คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #49 : [SF] Jet Lag (MARKSON)
Jet Lag
MARK
x JACKSON
“สวัสดีครับ”ชายหนุ่มในชุดสจ๊วตเชิ้ตสีขาวเดินหิ้วกระเป๋าและเสื้อสูทพาดแขนเข้ามาในห้องบรีฟก่อนบิน
รูปร่างที่ไม่ได้สูงแต่ก็สมส่วนกลับดูดีขึ้นมากเมื่ออยู่ในยูนิฟอร์มสายการบินชั้นนำของโลก
ใบหน้าคมคร้าม ดวงตากลมโตและรอยยิ้มกว้างเป็นมิตรพิมพ์ใจสามารถดึงดูดสายตาคนรอบข้างได้อย่างชะงักนัก
ชายหนุ่มทักทายคนรู้จักในห้องสองสามคน
ไม่ลืมแจกจ่ายยิ้มให้กับผู้ร่วมงามคนอื่นที่ไม่เคยได้ร่วมงานกันในไฟลท์นี้อย่างเป็นมิตร
วางกระเป๋าลงแล้วเดินเข้าไปอีกห้องเพื่อเอาเอกสารมาดูก่อนทำการขึ้นบินจริงๆ เป็นโอกาสให้แอร์สาวในห้องได้พูดคุยกันถึงความน่าสนใจของชายหนุ่มได้อย่างไม่เอียงอายเท่าใดนัก
“สจ๊วจคนนั้นหล่อจังแก
ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้านะ”
“นั่นสิ
โชคดีจัง อยากทำความรู้จักกับเขาบ้าง”
“ฉันว่ายาก...”แอร์สาวรุ่นพี่ที่นั่งเงียบมาตั้งนานเอ่ยขึ้น
เงยหน้ามาจากเอกสารข้องมูลของไฟลท์ตรงหน้า “ฉันบินกับเขาสองครั้ง
เหมือนว่าเขาจะเรียกให้ไปทำงานที่ชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสตลอดเลย
ไม่ได้มีอากาสมาพูดคุยกับเราเยอะนักหรอก”
“อ้าว ซะงั้น
เสียดายจัง”
“เสียดายอะไรกันครับสาวๆ”เสียงแหบทุ้มของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นไม่ไกลทำให้พวกเธอตกใจสะดุ้งแต่ก็ยังรักษาภาพลักษณ์อย่างแอร์หันกลับไปฉีกยิ้มให้ชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้า
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ
ว่าแต่นายชื่ออะไรเหรอ?”
ชายหนุ่มขยับคอเสื้อพลางยิ้มกว้างเห็นฟันกระต่างขาวน่ารัก
“แจ็คสัน หวัง
เรียกผมว่าแจ็คสันก็ได้ครับ”
แจ็คสันสำรวจการแต่งกายของตนเองในกระจกก่อนขึ้นไปตรวจความเรียบร้อยของห้องโดยสารในเครื่อง
ไฟลท์นี้เขาก็ได้ไปประจำที่ชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสอีกแล้ว...
สายการบินที่เขากำลังทำงานอยู่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายการบินที่มีการบริการดูติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก
จุดเด่นคือห้องโดยสารของชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสที่จะเป็นห้องส่วนตัวแบบเฟิร์สอพาร์ทเมนต์
พร้อมสจ๊วตประจำชั้นหรือเรียกว่า บัลเลอร์ อีกหนึ่งคน ซึ่งในไฟลท์นี้ก็คือ แจ็คสัน
นึกแปลกใจเหมือนกันว่าทั้งที่ความอาวุโสในการทำงานเขาน้อยแต่กลับโดนดึงตัวขึ้นไปทำงานชั้นนั้นบ่อยครั้ง
เคยถามแล้วก็ได้รับคำตอบจากหัวหน้างานว่าเขาสามารถพูดได้หลายภาษา
แต่แค่นั้นสจ๊วตหลายคนก็ทำได้เหมือนกันแท้ๆ ได้แต่สะบัดศีรษะไล่ความสงสัยนั้นออกไป
ตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับงานและหน้าที่ของตนเอง มองเงาในกระจกนิ่งแล้วยิ้มกว้างขวาง
“เอาล่ะ
แจ็คสัน ยิ้มกว้างๆและทำงานให้เต็มที่นะ!”
ชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสเป็นห้องกั้นขนาดไม่ใหญ่นักแต่ก็นับว่ากว้างขวางเอามากๆถ้านึกว่าที่แห่งนี้อยู่บนเครื่องบิน
มีส่วนของห้องนอนห้องน้ำและห้องครัว มีแม้กระทั่งในส่วนของห้องนั่งเล่นที่เป็นแบบส่วนตัว
ส่วนมากแล้วชั้นนี้จะถูกจองแบบเป็นกลุ่มธุรกิจมากกว่า
แต่จากที่อ่านเขาเห็นว่าไฟลท์นี้จะเหมาคนเดียว
‘คงรวยแบบโปรยเงินเล่นได้แน่ๆ’
แจ็คสันคิดเล่นๆในใจขณะดึงผ้าปูที่นอนให้เรียบตึงพร้อมสำหรับการใช้งาน
ลุกขึ้นเหลียวซ้ายขวาเพื่อให้มั่นใจว่าห้องนี้สะอาดเรียบร้อยและได้มาตรฐานแล้ว
ยกนาฬิกาข้อมือดูเวลาก็พบว่าถึงเวลาไปสแตนบายพร้อมรับผู้โดยสารแล้ว
ชายหนุ่มทักทายผู้โดยสายอย่างเป็นมิตร
รวมถึงช่วยยกกระเป๋าให้แก่ผู้โดยสารผู้หญิงที่ไม่สามารถยกขึ้นไปเองได้
แม้ที่จริงจะไม่ใช่หน้าที่เขาแต่ก็นับเป็นการบริการเสริมที่เขาเต็มใจทำเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร
“ขอโทษนะครับ ชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสไปทางไหน”น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามมาจากด้านหลัง
แจ็คสันหันกลับไปมองพร้อมรอยยิ้มค้าขาย หลุดค้างบางอย่างไม่ชั่ววินาทีทันทีที่เห็นหน้าก่อนจะเรียกสติคืนกลับมาอย่างรวดเร็วสมเป็นมืออาชีพ
ยื่นมือไปรับบัตรมาตรวจดูก็พบว่าเป็นผู้โดยสารชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสจริงๆ
“ครับ
เชิญทางนี้เลยครับ”
ชายหนุ่มร่างโปร่งสูงในชุดสูทแบรนด์ดัง
เส้นผมสีน้ำตาลเข้มปัดเสยขึ้นเผยใบหน้าขาวหล่อสวยสะกดตาผู้คนที่พบเห็น ท่าทางอายุยังน้อยแต่กลับมีฐานะพอจะเช่าชั้นพิเศษโคตรแพงแบบนั้นได้ด้วยตัวคนเดียว
ทำให้ผู้ที่ได้ยินแทบหันคอมาดูเป็นสายตาเดียว
ซึ่งเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้สนใจอาจจะเป็นเพราะความเคยชิน
มือเรียวแข็งแรงส่งกระเป๋าเดินทางใบเล็กให้แจ็คสันซึ่งรับมาถือไว้
แล้วเดินนำหน้าไปทางห้องส่วนตัว
“ชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาส
เรามีบริการพิเศษคือบัลเลอร์และเชฟส่วนตัวตลอดเส้นทางโดยไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม
ซึ่งผู้โดยสารสามารถเรียกใช้บริการได้ด้วยปุ่มเรียกในห้องซึ่งจัดไว้สามจุด
คือที่ห้องครัว ข้างโซฟาล๊อบบี้และข้างเตียง
รายละเอียดส่วนอื่นของบริการรบกวนอ่านได้หนังสือเมนูชี้แจงในห้องครับ”
“อืม...”ชายหนุ่มผู้โดยสารตอบรับเบาๆ
เดินตามแจ็คสันมาเงียบๆ ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันตลอดทางจนถึงประตูห้องส่วนตัว
แจ็คสันเปิดประตูห้องผายมือให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปก่อน
แล้วถึงเดินตามเข้าไปวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะในห้องล็อบบี้ที่ชายหนุ่มผู้โดยสารนั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟาทรงครึ่งวงกลม
ดวงตาสวยหลังกรอบแว่นเรแบรนด์จับจ้องเขาเสียจนถ้าเป็นคนอื่นคงทำตัวไม่ถูก
“ถ้าต้องการรับบริการหรือมีปัญหาอะไร
รบกวนกดปุ่มเรียกบัลเลอร์ได้เลยนะครับ”
“แจ็คสัน”
“ขอโทษครับ
ตอนนี้อยู่ในเวลางาน”
“แจ็คสัน...เรียกชื่อฉัน”น้ำเสียงดุเข้มขึ้น
แจ็คสันนิ่งไปเหมือนข่มอะไรบางอย่าง
กลั่นเสียงออกมาช้าๆอย่างสุภาพและเป็นมิตร...ให้มากที่สุด
“คุณมาร์คต้วน...
ผมเรียกแล้วนะ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“งานนายก็คือฉันไม่ใช่รึไง”มาร์คเอ่ยพลางถอดแว่นกันแดดสีชาลงเหน็บกระเป๋า
เอนตัวมองสจ๊วตคนเก่งด้วยสายตาเหนือกว่า “ฉันมีเรื่องให้นายช่วยนะ”
แจ๊คสันลอบกลอกตาเบื่อหน่าย
สวมหน้าเข้าหาชายหนุ่มที่ใช่ว่าจะไม่รู้จักกัน
ออกจะเรียกได้ว่ารู้จักกัดดีจนเกินไปด้วยซ้ำ
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“มานี่เร็ว
แล้วก็พูดปกติได้แล้ว มาให้กอดที”มาร์คถอนหายใจ
อ้าแขนออกกว้างราวกับเด็กร้องให้แม่กอด ปล่อยตัวเองเลื้อยไปโซฟา
ดูท่าทางเหนื่อยล้าจริงๆไม่ได้แสดงเพื่ออ้อนเขาแต่อย่างไร นั่นทำให้แจ็คสันใจอ่อน
เดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่มีศักดิ์เป็น ‘คนรัก’
ของตนเอง รวมถึงในฐานะ ‘ลูกชายบอร์ดใหญ่สายการบิน’
ด้วย
“มาร์คควรหยุดใช้อำนาจในทางไม่ชอบสักทีนะ”ต่อว่าอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจนักแต่ก็ยอมเดินเข้าไปนั่งข้างๆตามที่โดนข้อร้อง
“เอาน่า
เหนื่อยจะแย่แล้ว ขอกำลังใจที”
วงแขนยาวโอบเอวแจ็คสันเข้าไปใกล้
ซุกใบหน้าลงบนไหล่ลาด หลับตาลงสูดกลิ่นน้ำหอมของร่างขาวที่แสนคิดถึงซ้ำๆ ทั้งๆที่เป็นแฟนกันแต่กลับไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบเดือนแล้ว
ช่วงนี้ต่างฝ่ายต่างก็มีงาน จากที่แทบไม่เจอกันอยู่แล้วยิ่งห่างกันไปใหญ่
แจ็คสันใช้มือถือไม่ได้เพราะอยู่บนเครื่องบิน กฎของสายการบินก็กำหนดเอาไว้ มาร์ครู้ดี
แต่บางทีก็อยากแหกกฎให้แจ็คสันพกไว้ให้ได้พูดคุยกันบ้างก็ดี
“เหนื่อยมากเลยเหรอ?”แจ็คสันถามพลางลูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของคนรัก
เพิ่งสังเกตถึงใบหน้าหล่อเหลายังมีไรหนวดบางๆและผิวหน้าที่ดูโทรมลงจากการเจอกันครั้งก่อน
“อืม...ป๊าให้บินไปตรวจงานให้...บินไม่หยุดมาสามประเทศแล้ว”
“ปกติไม่ขยันแบบนี้นี่”แจ็คสันหัวเราะเพราะรู้นิสัยชายหนุ่มดี
มาร์คไม่ชอบในสายทางนี้แต่ต้องมาช่วยป๊าเพราะป๊าไม่มีคนช่วยทำงาน
จนตอนนี้ก็กลายเป็นกำลังสำคัญของสายการบินไปแล้ว
“ฉันขอป๊าให้จัดนายเป็นบัลเลอร์ฉันทุกครั้งที่ฉันขึ้นเครื่องไปดูงานให้
ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ทำงานให้”
“ใช้อำนาจไม่ถูกทาง”ต่อว่าบีบจมูกโด่งเป็นสันอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
ตาโตเบิกกว้างตกใจเมื่อจู่ๆร่างก็โดนกดลงบนโซฟา
พร้อมมาร์คที่เคลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับ ดวงตาสวยมองเว้าวอนเต็มไปด้วยความคะนึงหาเสียจนทำให้แจ็คสันใจอ่อนยวบ
“คิดถึงนะครับ
คิดถึงมากๆเลย”
“ผมก็คิดถึงพี่นะ”
ริมฝีปากสวยโน้มลงมาใกล้
ลมหายใจร้อนคลอเคลียรับรู้ถึงกับและกัน นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มใส เปลือกตาบางปรือปิดลงรอรับจุมพิตจากคนรัก
‘Please fasten your
seatbelt and return your seat to the upright position’
‘Please fasten your
seatbelt and return your seat to the upright position’
แจ็คสันสะดุ้งผลักอีกฝ่ายออกจากตัว
ดึงสติกลับเข้าร่างทั้งที่ผิวแก้มแดงแปร๊ด เกือบไปแล้ว
เผลอปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือหน้าที่เสียอย่างนั้น ทั้งที่วันนี้ตั้งใจจะทำงานแท้ๆเลยเชียว
“อีกนิดแท้ๆ
บ้าเอ๊ย”
“มาร์คว่าไงนะ?”หันกลับไปถามเจ้าของเสียงสบถเบาๆเมื่อครู่
มาร์คเอนศีรษะลงบนขอบโซฟา
หลับตาถอนหายใจพรั่งพรู
“ไม่มีอะไร
นายไปประจำที่เถอะ”
“อืม”พยักหน้าลุกออกไปนั่งเตรียมตัวรัดเข็มขัดบนที่นั่งของตัวเอง
เครื่องเชิดหัวขึ้นโดยสวัสดิภาพ
แจ็คสันปลดเข็มขัดลุกขึ้นมาดูผู้โดยสารพิเศษของตนเองที่หลับคาที่นั่งไปแล้วแล้วหลุดยิ้ม
ทั้งขำทั้งสงสาร คงจะเหนื่อยมากจริงๆนั่นแหละ เดินไปปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้
เกี่ยวเอวชายหนุ่มขึ้นให้แขนพาดบนบ่า
ประคองร่างคนรักที่เหมือนซะซูบลงไปนิดหน่อยให้ไปนอนดีๆที่เตียงนอน
กำลังจะหันหลังกลับ
ข้อมือก็โดนรั้งและกระชากกลับไปบนเตียง
เกือบหลุดเสียงโวยวายถ้าไม่ติดว่าเห็นแววตาที่ส่งมาก่อนของมาร์ค
“พี่คิดถึงนาย
คิดถึงมากๆ คิดถึงจะตายอยู่แล้ว อยู่กับพี่นะ อยู่กับพี่ก่อน”
“เมารึเปล่าเนี่ยหืม?”
“ไม่ได้เมา
ให้กอดหน่อย”
“อืมๆ ก็ได้
ถือว่าเป็นหน้าที่ของผมแล้วกัน”แจ็คสันปล่อยเลยตามเลย
หัวกลมซุกไหล่แข็งหลับตาลงซึมซับอุณหภูมิจากร่างกายอีกฝ่าย
แจ็คสันก็คิดถึงชายหนุ่มไม่ต่างกันนักหรอก
คิดว่าตัวเองคิดถึงได้คนเดียวรึยังไงกัน...
“ผอมลงรึเปล่า
เราน่ะ”จู่ๆมาร์คก็ถามขึ้นเพราะลองกอดดูแล้วเหมือนว่าเอวอวบที่เคยล้ออีกฝ่ายเล่นจะหายไปนิดหน่อย
“อืม...บินบ่อย
ไม่ค่อยได้กินข้าวอ่ะ”
“อีกแล้วนะ”
“อย่าดุดิ
ก็มันกินไม่ทันจริงๆนี่นา”อ้อนเสียงหงอยไม่ยอมเงยหน้ามาสบตาคนรักที่ทำหน้าดุไว้รอท่า
“ไม่ได้นอนด้วยล่ะสิ”
“ได้นอนอยู่น้า
แต่บางคืนก็นอนไม่ได้อ่ะ เจ็ทเลทอ่ะ”คราวนี้เงยหน้ากระพริบตาปริบๆไม่อยากให้มาร์คโกรธ
กอดเอวชายหนุ่มคืน
กลายเป็นพวกเขากอดก่ายกันบนเตียงหลังแคบบนเครื่องบินในห้องส่วนตัว
“ฉันจะสั่งพักงานนาย
คอยดู”
“จะบ้าเรอะ! ผมยังอยากทำงานต่อนะ!”ตวาดแว๊ดมือจิกเสื้อชายหนุ่มยิกๆ
“ก็แค่พักงานให้นายได้พักผ่อนไง”
“ฝันอยู่เหรอ?
ผมรักอาชีพนี้ พี่ก็รู้ แบบนั้นไม่เอาหรอก”แจ็คสันส่ายหน้าจนผมปลิว
“รู้น่า
ก็แค่อยากแซวเล่นน่ะ...นี่ แจ็คสัน”
“หืม?”
“หน้าที่นายคือบริการผู้โดยสารใช่ไหม?”
“อืม...”
“งั้น...บริการพี่ทีสิ...”
“...”
[CUT]
.
.
.
.
.
.
.
“แจ็คสัน
ไหวไหม หน้านายซีดๆนะ”แอร์สาวผู้เคยทำงานร่วมกับชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง
แจ็คสันผู้แข็งแรงตอนนี้กลับมีสีหน้าอ่อนเพลียซีดเผือก
ดวงตากลมเปี่ยมไปด้วยพลังปรือปรอยลงคล้ายจะหลับอยู่มะรอมมะร่อ
เครื่องบินถึงที่หมายมาแล้ว
ผู้โดยสารแยกย้ายกันไปตามทาง ในขณะที่แอร์และสจ๊วตอย่างพวกเขาก็ลงมาพักผ่อนหาที่พักในคืนนี้เช่นกัน
เวลาที่นี่ค่ำมากแล้ว
แตกต่างจากที่ประเทศต้นทางที่ยังเป็นกลางวันอยู่เลย เวลาห่างกันตั้ง 4 ชั่วโมง
แจ็คสันอาจจะเกิดอาการเจ็ทแลค (Jet leg) หรืออาการเมาเวลาก็เป็นได้
ถึงจะเป็นแอร์อย่างพวกเขาก็ใช่ว่าจะไม่เกิดอาการนี้หรอกนะ...
“อืม ผมไม่เป็นไร
คงเจ็ทแลค...”
“ครั้งหน้านายต้องพักผ่อนก่อนเดินทางนะ
ไม่อย่างนั้นนายก็จะเกิดอาการเจ็ทแลคแบบนี้นี่แหละ”หญิงสาวเตือนด้วยความหวังดี
พอดีกับที่มือถือองแจ็คสันแผดเสียงลั่นว่ามีคนส่งข้อความมา
มือขาวล้วงมันขึ้นมาเปิดอ่านก่อนจะหัวเราะหึ
From MYMARK
...ที่รักกก
พี่ปวดหัว จะตายแล้ววว นอนไม่หลับเลย
คิดถึงอีกแล้ว
อยากกอด อยาก…นายอีกจัง
แต่ตอนนี้พี่ไม่ไหวแล้ว
ฟื้นแล้วจะรีบโทรไปหานะครับ...
Love
you MY HEART
“สมน้ำหน้า..............โอยยยย
ปวดหัว!”
แจ็ทเลคหรือ...ย...กันแน่นะ...
ความคิดเห็น