ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF+FANART GOT7 [AllxJackson] By Silverfeather29

    ลำดับตอนที่ #54 : [SF] TUAN TWINS AND THEIR LOVER COMEBACK (MARKSONYIEN) *3P*

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 58


     

    TUAN TWINS AND THEIR LOVER

    COMEBACK

    Mark x Jackson x Yien

     






     

     

    เสียงดังตึงตังจากบ้านหลังตรงข้ามเรียกให้แจ็คสันที่กำลังเอกเขนกนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่บนเตียงลุกขึ้นส่องหน้าต่างมองว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยความสงสัย คิ้วขมวด หรี่ตาเพ่งมองรถบรรทุกขนาดใหญ่หน้าบ้านแฝดต้วน พึมพำอ่านชื่อบริษัทรับจ้างขนของย้ายบ้านที่เคยได้ยินชื่ออยู่บ้าง มองชายหนุ่มใส่แว่นตาที่กำลังพูดคุยกับคนงานด้วยท่าทีสุภาพ เหลือบมองอีกด้านก็เห็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาเหมือนกันเป๊ะกำลังยกกล่องแพ็คอย่างดีออกมาจากบ้าน

     

    ...ย้ายของเข้าหอสินะ...

     

    แจ็คสันทิ้งตัวลงนอนที่เดิม หยิบมือถือมาเสียบหูฟังเปิดเพลงดังพอที่จะกลบเสียงน่ารำคาญ กลับมาสนใจหนังสือบนตักตัวเองต่อ อ่านไปได้ไม่เท่าไหร่สายเรียกเข้าก็ขัดจังหวะฟังเพลงได้อย่างน่าหงุดหงิด ตากลมมองรายชื่อบนหน้าจออย่างใจเย็น รอจนริงโทนดังขึ้นครั้งที่สองถึงค่อยกดรับ

     

    “ลงมานี่หน่อย พี่เห็นนะว่าเมื่อกี้แอบมอง”

     

    ...ตามารรึไง...แจ็คสันแบะปากหมั่นไส้

     

    “ย้ายของอยู่ไม่ใช่รึไง ก็ทำไปสิ”

     

    “งั้นเจ้าพิซซ่าตัวนี้ก็ไม่เอาแล้วสินะ”

     

    เด็กหนุ่มชะงักกึก กัดปากลังเลใจ อี๋เอินก็แทรกเสียงมาร์คเข้ามาเสริม

     

    “เสื้อกล้ามตัวนี้กากาชอบด้วยนี่ครับ”

     

    “อ่า ถ้าเจ้าของไม่เอาคงต้องใส่กล่องบริจาคแล้วล่ะ”

     

    แจ็คสันคิ้วกระตุกโยนโทรศัพท์ทิ้ง เปิดหน้าต่างตะโกนตอบสองแฝดบ้านตรงข้ามดังลั่น

     

    “อย่าแม้แต่จะคิดนะเว้ย!

     

    ร้องโอ๊ยแรงไปทีหนึ่งด้วยความอึดอั้น เดินไปหยิบกางเกงเจเจทับบ็อกเซอร์เดินดุ่มๆออกมาจากบ้านด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงและหน้าที่ยุ่งไม่แพ้กัน แฝดต้วนยืนอยู่หน้าบ้านรอเขาอยู่แล้ว มาร์คใส่ฮูทสีขาวกางเกงยีนรัดรูป ส่วนอี๋เอินก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนสีซีดสวมแว่นตา พอเห็นเป้าหมายชัดก็ซัดระเบิดลงทันที

     

    “ไม่กวนผมสักวันไม่ได้เลยใช่ไหม!!

     

    สองแฝดยักไหล่จับข้อมือเขาคนละข้างดึงไปยืนอยู่ระหว่างพวกเขา

     

    “ก็พวกพี่ต้องไปอยู่หอแล้วนี่นา...”

     

    “ต้องห่างกากาไปตั้งไกล...”

     

    “คิดถึงนะครับ”พูดจบก็ฉวยโอกาสจูบแก้มนิ่มคนละด้านเน้นๆจนคนตรงกลางหน้าบู้บี้ เงื้อมือฟาดเข้าให้คนละที ใบหน้าน่ารักแดงก่ำเพราะสถานที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้คือหน้าบ้าน

     

    ...หน้าไม่อายเอ๊ย...

     

    “ยังไม่ไปเลย รู้ได้ไงว่าจะคิดถึงผม? มโนมากไปมั้งพี่ต้วน”ยักคิ้วกวนประสาทให้สองแฝดที่ยิ้มเล็กๆ มาร์คคว้าเอวอวบไปกอดไว้ ส่วนอี๋เอินก็ประสานมือเล็กให้อ้อมหลังตัวเองไป ท่าทางตอนนี้เลยกลายเป็นว่าพวกเขากำลังกอดกันสามคนโดยมีผมอยู่ตรงกลาง

     

    “บ้านห่างแค่ข้ามถนนยังคิดถึงจะแย่ แล้วนี่ไปอยู่ตั้งไกลจะไม่ให้คิดถึงเราได้ยังไงล่ะ หืม?”อี๋เอินยิ้มพลางลูบเส้นผมนิ่มเบาๆ ผิวแก้มผมร้อนขึ้นมานิดหน่อย อ้อมแอ้มตอบกลับเสียงเบา

     

    “ก็...รู้แล้วน่า...แล้วพี่จะไปวันไหนอ่ะ?”

     

    “วันนี้”มาร์คเป็นคนตอบ หมุนตัวผมให้กลับไปซุกอกเขา จมูกโด่งแตะบนกลุ่มผมนิ่ม เลื่อนจูบหน้าผากผมเบาๆ “ต้องรีบไปส่งเอกสารส่งทุนให้ทันน่ะ...ไปด้วยกันไหม?”

     

    ถึงจะรู้สึกใจหายไปหน่อยแต่ผมก็เลือกจะส่ายหน้าเพราะไม่อยากสร้างความยุ่งยากให้ทั้งสอง ทั้งย้ายของเข้าคอนโด ทั้งต้องดำเนินการเรื่องเรียนต่อ ทั้งไหนจะต้องเตรียมตัวพร้อมในระดับมหาวิทยาลัยอีก

     

    “พวกพี่ไปเถอะ ว่างๆก็โทรหาผมด้วยแล้วกัน ไม่โทรไปนะ ผมไม่มีตัง”แลบลิ้นเล็กใส่ทั้งสองคนที่หัวเราะยีหัวผมด้วยความเอ็นดู

     

    “งั้นขอจูบหน่อย”

     

    “นี่มันหน้าบ้านนะเฟ้ย!”ตวาดแว๊ดถอยหลังหนีมาร์คที่ยื่นหน้ามาใกล้เหมือนจะจูบจริงๆ มืออีกด้านก็ยันไหล่แฝดน้องไม่ให้เข้ามาใกล้ ยุดยื้อกันสักพักเสียงม๊าต้วนก็ตะโกนมาจากในรถ

     

    “แฝด! เสร็จรึยัง เดี๋ยวจะไปทันนะลูก...อ้าว แจ็คสัน ไปด้วยกันไหมจ๊ะ?”คุณแม่ยังสาวเสมอถามว่าที่ลูกสะใภ้ (?) ที่ส่ายหน้าปฏิเสธ ดันตัวแฝดออกไปทางประตูส่งทั้งสองให้ถึงรถที่จอดรอไว้อยู่แล้ว ตาสวยสองคู่มองเขาตาละห้อย แต่ผมก็แค่กอดพวกเขาคนละที

     

    “รักษาตัวนะครับ”

     

    แฝดเหมือนยังตัดใจไม่ได้ละล้าละลังจนผมต้องเปิดประตูดันแฝดพี่เข้าไปก่อนตามด้วยแฝดน้อง ปิดประตูมองดูรถที่เคลื่อนออกไปช้าๆ แล้วโบกมือบ๊ายบายอยู่หน้าบ้านตัวเอง

     

    ...อ่า ใจวูบไปเลยแฮะ...

     

    ลดมือลง ยิ้มและถอนหายใจให้กับตัวเอง

     

    ...ต่อไปนี้ต้องเจอกันน้อยลง จะเหงาขนาดไหนก็ต้องทำใจล่ะนะ ไอ้หวัง...

     

     

     





     

     

     

    ผมเดินเข้ามาในโรงเรียนด้วยความเบื่อหน่าย ตอนนี้ก็ ม.6 แล้ว เป็นปีสุดท้ายในชีวิตนักเรียนมัธยมและต้องเตรียมพร้อมในระดับมหาวิทยาลัย แต่ทั้งๆอย่างนั้นผมก็ไม่มีกะจิตกะใจจะตั้งใจหาหนังสือมาอ่านเสียที ก็อย่างว่าล่ะครับ คนมันชี้เกียจ ไฟไม่ลนก้นก็ไม่หาหรอก แล้วนี่ก็เพิ่งเปิดเทอม ไม่รู้จะรีบไปทำไม

     

    ชีวิตในโรงเรียนของเขาดูโหรงเหรงขึ้นมาในทันทีที่ไม่มีแฝดต้วน จากที่มีพี่สองคนนั้นอ้อมซ้ายขวา มีคนให้วิ่งไล่วิ่งอ้อนก็ต้องพึ่งตัวเองมากขึ้น ซึ่งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ทุกอย่างของเขายังปกติ ดีเสียอีกที่มีเวลาให้เพื่อนเพิ่มมากขึ้น ได้ไปเที่ยวหลังเลิกเรียน ได้เล่นบาสหลังเลิกเรียนอย่างที่อยากทำมาตลอดโดยไม่มีคนคอยควบคุม

     

    ...แต่มันไม่ชินเอาเสียเลย...

     

    ผมเลี้ยงลูกผ่านเพื่อนสองคน หมุนตัวชูทด้วยท่าทางที่คิดว่าเท่ที่สุด มองตามลูกกลมสีส้มลอดผ่านห่วงเสียงฝุบพร้อมเสียงกรี๊ดและเสียงไชโยของเพื่อนในทีม ถึงจะแค่เล่นสนุกๆกันหลังเลิกเรียนแต่ฮอร์โมนแสนพลุ่งพล่านของเด็กผู้ชายก็เร่งให้พวกเขาแข่งกันเสมอ

     

    “พี่แจ็คสัน กรี๊ดดด หล่อจังค่ะ”เสียงเชียร์ออกหน้าออกตาจากข้างสนามเรียกให้ผมหันไปยิ้มพยักหน้าโบกมือให้พวกเธอรู้ว่าผมได้ยินแล้ว ยิ้มกว้างหัวเราะเพราะเสียงกรี๊ดที่ดังกลับมาอีกรอบ

     

    “มึงก็โปรยเสน่ห์ให้เขาไปทั่วเนอะ”พีเนียลมันพูดมองไปทางกลุ่มเด็กผู้หญิงข้างสนาม “เด็ก ม.4 กับ ม.1 เข้าใหม่นี่หว่า”

     

    “ทำไม อิจฉากูเหรอ?”ยักคิ้วให้มันพลางซับเหงื่อตรงข้างขมับ ยกน้ำขึ้นดื่มก่อนจะสำลักไอโขลกเพราะประโยคถัดมาของมัน

     

    “กูแค่คิดว่าถ้าพวกนั้นรู้ว่ามึงมีผัวแล้วจะรู้สึกยังไง”

     

    “แค่ก! ไอ้เหี้ย! กูสำลักน้ำ”

     

    “ก็จริงนี่หว่า ลองเอาพี่ต้วนมาเปิดตัวดิมึง กูสงสารพวกน้องเขาว่ะ”

     

    หลังจากนั้นไอ้พีเนียลก็โดนผมยันตกม้านั่งโทษฐานทำให้ผมอาย เป็นเพื่อนที่เหี้ยได้สม่ำเสมอจริงๆ ส่วนนิคโคลัส รายนั้นกลับบ้านไปตั้งแต่เย็นแล้วครับ เห็นว่าแม่บังคับให้เรียนพิเศษ อยู่เตร็ดเตร่กับพวกผมไม่ได้เหมือนแต่ก่อน

     

    เสียงไลน์เตือนขึ้นมา ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมอง อมยิ้มกับภาพมุมต่างๆของคอนโดพี่แฝด มันดูยังไม่มีอะไรเท่าไหร่ แต่เชื่อสิ สักพักมันต้องเยอะจนต้องล้นห้องแน่ๆ

     

    ตั้งแต่ไม่ได้อยู่ใกล้กันแฝดก็ขยันส่งไลน์มาให้เขาอย่างต่อเนื่อง แทบจะกลายเป็นการคอมโบเซ็ท บางครั้งรำคาญขนาดต้องปิดเสียงตลอดทั้งวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอุ่นใจว่าแฝดยังคิดถึงผมอยู่ ผมส่งข้อความตอบกลับไป ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนพีเนียลมันง้างปากแซวอีกรอบ

     

    “เหอะ หวานจริงนะพวกมึงเนี่ย”

     

    “อิจฉากูก็บอก~~~~~~ ไปและ พรุ่งนี้เจอกัน”

     

    โกยกระเป๋าลั๊ลล๊าเดินออกจากสนาม มือก็กดแชทกับแฝด เดินผ่านร้านเค้กเจ้าประจำก็กดถ่ายรูปส่งไปให้ ส่งขอความอ้อนนิดหน่อยพร้อมติดภาพเซลฟี่บนทางเดินทางเดิมๆที่พวกเขาเคยเดินผ่านทุกวัน รายงานให้รู้ว่าเขากำลังกลับบ้านนะ ไม่ต้องเป็นห่วง

     

    ชีวิตวันๆหนึ่งของผมก็เป็นแบบนี้แหละ...

     

     

     

     

    ก็ไม่คิดว่าจะมีอะไร จน...

     

     

     

     

    “เฮ้ยไอ้แจ็ค! มึงเหม่ออะไรอีกวะ”พีเนียลตบโต๊ะเรียกสติเพื่อนที่เหม่อไปไหนก็ไม่รู้ นิโคลัสโบกมือไปมาตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าเป็นห่วง

     

    “มึงไม่เป็นอะไรนะ มึงเป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้วนะเฮ้ย”

     

    ผมถอนหายใจเลื้อยตัวลงไปกับโต๊ะยืดแขนมองหน้าจอแชทที่ไม่มีข้อความจากคนรักมาตั้งแต่สามวันก่อน

     

    “พี่ต้วนไม่ทักมาหลายวันแล้วว่ะ”

     

    “พี่แกอาจจะยุ่งๆก็ได้ ช่วงนี้พวกพี่มหาลัขเขากำลังรับน้องกัน เนี่ย พี่ข้างบ้านกูก็กลับดึกๆดื่นมาสองสามวันแล้วเหมือนกัน”นิคโคลัสช่วยปลอบพลางตบหัวผมเบาๆ

     

    “เออ ก็อาจใช่...”พึมพำตอบพวกมัน รู้สึกใจเย็นขึ้นนิดหน่อย ผมคิดมากมาสองสามวันแล้วเพราะพวกพี่แฝดไม่โทร ไม่ส่งข้อความ แถมไม่ตอบแชทผมเลย งอนไปเป็นวันๆ พองอนแล้วก็เฟลเอง พอเฟลแล้วก็เป็นห่วงเพราะไม่รู้ว่าพี่สองคนนั้นอยู่สบายดีรึเปล่า ถามม๊าต้วนก็บอกว่าติดต่อไม่ได้เหมือนกัน คงจะยุ่งๆจริงๆนั่นแหละ...

     

    “แต่อยู่กันคนละคณะ มันก็ต้องมีเวลาว่างบ้างดิ”

     

    “อาจเป็นรับน้องของมหาลัยก็ได้นะ”พีเนียลเสริม “แบบรับน้องรวมงี้”

     

    แจ็คสันถอนหายใจเฮือก ยังปล่อยวางไม่ได้ แต่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย พิมพ์ต๊อกแต๊กส่งข้อความถึงสองแฝดทิ้งไว้ว่าให้โทรกลับ แล้วกดพักหน้าจอเพื่อเตรียมตัวจะไปกินข้าวเที่ยงกับเพื่อน แต่ไม่ทันจะได้ก้าวออกจากห้องขนอ่อนก็ลุกซู่~ ไม่ใช่เรื่องลึกลับหรอกครับ ปวดขี้...

     

    “เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแป๊ปนะ”

     

    รีบวิ่งลิ่วไม่รอฟังคำทัดทานจากใคร ข้าศึกบุกเข้าใกล้ประตูทัพใกล้แตกแล้วโว้ยยยย

     

    “ฮ้า~

     

    ส่งเสียงพอใจหลังปล่อยศัตรูออกจนหมดตัว รูดซิปยังไม่สุดก็ต้องสะดุ้งเฮือก หูได้ยินเสียงฮือๆเย็นยะเยียบอยู่ใกล้ๆ หันซ้ายขวาเลิกลักรีบกลัดกระดุมออกมาจากห้องน้ำ ก้าวออกไปไม่ถึงครึ่งก้าวดีเสียงประหลาดน่ากลัวนั่นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ชัดเป็นคำๆแบบไม่ต้องเงี่ยหูฟังให้ยากเลยครับ

     

    “ฮืออออออออออ ทำมายยย ฮืออออออออออ”

     

    “โอ๊ยยย อย่าหลอกผมเลยยย ผมกลัววว”ผมร้องปิดหูก้มตัวลงขาสั่นพับๆ

     

    “หลอกบ้าอะไรของมึง!! ฮือออ ฮึก กูร้องไห้ สัดแจ็คสัน!!!”เสียงนั้นตวาดแว๊ดเล่นเอาความกลัวลดเหลือศูนย์เปลี่ยนเป็นความชาบนใบหน้าแทน เงยหน้ามองไปก็เห็นมีร่างคุ้นหน้าคุ้นตาว่าจะเป็นเพื่อนในห้องคนหนึ่งกำลังแสดงบทดราม่ายืนพิงกระจกร้องไห้กระซิกๆอยู่มุมห้องน้ำ

     

    ...เออ ไปยืนอยู่ตรงนั้นจะไม่ให้กูคิดได้ไงฟะ...

     

    หัวเราะเหะๆแก้เก้อพอรู้ว่าตัวเองหน้าแตกยับ ลุกขึ้นปัดๆกางเกง เดินไปหาไอ้เพื่อนคนนั้นที่ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม อืม...เสียงร้องไห้มึงน่าอัดไปให้พวกหนักสยองขวัญใช้สอยจริงๆ สร้างอารมณ์ร่วมชิบหาย...

     

    “เห้ย เป็นอะไรรึเปล่า เล่าให้กูฟังได้นะ”

     

    “ฮึก...มึงไม่เข้าใจหรอก ฮือออออ”มันต้อพ้อแบะปากทำหน้าเกี่ยงงอน แต่โทษเถอะ ไม่ได้ดูน่าสงสารเลยครับห่า น่าถีบซ้ำ...ผมก็ได้แต่คิดในใจ กลอกตาไปมาแล้วดึงมันออกมาจากห้องน้ำ กูเหม็นเข้าใจป่ะ

     

    ลากมันออกมานั่งโต๊ะหินอ่อนข้างหน้าห้องน้ำซึ่งกลิ่นมันก็ยังดีกว่าในนั้นเยอะ รอให้มันร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียให้พอใจ แต่เพราะความอดทนมันมีจำกัดเลยตบหัวมันหน้าทิ่มให้เลิกร้องไห้เสียที

     

    “โอ๊ย อิเหี้ย! มือหนักไม่สมมีผัวสองคนเลยมึงอ่ะ”

     

    “อยากโดนตีนกูไหม? หนักกว่ามือแน่”

     

    “ยอมแล้วครับๆ โอ๊ยยย ฮือออ กูโดนทิ้งอ่ะ ไอ้แจ็ค ทำไมวะ กูไม่ดีตรงไหน พี่เค้าถึงหนีกูไปว้า”

     

    “หืม? แฟนรุ่นพี่มึงใช่ป่ะ?”ผมถาม จำได้ลางๆว่าเพื่อนผมคนนี้ไปแอบมีแฟนเป็นรุ่นพี่แสนสวยของโรงเรียนข้างๆนี่เอง แล้วคบกันไม่ถึงปี นี่เลิกแล้วเรอะ?

     

    “เออ จะมีใครอีกวะ ฮืออออ แค่ไปเจอหนุ่มใหม่ๆในมอล่ะทิ้งกูเฉย ทำไมอ่ะ กูแย่กว่าพวกหนุ่มๆพวกนั้นตรงไหนวะ”

     

    ...ทุกตรง...พูดในใจ กลัวพูดออกไปแล้วมันเสียใจจนกระโดดส้วมตาย

     

    “มึงคิดดูนะ รักกันอยู่ดีๆ แค่พี่แกเข้ามหาลัยไปไม่ถึงเดือน ไปเจอไอ้หนุ่มเปอร์เช่ทรงรากไทร แม่ง วิ่งตามเขาไปซะงั้น ใช่ซี้ กูมันก็แค่เด็กม.หกเตรียมตัวเข้ามหาลัยนี่ คงไม่เร้าใจเท่าคนนู้นหร๊อกกก”มันตัดพ้อ

     

    “กูก็ตะหงิดๆ ตอนแรกนะ ก็แค่คุยกันน้อยลง ก็คิดว่ารับน้องหรือยุ่งอยู่งี้ หลังๆล่ะไม่รับสายกูเลย ไลน์ก็ไม่ตอบ นัดมาก็ไม่ยอมเจอ กูแอบตามไปมอถึงรู้ว่ามีคนอื่น กูนี่แซดดดดแรง โฮววววววววววววว”แล้วมันก็แหกปากร้องไห้ลั่นจนคนรอบๆหันมาดู ผมรีบปิดปากมันขู่เสียงเบา

     

    “หยุดร้องสิวะ! คนมองกันหมดแล้ว”

     

    “ฮึก..ฮือออ”

     

    “ถ้ามึงไม่หยุดก็จะเอารองเท้ายัดปากมึง เงียบ! เรื่องแค่นี้มึงจะร้องไห้ทำไมวะ!

     

    แค่นั้นแหละมันหุบปากฉับ ผลักมือผมออก

     

    “ระวังไว้เหอะพี่แฝดของมึงอ่ะ ไม่ติดต่อมาล่ะระวังไว้เลย”

     

    ดูมันย้อน ผมล่ะขึ้นเลย

     

    “พวกพี่ต้วนไม่เป็นอย่างนั้นหรอกเฟ้ย!!!

     

     

     

     

     

     

     

    ...ไม่เป็นหรอกๆๆ ไอ้พี่ต้วนไม่เป็นงั้นหรอก...

     

    ...ไม่เป็นแน่ๆ พี่ต้วนแกหวงเราจะตาย...

     

    ก็แค่ไม่ว่างก็แค่นั้นเอง...

     

     

     

     

     

    “แล้วกูทำอะไรอยู่วะ!!!”ร้องตะโกนกับตัวเอง ปิดปากฉับทำตัวป้อมปลอมตัวเป็นไออากาศอยู่หลังเสาไฟต้นใหญ่ข้างกำแพงหลังโดนสายตาประชาชีรอบข้างพุ่งตำหนิไม่ต่างกับลูกศร

     

    พอหลังเลิกเรียนเสร็จผมก็กระโดดขึ้นรถโดยสารกลับบ้านมาปกติ แต่สงสัยใจลอยเกินไปหน่อยเลยขี่เลยป้ายมาตั้งสามป้าย (???) รู้ตัวอีกทีก็อยู่ใกล้คอนโดพวกพี่แฝดอยู่มากเหมือนกัน ผมไม่รู้หรอกว่าคอนโดพี่แฝดมันอยู่ไหน ก็รู้ตอนเปิดกูเกิลเอิร์ธดูว่าที่อยู่คอนโดมันอยู่ที่ไหนเมื่อกี้นี้เอง นี่ก็ค่ำมากแล้ว ขี้เกียจเดินกลับตอนนี้ เลยเลือกจะยืนกินน้ำพักอยู่หลังเสาไฟตรงนี้แทน เห็นไหม ผมไม่ได้ตั้งใจสักเรื่องเลยนะ...

     

    ยืนตบยุงเบื่อๆอยู่ข้างเสาไฟ กำลังจะตัดใจแล้วถ้าไม่เห็นร่างคุ้นเคยสองร่างเดินมาพร้อมผู้หญิงแปลกหน้าอีกสองคน...

     

    “ไอ้ พี่ แฝด!!!!”คำรามในลำคอ แต่ไม่กล้าผลุนผลันออกไป เผื่อหน้าแตกอีกใครจะรับผิดชอบหน้าผมล่ะ หนีบตัวเองทำตัวเล็กมากที่สุดหลังเสาไป แอบมองทั้งสี่คนที่เดินพูดคุยหัวเราะกันมาตามทางจนหยุดอยู่หน้าคอนโด ผมจะไม่คิดมากเลยถ้าพวกพี่แฝดมันไม่เอารถออกมารับผู้หญิงสองคนนั้นออกไปอีกรอบ ผมได้แต่มองตามรถไปตาปริบๆ

     

    ยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทรหาพี่มาร์คก่อน แต่ก็โดนตัดสายไป พอจะต่อสายถึงพี่อี๋เอินก็ดันสายไม่ว่างเสียอีก หายใจฟึดฟัดหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

     

    “โว๊ะ!!!

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    ท้องฟ้ามืดไปแล้ว...ผมก็ไม่รู้จะมานั่งหงอยอยู่หลังเสาแบบนี้อีกทำไมในเมื่อไม่มีธุระอะไรที่นี่อีก ยกมือตบยุงบนแขน ซุกตัวกอดกระเป๋านั่งมองหน้าจอเหม่อๆ นิ้วเลื่อนหน้าต่างสนทนาของผมกับพี่แฝดไปมา ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

     

    ...มานั่งโง่อะไรอยู่นี่วะแจ็คสัน...

     

    มองเวลา 21.11 บนหน้าจอแล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกหนึ่ง กลั้นความร้อนผ่าวบนขอบตา ตัดใจลุกขึ้น คิดคำนวณค่าแท็กซี่คร่าวๆเพราะตอนนี้รถโดยสารประจำทางไม่วิ่งแล้ว

     

    “แจ็คสัน?//กากา?”

     

    ผมสะดุ้งโหยงเผลอโยนโทรศัพท์ขึ้น รีบตะครุบไว้แต่ก็ไม่ทัน ร้องว๊ากใหญ่ ถอนหายใจโล่งอกเมื่อโทรศัพท์เครื่องน้อยอยู่ในอุ้มมือเรียวของหนึ่งในสองแฝด

     

    “ทำไมมาอยู่ที่นี่?”มาร์คเดินเข้ามาก่อน ผมเงยหน้ามองใบหน้าคุ้นเคยที่รู้สึกไม่ได้พบกันมานาน ความรู้สึกน้อยใจหายไปกลายเป็นอะไรบางอย่างที่พุ่งขึ้นมาอัดอั้นที่อก กระโดดกอดชายหนุ่มแน่นน้ำตาไหลพรากๆด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกอย่างไร

     

    “นั่งอยู่นี่นานเท่าไหร่? ทำไมแขนลายแบบนี้ล่ะ?”ว่าที่คุณหมออย่างอี๋เอินลูบแขนเนียนเบาๆด้วยความเป็นห่วง สะดุ้งนิดๆเพราะผมเปลี่ยนไปกอดตัวแฝดน้องแน่นไม่แพ้แฝดพี่

     

    สองแฝดมองหน้ากัน ส่ายหน้าเพราะก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนรักเป็นอะไร มาร์คหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย กุมมือเล็กข้างหนึ่งไว้ อี๋เอินกุมมืออีกด้านพาแจ็คสันเดินเข้าไปในคอนโด ผมก้มหน้าสะอื้นฮักๆ ได้ยินเสียงมาร์คโทรไปบอกบ้านว่าเขาจะค้างที่นี่

     

    “ไม่ค้าง”

     

    “หืม?...”พี่ต้วนหันมามองหน้าเขางงๆ งงยิ่งขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าน่ารักงองุ้มแสนงอน “เอ่อ....งั้นให้พี่ไปส่ง...”

     

    “ไม่ไป...ไม่ขึ้นรถ...ไม่เอา”

     

    “อ้าว...งอนอะไรพี่อีกเนี่ยเตี้ย”มาร์คขมวดคิ้วก้มมองใบหน้าหวานอย่างคาดคั้น

     

    “...”แจ็คสันเงียบไปเป็นคำตอบทันทีว่ามีเรื่องไม่พอใจ สองแฝดเลยลากคนตัวเล็กขึ้นลิฟต์พาขึ้นไปบนคอนโด ถึงจะต้องฉุดกระชากลากถูกันสักนิดก็ยอม ดีกว่าปล่อยให้เรื่องมันเรื้อรังไปมากกว่านี้...

     

    คอนโดของสองแฝดอยู่ชั้นสี่สิบเจ็ดที่สามารถเปิดกระจกชมวิวได้รอบด้าน โทนสีสว่างตัดกับชิ้นเฟอร์นิเจอร์สีเข้มดูเรียบหรู ห้องนอนใหญ่หนึ่งห้องพร้อมห้องน้ำในตัว ห้องนอนเล็กสองห้อง ห้องครัว ห้องนั่งเล่น โอ่อ่าใหญ่โตสมราคา ของในห้องมีไม่เยอะนักเพราะเพิ่งย้ายเข้ามา

     

    อี๋เอินดึงตัวแจ็คสันมานั่งบนโซฟานุ่มกลางห้อง นั่งขนาบข้างคนตัวเล็กคนละด้านกับมาร์ค

     

    “บอกพี่ได้รึยัง ว่าโกรธอะไร?”

     

    แจ็คสันส่ายหน้า ทำหน้าบู้ใส่ “ถามตัวเองดิ ตอนเย็นทำอะไร”

     

    แฝดขมวดคิ้วมองหน้ากัน ก่อนจะเป็นอี๋เอินที่ร้องอ๋อ ขยับยิ้มกว้างก่อน “เด็กขี้งอน เห็นพี่ผู้หญิงสองคนนั้นสินะ”

     

    “เออ...แล้วทำไมพี่ไม่ยอมรับสายผมเลย ไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทรกลับก็ไม่โทร คิดมากรู้บ้างป่ะ? มีคนอื่นเหรอ? เจอคนถูกใจแล้วใช่ป่ะ? จะทิ้งผมแล้วใช่ไหม? ก็บอกกันดีๆ อ่ะ อื้อ!!”เสียงตัดพ้อแจ้วๆหยุดฉับกลายเป็นเสียงครางฮือในลำคอ มือเล็กจับไหล่มาร์คที่โน้มตัวลงมาป้อนจูบร้อนหยุดคำพูด ถอนหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนจะหลับตาปี๋รับจูบอ่อนโยนจากอี๋เอินติดๆกัน

     

    “อย่าคิดว่าพวกพี่จะทิ้งสิ...อยู่กันมาตั้งขนาดนี้แล้ว พี่ไม่เบื่อกากาหรอก”อี๋เอินยิ้มขยี้ผมนุ่มเบาๆ

     

    “ไม่รับสาย ไลน์ไม่ค่อยตอบ เพราะติดงานที่คณะกับมีงานเลี้ยงสาย แล้วผู้หญิงสองคนนั้นก็พี่รหัสพวกพี่เอง...”มาร์คพูดขึ้นมาบ้าง

     

    “พวกพี่ต้องไปส่งเพราะพี่สองคนนั้นไม่มีรถกลับ พี่ขับรถยู่รับสายไม่ได้”

     

    “ขอโทษที่ให้คิดมากนะครับ...แล้วก็...คิดถึงนะครับ”มาร์คขยับยิ้มจูบข้างขมับด้านหนึ่งพร้อมๆกับอี๋เอิน “เข้าใจพี่รึยัง?”

     

    “เข้าใจแล้วก็ได้...”เสียงแหบน่ารักตอบเบาๆ แก้มกลมแดงระเรื่อนิดๆ ดึงมือชายหนุ่มทั้งสองคนมากุมบนตักตัวเอง หลับตาระบายยิ้มสบายใจ “ไม่งอนแล้ว...คิดถึงมากกว่า”

     

    มาร์คหัวเราะรั้งไหล่คนตรงกลางมาทางตัวเอง ก้มสูดดมกลิ่นหอมข้างแก้ม ดันตัวคนตัวเล็กลงไปนอนบนตัก อี๋เอินลุกขึ้นไปหยิบเอายามาทาบนตุ่มยุงกัดบนผิวขาวให้ ขมวดคิ้วบ่นเบาๆ

     

    “มาทำไมไม่โทรบอกพี่ล่ะ? แล้วนี่นั่งอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่เนี่ย หืม?”

     

    “ก็อยากมาแอบดูว่าพวกพี่มีใครจริงหรือเปล่านี่นา”

     

    “ตั้งแต่ตอนไหน?”มาร์คถามพลางเกลี่ยนเส้นผมนุ่มเล่น

     

    “เลิกเรียน...”

     

    มาร์คถอนหายใจเฮือกใหญ่ อี๋เอินก็เหมือนกัน

     

    “พวกพี่เป็นห่วง อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ ถ้าสงสัยอะไรโทรมาถามพวกพี่เอง”

     

    “ไปนั่งอยู่ตรงนั้นมันอันตราย ทั้งโจรทั้งยุง แล้วก็ก่อนมาโทรบอกที่บ้านด้วย ม๊าเขาเป็นห่วง เข้าใจไหม”

     

    “เข้าใจคร๊าบบบ ผมขอโทษคร๊าบบบ”เสียงแหบหวานยานคางตอบ พอสบายใจก็ง่วงขึ้นมาซะงั้น อ้าปากหาวหวอดใหญ่ ขยับตัวซุกตักกว้างของมาร์ค เสียงฟี้เบาๆเป็นตัวยืนยันว่าร่างเล็กเข้าสู่ห้วงนิทราเรียบร้อยแล้ว

     

    มาร์คอุ้มตัวคนตัวเล็กขึ้นพาเข้าห้องนอนใหญ่ อี๋เอินปลดเข็มขัดนักเรียนออกไม่ให้แจ็คสันอึดอัดเกินไปนัก ไม่ลืมจะเช็ดตัวให้แผ่วเบา ดูแลจนมั่นใจว่าคนรักจะสามารถนอนได้อย่างสบายตัวแล้วก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ ก่อนกลับมานอนกอดคนตัวเล็กคนละด้าน หอมแก้มนุ่มด้วยความคิดถึง

     

    “ราตรีสวัสดิ์ครับ ที่รักของพวกพี่”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ...............................

    เบาใช่ไหม? บทนี้เรามาปูทางค่ะ ว่าพี่แฝด IS COMEBACK!!! หลังจากนี้จะมาแบบเต็มอัตรา เตรียมตัวรับ #ความแฝดต้วน เอาไว้ให้ดี 5555555555555555555555555555555

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×