ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF- ตำหนักร้อนบำเรอรัก [markson]

    ลำดับตอนที่ #10 : 09

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 873
      19
      13 มิ.ย. 58

    ตำหนักร้อนบำเรอรัก

    09

     

     

     

     

     

     

              เจียเอ๋อกำลังสับสน...เขาสับสนมากๆ สิ่งที่เฟิงจีเพิ่งเล่าให้ฟังมันดูน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยสำหรับเขา ผู้ชายมีกล้ามอย่างเขานี่น่ะหรือที่ท่านเจ้าเมืองคนนั้นจะหลงใหล ในตัวเขามีอะไรให้น่ามองบ้าง ในเมื่อมองไปทางไหนก็เป็นผู้ชายเหมือนกันหมด

     

    แต่จริงที่ว่าอี๋เอินดูใจดีกับเขามากขึ้นจริงๆ หรือว่าอี๋เอินจะมีรสนิยมแบบนี้จริงๆ?...

     

    คิดแล้วก็เผลอแบะปาก แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

     

    ยืนขึ้นถอดเสื้อคลุมออกจากกาย สำรวจร่างกายตัวเองด้วยความสงสัยว่าตัวเองมีอะไรให้อี๋พึงใจบ้าง เปิดไปทางไหนก็เจอแต่มัดกล้ามจากการฝึกซ้อม ถึงจะน้อยไปหน่อยเพราะเขาก็ฝึกได้ไม่นานแถมช่วงนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษนอกจากนั่งๆนอนๆและฝึกดาบกับอี๋เอินบางเวลา (พยายามไม่คิดถึงเรื่องเสียเหงื่อบนเตียงให้มากที่สุด) ช่วงไหล่รึก็ใหญ่ หน้าอกก็ไม่มี ถึงช่วงสะโพกจะอวบไปหน่อยแต่คงเทียบพวกนางสนมเลอโฉมที่ถูกเฟ้นคัดมาอย่างดีไม่ได้

     

    ...พลิกกายไปมาก็ไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนน่าพึงใจสักนิด...

     

    ขณะที่กำลังพิจารณาตัวเองอยู่เงียบๆ ประตูก็ถูกเปิดออก เจียเอ๋อสะดุ้งโหยงรีบกระชับเสื้อคลุม หันไปหาชายหนุ่มเจ้าเมืองที่หยุดนิ่งอยู่หน้าประตู สีหน้าถมึงทึงจนเขารู้สึกกลัว

     

    “อะ...อะไรของท่าน ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

     

    “คบชู้หน้าด้านๆ”

     

    ราวกับโดนน้ำเย็นจัดสาดใส่หน้าในหน้าหนาว ใบหน้าชาลามไปถึงร่างกายขาว เจียเอ๋อสั่นระริกหันไปตอบโต้ชายหนุ่มด้วยความขุ่นโกรธ

     

    “ท่านพูดอะไรของท่าน”

     

    “หลักฐานตำตาขนาดนี้ยังกล้าปฏิเสธอีก”

     

    “ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดอะไร!

     

    เจียเอ๋อสะดุ้งเฮือกถอยหลังสะดุดเท้าล้มลงนอนบนเตียงแข็ง ตกใจเพราะจู่ๆอี๋เอินก็พุ่งตัวเข้ามาราวกับกำลังจะฆ่าเขาให้ตายด้วยมือเปล่า ตาโตเบิกโพล่งเมื่อโดนมือเรียวกระชากเส้นผมยาวขึ้นไปเผชิญหน้าด้วย สีหน้าเหนือกว่าเหมือนตอนแรกเริ่มรู้จักถูกสวมใส่ใบหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง ดวงตาเรียวมองต่ำทั้งเย้ยหยัน เย็นชาและโกรธเกรี้ยว

     

    “ข้าเจ็บนะ!”นิ่วหน้าปวดร้าวไปทั้งศีรษะ โดนกระชากแรงขนาดนี้ผมไม่หลุดออกทั้งหัวก็ดีขนาดไหนแล้ว

     

    “เจ็บก็ดี จะได้รู้ตัวว่าตัวเองทำผิดอะไร”

     

    “ข้าไปทำอะไร! กลับจากฝึกดาบกับท่านข้าก็กลับมาที่ห้อง ไม่ได้ไปไหนอีก”

     

    “ใครยืนยันเรื่องนี้ได้บ้างล่ะ?”

     

    “...”

     

    เจียเอ๋อนิ่งเงียบ ห้องท้ายตำหนักไม่มีผู้ใดสัญจรผ่านอยู่แล้วถ้าไม่ใช่มีเหตุจำเป็น ใครจะเข้าก็ออกก็ไม่มีทางรู้ จึงไม่มีใครเป็นพยานให้กับคำพูดของเขาได้

     

    “ข้าเห็นเฟิงจีมาหาเจ้า...”

     

    “เขาแค่มาหาข้าเรื่อง!!!!

     

    เจียเอ๋อปิดปากฉับ เรื่องที่เฟิงจีเอามาบอกเขาไม่ใช่เรื่องที่อี๋เอินควรรู้ หลบสายตาเมื่อคิดหาคำตอบไม่ได้ นั่นยิ่งทำให้อี๋เอินโกรธเคืองและปักใจเชื่อขึ้นมาอีก

     

    “ได้...ถ้าเจ้าจะเล่นแบบนี้”

    อี๋เอินแสยะยิ้ม รู้อยู่แล้วว่าสนมขัดดอกไม่สามารถหาพยานได้ มือเรียวลูบเข้าใต้สาปเสื้อคลุมกระชากกางเนื้อบางออกภายในครั้งเดียว ต้นขาแน่นหุบเข้าหากันอย่างรู้ว่ากำลังจะโดนทำอะไร ดวงตาโตเริ่มพร่าน้ำตา ใบหน้าขาวแดงส่ายหน้าไปมา เส้นผมสีเข้มสยายเต็มฟูกบาง

     

    “ไม่นะ...ท่านจะทำบ้าอะไร”

     

    “ลงโทษคนแพศยาอย่างเจ้าไง สนมน้อย”

     




    [CUT ติ๊ดเดียว แต่กลัว 555555]




     

    อี๋เอินสะบัดเสื้อคลุมของตนใส่ให้เรียบร้อย เหลือบตามองร่างยับเยินบนพื้นเรียบๆ หากเปรียบก็คงเหมือนกระดาษยับๆที่เปื้อนเลือกและคราบคาว แลดูไร้ค่าไร้ราคาในสายตาคนมอง

     

    ชายหนุ่มจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ เสียงลั่นกลอนประตูดังเสียดหูคนในห้อง ทันทีที่เสียงฝีเท้าเดินออกไปไกล ตาโตก็ปิดลง ปล่อยสายน้ำแห่งความเสียใจสายใหญ่ออกจากดวงตา ความร้าวระทมที่ถูกเก็บกักไว้ปล่อยออกมาเสียหมดสิ้น ยกมือสัมผัสอวัยวะใต้อกด้านซ้ายที่กำลังบีบรัดรุนแรง

     

    ...หัวใจเขากำลังพังสลาย...

     

     

     




     

     

     

    ...ไม่มีการรักษา...

     

    ...ไม่มีการดูแล...

     

    อาการบาดเจ็บที่ได้รับจากอี๋เอินยังคงสร้างภาระในเจียเอ๋อจนเขาแทบจะตายกลายเป็นซากในห้องเล็กนี้เข้าแล้วจริงๆ หากไม่ใช่ว่าร่างกายแข็งแรงและรู้จักการดำเนินลงปราณ ป่านนี้หวัง เจียเอ๋อ คงกลายเป็นแค่ชื่อในตำนานเมืองฉี ว่าโดนเจ้าเมืองข่มขืนจนช้ำในตายแล้วแน่ๆ

     

    เจียเอ๋อพลิกร่างกระชับผ้าห่มคลุมกายสั่นระริกเพราะความหนาวเย็นจากอากาศด้านนอก ซ้ำเติมอาการไข้หวัดรุนแรงให้แย่เข้าไปอีก ตาโตปรือมองประตูที่ไม่ได้โดนเปิดมาแล้วสองวัน

     

    ...สองวันที่โดนขังให้ไร้อิสรภาพ ไร้อาหาร ไร้ยารักษา

     

    ตาโตปรือปิดลงยอมรับสภาพ นักโทษขังลืมของตนเอง

     

    ...เขาเคยคิดว่าเขาเข้าใจอี๋เอิน เข้าใจว่าชายหนุ่มเป็นคนดี แต่การกระทำหยาบช้าของเขาเมื่อสองคืนก่อนเปลี่ยนความคิดของเขาใหม่...

     

    อี๋เอินก็เป็นแค่ ปีศาจ

     

    แค่นหัวเราะกับตัวเอง เคยคิดว่ารักคนแบบนั้นได้ยังไงกัน ทั้งที่โดนชายหนุ่มทำร้ายหนักขนาดนี้ เจียเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่หลงเชื่อการเอาใจใส่ของอีกคน คิดว่าอีกฝ่ายก็คงรู้สึกเหมือนกัน เขามันโง่เอง...ที่เชื่ออะไรแบบนั้นลง

     

    มือขาวลูบไปตามเรือนกายที่มีเพียงเสื้อคลุมสกปรกๆตัวเดิมและกางเกงที่โดนฉีกกระชากเป็นเศษผ้ากองอยู่กับคราบเปื้อนน่าบัดสีฟ้องเหตุการณ์คืนนั้นบนพื้น ห้องเงียบสงัดน่าหดหู่ลงกว่าเดิมทั้งที่มันก็ยังเป็นห้องเดิมอยู่เสมอไม่ได้เปลี่ยนไปไหน

     

    ไอโขลกใหญ่ สูดลมหายใจข่มตาพยายามจะหลับลงไปให้จบๆเพราะความปวดหัว ถ้าจะตายก็ขอนอนตายสบายๆแล้วกัน ไม่ต้องให้ใครมายุ่งกับเขาอีกเลย...

     

    แต่เหมือนว่าคำขอของเจียเอ๋อจะไม่ได้ผล ประตูถูกเปิดออก นางกำนัลชุดเดิมกับที่นำเขามาถวายตัวเดินเข้ามาข้างในพร้อมเสื้อผ้าและเครื่องประดับมากมาย พวกนางดูตกใจเมื่อเห็นสภาพเขา คงคิดว่าตายไปแล้วกระมังถึงมีสีหน้าซีดเผือกแบบนั้น

     

    “ท่าน...”

     

    “ข้ายังไม่ตาย”หลับตาบอกพวกนาง ลุกขึ้นมานั่งกุมศีรษะที่ปวดใกล้ระเบิดของตนเอง สะโพกเขายังปวดร้าวจนลุกเหินไปไหนลำบาก สายตาพร่ามัวเพราะพิษไข้มองเสื้อผ้าเหล่านั้นด้วยความแปลกใจ

     

    “เอาของพวกนั้นมาทำไม”

     

    “พวกข้าจะมาแต่งตัวให้ท่าน...รีบเถอะค่ะ เดี๋ยวท่านอี๋เอินกริ้ว แล้วท่านจะลำบากนะ”นางกำนัลคนนั้นเตือนเขา สีหน้านางดูเป็นห่วงจนเจียเอ๋อมั่นใจว่านางต้องรู้เรื่องเขาแน่ๆ แต่เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว ศักดิ์ศรีที่มีถูกทำลายย่อยยับโดยเจ้าเมืองโฉดผู้นั้นจนมีเหลือแม้แต่เศษซากให้เขาภูมิใจอีกต่อไป ถอนหายใจเดินกะเผลกไปหาพวกนางที่รีบเข้ามาพยุงเขาไว้

     

    การทำความสะอาดร่างกายเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะอาการบาดเจ็บเฉพาะที่ทำให้ชายหนุ่มต้องไล่นางกำนัลออกจากห้องน้ำก่อนจะให้พวกนางลงมือแต่งตัวให้เขา

     

    น้ำหอมประพรมร่างก่อนสวมเสื้อคลุมแพรตัวบางเบาไว้ทับด้วยเสื้อคลุมหนาอีกตัว เจียเอ๋อเริ่มอึดอัดเมื่อนางกำลังยังจะสวมเสื้อคลุมสีชมพูหวานลายกลีบดอกท้อทับ ผ้ารัดสะเอวถูกดึงรั้งแทบหายใจไม่ออกเน้นรูปทรงตันๆที่ไม่ได้ดูเพรียวได้เหมือนหญิงสาว ปิดท้ายด้วยผ้าคลุมบางๆบนไหล่

     

    เขานั่งลงให้พวกนางเริ่มสางเส้นผมนุ่มของตัวเอง รวบมัดเกล้าเส้นผมครึ่งหนึ่งขึ้นปักด้วยปิ่นเงิน ปล่อยที่เหลือให้สยายยาว เจียเอ๋อเบ้หน้าดื้อดึงจะไม่แต่งหน้า แต่พอนึกได้ว่าพวกนางอาจจะโดนลงโทษก็ยอมอยู่นิ่งให้พวกนางได้แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมบนใบหน้าเขาตามความพอใจ

     

    เมื่อสิ้นสุดการเปลี่ยนโฉมพวกนางก็ยิ้มแย้มเสียอยากถามว่ามีอะไรน่าขันรึยังไง ไม่มีกระจก เขาก็เลยไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นเช่นไรเสียด้วย

     

    “ข้าจะพาท่านไปหาท่านอี๋เอินนะคะ เชิญตามข้ามาทางนี้เลยค่ะ”

     

    เจียเอ๋อเดินตามนางออกไปช้าๆ เขายังเจ็บอยู่ดังนั้นการเดินอย่างปกตินั้นเป็นไปได้ยากยิ่ง เส้นทางที่ยาวไกลแถมไม่คุ้นเคยทำให้เจียเอ๋อกังวล นางพาเขาเดินเข้ามาในส่วนหน้าตำหนักซึ่งเป็นที่ว่าความของอี๋เอิน พลันใจเขาก็เต้นตึกตักเพราะความหวั่นวิตก และเขาคงแสดงออกทางสีหน้ามากไป นางถึงได้กล่าวยิ้มๆ

     

    “วันนี้เป็นวันหยุดราชการ ไม่มีประชาชนเข้ามาหรอกค่ะ”

     

    แอบโล่งใจ เขากลัวเหลือเกินว่าอี๋เอินจะลงโทษให้เขาแต่งตัวแบบนี้ออกมาให้ประชาชนชาวเมืองฉีประณาม ถ้าไม่ใช่ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่ก็ยังโล่งไม่หมดเพราะยังไม่เข้าใจว่าเจ้าเมืองผู้นั้นให้เขาแต่งแบบนี้ด้วยเหตุใด

     

    “ข้าพาตัว หวัง เจียเอ๋อ มาแล้วค่ะท่านอี๋เอิน”

     

    “พาเขาเข้ามา”เสียงทุ้มดังออกมาจากภายในห้อง เจียเอ๋อตัวสั่นน้อยๆก้มหน้างุด ขณะประตูกำลังเปิดออกช้าๆ

     

    “มีใครบางคนอยากพบเจ้าแหนะ สนมข้า”

     

    “ท่านพี่!!!

     

    เจียเอ๋อสะบัดหน้ามองผู้มาเยือนด้วยใจที่เต้นระรัวก่อนจะแทบหยุดเต้นไปเฉยๆเมื่อระลึกได้ว่าตนเองกำลังอยู่ในสภาพไหน

     

    สาวน้องผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวของเขาเบิกตากว้างมองเขาแทบตาถลน นางเอามือปิดปากส่ายหน้าแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า พี่ชายผู้องอาจของนางผู้ยอมแลกตัวกับนางเพื่อช่วยครอบครัวกลับอยู่ในสภาพน่าอดสูแบบนี้

     

    “กะ เกาลูน เจ้ามาได้ยังไง”

     

    “นางอยากเจอเจ้า...”อี๋เอินอธิบายเสียงระรื่นไม่รู้สึกรู้สา ทิ้งสะโพกค้ำหน้าต่างบานใหญ่ติดกับโต๊ะทำงานยาว “ข้าก็เลยให้พบ”

     

    “ท่าน!!!

     

    “เอ้า เกาลูน มีเรื่องอะไรจะพูดกับ พี่ชายของเจ้าไหมล่ะ?”

     

    “คะ คือ...”หญิงสาวดูท่าทางตั้งรับไม่ทัน เธอมองเขาสลับกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าเมือง ขะ...ข้าจะมาใหม่ ขอตัวนะเจ้าคะ ท่านอี๋เอิน พะ...พี่เจียเอ๋อ”

     

    “เดี๋ยวเกาลูน”เขาพยายามเรียกน้องสาวที่รีบเดินหนีไป แต่พอขยับตัวเร็วๆสะโพกที่ร้าวอยู่แล้วก็ส่งเสียงประท้วงทรุดฮวบลงไปทั้งร่าง

     

    “ไม่ดีใจหรือ? ได้เจอน้องสาวทั้งทีนะ”

     

    “ท่านทำให้ข้าอับอายต่อหน้าน้องสาว”เสียงแหบสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเคือง ดวงตากลมเหลือบมองชายหนุ่มตัดพ้อ

     

    “หึ ข้าก็แค่อยากให้น้องสาวเจ้าเห็นฐานะของเจ้าในตำหนักนี้”

     

    “ข้าทำอะไรให้ท่านโกรธนักหรือไง ท่านถึงได้ทำร้ายข้าได้ขนาดนี้!!!”ตะโกนตัดพ้อ ปล่อยน้ำตาไหลพรากอย่างทนไม่ไหว จิตใจของเขากำลังอ่อนแอ อ่อนแอจนเกินไป...ฝืนลุกขึ้นก็โดนชายหนุ่มกระชากร่างเข้าไปใกล้ เสียงทุ้มเย็นกระซิบข้างหูน้ำเสยงกร้าว

     

    “กับคนที่กล้าเล่นชู้กับหมอหลวง แค่นี้มันยังน้อยไปนัก เจียเอ๋อ”

     

              ตาโตเบิกโพล่ง ผลักชายหนุ่มออกไปไกลตัวเอง

     

    “ท่านเอาอะไรมาพูด!! ข้ากับเฟิงจีไม่ได้มีอะไรกันนะ!

     

    “ข้างนอกนี้คนนินทากันหนาหู แต่รู้ไหม...ข้าไม่เชื่อ”

     

    อี๋เอินผลักร่างขาวลงบนโต๊ะ ตามเข้าคร่อม มองด้วยแววตาอย่างราชสีหืกำลังจะตะครุบเหยื่อให้แหลกเป็นชิ้นๆ “จนเมื่อข้าได้เห็นกับตาว่าเฟิงจีออกจากห้องเจ้าคืนนั้น...ข้าถึงรู้ตัว ว่าข้าไว้ใจคนผิด...”

     

    “ท่านทำอะไรเฟิงจี”

     

    “หน้าไม่อาย”เจียเอ๋อเหมือนโดนตบหน้าเข้าจังๆ “ยังกล้าถามถึงชู้เจ้าอีกหรือ”

     

    “ข้าถามว่าท่านทำอะไรเขา!

     

    อี๋เอินนิ่งไป แต่ดวงตากลับดุกร้าวราวกับมีไฟลุกโชนอยู่ในนั้น ริมฝีปากสวยเอ่ยคำตอบได้อย่างเลือดเย็นที่สุด “คมดาบแหลมๆคงช่วยปรับนิสัยเจ้านั่นได้...”

     

    ราวกับมีฟ้าผ่าขึ้นด้านหลัง ขนอ่อนในกายลุกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ใจเต้นรัวหวาดกลัวทั้งโกรธเคือง  ตกใจกับสิ่งที่อีกคนทำ ไม่คิดว่าอี๋เอินจะเลือดเย็นได้ขนาดนี้...

     

    “ท่านมันปีศาจ!!! เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านทำอะไรลงไป ท่านฆ่าผู้บริสุทธิ์นะ นั่นสหายท่านไม่ใช่หรือ!!

     

    “เจ้านั่นไม่ใช่สหายข้าตั้งแต่มันเริ่มยุ่งย่ามกับคนของข้ามากเกินไป!”อี๋เอินตวาดเสียงห้วนลั่นห้องทำงาน เจียเอ๋อสะดุ้งสุดตัวหลับตาปี๋ “ข้าเคยอยากทะนุถนอมเจ้าเจียเอ๋อ... แต่ตอนนี้ข้าอยากให้เจ้าช้ำ ช้ำจนไม่กล้าจะไปยุ่งกับใครอีก”

     











    [CUT]







     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    กว่าจะโดนปล่อยตัวออกมาก็จนร่างกายแทบจะแหลกคาร่างอีกฝ่าย ชายหนุ่มปล่อยเข้ามาในร่างเขาเท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้ แต่ก็เยอะพอให้เดินไปก็รับรู้ถึงน้ำที่ค้างคาในลำไส้ เท้าเปลือยเปล่าย่ำลงบนพื้นหินอ่อนพาร่างระโหยโรยแรงของตนเองเดินกลับห้องที่ท้ายตำหนัก สายตาพร่าเลือนมองภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน พิษไข้กำลังเล่นงานเขาอย่างรุนแรง ขาสั่นระริกอ่อนกำลังก้าวไปอีกข้าง และอีกข้าง ก่อนจะล้มลงศอกกระแทกพื้นเจ็บจนน้ำตาไหลพราก รับรู้ถึงคราบไคลที่ไหลเปรอะโคนขา มันมากจนชายหนุ่มไม่อยากลุกขึ้นอีก ไม่อยากลุกเพื่อกลับมามองหลักฐานความบัดซบที่เกิดขึ้นกับเขา...อีกครั้ง...แต่ไม่มีครั้งไหนที่เจียเอ๋อจะรู้สึกอ่อนแอได้เท่านี้

     

    แค่ทำร้ายร่างกาย เจียเอ๋อยังพอสู้ไว้ แต่จิตใจโดนทำร้ายไปด้วยแบบนี้ เห็นทีว่าเขาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน

     

    เปลือกตาปิดลงพร้อมสติที่ดับวูบ เฮือกสุดท้ายเขาได้ยินเสียงหวานใสหวีดร้องเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ แล้วทุกอย่างก็พลันมืดสนิท...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    สปอยด์ :...เฟิงจีไม่ได้โดนท่านอี๋เชือดจริงๆนะจ๊ะ 55555+ (อย่าตบเรา)


    อย่าเกลียดท่านอี๋เลยน้าาาา งือออออออออ T^T


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×