ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7 ft. 2PM] SNH (Shadow Night Hunter) [MARKSON] - END -

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 คู่

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 57





    +---------------------------------------------------------+

     

    บทที่ 6

    คู่

     

    +---------------------------------------------------------+

     

     

     

     

     

     “เอาเป็นว่าตอนเย็นเจอกันที่จุด E-68 มาร์คพาแจ็คสันมาด้วยนะ”

     

     

     

     

     

     

    +------------------------+ SNH +------------------------+

     

     

     

     

    หลังออกจากบ้านของพี่แทคพี่คุณ มาร์คก็พาผมขับกลับไปเอาของที่ห้อง ผมก็พยายามแย้งแล้วนะว่ารถออดี้แค่นี้มันจะขนของอะไรได้เยอะแยะกัน กลับโดนมาร์คผลักหัวเข้าให้แล้วตอบกลับเสียงเรียบว่า ขนแค่ที่รถฉันขนได้ นอกนั้นก็ทิ้งไว้นี่แหล่ะ

     

    ไอ้!...

     

    พอรถจอดเทียบฟุตบาทผมก็เดินฟึดฟัดขึ้นห้องตัวเองไปด้วยความหงุดหงิด ยืนกลางห้องแบบไม่รู้จะเก็บอะไรก่อน แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตายัดทุกสิ่งที่คิดว่ามันจำเป็นลงกระเป๋าและกล่อง มองของใช้ที่เหลือตาละห้อย เสียดายก็เสียดายแต่จะเอาไปที่ในรถก็ไม่อำนวยซะงั้น

     

    แบกสัมภาระลงมาว่าจะไปคุยกับเจ้าเจ้าของหอแต่ก็ต้องทำหน้างงเมื่อหน้าหอที่น่าจะมีแค่รถออดี้สีดำคันหรู ตอนนี้กลับมีรถขนของสำหรับย้ายบ้านจอดเทียบกันอยู่ พนักงานในชุดสีเทาเข้มเดินลิ่วๆเข้ามาหาผมที่ยังกะพริบตาปริบๆไม่เข้าใจสถานการณ์

     

    “ผมยกให้นะครับ”

     

    ผมก็ใจง่ายครับ ถึงจะยังไม่เข้าใจก็เถอะ ส่งของทั้งหมดให้พนักงานเสร็จก็ยืนมองสัมภาระตัวเองถูกลำเลียงเข้ารถขนของไปทีละชิ้นๆ มาร์คเดินมาอยู่ด้านหลังผมตอนไหนก็ไม่รู้ เงยหน้าขึ้นไปมองเขา แต่สงสัยหน้าตาผมจะมีเครื่องหมายอัศเจรีย์ติดไว้ชัดเจน เขาเลยเอ่ยขึ้นลอยๆ

     

    “ไม่อยากฟังเด็กเตี้ยบางคนบ่นว่าของไม่ครบ ฉันขี้เกียจพาไปซื้อ”

     

    ผมหัวเราะก๊ากกับคำตอบนั้น มาร์คเกาแก้มกรอกตาแบบเขินเล็กๆ ความหงุดหงิดหมดไปตั้งแต่เห็นรถตู้นั่นแล้ว

     

    ...ที่จริงก็ปากร้ายใจดีนี่หว่า แหม่ๆ...

     

     

     

     

     

     

    +------------------------+ SNH +------------------------+

     

     

     

     

    ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีครามม่วงเป็นสัญญาว่าความมืดของราตรีกำลังจะเข้ามาปกคลุมในไม่ช้า ถ้าเป็นต่างจังหวัดตอนนี้เป็นเวลาที่ทั้งเมืองเริ่มเข้าสู่สภาพสงบนิ่ง แต่เพราะที่นี่คือกรุงเทพฯ เมืองที่ไม่เคยหลับ เวลานี้เลยเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายยามค่ำคืนแทน

     

    มาร์คซิ่งพาผมมาแถบใจกลางเมืองซึ่งห่างจากคอนโดมาร์คพอสมควร ฝากรถไว้ที่โรงจอดรถของตลาดแห่งหนึ่ง แต่พวกผมไม่ได้มาเที่ยวตลาดหรอก เดินข้ามตลาดไปนิดเดียวก็เจอกับซอกระหว่างตึกเล็กๆขนาดเท่าตัวคนหนึ่งคนเดินผ่านได้เท่านั้น มาร์คเดินนำหน้าไปก่อนโดยเปิดไฟฉายโทรศัพท์ส่องดูทางเพราะทางมันมืดเอามากๆ

     

    ผมเงียบมองลอกแลกหวาดระแวง ถึงจะเจอมาแล้วสองครั้ง แต่ยังไงก็ยังไม่ชินกับพวกซากศพเงาจันทร์นั่นอยู่ดีนั่นแหล่ะ ใครจะไปชินลง สยองเสียขนาดนั้น แค่คิดก็บรื้อออออออแล้ว

     

    มาร์คฉุดแขนให้เดินตามเขาไป ผมมองตึกร้างสูงลิบลิ่วตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วหมุ่น

     

    “เอิ่ม พี่มาร์ค พี่คุณให้ไปซ่อนไม่ใช่เหรอ แล้วไปอยู่ที่มืดๆมันจะไม่อันตรายกว่าเหรอ?”

     

    “ระบบไฟของที่นี่ยังใช้ได้ เราจะไปชั้นบนสุดแล้วเปิดไฟ”

     

    ผมพยักหน้าเข้าใจถึงเขาจะไม่เห็นก็เถอะ แสงไฟในมือเขาทำเอาผมอุ่นใจว่าอย่างน้อยคงไม่โดนพวกเงางาบหัวตอนนี้แน่ๆล่ะ จนมาถึงชั้นบนสุดของอาคาร แสงสว่างจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ทำเอาผมเบ้ปากเมื่อเห็นสภาพของห้องนี้ หนูวิ่งพล่านเลยฮะ แถมกลิ่นอับไม่น่าพิสมัยนี่อีก ผมรีบเดินไปเปิดหน้าต่างมองดูสภาพภายนอก

     

    จากตรงนี้ผมมองเห็นพื้นที่โล่งซึ่งน่าจะเป็นสนามฟุตบอลของเด็กแถวนี้ ด้านหนึ่งเป็นพื้นที่ร้างต้นไม้รกชัฏ ล้อมรอบด้วยบ้านจัดสรรที่มืดสนิท ว่าจะหันไปถามว่าตอนไหนพี่แทคพี่คุณจะมาแต่คงไม่ต้องถามแล้ว เมื่อผมเห็นร่างสูงสองร่างเดินเข้ามาในคลองสายตา

     

    “มาร์ค”ผมเรียกมาร์คที่เดินไปรอบๆให้มาดูพวกพี่สองคน ร่างสูงเดินมาพิงกำแพงข้างผม เราสองคนเงียบมองไปด้านล่างอย่างตั้งใจ

     

     

     

     

    ร่างสูงสองร่างในชุดสีดำทั้งชุดกลมกลืนไปกับความมืดรอบตัวก้าวออกมากลางสนามโล่ง พวกเขาหยุดยืนจับมือเคียงข้างกัน มืออีกข้างปล่อยลงข้างตัว ช่องโหว่เยอะแยะเต็มไปหมด ผมขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ พี่เขาเหมือนรอคอยอะไรสักอย่าง...

     

    ไม่นานเงาดำรอบตัวก็เริ่มเคลื่อนไหว เงาดำพวกนั้นพุ่งออกมาจากจุดที่หลบซ่อนตัวหมุนวนรอบตัวพวกพี่เขาเหมือนวงกลมวงใหญ่ไปรอบๆเหมือนหยั่งเชิง แต่เมื่อเห็นว่า เหยื่อทั้งสองคนยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร พวกเงาจันทร์ก็ค่อยๆเผยตัวออกมา บ้างก็คลานขึ้นมา บ้างก็หยัดตัวเดินขู่แฮร่ๆ สภาพแต่ละตัวสยดสยองไม่มีใครเกิน

     

    ผมทำหน้าเบ้ปนสยองกับภาพข้างล่าง มนุษย์สองคนภายใต้วงล้อมยังคงนิ่งเงียบ จนในที่สุดพวกซอมบี้เงาจันทร์ก็หมดความอดทนกระโจนเข้าหามนุษย์ภายใต้วงล้อมอย่างย่ามใจ!!!

     

    ปัง!

     

    ผมกลั้นหายใจขณะมองเหตุการณ์เบื้องล่าง เพียงเสี้ยววินาทีฝ่ายที่ถูกรุกไล่กลับกลายเป็นพวกเงาจันทร์ที่แตกกระเจิงกันไปคนละทาง การโจมตีของพี่ทั้งสองคนเหมือนการระเบิดของภูเขาไฟที่ไม่มีสัญญาณล่วงหน้าแต่ผลของมันช่างรุนแรงเกินคาดเดา

     

    พี่แทคใช้ปืนคู่ในขณะที่พี่คุณใช้ดาบสองมือเป็นอาวุธ พี่แทคยืนนิ่งอยู่กลางสนามมือขวาสาดกระสุนที่เหมือนจะไม่มีวันหมดใส่พวกเงาจันทร์จนสลายไปทีละตัว ส่วนมือซ้ายควงกระบอกปืนอีกลำเล่นท่าทางชิวสุดอะไรสุด ต่างจากพี่คุณเคลื่อนที่ไปมาพร้อมดาบยาวในมือ มือขยับบังคับคมดาบฟาดฟันเงาจันทร์อย่างเมามันด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

    ...ชิวมากจนเหมือนพี่มาเดินเล่นออกกำลังกายเลยครับ...

     

    ยิ่งฆ่ายิ่งมาก พวกเงาจันทร์เริ่มผุดขึ้นมายิ่งกว่าพวกสมุนตอนเข้าใกล้บอส ประชากรแน่นขนัดตีกรอบพี่คุณให้ต้องถอยร่นกลับมาหาพี่แทคที่เปลี่ยนมาใช้ปืนสองกระบอกสาดกระสุนใส่พวกเงาอย่างบ้าคลั่ง พี่คุณกระโดดมายืนข้างพี่แทค ร่างขวาทรุดตัวลงนั่งมือขาวลูบไปตามแขนแกร่งด้านหนึ่งให้โน้มลงมา ปลดประบอกปืนออกจากมือด้านนั้นแล้วสวมกระชับมือตัวเองลงบนมือแกร่งแน่น

     

    ทันใดก็เหมือนเกิดปาฏิหาริย์ อาวุธของทั้งสองคนสว่างวาบราวระเบิดแสง แสงสีขาวสว่างจ้าไปทั่วบริเวณ ขนาดพวกผมที่ยืนดูอยู่ในห้องที่เปิดไฟยังต้องหรี่ตามอง พวกเงาจันทร์ที่อยู่ใกล้สลายหายไปในทันที ส่วนที่เหลือก็วิ่งหนีกระจัดกระจาย

     

    เพียงแค่จับมือเท่านั้นเอง...

     

    แสงสว่างดับวูบไปพร้อมภาพพี่ชายทั้งสองที่ยืนเด่นอยู่กลางวงล้อมเงาจันทร์ อาวุธของพวกเขามีแสงสว่างจางๆเคลือบ ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวดูราวกับหิ่งห้อยที่บินไปมาวูบวาบตื่นตาตื่นใจ พี่คุณปล่อยมือพี่แทคกระชับดาบตัวเองมั่นแล้วกระโจนกวาดเงาจันทร์ภายใต้วิถีดาบให้ตายตามกัน คนผิวเข้มสะบัดกระบอกปืนทั้งสองขึ้นให้ลอยกลางอากาศชั่วครู่หมุนตัวเตะเงาจันทร์ที่คิดจะลอบเข้ามาด้านหลังกลับมารับปืนคู่สาดกระสุนยิงเงาจันทร์ต่อได้อย่างงดงาม

     

    การต่อสู้ของคู่นี้นอกจากความเก่งกาจแล้ว ผมว่าผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่างได้ การต่อสู้ของพี่คุณที่ไม่มีลังเล พุ่งทะยานฟาดฟันรุกไล่พวกเงาจันทร์โดยไม่เหลียวหลัง ส่วนพี่แทคที่แม้จะกราดกระสุดอย่างบ้าคลั่งไปทั่วบริเวณแต่กลับไม่มีพลาดโดนคู่ตัวเองเลยสักลูก ลูกกระสุนแต่ละลูกที่ปล่อยออกไปดูสะเปะสะปะแต่กลับแม่นยำไม่พลาดเลยสักลูก หัวกระสุนเจาะในส่วนสำคัญของศัตรูทั้งนั้น

     

    สิ่งที่พี่คุณมีให้พี่แทคคือความเชื่อมั่น เชื่อมั่นว่าคู่ตัวเองจะสามารถกันหลังให้ตัวเองได้โดยไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ ส่วนพี่แทคก็มั่นคงพอที่จะปกป้องคู่ตนเองโดยยึดตัวเองอยู่ตรงนั้นโดยไม่ตามไปเกะกะขวางทางวิถีดาบที่ออกจะตีวงกว้างของพี่คุณ

     

    ผมเหม่อไปนานจนรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มาร์คสะกิดไหล่ผมให้ตามเขาลงไป ผมหันไปมองเหตุการณ์เบื้องล่างก็เห็นว่าการต่อสู้จบไปแล้ว ซากเงาจันทร์นับร้อยกระจายเกลื่อนรอบสนามฟุตบอลค่อยๆสลายเลือนหายไปกับสายลมไปทีละร่างๆ

     

    ชายหนุ่มร่างสูงสองคนเก็บอาวุธตัวเอง หันมายิ้มและมองตากันและกัน มือคร้ามยกขึ้นมากุมกระชับมือขาวแน่น แล้วพากันเดินกลับไปทางเดิมที่พวกเขาเดินเข้ามาเมื่อตอนหัวค่ำ ท่าทางที่แสนจะเป็นธรรมชาติราวกับเป็นกิจวัตรที่พวกเขาทำด้วยกันทุกเมื่อเชื่อวัน แม้มองจากตรงนี้ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ละมุนละไม เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่หวือหวาเร่าร้อน แต่กลับให้อารมณ์มั่นคงหนักแน่นเหลือเกิน

     

     

     

     

     

     

    +------------------------+ SNH +------------------------+

     

     

     

     

    คู่พี่โทรเรียกพวกเรามาเจอที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยตลาดค่ำแถวนั้น ไปถึงก็เจอคนตัวสูงสองคนในชุดใส่เล่นแสนธรรมดาอย่างเสื้อยืดกางเกงยีนแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไปเปลี่ยนเสื้อกันตอนไหน???

     

    “แจ็ค มาร์ค ทางนี้ๆ”พี่แทคโบกมือเรียกพวกผมเสียงดังจนคนแถวนั้นหันมาเพ่งความสนใจ มาร์คก้าวเดินลิ่วๆไปให้ถึงโต๊ะด้วยความกระดากอาย ผมก็ก้าวเดินอาดๆไปนั่งเก้าอี้พลาสติกสีเขียวข้างคนตัวสูงกว่า ถามว่าอายไหม? ก็ไม่นะ...

     

    “สั่งเลยนะ มื้อนี้คุณเลี้ยง โอ๊ยย...”พี่ชายหุ่นล่ำผิวคร้ามอย่างพี่แทคร้องโอดโอยทันที เมื่อโดนมือขาวจากพี่ชายข้างตัวมาบิดหูเข้าให้

     

    “ถามฉันรึยัง หืม?”

     

    “โถ่ จะให้แทคเลี้ยงอีกแล้วเหรอ คุนนี่อ่า”

     

    “ไม่เลี้ยงก็ไม่เป็นไรนะ แต่ฉันไม่จ่าย”

     

    “โถ่ เลี้ยงก็ได้...งก”ใบหน้าหล่อทำหน้าบูดเอียงข้างไปบ่นเสียงเบา แต่ไม่วายไม่พ้นหูนรกของคู่หูข้างกาย

     

    “ฉันได้ยินนะแทค”

     

    ผมมองพี่แทคพี่คุณแล้วอมยิ้มแก้มป่อง ก็แหมมันน่ารักจะตายไป ผมนี่นั่งเงียบเพราะยังไม่ค่อยสนิทกับพวกพี่เขามากนัก ถ้าปกติผมนั่งฝอยวงแตกไปข้างแล้ว มาร์คก็เงียบตามปกติ บรรยากาศในโต๊ะเลยดูอึดอัดนิดหน่อย พี่ชายแสนดีทั้งสองก็เลยพยายามชวนพูดนั่นนี่

     

    “ได้ดูใช่ไหม นั่นน่ะ”พี่คุณเอ่ยขึ้นเป็นสัญญาณที่พวกเขารู้กัน “ได้อะไรบ้างล่ะ หืม?”

     

    “เอิ่ม...”มางี้ผมตอบไม่ถูกเลยครับ ก็แบบเหมือนจะเข้าใจนะ แต่อธิบายออกมาเป็นคำไม่ได้อ่ะ มาร์คก็เงียบเอาๆ ผมก็ขี้เกียจงัดปากคนตัวสูงซะด้วยสิ พี่แทคที่รอคำตอบอยู่นานก็ยังไม่ได้สักทีเลยอธิบายออกมาอย่างนึกสงสาร

     

    “การใช้พลังของคู่น่ะ คือการสัมผัสแตะต้องกันด้วยความรู้สึก ยิ่งความรู้สึกต่อกันมีมาก พลังที่ได้ก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น เพราะฉะนั้นนักล่าที่เป็นคู่กันถึงชอบจะเป็นคู่รักคู่ชีวิตยังไงล่ะ”

     

    “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ผมก็นึกว่ามันเป็นกฎเป็นข้อบังคับของคู่ซะอีก เห็นมีแต่แฟนกันทั้งนั้นเลย”พูดไปก็เขินแฮะ ไม่อยากนึกภาพตัวเองกับมาร์คว่ะ -///-

     

    “ไม่มีกฎแบบนั้นหรอกน่า อืม จะพูดว่าความรักเกิดจากความใกล้ชิดได้รึเปล่านะ? ก็นั่นแหละ เข้าใจแล้วนี่หืม?”

     

    “ก็เข้าใจอ่าพี่ แต่อธิบายเป็นคำพูดได้ไง”ผมหัวเราะแหะๆ กระทุ้งศอกใส่มาร์คยิกๆให้พูดอะไรบ้างเถอะ นี่ผมคิดว่าเขาหลับในไปแล้วด้วยซ้ำนะ มาร์คหันมามองงงๆ ผมขยับมือเป็นเชิงให้พูดอะไรบ้าง เขาก็ร้องอ๋อเบาๆ

     

    “ผมว่าผมก็เข้าใจนะ”เสียงทุ้มต่ำกล่าวแล้วเงียบลงไปอีกครั้ง

     

    พูดแค่เนี๊ยยยยย!!! กลัวดอกพิกุลทองร่วงรึยังไงครับคุณชายยยยยย

     

    พอก๋วยเตี๋ยวถูกนำมาเสิร์ฟ พวกเราก็เริ่มต่างคนต่างโซ้ยไม่สนใจจะใส่ใจบทสนทนาบนโต๊ะอีกต่อไป เส้นก๋วยเตี๋ยวเหนียวนุ่มพร้อมน้ำซุปร้อนๆหลังสองทุ่มนี่สวรรค์ชัดๆ (ทำหน้าเคลิ้มแป๊ป) แต่พอของกินเข้าปากก็นึกถึงเรื่องบางอย่าง คนปากเร็วแบบผมเลยโพล่งคำถามแบบไร้กระบวนการกลั่นกรองออกไปให้คนทั้งโต๊ะสะดุดกึก

     

    “แล้วตอนใช้พลังคู่พวกพี่แค่จับมือเหรอ? ไม่เคยจูบกันแบบพวกผมเหรอ?”

     

    ...

     

     

     

    ...รู้สึกเหมือนขุดหลุมฝังตัวเอง...

     

     

    สายตาแวววับของพี่คุณและเสียงหัวเราะฮ่าฮ่าแบบไม่สนหน้าพระอินทร์พระพรหมของพี่แทค ทำเอาไอ้หวังแทบเอาหน้าจุ่มน้ำก๋วยเตี๋ยวเรียกสติให้กลับมา

     


     

    ..มึงถามอะไรออกปายยยย!!!!!!!!!!!!!...




     

    ไม่กล้าเงยหน้าไปมองไอ้คนข้างตัวเลยครับ นี่พูดตรงๆ T////T






     

    “มันก็มีบ้างล่ะนะ ในกรณีฉุกเฉินที่ต้องการใช้พลังแบบฉับพลัน แต่พวกพี่แค่จับมือมันก็เพียงพอแล้ว ก็คนมันแก่แล้วอ่ะเนอะ คงไม่ร้อนแรงแบบเด็กรุ่นใหม่แถวนี้หรอก หึหึ”เสียงทุ้มนุ่มของพี่คุณที่เคยคิดว่าเป็นเสียงของเทวดา ตอนนี้ภาพในมโนสำนึกของแจ๊คสันกลับมีหางปีศาจและเขาเล็กๆเพิ่มขึ้นมานอกจากปีกสีขาวและวงแหวนบนศีรษะเสียแล้วล่ะ

     

     

    หวังมันปากเร็วใจเร็ว หวังขอโทษ อาย โว้ยยย อายยยยยยย T////T

     

     

    “ว่าแต่นี่เจอกันไม่ถึงวันก็ถึงขั้นนั้นแล้วเหรอ? ไม่เลวนี่หว่ามาร์ค”เสียงพี่แทคกระเซ้าคนข้างตัวเขาที่เงียบมาตลอด

     

    “ก็มันจำเป็น อีกอย่างผมหมั่นไส้ เด็กอะไรไม่รู้พูดมากชะมัด เลยปิดปากซะให้มันจบ”

     




     

    ...ทีงี้พูดเลยนะ มึงพูดเลยน้า ทีเมื่อกี้ล่ะทำเป็นเงียบ ตอนนี้กูอยากให้มึงเงียบ ทำไมมึงไม่เงียบล่ะเหวย!!!...

     

     

     

     

     

     

    แจ็คสันที่เอาแต่ก้มหน้าฟึดฟัดด่าในใจคงไม่รู้หรอกว่าคนข้างตัวที่ตอบคำถามไปเมื่อครู่นั้น...

     

     

    ...ก็หน้าร้อนไม่แพ้กันนักหรอก -////-

     

     

     

     

     

     

     

    +------------------------+ SNH +------------------------+






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×