นพันเลยเหรอเนี่ยเยอะแฮะ งั้นลองเปรียบเทียบกับหน้าดูล่ะกัน”ไม่ช้าโน้ตบุ๊คก็แสดงหน้าของคนที่มาใหม่ขึ้นมาและเปลี่ยนไล่ไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดที่หน้าของเด็กหนุ่มซึ่งแจ๊คตามหาตัวอยู่



        “เจอล่ะ ชื่อ เมจิก งั้นเหรอ ตำแหน่งก็ ฮิๆๆ ใกล้ๆ นี้เอง”แจ๊คยิ้มกริ่มขึ้นมาก่อนจะเปิดประตูขึ้นที่พื้นใต้เท้าตัวเองจนทำให้เขาตกทะลุถนนมายังพื้นที่ด้านล่างอีกชั้นซึ่งเป็นลานสวนย่อมทรงกลมขนาดใหญ่ และเบื้องหน้าเขาก็คือเด็กหนุ่มผมสั้นสีเทาซีดชี้โด่เด่ที่ชื่อเมจิกกำลังยืนดูดไอสกรีมอยู่



        “เมจิก”แจ๊คทักด้วยสีหน้าเฉยๆ ขณะจ้องเมจิกอย่างไม่วางตา



        “ครับ”เมจิกก็ทักตอบอย่างสงสัย เพราะนี้พึ่งเป็นวันที่สามที่เขาได้เข้ามาในทรีเอ็นแถมก็ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกะใครเลยนอกจากทัวรีนัวของเขาเอง แต่ตอนนี้กลับมีชายหนุ่มท่าทางลึกลับยืนตรงหน้าแถมยังเรียกชื่อเขาอีกด้วย



                    ..................................





                                                                       (จบตอน)



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×