ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Dreamsia

    ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องของเซร่า

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 48


    ตอนที่ 2 เรื่องของเซร่า



        “หนูเซร่า สายแล้วนะยังไม่ตื่นเหรอ”เสียงร้องเรียกดังมาจากหน้าห้องนอนของสาวน้อยคนหนึ่งที่ตอนนี้ยังคงซุกตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม



        “ตะ ตื่นแล้วค่ะ”เซร่าตอบพลางเอื้อมมือไปจับนาฬิกาปลุกที่ดังจนเงียบไปนานแล้ว



        “เฮ้ย.........แย่จริงๆ เลยแฮะ เป็นความดันต่ำนี้ไม่สนุกเลย จริงๆ นะเนี่ย”ซาร่าลุกขึ้นมานั่งกุมขมับเพราะอาการวิงเวียนและรู้สึกไม่สดชื่นในตอนเช้าๆ เหมือนคนทั่วไป



        ซาร่าลุกไปเข้าห้องน้ำด้วยสภาพซึมกระทือไม่ใช่เพราะอาการความดันต่ำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ว่าเธอไม่อยากจะก้าวออกจากไปพบกับโลกอีกแห่งที่เรียกว่ามหาลัย เธอเกลียดมันเหรอ ไม่ใช่เหรอ ซาร่าเป็นเด็กรักเรียน แต่ในมหาลัยก็ใช่ว่าจะมีแต่สิ่งนั้นอย่างเดียว



        ด้วยที่เธอเป็นเด็กเรียบร้อยแถมไม่ประสีประสาเลยมักจะตรงเป็นเป้าให้ถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านนี้คุณแม่เลยมักจะทำเหมือนเธอเป็นตุ๊กตาตัวน้อย ทั้งการจับทักเปียหรือเครื่องประดับที่แสนคิกขุซึ่งเธอไม่ค่อยชอบเท่าไรเพราะมันมักจะทำให้เธอถูกเพื่อนๆ ล้อเป็นประจำ



        “........พระเจ้า ทำไมต้องมีวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ แค่สองวันด้วยนะ”เซร่ายืนเอาหัวพิงกระจกในห้องน้ำพลางบ่นออกมาอย่างเศร้าใจ



        “หนูเซร่า รถมาแล้วนะ”เสียงคุณแม่ร้องบอกดังออกมาเลยทำให้เซร่าตาสว่างแล้วรีบวิ่งหน้าตื่นออกจากห้องน้ำรีบขึ้นไปแต่งตัว เธอมีเวลาช่วงเช้าหลังตื่นนอนสั้นเอามากๆ สั้นขนาดไม่มีเวลาทำผม หรือทานอาหารเช้า

        

        เป็นหน้าที่ของผู้เป็นแม่ที่จะต้องเตรียมปิ่นโตอาหารเช้าให้เซร่าไปทานบนรถรับส่งด้วย ถึงปีนี้เธอจะเป็นเด็กมหาลัยแล้วก็ตามแต่ชีวิตทุกอย่างก็คงยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งเรื่องลืมกระเป๋า



        “จ่ายเงินมา ฉันชนะพนันแล้ว ยายเซร่าวันนี้ก็วิ่งหัวฟูแล้วลืมกระเป๋าเหมือนเคยแถมยังใช้เวลาเกิน 10 นาทีกว่าจะมาขึ้นรถ”เพื่อนนักหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างหลังสุดของรถแบมือรับเงินที่พนันไว้กับเพื่อนสาวอีกคนมาพลางจ้องดูเซร่าเดินขึ้นรถมาด้วยสีหน้าตื่นๆ



        “ยายนี้ไม่รู้จักพัฒนาตัวเลยเหรอหรือไงนะ”คนเสียพนันร้องโวยขึ้น



        “ยายตัวนิ่มเนี่ยนะ ทำไมจะไม่รู้จักการพัฒนา เธอนะพัฒนาตัวเองให้ย่ำแย่ลงได้ทุกวันเลยไม่เห็นเหรอ”สาวคนเดิมตอบพลางหัวเราะคิกคักขณะนั่งนับเงิน



        “หวัดดีเซร่า วันนี้ก็สายอีกตามเคยนะ”เพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่พอคุยกับเซร่าได้ร้องทักขึ้นขณะที่กำลังนั่งลงข้างๆ เธอ



        “ขอโทษนะ โนรีน แต่ถ้าให้ฉันลุกจากเตียงเร็วกว่านี้ฉันกลัวว่าจะต้องนั่งรถพยาบาลแทนรถรับส่งแทนแล้วล่ะ”เซร่าบอกขณะปัดปากกาที่คนนั่งเบาะหลังยื่นมาแกล้งม้วนผมเธอ



        “คิกๆๆ เธอนี่ตลกจังเลยนะ”โนรีนหัวเราะขำขันกับท่าทางและคำพูดชวนหัวของเซร่าที่น้อยคนจะสังเกตเห็นได้ แถมเซร่าเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นบุคคลแบบที่โนรีนบอกซะด้วย



        แต่ถ้าจะนับสิ่งมีชีวิตอื่นที่พูดคุยกับเธอได้นอกจากคุณแม่ที่บ้านแล้วก็มีแต่เพื่อนตั้งแต่วัยเด็กอย่างโนรีนนี้ล่ะ เธอเป็นกลุ่มเด็กเรียนดีได้ต่อมหาลัยด้วยโควต้านักเรียนทุน แต่ที่ต่างจากเซร่าชนิดต่างขั้วก็คือเรื่องการบ้านการเรือน ที่ไม่ว่าอะไรโนรีนก็ทำได้ดีไปซะหมด



        ส่วนเรื่องหน้าตาก็ไม่ต้องเอ่ยถึงให้ซ้ำใจ ถ้าเดินด้วยกันจะไม่แปลกใจถ้าคุณจะเห็นคุณหนูหน้าตาสะสวยผมสีทองท่าทางสง่าแลดูสูงศักดิ์กับสาวคนใช้ผมสีน้ำตาลเข้มแถมกระเซอะกระเซิงดวงตาเหม่อลอย ท่าเดินก็ลอกแล่กเหมือนคนขาดความมั่นใจ



        “เซร่าเธอดูบ้านข้างๆ เธอสิ คฤหาสน์หลังเบ่อเริมเลย บ้านของใครกันเหรอ”โนรีนบอกพลางชี้ไปที่บ้านหลังโตที่อยู่ติดกับบ้านของเซร่า



        “บ้านของตระกูล เซียล์ เห็นแม่บอกว่าพวกนี้ทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศนะ ร่ำรวยมากเลย แต่ทีบ้านตอนนี้มีเพียงลูกชายกับสาวใช้อยู่กันสองคนเท่านั้น”เซร่าตอบแบบไม่สนใจพลางหยิบกระจกขึ้นมาส่องดูทรงผมตัวเองก่อนจะขมวดคิ้วชนกัน



        “จริงเหรอ เธอเคยเห็นเขาไหม เป็นอย่างบ้าง อายุเท่าไร หน้าตาหล่อไหม”โนรีนถามแบบกระตื้อรื้อรน



        “ก็อายุพอๆกับฉันนี้ล่ะ เอ่อ จะว่าไปก็เคยเห็นเขาตอนออกไปเที่ยวกับพี่ชายเมื่อสองปีก่อนครั้งหนี่ง โห พูดถึงแล้วนึกขึ้นมาได้เลย เขาทั้งคู่นะหล่อราวกับเทพบุตรเลยล่ะ ผมนี้เป็นสีเงินประหลาดมาก ใบหน้าก็คมแต่งตัวก็ดี มองดูแล้วไม่มีที่ติ”เซร่าบอกพลางค้นเอาหวีในกระเป๋า



        “โห~~~~ เธอไม่หลอกฉันนะ”โนรีนจับเซร่าเขย่าเป็นการใหญ่



        “ใช่ฉันไม่หลอกเธอหรอก แต่ว่าพี่ชายเขาตายเพราะอุบัติรถยนต์คราวนั้น ส่วนคนน้องก็ขาพิการเดินไม่ได้ เอ๋ นี้ฉันบอกเธอไปยังว่าคนน้องเขาตาบอดและเป็นใบ้มาตั้งแต่เกิด”เซร่าบอกหน้าตาย ส่วนโนรีนเองก็แข็งกลายเป็นหินไปในทันที ก่อนจะตั้งสติได้และหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านและไม่ถามอะไรเกี่ยวกับตระกูลเซียล์อีกเลย



        พอโนรีนเงียบไปเซร่าก็หันมาจัดการกับเศษก้านของหวีที่มันหักติดผมเธอ หลายครั้งแล้วที่เธอคิดจะเปลี่ยนไปใช้หวีเหล็กถ้ามันไม่ทำให้ผมเธอฟูเป็นฝอยขัดหม้อ แต่ไม่ว่าเซร่าจะทำอะไรเธอก็คอยระวังตัวจากการถูกหัวเราะเยาะและการกลั่นแกล้งจากสมาคมผู้ชื่นชอบการกลั่นแกล้งเซร่า หรือ ที่เรียกกันย่อๆ ว่า สซก.



    สมาคมนี้ประกอบไปด้วยบุคลากรมากมายหลากหลายสาขาการกลั่นแกล้ง ประกอบไปด้วยผู้นำสมาคม หญิงเลิศแห่งยุคสาวผิดแทนสุดเปรี้ยวผู้หาเงินเป็นกอบเป็นกำได้จากความทุกข์ของเซร่า เธอชื่ออานิต้า ส่วนจะหาเธอได้จากที่ไหนนะเหรอ ก็หันไปมองหลังรถสิ มีอยู่คนเดียวนะล่ะที่ตัดกระโปรงซะสั้นแถมนั่งไม่ระวังจนหวอออก



    และต่อมาผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ซึ่งหัวเราะเสียงดังเหมือนควายถูกเชือดเธอชื่อ วองฮู เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ถ้านับตำแหน่งในสมาคมเธอคงเป็นประชาสัมพันธ์ได้ ทำไมนะเหรอก็ลองคุณทำอะไรแย่ๆ ขึ้นมาสักเรื่องหนึ่งให้เธอเห็นสิ รับรองว่าไม่พ้นวันคนครึ่งเมืองจะได้รับรู้ด้วย



        ส่วนอีกคนที่ขาดไม่ได้ใน สชก. ก็คือ คุณสตรีท หรือชื่อที่รู้จักกันในวงการคือ มิสเตอร์หายนะ ถ้ากำลังหาใครสักคนที่ทุ่มเทความคิดในการประดิษฐ์ของไว้แกล้งคนอื่นคุณก็มาหาถูกคนแล้ว เพราะมิสเตอร์หายนะมีผลงานมากมายให้เลือกใช้โดยมีหนูเซร่าเป็นเหยื่อทดลอง



        เท่าที่ฟังมาก็คงรู้แล้วสิว่า ชีวิตนอกบ้านของเซร่ามีสภาพเป็นอย่างไง แต่ก็นับว่าฟ้ายังปราณีที่กว่าจะไปถึงมหาลัยก็จะเป็นเวลาเข้าเรียนพอดีเลยไม่มีเวลาเหลือให้พวก สชก. ลงมือปฏิบัติการกับเซร่าได้ แต่ตอนพักเที่ยงมันก็อีกเรื่องหนึ่ง



        เซร่ารู้ดีว่าโนรีนไม่สามารถช่วยเธออะไรได้มากนัก เพราะตัวเธอเองพอก้าวเข้ามาในมหาลัยก็ต้องวุ่นวายอยู่กับการจัดแถวของพวกแฟนคลับของเธอ มีหนุ่มทั่วมหาลัยมาต่อคิวเพื่อรอทานข้าวกับโนรีน กลายเป็นเกราะมนุษย์ที่ผลักให้เซร่าหลุดกระเด็นของมาจากวิถีโคจรที่ชื่อโนรีนโดยสิ้นเชิง



        สถานที่เดียวในมหาลัยแห่งนี้ที่พอจะให้เซร่าหลบจาก สชก. ได้ก็คือห้องน้ำชั้น 5 ซึ่งมันอยู่สูงเกินกว่าใครจะขึ้นมาใช้ แถมมีคนไปพังท่อน้ำที่ต่อมาทิ้งจนต้องปิดซ่อมถาวร แต่ที่น่าหนักใจของเซร่าก็คือมันเป็น.........ห้องน้ำชาย



        เธอไม่ได้อุตริคิดพิเรนมาเดินสำรวจห้องน้ำชายจนเจอที่นี้หรอก เพียงแต่มีคนแนะนำเธอมาอีกที ซึ่งเขาก็ใช้ที่นี้มาแอบสูบบุหรี่หรือโดดเรียนเป็นประจำ



        ชื่อของเขาคือ ฮันช์ แต่ใครๆ พาเรียกเขาว่าฮันนี่ เขาเป็นรุ่นพี่ของเซร่าปีหนึ่ง เป็นนักเรียนดีเด่นของมหาลัยในด้านการกีฬา เขาเป็นนักกีฬาเอนกประสงค์สามารถเล่นกีฬาได้หลายชนิด การเรียนก็พอใช้ไม่ถึงกับย่ำแย่



        แต่นั้นคือฮันซ์ที่ใครๆ รู้จัก แต่ไม่ใช่ตัวจริงของเขามันก็อีกเรื่องหนึ่งเลย ฮันซ์มักจะอ้างโดดเรียนโดยการใช้เรื่องกีฬามาอ้าง ติดซ้อมบ้างล่ะ บาดเจ็บมาจากการแข่งบ้างล่ะ หรือถ้าไม่แนบเนียนพอเขาก็บ้าพอจะหักแขนหรือขาสักข้างเพื่อให้คนอื่นเชื่อ



        สถานที่ที่เขามักจะมาหมกตัวอยู่ก็คือห้องน้ำชั้น 5 แห่งนี้ แต่ก็ไม่ใช่เขาคนเดียวที่มาใช้ มีพวกกลุ่มนักเรียนเก(ย์) บางกลุ่มมาแวะเวียนด้วยเหมือนกัน แต่ฮันซ์ชอบความเป็นส่วนตัวเลยไล่ออกไปหรือไม่ก็ถึงขั้นลงไม้ลงมือ สุดท้ายที่แห่งนี้ก็กลายเป็นอาณาจักรลับๆ ของฮันซ์ไปแต่ผู้เดียว



        “สะ สวัสดี”เซร่าร้องหักขึ้นอย่างกลัวๆ ขณะที่เดินเข้ามาในห้องน้ำชั้น 5 ซึ่งฮันซ์กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ขอบหน้าต่าง



        “ไม่รีบเข้ามาเดี๋ยว ยัยอานิต้า ก็มาเจอเข้าหรอก”ฮันซ์บอกอย่างรำคาญ แต่เรื่องหนึ่งที่เซร่าพึ่งรู้เร็วๆ นี้ก็คือ อานิต้าเป็นน้องสาวของฮันซ์ ซึ่งพอนึกถึงเรื่องนี้ก็อดขำไม่ได้ เพราะเธอถูกช่วยไว้จากพี่ชายของคนที่แกล้งเธอสารพัดมากที่สุดในมหาลัย



        “เอานี้ ของสัปดาห์นี้พึ่งออกเมื่อวานฉันอ่านจบแล้ว ยกให้”ฮันซ์บอกพลางยื่นหนังสือการ์ตูนแบบรายสัปดาห์มาให้เซร่า ซึ่งมันเป็นความชอบที่เหมือนกันของทั้งคู่ คือ การชอบอ่านการ์ตูน แต่อาการของเซร่าค่อนข้างจะหนักกว่าเธอติดการ์ตูนชนิดง่อมแง่ม อ่านมันทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนแบบไหน อ่านแม้แต่การ์ตูนที่มีแต่เด็กผู้ชายอ่านกัน



        เซร่ารับหนังสือมาก่อนจะรีบเผ่นเข้ามาในห้องน้ำและปิดประตูเอาไว้ กลายเป็นห้องส่วนตัวของเธอที่ฮันซ์ยกให้ ถึงจะคับแคบไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าตกเป็นเป้าของพวกกลุ่ม สชก. ช่วงเวลาพักเที่ยงสั้นๆ ถึงจะมีเพียงแค่แผ่นไม้ประตูห้องน้ำกั้นอยู่ระหว่างเธอกับฮันซ์แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยเอ่ยปากคุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว นอกเสียจากจะคุยเรื่องหนังสือการ์ตูน



        เซร่าก็สังเกตเห็นว่าฮันซ์เหมือนกับมีเรื่องอะไรบ้างอย่างเก็บไว้ในใจไม่ให้ใครรู้ มีอยู่ครั้งที่ธอพลั้งปากถามออกไป แต่ฮันซ์ก็เงียบตอบและไม่พูดกับเธอเลยทั้งสัปดาห์ตั้งแต่นั้นเซร่าเลยเลิกถามอีก



        “ขะ ขอบคุณค่ะ”เวลาพักเที่ยงหมดลงเซร่าถึงยอมออกมาจากห้องน้ำและไม่ลืมที่จะกล่าวคำขอบคุณฮันซ์ทุกครั้งด้วยเช่นกัน



        “..........พรุ่งนี้เขาจะส่งช่างมาซ้อมท่อแล้ว คงจะใช้ที่นี้ไปไม่ได้อีกสักระยะ”ฮันซ์บอกเรื่องน่าตกใจออกมาจนเซร่าแทบเป็นลมล้มทั้งยืน ที่ซ่อนแสนปลอดภัยที่เดียวกำลังจะหายไปแล้วเป็นใครจะไม่ตกใจบ้างล่ะ



        “ไว้อาทิตย์หน้าเธอถึงจะกลับมาใช้ เพราะฉันต้องแอบไปพังท่อต่อน้ำอีกแล้ว”ฮันซ์เอ่ยขึ้นหน้าตาย ปริศนาที่ทุกคนต่างสงสัยกันมาตลอดว่าท่อต่อน้ำมันพังได้อย่างไงกลับถูกฮันซ์บอกให้รู้อย่างง่ายดาย



        “บอกให้ฉันรู้แบบนี้จะดีเหรอค่ะ”เซร่าถามแบบกลัวๆ ยิ่งพอฮันซ์หันมาสบตาเธอด้วยแล้วทำให้เธอถึงกลับหลบไปอยู่หลังประตูทันที



        “อย่าโง่น่า เธอเองก็จำเป็นต้องใช้ที่นี้ไม่ใช่เหรอ ขืนไปบอกให้คนอื่นรู้เธอมีหวังต้องวิ่งหนียัยอานิต้าตลอดเวลาที่เรียนที่นี้แน่”ฮันซ์ตอบแบบขำขันแต่พอเซร่าฟังจบแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากห้องน้ำชั้น 5 ทันที



        “ฮันซ์นี้เท่ห์จริงๆ เลยแต่ก็..........น่ากลัวมากๆ ด้วยเหมือนกันง่ะ”เซร่าพอรู้ว่าจริงๆ ฮันช์เป็นคนใจดีแต่ว่าถึงจะแบบนั้นก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี



        วันเวลาในแต่ล่ะวันของเซร่ามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะเธอมักจะเหม่อเข้าสู่โลกแห่งความคิดความฝันของตัวเองที่ชอบเอาตัวเองไปปะปนกับการ์ตูนที่อ่าน ว่าเป็นนางเอกบ้างล่ะ หรือบางอารมณ์ก็อยากเป็นตัวร้ายที่มีพวกอานิต้าเป็นเหยื่อรองรับอารมณ์ของเธอ มันคงสะใจพิลึกถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ



        หลังเลิกเรียนแล้วถึงเซร่าอยากจะตรงกลับบ้านขนาดไหนก็ทำไม่ได้เพราะมหาลัยอยู่ห่างจากบ้านมากจนต้องรอรถรับส่งนักเรียนซึ่งจะออกตอน 5 โมงเย็นรอบเดียวเพื่อรอกลุ่มนักเรียนที่ทำกิจกรรมด้วย และแน่นอนว่าช่วงนี้เธอไม่สามารถไปหลบอยู่ในห้องน้ำชั้น 5 ได้แล้วเพราะเวลาหลังเลิกเรียนชั้น 5 จะมีทั้งภารโรงและอาจารย์บางคนเดินตรวจอยู่



        และช่วงเวลานี้เองที่เป็นโลกที่เธอเกลียดที่สุด กลุ่ม สชก. จะเริ่มปฏิบัติการต่างๆ แถมยังมีคนดูเป็นเด็กนักเรียนที่เลิกเรียนแล้วอีกเป็นโขยง เพราะมหาลัยแห่งนี้มีตั้งแต่ระดับมัธยมไปจนถึงมหาลัย และทุกคนก็เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกที่พากันหัวเราะสนุกสนานโดยไม่มีใครคิดถึงจิตใจของเซร่าเลย



        ยิ่งวันการแกล้งก็จะยิ่งหนักข้อแต่จะว่าไปก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของอานิต้าด้วยล่ะว่าวันไหนเธออารมณ์ดีหรืออารมณ์เสีย อย่างวันนี้เพราะอานิต้าไม่ได้ทำรายงานสรุปมาส่งเลยถูกทำโทษให้อยู่ทำความสะอาดห้องเรียนหลังเลิกเรียน



        เพราะอย่างนี้เธอเลยหันมาระบายอารมณ์ใส่เซร่าแทน กระเป๋าน้ำที่ดำและเหม็นที่ใช้ล้างไม้ถูพื้นถูกเทลงมาใส่หัวเซร่าพอดีทันทีที่เธอเดินออกมาจากตึกเรียน



        “อุย ขอโทษนะเซร่า พอดีฉันไม่เห็นเธอนะ นึกว่าเป็นพุ่งไม้เลยรดน้ำให้นะ”อานิต้าร้องบอกว่ามาจากชั้นบน ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเธอตอแหลแต่ถึงจะรู้แบบนั้นเซร่าก็ยังคงยิ้มตบได้อย่างปกติ



        “ไม่เป็นไรค่ะ”



        เป็นสีหน้าและความรู้สึกที่เธอรู้สึกเกลียดตัวเองอย่างที่สุด ถ้าเธอรู้จักจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมาซะบ้างทุกอย่างมันคงจะดีกว่านี้.......หรือไม่ก็ย่ำแย่ให้มันสุดๆ ไปเลย ทุกครั้งที่ถูกแกล้งเซร่าจะไม่ตอบโต้แต่กลับยิ้มออกมาแทน



        มันเป็นสิ่งที่เธอถูกปลุกฝั่งมาจากที่บ้าน แม่ของเธอเฝ้าบอกอยู่ทุกวันว่าให้อดทน มีอะไรก็ให้ยิ้มรับไว้แล้วทุกอย่างจะดีเอง.......แต่หลังๆ มานี้เซร่าเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าไอ้ทุกอย่างที่คุณแม่บอกมันจะรวมถึงพวกอานิต้าด้วยหรือเปล่า



        “เฮ้ย จบไปอีกวัน”เซร่าถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะเห็นรถรับส่งเตรียมจะออกแล้ว นั้นหมายความว่าช่วงเวลาเลวร้ายในวันนี้ใกล้จะจบแล้ว ส่วนใหญ่เวลาอยู่บนรถอานิต้าจะไม่ค่อยสนใจเซร่าเท่าไรนักเพราะจะจับกลุ่มคุยโม้กันไปเรื่อยๆ ซะมากกว่า นอกเสียจากจะหมดเรื่องให้คุยกันจริงๆ ถึงจะหันมาเล่นเธอ



        ตัวของเธอตอนนี้ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วทั้งรถเพราะน้ำล้างพื้นที่อานิต้าเทใส่ ตอนนี้ทุกคนเลยหันมามองเธอด้วยสายตาต่อว่า แต่พอเธอเดินผ่านไปคนพวกนั้นก็ส่งเสียหัวเราะไล่หลังเธอมา เพราะกระโปรงของเธอถูกมิสเตอร์หายนะกรีดขาดตั้งแต่ตอนเดินมาขึ้นรถ



        ถึงเธอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับกระโปรงก็ไม่ร้องโวยวายออกมากลับรีบใช้กระเป๋านักเรียนไปปิดไว้และยิ้มแห้งๆ ออกมา บางทีรอยยิ้มนี้มันอาจออกมาได้เพราะเธอชินชากับการแกล้งของพวก สชก. แล้วก็ได้



        “ไม่เป็นไรนะ เซร่า”โนรีนถามขณะที่เซร่านั่งลงข้างๆ เธออย่างเกรงใจ



        “อ้อ เรื่องปกตินะ ก็ดีที่พวกเขาเห็นเป็นเรื่องขำขัน ถ้าลองเห็นแบบนี้แล้วไม่พูดอะไรนี้สิ ฉันคงคิดมากน่าดู”เซร่าตอบอย่างมองโลกในแง่ดี ส่วนโนรีนก็คว้านหาขวดน้ำหอมในกระเป๋าเธอออกมาก่อนจะพรมใส่ตัวเซร่าเพื่อลดกลิ่นลง



        “อ่ะ เซร่าดูนั้นสิ รุ่นพี่ฮันซ์ มาขึ้นรถด้วยล่ะ สงสัยวันนี้ซ้อมเสร็จเร็ว”โนรีนรีบชี้ให้ดูฮันซ์ซึ่งก้าวขึ้นมาบนรถเป็นคนสุดท้าย



        “ไม่ก็โดดซ้อม”เซร่าบ่นอุบออกมาเบาๆ เพราะเธอรู้จักฮันซ์อีกด้านในแบบที่ใครไม่รู้จัก และที่สำคัญเธอก็รู้ด้วยว่าเพื่อนรักของเธอโนรีนแอบคลั่งไคล้และหลงไหลฮันซ์ขนาดไหนเลยไม่อยากพูดอะไรที่ทำร้ายต่อจิตใจของโนรีน



        ในรถคันนี้มีเพียงเซร่าคนเดียวเท่านั้นล่ะที่ไม่พอใจที่เห็นฮันซ์อยู่บนรถด้วย เหตุผลสั้นๆ และง่ายๆ ที่เซร่าบอกได้ก็คือ เพราะว่าฮันซ์เป็นคนเดียวที่ไม่เห็นเธอเป็นตัวตลก ถ้าเขาเป็นเหมือนคนอื่นๆ ที่จ้องมองมาที่เธอและหัวเราะออกมามันก็คงทำให้ไม่คิดอะไร



        และไม่รู้ว่าจะเป็นความสามารถพิเศษของอานิต้าหรือเปล่าที่เหมือนกับจะรับรู้ได้ว่า เซร่าไม่อยากถูกแกล้งตอนไหนมากที่สุด ตอนนี้เซร่ารู้ได้ทันทีเลยว่าอานิต้ากำลังเตรียมแผนแกล้งเธอให้หน้าแหกต่อหน้าพี่ชายเธอฮันซ์ให้ได้



        “........โนรีน ฉันจะลงที่นี้นะ จะแวะซื้อของให้คุณแม่หน่อย”เซร่าบอกพลางลุกขึ้นร้องบอกให้คนรถหยุดจอดให้เธอลง



        “อ่ะ!!?? เซร่า กระโปรงเธอ”โนรีนร้องทักไว้ไม่ทัน เพราะเซร่ารีบจะลงจะจากรถก่อนจะถูกพวกอานิต้าแกล้งอีก เลยลืมไปเลยว่ากระโปรงเธอถูกกรีดขาดอยู่ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ฮันซ์ก็คงเห็นแล้วด้วยแน่ๆ



        “โอย~~~ ไม่นะ ไม่อยากหันไปมองเลย”เซร่าร้องโอดครวญในใจ พลางค่อยๆ หันไปมองสายตาของฮันซ์ที่จ้องมองเธออยู่ และก็อย่างที่คิดไว้ฮันซ์ไม่ได้หัวเราะเหมือนกับคนอื่นๆ เขานั่งนิ่งเฉยๆ และถอนหายใจออกมาเบาๆ



        “กรี๊ด~~~”เซร่าอยากจะกรี๊ดแบบนั้นออกมาดังๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เธอทำได้เพียงแค่ยิ้มแห้งๆ ออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลท่วม เธอไม่ได้ยินเสียงหัวเราะจากรอบข้างอีกแล้ว หูเธออื้ออึ้งไปหมด ก่อนจะรีบวิ่งหนีลงมาจากรถทันที



        “เฮ้ย หยุด เฮ้ยไม่ได้ยินเหรอไงบอกว่าให้หยุด”เสียงร้องตะโกนไล่หลังของเซร่าดังขึ้นแต่เธอไม่ได้ยินเพราะความอายจนแทบจะซุกหน้าตัวเองลงในท่อ แต่แล้วอยู่ๆ เซร่าก็รู้สึกเหมือนถึงอะไรกระแทกเข้าที่หัวอย่างจังจนเซล้มไปข้างหน้า



        “กระเป๋า!!??”เซร่าลูบหัวตัวเองที่เริ่มเจ็บขึ้นมาพลางมองไปที่กระเป๋าของใครบางคนที่ตกอยู่ข้างๆ เธอ



        “หยุดได้สักที”เสียงฮันซ์เอ่ยขึ้นขณะเดินตามเธอลงมาจากรถ



        “..........โหด”ทุกคนบนรถที่เห็นฮันซ์ขว้างกระเป๋าใส่หัวเซร่าต่างคิดเป็นเสียงเดียวกัน



        “จะ จะตามลงมาทำไมเนี่ย”เซร่าอยากจะร้องดังๆ ออกมาแต่ก็ได้แค่คิดในใจ



        “เอา จะนั่งไปถึงเมื่อไร ลุกขึ้นมาสิ”ฮันซ์ร้องบอกพลางถอดเสื้อวอร์มของตัวเองออกมาและพันเข้าที่เอวของเซร่าเพื่อปิดรอยกรีดกระโปรงข้างหลังเธอไว้



        “อืม อะไร นี้เธอคงไม่คิดจะเดินโชว์แบบนี้ไปซื้อของหรอกนะ”ฮันซ์ถามอย่างแปลกใจก่อนจะหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมาและเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร

        

        “ขอบคุณค่ะ”เซร่าอยากจะขอบคุณแต่ก็เขินจนปากสั่นไปหมด ยิ่งตอนนี้เธอหันไปเห็นสายตาของพวกอานิต้าที่จ้องแนบติดกระจกหลังรถมาด้วยแล้วยิ่งทำให้เธอสั่นหนักขึ้นกว่าเดิม และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพรุ่งนี้ที่มหาลัยเธอจะต้องเจออะไรบ้าง..........



                    .............................



        “กลับมาแล้วค่า”เซร่าร้องบอกขณะเปิดประตูบ้านออก ซึ่งเป็นเวลาค่ำแล้วกว่าที่เธอจะกลับมาถึงได้ เนื่องจากต้องเดินเท้ามาเกือบครึ่งทาง



        “ตายแล้ว หนูเซร่า นี้ไปฟัดกับหมาที่ไหนมา”คุณแม่ของเซร่าพอเห็นลูกสาวก็แทบกรี๊ดสลบจากสภาพที่ดูไม่ได้



        “คือ ตะกี้เดินไปตรงที่เขาก่อสร้างเลยถูกรถบรรทุกวิ่งผ่านแล้วโคลนกระเด็นมาโดน ต่อมาก็ถูกหมาบ้านคุณนายตัวหัวมุมไล่กัดมาอีก ก็เลยมีสภาพแบบนี้ล่ะค่ะ”เซร่าตอบพลางเดินดุ่มๆ เข้ามาในบ้าน



        “ข้าวเย็นไม่ต้องนะค่ะ ขออาบน้ำก่อนแล้วก็จะนอนแล้ว”เซร่าตอบพลางวางกระเป๋าลงและเข้าไปในห้องน้ำทันที



        “อ๋อย~~~ เสื้อวอร์มของฮันซ์เปื้อนหมดเลย แบบนี้พรุ่งนี้จะเอาไปคืนเขาอย่างไงล่ะที่นี้”เซร่ากางเสื้อของฮันซ์ของดูซึ่งมันดำซะจนจำสภาพเดิมไม่ได้เลย



        “แต่เรื่องที่น่าห่วงกว่านั้นก็มีนี่น่า พวกอานิต้าคงเล่นเราหนักขึ้นกว่าเดิม.........แง ไม่อยากไปมหาลัยอีกแล้ว”เซร่าทำท่าอยากจะร้องไห้ออกมาให้ได้แต่พอได้แช่น้ำอุ่นๆ ความคิดไม่สบายใจก็ค่อยๆ หลุดลอยไป

        

        สิ่งเดียวในตลอดทั้งวันที่เซร่าใจจดใจจ่อกับมันอยู่ก็คือเวลากลางคืน เวลาที่เธอจะหลุดพ้นออกจากโลกที่เธอเกลียด ไปยังที่ไม่มียัยอานิต้า หรือ โนรีน ที่ทำให้เธอดูด้อยค่าลงไป ไม่มีสายตาของฮันซ์ที่จ้องมองเธออย่างสมเพช ไม่มีเสียงหัวเราะของพวกไร้สมอง



        “ถึงฉันจะเป็นเด็กสาวที่ไม่ได้เรื่อง หน้าตาไม่ดี ไม่มีอะไรเด่น.......และเป็นโรคความดันต่ำ แต่ว่า.........”เซร่าคิดในใจขณะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่นุ่มสบายและปล่อยให้ตัวเองหลับไปแทบจะในทันที



        “แต่ว่า........ถ้าเป็นโลกนี้ สิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับฉันแน่นอน”เซร่าคิดขึ้นต่อขณะที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องสีขาวทรงกลมขนาดกว้างมีบันไดเวียนอยู่ตรงกลาง



        “วันนี้มาเร็วดีนี้ โรส”เสียงทัวรีนัวคนหนึ่งเอ่ยทักเซร่าขึ้น โรส คือชื่อที่เธอใช้ในโลก 3N แห่งนี้



        “คุณ เอกริสม่า”โรสหันมาทักทายอย่างยิ้มแย้ม ใบหน้าสวยหมดจด จมูกปากได้รูป ทรงผมสีน้ำตาลแดงถูกดัดเป็นรอน



        “วันนี้อยากทำอะไรดีล่ะ”กิมม่าร้องถามขณะเดินนำโรสออกมาจากห้องรับแขก



        “ไม่รู้สิค่ะ พวกหนุ่มๆ ที่กิลเลี่ยนก็น่าเบื่อไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นเลย”โรสตอบพลางนึกถึงหนุ่มหล่อที่เจอเมื่อวาน แต่นิสัยเหมือนกับพวกนักบวช



        “........งั้นวันนี้ลองไปที่รอบนอกของเมโทรโปลิสไหม”กิมม่าถามขึ้น



        “ดีสิค่ะ คงมีอะไรแปลกๆ ให้เห็นเยอะแน่ๆ”โรสตอบพลางทำท่านึกอะไรอยู่ในใจก่อนจะยิ้มออกมาและใช้มือรูปไปตามใบหน้าเพื่อเปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นคนใหม่ขึ้นมา



        “เยี่ยมยอดมาก โรส ไม่เคยเห็นใครเปลี่ยนภาพลักษณ์ได้เร็วเท่าคุณมาก่อนเลย”กิมม่าตบมือชม



        “......จะดีเหรอค่ะแบบนี้”โรสหันมาถามกิมม่าด้วยใบหน้าใหม่ที่ดูเป็นคนเรียบร้อยเหมือนลูกคุณหนู



        “เรื่อง ซี๊ดที่ให้เธอไปนะเหรอ”กิมม่ารู้ว่าโรสต้องการถามอะไร



        “ค่ะ มันเป็น เมล็ดทอฝันแห่งจิตตาคะ ที่มีอยู่อันเดียวไม่ใช่เหรอค่ะ”โรสพยักหน้ารับ



        “อืม มาสเตอร์ซี๊ดพลังแห่งจิตนาการ มีอยู่เม็ดเดียวใน 3N .........นั้นสินะ ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกันนะเนี่ย”กิมม่าถอนหายใจออกมาเบาๆ จนโรสต้องหน้าเสีย



        “แต่ไม่ต้องห่วง ฉันเชื่อว่าฉันให้ถูกคนแล้ว ใช้มันตามแต่ที่ใจต้องการเถอะ ว่าแต่ฉันคงไปกับเธอด้วยไม่ได้นะวันนี้ เพราะจะมีคนมาใหม่ที่ฉันต้องไปรอรับ”กิมม่าบอกพลางเดินจากมา



        “หือ เขตรอบนอกของเมโทรโปลิสเหรอ ไม่เคยไปเลยแฮะจะเป็นสถานที่แบบไหนกันน่า”โรสทำหน้าตื่นเต้นดีใจพลางเดินลงบันไดไปสู่เมืองเมโทรโปลิสทันที



                     เขตรอบนอกที่โรสได้เข้าไปก็ได้พอรู้จากเอกรีสม่ามาบ้างแล้วว่ามันเป็นอย่างไงเธอจึ่งระวังตัวเป็นพิเศษ เธอมองหาสิ่งที่ตัวเองสนใจไปเรื่อยๆ กระทั่งพบกับบาร์เหล้าแห่งหนึ่งซึ่งกำลังมีกลุ่มผู้ชาย 3 คนจับกลุ่มคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด



    “ไม่ดีมั่ง ถึงจะไม่มีข้อห้ามอะไรไว้ในการสร้างซี๊ดแต่เพียงข้อมูลที่แอบขโมยมาได้มันยังไม่พอหรอกนะ”ชายร่างกำยำเอ่ยขึ้น



    “นั้นยังไม่นับว่านายยังไม่บอกพวกเราเลยว่าไปขโมยข้อมูลการสร้างซี๊ดมาได้อย่างไงกัน”ชายร่างอ้วนอีกคนรีบถามอย่างหวาดๆ ตามทันที



    “ฉัน...........ขโมยมาจากทัวรีนัวคนหนึ่ง”ชายหนุ่มคนที่สามซึ่งถูกยืนบังอยู่เอ่ยขึ้น



    “นั้นไงล่ะ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วนะ ปกติพวกนั้นถึงจะไม่เข้ามายุ่งกับกิจกรรมของมนุษย์ แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับระบบของทรีเอ็นโดยตรง ทั้งทัวรีนัวและทัวทีเนียไม่ปล่อยไว้เฉยๆ แน่”ชายทั้งสองคนรีบร้องอย่างรนรานพลางเหลือบมองไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อดูว่ามีพวกทัวรีนัวหรือทัวทีเนียแอบฟังอยู่เปล่า



    “.........10 ล้าน”ชายหนุ่มคนที่สามบอกขึ้นเบาๆ จนชายร่างใหญ่ทั้งสองคนหยุดตื่นตูมลงทันที



    “ขั้นต่ำสุดที่พวกนายจะได้ ฉันเคยเห็นเวปบอร์ดที่เคยมีคนประกาศอยากรับซื้อเมล็ดซี๊ดในราคาขั้นต่ำสุด 10 ล้าน ถ้านายส่งต่อเมล็ดนี้ไปได้และตามผลว่ามันใช้ได้จริงหรือเปล่า นายก็จะได้เงินนั้นไปเต็มๆ เลย เพราะฉันไม่ต้องการเงินนั้น”



    “แล้วแกจะได้อะไร”ชายร่างใหญ่ทั้งสองถามพลางจ้องจับพิรุษของชายหนุ่ม



    “ฉันแค่อยากพิสูจน์ว่าข้อมูลการสร้างซี๊ดมันจริงหรือเปล่า......ก็แค่นั้น”



    “ในเมื่อแกรู้ลู่ทางทั้งหมดแล้วทำไมถึงไม่ทำเองล่ะ”ชายร่างใหญ่ถามต่ออีกครั้ง



    “มันทำไม่ได้หรอกดูที่มือมันสิ”ชายร่างอ้วนบอกพลางชี้มาที่มือซึ่งมีรอยสักสีแดงขนาดใหญ่อยู่



    “แบบนี้เอง แกเคยลักลอบเอาของจากในทรีเอ็นออกสู่โลกจริงๆ แล้วครั้งหนึ่ง จนถูกพวกทัวทีเนียจับได้แล้วตีตราความผิดมหันต์ไว้ ก็เท่ากับว่าตลอดไปนี้นายจะไม่มีวันเอาสิ่งใดออกจากทรีเอ็นไปได้โดยที่ยังมีชีวิตอยู่สินะ”



    “ก็อะไรแบบนั้นล่ะ.........ว่าไงล่ะตกลงไหม”ชายหนุ่มรีบดึงแขนกลับเข้ามาในเสื้อโค้ตตัวใหญ่ของตัวเองก่อนจะยื่นกระเป่าหนังใบหนึ่งให้ไป



    “ตั้ง 10 ล้านเชี่ยวนะ ถึงพวกเราจะถูกจับได้ ก็แค่โทษครั้งแรก รับเถอะ”ชายร่างอ้วนรีบคะยั้นคะยอให้เพื่อนรับงานเป็นการใหญ่



    “.............ตกลง ว่าแต่ยังไม่รู้ชื่อของนายเลย”ชายร่างใหญ่ถามขณะรับกระเป๋ามา



    “เรียกฉันว่า........แจ๊ค พวกนายรู้ว่าจะติดต่อฉันได้อย่างไง จำไว้เงินพวกนายเอาไป แต่ต้องตามผลมาให้ฉันให้ได้”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับเดินหายเข้าไปด้านหลังของบาร์เหล้า



    “งานนี้พวกเรารวยแล้วล่ะ ตั้ง 10 ล้านเชี่ยวนะ ได้หยิบเปล่า 10 ล้าน”ชายร่างอ้วนรีบเขย่าตัวเพื่อนด้วยความดีใจ



    “ใจเย็นไว้ก่อน เรายังไม่รู้ว่านี้ใช้ได้จริงไหม ขืนมันเป็นของปลอมที่ใช้การไม่ได้พวกเราที่เป็นคนกลางขายให้มีหวังซวยหนักแน่”ชายร่างใหญ่บอกก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่และออกเดินตรงกลับตามถนน



    “ฮิๆๆ มาได้ยินเรื่องดีๆ เข้าแล้วล่ะสิ ก็แปลว่าในกระเป๋านั้นมีซี๊ดที่แอบสร้างขึ้นมาเองงั้นสินะ ถ้าได้มาแล้วเอาไปขายต่อ...........ไม่สิ ทำแบบนั้นไม่ดีแน่ เอาไปให้กิมม่าดีกว่าเผื่อเราจะได้รางวัลเป็นอภิสิทธิ์อะไรเพิ่มขึ้นมาก็ได้”โรสคิดในใจอย่างลิงโลดก่อนจะเดินออกมาจากกำแพงข้างทาง เพราะด้วยพลังของซี๊ดที่เธอได้รับมาทำให้ความสามารถในการแปรงเปลี่ยนรูปร่างเป็นไปได้อย่างอิสระมากกว่าคนอื่นหลายเท่า



    “ก่อนอื่นเราต้องรีบไปหาที่ซ่อนมันไว้ก่อน แล้วกลับไปโลกจริงๆ เพื่อกำหนดจุดที่จะส่งเจ้านี้ไปในแบบที่มีมวลรูปร่าง”ชายร่างใหญ่บอกแต่ยังพูดไม่ทันจบเขาก็รู้สึกว่ากระเป๋าที่สะพายอยู่มันเบาลงเลยรีบหันกลับไปดูจึ่งเห็นว่ามันเหลือเพียงสายสะพายที่อยู่บนไหล่ ส่วนตัวกระเป๋านั้นถูกหญิงสาวคนหนึ่งกำลังวิ่งหอบเอากระเป๋านั้นหนีไปแล้ว



    “!!?? เฮ้ย กระเป๋าถูกขโมยรีบตามจับนางนั้นเร็วเข้า”ชายร่างใหญ่รีบร้องบอกพลางออกวิ่งไล่หลังไป แต่ก็ตามไม่ทันได้แต่ไล่อยู่ห่างๆ เพราะความเร็วของโรสที่มีรูปร่างเล็กนั้นมีมากกว่าคนตัวใหญ่ๆ เช่นเขา



    “โง่ จริงๆ เลยเจ้าพวกนี้ ที่นี่มันทรีเอ็นนะ อาการเหนื่อยหอบหรือคิดว่าตัวเองตัวใหญ่เลยวิ่งเร็วไม่ได้ มันก็แค่ความคิดที่ยึดติดกับความเป็นจริงเท่านั้นล่ะ ลองคิดว่าตัวเองไม่เหนื่อยและวิ่งได้เร็วต่อให้ไม่ต้องมีพลังของซี๊ดก็สามารถทำได้อยู่แล้ว”โรสร้องว่าในใจแต่เป็นแบบนี้ก็ช่วยให้งานของเธอง่ายขึ้นเยอะเลยทีเดียว



    ทว่าพอวิ่งมาได้สักระยะหนึ่งขณะหักเลี้ยวเพื่อหนีเข้าไปในตอกซึ่งเธอจะใช้เป็นทางลัดในการสลัดพวกที่ตามให้หลุดไป สายตาของเธอได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อขึ้นมา บนท้องฟ้าที่ไกลออกไปได้มีร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังกระโดดโลดเต้นตามหลังคาบ้านราวกับติดปีกไว้ที่หลัง



    ถึงมันเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้แต่ก็ไม่ใช่ในระดับของเด็กหนุ่มคนนี้ เขาสามารถกระโดดข้ามหลังคาบ้านได้ที่ล่ะหลายหลังพร้อมกับเท้าที่กระทบลงพื้นใหม่อย่างนุ่มนวลไร้เสียง แต่ระหว่างที่โรสกำลังชื่มชมกับพลังอันน่าตื่นตาตื่นใจอยู่นั้นก็ลืมชายร่างใหญ่ที่ตามมาตะครุบตัวเธอเอาไว้จากข้างหลัง



    โรสรีบดิ้นรนให้หลุดออกจากการจับกุมจนถูกฉีกเสื้อจนขาดแต่เธอก็ไม่ยอมแพ้หันไปกัดแขนของชายร่างใหญ่จนถูกตบกลับมาจนติดพื้น



    “หน่อยไอ้เจ้าสองตัวนี้ ทำให้ฉันโกรธจนได้นะ ฆ่าทิ้งซะเลยดีไหม”โรสคิดในใจด้วยความโกรธขณะเปลี่ยนมือข้างหนึ่งให้กลายเป็นใบมีดที่คมกริบแต่ก่อนจะลงมือเธอได้เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มที่เฝ้ามองอยู่เมื่อครู่กำลังนั่งจ้องดอกไม้อยู่บนหลังคาบ้านที่เดิมเลยนึกอะไรขึ้นมาได้



    “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย”โรสเปลี่ยนใจไม่ฆ่าชายหนุ่มทั้งสองแต่กลับร้องตะโกนขอความช่วยเหลือแทน



    “เจ้าหนูนั้นต้องเป็นผู้มีมาสเตอร์ซี๊ดอยู่แน่ๆ ขอดูหน่อยเถอะว่าจะเป็นซี๊ดแบบไหนกัน”โรสนึกสนุกในใจเลยคิดจะใช้เหตุการณ์ตรงหน้าเพื่อทดสอบความสงสัยต่อตัวเด็กหนุ่มคนนั้น



    พริบตาต่อมาเด็กหนุ่มคนนั้นก็มาถึงจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็วและร้องห้ามเพื่อช่วยตัวโรสทว่าจากท่าทีที่เห็นก็ทำให้เธอรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆ ถึงแม้จะรู้แล้วว่าเป็นคนที่พึ่งมาใหม่ แต่กลับไม่รู้เรื่องซี๊ดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย



    “เสียเวลาจริงแฮะ แบบนี้คงต้องใช้ทางลัดกลับไปที่ห้องรับรองล่ะนะ”โรสวางมือลงบนนาฬิกาข้อมือและเปลี่ยนให้เวลาของเธอเองหมดลงจนส่งสัญญาณเตือนออกมา



    “บ๊าย บาย เจ้ายักษ์โง่สองตัว กับ เจ้าหนูมือใหม่”โรสหัวเราะในใจขณะที่แกล้วสลบและปล่อยให้พวกทัวทีเนียมาลากตัวเธอไป สำหรับคนทั่วไปอาจจะดูน่ากลัวแต่กับโรสเองที่รู้อะไรมากกว่าคนอื่นกลับเห็นพวกนี้เป็นพาหนะที่ใช้เดินทางอย่างหนึ่งเท่านั้นด้วยวิธีทำให้ตัวเองอยู่ในสภาวะกึ่งหลับตัดความรู้สึกเจ็บปวดออกไปจนหมด



    “ไว้ไปถึงแล้วค่อยเปลี่ยนเวลากลับมาเป็นเหมือนเดิมล่ะกัน”โรสคิดในใจขณะลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อดูว่าถึงไหนแล้ว แต่ว่าก็ต้องตกใจจนแทบตะโกนออกมาเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มคนเดิมกำลังตามเธอมาอีก



    “จะ เจ้าโง่ ตามมาทำไมอีก นี้มันทัวทีเนียนะ อยากตายหรือไง”โรสร้องว่าเบาๆ แต่สิ่งนี้ก็ทำให้จิตใจที่สงบของเธอสลายไปดึงเอาประสาทรับรู้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับเจ็บปวดจึ่งร้องออกมาเสียงหลง



    “บ้าชะมัด ขืนให้เด็กนั้นตามมาอีกมีหวังเจ้าทัวทีเนียผมทองโผล่มาแน่ ทำไงดีล่ะเนี่ย”โรสคิดอย่างใจเย็นจนตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนเวลาให้กลับมาเป็นดังเดิมเพื่อพวกทัวทีเนียจะได้ผละจากเธอไป แต่ทว่าแขนของเธอดันหักซะก่อนเลยไม่สามารถขยับมือขึ้นมาได้เลย



    “กะ กรี๊ด~~~~ ซวยที่สุดเลย”โรสแทบร้องกรี๊ดออกมาให้เต็มเสียงเมื่อเหตุการณ์เลวร้ายลงโดยที่เธอไม่สามารถควบคุมได้



    “ใจเย็นๆ โรส เราสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงตามจิตนาการได้ ถึงแขนหักไปก็สามารถเชื่อมต่อให้มันหายดีดังเดิมได้สบายๆ ที่เหลือก็แค่สงบใจแล้วตั้งสมา....ธิ”โรสสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เตรียมจะสร้างจิตนาการเพื่อรักษาตัวเองขึ้นมา



    “ของแบบนั้นใครจะไปทำได้เล่าในเวลานี้”โรสร้องออกมาใหม่เพราะความเจ็บปวดที่ถาโถมมาไม่หยุดทำให้สมาธิเธอแตกกระจายทันที



    “โธ่ ขอร้องเถอะเจ้าหนู หยุดตามฉันที ฉันจะตายก็เพราะเธอนี้ล่ะ”โรสร้องขอยังไม่ทันไรทัวทีเนียก็ปล่อยร่างของเธอลงจนเด็กหนุ่มที่เธออยากให้ไปไกลๆ วิ่งเข้ามารับร่างเธอไว้ต่อ



    “ขอบคุณมาก”โรสกัดฟันกรอดแต่ก็ยังคงแกล้งหมดสติต่อไปพลางคิดใช้โอกาสในตอนนี้รวบรวมสมาธิแต่ก็ไม่สามารถทำได้อีกเมื่อมีความรู้สึกอันหนักหน่วงบีบตัวแทรกเข้ามาในสมองของเธอ



    “เสร็จกัน เจ้าผมทองมาแล้ว”โรสร้องในใจอย่างวิตกพลางชำเหลืองไปมองทัวทีเนียผมทองที่ปรากฏตัวออกมาจากไหนก็ไม่รู้กำลังยืนจ้องตากับเด็กหนุ่มอยู่



    “จำไว้นะ โรส ห้ามใช้พลังของมาสเตอร์ซี๊ดออกมาขณะอยู่ต่อหน้าทัวทีเนีย โดยเฉพาะต่อหน้าทัวทีเนียที่มีผมสีทอง”คำเตือนของกิมม่าดังจ้องอยู่ในหัวของโรส เธอจึ่งเลิกคิดจะใช้พลังออกมาและปล่อยให้ทุกอย่างไปตามทางของมัน



    “แบบนั้นล่ะเจ้าหนู นั่งอยู่เฉยๆ แล้วจะไม่เป็นอะไร”โรสถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่ถูกทัวทีเนียผมสีทองพาตัวไปโดยที่เด็กหนุ่มได้แต่ตกใจกลัวจนไม่มีแรงขยับตัวได้อีก



    “แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีโรส แต่สำหรับเธอเมจิก ฉันยังต้องการอะไรมากกว่านี้จากเธออีก”เอกริสม่าที่นั่งดูเหตุการณ์จากบนเสาไฟเอ่ยขึ้นเบาๆ



    “ช่วย ฉัน ด้วย”เอกริสม่าร้องขึ้นเบาๆ แต่มันเป็นน้ำเสียงของโรส



    “โทษทีนะ แต่แบบนี้คงช่วยให้เธอเรียนรู้อะไรได้เร็วขึ้น”เอกริสม่ายิ้มขึ้นขณะมองดูเมจิกเข้าไปหาทัวทีเนียผมสีทองก่อนจะถูกชกจะกระเด็นไปอีกทาง



    “กิมม่า ทำไมทำแบบนั้น”โรสเงยหน้าขึ้นมาเห็นกิมม่าเลยเข้าใจได้ในทันทีว่าเมื่อครู่เป็นฝีมือของใครที่ปลอมเสียงของเธอเลยร้องถามออกไปอย่างขุ่นเคือง



    “เอกริสม่า........”ทัวทีเนียผมสีทองเงยหน้าขึ้นมองกิมม่าด้วยขณะปล่อยตัวโรสลง



    “โทษทีๆ ไว้ฉันอธิบายให้ฟังที่หลังนะ โรส”กิมม่ากระโดดลงมายืนบนพื้นอย่างนุ่มนวลก่อนจะฉุดดึงตัวของโรสให้ขึ้นมายืนด้วย



    “มาทา โทษทีนะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”กิมม่าหันมาขอโทษขอโพยทัวทีเนียผมสีทองพลางยื่นมือไปกุมข้อมือของโรสและเปลี่ยนเวลาให้กลับมาเท่าเดิม



    “.........เจ้าให้มาสเตอร์ซี๊ดกับเด็กผู้หญิงคนนี้งั้นเหรอ”มาทาร้องถามเสียงเย็นยะเยือก



    “ถูกต้อง แต่เรื่องนี้ได้รับอนุญาตจาก แกน แล้วนะ เธอคือผู้ที่ แกน ระบุตัวลงมาเองเลย”กิมม่าอธิบาย



    “กี่เม็ด”มาทาถามต่อ



    “อะไรกี่เม็ดเหรอ”กิมม่าย้อนถามกลับไปอย่างกวนประสาท



    “อย่ามากวนข้านะเอกริสม่าข้ารู้ว่า แกน มอบมาสเตอร์ซี๊ดให้แกทั้ง 3 เม็ดเลย แกให้มันกับเด็กคนนี้ไปกี่เม็ดแล้ว”มาทาตะโกนถามคนโรสตัวสั่นเพราะความน่ากลัวของเขา



    “เม็ดเดียว ที่เหลือฉันทำหายไปบนโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว”กิมม่าตอบหน้าตาย



    “ทำหาย...........ฮ่าๆๆ เอาเถอะ แต่หวังว่าเจ้าจะรู้สึกตัวอยู่นะว่ากำลังอะไรอยู่........ในฐานะ ทัวรีนัวคนแรกแห่งทรีเอ็น”มาทากล่าวจบก็หายตัวไปในเงาอย่างเงียบกริบ



    “ที่นี้อธิบายมาได้ยังคะ ว่านี้มันเรื่องอะไรกัน”โรสพอเห็นมาทาหายไปแล้วก็ยืนเท้าเอวรอถามจากกิมม่าทันที



    “แย่จัง แบบนี้มีแต่ต้องบอกความจริงออกไปสินะ งั้นมาทางนี้กัน”กิมม่าร้องบอกพลางอุ้มร่างของเด็กหนุ่มขึ้นมา



    “จะพาเด็กคนนั้นไปด้วยทำไมคะ”โรสถามอย่างแปลกใจ



    “............เด็กคนนี้ ชื่อ.........เอาเป็นว่าเขาคือผู้ที่ แกน อยากให้เข้ามาในทรีเอ็นมากที่สุด”กิมม่าบอกพลางพาโรสมายังหลังคาบ้านที่มองเห็นรอบตัวได้ถนัดตา



    “แล้วเขามีมาสเตอร์ซี๊ดแบบไหนค่ะ”โรสถามต่อทันทีเมื่อมาถึง



    “ไม่มี เด็กคนนี้เข้ามาในทรีเอ็นด้วยซี๊ดระดับธรรมดาที่เตรียมโละทิ้งแล้ว”กิมม่าตอบหน้าตาย



    “หา!!?? เดี๋ยวก่อน ถ้าไม่มีมาสเตอร์ซี๊ดแล้วทำไมเขาถึงทำแบบนั้นได้ล่ะ”โรสรีบถามต่อด้วยความตกใจ



    “มันเป็นพรสวรรค์ที่เขาถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เกิดแล้ว แต่เรื่องนี้ฉันไม่สามารถพูดมากกว่านี้ได้”กิมม่าตอบพลางมองมาที่โรสแบบมีเลสนัย



    “งั้นอีกคำถาม ทำไมต้องปลอมเสียงเป็นฉันจนเด็กคนนี้ต้องถูกอัดด้วยล่ะ”



    “วิธีเรียนรู้ที่เร็วที่สุดก็คือต้องโดนเข้าไปแบบนั้นล่ะ ที่นี้เจ้าหนูนี้ก็จะได้รู้ว่าพรสวรรค์ของตัวเองถ้าเทียบกับทัวทีเนีย ระดับเงา อย่างมาทาแล้วมันก็เหมือนเม็ดถั่วเล็กๆ กลางกองข้าวที่ล่ำค่า”กิมม่าตอบเสร็จก็หันมาชี้ที่กระเป๋าซึ่งโรสกอดไว้แน่น



    “ที่นี้เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า”กิมม่าเอ่ยขึ้นพลางยิ้มให้



    “แฮะๆ คือว่า”แล้วโรสก็เล่าสิ่งที่เจอมาทั้งหมดให้กิมม่า จนกระทั่งนาฬิกาของเธอเริ่มดังเตือนขณะที่เหลือเวลาอีกแค่ 30 นาที



    “อืม ข้อมูลการสร้างซี๊ดงั้นเหรอ..........ฉันจะให้พวกที่รับผิดชอบด้านนี้ไปสืบดู ส่วนของนี้จะให้ออกไปโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้หรอก”กิมม่าพูดจบกระเป๋าก็ลุกไหม้บนมือเขาจะหายไป



    “ทำดีมากนะ โรส ไว้ฉันจะลองคุยเรื่องการเพิ่มเวลาในโลกทรีเอ็นของเธอให้กับ แกน พิจารณาดู”กิมม่าชมพลางลูบหัวของโรสไป



    “จริงเหรอค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าเลย”โรสพอได้ยินก็ดีใจจนแทบร้องดังๆ แต่พอนึกได้ว่าเวลาของเธอใกล้จะหมดแล้วเลยรีบขอตัวลากิมม่า



    “เกือบลืมไป เด็กคนนั้นชื่ออะไรเหรอค่ะ”โรสหันมาถาม



    “........ในทรีเอ็นชื่อของเขาคือ เมจิก.........ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงพวกเธอนั้นอยู่ใกล้กันจนน่าตกใจเลยทีเดียวล่ะ”ประโยคหลังกิมม่าเอ่ยขึ้นเบาๆ จนโรสไม่ได้ยิน



    “เมจิก.........”



                    ...................................



    ปล.ปกติคนตาบอดแต่เกิดจะรู้จักแค่สีดำหรือโทนสีเทาๆ แต่ในกรณีของเมจิกนั้นสามารถเห็นเป็นสีๆ ได้เพราะมันเป็นภาพจิตนาการที่คนอื่นในโลกทรีเอ็นสร้างขึ้นมาเพื่อให้คนอื่นเห็นเป็นแบบนั้น ส่วนคำอธิบายหลังคำพูดนั้นไม่ใช่เพราะว่าเมจิกรู้จักว่าสีนั้นคือสีอะไร แต่ผมอธิบายไว้เพื่อไม่ให้งงกับรูปลักษณ์ของคนอื่นๆ



    อ้างอิง



    1.ในโลกของทรีเอ็นจะประกอบไปด้วยผู้ดูแลสองแบบคือ ทัวรีนัว ที่ดูแลให้คำแนะนำคนมาใหม่ กับ ทัวทีเนีย ที่มีหน้าที่จัดการคนที่ติดค้างออกไป

    2.ซี๊ด หรือ ที่เรียกกันว่า เมล็ดทอฝัน เป็นสิ่งที่สามารถนำคนในโลกแห่งความเป็นจริงเข้ามาในทรีเอ็นได้ขณะเวลาหลับ ซึ่งทุกคนจะมีเวลาแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น

    3.มาสเตอร์ซี๊ด เป็น เมล็ดทอฝันแบบพิเศษทีจะช่วยเพิ่มพลังบางอย่างให้กับผู้ที่กินเข้าไป

    4.ระดับของ ทัวทีเนีย มี 3 ระดับ คือ ระดับแสง ที่ทำหน้าที่เบื้องหน้าคอยจัดการผู้ที่ติดค้างทั่วไป  ระดับเงา ทำหน้าที่เบื้องหลังคอยจัดการผู้ติดค้างที่ต่อต้านหรือคิดจะหนี และสุดท้ายระดับร่าง มีหน้าที่ดูแลระบบในภาพรวมของโลกทรีเอ็น



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×