ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พี่หมอ มศว เล่าเรื่อง (Ultimate Version)

    ลำดับตอนที่ #31 : บันทึกไม่ลับนักศึกษาแพทย์ ตอน เมื่อคุณแม่เบ่งคลอด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 28.49K
      17
      4 ก.พ. 55

    เรื่องโดย ~หมูสนาม~ นิสิตแพทย์ มศว MD20
    เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2552 ณ โรงพยาบาลตำรวจ
     
                โอ้ย…โอ้ย… เสียงนี้คนที่เคยเป็นแม่คนเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
              นี่เป็นเสียงร้องของคนเจ็บท้องกำลังใกล้คลอด
              เสียงร้องระงมนี้…เกิดทุกครั้งที่เกิดท้องแข็งเกร็งเนื่องจากมดลูกบีบรัดตัว
                และเสียงนี้เอง เป็นเสียงที่EXTERNแบงค์ได้ยินอยู่ทุกวันตั้งแต่มาเหยียบห้องคลอดโรงพยาบาลตำรวจ ห้องคลอดที่นี่แตกต่างจากห้องคลอดที่ศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลแม่ของเรา เพราะห้องคลอดที่ศูนย์การแพทย์ทุกอย่างล้วนเป็นสีชมพู พยาบาลในชุดสีชมพู เสื้อหมอสีชมพู ผ้าม่านสีชมพู(ไม่รู้จะชมพูไปไหน สงสัยจะเน้นconceptหวานซึ้ง) ห้องคลอดที่โรงพยาบาลตำรวจกลับตรงกันข้าม ทุกอย่างที่นี่เป็นสีเขียวพยาบาลเขียวๆ ผนังเขียวๆ คุณหมอใส่ชุดเขียวๆเตียงเขียวๆ ยังดีที่คุณแม่ไม่ต้องแต่งชุดเขียวๆเหมือนที่ศูนย์การแพทย์องครักษ์ที่ให้คุณแม่ที่รอคลอดแต่งชุดชมพูๆด้วย อีกอย่างที่แตกต่างคือเตียงขาหยั่งที่ไว้ให้เหล่าคุณแม่ทั้งหลายเบ่งคลอดที่นี้จะมีoptionเสริมเป็นโต๊ะรองต่อออกมาจากตำแหน่งช่องคลอดของแม่ ไว้คอยรองรับเด็กที่จะออกมา เนื่องจากพยาบาลจะได้ไม่ลำบากมากเวลาทำคลอดให้  ผิดกับศูนย์แพทย์ที่ต่อจากขาหยั่งก็เป็นอากาศธาตุที่ว่างเปล่ากับหน้าหมอที่ทำคลอด ข้างล่างก็เป็นถังที่ไว้รองรับของเสียเช่น น้ำคร่ำ เลือด และอุจจาระของแม่ซึ่งถ้าเด็กออกมาแล้ว หมอมีประสบการณ์น้อยเอามือรับเด็กไม่ทันหรือจับเด็กไม่มั่น ผลก็คือน้องเด็กที่น่าสงสารก็ต้องตกลงในถังของเสียดัง จ๊อม! เรื่องนี่เคยเกิดมาแล้วอย่าหาว่าโม้ ฝีมือหมอน้อยด้อยประสบการณ์ที่พูดถึงก็คือหมอEXTERNอย่างเราๆนั้นล่ะ
    เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย: โรงพยาบาลรัฐบาลส่วนใหญ่ที่มิได้เปิดเป็นโรงเรียนแพทย์ หญิงตั้งครรภ์ที่ฝากท้องแบบธรรมดา ไม่ได้ฝากพิเศษกับหมอ คนที่ทำคลอดให้ก็คือพยาบาลนี่แหละ 
               
    การคลอดได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ “3P”
    P- Power คือแรงในการเบ่ง
    P-Passage คือช่องทางที่เด็กจะผ่านนับตั้งแต่อุ้งเชิงกรานจนถึงช่องคลอด
    P-Passenger คือผู้โดยสารซึ่งในนี้หมายถึงตัวเด็ก
    หลังจากที่ได้เฝ้าคลอดและทำคลอดเองไปหลายเคส EXTERNแบงค์ก็ได้ตระหนักกับความจริงที่ว่า ถ้าในการคลอดนั้นไม่มีปัญหาอะไรอุ้งเชิงกรานและช่องทางคลอดกว้างเพียงพอแล้ว เด็กก็ขนาดปกติไม่ได้ตัวใหญ่คลอดยาก การคลอดเองจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้นอยู่ที่ตัวมารดาเป็นสำคัญ คุณแม่ที่เบ่งดี เบ่งเก่ง มักจะใช้เวลาไม่นานก็สามารถคลอดได้ ส่วนคุณแม่ที่เอาแต่ร้องโอดโอยและดิ้นไปดิ้นมานั้น อาจต้องทนทรมานอยู่อย่างนั้นนานนับชั่วโมงกว่าจะคลอดได้ เพราะฉะนั้น เรามาหัดเบ่งคลอดให้ถูกวิธีกันเถอะ เผื่อจะมีประโยชน์สำหรับท่านผู้อ่านอาจได้มีโอกาสเป็นแม่คนในอนาคต หรือ ตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ใกล้คลอดอยู่
    หลังจากที่พยาบาลหรือแพทย์ตรวจภายในและพบว่าปากมดลูกเปิดหมด ก็จะได้เวลาย้ายเข้าห้องคลอด ตัวมารดาก็จะถูกย้ายสู่เตียงเตรียมคลอดหรือขาหยั่ง กระเถิบก้นไปจนชิดขอบเตียง วางก้นลงสบายๆ เอามือจับที่จับเอาไว้ให้มั่น คราวนี้แหละก็ถึงช่วงเวลา “เบ่งคลอด”
    ระยะเบ่งคลอดเป็นระยะที่เหนื่อยที่สุดของการคลอด เนื่องจากมดลูกจะมีการหดรัดตัวที่แรงและเร็วที่มาก ทุก 2-3 นาที และจะเจ็บท้องแข็งนาน 60-90 วินาที บางคนจะรู้สึกเหมือนกับว่าการแข็งตัวของมดลูกเกิดโดยไม่หยุดพัก คือ ติดต่อกันไปความรู้สึกของแม่ในระยะนี้ จะรู้สึกปวดที่บริเวณส่วนก้นหรือตุงที่ฝีเย็บและทวารหนัก บางครั้งจะมีอุจจาระออกมาโดยมิได้เบ่งถ่าย มีเหงื่อออกมาก รู้สึกร้อนสลับหนาว ปวดร้าวหน้าขามาก และรู้สึกไม่สุขสบาย มีอาการเกร็งสั่นโดยควบคุมไม่ได้ อาจจะมีอาการอาเจียนเวียนศีรษะร่วมด้วย และรู้สึกเหนื่อยล้ามาก
    ช่วงที่ไม่มีการหดรัดตัว หรือไม่เจ็บ อย่าเบ่งให้เปลืองพลังงาน เมื่อมดลูกหดรัดตัวเต็มที่..นี่แหละ ช่วงเวลาสำคัญที่สุด
    “คุณแม่มดลูกแข็งตัวเต็มที่แล้ว อ้าว สูด-กลั้น-เบ่ง” EXTERNแบงค์พยายามให้จังหวะ
    “อย่างนั้น…เก่งมากเลยอีกเดี๋ยวจะเห็นหน้าลูกแล้ว ตอนนี้เห็นผมน้องแล้วนะ” นี่คือสิ่งที่EXTERNแบงค์ต้องพูด ถึงแม้สิ่งที่พูดจะเป็นเรื่องโกหกไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย ความจริงยังไม่เห็นผมของเด็กซักกระติ้ดเดียว
    สิ่งที่ผู้คลอดควรปฏิบัติ
    1.            เมื่อถึงเวลาเบ่ง จงออกแรงเบ่งให้เต็มที่ เพื่อทารกจะได้ผ่านช่องคลอดโดยเร็ว แต่ควรจะเบ่งในเวลาที่ผู้เฝ้าคลอดบอกให้เบ่ง และหยุดพักเบ่งตามคำแนะนำเพื่อจะได้ออมแรงไว้ในระยะยาว
    2.            อย่าร้อง อย่าดิ้น ยิ่งดิ้นยิ่งร้องจะเสียแรงเบ่ง นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วยังอาจทำให้พยาบาลรำคาญ เปลี่ยนร่างจากนางฟ้าเป็นยักษ์ได้
    3.            สูดลมหายใจเข้าลึกๆให้เต็มปอด....นั้นแหละดีครับ
    ก้มหน้าคางชิดอก กางศอกออก แล้วก็เบ่งสุดชีวิต
    เวลาเบ่ง เบ่งเหมือนเบ่งอุจจาระ ห้ามมีเสียง ห้ามผ่อนลมออกปากออกจมูก ผ่อนลมออกจะเสียกำลัง ออกเสียงก็เสียสมาธิ เสียลมด้วย เบ่งให้ยาว เบ่งให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
    เมื่อสุดแรงเบ่ง หายใจเข้าลึกๆ แล้วเบ่งซ้ำในขณะที่ยังท้องแข็งเจ็บครรภ์ เวลาเบ่งเอาก้นติดเตียงไว้ อย่าให้ก้นลอยเด็ดขาด ไม่งั้นอุ้งเชิงกรานจะเกร็จทำให้หัวเด็กติด
    4.            อย่าปล่อยให้ความอาย หรือการกลั้นอุจจาระปัสสาวะเป็นอุปสรรคในการออกแรงเบ่ง ไม่ควรกังวลในกรณีที่มีอุจจาระหรือปัสสาวะออกพร้อมกับการเบ่งคลอด เพราะทุกคนในห้องคลอดมองเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งปกติธรรมดา พร้อมที่จะทำความสะอาดให้ผู้คลอดตลอดเวลา แบบว่าถ้าขี้จะแตกอยู่แล้วก็ให้มันพุ่งกระจายออกมาเลย (อย่าให้มันโดนหน้าหมอเป็นอันพอ^_^)
    5.            อย่าตกใจหรือเสียขวัญ ในการที่มองเห็นศีรษะเด็กโผล่ออกมาแล้วผลุบหายไป การผลุบๆโผล่ๆ นี้เกิดตามจังหวะการเบ่งและการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก
    หลังจากคลอดศีรษะได้ คุณแม่ต้องหยุดเบ่งสักครู่ รอให้คุณหมอและพยาบาลดูดเสมหะและน้ำคร่ำออกจากปากและจมูกเด็กให้เสร็จก่อน ถ้ารีบเบ่งออกมาเลยเด็กอาจลำลักน้ำคร่ำที่ค้างอยู่ได้ เมื่อดูดเสมหะกับน้ำคร่ำเสร็จ หมอหรือพยาบาลที่ทำคลอดก็จะดึงไหล่และตัวเด็กออกมาได้เองโดยคุณแม่ออกแรงช่วยเพียงเล็กน้อย หลังจากเด็กออกมาแล้ว จะเป็นการทำคลอดรก เป็นหน้าที่ของหมอและพยาบาล คุณแม่นอนเฉยๆก็พอ ส่วนมากตอนนี้ทางคนที่รับเด็กไปจะอุ้มเด็กมาให้คุณแม่ดูและอาจให้กินนมแม่เลยเป็นการสานสัมพันธ์แม่-ลูกตั้งแต่แรกคลอด



           อุแว้
    …. อุแว้…. เสียงของชีวิตใหม่ที่กำลังลืมตาดูโลกระงมไปทั่วห้องคลอด ภาพการกำเนิดของชีวิตนี่ คิดๆแล้วก็น่าอัศจรรย์ใจ เมื่อตะกี้เจ้าตัวน้อยยังอยู่ในท้องแม่อยู่เลย ตอนนี้ออกมาอยู่ในมือของเราแล้ว แน่ะ มันมองหน้าเราด้วย เป็นอันว่าคนแรกที่เด็กเห็นหน้าก็คือหมอที่ทำคลอดนี่เอง ไม่ใช่แม่หรือพ่อซักหน่อย จะมียกเว้นแต่อาจารย์ที่นี่ เพราะแกขี้โกง เล่นทำคลอดให้ภรรยาตัวเอง เด็กเลยได้เห็นหน้าพ่อก่อนเพราะพ่อทำคลอดเอง >_<
    หลังจากการทำคลอดเด็กและคลอดรก หน้าที่สุดท้ายของEXTERNแบงค์ก็มาถึงเสียทีนั้นคือการเย็บฝีเย็บที่ถูกตัดขาด หรือขาดเองตอนเด็กคลอดออกมา ซึ่งทุกอย่างก็ต้องมีมือใหม่เป็นธรรมดา ขนาดรถยังมีมือใหม่หัดขับ หมอก็ต้องมีมือใหม่หัดเย็บ EXTERNแบงค์ก็ถือได้ว่าเป็นมือใหม่เหมือนกัน แถมเป็นมือใหม่สุดๆ สมัยอยู่ปีสี่ก็ไม่เคยทำ ได้แต่ดูเขา คราวนี้ต้องมาทำจริงเสียแล้วครับท่าน สงสารคุณแม่เคสแรกที่ถูกEXTERNแบงค์เย็บ อาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไร แบบว่าพอไปได้น่ะ อยากจะขอโทษเหลือเกิน แต่กลัวเสียฟอร์ม คิดในใจเอาหน่า ตรงนั้นไม่มีใครเขาดูหรอกนอกจากสามีเขา หวังว่าสามีเขาคงไม่ว่านะ -_-“
    “ขอบคุณมากค่ะ คุณหมอ” คุณแม่เอ่ยคำพูดนี้กับEXTERNแบงค์ก่อนจะถูกเข็นไปห้องพักฟื้น ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดลงไปอีก
    หลังจากนั้นEXTERNแบงค์เลยตั้งปณิทานว่าคราวหน้าจะเย็บให้สวยเชียวคอยดู ในที่สุดหลังจากผ่านการลับฝีมือมาหลายเคส
    เป็นไงบ้างครับพี่” EXTERNแบงค์เรียกพี่พยาบาลให้มาดูผลงานล่าสุด
    “คราวนี้เย็บสวยเชียว เหมือนใหม่เลย” พี่พยาบาลชม
    “เย้ !” EXTERNแบงค์ดีใจสุดๆครับ
     
    แต่ใช่ว่าการเบ่งคลอดจะยากทุกคน
    แม่บางคนท้องหลัง เช่น คุณแม่ท้องสี่ ท้องห้ามากด้วยประสบการณ์มาขึ้นโรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บครรภ์คลอด ร้องโอดโอยเพียงเล็กน้อย มานอนแปล๊บเดียวปากมดลูกก็เปิดหมด จึงย้ายเข้าห้องทำคลอด ขึ้นนอนบนเตียงขาหยั่ง เบ่งคลอดแปล๊บเดียวเท่านั้น เด็กก็พรวดพราดออกมาจากช่องคลอด บางคนปากช่องคลอดขยายไม่ขาดเลย มีถลอกเล็กน้อยไม่ต้องเย็บด้วยซ้ำ
    “หมอเสร็จแล้วใช่ไหม?” คุณแม่ช่ำประสบการณ์ถามEXTERNแบงค์
    “เอ่อ เสร็จแล้วครับ” EXTERNแบงค์ตอบ
    “งั้นชั้นขอย้ายไปห้องพักเลยแล้วกันนะ”
    จากนั้นคุณแม่ช่ำประสบการณ์ก็ถูกย้ายไปตามคำขอ มันจะรวดเร็วอะไรแบบแวะมากินมาม่าแล้วก็จากไปขนาดนี้

    ประกาศ ขณะนี้ผู้เขียนกลับมาเขียนบทความอีกครั้ง โดยจะย้ายไปที่http://thedoctorstory.blogspot.com/ 
    บ้านแห่งใหม่น้องๆใครเล่นfacebookสามารถติชมผ่านid เฟสบุ๊คได้โดยตรงเลยครับ ;-D
      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×