คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : [SF] FOREVER (JINSON)
TITLE: FOREVER
COUPLE: JINYOUNG x JACKSON [JINSON]
RATE: NC
WORD: 5,427
BY: Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
FOREVER
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวโหยหวนแหวกขึ้นมาท่างกลางความเงียบสงบของหมู่บ้านเล็กๆแถบชานเมืองลอนดอน ต้นเสียงมาจากบ้านกระท่อมหลังหนึ่งที่มีผู้คนล้อมรอบราวกับรอชมการแสดงอันตื่นตระการตา ทั้งที่ในความเป็นจริงมันออกจะน่าสยดสยองและไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง เสียงตุบตับเหมือนมีอะไรกระแทกผนังซ้ำๆไปมาในบ้านไม่ได้ทำให้ผู้คนด้านนอกอยากถอยออกมาแต่อย่างใด แสงไฟในบ้านติดๆดับๆ แสงเทียนไหววูบวาบเกิดเป็นเงาสะท้อนคล้ายร่างเงาปีศาจกำลังอาละวาดคลุ้มคลั่งด้วยความทรมาน ประตูหน้าต่างสั่นกึกๆทั้งๆที่ไม่มีลมแม้แต่ผีกเดียวพัดผ่าน ท่ามกลางความไม่น่าอภิรมย์ทั้งหมดกลับมีเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังกำลังท่องบทสวดในพระคัมภีร์ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มีพลังและเปี่ยมไปด้วยศรัทธา
“กรี๊ดดดดดดดดกกก!!!”
เสียงกรีดร้องสุดท้ายกลายเป็นเสียงหวีดแหลมยาวราวกับไม่ใช่ของมนุษย์พลันทุกสิ่งก็สงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสียงโหยหวนหยุดงแล้ว แสงไฟในบ้านก็กลับมาเป็นปกติ ประตูเปิดออกพร้อมร่างสูงของชายหนุ่มรุ่นๆเดินออกมา เขาเป็นชายหนุ่มอายุไม่เกิน 25 ปีที่มีใบหน้าหล่อเหลาละมุนตาผิดจากชาวบ้านชาวเรือนอื่นๆ ผิวพรรณและท่าทางดูก็รู้ว่ามาจากตระกูลสูงศักดิ์ ดวงตาเรียวดำขลับทอประกายอ่อนโยนน่าเข้าใกล้ ชุดนักบวชสีดำยาวคลุมเข่า กระดุมเงินสลักลวดลายไม้กางเขนแห่งศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ติดตั้งแต่ต้นคอยาวลงมาจรดปลายสาปเสื้อคลุม บนคอมีสร้อยกางเขนเงินแขวนไว้ประจำกาย
“มัลลันเป็นอย่างไรบ้างครับ ท่านจูเนียร์”ชายหนุ่มในชุดมอมแมมถามเด็กหนุ่มด้วยความนอบน้อม น้ำเสียงสั่นหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่ถูกเรียกว่าจูเนียร์แย้มยิ้มบางเมตตาให้
“ผมไล่มันออกไปแล้ว มัลลันมิได้ตกอยู่ในความชั่วร้ายของซาตานอีกแล้ว”
ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอกเมื่อรู้ว่าภรรยาตนเองปลอดภัยแล้ว เมื่อสามสัปดาห์ก่อนภรรยาผู้แสนดีของเขาเปลี่ยนไป เธอทำตัวแปลกประหลาดเยี่ยงสัตว์ชั้นตำ เห่าหอนเหมือนสุนัขข้างถนน แถมยังกินอาหารเน่าเหม็น จนหัวหน้าหมู่บ้านต้องเรียกเอ็กโซซิสอายุน้อยแต่เชี่ยวฉมังอย่างจูเนียร์มาขับไล่ปีศาจออกจากตัวเธอ
“แล้วเธอ...จะเข้าโบสถ์ได้อีกไหมครับ”ชาวบ้านผู้หนึ่งถามเขาด้วยความสงสัย
“ที่ผ่านมามิได้ถือเป็นบาปครับ เธอทำเพราะถูกบังคับ มิได้ตั้งใจจะกระทำเอง...ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวนะครับ พระเจ้าคุ้มครอง”
“ขอบคุณท่านจูเนียร์ พระเจ้าคุ้มครองคุณเช่นกันครับ”
จูเนียร์ยิ้ม เดินออกมาจากหมู่บ้าน ขึ้นเกวียนที่ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อกลับที่พักของตนเอง มองดูท้องฟ้ายามเดือนมืดให้แสงดาวได้มีโอกาสส่องประกายวาบวับบนนั้นพลางยิ้มน้อยๆ
มือเรียวผลักประตูไม้ขัดอย่างดีเข้าไปในห้องส่วนตัวของตนเองหลังโบสถ์หลังงามนอกเขตชานเมือง ภายในห้องมืดมืดมีเพียงแสงไฟถนนจางๆลอดผ่านผ้าม่านสีทึมเข้ามา ตาเรียวหรี่ปรือไม่ยอมก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ยกยิ้มบางๆก้าวเท้าเข้าเขตบริเวณห้องนอน
ฟึบ!
“โอ๊ยย!!!”เสียงร้องโอดโอยดังมาจากบนพื้น ดีที่เวลานี้ไม่มีใครอยู่รอบๆเลยไม่มีใครได้ยินเสียงแปลกปลอมนี้ เอ็กโซซิสหนุ่มปิดประตูก้าวเดินช้าๆไปนั่งยองๆต่อหน้าร่างที่เพิ่งตกลงมาจากเพดาน
“มุขเก่าๆน่าแจ็คสัน”
“ฮึ่ย!”ร่างบนพื้นคำรามไม่พอใจในลำคอ พยุงกายจะลุกขึ้นโจมตีคนพูดยียวนแต่ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าตนเองขยับตัวไม่ได้ ถูกติดตรึงไว้กับพื้นด้วยสิ่งที่มองไม่เห็นและคงไม่พ้นชายตรงหน้านั่นแหละที่เป็นคนทำเขา
“จูเนียร์! ปล่อยข้านะ!”เสียงแหบห้าวกรีดร้องเสียงดัง แต่คนกระทำก็ทำเพียงลุกขึ้นยืนมองยิ้มๆ เปิดม่านหน้าต่างไม่สนใจเสียก่นด่าด้านหลัง
“อ่า ดาวสวยจังเลยน้า~~”
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
“เสียดายว่ามีไฟ ไม่อย่างนั้นคงเห็นชัดมากกว่านี้”
“จูเนียร์”
จากเสียงแข็งกระด้างเริ่มลดระดับลงจนกลายเป็นเสียงเหงาหงอย ดวงตาเรียวสวยเหลือบมองไปดูร่างที่ยังพับพาบอยู่บนพื้น ดวงตากลมโตสีแดงก่ำจับจ้องเขาด้วยแววตาตัดพ้อชวนให้ปลดมนต์สะกด ถ้าเป็นวันอื่นคงได้ แต่ไม่ใช่ในคืนเดือนมืดแบบนี้
“ฉันปล่อยนายไม่ได้แจ็คสัน”ร่างในชุดนักบวชเดินก้าวเข้ามานั่งลงข้างร่างที่ยังแข็งตรึงขยับไม่ได้ ตากลมหลุบลง หยาดน้ำตาใสๆไหลลงมาจากหางตา เขารู้ว่างร่างตรงหน้าเข้าใจแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึก มือเรียวลูบเส้นผมนิ่มหนาเบาๆเป็นการปลอบโยน
“นี่เพิ่งเริ่ม อย่าใจร้อนให้มันมากนัก”
“แล้วอีกกี่ร้อยปีฉันถึงจะหลุดพ้นจากสิ่งที่ฉันเป็นล่ะ”
“ก่อนฉันจะตาย ฉันสัญญา...”
นั่งอยู่ตรงนั้นนานจนเส้นขอบฟ้าเริ่มกลายเปลี่ยนสี ร่างสูงลุกขึ้นปิดบานหน้าต่างกันแสงเข้ามาทำร้ายร่างที่หลับปุ๊ยอยู่บนพื้นห้อง ทั้งที่เป็นสายพันธ์ที่นอนกลางวันแต่กลับฟุบหลับเอาตอนกลางคืน ช่างเป็นอะไรที่แปลกประหลาดนัก อุ้มแจ็คสันขึ้นไปวางบนเตียงนุ่มให้หลับต่อง่ายๆ แต่ก็ไม่ไว้ใจจะให้อยู่เปล่าเดียว หยิบกุญแจเหล็กขึ้นมาครอบข้อมือขาวซีดด้านหนึ่งคล้องไว้กับหัวเตียง
อีกครึ่งชั่วโมงถึงจะถึงเวลาทำมิสซาเช้า เขามีเวลาพินิจร่างตรงหน้าได้อีกนิด
ดวงหน้าคมหวานละมุนตามีเสน่ห์แม้ในยามหลับใหล ยิ่งดวงตากลมโตที่ตอนนี้ปรือปิดลง ในยามเปลือกตาเปิดเผยนัยน์ตาสีแดงชาดราวกับเลือดที่ไม่ว่าจะมองไปยังใครคนคนนั้นก็จะตกหลุมเสน่ห์ที่เจ้าตัวขุดดักไว้ไม่สามารถปีนขึ้นได้ จมูกโด่งรั้นน่ารักเชิดขึ้นสมนิสัยเอาแต่ใจของเจ้าตัว ไหนจะริมฝีปากอิ่มเอิบสีแดงช้ำตัดกับผิวขาวซีดดูงดงามราวกับดอกกุหลาบงามกลางทะเลหมอกอันลึกลับ ผิวขาวซีดและเขี้ยวขาวที่ปรากฏออกมานอกโพรงปากเล็กบ่งบอกได้อย่างดีว่า แจ็คสันของเขานั้นคือแวมไพร์หรือผีดิบดูดเลือดน่าสะพรึงกลัวของชาวบ้าน
ยังจำได้ดีถึงวันที่เจ้าตัวขอบร่างระโหยโรยแรงของตัวเองเข้ามาเคาะประตูโบสถ์ในวันหิมะตกหนัก ทั้งที่แวมไพร์กลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกลัวเงิน เกือบจะร่ายคาถากำจัดไปแล้วถ้าไม่เห็นแก่ดวงตาที่ทอประกายมุ่งมั่นเปี่ยมไปด้วยความหวังนั่นเสียก่อน จากนั้นมาเขาก็แอบเลี้ยง (?) แวมไพร์ตัวน้อยอายุไม่ต่ำกว่า 500 ปีนี้ในห้องส่วนตัวของตนเอง เพื่อช่วยทำตามคำขอร้องของเจ้าตัวในวันนั้น
‘เปลี่ยนข้าเป็นมนุษย์ที’
เขาค้นหาตำราหลายเล่มแต่ก็ไม่พบวิธีทำให้แวมไพร์กลายเป็นมนุษย์ มีแต่วิธีกำจัดซึ่งเขาไม่ต้องการจะเสียแจ็คสันไป ทุกวันนี้ทำได้เพียงสิ่งที่พอจะหยุดความกระหายเลือดลง ทั้งการกักขังไม่ให้ดื่มเลือดในวันเดือนดับ การพังบทสวดจนจบบทหรือการเข้าใกล้กางเขน ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นการทรมานแจ็คสันทั้งสิ้น กว่าจะเสร็จพิธีกรรมก็เกือบสิ้นใจจนเข้าตัวบ่นว่าเหมือนตายวันละหลายรอบ (ถึงอย่างนั้นก็ยอมทำต่อไป)
ถอนหายใจลุกขึ้นพลันก็นึกได้ว่าลืมเรื่องสำคัญ คว้าเอาแก้วเงินและมีดปอกผลไม้บนโต๊ะขึ้นมา กดปลายมีดลงบนข้อมือกลั้นหายใจปาดมันไปบนผิวบางปล่อยให้เลือดสีแดงก่ำไหลลงไปในภาชนะบรรจุ
“อืม”แจ็คสันครางในลำคอลืมตาขึ้นมาเมื่อได้กลิ่นเลือด แต่ก็ง่วงงุนจนไม่สามารถมีสติรู้ได้ ลิ้นเล็กตวัดเลียเลือดจากบาดแผลสดใหม่ทันทีที่จูเนียร์ส่งข้อมือมาใกล้ด้วยสัญชาติญาณกระหายเลือด ริมฝีปากแดงตามมาดูดดึงเลือดที่ตกค้างพลางแลบเลียบาดแผลรอบๆอย่างไม่รู้สติ ครางงือไม่พอใจในลำคอเมื่อแหล่งอาหารโอชาถูกดึงออกไป แต่ก็ง่วงเกินกว่าจะตามไปกินต่อ พลิกตัวลงกรนฟี้ๆไม่รู้เรื่องรู้ราว
จูเนียร์ถอนหายใจหลับตาลงข่มความรู้สึกแปลกๆที่พุ่งเข้ามาแทรกแซงจนตัวเขาเผลอไผลไปเมื่อครู่ มองดูข้อมือตัวเองที่ตอนนี้ไม่มีบาดแผลปรากฏอยู่แล้ว น้ำลายของแวมไพรมีสรรพคุณในการประสานแผล เรื่องนั้นเขารู้ดี แต่ที่ไม่รู้คือผลข้างเคียงของมันกำลังทำให้ร่างเขากำลังร้อนรุมขึ้นนี่สิ
วางแก้วเงินลงบนหัวเตียง เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อนชำระร่ากายสงบจิตสงบใจเพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีกรรมสำคัญ
กว่าจะได้กลับห้องอีกทีก็หลังเที่ยงไปแล้ว มือเรียวปาดเหงื่อขณะเปิดเข้าไปในห้อง แอบสะพรึงกับไอชั่วร้ายที่ปล่อยออกมาจากร่างเล็กบนเตียงนิดหน่อย ดวงตากลมแดงทอประกายโกรธเคือง แต่พอไม่เห็นว่าเขาจะรู้สึกอันใดก็หลุบตาลงไม่ยอมสบด้วย
“โกรธอะไรฉันอีกล่ะหืม?”ถามกระเซ้าทั้งที่รู้ว่ามีไม่กี่เรื่อง ไม่เรื่องที่เขาจับอีกคนตรึงไว้กับเตียงหรือไม่ก็เรื่องที่เตรียมเลือดไว้ในแก้วเงินที่แวมไพร์ไม่ถูกโรคด้วย
“นายนี่มัน...ฮึ่ย!”สะบัดตัวฝึบฟับขัดใจแต่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากพันธนาการได้ แวมไพร์ที่ไม่ได้ดื่มเลือดก็เหมือนคนที่ไม่กินข้าว ไร้เรี่ยวแรงจะต่อกรใดๆ ขนาดจะลุกขึ้นจากเตียงยังรู้สึกเวียนหัวเจียนบ้า หลบตาลงเพราะเหนื่อยเกินกว่าจะพยุงสติไหว พิงศีรษะไปกับหัวเตียง
จูเนียร์มองภาพนั้นยิ้มๆ แวมไพร์ตัวอื่นคงอาละวาดไปแล้วแต่อาจเป็นเพราะแจ็คสันต้องการเป็นมนุษย์และถูกฝึกต่อการอดเลือดมาหลายครั้ง เลยทำให้เจ้าตัวยังประคองสติเอาไว้ได้ ก้าวขาเดินเข้าไปใกล้ มองแก้วเงินที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี ยกมันขึ้นมากลั้นหายใจอมของเหลวสีชาดจากร่างตัวเองไว้ มือเรียวจับคางมนให้เข้ามาใกล้ ประกบปากปล่อยเลือดเข้าไปในปากอีกฝ่าย แจ็คสันแยกเขี้ยวดูดดึงโลหิตทันทีด้วยความกระหายอยาก มือขาวซีดด้านที่ว่างจับไหล่เอ็กโซซิสหนุ่มแน่น ต้อนตวัดเรียวลิ้นแข็งแรงที่สอดแทรกเข้ามาบอกความต้องการว่าอยากได้อีก แต่จูเนียร์รู้ทันบีบแก้มกลมตรงช่วงฟันกรามบังคับไม่ให้ร่างเล็กงับเขี้ยวลงมาได้ พลางดูดกลืนความหอมหวานจากแวมไพร์ตัวน้อยเป็นของตอบแทน ผละออกมามองคนที่ไอโขลกจ้องเขาตาขวางแบบไม่พอใจ
ที่เขาให้ไปก็แค่พอให้แจ็คสันอยู่ได้จนถึงเย็นโดยไม่ทรมานมากนัก โน้มตัวลงกดจูบบนหน้าผากขาวที่สะบัดตัวหนีเกี่ยงงอน แยกเขี้ยวใส่
“เป็นเด็กดี แล้วตอนเย็นฉันจะเลี้ยงอาหารนายมื้อใหญ่”
ช่วงกลางคืนเป็นช่วงอันตรายสำหรับมนุษย์ เพราะเป็นช่วงล่าอาหารของอสุรกายหลากประเภท แต่ในห้องๆหนึ่งหลังม่านศักดิ์สิทธิ์กลับเป็นอะไรที่กลับตาลปัตรกันโดยสิ้นเชิง
---น้องหวังโดนรังแก---
“คุณพ่อครับ คุณพ่อจูเนียร์ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!”
การที่ชายในชุดตำรวจบริเตนวิ่งเข้ามาหาเขาท่าทางแตกตื่นในเช้าหลังพิธีมิสซาไม่ทำให้จูเนียร์สบายใจนัก เขารีบตามชายหนุ่มคนนั้นไปโดยไม่ถามถึงที่มา ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณใกล้เคียงโบสถ์ เมื่อไปถึงชาวบ้านก็พากันรุมดูเต็มสองข้างฟากสะพานแล้ว
ความตื่นตระหนกก็เข้าปกคลุมเมือง ร่างของชายคนหนึ่งถูกพบเป็นศพใต้สะพานเก่า สภาพศพซีดเซียวเหี่ยวแห้งเหมือนไม้แห้งเก่าๆทั้งที่เสื้อผ้ายังอยู่ครบสมบูรณ์ ตรงลำคอปรากฏรอยเขี้ยวเล็กๆสองรอยมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย
“คุณพ่อคิดว่ายังไงครับ พวกเราไม่อยากปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือใคร แต่ในสัปดาห์นี้เราพบศพสภาพนี้เป็นรายที่สามแล้วครับ”
“ผมขอดูหน่อยนะ”เพียงแค่นิ้วเรียวแตะเข้าที่รอยบาดแผล แผลตรงคอของเขาก็เกิดการตอบรับขึ้นมา มันเจ็บจี๊ดจนเขานิ่วหน้า ถอนปลายนิ้วออกมาแตะตรงรอยที่แจ็คสันเจาะคอเขาไปเมื่อเช้า หันหน้าไปหานายตำรวจที่รออยู่
“ข้าคิดว่าเจ้าคิดถูกนะ ศพนี่ถูกแวมไพร์เล่นงาน...”
จากนั้นคดีแวมไพร์อาละวาดก็ถูกเผยแพร่ไปทั่วทั้งเมือง การตามล่าแวมไพร์ไม่แพ้ยุคตามล่าแม่มดในสมัยยุคกลาง ถึงจะไม่รุนแรงเท่าแต่ความตึงเครียดก็หนักหนาสาหัสสำหรับคนที่เลี้ยงแวมไพร์ไว้กับตัวอย่างจูเนียร์
“จูเนียร์”แจ็คสันเอ่ยเรียกชื่อคนตัวสูงที่ยืนทำหน้าเครียดมองหน้าต่าง เดินเข้าไปใกล้ๆ มองอีกคนอย่างนึกเป็นห่วง
ตั้งแต่ที่เขาควบคุมตัวเองเรื่องความอยากเลือดได้ จูเนียร์ก็ยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระภายในห้องเล็กๆแห่งนี้ ถึงแจ็คสันจะเบื่อแต่ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ถ้าเขาไม่อยู่ในนี้ก็ต้องออกไปเผชิญกับพวกนักล่าแวมไพร์ด้านนอกที่ขยันตรวจตราทุกคืนๆ
“เป็นอะไรเหรอ?”
แจ็คสันรู้เรื่องที่แวมไพร์อาละวาด เขาได้ยินพวกคนสวยคุยกันตอนกำลังนอนกลิ้งเล่นบนเตียงพอดี
“แจ็คสัน”
“หืม?”ตอบรับทรุดตัวนั่งลงบนเตียง มองแผ่นหลังใต้ชุดนักบวชนั่นจากด้านหลัง
“นายได้แอบหนีฉันออกไปด้านนอกบ้างรึเปล่า?”
คำถามที่เอ่ยออกมาทำให้แจ็คสันอึ้งค้าง แม้ว่าหัวใจเขาจะไม่เต้นแล้วก็ตาม แต่กลับเจ็บปวดราวกับโดนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง นี่จูเนียร์กำลังสงสัยเขาหรือ สงสัยว่าเขาเป็นคนฆ่าศพพวกนั้นหรือ?
“นายสงสัยฉัน...”
“ฉันแค่ถาม เพราะนายเป็นแวมไพร์...”
“นายสงสัยฉัน!!!”ร่างเล็กกรีดร้อง น้ำตาไหลลงอาบแก้มเนียน ยิ่งชายหนุ่มพูดก็ยิ่งตอกย้ำความสงสัยที่มีในตัวเขา จูเนียร์หันหลับมาดันร่างเล็กลงเตียง
“ฟังนะ ฉันแค่ถามเพราะช่วงนี้ฉันไม่ได้ขังนายไว้”
“นายไม่เชื่อใจฉันเลยใช่ไหมจูเนียร์”แจ็คสันต่อว่าตัดพ้อด้วยสายตา
“ฉันไม่ได้...”ชายหนุ่มหยุดไป อันที่จริงเขากำลังสงสัยแจ็คสัน แวมไพร์ที่เขารู้จักก็มีเพียงแจ็คสัน แถมช่วงนี้เขาไม่ได้ล่ามโซ่หรือใส่กุญแจมืออีกคนเหมือนอย่างแต่ก่อน เลยทำให้อดไม่ได้ที่จะคิด
“นายไม่เชื่อฉันจริงๆด้วย”ตากลมหลุมลง เสียใจมากที่คนที่ตนเองรักไม่เชื่อใจกันเลยสักนิด ตั้งแต่เขาอยู่กับจูเนีนร์มาไม่มีวันไหนที่เขาได้ออกไปด้านนอกนั่นอีก มีเพียงหน้าต่างบานเล็กที่เอาไว้ส่องดูความเป็นไปในเมือง มองเห็นวิวทิวทัศน์เดิมๆจนจำได้แม้กระทั่งรายละเอียดของต้นไม้ใหญ่ข้างๆกำแพง เฝ้ารอให้อีกคนกลับมาจากการทำงาน บางวันดีหน่อยก็จะกลับมาหาเขาบ่อย แต่วันไหนที่ติดงานนอกเมือง ก็กลับมาเสียตะวันสายโด่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะรอ รอให้อีกคนกลับมาหา
...แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเจ็บปวดเจียนตายแบบนี้น่ะหรือ...
“ใจร้าย...”แจ็คสันตัดพ้อน้ำตานองหน้า มือขาวกอดตัวเองแน่นสะบัดตัวเองหลุดออกจากอ้อมแขนอุ่นที่เคยรักนักรักหนา หลับตาลงไม่อยากเห็นสายตาของอีกฝ่าย แค่เรื่องนี้เขาก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว ไม่เอาแล้ว...
“จูเนียร์ใจร้ายที่สุดเลย!”
“แจ็คสัน!”จูเนียร์ร้องลั่น พยายามคว้ากายขาวที่แปลงกายเป็นค้างคางตัวจ้อยบินลอดซอกหน้าต่างที่เขาแง้มไว้เล็กๆออกไปด้านนอก
“บ้าเอ๊ย!”สบถเสียงดังเจ็บใจตัวเองที่ไว้ใจแจ็คสันไม่พอ ห่วงคนตัวเล็กที่พลุนพลันออกไป ตอนนี้สองทุ่มแล้ว บ้านทุกบ้านปิดเข้าเรือน พวกนักล่าแวมไพร์กำลังตรวจตราเข้มข้น เขากลัวแจ็คสันจะโดนจับได้ เขากลัวแจ็คสันจะเป็นอันตราย
...เพิ่งรู้ว่าสิ่งที่เพิ่งบินออกไปเมื่อครู่คือหัวใจตัวเอง...
สวมเสื้อโค้ทวิ่งออกไปด้านนอกพร้อมดาบสั้นชุบน้ำศักดิ์สิทธิ์ วิ่งออกไปบนถนนมองซ้ายมองขวาคาดเดาทางที่แจ็คสันจะไป เขาไม่รู้ว่าแจ็คสันมาจากไหนหรือเคยไปที่ใด เขารู้เพียงแค่ว่าแจ็คสันเพิ่งได้กินเลือดเขาแค่ตอนเช้า คงจะบินหนีไปได้ไม่ไกลแน่ๆ
วิ่งตามหาผ่านพวกนักล่าแวมไพร์สองสามคน มือเรียวกุมคอเสื้อโค้ทเข้ามากระชับเพราะอากาศตอนกลางคืนค่อนข้างหนาว มองจากตรงนี้เขาเห็นหอหอยบิกเบนท์ตั้งตระหง่านบอกเวลาสี่ทุ่มตรง
...เวลาที่แวมไพร์ล่าอาหาร...
“มันอยู่ทางนั้น!”เสียงเรียกห้าวของชายหนุ่มคนหนึ่งตรงปากทางเข้าซอยแคบๆเรียกให้จูเนียร์หันไปมอง รีบวิ่งตามไปดูกลัวจะเป็นคนที่ชายหนุ่มกำลังตามหา
“มันบินหนีไปทางนั้นแล้ว! ตามไป!”ชายอีกคนร้องขึ้น กลุ่มนักล่าเกือบสิบคนวิ่งกรูกันออกไปอีกทาง แต่ก่อนที่จูเนียร์จะวิ่งตามไปร่างกายเขาก็เหมือนโดนตรึงก้าวขาไม่ออก
ลมหายใจเย็นๆปะทะต้นคอเขา เสียงหัวเราะแหลมคิกคักดังขึ้นจากด้านหลัง หัวใจเขาเต้นเร็วรู้ทันทีว่าเจอแวมไพร์ฆาตกรเข้าให้แล้ว
“อ่า เลือดนักบวชหนุ่มๆนี่น่ากินจริงๆเลย”เสียงแหลมเอ่ยขึ้น ร่างบอบบางปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา หญิงสาวในชุดวาบหวิวแหวกนู่นเว้านี่ไม่ต่างจากโสเภณีข้างถนน เสน่ห์ของเธอรุนแรง กลิ่นหอมเย้ายวนกรุ่นไปทั่วร่างหญิงสาว ทุกครั้งที่เธอขยับเข้าใกล้ เขาก็จะรู้สึกมึนงงราวกับโดนมนต์สะกด
“โอ๊ะโอ รู้สึกว่านายจะโดนกินมาก่อนแล้วนี่นา”เธอเอ่ยขณะแหวกคอเสื้อเขาลงเผยให้เห็นรอยเขี้ยวเล็กๆของแจ็คสันตรงข้างคอ ลิ้นบางแตะเลียเบาๆพอให้สยิวไปทั่วทั้งร่าง
“เจ้าแวมไพร์ก่อนหน้าฉันนี่ไก่อ่อนชะมัด กลิ่นหอมขนาดนี้ไม่รู้จักกินจนหมด...”
เธออ้อมไปโอบจูเนียร์ไว้จากด้านหลัง
“แต่ก็ดี...ไม่งั้นนายคงไม่ตกมาถึงฉันหรอก งั้นกินล่ะนะ!”
ก่อนที่เขี้ยวยาวจะเจาะเข้าผิวหนัง ร่างของหญิงสาวก็ปลิวกระเด็นออกไปไกล มือเรียวหยาบพุ่งเข้ากดลำคอเธอลงกับพื้น ดวงตาเรียวจับจ้องไม่มีความปราณี มืออีกด้านกำดาบสั้นไว้แน่นเงื้อขึ้นสุดความยาวแขน แล้วกดมันลงบนอกร่างบอบบางอย่างรวดเร็ว
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
ร่างบอบบางบุบสลายกลายเป็นฝุ่นปลิวไปตามอากาศ จูเนียร์ถอนหายใจ เดาว่าอีกไม่กี่นาทีพวกนักล่าจะกรูตามเสียงกรี๊ดมาจุดนี้ เขาต้องรีบหาตัวแจ็คสันให้เจอก่อนที่เจ้าพวกนั้นจะเจอและเข้าใจผิดว่าคนของเขาเป็นคนร้าย
“แจ็คสัน”
ร่างที่หลบอยู่ในซอกมุมของวิหารเก่าข้างแม่น้ำสะดุ้งเฮือก ไม่คิดว่าอีกคนจะตามเจอเร็วขนาดนี้ ตากลมหลุบลงไม่กล้าจะเงยหน้าเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเองบินหนีมา เขาบินอย่างไร้ทิศทางจนมาเจอวิหารเก่าตรงนี้ที่พอจะหลบซ่อนตัวได้ เหนื่อยเกินกว่าที่จะวิ่งหนีไปไหนต่อ หมดแรงจนต้องนั่งอยู่นิ่งๆรักษาพลังงาน คิดเล่นๆว่าถ้าพวกนักล่ามาเจอก็คงนั่งให้พวกนั้นฆ่าแต่โดยดี ก็เขาไม่มีแรงจะสู้แล้วนี่นา ไม่คิดว่าคนที่มาเจอเขาคนแรกจะเป็นคนที่เขาตั้งใจหนีมาตั้งแต่ต้น
“แจ็คสัน...”จูเนียร์เดินเข้ามาใกล้ ทรุดนั่งลงข้างคนตัวเล็กที่กอดตัวเองแน่นขึ้นไม่ยอมหันมาสบตาด้วย
“ขอโทษที่ฉันสงสัยนายนะ”
“ไม่เป็นไร...ฉันมันพวกผีดิบดูดเลือด นายไว้ใจสิแปลก”
“หยุดตัดพ้อแล้วหันมามองหน้ากันดีๆสักครั้งสิ”
“ไม่มีแรงแล้ว”กะอีแค่เงยหน้ามองอีกคนก็ไม่ทำให้เหนื่อยเท่าไหร่หรอก แต่มันไม่อยากมองตอนนี้กลัวว่าน้ำตามันจะไหลลงมาอีก สะดุ้งวาบเมื่อมือเรียวประคองหน้าเขาบังคับให้หันไปมอง
“ขอโทษที่รู้ตัวช้าไปนะ...แต่ฉันกำลังรักนาย”
“พูดเล่นเหรอ?”
“พูดจริง...ฉันรักนาย แจ็คสัน อยากจะอยู่กับนายไปชั่วชีวิต”
“...นายกับฉันมันเป็นไปไม่ได้...”ส่ายหน้าไปมา “แวมไพร์กับบาทหลวงมันเป็นไปไม่ได้ แค่นายให้ฉันอยู่ด้วยทุกวันนี้มันก็ผิดอยู่แล้วนะ”
“เราจะหนีไปด้วยกัน”
“นายจะบ้าเหรอ!? กับแวมไพร์อ่อนแออย่างฉันเนี่ยนะ!”แจ็คสันตวาดเสียงดัง แสงไฟวูบวาบกระทบดวงตากลม มือเรียวกอดร่างเล็กเอาไว้ ใช้เสื้อคลุมบังหลังอำพรางตัวไปกับความมืด
“มันต้องอยู่แถวนี้สิ!!”
เสียงเอะอะวุ่นวายจากด้านหลังเร่งให้เลือดลมสูบฉีดหายใจเต้นแรงจนแจ็คสันรู้สึกได้ ดวงตากลมสบกับดวงตาเรียวที่จ้องมองลงมา เหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง มือเรียวกอดตัวแจ็คสันไว้ไม่ให้ขยับมาก กลัวว่าพวกนักล่าจะสังเกตเห็น จนกระทั่งแสงไฟถอยห่างออกไป จูเนียร์ก็พูดคำหนึ่งที่ทำให้แจ็คสันตกใจ
“ดูดเลือดฉัน”
“หา!”
ตกใจมากไปหน่อยจนเผลอร้องตะโกนเสียงดัง นักล่าที่กำลังจะล่าถอยวิ่งกลับมา จูเนียร์สบถหงุดหงิด มือเรียวกดศีรษะกลมเข้าซอกคอบังคับให้แจ็คสันดูดเลือดเขาเข้าไป คนตัวเล็กยอมดูดแม้ไม่เข้าใจว่าอีกคนจะทำไปทำไม
“ดูดเร็วๆ”
“อื้อ!”
ดูดแรงๆตามที่อีกคนสั่ง กลัวว่าจูเนียร์จะเป็นลมล้มสลบลงไปก่อน แสงไฟวูบวาบที่ใกล้เข้ามาทำให้แจ็คสันเริ่มหวาดกลัว ติดที่มือเรียวยังไม่ยอมปล่อยเขาไปจากอ้อมแขน
“เฮ้ย! มันกำลังทำร้ายคุณพ่อจูเนียร์!”
“รีบไปช่วยเร็ว!!!”
“ฆ่ามัน!!!”
แจ็คสันดิ้นพล่านไม่เข้าใจว่าอีกคนต้องการอะไร ในที่สุดจูเนียร์ก็ดึงเขาออกจากซอกคอ กอดร่างเขาโถมตัวกระโดดลงไปฝืนน้ำด้านล่าง
“ฉันรักนายนะแจ็คสัน แล้วเราจะอยู่ด้วยกัน...ตลอดไป”
.
.
.
ตูม!!!
700 ปีต่อมา กรุงโซล ประเทศเกาหลี
“ขอบคุณคร๊าบบ ไว้แวะมาใหม่นะครับ”เด็กหนุ่มหน้าตาคมหวานในชุดบาริสต้าแย้มยิ้มกว้างให้ลูกค้าที่เพิ่งเดินออกไป ท่าทางน่ารักสดใสของเจ้าตัวดึงดูดลูกค้าน้อยใหญ่มากมายให้เข้าร้านกาแฟเล็กๆแต่บรรยากาศอบอุ่นแห่งนี้
“พี่เจียเอ่อ พี่จินยองสั่งลาเต้เย็นแก้วนึงนะครับ”แบมแบมเดินมาบอกเขายิ้มล้อๆ ให้แจ็คสันได้เขกหน้าผากกว้างอย่างนึกหมั่นไส้พนักงานพาร์ทไทม์คนนี้ มือขาวบรรจงชงกาแฟลาเต้อย่างคล่องแคล่ว เทใส่แก้วลายแมวน่ารักประดับฟองสวยงาม ถอนผ้ากันเปื้อนขึ้นแขวนบนราวหันมาบอกแบมแบมกับยูคยอนมที่วิ่งวุ่นไปมาในร้าน
“งั้นฝากร้านไว้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่มา”
“ไปนานๆก็ด้ายยย พี่จินยองสั่งกาแฟทีไร พี่แจ็คสันก็หายลับจนร้านปิดทุกทีอ่ะแหละ”
“ไอ้นี่นิ! เงินเดือนจะเอาไหมฮะ!”
“เอาคร๊าบบบ”
ส่ายหน้ากับความกวนโอ๊ยของมัน เดินเอากาแฟขึ้นบันไดข้างร้านขึ้นชั้นสองที่เป็นที่อยู่ของ ‘พวกเขา’ ผลักประตูอลูมิเนียมออกเดินเข้าไปส่องซ้ายขวาก็เห็นร่างสูงอ่านหนังสืออยู่มุมหนึ่งของห้อง ตาเรียวเหลือบมองมาแย้มยิ้มอบอุ่นให้
ทันทีที่แจ็คสันวางกาแฟบนโต๊ะ ร่างเขาก็โดนจินยองดึงเข้าไปกอดทั้งตัว ต้นขาพาดอยู่บนตักแกร่งท่าทางน่าหวาดเสียวใช้ได้ ปลายจมูกโด่งเลาะสูดดมข้างลำคอขาว แต่แจ็คสันก็เอาแต่หัวเราะจั๊กจี้ มือขาวกอดคอคนตัวสูงไว้กันตก
“จูเนียร์ไม่เอาแล้วน้า น้องมันแซวผมแล้วรู้ไหมเนี่ย”ว่าพลางบิดจมูกแหลมๆนั่นอย่างนึกหมั่นไส้ จินยองหัวเราะกอดร่างนั้นเอาไว้แน่น
“แล้วนี่อ่านอะไรอยู่?”
“เรื่องของพวกเราไง”ชายหนุ่มตอบยกหนังสือโบราณเหลืองกรอบมาให้คนบนตักดู แจ็คสันคลี่เปิดออกเบาๆ มองคำจารึกในนั้นแล้วเบ้ปาก โยนมันลงที่เดิม โถมกอดตัวจูเนียร์ไว้แน่น
“โกหก! เขียนว่าฉันดูดเลือดแล้วผลักนายลงแม่น้ำ ทั้งที่จริงก็นายนั่นแหละที่บังคับฉันทั้งหมดเลย"
“มันเป็นแผนนี่นา”หัวเราะขำกับความขี้บ่นของอีกคน กดจูบบนแก้มนิ่มเบาๆ “หลังจากนั้นแล้วเราทำยังไงกันนะ? ไปเกยตลิ่งสักที่ บังคับนายให้เปลี่ยนฉันเป็นแวมไพร์ หนีจากลอนดอนมาอิตาลี จากอิตาลีไปอเมริกา อยู่อยู่ที่ฮ่องกงจนนายได้สัญชาติฮ่องกง ส่วนฉันก็เพิ่งได้สัญชาติที่เกาหลีสินะ”
“นี่นายลืมการฝึกการใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ที่เมืองจีนไปได้ยังไงกัน ทรมานจะตาย 30 ปีที่เหมือนกับจะตาย ลืมลงเหรอ?”
“จำได้แต่ไม่อยากจำนี่นา ก็เลยไม่พูดถึงไง”
“นายมันเอาแต่ใจชะมัดเลยปาร์ค จินยอง จูเนียร์”แจ็คสันบ่นงึมงำ
“หึหึ 800 ปีบ่นคำเดิมไม่เบื่อเหรอ?”
“ก็เหมือนายที่บอกรักฉันตลอด 800 ปีนี่ไม่เบื่อเหรอ?”
“ไม่เบื่อเลย... ทุกครั้งที่ฉันพูด มันออกมาจากใจ ฉันรักนายทุกวันตั้งแต่วันนั้นที่เราได้เจอกัน”
“เลี่ยนจริงพ่อคุณ”หัวเราะคิดคักกับเขี้ยวที่ครูดใบหูนิ่มเป็นการหยอกเย้า “แต่ฉันก็รักนายที่เป็นอย่างนี้ละนะ”
แล้วพวกเขาก็ได้อยู่ด้วยกัน...ตลอดไป
-----------------------------------
จบดิสนี่จุง... 55555555555
ความคิดเห็น