ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn Yaoi X27

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 : บันทึกการปฏิบัติงานของ โรซานน่า

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 54


     


    ดวงตาปริศนาคู่หนึ่งจับจ้องคู่ชาย-ชายต่างวัยทั้งสองจากมุมมืด เธอคนนั้นมีดวงตาสีเขียวสดใส ผมสีแดงดุจกุหลาบแดง ใบหน้าหวานสวยรูปร่างที่กลมกลึงยั่วใจระดับมิสยูนิเวิสยังอาย ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์พร้อมเสื้อโค้ทสีน้ำตาล ซึ่งดูยังไง ๆ เธอก็เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป หากแต่ทว่า..................

    ในมือเธอมีกล้องถ่ายรูปที่เป็นเลนส์ชนิดพิเศษที่ถ่ายรูปจากระยะไกลได้ซึ่งสั่งทำพิเศษโดยลุซซี่เพื่อนที่รู้จักกันจากในอินเตอร์เน็ตแต่ไม่รู้จักหน้าค่าตากันมาก่อนของเธอซึ่งส่งมาให้เธอเพื่อทำตามคำขอร้องอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ เลนส์กล้องนั้นมีเป้าหมายอยู่ที่เดียว คือ คนสองคนคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มหน้าโหดที่มีแผลเป็นบนใบหน้าอายุราว ๆ 20 ต้น ๆ ส่วนอีกคนรู้สึกว่าจะเป็นคนเอเชียดูน่ารักราวกับเด็กผู้หญิงอายุคงไม่เกิน 15-16 ปี จู่ ๆ เธอคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมกำมือข้างที่ว่างอยู่แน่น

    "ฉันจะต้องทำหน้าที่ผู้สนับสนุนและคนแจ้งข่าวให้สำเร็จให้ได้"

    ถ้าจะถามว่าทำไมถึงรับปากมาทำอะไรแบบนี้น่ะเหรอ?

    ก่อนอื่นต้องเท้าความไปถึงเรื่องเว็บที่พวกเธอสองคนรู้จักกันก่อนเลยเพราะเว็บที่พวกเธอไปรู้จักกันได้นั้นก็คือ.....................เว็บของพวกโฮโมน่ะสิ

    เสียงปริศนา : อะแฮ่ม (เสียงกระแอม) ขออนุญาติแนะนำตัวนะครับ เธอคนที่อยู่ในมุมมืดตรงนั้น นั่นแหละที่หดตัวลีบ ๆ อยู่หลังทางแยกในตรอกนั่นแหละ ชื่อในเน็ตของเธอคือ โรซานน่า

    ชื่อ : โรซานน่า เกลฟี
    สีผม : แดง
    สีตา : เขียวเข้ม
    ส่วนสูง : 170 cm.
    น้ำหนัก : 52 กิโล
    BWH: 85-24-36

    ใบหน้าหวานสวยรูปร่างที่กลมกลึงยั่วใจระดับมิสยูนิเวิสยังอาย มันสมองดีจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ แข็งแรง เก่งกาจ ร่าเริง คล่องไปเสียทุกอย่างจนแทบเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบแต่ทว่า.......พระเจ้าก็ได้ประทานกิเลสที่มากเกินจำเป็นมาด้วย ซึ่งเมื่อเอาข้อดีทุกอย่างของตัวเธอมาหักลบกับกิเลสอันนั้นของเธอแล้วหักลบกลบหนี้ไปเหลือศูนย์

    และอีกอย่างหนึ่งคือสำหรับเธอผู้นี้แล้ว เพื่องานอดิเรก.............แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต

    โรซานน่า : "หึ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เพื่อที่จะได้มีเหล่าชายหนุ่มที่มอบความรักอันเร่าร้อนแก่กันเพิ่มขึ้นแม้เพียงคู่เดียวก็ยังดี ดิฉันยอมทุ่มเทชีวิตนี้เพื่อเป้าหมายนั้น นี่แหละคือ วิถีทางของพวกเรา....โฮโมมาเนียยังไงล่ะ+55555555"

    (กลับเข้าเรื่องได้แล้ว =_= )

    ........................................................

    วันที่ c เดือน b

    วันนี้เป็นวันแรกของการปฏิบัติงาน ขอเกริ่นนำนิดหน่อย ต้นกำเนิดของบันทึกนี้มาจากการติดต่อเข้าหาฉันของเพื่อนทางเน็ตที่รู้จักและสนิทสนมกันดีแม้ไม่เคยเจอหน้ากันเธอใช้ชื่อว่า...ลุซซี่

    เธอติดต่อหาฉันทางMSNแล้วเล่าเรื่อง ๆ หนึ่งให้ฟัง เธอบอกว่า บอสของเธอกำลังหลงรักเด็กหนุ่มที่เป็นหลานของบอสใหญ่อีกทีแต่เจ้าตัวไม่ยอมรับความจริงและพยายามปฏิเสธแม้ว่าอาการของคนมีความรักจะฟ้องออกมาชัด ๆ แล้วก็ตาม ฉันจึงรู้สึกสงสารบอสของเธออย่างยิ่ง(?) ในความที่ไม่ยอมรับความจริง โลกนี้อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดจริงไหม? หยุดมันไม่ได้หรอกโดยเฉพาะเรื่องของความรัก เพราะฉะนั้นฉันจึงรับปากทันทีว่าจะช่วย (ดูเหมือนว่าจะติดต่อหาฉันเพราะที่เคยคุยกันคราวก่อนฉันบอกว่า จะมาเที่ยวที่เวเนเซีย)

    สักพักเธอก็ส่งรูปถ่ายของทั้งสองคนที่เป็นเป้าหมายมาให้ดู จากที่ดูแล้วท่าทางบอสของเธอดูหน้าโหดเสียเหลือเกิน ฉันไม่ประหลาดใจเลยที่เขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ ขณะที่แม้เด็กหนุ่มอีกคนที่บอสคนนั้นหลงรักจะดูน่ารักแต่ก็ดูซื่อ ๆ ความรู้สึกช้าแต่ท่าทางดูจะไม่รังเกียจอะไรชายหน้าบากคนนั้นเพราะฉะนั้น คู่นี้ยังมีความหวังอยู่

    ตายจริงพูดยาวไปแล้วเริ่มเลยดีกว่า



    วันที่ d เดือน b


    ฉันแอบตามสองคนนั้นมาตั้งแต่ที่สองคนนั้นขึ้นฝั่งในท่าเรือแห่งหนึ่งที่ลุซซี่เขียนบอกไว้ แน่นอนฉันกะระยะห่างไว้ในระดับเหมาะสม ไม่ใกล้ไม่ไกล ใช้เลนส์แทนกล้องส่องทางไกล พยายามไม่ให้ผิดสังเกตและจากที่ดูแล้วแม้ว่าลุซซี่จะบอกว่า บอสหน้าบากของเธอหลงรักเด็กหนุ่มหน้าหวานข้าง ๆ ก็ตาม แต่ในสายตาฉันสองคนนั้นดูไปกันไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ หลังจากที่เดินตามทางตรอกที่คดเคี้ยวของเวเนเซียรู้สึกว่าสองคนนั่นจะเริ่มคุยอะไรบางอย่าง แต่คงไม่ใช่เรื่องที่น่าคุยนักเพราะสักพักดูเหมือนบอสจะอารมณ์ไม่ดีมาก ๆ แล้วคว้าบีบคอเด็กคนนั้นไว้

    วินาทีนั้นฉันเริ่มลังเลว่าจะออกไปเพื่อหยุดเขาไว้ดีรึเปล่านั่นเอง คน ๆ นั้นก็ปล่อยเด็กคนนั้นไป จากที่ดูแล้วดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แล้วทำท่าจะเดินหนีแต่จู่ ๆ เด็กคนนั้นก็จับมือบอสเอาไว้แล้วคุยอะไรกันบางอย่างที่ฉันไม่ได้ยิน

    อีตาบอสนั่นทำหน้าเอ๋อไปสักครู่ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาดังลั่นแต่ดูท่าทางเด็กหนุ่มจะดูงอน ๆ เป็นภาพที่น่ารักจริง ๆ ฉันเลยถ่ายภาพนั้นไว้ สักพักเด็กคนนั้นก็เดินหนี บอสหน้าบากนั่นก็เดินตามไปแต่ยังดูขำกับเรื่องที่คุยกันเมื่อกี้อยู่ แต่สักพักเด็กหนุ่มนั่นก็พูดอะไรบางอย่างทำเอาอีตาบอสเธอหน้าแดงฉ่าตวาดลั่นเลยเธอ แต่ดูแล้วก็น่ารักดี ฉันเลยอดถ่ายภาพเอาไว้ไม่ได้ ฉันจะส่งรูปสองใบนี้ไปให้เธอตามที่อยู่ที่เธอให้ไว้นะแล้วเจอกันจ้ะ

    วันที่ e เดือน b

    สองคนนั้นดูเหมือนกำลังตามใครอยู่ บรรยากาศดูท่าทางไม่น่าเข้าใกล้สักเท่าไหร่ สัญชาตญาณของผู้หญิงเตือนว่ามันอันตรายให้ถอยห่างออกมาก่อน ยังไงก็ช่างรู้ที่อยู่ของสองคนนั่นแล้ว(เพราะพักที่เดียวกัน) ไม่มีปัญหารออยู่ห่าง ๆ สักพักก่อนดีกว่า ก่อนอื่นต้องติดต่อลุซซี่ก่อน

    ตายแล้วแบ็ตของแล็บทอปใกล้หมดแล้ว ส่งข้อความไปสั้น ๆ ก่อนไม่ให้เป็นห่วง ขอโทษนะลุซซี่แล้วฉันจะรวบยอดไปให้ทีหลังแน่จ้ะ(หลังชาร์จแบ็ตแล้ว)


    วันที่ f เดือน b

    วันนี้ฉันเกือบโดนสองคนนั้นจับได้แล้วมั้ยล่ะเพราะว่าจ้องสองคนนั้นพร้อมกล้องเลยโดนอีตาบอสหน้าโหดของเธอสบตาเข้าตรง ๆ ดีที่ว่าข้าง ๆ จุดที่ฉันแอบซ่อนอยู่มีร้านขายดอกไม้ รู้สึกว่าลุงคนขายแกจะเข้าใจผิดว่าฉันอายเลยดึงดอกกุหลาบแดงให้แล้วพูดอะไรทำนองว่าให้ฉัน พอไปถามลุงแกเลยบอกว่า วันนี้เป็นเทศกาลวันบอคโคโล่(Festa del bocciolo) หรือแปลว่า เทศกาลดอกกุหลาบตูม มันเป็นเทศกาลที่คล้าย ๆ กับวันวาเลนไทน์แต่ไม่ใช่ เป็นวันที่ผู้ชายจะมอบดอกกุหลาบแดงให้ผู้หญิงที่ตนชอบ

    ทันใดนั้น ความคิดอันแสนบรรเจิดก็ผุดขึ้นมาในหัวของฉัน.................ได้การล่ะ

    แผนของฉันประสบผลสำเร็จล่ะ >w< เห็นรูปแล้วใช่ม้า เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

    ......................................

    ณ จัตุรัสซานส์มาโก

    ร่างสูงยืนคู่กับร่างเล็กที่ยืนหน้าซีด ๆ หลังเห็น "การทำงาน" ของเขาแบบเต็ม ๆ ตาไป ก็ไม่แปลกหรอกเจ้าตัวปกติก็ใจอ่อนไม่เข้าเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรพอมาเจอเข้าจริง ๆ เลยเกิดอาการรับไม่ได้ขึ้นมา หลังจากที่ยืนรับลมอยู่สักพักร่างเล็กก็ปรับลมหายใจเป็นปกติตามเดิม แม้จะยังซีดเซียวแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ตีโพยตีพายโวยวายอะไร

    ร่างสูงมองโดยไม่พูดอะไร แต่ร่างเล็กเองก็ยังคงเฉยเช่นกัน บรรยากาศนั้นเรียกให้ร่างสูงกวาดตามองไปรอบ ๆ หวังควบคุมไม่ให้ตัวเองให้ความสนใจอะไรกับอาการของร่างเล็กมากนักจนเผอิญไปสบตากับดวงตาคู่หนึ่งเข้า ดวงตาของหญิงสาวที่ดูเหมือนจะจับจ้องมาทางพวกเขาสองคนมาตั้งนานแล้วแต่เพราะงานเลยไม่ทันสังเกตและดูเหมือนหล่อนจะรู้ตัวเหมือนกันจึงหลบตาแล้วหันไปคุยอะไรบางอย่างกับคนขายดอกไม้ที่อยู่ข้าง ๆ จะว่าไปแล้วเขาเองก็เพิ่งทันสังเกตเห็นว่าวันนี้มันมีดอกกุหลาบแดงวางขายอยู่ทั่วไปหมด พวกผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มีกุหลาบแดงประดับอยู่หรือได้รับมาเป็นช่อ วันนี้มัน.........หรือว่า

    "ขอโทษนะคะ" เสียงหวานเรียกให้ร่างสูงหันไปหา ปรากฏร่างของหญิงสาวคนที่แอบมองเมื่อครู่ยิ้มแล้วยื่นกล้องให้อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พลางเอ่ยว่า

    "คุณช่วยถ่ายรูปคู่ของฉันกับรูปปั้นตรงนั้นให้หน่อยได้ไหม"

    ร่างสูงทำหน้าหงิกและทำท่าจะตวาดไล่ ทว่า.....................

    "เดี๋ยวก่อนสิ ใจคอจะตวาดใส่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้ไง" เสียงแหบหวานหูดังขึ้นเรียกให้ร่างสูงหันไปมองต้นเสียง

    ร่างเล็กขมวดคิ้วพลางรับกล้องจากหญิงสาวพลางยิ้มให้แล้วทำท่าทางใบ้ให้หล่อนว่าจะถ่ายให้ หญิงสาวยิ้มกว้างเอ่ยคำพูดขอบคุณเป็นภาษาอิตาลีแล้ววิ่งไปยืนตั้งท่าที่รูปปั้นที่ว่า ร่างเล็กถ่ายให้หล่อนเสร็จหล่อนก็ทำท่าให้รอก่อนแล้ววิ่งกระหืดกระหอบไปยังร้านขายดอกไม้ สักพักหล่อนก็วิ่งกลับมาพร้อมดอกกุหลาบแดงช่อหนึ่งแล้วยื่นให้ร่างสูงพลางพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นชัดเจน

    "นี่ค่ะ เอาไปให้คนน่ารักคนนั้นสิคะ" คำพูดนั้นเรียกให้ร่างสูงทำหน้างุนงง

    "วันนี้น่ะ เป็น Festa del bocciolo ใช่ไหมล่ะคะ ที่มีธรรมเนียมว่าฝ่ายชายจะมอบดอกกุหลาบแดงให้ผู้หญิงที่ตนชอบ" คำพูดนั้นยิ่งทำให้ร่างสูงงงหนักขึ้นไปอีก

    แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะตีความไปว่า มันเป็นความเกรงใจจึงยัดมันใส่มือร่างสูงแล้วเอ่ยอย่างร่าเริงว่า

    "ฉันให้ค่ะ สำหรับคุณกับแฟนที่แสนน่ารัก" คำพูดนั้นเรียกให้ทั้งคู่หน้าแดงพลางเอ่ยปฏิเสธเป็นพัลวัน

    "ไม่ใช่สักหน่อย อีกอย่างเจ้านี้มันเป็นผู้ชายต่างหาก" ร่างสูงว่าพลางชี้ไปยังร่างเล็กเช่นเดียวกับที่ร่างเล็กก็พยักหน้ายืนยันว่าตัวเองเป็นผู้ชาย

    "ไม่มีทางหรอกค่ะ น่ารักออกขนาดนี้ไม่มีทางเป็นผู้ชายไปได้หรอกอีกอย่างคุณแฟนหนุ่มทำท่าทางเป็นห่วงขนาดนั้นยังไง ๆ ก็ไม่น่าจะผิดนะคะฉันว่า" ร่างเล็กยืนนิ่งราวกับมีท่อนเหล็กหล่นใส่หัว ใบหน้าของร่างสูงยิ่งแดงหนักเข้าไปอีก

    และเนื่องจากทั้งสองคนยังคงช็อกกับคำพูดของหญิงสาวจึงไม่ทันสังเกตเห็นลุงร้านขายดอกไม้ที่กำลังรัวกดชัตเตอร์อย่างบ้าคลั่ง

    หญิงสาวยังคงยิ้มแย้มและขอกล้องในมือร่างเล็กคืนก่อนทิ้งคำพูดไว้สั้น ๆ

    "ขอให้มีความสุขนะคะ"

    ".................." ทั้งสองคนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาค่อนข้างนาน

    "เอ้า" ร่างสูงเอ่ยพลางโยนดอกกุหลาบช่อนั้นให้ร่างเล็ก ดวงตาสีน้ำตาลมองของในมือตนอย่างงุนงง

    "ถือของพรรค์นั้นไว้น่าอายจะตายชัก แกถือไว้ซะ"

    "เอ๋" ขณะที่ร่างเล็กจะประท้วง ดวงตาคมกริบถูกส่งมาทำให้ร่างเล็กหยุดคำค้านที่จะหลุดออกมาหากแต่ก็แอบบ่นเบา ๆ

    "เอาแต่ใจอย่างกับเด็ก" หากแต่ขณะที่บ่นอยู่จู่ ๆ นึกถึงสิ่งที่หญิงสาวคนเมื่อกี้เอ่ยออกมา

    "คุณแฟนหนุ่มทำท่าทางเป็นห่วงขนาดนั้น"

    ริมฝีปากเล็กก็เผยอรอยยิ้มเล็กน้อย กับคำพูดนั้นหากแต่ก็หน้าแดงจัดเมื่อนึกถึงคำว่า "คุณแฟนหนุ่ม"

    มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

    ร่างเล็กคิดพลางกุมหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ขณะที่เดินตามร่างสูงกลับไปที่พักเพื่อที่จะกลับไปคฤหาสน์ของหน่วยวอริเออร์

    .......................................

    จบรายงานของวันนี้จ้ะ

    วันที่ g เดือน b

    นี่หุ้นส่วนเธอเป็นใครกันแน่เนี่ยลุซซี่ ส่งนักสะกดรอยฝีมือเยี่ยมมาเป็นคู่หูฉันให้แย่งกันถ่ายรูปซะอย่างนั้นแถมอุปกรณ์ยังไม่ธรรมดาด้วย แต่ว่ามันก็ช้าไปแล้วล่ะเพราะสองคนนั่นกำลังจะกลับแล้วนี่ ส่งมาช้าไปนะจ๊ะ คุณหุ้นส่วน ^_^

    พอตอนหลังไล่เลียงถาม ๆ ดู บอกมาว่า เป็นบอสใหญ่นั่นเอง แหมคาดไม่ถึงนะเนี่ย

    จากที่ลุซซี่เล่ามา รู้สึกว่า เรื่องนี้เป็นการจัดฉากแต่แรกเพราะบอสของลุซซี่เป็นลูกบุญธรรมของบอสใหญ่(แต่รู้สึกลุซซี่จะหลุดเรียกบอสใหญ่ว่า รุ่นที่ 9) บอกว่า บอสใหญ่รู้สึกตัวว่าลูกชายตัวเองหลงรักเด็กคนนั้นมาตั้งแต่แรก แต่เพราะรู้ว่าลูกชายเป็นคนหัวดื้อไม่ยอมรับความจริงเลยจับสองคนนั้นมาอยู่ด้วยกันให้พัฒนาความสัมพันธ์กันไปซะเลย

    แต่ว่านะของแต่ละอย่างนี่มันใช่ว่าจะถูก ๆ นะ

    จริง ๆ แล้วบอสของลุซซี่ทำงานอะไรกันแน่นะ?

    ช่างเถอะ ยังไงซะภารกิจมันก็เสร็จเรียบร้อยได้เวลากลับของฉันแล้วล่ะ

    ปล. ตามสัญญานะ เธอต้องยกฟิล์มของรูปที่ฉันแอบถ่ายมาทั้งหมดให้อย่าลืมล่ะ

    จบการรายงาน

    TBC


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×