คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter: 6 สอบผ่าน
Chapter: 6 สอบผ่าน
“งั้นนายก็คู่กับฉันสินะ”รุ่นพี่ผมทองยิ้มให้เขาพร้อมเรียกทวนสีแดงสดเข้ามาในมือ “จะได้แก้มือเมื่อคราวก่อนเสียเลย”
“แก้มือ... อืม ผมไม่ยักกะเคยจะจำได้ว่าเคยสู้กับใคร สงสัยต้องค้นสมองใหม่อีกรอบแล้วมั้งเนี่ย ใช่ไหมฮะ”เรฟยังคงเล่นลิ้น เจ้าตัวปล่อยมือลงข้างตัวสบายๆ แต่สายตาของผู้เป็นรุ่นพี่มองมาราวจะค้นหาบางอย่าง
...ประลองคราวนั้น เจ้านี่ก็ใช้ท่านี้ตอนเริ่ม และจบสุดท้ายด้วยความพ่ายแพ้ยับเยินของเรา คราวนี้จะเอาอะไรออกมาโชว์อีกล่ะ...ผู้เป็นรุ่นพี่คิดในใจอย่างมุ่งมาด
“แล้วคราวนี้จะใช้ภูติตนไหนล่ะ ภูติไฟ หรือภูติน้ำ หรือทั้งหมดก็ได้นะ”ถ้อยคำที่ส่งไปทำให้เด็กหนุ่มสะเทือนเล็กน้อย ความรู้สึกเจ็บในสมองลั่นปรี๊ด
“ไม่หรอกครับ”เด็กหนุ่มตอบกลับ พลางยกมือด้านซ้ายขึ้น “คราวนี้ผมจะใช้พลังของผมเองนี่แหละ”พูดยังไม่ทันจบคำ ลูกพลังสีทองอร่ามก็พุ่งเฉียดตัวของรุ่นพี่ออกไป ยังดีที่เขารู้ตัวจึงกางเกราะป้องกันธาตุไฟไว้ก่อนไม่งั้นคงเดี้ยงทั้งที่ยังไม่ทันจะสู้ เขาตั้งท่าใหม่พร้อมมองไปที่เด็กหนุ่มที่ยังยิ้มมาให้เขา ราวเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
...บ้าน่า แตกต่างจากตอนก่อนลิบลับ หรือว่าพลังในตอนนั้นจะใช้ภูติตนเดียวนั่นจริงๆ..
คิดเสร็จ เขาก็พุ่งตัวเข้าด้วยความเร็วสูงพร้อมฟาดทวนคิดจะจบการประลองเพียงครั้งเดียว! แต่กลับผิดคาดเมื่อเด็กหนุ่มเอี้ยวตัวไปด้านหลังอย่างหวุดหวิด แล้วยังไม่วายโดนแซว
“โห ใช้ของมีคมไม่ดีนะครับ”เด็กหนุ่มกล่าวยิ้มๆ แต่ในใจกลับร้อนรนอย่างหนัก
...ตอนนี้แค่ยืนอยู่ได้ก็พอทนแล้ว การฟื้นความทรงจำมันใช้พลังงานมาก ขืนให้ยืดเยื้อต่อไป เราเองนี่แหละที่จะโดนเก็บ...คิดเสร็จเด็กหนุ่มก็พุ่งตัวเข้าไปหารุ่นพี่ของตน พร้อมแซ่ยาวสีเขียวมรกตที่อยู่ในมือ
เปรี๊ยย! เพียงครั้งเดียว แผ่นดินแถวนั้นก็แตกออกเป็นรอยแหว่งบอกถึงพลังทำลายของมันที่มากขึ้นด้วยความปรารถนาของผู้ใช้
“เอส ช่วยทีนะ”
...ค่ะ...
เด็กหนุ่มเจ้าของแส่หวดแส้ของเขาไปมาส่งเสียงกรีดอากาศอื้ออึงราวต้องการจะบั่นทอนจิตใจของฝ่ายคู่ต่อสู้ที่ตอนนี้ ชักไม่มั่นใจแล้วว่าเรฟในอดีตและเรฟในปัจจุบันใช่คนเดียวกันรึเปล่า
แส้มรกตนั้นหวดไปที่รุ่นพี่ชายที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากหลบอย่างเดียว ที่เด็กหนุ่มใช้ทวนต้องขอชมว่าเลือกได้เยี่ยมมาก เพราะทวนของเขาเหมาะใช้ในระยะประชิด ถ้าประชิดตัวคู่ต่อสู้ไม่ได้ก็ไม่อาจทำอะไรได้ และแส้ก็เป็นอาวุธที่มีระยะโดยรอบกว้างขวางถึงแม้จะควบคุมได้ยากก็ตาม
รุ่นพี่ผมทองรับแส้มรกตนั้นก็ยากเต็มทีและเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าความจำที่บอกว่าคืนมานิดเดียวนั่นจริงรึเปล่า ทำไมสามารถสู้กับเขาได้ต่างชั้นกันขนาดนี้...
แต่จู่ๆแส้ที่โจมตีอย่างดุเดือดเมื่อครู่ก็หายไป พร้อมกับเด็กหนุ่มเจ้าของแซ่ที่เอนซ้ายเอนขวาก่อนจะล้มลง แต่ดีที่แอลคว้าตัวไว้ได้ทัน ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”รุ่นพี่ที่เป็นคู่ต่อสู้สลายทวนรีบวิ่งมาหาเร็วไว แอลมองหน้าเขานิดหน่อยเมื่อตรวจอาการเด็กหนุ่มอย่างคร่าวๆเสร็จ
“ความจำกลับคืนมาเร็วเกินไป ร่างกายคงจะปรับตัวไม่ทัน ที่ต่อสู้ได้เยี่ยมเมื่อกี้ก็คงเพราะต้องฝืนตัวก็เลยเผลอใช้พลังเกินไปจนเป็นอย่างนี้แหละ”
“ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแต่กลับไม่ใช้พลังของภูติตัวเอง”รุ่นพี่อีกคนพูดขึ้นอย่างติดใจ
“ก็เพราะความจำนั่นกลับคืน ร่างกายคงจะรับพลังอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองได้ไม่ไหวหรอก จึงต้องใช้แต่พลังของตัวเองเท่านั้น แต่ยังไงก็ตามเดี๋ยวพาเรฟไปที่เต็นท์พยาบาลหน่อยแล้วกันนะ ลำบากหน่อยนะ คริส”
“ช่างเหอะ เราก็ทำอย่างนี้ประจำไม่ใช่เหรอ ตอนเจ้านี่คุมสติไม่ค่อยได้น่ะ”
“อย่าฟื้นเรื่องเก่าได้ไหม นึกถึงตอนนั้นแล้วเสียดายงบประมาณหอชะมัด”แอลบ่นอย่างอดเสียไม่ได้ครั้งแรก เล่นเอาคนที่มองดูอยู่อดหัวเราะไม่ได้ เห็นเงียบๆอย่างนี้ แต่พอมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เป็นอันว่าต้องมีคนๆนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ประมาณว่าถ้าเป็นเจ้าชายน้ำแข็ง ก็น้ำแข็งเค็มที่เกิดมาจากทะเลแท้ๆ...
ทางด้านฝั่งคู่อื่นๆนั้นก็ยังคงสู้อย่างดุเดือดต่อไป แต่ยังไงซะผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าก็ได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว ทางด้านรุ่นน้องจึงได้แต่ตั้งรับอย่างเดียว ยกเว้นเพียงคู่ของเกรและพี่สาวที่ดูจะรู้ทางกันดีเสียจน ใครพลาดแค่วินาทีเดียวก็อาจพ่ายแพ้อย่างราบคาบไปเลยก็ได้
เสียงปามีดดังสลับกันในป่าอย่างต่อเนื่อง เกรที่ตอนนี้อยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งกวาดสายตาไปรอบๆ มองหาคนที่อาจจะส่งมีดมาหาเขาอีกเมื่อไหร่ก็ได้
เฟี้ยว! ใบมีดเฉียดหูเขาไปเล็กน้อยแต่ถ้าหลบไม่ทันคงได้เจาะเข้ากลางกะบาล เด็กหนุ่มคว้ามีดใบพัดห้าหกใบคว้างไปทางทิศที่มีดถูกปามาถึงกระนั้นเขาก็ยังคงโดนมีดบินโจมตีอยู่อย่างต่อเนื่องด้วยทิศทางที่แตกต่างกันออกไปทั้งที่ปาออกมาด้วยเวลาชิดๆกัน บอกถึงความเร็วระดับสูงที่เด็กสาวมีเหนืองกว่าผู้เป็นน้อง!~
“เป็นไง ไอ้น้องรัก เหงื่อตกแล้วรึไง เดี๋ยวได้เจอรำมีดพิฆาตอีกหรอก”เสียงเย้าแหย่ที่ไม่รู้ต้นเสียงปลายทางส่งมาให้เด็กหนุ่มที่แยกเขี้ยวขวับ
“เมทเทอร์ อาร์ม”เสียงเรียกของเกรดังสะท้อนป่าบ่งบอกถึงอาการเครียดจัดของเจ้าตัว ถุงมือเหล็กกล้าปรากฏออกมาตรงหน้า เขาใส่มันอย่างรวดเร็วและเริ่มการไล่ล่าอีกครั้ง ครั้งนี้มันเป็นการไล่ล่าที่ดุเดือดแต่ก่อนมาก เพราะทั้งสองเริ่มจะเอาจริงๆเสียแล้ว
“ว่าไงพี่ คราวก่อนผมแพ้พี่ แต่ตอนนี้...ผมขอเอาคืนหน่อยล่ะ”จบคำใบมีดเหล็กก็พุ่งออกมาจากถุงมือเหล็กนั้น ตรงไปยังกิ่งไม้กิ่งหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าด้วยความเร็วระดับนรก ร่างของหญิงสาวหลบหลีกอย่างว่องไวและกระโดดไปอีกกิ่งที่อยู่ถัดไป จ้องมองเจ้าน้องชายที่ไม่ได้ประมือกันแค่สามเดือนแต่ฝีมือก้าวล้ำไปมากอย่างท้าทาย
“เอาสิ ทำให้ฉันเห็นหน่อยเถอะ ไอ้ผลการฝึกของแกนั่นน่ะ”ว่าแล้วก็ร้องท้าไป กระโดดขึ้นไปอีกกิ่ง พร้อมสะบัดมีดบินสี่เล่มที่ปรากฏในมือเธอ กลับไปยังเจ้าน้องชายที่ยังคงนิ่ง แต่เธอก็ต้องเบิกตาอย่างฉงนเมื่อเจ้าน้องชายสามารถปัดใบมีดของเธอออกจากวิถีของมันได้ แถมยังส่งมีดกลับมาหาเธอได้ด้วยความเร็วไม่แพ้กัน หญิงสาวขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยเพื่อหลบมีดนั้น
เฟี้ยว!
“เฮ้ย!”หญิงสาวอุทานลั่น ก่อนจะที่กำแพงเหล็กจะเข้ามากั้นตรงหน้าเธอเสียงปะทะของอะไรบางอย่างดังลั่น และเมื่อลดเกราะเหล็กลงก็เห็นเจ้าน้องชายยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าแล้ว
“เป็นไงฮะ พายุเข็มเหล็กของผม อย่าลืมสัญญาล่ะฮะ”คำพูดยั่วยวนพร้อมรอยยิ้มที่หญิงสาวต้องตอบโต้กลับอย่างหมั่นไส้
“เออ ชิ สุดท้ายก็ต้องแพ้พนันแกจนได้”หญิงสาวสบถออกมาอย่างเสียดาย พร้อมสลายเวทย์ทั้งหมดเช่นเดียวกับเกรที่เดินมาหาพี่ตน
“เอา! เอาไป เซ็งจริงดันเกิดเจอน้องอย่างนี้”
“น้องยังไง”เกรถามกลับเสียงห้วนแต่ดูท่าคงไม่ต้องการคำตอบนักเพราะห่อผ้าสีกำมะหยี่ลอยเข้ามาหามือเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“ใช้ให้ถูกที่ถูกเวลาด้วยละ ฉันขี้เกียจกลับไปฟังคุณอาเดอร์บ่นอีก”หญิงสาวผู้พี่ย้ำครั้งสุดท้ายก่อนเดินจากไป ทิ้วไว้เพียงความเงียบสงบของป่าและเด็กหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งตอนนี้ดวงตาสีเทากลับเปล่งประกายพราวราวเจอของเล่นใหม่!
ข้างสระน้ำที่เลือกเป็นที่ประลองสำหรับคู่ของเมนาสและรุ่นพี่ที่มาแนะนำตัวทีหลังว่าชื่อ ดรัม...
เวลาผ่านไปแต่ทั้งคู่ก็ยังสงบนิ่งจ้องมองคู่ต่อสู้ด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่แม้แต่จะแสดงอารมณ์ออกมาแม้แต่น้อย
“เริ่มกันเลยดีกว่า ยืดเยื้อพาลจะเสียเวลา”ในที่สุดผู้เป็นรุ่นพี่ก็เอ่ยขึ้นก่อน ดาบขนาดใหญ่ปรากฏบนมือของเขา ตลาดทั้งเล่มเป็นแร่หายาก สีสนิมของมันสะท้อนแสงนวลดูแปลกตา เขาวาดดาบไปด้านข้างแล้วนิ่งไปราวต้องการจะให้เด็กหนุ่มโจมตีมาก่อน
เมนาสมองภาพตรงหน้า ยิ้มมุมปากนิดๆอย่างที่คนอย่างเขาจะไม่ทำง่ายๆ
...คนตรงหน้าแกร่งจริง น่าสนุกแล้วสิ...
“ไอส์คราส!~”น้ำจากสระพุ่งขึ้นมาในแนวดิ่งและตรงเข้าไปหาชายหนุ่มรุ่นพี่ น้ำที่เคยเป็นของเหลวแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็วคล้ายมีดปลายแหลม ชายผู้เป็นรุ่นพี่ใช้ดาบใหญ่ตวัดตัดน้ำแข็งออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นเด็กหนุ่มเจ้าของเวทย์กลุ่มยิ้มยิ่งกว่าเดิม ลิ่มน้ำแข็งเหล่านั้นหยุดนิ่งกลางอากาศ กว่าที่ดรัมจะไหวตัวทัน ลิ่มน้ำแข็งที่เขาฟันเองก็พุ่งตรงมาหาเขาแล้ว
“การ์ด!~”เขาร้องเรียกหาสิ่งป้องกันโดยเร็ว พื้นดินด้านใต้เท้าผุดขึ้นมารายรอบเข้าไว้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีลิ่มน้ำแข็งหลุดรอดเข้ามาทำร้ายเขาได้
...เจ้าเด็กนี่...พลังเวทย์มากมายขนาดนี้ ใครกัน...สายตาอันคมกริบมองไปยังเด็กหนุ่มที่ยังยืนยิ้มให้เขาอยู่ นัยน์ตาสีนิลนั้นยังสงบนิ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมนาสชูมือขึ้นเหนือหัวตนก่อนที่ละอองความชื้นรอบๆตัวเขาจะอัดตัวกันควบแน่นกลายเป็นดาบน้ำแข็งที่ใสราวน้ำในมหาสมุทรแต่กลับแข็งแกร่งระดับเหล็กกล้า เด็กหนุ่มหยิบมันด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะส่งกระแสเวทย์ลงไปอีกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
ทั้งสองประจันหน้ากันอีกครั้ง และคราวนี้เวทย์ไม่เกี่ยวฝีมือดาบล้วนๆ
“จะดีเหรอ”ดรัมถามขึ้น ไม่ใช่เพราะดูถูกแต่ถามจริงๆ ก็ดูท่าว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะถนัดเวทย์มากว่าดาบ
“ผมอยากเอาชนะพี่ให้ได้ด้วยดาบนี่แหละ”เมนาสกล่าวเสียงมุ่งมั่น จากนั้นทั้งสองก็พุ่งตัวเข้าหากันด้วยความแรกมากกว่าเดิม แต่กระนั้นเมนาสก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทั้งด้านรูปร่างและความแรงของการลงดาบ
เสียงปะทะกันของดาบดังอย่างต่อเนื่องและจบลงด้วยดาบของเมนาสนั้นหลุดจากการควบคุม ก่อนที่ดาบอีกเล่มจะเข้ามาพาดคอเขาพอดี
“คราวหน้า ชนะฉันให้ได้ล่ะ”ดรัมกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย พลางลดดาบลง เป็นเวลาเดียวกันกับที่พี่ของเกรจะมาเรียกพอดี เนื่องจากมีกลุ่มใหม่เข้ามาอีกแล้ว...
น้ำหนักของร่างกายที่เพิ่มขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าเมื่อรู้สึกตัว ทำให้เรฟไม่สามารถที่จะขยับตัวได้แม้แต่จะลองกระพริบตา แต่พอลองให้พลังเวทย์ถ่ายเทไปทั่วร่างกาย เขากลับมีพลังอีกครั้งแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตามที เปลือกตาบางกระพริบไปมาเพื่อปรับแสง นัยน์ตาสีน้ำเงินฉายแววความฉงน
...คงเป็นเต็นท์พยาบาลล่ะมั้ง ว่าแต่ใครพาเรามาล่ะเนี่ย...คิดได้อย่างนั้น ก่อนที่ใครบางคนจะเดินเข้ามาข้างเขา หญิงวัยกลางคนผมดัดสีฟ้ายาวสลวยถึงกลางหลัง ใบหน้าที่เสริมด้วยลิปสติกสีแดงและปัดแป้งเล็กน้อยยิ้มให้เขา ชุดที่เธอสวมเป็นชุดกราวยาวสีขาวของหมอ ซึ่งยืนยันได้ว่าข้อสันนิฐานของเขานั้นถูกต้อง
“มีเรื่องให้ฉันต้องรักษาบ่อยจริงนะ คราวนี้ก็ฝืนตัวเองจนหมดสติ บ้าจริงเลยเชียว”หญิงในชุดกราวต่อว่าเขาด้วยท่าทีเป็นกันเองขณะตรวจอาการอีกครั้ง แม้เขาจะจำไม่ได้ว่าคนตรงหน้าคือใคร แต่ก็อดยิ้มตามเธอไม่ได้
“ว่าไง ลืมตาได้แล้วเรอะ”น้ำเสียงกวนๆดังออกมาจากนอกเต็นท์ตามมาด้วยร่างของผู้พูดที่พากันยกขบวนเข้ามาเป็นทีมฟุตบอล แต่เมื่อเห็นคนที่อยู่ด้านหน้าเรฟก็เกิดอาการคิ้วขมวดทันที
...ดาริว มานี่ทำไม...เขาคิดในใจ แต่พอคนทักเห็นสายตาอย่างนั้นก็ยิ้มค้าง
“อย่าบอกนะว่ายังจำฉันไม่ได้น่ะ...”
วืด วืด เรฟส่ายหน้าเป็นเชิงไม่รู้จริงๆ ขณะที่ดาริวกลายเป็นดอกไม้เหี่ยวกลางเต็นท์ไปเสียแล้ว...
“เอาๆ พวกเธอต้องไปรอรับพวกเด็กปีหนึ่งใหม่ไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาอยู่ที่นี่ทำไม มันกวนคนป่วยคนอื่นนะ ไปได้แล้ว”เสียงไล่จากพยาบาลข้างตัว ทำให้เหล่ารุ่นพี่แตกฮือออกไปโดยทันที
...โหย มีอิทธิพลมากนะเนี่ย...เรฟยิ้มขำๆและหุบยิ้มลง เมื่อคนโดนนินทาเมื่อครู่หันหลังกลับมา
“คราวนี้นี่แย่ของจริงเลย แค่จะขยับปากพูดก็ยังทำไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย ไม่เป็นไรเดี๋ยวใช้เวทย์ช่วยเสริมกับการพักผ่อนมากๆ อย่าพยายามขยับตัวให้มากก็ดีแล้วล่ะ เอาล่ะนอนอยู่นิ่งๆ เดี๋ยวฉันจะรักษาให้”
...ถึงอยากขยับก็ขยับไม่ได้อยู่แล้วนี่ครับ...เขาคิดและหลับตาลงนอนอย่างสงบโดยดี สักพักความรู้สึกอุ่นๆสลับกับความเย็นสบายก็ซึมซาบเข้ามาในร่างกายของเขาทีละเล็กๆ และพลังนั้นก็ช่วยให้การทำงานในร่างกายของเขาผ่อนแรงลงไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ร่างกายรู้สึกเบาก่อนที่เขาจะหลับลงอีกครั้ง...
ในขณะนั้นเองที่พวกเกรกำลังดูประกาศการเลือกหอกันอยู่ นักเรียนจำนวนมากมายต่างพากันแย่พื้นที่หน้าบอร์ดในการเข้าไปตรวจรายชื่อของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งพอเห็นอย่างนี้แล้ว พวกเกรที่มาทีหลังก็ต้องถอนหายใจเฮือกปนความเสียดาย ทั้งที่พวกเขาผ่านเป็นคนแรกๆแท้ๆเชียว
“อย่างนี้ลำดับการสอบได้ก่อนหลังก็ไม่มีประโยชน์น่ะซี”เด็กสาวในกลุ่มพวกเขาบ่นขึ้น เมื่อพวกเขาเลือกที่จะนั่งรอให้จำนวนคนน้อยลงหกว่านี้ก่อนแล้วค่อยเข้าไปดู ที่ตอนหลังพึ่งมาแนะนำว่าชื่อ แพนนา อิคาเรค บุตรสาวเจ้าของโรงแรมร้อยล้านนั่นเอง...
“ก็ใช่ว่าจะไม่มีนะ”เพอร์ซิสเดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมรอยยิ้มสวยของเจ้าตัว
“พี่เพอซิส สวัสดีอีกครั้งค่ะ”แพนนาทักด้วยความยินดี ทั้งที่เจอกันตอนแรกก็ออกจะเกลียดขี้หน้าด้วยซ้ำ
“แล้วที่บอกว่าก็ใช่ว่าจะไม่มีนี่หมายความว่ายังไงน่ะครับ”เกรถามถึงประโยคที่รุ่นพี่กล่าวเมื่อครู่อย่างสนใจ
“ก็ ผู้ที่มาถึงก่อนล้วนจะมีสิทธิทำอะไรหรือเลือกอะไรได้ก่อนน่ะสิจ๊ะ อย่างการจับฉลากหรือเลือกของอย่างนี้น่ะ แล้วก็ยังมีอันดับผู้ที่ได้คะแนนสอบมากที่สุดห้าอันดับ จะมีสิทธิเป็นคณะกรรมการนักเรียนประจำหอนั้นๆอย่างอัตโนมัติยังไงล่ะจ๊ะ”
“อ๋อ แล้วไอ้ห้าอันดับที่ว่านี่...”
“จะประกาศตอนนี้เนี่ยล่ะจ๊ะ แต่เอ๋พวกดาริวมาแล้วนี่นา สงสัยโดนคุณมาเรียมไล่มาอีกแน่เลย”เพอซิสหันไปมองกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่เดินกลับมาจากป่าด้วยรอยยิ้มขบขัน
“พวกเธอก็ไปเยี่ยมเรฟเขาก็ได้นะ แต่ต้องหลังจากการแบ่งหอเสร็จแล้วนะ”เพอซิสกล่าวเชิญชวน อย่างใจดี
“ครับ ขอบคุณครับ เอะ นั่นคนว่างแล้ว เราไปกันเถอะ”เกรร้องขึ้น พลางลากอีกสองคนให้ตามไปด้วย โดยมีสายตาของเพอซิสจ้องตามไปอย่างเสียดาย
...คงไม่พ้นเจ้าพวกนั้นอีกแน่ๆ เสียดายจัง...
“เฮ! หอเงินเหมือนกันเลยดีใจจังเลยเนอะเมนาส แพนนา เรฟก็ติดมาด้วย”ยิ่งมีเสียงเฮจากเกรนั่นแล้วยิ่งแล้วใหญ่
...ไม่ผิดจริงๆ คนที่น่าสนใจคนอื่นๆคงไม่วายโดนสอยเหมือนกันล่ะสิเนี่ย เฮ้อ...คิดไปก็เปล่า เจ้าตัวจึงตัดสินใจเดินไปเตรียมรับน้องใหม่ดีกว่า
“เฮ้ย!~ ไอ้เรฟมันติดเต็งหนึ่งเลยนี่”เกรร้องขึ้นอีก แต่คราวนี้เป็นน้ำเสียงของความตกใจ “แล้วยังมี...เมนาส นายก็ติดอันดับด้วย อิจฉาชิบ พวกแกได้เรียนฟรีด้วยอ่ะ”
รายชื่อผู้ที่สอบได้ห้าอันดับแรก
จากคะแนน 100 ได้ คะแนนสูงสุดได้ 92 คะแนน
อันดับ | ชื่อ | สังกัด | ด่าน 1 | ด่าน 2 | ด่าน 3 | ด่าน 4 | ด่าน 5 | รวม |
1 | เรฟารอส คาเวเรีย | เงิน | 19 | 15 | 20 | 20 | 18 | 92 |
2 | แอนดรู ล็อกซ์ | เงิน | 18 | 17 | 18 | 16 | 18 | 87 |
2 | เฟรซิน่า คาเบนดา | เงิน | 19 | 16 | 19 | 16 | 17 | 87 |
4 | เบเรียล เพนากอน | ดำ | 17 | 18 | 17 | 18 | 15 | 86 |
5 | โรนอฟ ซาโดเรีย | ทอง | 17 | 19 | 16 | 17 | 16 | 85 |
5 | เมนาส เกรริเวีย | เงิน | 20 | 18 | 15 | 15 | 17 | 85 |
หมายเหตุ : ผู้ที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้ สามารถดำรงตำแหน่งคณะกรรมการนักเรียนประจำสายชั้นในหอนั้นๆ และมีสิทธิ์รับการยกเว้นในการจ่ายค่าธรรมเนียมใดๆในชั้นปีที่หนึ่งทั้งหมด
เกรเขย่าตัวเมนาสที่เหมือนแข็งเป็นรูปปั้นเสียแล้วเมื่อเห็นรายชื่อตนเองอย่างอิจฉา
“นายชื่อเมนาสเองเหรอเนี่ย”เด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม เขามีผมสีแดงเข้มเป็นเงายาวถึงต้นคอ ตาที่เป็นสีแดงอ่อนมีแววของผู้นำ ผิวขาวแบบคนสุขภาพดี ท่าทางของเขาดูสง่างามราวหลุดมาจากหนังสือนิยาย
“ฉัน แอนดรู ล็อกซ์ ยินดีที่ได้รู้จักพวกนายทุกคนนะ ยังไงเราก็อยู่หอเงินเหมือนกันนี่”
“อืม เมนาส เกรริเวีย ยินดีเช่นกัน”
“นายทักฉันด้วยรึเปล่านี่”เกรถามออกมาอย่างเสียมรรยาท จนแพนนาที่อยู่ด้านหลังต้องกระทุ้งศอกเข้าใส่อย่างแรง
“ก็ด้วยสิ รู้จักกันไว้เยอะ ดีจะตาย”แอนดรูมองเขาขำๆ พร้อมรอยยิ้มสุภาพชนของเจ้าตัว
“เกรวาส ชาน แล้วยัยนั่น แพนนา... อะ เอ่อ นามสกุลเธออะไรนะ”เกรหันไปถามเด็กสาวที่ตอบกลับทางสายตาว่า ถ้าจำไม่ได้ก็จะแนะนำให้ทำไม
“แพนนา อิคาเรคจ๊ะ พวกนายนี่เก่งจังได้ที่สองซะด้วยสิ”แพนนาชมเด็กหนุ่มที่หัวเราะทันที
“ฮะๆ ฉันมันก็พวกใช้ดวงผ่านมาแค่นั่นแหละ สู้คนที่ได้ที่หนึ่งไม่ได้หรอก ว่าแต่พวกนายรู้จักเขารึเปล่าล่ะ”
“รู้สิ สอบมาด้วยกันทำไมไม่รู้”เกรตอบพลางยืดตัวเองจนแพนนายังอดหมั่นไส้ไม่ได้
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนล่ะ”
“เฮ้อ เจ้าหมอนั่น โดนรุ่นพี่แบกเข้าเต็นท์พยาบาลไปแล้ว เห็นว่าหมดสติตอนต่อสู้”คนตอบถอนหายใจเฮือกกับคนที่ป่วยไม่รู้เวลา
“แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าล่ะ”
“ไร้แม้แต่รอยขีดข่วน ตอนนั้นฉันจะแพ้เจ้าหมอนั่นแล้วนะ แต่เจ้านั้นอยู่ๆก็ล้มลงไปตกใจหมดเลย”แต่อีกเสียงที่ตอบกลับจากด้านหลังของเขา เมื่อหันไปมองก็เห็นชายหนุ่มนัยน์ตาสีส้มที่มองมายิ้มๆ ที่ไม่รู้โผล่มาตั้งแต่ตอนไหน
“หวัดดีอีกรอบ ฉันคริส อาเบรียน คณะกรรมการนักเรียนหอเงิน ยินดีที่ได้พวกนายมาเป็นรุ่นน้องน่ะนะ”เขาแนะนำตัวพร้อมขยิบตาอย่างขี้เล่น
“เอ่อ ครับ เช่นกันครับรุ่นพี่คริส”แอนดรูที่ยังพอมีสติมากที่สุดเอ่ยตอบกลับไป
“ตอนนี้พวกนายก็เดินไปเข้าแถวสิ นั่น เขาเรียกรวมกันแล้ว”แอลที่เดินตามมาพูดกับพวกเขาก่อนเดินจากไป แต่กระนั้นก็ยังสร้างบรรยากาศหนาวเย็นให้รำลึกแก่รุ่นน้องเป็นอนุสรเตือนใจตนเองอีกด้วย ว่าคนๆนี้ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วยเป็นอย่างยิ่ง!
“แฮ่ เจอลำแสงน้ำแข็งพิฆาตของเจ้าแอลมันตั้งแต่ยังไม่ก้าวเข้าหอแล้วไหมล่ะ”คริสยิ้มให้รุ่นน้องของตนที่โดนกลยุทธ์บังคับรุ่นน้องได้อย่างชะงัดงันของรองหัวหน้าหอตัวดีเข้าเต็มเปา...
ขณะนั้นเอง เรฟที่ยังคงไม่มีแรงจะเดินก็ยังคงนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง เป็นคนไข้ที่ดีของคุณมาเรียม คุณครูพยาบาลประจำหอฟ้าต่อไป
...น่าเบื่อตายชัก ไม่มีอะไรให้ทำเลยรึยังไงเนี่ย เอส เดรอน พวกนายยังอยู่ไหม...
...อยู่ครับ/ค่ะ แล้วจะให้ดิฉันไปไหนได้ล่ะคะ ท่านเรฟยังไม่มีแรงขนาดนี้นะ ดิฉันไม่น่าตามใจท่านเลย ไม่อย่างนั้น ฮึก ๆๆ ฮือ~...จากนั้นบทโศกของภูติสาวชาวพฤกษาก็เริ่มขึ้น ทำเอาเรฟเบิกตากว้าง ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
...อะ เอ่อ ฉันผิดเอง เธอไม่ผิดหรอก ถ้าฉันยอมแพ้ตั้งแต่ต้น ตัวเองก็ไม่ต้องมานอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่นี่หรอก ขอโทษนะ อย่าร้องสิ~
เรฟขอร้องเสียงอ่อนเพราะตั้งแต่เกิดมาเขาก็ไม่เคยปลอบผู้หญิงสักครั้ง อย่างน้อยก็ที่ตัวเองจำได้ล่ะ...
...แง~
แต่เอสก็ยังร้องต่อไป ท่ามกลางความหนักใจของเจ้านายหนุ่มและความรำคาญของหนุ่มภูติแห่งดารเกอร์ที่อยู่ด้วยกัน
...หยุดร้อง ถ้าไม่อยากให้ฉันเรียกเจ้าซีคมา...เดรอนกล่าวเสียงเฉียบขาดและได้ผลเมื่อภูติสาวหยุดร้องไห้ หันขวับเขม็งหนุ่มภูติแทน
...อย่าเรียกมาเด็ดขาดนะ!...เอสร้องขึ้นอย่างตกใจ ใบหน้าซีดเผือกทันทีเมื่อได้ยินชื่อบุคคล คนนั้นคนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุด
...เอ...จะว่าไปแล้ว เจ้าเซนมันก็น่าจะรู้ถึงพลังของท่านเรฟแล้วนี่ สงสัยยังติดไอ้บัญชาแปดประการของท่านเรฟแน่เลย ก็ให้คำสั่งยากขนาดนั้นนี่...เดรอนกล่าวพลางนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น คำสั่งที่พวกเขาได้มา บัญชาแปดประการที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าไปช่วยเจ้านายของตนต่อสู้ในสงครามได้...
...แต่ว่า ท่านเรฟ แอบฟังอีกแล้วเหรอครับ!...เดรอนแยกเขี้ยวใส่นายตนที่เริ่มปฏิบัติการปั่นหัวเขาอีกครั้ง
...ฮะๆ รู้จนได้ ก็นะได้ข้อมูลดีๆมาเยอะเชียวล่ะ แล้วไอ้แปดบัญชานั่นที่ฉันสั่งไป มันมีอะไรบ้างล่ะ...เรฟถามเสียงยียวนอารมณ์ดี แต่ไม่ทำให้ผู้ฟังอารมณ์ดีขึ้นเลยกลับเครียดยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
...โถ พวกเราก็ได้คำสั่งแตกต่างกันไป แถมยังยาวอีกต่างหาก แล้วดิฉันจะเอาสมองส่วนไหนไปจำหมดทั้งแปดกันนั่นได้ล่ะคะ...เอสตอบหน้ามุ่ย
...เอสน่า แค่พวกนายสองคนก็ได้ ถือว่าช่วยฉันหน่อยนะ น้า~
คำอ้อนวอนของเด็กหนุ่มทำให้ภูติสาวอ่อนใจอีกจนได้
...เจ้าจงทำตามบัญชาข้า จงไปตามภูติทรีคเคอร์ทั้งหมดเก้าหมู่บ้านในอาณาจักรแห่งเทพ สั่งให้ลงไปแช่น้ำพร้อมกันในทะเลสาบอเคมีนัสในอาณาจักรปีศาจ โดยห้ามให้ลุกขึ้นจากน้ำก่อนชั่วโมงหนึ่งโดยเด็ดขาด นั่นคือคำสั่งที่ดิฉันได้รับในตอนนั้นค่ะ...น้ำเสียงของภูติสาวยามเล่าเรื่องดูแข็งกระด้างชอบกล
...แล้วมันยากตรงไหนเหรอ...คำถามโง่ๆจากคนที่ออกคำสั่ง ทำเอาภูติสาวแสนดี (เหลือน้อย) อย่างเอสถึงกับตะโกนลั่น
...ตรงไหนเหรอคะ! ตรงไหน!~ ก็ตรงที่ภูติเทรมเมอร์ไม่ถูกกับภูติทรีคเคอร์ซึ่งเป็นสายฟ้ากับพฤกษา แล้วก็อย่างที่บอกคนที่อาณาจักรเทพกับปีศาจมันถูกกันที่ไหนล่ะคะ แค่เข้าไปเหยียบในดินแดนของฝั่งตรงกันข้ามก็ทึกทักเอาแล้วว่ามีบาป ต้องชำระด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยากเย็นจากภูเขาอะมิโล แล้วภาษาอะไรกับทะเลสาบต้องห้ามอเคมีในอาณาจักรปีศาจที่พวกบ้าศักดิ์ศรีในแดนเทพจะไปแช่ แล้วไอ้ภูติเทรมเมอร์พวกนั้นน่ะ พลังก็ยังไม่ถึงขั้นแค่เก็บกระแสไฟฟ้าเข้าไปในตัวก็ยังทำไม่ได้เลย ลงน้ำปุ๊บคนอื่นแม้แต่ตัวเองก็โดนช็อตตายไปด้วยแล้ว คำสั่งให้ห้ามลุกก่อนหนึ่งชั่วโมงมันจะได้ผลอะไรล่ะคะ นอกจากจะไม่ได้ขึ้นมาอีกเลยเป็นครั้งที่สอง!~ เป็นใครก็รักชีวิตตนเอง ใครจะทำของเสี่ยงๆพรรณนั้นล่ะคะ!...เอสร้องบ่นเสียงดังยาวเป็นพรืดอย่างหยุดไม่ได้ ฉุดไม่อยู่ ทำเอาคนออกคำสั่งในตอนแรกหัวเราะเสียงดังลั่น (ในใจ)...
...ขนาดนั้นเลยเหรอ...เรฟพูด แล้วยังไม่วายหัวเราะออกมาอีกจนได้
...ก็นั่นสิคะ กว่าดิฉันจะทำได้สำเร็จก็ตั้งสี่ปีกว่าๆแน่ะ...เอสบ่นอีกรอบพร้อมใบหน้ามุ่ยเพราะเสียงหัวเราะของเจ้านายตน แต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกันต่อ ผ้าใบเต็นท์พยาบาลชั่วคราวก็เปิดขึ้น ส่วนคนที่เปิดก็คือพวกเกรกับคนที่เขาไม่คุ้นหน้าสองคนและคนคุ้นหน้าอีกหนึ่งคน ที่มองมายังเขาอย่างตกใจปนทึ่ง
ขณะที่เกรเมื่อเห็นสภาพของเด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์นอนอยู่บนเตียงอย่างหมดแรงน้ำข้ามต้ม ก็หัวเราะดังพรืดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฮะๆ สภาพนายดูไม่ได้เลยอ่ะ เรฟ”คำพูดที่ทำเอา’คนสภาพดูไม่ได้’อยากลุกขึ้นถีบปากคนพูด ถ้าเขาลุกได้ล่ะก็นะ...
เรฟมองหน้าเกรอย่างคาดหัวก่อนหันไปมองเพื่อใหม่อีกสามคน เมนาสที่รู้เรื่องภาษาตาที่ดีสุด เพราะเจ้าตัวใช้บ่อย สะกิดไหล่เกรพร้อมชี้ไปยังอีกเพื่อนใหม่อีกสามคนนั้น
“อ๋อ นี่นะคนผมแดงนั่น แอนดรู ล็อกซ์ นั่นปิแอร์ คาโดส เอ แล้วก็นายท่าทางกวนๆนั่น ลอสวูล แอนเดอร์ พวกเราอยู่หอเงิน นายก็ด้วยเรฟ แล้วก็ยังมีเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนที่รู้จักกันแล้วน่ะนะ แต่เธอพวกนั้นไม่มาบอกว่ามีธุระต้องไปทำก่อน นายก็หายเร็วๆซะสิ จะได้ไปรู้จักเพื่อนใหม่กัน มีตั้งเยอะแน่ะ”
“เยอะที่สุดในรอบยี่สิบปีหอเงินเอรานาฟต่างหากเล่า”แพนนาแก้ให้
“ราวสิบห้าคนนี่ล่ะมั้งถ้าจำไม่ผิดล่ะก็”เกรพูดพลางทำหน้าคิด ก่อนจะโดนสะกิดอีกครั้งด้วยแอนดรูที่ชี้นิ้วไปยังนาฬิกาข้อมือของตน
“พวกฉันไปก่อนนะ หายไวๆแล้วกันนะ”แพนนายิ้มให้เขาพลางลากเกรที่ทำท่าจะจิกผลไม้คนป่วยกินออกไปด้านนอก เช่นเดียวกับทุกคนที่เริ่มทยอยกันออกไป สักพักอาจารย์มาเรียมก็เดินสวนเข้ามาพร้อมกับขวดแก้ว ภายในบรรจุสสารเหลวสีฟ้าใส เธอเดินมาที่เรฟพร้อมยิ้มทักทาย
“ยานี้มันช่วยในการทำงานของระบบร่างกาย แล้วก็ยังสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารที่จำเป็นต่อกล้ามเนื้อ ฉีดแค่เข็มเดียวรับรองมีแรงหายห่วง เอ้า ฉันจะฉีดแล้วนะ เจ็บนิด ทนหน่อยก็แล้วกัน เธอทำตัวเธอเองนี่นา”คุณมาเรียมบอกพร้อมบรรจุยาเข้าไปในหลอกฉีดยาที่แค่เห็นเรฟกับภูติยอมยุ่งสองตัวก็กลืนน้ำลายอึกแล้ว...
มาเรียมทาบเข็มฉีดยากับแขนด้านซ้ายของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้หลับตาปี๋ เต๊นท์ทั้งหลังตกไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงหัวใจเต้นรัวของเด็กหนุ่มอย่างตื่นเต้น ก่อนที่หนึ่งนาทีหลังจากนั้นระเบิดจะลงเต็นท์พยาบาลนั่นเอง...
“อ๊ากกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!”เสียงร้องป่าแตกของเด็กหนุ่ม ทำเอาพวกเกรที่เดินมาได้ไม่ไกลจากเต็นท์พยาบาลต้องกลับไปอีกรอบด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก แต่เมื่อเห็นคุณมาเรียมยืนยิ้มถือเข็มฉีดยาไว้ในมือ พร้อมกับร่างเด็กหนุ่มเพื่อนรักที่ลงไปกลิ้งคลุกดินทุรนทุรายก็เข้าใจทันที
“เฮ้อ สงสัยมันคงมีกำลังมากกว่าที่เห็น”เกรพึมพำออกอารมณ์ขำ เพราะในเมื่อเต็นท์พยาบาลที่เคยเรียบร้อย ยังพังได้ขนาดนั้น แสดงว่าคนทำเนี่ยแรงไม่เบาเลยทีเดียว...
ความคิดเห็น